The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เห็นหน้าก็รู้ใจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ์Neramit Wangkeeree, 2024-02-15 23:46:34

เห็นหน้าก็รู้ใจ

เห็นหน้าก็รู้ใจ

คำ�นำ� ก่อนที่เราจะมาเรียนรู้หรือคุยกันถึงเรื่อง “นรลักษณ์ศาสตร์ประยุกต์” นี้เห็นจะต้องมาทำ�ความเข้าใจกันเสียก่อนว่า อันนรลักษณ์ศาสตร์ที่ว่าเป็น วิชาการที่มีมาในโลกนี้นานนับพันปีแล้ว ดูเหมือนจะมีต้นตำ�รับมาจากเมือง จีนโน่น แต่ที่ผมจะนำ�มาคุยให้ฟังกันนี่คงจะไม่ใช่ดำ�รับดั้งเดิมแท้นัก เนื่อง จากตันตำ�รับเดิมนั้นเป็นภาษาจีน และสมัยพันปีก่อนนั้นยังไม่มีภาษา หนังสือ การถ่ายทอดกันต่อมานั้นส่วนใหญ่จะเป็นแบบมุขปาฐะ คือสอน กันตัวต่อตัว ต่อมาเริ่มมีตัวหนังสือเกิดขึ้น จึงมีการบันทึกเป็นตำ�รากันไว้ แล้วก็ถ่ายทอดกันต่อๆ มาอีกนับร้อยนับพันๆ ครั้ง ซึ่งก็แน่ละ ถ่ายทอดครั้ง หนึ่ง ความผิดเพี้ยนก็เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง ตกมาถึงปัจจุบันนี้วิชาการดั้งเดิมก็ อาจเพี้ยนไปจนกลายเป็นอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาก็ได้ นี่เป็นความจริงที่ผมอยากจะพูดถึงก่อน และเมื่อวิชานี้ตกเช้ามาถึง ประเทศไทย จะตกเข้ามาในยุคสมัยใดผมก็ไม่ทราบได้รู้แต่ว่าวิชานรลักษณ์ ศาสตร์นี้ได้มีผู้ร่ำ�เรียนกันมาไม่น้อยกว่าสมัยสุโขทัย คือเมื่อประมาณเจ็ด แปดร้อยปีมาแล้ว และเมื่อคนไทยได้ศึกษา ก็ได้ปรับเปลี่ยนไปจากตำ�รา ดั้งเดิมของจีนไปอีกหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างนั้นก็ใช้ความสำ�เร็จจากประ สบการณ์ที่ได้รับ เพราะในชาติหนึ่งๆ นั้นย่อมจะมีความผิดแผกแตกต่าง กันไป แม้จะเป็นคนเอเชียด้วยกันเองก็ผิดกันได้คนจีนกับคนไทยจะมีบาง อย่างไม่เหมือนกัน นรลักษณ์ก็ผิดกันไปด้วย ยิ่งกับชาติอื่นยิ่งไม่ต้องพูด ถึง ความผิดเพี้ยนกันย่อมมีมากขึ้น คนไทยเราก็ได้พยายามค้นหาจนเกิด เป็นสัจสูตรขึ้นมาใหม่อีก เป็นการทำ�นายนรลักษณ์แบบใหม่โดยคนไทย และมีแบบฉบับที่เป็นของไทยที่ไม่เหมือนกับตำ�รา “โหงวเฮ้ง” ของคนจีนอยู่ หลายอย่าง ซึ่งก็แน่ละ ยังจะต้องมีหลักเดิมๆ ของโหงวเฮ้งแบบจีนอยู่บ้าง 1


2 สารบัญ หน้า 1 คำ�นำ� 2 สารบัญ 3-18 เนื้อหา


เราจะเริ่มกันที่ใบหน้าก่อนนะครับ อันใบหน้าของคนเรานี่น่ะ ที่จริง มันมีหลายแบบด้วยกัน ก็คนเราหน้ามันเหมือนกันเมื่อไหร่ล่ะครับ ร้อยคน ก็ร้อยหน้า แต่ในร้อยหน้านี่แหละครับ มันหนีไม่พ้นหลักของมันหรอก ถ้า เรารู้หลักของมันแล้ว กี่หน้ากี่หน้าเราก็พอมองออกว่า ไอ้หน้านี้มันเป็นหน้า แบบอะไร และมีความหมายว่ายังไง คุณไม่ต้องกลัวเลย ร้อยหน้าพันหน้า ก็อยู่ในหลักนี้ทั้งนั้น ๑. หน้าสี่เหลี่ยม ๒. หน้าสามเหลี่ยม ๓. หน้ากลม 3


