The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Diary สำหรับอีบุ๊ค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-11-05 12:33:07

Diary สำหรับอีบุ๊ค

Diary สำหรับอีบุ๊ค

รวบรวมโดยนักศึกษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพ
ช้นั ปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๔

สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสรุ าษฎรธ์ านี

จดั ทำโดย
นางสาวนลินดา แก้วรกั ษ์ รหัสนกั ศกึ ษา 6116209001174
สาขารฐั ประศาสนศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎรธ์ านี

พระราชดำรสั

“...การศึกษาหาความรจู้ งึ สำคญั ตรงทว่ี า่ ต้องศกึ ษาเพ่อื ให้เกิด ความ
ฉลาดรู้ คอื รแู้ ล้วสามารถนำมาใช้ประโยชนไ์ ด้จริงๆ โดยไมเ่ ป็นพษิ เป็น
โทษ การศึกษาเพอื่ ความฉลาดรู้ มีข้อปฏิบัติท่ีนา่ ยึดเปน็ หลกั อยา่ งนอ้ ย
สองประการ ประการแรก เมื่อจะศกึ ษาสิง่ ใดให้ร้จู ริง ควรจะใหศ้ ึกษาให้
ตลอด ครบถ้วนทุกแง่ทกุ มมุ ไมใ่ ช่เรยี นรแู้ ตเ่ พยี งบางสว่ นบางตอน หรอื
เพ่งเลง็ เฉพาะบางแงบ่ างมุม อกี ประการหน่ึง ซง่ึ จะต้องปฏบิ ัตปิ ระกอบ
พรอ้ มกนั ไปดว้ ยเสมอ คอื ต้องพิจารณา ศึกษาเรอ่ื งนนั้ ๆ ดว้ ยความคดิ
จติ ใจทตี่ ัง้ มั่นเป็นปรกติ และเท่ยี งตรงเป็นกลาง ไม่ยอมให้รเู้ หน็ และ
เข้าใจ ตามอำนาจความเหนย่ี วนำของอคติ ไมว่ า่ จะเป็นอคตฝิ ่ายชอบ
หรอื ฝา่ ยชังมิฉะน้ัน ความรู้ท่เี กิดข้นึ จะไม่เป็นความร้แู ท้ หากแตเ่ ป็น
ความรู้ทถ่ี กู อำพรางไว้ หรือทีค่ ลาดเคลอื่ นวิปรติ ไปต่างๆ จะนำไปใช้

ประโยชนจ์ ริงๆ โดยปราศจากโทษไมไ่ ด้...”

ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท

ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่ผสู้ ำเรจ็ การศกึ ษาจาก
มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ

วันจันทรท์ ่ี ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๔



คำนำผูเ้ ขียน

ในDiaryเล่มนี้ได้รวบรวมข้อมูลของเทศบาลตำบลลานข่อย
อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาหา
ความรู้ของผู้ที่สนใจศึกษา จะเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่มีความสนใจ
ในการหาข้อมูลของเทศบาลลานข่อย เนื่องจากเป็นการค้นหาที่มี
ขอบเขตแคบลง จะทำใหไ้ ด้รับขอ้ มูลทีต่ รง ถูกต้อง สะดวก ทันยุคสมัย
และรวดเร็วมากยิง่ ขึน้

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าDiaryเลม่ นีค้ งจะเป็นประโยชน์อย่าง
มากสำหรับผู้ที่อ่าน ที่สนใจเกี่ยวกับเทศบาลตำบลลานข่อย ตาม
สมควร

ผูจ้ ดั ทำ

นางสาวนลินดา แกว้ รักษ์

นกั ศกึ ษาสาขาสาขารฐั ประศาสนศาสตร์

สารบัญ ข

หัวข้อ หน้า

คำนำผูเ้ ขยี น ก
สารบัญ ข
สารบญั (ตอ่ ) ค
สารบญั (ตอ่ ) ง
สารบญั ตาราง จ
ขอ้ มลู พ้ืนฐาน
1-5
ประวัตคิ วามเป็นมาของตำบล 5-6
ขนาดและที่ตัง้ ของตำบล 7
ทรพั ยากรธรรมชาติทส่ี ำคัญ 7-8
ลักษณะภูมปิ ระเทศ ภมู ิประเทศ 8-9
การเดนิ ทาง/การคมนาคม
โครงสรา้ งชมุ ชน 10
ดา้ นการเมืองการปกครอง

สารบญั (ต่อ) ค
หัวข้อ
หนา้
ข้อมูลประชากร 11-12
ด้านการศึกษา/ศาสนา/วัฒนธรรม 12-13
บริบททางสังคม/ความเปน็ อยู่ 14-15
ความเชอื่ ประเพณี พธิ ีกรรม 16-17
โครงสรา้ งเศรษฐกจิ และอาชีพ
แหลง่ ทนุ ทางธรรมชาติ 18
แหล่งอาหาร 1๘-2๐
ผลิตภัณฑช์ มุ ชน ของดี ของข้ึนชื่อ 2๐-2๔
สถานภาพทางเศรษฐกจิ ของประชาชน
สถานทสี่ ำคัญ 25
แหล่งท่องเทย่ี ว
ศาสนสถานของทุกศาสนา 2๖-3๑
แหลง่ เรยี นรู้/โรงเรยี น/หอ้ งสมดุ ชมุ ชน 3๑-๓๕
3๕-๔๘

สารบญั (ต่อ) ง
หัวข้อ
หน้า
การวิเคราะห์ศักยภาพชมุ ชน
สง่ิ ทช่ี มุ ชนทำได้ดี(จดุ แข็ง) ๔๙-๕๐
สงิ่ ทช่ี มุ ชนตอ้ งพฒั นา(จุดอ่อน) ๕๐-๕๒
โอกาสของชุมชน ๕๒-๕๔
อปุ สรรคและความท้าทาย ๕๔-๕๕
๕๖-๕๘
อา้ งอิง ๕๙-๖๗
ภาคผนวก

สารบญั ตาราง จ

ตารางที่ หน้า

ตารางที่ ๑ แสดงจำนวนประชากรเทศบาลตำบลลานขอ่ ย 11



สว่ นที่ ๑ ขอ้ มูลพนื้ ฐาน

ประวัตคิ วามเปน็ มาของตำบล

ข้อมูลจากกลุ่มผู้อาวุโสในชุมชน กล่าวถึง การเข้ามา
บกุ เบิกพื้นทีใ่ นบริเวณตำบลลานข่อยว่าเกดิ จากกลุ่มคนจำนวนหน่ึง
ได้ย้ายถิ่นฐานมาจากพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ อำเภอชะอวด จังหวัด
นครศรีธรรมราช อำเภอควนขนุน จังหวดั พัทลุง เป็นตน้ ประชาชน
สว่ นใหญ่เปน็ กลุ่มประชาชนท่ียา้ ยถ่ินฐานมาตง้ั รกร้างในพื้นท่ีตำบล
ลานข่อยเพื่อมาหาพื้นที่ทำกินใหม่ เนื่องจากภัยธรรมชาติที่แหลม
ตะลุมพุก ในระยะแรกผู้ที่มาบุกเบิกจับจองที่ดินตามแบบโบราณ
คือ ใช้วิธีปักหลักเขตแดนกันเองเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็น
เจ้าของพื้นดินนั้นหลังจากนั้นก็ชักชวนเครือญาติเข้ามาอยู่อาศัย
และมีการจัดสรรที่ดินให้กับเครือญาติเพื่อประกอบอาชีพปศุสัตว์
และเกษตรกรรม อาชีพหลักของประชาชนในสมัยก่อน คือ ทำนา
ดอน ทำสวนยาง ทำไร่ สิ่งที่โดดเด่นในการเกษตรกรรมโดยใช้ภูมิ