หน้าสี่เหลี่ยม เอาหน้าสี่เหลี่ยมก่อน เพราะหน้าสี่เหลี่ยมผมบอกไว้แล้วว่าเป็นหน้า ของนักปฏิบัติคำ�ว่านักปฏิบัตินี่ก็หมายถึงคนที่เป็นคนขอบทำ�มากกว่าพูด (แต่ก็มีเหมือนกันนะไอ้ที่พูดไปด้วยทำ�ไปด้วยน่ะ คนที่มีหน้าสี่เหลี่ยมธรรมชาติสร้างให้เป็นคนที่มีความอดทนมากที่สุดกว่าหน้าแบบอื่น จัดว่เปินพวก ไม่ค่อยเกี่ยงงาน งานหนักก็เอางานเบาก็สู้เพราะจะนั้นในพวกชนชั้นกรร. มาชีพเราจะพบคนที่มีหน้าสี่เหลี่ยมนี้มากที่สุด คนที่มีหน้าสี่เหลี่ยมนี้ถ้ามี ลักษณะส่วนอื่นเข้ามาเกื้อหนุนด้วย จะเป็นคนที่มีความสามารถสูงมาก และ เป็นปัจจัยสำ�คัญในการช่วยให้เป็นเศรษฐีหรือประสบความสุขในชีวิตได้อย่าง ดีที่เดียว (อย่างหน้าของคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น) เป็นที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง สงสัยว่าพระเจ้าท่านจะแกลังหรือเปล่าก็ ไม่รู้คนที่มีหน้าสี่เหลี่ยมนี้ร้อยเกือบทั้งร้อย ชีวิตมักจะต้องต่อสู้บากบั่นมา อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งของชีวิตละ ต้องเหน็ดเหนื่อยทุกข์ยากมาก ขนาตบางคน ถึงกับเรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเต็นทีเดียวเชียว ไม่เว้นแม้แต่หน้าอย่าง คุณทักษิณที่ผมยกเป็นตัวอย่างนั่นก็เถอะ กว่าจะมาเป็นมหาเศรษฐีอย่าง ปัจจุบันได้น่ะ แหวกนรกมากี่ชุมแล้วก็ไม่รู้ลองไปถามแกดูชี นอกจากจะถูกพระเจ้าแกล้งเอาอย่างที่ว่านี้แล้ว คนหน้าสี่เหลี่ยมนี่ ยังหนีไม่พ้นเวรกรรมอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เป็นคนที่ไม่รักความสบายเหมือน อย่างชาวบ้านเขาหรอก คือเป็นพวกที่ชอบหาความเหน็ดเหนื่อยมาใส่ตัวอยู่ เรื่อย มีเงินนับสิบล้านร้อยล้านแล้วนำ�จะนอนทอดหุ่ยกินดอกเบี้ยอยู่กับบ้าน ให้สบายใจโก๋ไปเลย แต่ก็ไม่หรอก พวกสี่เหลี่ยมนี่ไม่ชอบแบบนี้เพราะ เขามีความสุขอยู่กับการหาเรื่องเหนื่อยม มาทำ�นี่แหละพวกนี้จึงเหนื่อยแทบ 4


การเคลื่อนไหวของเขานี่แหละ ที่จะเป็นปัจจัยสำ�คัญสร้างความเจริญให้กับ ชีวิตของพวกสี่เหลี่ยมนี้ คุณล่ะครับ หน้าคุณสี่เหลี่ยมรึเปล่า ถ้าหน้าคุณจัดอยู่ในพวกสี่ เหลี่ยมละก็ลองนึกคูชีว่าที่ผมบรรยายมานี่มันผิดหรือเปล่า ผมรับรองว่า ไม่ผิดแน่ เพราะคัมภีที่ผมยืดถือเอามาบรรยายนี่น่ะเป็นคัมภีร์ที่หายากที่ สุด ทรงความศักดิ์สิทธิ์สูง แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีคำ�ว่า “ผิด” อยู่ในคัมภีรนี้ เลย ถ้าจะมีอยู่มั่งก็เห็นจะเป็นเพราะความโง่ของผมเองที่ตีความในคัมภีร์ นี้ไม่ถูกหรือเพี้ยนไป ซึ่งก็คงมีได้เหมือนกันนะ ก็ผมยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา อยู่นี่ครับ เรื่องผิดก็คงมีมั่ง แต่จะให้น้อยที่สุดครับ ถ้าหน้าคุณไม่ใช่สี่เหลี่ยม แต่เป็นพวกหน้าสามเหลี่ยม คือพวกหน้า ผากกว้าง แก้มตอบหน่อย แล้วก็คางแหลมๆ นี่ต้องว่ากันอีกอย่างหนึ่ง พวก สามเหลี่ยมจะมีรายละเอียดยังงี้ครับ หน้าสามเหลี่ยม ผมเกริ่นไว้แล้วว่า หน้าสามเหลี่ยมคือพวกนักคิด นักคิดก็คือคนที่ ชอบใช้สมอง หรือเป็นพวกที่มีจินตนาการสูง เป็นใบหน้าที่บอกได้ว่าพวกนี้ เป็นนักริเริ่มที่ดีเป็นนักวางแผนตัวยง เป็นพวก Creative นักสร้างสรรค์นัก ประดิษฐ์คิดค้น ถ้าคุณอยากจะได้คนไปช่วยวางแผนงานของบริษัทที่จะ ขยายในปีหน้า หรืออยากหาคนมาช่วยคิดโปรแกรมให้ว่ามันควรจะมีอะไร ที่จะต่อยอดไปจากความคิดของคุณที่วางไว้แล้ว ถ้าอยากยังงี้ละก็คุณต้อง หาคนหน้าสามเหลี่ยมนี่มาเถอะ ดูคนที่มีแววตาแจ่มใสหน่อยนะ ได้มา แล้วก็ให้เขาช่วยคิดให้เขาคิดให้แล้วก็โยนงานนั้นไปให้คนหน้าสี่เหลี่ยมทำ� อย่าให้คนหน้ากลมทำ�เชียวนะ จะไรที่ต้องใช้ความอดทนเหน็ดเหนื่อยละก็ ใช้คนหน้าสี่เหลี่ยมดีกว่า แต่ถ้างานนั้นมันประณีตมาก ต้องใช้ความละเอียด สูง นี่ต้องใช้คนอีกแบบหนึ่ง แบบไหนไว้ตอนหลังผมจะว่าให้ฟัง 5


ว่าถึงความฉลาดเฉลียวกันละก็คนหน้าสามเหลี่ยมนี่เอาคะแนน ไปกินขาดเลย คนหน้าสามเหลี่ยมหาคนโง่ยาก หน้าสามเหลี่ยมแล้วโง่นี่ เจอแต่พวกพิการเท่นั้น เพราะบอกแล้วว่หน้านี้เป็นหน้าของนักคิด พวก นี้จึงมีมันสมองที่ปราดเปรื่อง เป็นคนฉลาด นอกจากฉลาดแล้วยังค่อนข้าง จะหยิ่งในตัวเองเสียด้วย และก็เพราะคงจะหยิ่งในความฉลาดของตัวนี่กระ มัง ก็เลยทำ�ให้คนหน้าสามเหลี่ยมจึงเอาแต่คิดไม่ยอมลงมือทำ�เอง คิดแล้ว ให้คนอื่นทำ� เพราะถือตัวว่ตัวเองเป็นคนฉลาด ไม่ใช่ไพร่ราบหรือไอ้เณนี่ จะได้ลงไม้ลงมือทำ�ให้เหนื่อย แค่คิดอย่างเดียวก็ได้เงินเดือนสูงแล้ว มันก็จริงอย่างที่ว่านี่เหมือนกันนะครับ พวกคนหน้าสามเหลี่ยมนี่ ส่วนใหญ่แล้วที่ผมเห็นน่ะมักจะเป็นกุนซืออยู่ตามบริษัทต่างๆ เยอะแยะ แล้วแต่ละคนก็เงินเดือนสูงๆ กันทั้งนั้น แต่จะว่าก็ว่าเถอะ พวกคนหน้าสาม เหลี่ยมนี่ก็หาคนร่ำ�รวยเป็นเศรษฐีกะเขายากเหมือนกัน พวกนี้คิดเก่งแต่ไม่ ค่อยรวย ที่ไม่รวยก็เพราะส่วนใหญ่ขอบเป็นกุนซือเขา ไม่ยอมลงมือทำ�เอง แล้วจะรวยไปได้ยังไง ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ชอบไปเป็นกุนชื่อให้คนหน้ากลมๆ นั่นแหละ ตัวเองฟาดเงินเตือนสูงๆ แล้วก็ภาคภูมิใจว่ากูแน่ ทำ�ให้บริษัทนี้ เจริญรุ่งเรือง แต่คนหน้ากลมๆ ที่เป็นเจ้าของบริษัทน่ะ ถึงจะคิดไม่เก่ง ไม่ ฉลาดเฉลียวเท่หน้าสามเหลี่ยม แต่หน้ากลมน่ะเป็นเถ้าแก่นะจ๊ะ เป็นเจ้า นายหรือ Boss ที่จ่ายเงินเดือนให้หน้าสามเหลี่ยมอีกที่ สรุปก็คือ คนหน้าสามเหลี่ยมนั้นคิดเก่ง ฉลาดเฉลียว มีความคิดริเริ่ม และสร้างสรรค์ดีช่างคิดช่างประดิษฐ์วางแผนเยี่ยม แต่ไม่ค่อยรวย คนหน้า สามเหลี่ยมที่รวยก็มีเหมือนกัน แต่จะต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาเสริม ปัจจัยอะไร บ้างตอนหลังผมจะว่าให้ฟัง หน้าสามเหลี่ยมนี่หมาะมากที่จะเป็นอาจารย์ 6


คนหน้ากลม สำ�หรับคนหน้ากลมนั้น มีบางคนบอกว่คนหน้ากลมนั้นจะต้องอ้วน ด้วย ซึ่งก็ไม่จริงเสมอไป คนหน้ากลมที่ไม่อ้วนก็มีเยอะแยะ แต่ที่ส่วนมาก มักจะอ้วนนั่นก็เพราะว่า คนหน้ากลมนั้นเป็นนักกินนัมเบอวันทีเดียว บาง คนนั้นถึงขนาดเรียกว่า “กินทุกอย่างที่ขวางหน้า” เลยจริงๆ เพราะโดยนร. ลักษณ์วิทยานี้บ่งไว้ขัดว่คนหน้ากลมเป็นนักกิน มีรสนิยมในการกินเป็น เยี่ยม มีความสุขมากในการกิน นอกจากจะกินเก่งแล้ว คนหน้ากลมจัดว่าเป็นคนที่มีความเฉลียว ฉลาดมากประเภทหนึ่ง แต่เป็นความฉลาดที่ไม่เหมือนกับคนหน้าสามเหลี่ยม คนหน้าสามเหลี่ยมนั้นจ จะฉลาดในเชิงสร้างสรรค์เป็นนักคิดคันประดิษฐ์ออก แบบต่างๆ หรือเป็นนักวางแ แผนล่วงหน้าได้อย่างดีแต่คนหน้ากลมนั้นฉลาด ในการใช้ค่น ฉลาดในการที่จะทำ�ตัวเองให้สบาย คนหน้ากลมเป็นพวกที่ขอบ หาความสุขใส่ตัวเองมากที่สุด หรือจะพูดอย่างชาวบ้านก็คือ พวกหน้ากลมนี่ ไม่มีน้ำ�อดน้ำ�ทนสักเท่าไหร่สู้พวกหน้าสี่เหลี่ยมไม่ได้เลย เป็นพวกที่มี ความอดทนน้อย ไม่ใช่นักลุย ไม่ชอบงานหนักที่ใช้แรง และที่จลาดที่สุดก็ คือ ฉลาดที่จะใช้คนอื่นให้มาทำ�งานแทนตัว นอกจากนี้แล้ว ในกระบวนหน้าสามแบบที่ยกมานี่คนหน้ากลมเป็น พวกที่มีความโลภมากที่สุค จัดว่เป็นพวกที่เขียนตัว “พ” ไม่เป็นก็แล้วกัน แม้ตัวเองจะมีสมบัติพัสถานลันเหลืออยู่แล้ว แต่ก็จะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น ยังดิ้นรนที่จะแสวงหาต่อไปอีก มีสิบจะเอาร้อย พอได้ร้อยจะเอาพัน ได้พัน มาก็จะเอาหมื่น ได้หมื่นก็เอาแสน เอาล้าน เอาสิบล้าน ร้อยล้านพันล้านไป ถ้าไม่โลภคนหน้ากลมจะบวชโกนหัวเข้าวัดไปเลย ถ้าไม่บวชก็จะมีหัวจิตหัวใจ 7