ปัญญา คือ การเพาะปลูกพริกในนาดอน ซึ่งให้ผลผลิตทั้งพริกและ
ข้าว รวมถึงการปลูกพืชผลทางเกษตรอื่น ๆในสวนยางพารา เช่น
กล้วย มันขี้หนู มะเขือ เป็นต้น เกิดการหมุนเวียนผลิตผลทาง
การเกษตรตลอดปี เมื่อผลิตผลมีมากเกษตรกรจะนำผลผลิตไป
จำหน่ายในพนื้ ท่อี ำเภอชะอวด จงั หวดั นครศรธี รรมราช

จากคำบอกเล่าของ นายชม คล้ายแก้ว อดีตกำนันตำบล
ลานข่อย ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเข้ามาต้ังถิ่นที่อยู่เป็นกลุ่มแรกๆในพื้นที่
ตำบลลานข่อย ได้กลา่ วว่า เม่อื ราวปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ อำเภอหัว
ไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดอุทกภัยทำให้ประชาชนในพื้นที่
อำเภอหัวไทรไม่สามารถทำนาได้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง
ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า จึงได้มีแนวคิดหาท่ีทำ
กินใหม่ในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศที่ดีกว่าโดยประชาชนกลุ่มหนึ่ง
จำนวน ๒๐ คน ได้เดนิ ทางโดยสารเรือยนตจ์ ากอำเภอหวั ไทรมาข้ึน
ที่ท่าเรืออำเภอชะอวด โดยต่างพาครอบครัวและขนสัมภาระมา
เฉพาะของใช้จำเป็น เมื่อขึ้นจากเรือจึงเดินทางด้วยเท้ามาทาง
ตะวันตก ซึ่งพื้นที่ที่กลุ่มคนดังกล่าวมุ่งเดินทางยังคงสภาพป่ารก
ปราศจากคนอาศัยมีก็แต่สัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้งกวาง เสือ ฯลฯ เม่ือ
มาถึงบริเวณที่ตั้งบ้านลานข่อยในปัจจุบันจึงได้เริ่มตั้งถิ่นฐานแถบ
นั้นเป็นที่อาศัย โดยเริ่มปลูกเรือน ถางป่า ยึดอาชีพหลักในการทำ
เกษตรกรรม เช่น ทำนา ปลูกพืชสวนและการปศุสัตว์ เช่น เลี้ยง
ควาย วัว ไว้ใช้งานและหาของป่าไปจำหน่าย โดยได้สัญญาต้ัง
เง่อื นไขกนั ในกลมุ่ ผู้ตั้งถ่ินฐานใหม่ว่าให้จับจองคนละ ๕๐ ไร่ เพื่อใช้



เป็นที่ทำกินหากต่อไปภายภาคหน้าผู้ใดไม่สามารถทนอยู่ได้ก็ให้ยก
ที่ดินให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ต่อไปโดยไม่คิดเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด
ต่อมาเมื่อพื้นที่ได้รับการพัฒนาแผ้วถางแล้วก็มีประชาชนจำนวน
๑๘ คน ทนความยากลำบากไม่ได้เพราะพื้นที่บ้านลานข่อยตั้งอยู่
หา่ งไกลจากอำเภอชะอวดยากลำบากต่อการเดินเท้าเพ่ือนำผลผลิต
ทางการเกษตรไปค้าขายเพราะใช้เวลาเดินเท้า ๒-๓ วันและตลอด
เส้นทางยงั มอี ันตรายจากสัตว์ป่า รวมทัง้ บา้ นเรือนทส่ี รา้ งใหม่ท่ีบ้าน
ลานข่อยเป็นใต้ถุนสูงก็ยังได้รับผลกระทบจากสัตวป์ ่า เช่น เสือ หมี
ที่ออกมาหากินในเวลากลางคืนเช่นเดียวกันเป็นเหตุให้ประชาชน
จำนวน ๑๘ คน ไดย้ ้ายไปอยู่ที่อ่ืนเหลือเพียงนายชม คล้ายแก้ว กับ
เพื่อน ๑ คน ที่ยังอาศัยทำกินในบ้านลานข่อย ซึ่งต่อมาทั้งสองได้
ชักชวนญาติพ่นี อ้ งทอี่ ำเภอหัวไทรใหเ้ ขา้ มาตั้งถน่ิ ฐานอยอู่ าศัยทำกิน
ที่บ้านลานข่อย ซึ่งก็ได้มีผู้ทยอยเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานพักอาศัย
และทำกินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยมา โดยส่วนใหญ่เป็นประชาชนจาก
อำเภอหวั ไทรเสยี ส่วนมาก

ในสมัยก่อนบ้านลานข่อยมีเส้นทางคมนาคมที่ไม่สะดวกมี
เพียงเสน้ ทางเดนิ เทา้ ผา่ นป่ารกหรือกระบือเปน็ พาหนะเดนิ ทาง การ
นำผลผลิตทางการเกษตรไปค้าขายแลกเปลี่ยนและซื้อสินค้ ายัง
ตลาดไมเ้ สยี บ อำเภอชะอวด ใช้เวลาเดินทาง ๔-๕ ช่วั โมง ผ้หู ญิงจะ
แบง่ สินค้าไว้บนศรี ษะ ภาษาถิ่นเรียกว่า “ทูน” ส่วนชายจะแบกของ
ไว้บนไหล่ เรียกว่า “การหาบ” สินค้าที่ซื้อกลับมา เช่น เกลือ กะปิ
หรอื เคย เป็นต้น