8 ยึดธรรมะอย่างเต็มที่แต่หน้ากลมพวกนี้ที่ลำ�คอจะไม่มีลอน ไม่มีปล้องคอ แล้วก็ไม่กินก่งด้วย จัดเป็นหน้ากลมประเภทพิเศษ และที่ค่อนข้างแน่ก็คือ หน้ากลมพิเศษนี้จะไม่รวย หมายถึงไม่ได้เป็นเศรษฐีกะเขาหรอก ในกระบวนหน้าสามแบบนี่อีกเหมือนกัน คนหน้ากลมจะเป็นพวกที่ เป็นคนร่ำ�รวยหรือเป็นเศรษฐีมากที่สุด อย่างน้อยก็มีอยู่มีกินอย่างอุดมไม่ เดือดร้อนมากนัก เราจะเห็นเถ้าแก่ใหญ่หรือเถ้าแก่เนี้ยหน้ากลมๆ คออูมๆ กันเป็นส่วนใหญ่ตำ�ราจีนเขาบอกว่า “คนอ้วนสิบคน รวยเสียเก้าคน” เข้า ไปแล้ว จะมีเจ้าหน้ากลมที่แสนขี้เกียจอยู่คนเดียวที่ยากจน แต่เขาบอกว่า ถึงยังไงก็ไม่เคยเห็นคนหน้ากลมเป็นขอทาน (?) ไม่เหมือนคนผอมที่ตรงข้าม กัน เขาบอกว่า “คนผอมสิบคน จนเสียเก้าคน” แล้ว จริงรึเปล่าก็ลองคิดกัน ดังได้กล่าวมาแล้วว่า คนหน้ากลมนี่ฉลาดในการใช้คนเปินที่สุด เรียก ว่าสามารถหาคนมาเหนื่อยแทนเขาได้คนหน้าสี่เหลี่ยมจะมาเป็นมือเป็นเท้า ให้เขา คนหน้าสามเหลี่ยมจะมาเป็นกุนซือหรือเสนาธิการให้เขา ทำ�ให้คน หน้ากลมร่ำ�รวยเป็นเศรษฐีผู้ฟูไปเลย ไม่เชื่อคุณไปดูตามบริษัทใหญ่ๆ ซีคน หน้ากลมนั่งก้าอี้สูงใหญ่ทำ�หน้าที่บริหาร หน้ากลมอูมทีเดียว อย่างบริษัท ก่อสร้างทำ�โน่นทำ�นี่ให้กทม.อยู่นี่ก็มีพวกหน้าสามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมมาเป็น วิศวกรเป็นนักวางแผนกินเงินเดือนของคนหน้ากลมทั้งนั้น ตัวอย่างบริษัท อิตาเลี่ยน-ไทยนั่นก็ใช่ หน้านี้เป็นหน้าแบบอะไรที่เป็นพื้นฐาน และมีแบบอะไรเข้ามาผสม


ดังที่ผมได้บอกไว้แล้วว่า ใบหน้าของคนนั้นมีสามแบบ แต่ในสามแบบ นั้นก็จะมีการผสมกันออกมาเป็นแบบอื่นอีก ในตอนนี้ผมคิดว่าเราควรมา เรียนรู้กันถึงลักษณะโครงหน้าของมนุษย์กันก่อนจะดีกว่า อย่าเพิ่งใจร้อน ไปรู้ว่าหน้าแบบนี้จะเป็นยังไง มีคุณสมบัติยังไง หน้าแบบนี้ซื่อสัตย์หรือไม่ หน้าขี้โกงมันเป็นลักษณะไหน ไอ้นั่นเอาไว้รู้กันทีหลัง เพราะถ้าชื่นใจร้อน จะรู้ให้ได้ในตอนนี้ละก็ มีหวังได้สับสนจับดันชนปลายไม่ติด ปวดหัวเปล่าๆ จะสร้างตึกต้องลงเข็มสร้างฐานให้แน่นก่อนครับ ไม่งั้นตึกพังก่อนแน่ เหมือนกับเราอยากรู้ลักษณะนิสัยคน เราก็ต้องเริ่มแต่ฟื้นฐานให้แน่นเสีย ก่อน อย่าทำ�เป็นวัยรุ่นใจร้อนไป อย่าห่วงเลยครับว่วิชานี้มันจะยากเสียจนเรียนไม่ไหว ผมว่ามันไม่ ยากเท่าไหร่หรอก มันยากตอนที่เรายังไม่รู้มันเท่านั้นแหละ อย่างโครงสร้าง ใบหน้าของมนุษย์นี่มันก็มีไม่กี่อย่างหรอก ผมกำ�หนดให้มันสั้นๆ ให้มันมี แค่สิบแบบก็พอแล้ว เห็นไหมครับ แค่สิบแบบสิบอย่างเท่านั้น ไอคิวต่ำ�ยังไงก็เรียนได้หัว 9


๑. หน้ารูปไข่ แบบนี้เป็นแบบที่ฮิตที่สุด เพราะเราจะเห็น มากที่สุด เนื่องจากมันมีอยู่ตามใบหน้าของคน เยอะแยะ อาจจะเป็นหน้าของคุณด้วยก็ได้หน้า รูปไข่นี่จัดว่าเป็นใบหน้าที่งดงามที่สุดด้วย คือ สวยกว่าหน้าแบบอื่นๆ หลายกระบุงที่เดียว เพราะ มันผสมกับแบบอื่นหลายแบบ คือทั้งแบบสาม เหลี่ยมและสี่เหลี่ยม แถมมีกลมเข้ามาร่วมด้วย หน้าถึงได้ออกมาเรียวกลมเหมือนไข่ไก่นั่นแหละ หน้ารูปไช่นี้เป็นหน้าที่รวมเอาคุณสมบัติของสามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยม เข้ามา จึงทำ�ให้คนหน้ารูปใช่มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดพอตัว และไม่ใช่แต่ คิดอย่างเดียว คนหน้ารูปข่ยังมีคุณสมบัติของนักปฏิบัติอยู่ด้วย เรียกว่า คิดก็เป็นทำ�ก็ได้ไม่ค่อยกลัวเหนื่อยเหมือนพวกหน้ากลม การประยุกต์กัน ของคุณสมบัติทั้งสาม ทำ�ให้เกิดคุณสมบัติใหม่ขึ้นมากับคนหน้ารูปไข่ นั่นคือ ความละเอียดอ่อน คือสามารถทำ�งานอะไรที่ต้องใช้ความละเอียดประณีต ได้ดีขออย่างเดียวว่าหูอย่ากางเป็นเรือใบเท่านั้นเอง เพราะถ้หูกางออกมา คนหน้ารูปไข่จะเป็นคนที่ชอบสนุกสนานเฮฮาหรือที่เรียกกันว่ตลกโปกฮา เป็นพวกมีคติว่“สัปดนวันละนิดจิตผ่องใส” ก็ได้แต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับ ใคร เพราะส่วนใหญ่แล้วคนหน้ารูปไช่มักจะเป็นพวกที่ซินแสเรียกกันว่า พวก “หน้ามีเนื้อ” คือใบหน้ามักมีเนื้ออิ่มเอิบดี แต่ถ้าเกิดคุณไปเจอคนหน้ารูปใช่ที่“หน้าไม่มีเนื้อ” คืออย่างที่เรียก ว่าเป็นพวก “หน้ากระดูก” ละก็ พยายามห่างๆ ไว้หน่อยจะปลอดภัยดีกว่า เข้าไปใกล้ชิดด้วย ยิ่งถ้ำ�หน้ากระดูกแล้วแถมตายังพองอีก เผ่นให้ห่างไปเลย 10


11 ๒. หน้าเล็ก คนหน้าเล็กคือคนที่เรามองดูแล้วจะรู้สึกได้ ว่า คนนี้มีใบหน้าที่เล็กกว่าปกติอันนี้เราใช้ความรู้ สึกของเราบอกเราเองครับ ไม่จำ�เป็นจะต้องเป็นผู้ เชี่ยวชาญอะไรหรอก มองดูปั๊บก็รู้สึกปุบว่าแม่คน นี้หน้าเล็กจัง ก็แค่นั้นแหละ เราก็จัดคนนั้นได้ว่า เป็นคนหน้าเล็กแล้วคนหน้าเล็กเป็นยังไง? นรลักษณ์ศาสตร์ไทยบอกไว้ว่า คนที่มีหน้าเล็กกว่าปกตินั้นน่ะส่วน ใหญ่แล้วจะเป็นคนที่ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยชอบแสดงความคิดเห็น ไม่ชอบวุ่น วายกับใครเขา และแน่ละ-พวกนี้ย่อมไม่ชอบการแสดงตัว (Show off) ด้วย นอกจากนี้คนหน้าเล็กยังมีคุณสมบัติที่ดีอีกอย่างก็คือ มักเป็นคน มัธยัสถ์หรือค่อนข้างตระหนี่จะใช้เงินใช้ทองที่จะคิดก่อนเสมอว่าคุ้มหรือไม่ ยิ่งถ้าหน้าผากหนกนูนด้วยละก็อาจเรียกได้ว่าขี้เหนียวเลย แต่ถ้าหน้าผาก กว้างจะเป็นคนฉลาดเฉลียวและสุขุม เหมาะกับงานที่ใช้ความละเอียดประ ณีต ถ้ามีแววตาที่แจ่มสจะเป็นคนที่เก็บความลับได้ดีเหมาะมากสำ�หรับคุณ จะจ้างมาเป็นเลขานุการของบริษัท ความลับของธุกิจจะไม่กระเต็นรั่วไหล ไปให้คู่แช่งรู้อย่างเด็ดขาด เห็นหน้าเล็กๆ ยังงี้แหละ รักและภักดีกับเจ้า นายดีนัก (แต่เจ้านายต้องสปอร์ตกับเขาด้วยนะ) ส่วนเสียอีกอย่างของคนหน้าเล็กก็คือ ใจเล็กตามหน้าไปด้วย ใจเล็ก ก็คือใจไม่ถึงหรือไม่ค่อยกลัานัก นอกจากใจเล็กแล้วก็ยังใจน้อยอีกด้วย คบกับคนหน้าเล็กจึงไม่ควรทำ�อะไรให้เขาระแงแคลงใจ หมอใจน้อยง่ายครับ