จุดเปลี่ยนของตำบลลานข่อยที่สำคัญนั้นเกิดเมื่อมีการเข้า
มาสัมปทานป่า โดยโรงเลือ่ ย “เจริญผล” และประชาชนต่างถิ่นเข้า
มาอยู่อาศัยในตำบลลานข่อย ในคราวนั้นประชาชนได้รับความ
สะดวกมากขน้ึ โดยการเดินทางอาศัยรถจากโรงเลื่อยเป็นพาหนะเข้า
ออก ต่อมาเริ่มมีการนำรถเกวียนเข้ามาใช้ชาวบ้านจึงเริ่มเอาสินค้า
หรือผลผลิตทางการเกษตรของตนไปขายให้กับคนภายนอกมากขึ้น
ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ เริ่มมีการนำรถมาใช้ในพื้นที่อีกท้ัง
เป็นช่วงระยะเวลามีการแบ่งแยกทางการเมือง “คอมมิวนิสต์” ทำ
ให้มนี ักศกึ ษาจำนวนประมาณ ๑๔๐ คน เขา้ มาตั้งคา่ ยอยู่ในป่าและ
บนภูเขาในพื้นที่ของตำบลลานข่อย หากแต่ไม่มีเหตุการณ์ความ
รุนแรงหรือปัญหากับประชาชนในท้องถิ่นเกิดขึ้นเลยเพราะต่าง
เข้าใจว่าเป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่มีความเห็นไม่ตรงกันเท่าน้ัน
จนกระทั่งปีพุทธศักราช ๒๕๑๘ รัฐบาลได้ส่งทหารมาปราบกลุ่ม
คอมมิวนิสต์ในพื้นที่ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหา
ทางการเมือง อีกทั้งมีการจัดตั้ง “นิคมสร้างตนเองควนขนุน”
จังหวัดพัทลุง เพื่อให้ประชาชนได้มีที่ตั้งเคหะสถานและประกอบ
อาชีพเป็นหลักแหล่งในที่ดินนั้น หลังจากนั้นจึงทำให้ประชาชนเริ่ม
ยา้ ยเขา้ มาตัง้ ถ่ินฐานมากข้ึนตามราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ท่ี ๙๑ ตอน
ที่ ๒๒๐ พิเศษ ๕๐ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๗ มีพระราช
กฤษฎกี าจัดตัง้ นคิ มสรา้ งตนเองควนขนุน จังหวดั พัทลงุ

เหตทุ เ่ี รยี กว่า “ลานข่อย”



ลานข่อย ที่ได้ชื่อว่า ตำบลลานข่อยน้ัน เนื่องจากสมัยก่อน
ชาวป่าพะยอมได้มาเลี้ยงควายที่บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านนายนิยม
แก่นแก้ว เลี้ยงฝูงควายประมาณ ๒๐-๓๐ ตัว และได้ทำคอกควาย
โดยบริเวณนั้นมีจอมปลวกสูงใหญ่ และมีต้นข่อยใหญ่อยู่บนจอม
ปลวก และได้ทำห้างขึ้นนอนบนต้นข่อย เพราะกลัวช้าง และควาย
ได้หากินในบริเวณนั้นไปเรื่อยๆ จนเป็นลานกว้าง เลยได้ชื่อว่าเป็น
"ลานขอ่ ย"

เดิมบ้านลานข่อยตั้งอยู่ในท้องท่ีการปกครองของตำบล
เกาะเต่าและได้แยกเป็นตำบลลานข่อยเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๔
ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้งสภาตำบลลานข่อยเป็น
องค์การบริหารส่วนตำบลลานข่อยเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม
พุทธศักราช ๒๕๓๙ และจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลลานข่อย
เป็นเทศบาลตำบลลานข่อยเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช
๒๕๕๑ เป็นตน้

ขนาดและที่ต้ังของตำบล

ขนาดของเทศบาลตำบลลานข่อย มีขนาดเนื้อที่จำนวน
ท้ังหมดประมาณ ๕๙.๗๕ ตารางกโิ ลเมตร หรือประมาณ ๓๗,๓๔๔
ไร่

ลักษณะที่ตั้งของตำบลเทศบาลตำบลลานข่อยตั้งอยู่ใน
อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ห่างจากอำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พัทลุงไปทางทิศเหนือประมาณ ๑๕ กิโลเมตรและห่างจากศาลา



กลางจังหวัดพัทลุงประมาณ ๔๕ กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อ
กับตำบลตา่ ง ๆดงั ต่อไปนี้

• ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลวังอ่าง อำเภอชะอวด จังหวัด
นครศรีธรรมราช

• ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม
จังหวดั พัทลงุ

• ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลเกาะขันธ์ อำเภอชะอวด
จงั หวัดนครศรธี รรมราช

• ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลท่างิ้วและตำบลในเตา
อำเภอห้วยยอด จงั หวดั ตรงั



ทรัพยากรธรรมชาตทิ ี่สำคัญ

ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอุทยาน
แห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า สภาพค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ป่าที่
สำคัญ ได้แก่ เทือกเขาบรรทัด เป็นป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไผ่
เป็นป่าแน่นทึบที่มีเรือนยอดติดต่อกัน ประกอบด้วยพันธุ์ไม้มีค่า
หลายชนิด เช่น ไม้ยาง ไม้ตะเคยี น นาคบุตร เปน็ ตน้ เหมาะสำหรับ
อนุรักษ์และบำรุงรักษาไว้เพื่อประโยชน์ทางนิเวศวิทยาและจัดเป็น
สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นแหล่งต้นน้ำคลอง
ห้วยน้ำใส คลองเตา่ และน้ำตกหนานปลวิ

ลักษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะภมู อิ ากาศ

ลักษณะภูมิประเทศของเทศบาลตำบลลานข่อย มีลักษณะ
พื้นที่เป็นท่ีราบเชิงเขา ไม่มีน้ำท่วมขัง โดยมีพื้นที่ลาดจากทิศ
ตะวันตกลงไปทางทิศตะวันออก

ลักษณะภูมิอากาศของเทศบาลตำบลลานข่อย ตั้งอยู่ใน
เขตมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและมรสุมตะวันออกเฉยี งใต้ ทำให้มี
สภาพอากาศอยู่ภายใต้อิทธิพลของมรสุมที่พัดปกคลุมประจำ
ฤดูกาลทำใหป้ หี นึ่งๆ จะมีเพียง ๒ ฤดกู าลคือ

๑. ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือน
กันยายน ความร้อนและความอบอ้าวของอากาศมีสูงสุด
ในช่วงเดือนมิถนุ ายน



๒. ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน - กลางเดือนมีนาคม โดย
ปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายนและน้อยที่สุด
ในเดอื นกมุ ภาพันธ์

การเดินทาง การคมนาคม

การเดินทาง

− เครื่องบิน : จังหวัดพัทลุงไม่มีสนามบิน นักท่องเที่ยว
สามารถใช้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ตรังหรือ กรุงเทพฯ-
หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและ ต่อรถโดยสารไปพัทลุงและ
ตอ่ โดยสารมายงั ตำบลลานข่อย

− รถไฟ : การรถไฟแห่งประเทศไทย มีรถไฟผ่านอำเภอ
เมือง อำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน
อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง และนั่งรถ
สองแถวต่อมายงั ตำบลลานขอ่ ย

− รถยนต์ : จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 3 เส้นทาง คือ
เส้นทางที่ 1 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงชุมพร (สี่แยก
ปฐมพร) แยกเข้าระนอง พงั งา กระบ่ี ตรัง จนถึงพัทลงุ
เส้นทางที่ 2 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงชุมพร ให้เข้า
ทางหลวงหมายเลข 41 จนถงึ จงั หวัดพทั ลงุ
เส้นทางที่ 3 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านชุมพร สุ
ราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข



403 จากนั้นจึงเข้าทางหลวงหมายเลข 41 ที่ชุมทางเขา
ชมุ ทอง จนถงึ พทั ลงุ

การคมนาคม

− ถนนลาดยาง จำนวน ๑๒ สาย
− ถนนคอนกรตี จำนวน ๑๐ สาย
− ถนนลูกรงั จำนวน ๔๕ สาย
− สะพานคอนกรีต จำนวน ๑๓ แห่ง
− สะพานเหลก็ จำนวน ๑ แหง่
− สะพานไม้ จำนวน ๒ แหง่

๑๐

สว่ นท่ี ๒ โครงสรา้ งของชมุ ชน

ด้านการเมืองการปกครอง
ด้านการเมืองการปกครองของเทศบาลตำบลลานข่อยแยก

ออกเป็น ๙ หมู่บ้าน และมีผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งอยู่
ภายใต้ของการบริหารงานของท่านนายก บุญเลิศ เส้งรอด ซี่งทาง
เทศบาลตำบลลานข่อย ได้ทำการเลือกตั้งวันที่ ๒๘ มีนาคม
พุทธศักราช ๒๕๖๔ ซี่งมีคณะกรรมการการทำงานแบ่งออกเป็น ๒
ฝา่ ยคือ ฝา่ ยสภาและฝา่ ยบรหิ าร

➢ รายช่ือผู้ใหญ่บา้ นแต่ละหมู่บ้าน
− หมูท่ ี่ ๑ นายธีระชัย คลา้ ยแก้ว (ผใู้ หญบ่ า้ น)
− หมู่ที่ ๒ นายมนตรี รักแก้ว (ผ้ใู หญบ่ า้ น)
− หมูท่ ่ี ๓ นางอนงค์ จันทร์ทองอ่อน (ผู้ใหญบ่ า้ น)
− หมูท่ ่ี ๔ นายสุวทิ ย์ ชว่ ยแกว้ (ผใู้ หญบ่ ้าน)
− หม่ทู ่ี ๕ นายเกรยี งศกั ดิ์ ศรพี รหมกร (ผูใ้ หญ่บ้าน)
− หมู่ท่ี ๖ นายสุทัน แก้วขาว (ผใู้ หญ่บ้าน)
− หมทู่ ี่ ๗ นายศรชยั ทรพั ยด์ ำ (ผู้ใหญ่บา้ น)
− หมู่ท่ี ๘ นายวริ ัตน์ จันทร์มล (ผู้ใหญบ่ า้ น)
− หมู่ท่ี ๙ นายประภาส บญุ ชนะ (กำนนั )

๑๑

ข้อมลู ประชากร

ข้อมูลประชากรเทศบาลตำบลลานข่อย มีจำนวนหมู่บ้าน
ทั้งสิ้น ๙ หมู่บ้าน มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น ๘,๖๑๐ คน แยกเป็น
ชาย ๔,๒๑๑คน หญงิ ๔,๓๙๙คน มีจำนวนครวั เรือนท้ังสิ้น ๒,๘๐๕
ครัวเรื่อน มีความหนาแน่นเฉลี่ย ๑๔๓.๒๓ คน/ตารางกิโลเมตรมี
ดังนี้

หมูท่ /่ี บา้ น ชาย หญิง รวม จ ำ น ว น
ครัวเรือน

หมู่ที่ ๑ บ้าน ๖๖๒ ๖๖๑ ๑,๓๒๓ ๔๘๗
ลานขอ่ ย
หมู่ที่ ๒ บ้าน ๕๘๙ ๖๔๕ ๑,๑๓๔ ๓๖๘
หว้ ยหลุด
หมู่ที่ ๓ บ้านทุ่ง ๕๖๖ ๖๓๙ ๑,๒๐๕ ๔๒๓
ชุมพล
หมู่ที่ ๔ บ้าน ๕๒๕ ๕๗๙ ๑,๑๐๔ ๓๑๘
หว้ ยเรียน
หมู่ที่ ๕ บ้านถ้ำ ๓๒๘ ๓๓๙ ๖๖๗ ๒๒๒
ลา
หมู่ที่ ๖ บ้าน ๓๘๐ ๔๑๑ ๗๙๑ ๒๕๓
มาดนง่ั

๑๒

หมู่ที่ ๗ บ้าน ๓๙๕ ๔๑๓ ๘๐๘ ๒๓๑
หว้ ยศรเี กษร
หมู่ที่ ๘ บ้าน ๒๘๗ ๒๕๔ ๕๔๑ ๑๗๓
หว้ ยรำพึง
หมู่ที่ ๙ บ้าน ๔๗๙ ๕๑๒ ๙๙๑ ๓๓๐
ควนยาว
รวมทง้ั ส้ิน ๔,๒๑๑ ๔,๓๙๙ ๘,๖๑๐ ๒,๘๐๕
*อ้างอิงจากข้อมูลจากที่ว่าการอำเภอป่าพะยอม ตรวจสอบข้อมูล
เดอื นมถิ นุ ายน ปีพทุ ธศักราช ๒๕๖๔

ตารางที่๑ แสดงจำนวนประชากรเทศบาลตำบลลานขอ่ ย

ดา้ นการศึกษา/ศาสนา/วัฒนธรรม

ดา้ นการศกึ ษา

ด้านการศึกษาของตำบลลานข่อยมีทั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา โดยแยกออกเป็น
ดังตอ่ ไปน้ี

๑. ศนู ย์พัฒนาเดก็ เลก็ จำนวน ๒ แหง่ ได้แก่
− ศูนย์พฒั นาเดก็ เลก็ เทศบาลตำบลลานขอ่ ย
− ศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็กบ้านทุ่งชุมพล

๒. โรงเรยี นประถมศกึ ษาจำนวน ๕ แหง่ ได้แก่
− โรงเรียนบา้ นลานข่อย
− โรงเรยี นบา้ นทงุ่ ชุมพล

๑๓

− โรงเรียนบา้ นห้วยนำ้ ดำ
− โรงเรียนบ้านถ้ำลา
− โรงเรียนบ้านห้วยศรีเกษร ปัจจุบันโรงเรียนห้วย

ศรีเกษรอยู่ภายใต้สังกัดของเทศบาลตำบลลาน
ขอ่ ย
๓. โรงเรียนมัธยมศึกษาจำนวน ๑ แหง่ ไดแ้ ก่
− โรงเรียนนคิ มควนขนุนวิทยา