12 ๓. หน้ายาว คนหน้ายาวจะมีลักษณะที่เห็นได้ง่ย เห็นปั๊บ ก็รู้ปุ๊บเลยว่าคนนี้หน้ายาว โดยหลักการแล้วคน หน้ายาวนี้มักจะเป็นคนช่างคิด เก็บความรู้สึกเก่ง และมักชอบคิดเรื่องเศร้าๆ อยู่เรื่อย หรือไม่ก็ชอบ มีความกังวลกับชีวิตบ่อยๆ ถ้าหน้าผากกว้างจะ เป็นคนที่ฉลาดเฉียบแหลม มีมารยาทเรียบร้อย พูดจาเป็นหลักเป็นฐานอย่างน่เชื่อถือ ถ้าส่วนล่าง เรียวจนเห็นเป็นแหลม จะเป็นผู้ที่รอบรู้ในวิชาการ ต่างๆ ได้ดีเพราะจะเป็นผู้ที่รับสิ่งต่างๆ ได้ไว (Sensive) ถ้าหน้าผากแคบ จะเป็นคนที่เข้าลักษณะอาภัพ ชีวิตมักประสบสิ่งที่ไม่ปรารถนา ผิดหวัง กับชีวิตได้บ่อยๆ คนหน้าแบบนี้ที่ดังๆ ก็คือ ฯพณฯ ชวน หลีกภัยไงครับ ๔. หน้าแคบยาว คนหน้าแคบและยาวนี้เรจะพบเห็นได้บ่อยๆ ความจริงแล้วคนหน้า ยาวกว้างกับคนหน้าแคบยาวนี้ถ้าคูเผินๆ อาจมองไม่เห็นความแตกต่างก็ได้ ต้องมองดูด้วยความพินิจสักหน่อยจะสังเกตเห็นได้ว่า คนหน้ายาวแต่แคบ นั้นจะดูเหมือนธรรมดามากกว่าคนหน้ายาวแต่กว้าง เพราะหน้าที่กว้างยาวนั้น บางครั้งเรามองดูเหมือนกับคนหน้าใหญ่แต่ไม่ใช่ เพราะหน้าใหญ่นั้นจะออก ไปทางกลมเสียมากกว่า หน้ายาวแต่กว้างนั้นที่จริงก็กว้างกว่าหน้าแคบยาว หน่อยเดียวเท่านั้นแหละ ต้องหัตดูไปนานหน่อยก็จะดูรู้เอง


13 ๕. หน้าสี่เหลี่ยมคางแหลม หน้าสี่เหลี่ยมคางแหลมนี้ก็ดูง่ายอีกเช่นกัน เพราะมีอยู่มากมายในหมู่ผู้คน เป็นใบหน้าที่ผสม กันระหว่างสี่เหลี่ยมกับสามเหลี่ยม เรารู้แล้วว่า หน้าสี่เหลี่ยมนั้นคือ “นักปฏิบัติ” และหน้าสาม เหลี่ยมนั้นคือ “นักคิด” เมื่อทั้งสองอย่างมารวม กันอยู่ในหน้าเดียว มันก็จะเป็นใบหน้าของทั้งนัก คิดและนักปฏิบัติด้วยนั่นเอง คือคิดและก็ทำ�ด้วย ไม่ใช่คิดอย่างเดียวแล้ว ไม่ทำ�อย่างคนหน้าสามเหลี่ยมแท้ๆ สามเหลี่ยมคิดแล้วให้คนอื่นทำ� ตัวเอง คุม แต่สี่เหลี่ยมคางแหลมนี้คิดได้แล้วก็ลงมือทำ�เองได้เลย คือมีคุณสมบัติ ของคนทำ�งานอยู่ในตัวมากกว่า ๖. หน้าสี่เหลี่ยมคางมน คนที่มีหน้าสี่เหลี่ยม แต่คางมนหรือบ้าน บาง คนถึงกับเป็นเส้นตรงไปเลยก็มีจนมองดูแล้วหน้า เหมือนกรอบรูป คนที่มีหน้าสี่เหลี่ยมแบบนี้ก็คือ คนที่มีทั้งสี่เหลี่ยมและกลมผสมกันอยู่นั่นเอง (แต่ถ้าคางบ้านมากจนเป็นเส้นตรง นั่นคือสี่เหลี่ยม แท้) คนที่มีหน้าสี่เหลี่ยมแต่คางมนนี้จะมีคุณ สมบัติทั้งของสี่เหลี่ยมและกลมผสมกันด้วย คือ เป็นทั้งนักปฏิบัติและนักบริหาร คนพวกนี้จะทำ�ทำ�ทำ� แบบที่เราเรียกกัน ว่ลุยนั่นแหละ ไม่ค่อยฟังความเห็นของคนอื่นนัก เพราะมีความเชื่อมั่น มั่ง การมีคางมนทำ�ให้คนพวกนี้มีความฉลาดที่จะหาคนอื่นมาช่วยเหนื่อย