ด้านศาสนาและวฒั นธรรม

การนบั ถอื ศาสนาประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธคิด
เป็นร้อยละ ๙๗.๗๐ รองลงมานับถือศาสนาอิสลามและนับถือ
ศาสนาคริสต์ ในพื้นที่เทศบาลตำบลลานข่อยมีวัด/สำนักสงฆ์
จำนวน ๓ แหง่ ไดแ้ ก่

− วัดลานขอ่ ย
− วัดทงุ่ ชมุ พล
− สำนกั สงฆ์ป่าสรุ นิ ทร์ประชาสรรค์

๑๔

บริบททางสงั คม/ความเป็นอยู่

บริบททางสังคม

− ดา้ นการศกึ ษา

เทศบาลตำบลลานข่อยมีการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับ
ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษา
ตอนปลาย

− ด้านศาสนา

เทศบาลตำบลลานข่อยมีวัดในพุทธศาสนา ๒ วัด สำนัก
สงฆ์ ๑ แห่ง

− ด้านสาธารณสุข

เทศบาลตำบลลานข่อยมโี รงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
๒ แห่ง

▪ โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตำบลในนคิ มบ้านลาน
ข่อย รับผิดชอบในพนื้ ทหี่ มทู่ ่ี ๑,๒, ๖, ๗

▪ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านทุ่งชุมพล
รับผิดชอบในพื้นท่หี มู่ที่ ๓, ๔, ๕, ๘

๑๕

ความเป็นอยู่

เนื่องจากเทศบาลตำบลลานข่อยมีที่ตั้งที่อุดมสมบูรณ์
ได้แก่เทือกเขาบรรทัดที่เป็นป่าดิบชื้น ป่าดิบเขาและป่าไผ่
ประกอบดว้ ยไม้ป่าหลายชนดิ เหมาะสำหรับอนุรักษแ์ ละบำรุง และ
มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ที่สามารถใช้ทำประโยชน์ ได้หลายอย่าง
และมีน้ำใช้ตลอดทั้งปีและไม่เคยแห้งแล้ง จึงทำให้ประชากรส่วน
ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเทศบาลตำบลลานข่อยมีอาชีพเกษตรกร โดยมี
การกรีดยางเป็นอาชีพหลัก แต่หลังจากที่มีความเจริญเข้ามาจาก
เดิมที่ประชากรทำแต่อาชีพกรีดยางพาราเป็นส่วนใหญ่ ชาวบ้านก็
เริ่มหันมาปลูกผลไม้มากขึ้น อาทิ ทุเรียน เงาะ แก้วมังกร มังคุด
ฯลฯ และปัจจุบันหน่วยงานเกษตรอำเภอป่าพะยอมเริ่มเข้ามา
ส่งเสริมทางเลือกอื่นให้กับประชากรในตำบลลานข่อย เริ่มทำการ
แปรรูปอาหารเช่น การผลิตเครื่องแกง ทำสินค้าตา่ งๆให้เป็นสินค้า
OTOP ของเทศบาลตำบลลานข่อย รวมถึงการทอผ้า เป็นผ้าทอ
ลานข่อยที่ขึ้นเป็น OTOP ของตำบลอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้
ประชากรในพื้นที่เทศบาลตำบลลานข่อยมีอาชีพเสริม หลังจากที่
กรีดยางพารา ตอนนี้เทศบาลตำบลลานข่อย เป็นเทศบาลตำบลท่ี
เติมโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเริ่มมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นการ
ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย คือการล่องแก่งตามสายน้ำจากเขื่อนห้วยน้ำ
ใส

๑๖

ความเชอ่ื ประเพณี และพิธีกรรม

ประเพณีทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่

๑. งานวันดอกพะยอมบาน
เทศบาลลานข่อยมีส่วนร่วมในการจัดงาน

ประเพณีวันดอกพะยอมบานของสภาวัฒนธรรมอำเภอป่า
พะยอม เพื่อสืบสาน อนุรักษ์มรดกไทย และภูมิปัญญา ซึ่ง
เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นพัทลุง โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือน
เมษายนของทกุ ปี
๒. วันสารทเดือนสิบเป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนชาว
ปักษ์ใต้ ที่เชื่อว่าบรรพบุรษุ อันได้แก่ ปู่ย่าตายาย และญาติ
พี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว หากทำความชั่ว จะตกนรก
กลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจีต้องอาศัยผล
บุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้แต่ละปีมายงชีพ ดังนั้นใน
วันแรม ๑ ค่ำเดือนสิบ คนบาปทั้งหลายที่เรียกวา่ เปรต จึง
ถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์ เพื่อมาขอส่วนบุญจาก
ลูกหลานญาติพี่น้องและจะกลับไปนรกในวันแรม ๑๕ ค่ำ
เดอื น ๑๐
๓. งานของดีลานขอ่ ย จะจัดขึ้นในช่วงเดอื นสงิ หาคมของทกุ ปี

งานของดีลานข่อย เป็นการจัดงานของเทศบาล
ตำบลลานข่อยที่ได้จัดขึ้นเองเพื่อเป็นการส่งเสริมการ
ท่องเที่ยว ของตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัด

๑๗

พัทลุง ให้ได้เป็นที่รู้จัก ซึ่งได้จัดเป็นครั้งที่ ๑๐ ในปี
พทุ ธศักราช ๒๕๖๓
๔. งานวันกตัญญูและรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ จะจัดขึ้นในช่วง
เดือนเมษายนของทกุ ปี

พธิ กี รรม

ด้านพิธีการทางศาสนา คือ นาย สมหมาย ท่องคง มี
ความรู้ความสามารถด้านพิธีการทางศาสนา พิธีการตั้งศาลพระภูมิ
เจ้าที่

๑๘

สว่ นท่ี ๓ โครงสรา้ งเศรษฐกจิ และอาชีพ

แหลง่ ทนุ ทางธรรมชาติ

ทรัพยากรธรรมชาติในพืน้ ท่ี มีป่าไม้บางส่วนในเขตอุทยาน
แห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า ในพื้นที่รอยต่อของหมู่ที่ ๕ กับแนวภูเขา
บรรทัดซึ่งเชื่อมต่อกับจังหวัดตรัง และจังหวัดนครศรีธรรมราช
ยงั คงมคี วามอดุ มสมบรู ณ์ คอื อา่ งเก็บน้ำหว้ ยน้ำใส ในพน้ื ทหี่ มู่ท่ี ๓,
๕, ๙

แหลง่ อาหาร
❖ แกงน้ำเคยยอดหวาย

๑๙

น้ำเคย หรือ เคยปลา คือ กะปิที่ทำมาจากปลา เป็นการ
ถนอมอาหารอีกวิธีหนึง่ ของคนพัทลงุ โดยการเอาปลาน้ำจืดตัวเลก็ ๆ
เช่น ปลาซิว ปลาขาว ปลากระดี่ มาทำความสะอาด แล้วคลุกเคล้า
กับเกลือ หมักทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ขึ้นไป นำไปตากแดดแล้วโขลกให้
ละเอียด เก็บไว้โดยการอัดไว้ในไห หรือ ทำเป็นก้อนกลม ใส่ใน
ถุงพลาสติก เคยปลาพัทลุง ขึ้นชื่อเรื่องความหอมและอร่อย ทำให้
แกงนำ้ เคยของพทั ลุง มีกล่นิ หอมมาก