14 ๗. หน้าสี่เหลี่ยมคางหมู จัดเป็นสี่เหลียมผสมหลายอย่าง คือทั้งผสม กลมและสามเหลี่ยมด้วย แต่เป็นการผสมอย่างละ นิดละหน่อย คุณสมบัติของกลมและสามเหลี่ยม จึงมีการผสมผสานกัน ทำ�ให้คนที่มีใบหน้าลักษณะ นี้เป็นทั้งนักปฏิบัติและบริหารได้แถมยังคิดเป็น วางแผนใด้ดีพอควรที่เดียว แต่จะเป็นคนประเภท ที่ไม่ชอบงานที่ใช้แรง หรือเป็นพวกที่ทำ�งานหนักไม่ ค่อยทนนัก คนที่มีรูปหน้าแบบนี้คือกว้างข้างบน หน้าเป็นเหลี่ยมแต่เรียว ลงมาทางด้านล่าง และคางตัดไม่แหลม พูดง่ายๆ คือสี่เหลี่ยมที่มีด้านล่าง เล็กกว่าด้านบนจนเห็นได้ขัดนั่นเอง ๘.หน้าสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เป็นหน้าที่ผสมกันทั้งสาม มแบบหลักคือ ทั้ง สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม และกลม ฉะนั้น จึงมีส่วน ผสมของคุณสมบัติสามประการทั้งสามแบบหลัก เลยทีเดียว ซึ่งจะถอดออกมาได้ดังนี้ เป็นคนประเภทอารมณ์ดีที่สามารถทำ�งานได้ หลายประเภท ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีคุณสมบัติ ของการเป็นนักปฏิบัติและนักคิดอยู่ในตัว มีจิตใจที่แข็งแกร่งดีแม้จะเป็น สตรีเพศก็เป็นคนประเภทใจสู้ใจถึง แต่จะมีความอ่อนหวานอ่อนโยนอยู่ใน ตัวด้วย (เพราะอิทธิพลของความกลม) เป็นคนที่รับความรู้สึกได้เก่งและ ไว (Sensitive) สามารถรียนรู้อะไร่ได้รวดเร็ว เข้าใจสิ่งใดได้ง่าย แต่มักขาด


15 หน้านูน คราวนี้มาดูหน้าคนทางด้านข้างกันมั่ง หนัาสิบแบบที่ผมอธิบายมา ให้ฟังไปแล้วนั้น เป็นการดูกันอย่างตรงๆ คือดูทางด้านหน้า แต่ถ้ามองทาง ด้านข้างกันแล้ว เราก็จะเห็นใบหน้าคนเปลี่ยนรูป ไปอีกแบบหนึ่ง และวิชานรลักษณ์ศาสตร์ของไทย เราก็มีการดูลักษณะของใบหน้าทางด้านข้างด้วย เหมือนกัน และแต่ละแบบก็มีความหมายไม่เหมือน กันด้วย อย่างคนที่ผมจั่วหัวว่า “หน้านูน” นี่น่ะ ถ้า มองด้านข้างแล้วจะเห็นสัดส่วนของใบหน้าโค้ง ออกอย่างขัดเจน (ดูรูปประกอบ) เห็นปั๊บก็บอกได้ ทันทีว่านี่คือคนหน้านูน หน้านูนมีความหมายว่ายังไง? คนหน้านูนจะมีคุณสมบัติที่ดีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ เป็นคนที่มีความคล่องตัวสูง มีความคิดและ การกระทำ�ที่รวดเร็วว่องไว ส่วนใหญ่แล้วคนหน้านูนจะตัดสินอะไรได้เร็วมาก จึงเป็นคนที่ควรส่งเสริมหรือให้ทำ�งานในด้านที่ต้องการความรวดเร็ว และ ต้องการเห็นผลงานนั้นในเวลาที่กำ�หนด


16 หรอกครับ คุณปู่พิชัย รัตตกุลของเรานี่แหละ เห็นไหมล่ะครับว่าถ้ามอง ด้านช้างจะเห็นชัดทีเดียวว่าท่านเป็นคนหน้านูน นี่แหละครับ หน้านูนสั้นขนาน แท้ละส่วนคนดังที่หน้านูนเหมือนกัน แต่นูนแบบยาว คนดังคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอีก นั่นแหละ เห็นกันในจอทีวีทุกวัน ฯพณฯ ชวน หลีกภัย ของเราไงครับ ความจริงแล้วคนหน้านูนนี่มันหมายถึงความเร็วมากกว่า ในตำ�ราน9- ลักษณ์ศาสตร์จะมีความหมายของความนูนแปลว่าเร็ว แต่ถ้ามีความยาว เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ความยาวนี้จะ “ดึง” เอาความเร็วลงมาด้วย ลดความ เร็วให้ช้าลง ปกติแล้วคนหน้ายาวจะเป็นคนที่มีอารมณ์ดีแต่มีระเบียบ ดัง นั้นจึงเอาความมีระเบียบบวกเข้าไปด้วย แล้วลดความเร็วลงจนดูเหมือนข้า อย่างที่ผมอธิบายมาให้ฟังนี่แหละครับ หรือจะพูดอีกทีหนึ่งก็ได้ว่า ความยาวคือความช้าก็ได้ครับ แต่จะช้า การดูด้านข้างของใบหน้าไม่ใช่มีแต่หน้านูนอย่างเดียวนะครับ ส่วน ที่ตรงข้ามกับหน้านูนก็คือ “หน้าเว้า” ครับ เรามาศึกษาคนหน้าเว้ากันมั่ง หน้าเว้า ที่เรียกว่าหน้าเว้านี่ก็คือเมื่อมองดูแล้วจะเห็นได้ว่าส่วนของใบหน้า นั้นจะเว้าเข้าไปข้างในจนเห็นได้ชัด พูดง่ายๆ ก็คือ ตรง ข้ามกับหน้านูนนั่นแหละ คนหน้าเว้านี่ส่วนใหญ่แล้วจะ เป็นคนหน้ายาวด้วย แต่ก็มีเหมือนกันนะครับที่เว้าโดย หน้าไม่ยาว ทว่าจะเห็นน้อยกว่า แต่จะเว้าหน้ายาวหรือไม่ นั้นก็จะมีคุณสมบัติที่คล้ายกันอยู่อย่างหนึ่ง คือคนหน้า เว้านั้นจะมีลักษณะที่สุชุมละเอียดอ่อนกว่าคนหน้านูน หรือเกือบจะจำ�กัดความได้ว่า -ช้า” ตรงข้ามกับ “นูน” ไงครับ คนหน้าเว้าส่วนมากจะมีความแช่มช้าเป็นปกติ