❖ ปลาดกุ ร้า

ปลาดุกร้าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นในการถนอมอาหารของ
ชาวใต้ที่มีมาแต่โบราณ นับ 100 ปี โดยเดิมนั้นชาวบ้านจะนำปลา
ดุกธรรมชาติจากทะเลน้อยมาทำเป็นหลัก ขณะที่ปัจจุบันปลาส่วน
ใหญ่ที่นำมาทำปลาดุกร้าจะเป็นปลาดุกเลี้ยง เนื่องจากปลาใน
ธรรมชาติไม่เพียงพอต่อความต้องการของท้องตลาด ปลาดุกร้ามี
ลักษณะคล้ายปลาเค็ม แต่มีรสชาติเฉพาะตวั ทีแ่ ตกตา่ งคอื มีรสเค็ม

๒๐

ปนหวานและมีกล่นิ หมัก เม่อื นำไปทอดหรือย่างปลาดุกร้าจะมีกล่ิน
หอมชวนกิน ยิ่งบีบมะนาว กินกับเครื่องเคียงอย่างพริก หอม ซอย
จะย่งิ เพิม่ รสชาติของปลาดกุ ร้าใหอ้ ร่อยยง่ิ ขนึ้

ผลติ ภณั ฑ์ชุมชน ของดี ของข้ึนชือ่

− หตั ถกรรมงานไม้ ลานขอ่ ย
❖ ประวตั คิ วามเป็นมา

จากการที่ชาวบ้านได้มาพูดคุยปรึกษาหารือกันเพื่อที่จะ
สร้างรายได้เสริมอาชีพ จากการทำสวนยางและได้ช่วยกันคิดดูว่า
ทรัพยากรท่ีมีอยู่ในชุมชนมีอะไรบ้าง จึงสรุปได้ว่าต้นกระถินเทพา
เป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายและมีอยู่ในชุมชน จึงคิดที่จะนำต้นกระถิน
เทพา มาแปรรูปเป็น แจกันไม้ ซึ่งเป็นของที่ระลึกที่สามารถหาได้
ทุกโอกาส

❖ ทต่ี ้งั

บ้านเลขที่ 151 หมู่ที่ 2 ตำบลลานข่อย อำเภอป่า
พะยอม จงั หวดั พัทลุง

๒๑

แจกันไมแ้ บบท่ี ๑ แจกนั ไม้แบบที่ ๒

แจกันไมแ้ บบท่ี ๓ แจกนั ไม้แบบท่ี ๔

๒๒

− ผา้ ทอนิคมลานข่อย
❖ ประวตั คิ วามเปน็ มา

ปี พ.ศ.2545 ได้มีการจัดตั้ง กลุ่มทอผ้านิคมลานข่อย ขึ้น
ตามโครงสร้างชีวิตใหม่สตรีชนบท โดยกรมพัฒนาสังคมและ
สวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้
จัดสรรงบประมาณให้กับกลุ่มนิคมสร้างตนเองควนขนุน จังหวัด
พัทลุง ให้มีการจัดอบรมทอผ้าให้กับสมาชิก จำนวน 25 คน ต่อมา
ในปี พ.ศ.2546 นิคมสร้างตนเองควนขนุน ได้ขอสนับสนุน
วิทยากรโดยมีอาจารย์ สุพรรณสาร โพธิ์ประเสริฐ มาช่วยฝึกอบรม
จากส่วนอุตสาหกรรมสิ่งทอ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับเรื่อง
เทคนิคการทอผ้าด้ายประยุกต์แบบพัฒนา จนสมาชิกกลุ่มมีความรู้
ในการทอผา้ และพฒั นาฝีมอื จนได้ชน้ิ งานที่ออกมาสวยงามมีคุณค่า

๒๓

❖ ท่ตี ้ัง
กลุ่มทอผ้านิคมลานข่อย 300/2 หมู่ 1 บ้านลานข่อย
ตำบลลานขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จงั หวดั พัทลงุ

ผา้ ทอยกดอก

๒๔

− กลุ่มเครือ่ งแกง

กล่มุ เครื่องแกงบ้านห้วยเรียน ต้ังอยหู่ มทู่ ี่ ๔ บ้านห้วยเรียน
ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง มีสมาชิกในกลุ่ม
ทั้งสิ้น ๗ คน โดยมีนางสาวดารารัตน์ ด้วงช่วย อายุ ๔๑ ปี เป็น
ประธานกลุม่ การจดั ตั้งกลุ่มมาจากแนวคิดของการทำกนิ กันภายใน
หมู่บ้าน และช่วยกันทำอาหารในงานบุญต่างๆ ซึ่งกลุ่มนี้รวมตัวกัน
ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๖ สมาชิกในกลุ่มจะรวมตัวกันอย่างน้อย
อาทิตย์ละ ๑ ครั้ง ช่วงวนั หยุดสัปดาห์หลังจากการทำยางพาราการ
รวมกลุ่มเครื่องแกงนี้เป็นการผลิตเครื่องแกงแบบตำมือ พร้อม
เหลา่ น้ันปลูกกนั เองของสมาชิกในกลุ่ม

๒๕

สถานภาพทางเศรษฐกจิ ของประชาชน

1) หนว่ ยธุรกจิ ทีส่ รา้ งเศรษฐกจิ ให้กบั ชุมชน
− การทอ่ งเทย่ี ว
➢ อา่ งเกบ็ น้ำห้วยนำ้ ใส
➢ นำ้ ตกหนานปลิว
➢ ลอ่ งแก่งหนานมดแดง
➢ ล่องแก่งหนานท่าสา้ น
➢ ลอ่ งแก่งชมดาว
− การพาณชิ ย์
➢ โรงแรม/รสี อร์ท จำนวน ๓๓ แหง่
− ป๊มั น้ำมัน
➢ ป๊ัมน้ำมนั จำนวน ๖ แห่ง
− อุตสาหกรรม
➢ โรงรมยาง/โรงเครป



๒๖

ส่วนที่ ๔ สถานทส่ี ำคัญๆ

แหลง่ ท่องเท่ียว

แหล่งท่องเที่ยวในเทศบาลตำบลลานข่อยส่วนใหญ่จะเป็น
แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วแบบก่งึ ผจญภยั นบั ว่าเป็นรูปแบบการท่องเทยี่ วแรก
ของตำบลลานข่อยที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ กิจกรรม
การล่องแก่งที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากสายน้ำที่ไหลจากอ่าง
เก็บน้ำห้วยน้ำใส นอกจากจะมีสถานที่ล่องแก่งหลายแห่งแต่ทาง
ตำบลลานข่อยยงั มีน้ำตกท่ีนับว่าเปน็ สถานท่ี