17 วิสัย แต่ไม่ได้หมายความว่คนหน้าเว้าจะเป็นคนละเอียดลึกซึ้งไปเสียทุก คนนะครับ เว้าแล้วหยาบก็มีไม่น้อยเหมือนกัน แต่ที่จะเหมือนกันก็คือ ความแช่มช้าชดช้อยนี่แหละ ถ้าปัจจัยอื่นบนใบหน้าส่งเสริมด้วย ก็จะเป็น ความข้าที่มีความสุขุมคัมภีรภาพอยู่ด้วยได้คิ้วและดวงตาของคนหน้าเว้า จะบอกได้ดีที่สุดว่เจ้าของไบหน้าเว้านั้นจะช้าและละเอียดประณีตหรือไม่ ริมฝีปากที่บางและตรงก็จะบอกอีกว่า ถึงจะช้แต่ก็เฉียบขาด ตัดสินใจ อะไรแล้วจะเอาตามนั้นเสมอไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่ถ้าหน้าเว้าและปากหนาละก็ตั้งใจไว้อย่างหนึ่ง พอมีปัจจัยอื่นที่ ตนเองพอใจเข้ามาดึงดูด เว้าปากหนาก็จะเปลี่ยนใจมารับเอาของใหม่ทันที เลยเหมือนกัน สรุปในตอนนี้ไว้ก่อนว่ หน้านูนนั้นอยู่ในประเภทเร็ว (ยกเว้นหน้า นูนยาว) ส่วนหน้าเว้านั้นจัดอยู่ในประเภท “ช้ำ�” บางทีไปกินข้าวด้วยกัน คนหน้าเว้ามักไม่ค่อยได้จ่ายสตางค์หรอก คนหน้านูนจ่ายก่อนเสมอ เพราะ พวกหน้าเว้านี่ควักค่อนข้างข้าครับ ดังนั้นคนหน้าเว้าจึงมีช้อเสียอีกอย่างหนึ่งก็คือ มักขี้เกียจ อาจเป็น เพราะความช้านี่เองที่ทำ�ให้คนหน้าเว้ามีโอกาสที่จะขี้เกียจมากกว่คนหน้า นูนนี่เรียกว่าเป็นข้อเสียของคนหน้าเว้านะครับ ความจริงแล้วคนหน้าแบบ ไหนมันก็ขี้เกียจได้ทั้งนั้นแหละ เพียงแต่คุณสมบัติที่ช้าของคนหน้าเว้าทำ�ให้ มีเปอร์เซ็นต์ที่จะขี้เกียจได้มากกว่าคนหน้าแบบอื่น แต่ก็มีภาษีกว่าในด้าน ของความละเอียดสุขุม ที่ดีกว่าคนหน้านูนหน่อยหนึ่งก็คือ คนหน้านูนนั้นมีสิทธิ์ที่จะวู่วาม ผิดพลาดได้ง่าย แต่คนหน้าเว้านั้นจะมิดพลาดน้อยกว่ เพราะการที่ชอบคิด ก่อนทำ�นี่เอง อีกอย่างหนึ่ง คนหน้าเว้าจะรักสันโดษมากกว่าคนหน้านูน เนื่อง คนดังที่หน้าเว้าอย่างเห็นได้ขัดก็คือ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐ


18 บทสรุปท้ายเรื่อง คุณผู้อ่านที่ได้กรุณาอ่าน เห็นหน้าก็รู้ใจ มาถึงตอนนี้แล้ว ผมเชื่อ ว่คุณก็คงพอที่จะซึมชับถึงวิธีการดูหน้าคนได้บ้างแล้ว เพราะผมก็ได้ พยายามที่จะคุยให้ฟังถึงความหมายของอวัยวะต่งๆ บนใบหน้าจนหมด เปลือก ไม่ว่าจะเป็นหูคิ้ว ดา จมูก ปาก และคาง ซึ่งแต่ละอย่างแต่ละส่วน นั้นก็มีความหมายที่แตกต่างกันไปบ้าง หรือคล้ายกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะมีความ หมายอย่างใด สิ่งหนึ่งที่ผมต้องขอบอกให้คุณได้ตระหนักไว้ด้วยก็คือนรลักษณ์ศาสตร์นี้เราจะนำ�เอาส่วนใดส่วนหนึ่งมาพยากรณ์อย่าง ฟันธงไม่ได้เลย เพราะมันจะต้องประกอบกันให้บังเกิดความสมดุล จึง จะส่งผลในทางดีหรือถ้าส่วนหนึ่งเสีย ก็อาจมีส่วนอื่นที่ดีมาชดเขยความ เสียนั้นก็ได้จะนั้นถ้าเราด่วนทายเปรี้ยงออกไปว่าดีหรือเสียเพียงเพราะ เห็นนรลักษณ์อย่างหนึ่งของเขา การทายของเราก็อาจผิดได้วิธีที่ถูกต้องก็ คือ เราจะต้องพิจารณาดูทุกส่วนของใบหน้าเขาให้หมดก่อน อวัยวะส่วนไหน ดีอย่างไร เสียอย่างไร บวกลบคูณหารกันแล้วมีน้ำ�หนักอย่างไร จึงจะออก มาเป็นคำ�พยากรณ์ได้ ศ. ดุสิต


Click to View FlipBook Version