 ล่องแก่งหนานมดแดง

ล่องแก่งหนานมดแดง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลลานข่อย
อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เป็นทุนเดิมทางธรรมชาติที่มีอยู่
แล้วนำมาประยุกต์กับแนวคิดที่ตกผลึกจากการที่ได้ไปสัมผัสกับ
แหล่งทอ่ งเทยี่ วลอ่ งแก่งในพืน้ ท่ีอ่ืนๆแล้วนำกลับมาปรบั ใช้กับหนาน
มดแดงจนกอ่ เกิด "ล่องแก่งหนานมดแดง" ข้นึ ในปัจจุบัน

๒๗

นายโยธิน เขาไข่แก้ว อายุ 50 ปี อดีตเกษตรอำเภอเหนือ
คลอง จ.กระบี่ ในฐานะผู้จัดการล่องแก่งหนานมดแดง กล่าวว่า
หลังเออรี่ตนตั้งใจกลับมาอยู่บ้าน เพื่อดูแลมารดาที่มีอายุมากแล้ว
ประกอบกับตนต้องการนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของ "
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯ " มาปรับใช้ในพน้ื ที่ เพื่อเป็นการนำ
ร่องให้กบั ชาวบ้านในชมุ ชน เป็นการสำนกึ รักบา้ นเกิดท่ตี ้องทดแทน
บุญคุณแผ่นดิน หลังดำเนินการกิจกรรมด้านการเกษตรแล้วเสร็จ
งานชิ้นต่อไปก็คือสำรวจลำคลองซึ่งอยู่หลังบ้าน ทั้งนี้ตนตั้งใจที่จะ
ทำเป็นล่องแก่ง เนื่องจากมีทุนเดิมทางธรรมชาติที่สมบูรณ์
โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ซึ่งเป็นตัวหลักในการกำหนด
กิจกรรมล่องแก่งทั้งหมด เพราะล่องแก่งที่นี่ไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาล
ต่างๆนกั ทอ่ งเท่ียวสามารถมาพักผ่อนไดต้ ลอดท้งั ปี

๒๘

 นำ้ ตกหนานปลวิ (หนานสวรรค)์

น้ำตกหนานปลิวตงั้ อยู่ในหมู่ที่ ๙ ตำบลลานข่อย อำเภอป่า
พะยอม จังหวัดพัทลุง อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอป่าพะยอม ๓๑
กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีความสูง ๗ ชั้น ชั้นสูงสุดเป็นพื้นที่ราบมีป่า
ละเมาะ และภายใต้การดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขา
ป-ู่ เขายา่ ที่ขป.๙ (สวนเจา้ เยน็ ) กรมอทุ ยาแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์
พืชเป็นพื้นที่ของเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ซึ่งอุทยาเขาปู่-
เขาย่าครอบคลุมพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ตรัง และนครศรีธรรมราช
โดยครอบคลมุ พนื้ ท่ขี องจังหวัดพทั ลงุ จำนวน ๑๖๖,๗๖๐ ไร่

สภาพพื้นที่ของน้ำตกหนานปลิว เป็นน้ำตกที่เกิดจาก
เทือกเขาบรรทัด โดยน้ำตกลงมาจากหน้าผาลดหลั่นกันลงมาเป็น
ชน้ั ๆไหลลงสู่คลองน้ำใสและลงคลองชะอวด มนี ำ้ ตลอดทั้งปี เหมาะ
สำหรับนกั ท่องเท่ยี วทชี่ อบปนี เขาเดนิ ทางไกล สภาพพ้นื ที่โดยรอบมี
ความสวยงามที่แตกตา่ งกันไป น้ำตกหนานปลิวมีชนั้ นำ้ ตก ๗ ช้นั

๒๙

 อ่างเก็บน้ำหว้ ยน้ำใส

อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใสเป็นหนึ่งในการดำเนินงานภายใต้
โครงการพัฒนาพื้นท่ีลุ่มแม่น้ำปากพนังอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ
ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๕ ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง
เปน็ เขตติดตอ่ กับอำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และรัษฎา
จังหวัดตรัง โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ การ
ก่อสร้างเสร็จสิ้นตามโครงการในปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ ใช้เวลาใน
การก่อสร้าง ๕ ปี เป็นพื้นที่กักเก็บน้ำเพื่อส่งน้ำไปช่วยเหลือพื้นท่ี
เพาะปลูกในเขตพื้นที่ ๓ ตำบลได้แก่ตำบลลานข่อย อำเภอป่า
พะยอม จังหวัดพัทลุง ตำบลเกาะขันธ์และตำบลชะอวด จังหวัด
นครศรีธรรมราชนอกจากนั้นยังเป็นการป้องกันและบรรเทาปัญหา
น้ำเคม็ เนอ่ื งจากน้ำทะเลในฤดแู ล้ง และท่ีสำคัญที่สุดยงั เปน็ แหล่งน้ำ
สำหรบั อุปโภคบรโิ ภคให้กับประชาชนในพื้นที่ อา่ งเก็บน้ำห้วยน้ำใส
นี้ได้รับน้ำมาจากคลองห้วยน้ำใส ครองในเตา คลองท่ามุด ห้วย
รำพัน ห้วยสวนเจ้าเย็น ห้วยถ้ำลา ทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม
เปน็ ทะเลสาบกลางหุบเขา

๓๐

 ล่องแกง่ ชมดาว
ตั้งอยู่ 6/1 หมู่ที่ 1 ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม

จังหวัดพัทลุง เป็นการล่องไปตามคลองห้วยน้ำใส ระยะทาง
ประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ช่ัวโมง ลักษณะเด่น
ของการล่องแก่งในเขตอำเภอป่าพะยอมแห่งนี้ คือ น้ำใสสะอาด
ล่องแก่งไปตามคลองธรรมชาติ ป่าไม้ยังคงอุดมสมบูรณ์ น้ำไม่แรง
ไม่อันตราย

 ล่องแก่งหนานทา่ ส้าน
"หนานท่าส้าน" ตั้งอยู่ที่ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม

จังหวัดพัทลุง อาจเรียกได้ว่าเป็น Unseen เพราะคนรู้จักยังน้อย
ระหว่างการพายเรือล่องแก่งก็จะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของ
ธรรมชาติสองฝงั่ ไปดว้ ย ยง่ิ ไปกวา่ นั้นก็คอื นำ้ ในลำคลองค่อนข้างใส

๓๑

สะอาด มองเห็นใต้น้ำใสแจ๋ว ทั้งปลา โขดหิน และสาหร่าย ซึ่งจัด
ความยากง่ายของการล่องแก่งที่นี่ไว้เป็นระดับ 3 เท่านั้น คือเน้น
ความสนุกสนานและเรียนรูธ้ รรมชาตขิ องสายน้ำ ซ่งึ ไมย่ ากนกั

ศาสนสถานของทุกศาสนา
การนบั ถือศาสนาประชาชนสว่ นใหญ่นับถือศาสนาพุทธคิด

เป็นร้อยละ ๙๗.๗๐ รองลงมานับถือศาสนาอิสลามและนับถือ
ศาสนาคริสต์ แต่ในพื้นที่เทศบาลตำบลลานข่อยมีวัด/สำนักสงฆ์
จำนวน ๓ แหง่ ไดแ้ ก่

๓๒

1. วัดลานขอ่ ย

วัดลานข่อย ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๑ ตำบลลานข่อย อำเภอป่า
พะยอม จังหวัดพัทลุง เป็นวัดแรกในตำบลลานข่อย โดยหลวงพ่อ
พร้อม อิสสวณ โณ เป็นผู้ก่อตั้งวัดลานข่อยและเป็นเจ้าอาวาสคน
แรกของวัด แต่เดิมวัดลานข่อยนั้นมีฐานะเพียงเป็นสำนำสงฆ์ชื่อว่า
สำนักสงฆล์ านธรรมขนั ธ์ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ และได้เปลี่ยนสถานะเปน็
วัดลานข่อยเมื่อปี ๒๕๐๕ วัดนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมใจของ
ชาวบ้านในตำบลลานข่อย และมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของ
พุทธศาสนิกชนในชุมชนเป็นอย่างมาก วัดตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน มี
ร้านค้า บ้านเรือน โรงเรียน และสถานที่ราชการสำคัญใกล้เคียง
ภายในวัดมีพื้นที่เป็นลานกว้าง มีอาคารและโรงเรือนสำหรับ
ประกอบศาสนพิธีต่างๆ อุโบสถ หรือเรียกสั้นๆว่า โบสถ์ เป็น
สถานที่สำคัญภายในบริเวณวัดลานข่อย เป็นสถานที่สำหรับ
พระภกิ ษสุ งฆใ์ ช้ทำสงั ฆกรรม แม้วา่ โบสถจ์ ะถกู สรา้ งข้ึนใหม่ หากแต่
เป็นแหล่งรวมใจของชาวพุทธในตำบลลานข่อย อีกทั้งยังภายหลัง
หลวงพ่อพร้อม มรณภาพไปแล้วนั้น ด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้าน
ตำบลลานข่อยจึงร่วมกันสร้างรูปเหมือนของหลวงพ่อพร้อมไว้เพื่อ
กราบไหว้บูชาในเขตบริเวณวัดด้วย และชาวบ้านได้กล่าวขานเรื่อง
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพร้อมหลังจากมรณภาพในเรื่องการบน
บานสานกล่าว หรอื ท่เี รียกว่า บนรบั จงึ ทำใหม้ กั มีชาวบ้านมากราบ
ไหว้เพอ่ื บนบาน และมากราบไหว้เพอ่ื แก้บนตามคำขอบนของแต่ละ
คน อาทิ เชน่ นำ้ หวาน ผลไม้ และจดุ ประทัด เป็นต้น

๓๓

2. วัดทุ่งชุมพล ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๓ ตำบลลานข่อย
อำเภอปา่ พะยอม จงั หวัดพัทลงุ
ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๓ ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัด

พัทลุง บริเวณภายในวัดทุ่งชุมพลนี้มีการสร้างศาลาตาหมื่นเกล็ด -
ยายนาง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ภายในศาลามีรูปปั้นของตาหม่ืน
เกล็ดและยายนาง ชาวบ้านเชื่อว่า ตาหมื่นเกล็ดเป็นงู และยายนาง
เป็นเสือ รูปปั้นของตาหมื่นเกล็ดยายนางนี้สร้างขึ้นจากจินตนาการ
รูปร่างหน้าตาเมื่อกลายเป็นคน ชาวบ้านมีความเชื่อในเรื่องการบน
บานศาลกล่าวกับตาหมื่นเกล็ดและยายนางว่าหากขอสิ่งใดก็จะ
สมหวัง หากทรัพย์สินหายก็จะได้คืน เมื่อก่อนนั้นมักจะมีชาวบ้าน
มาบนบานเมื่อมีวัวหรือควายหาย ชาวบ้านก็มักจะมากราบไหว้
ขอให้พบควาย สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของวัดทุ่งชุมพลนั้น คือ
อภิมหาโพน ซึ่งถูกทำจากไม้ต้นตะเคียนที่ล้มในป่าแถบเทือกเขา
บรรทัด ด้วยความร่วมมือร่วมแรงของชาวบ้านจึงได้มีการสร้างเปน็

๓๔

ตะโพนขนาดใหญ่ตามความเหมาะสมกับความศักด์สิ ิทธิ์ของพันธ์ุไม้
ตะเคยี นสามพอน

3. สำนักสงฆ์สุรินทร์ประชาสรรค์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๘
ตำบลลานข่อย อำเภอปา่ พะยอม จงั หวดั พทั ลุง
สำนักสงฆ์สรุ นิ ทร์ประชาสรรค์ ตงั้ อยบู่ า้ นเลขที่ ๒๐๐ หมูที่

๘ ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง มีจำนวนที่ดิน
๑๘ ไร่ โดยมีอาณาเขต ทิศเหนือจดถนน ทิศตะวันออกจดถนน ทิศ
ใต้จดที่ดินของนางสาวละเมียด ทองคำแก้ว ทิศตะวันตกจดที่ดิน
ของนายชุมพล ทิพสงคราม สำหนักสงฆ์สุรินทร์ประชาสรรค์ได้รบั
บริจาคที่ดินในการสร้างโดยนายหมาย ทองคำแก้วและนายนรณ
สงขาว ให้กับพระมหาสุรินทร์ เพื่อสร้างสำนักสงฆ์ เมื่อปี
พุทธศกั ราช ๒๕๒๗

๓๕

แหลง่ เรยี นร/ู้ โรงเรยี น/หอ้ งสมดุ ชุมชน
โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตำบลลานข่อยมีจำนวน ๘ แห่ง แยก

ออกเปน็ ดงั น้ี
• ศูนย์พฒั นาเดก็ เล็กจำนวน ๒ แห่ง ได้แก่
1. ศนู ย์พฒั นาเด็กเล็กเทศบาลตำบลลานขอ่ ย(มาดน่งั )
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลลานข่อย(มาด
นั่ง) ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๗ ตำบลลานข่อย อำเภอป่า
พะยอม จังหวัดพัทลุง มีบุคลากร จำนวน ๓ คน และ
จำนวนนกั เรยี น ๖๔ คน

๓๖

2. ศนู ย์พัฒนาเดก็ เลก็ บา้ นทงุ่ ชมุ พล
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทุ่งชุมพล ตั้งอยู่ในพื้นที่

หมู่ที่ ๓ ตำบลลานขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลงุ มี
บุคลากร จำนวน ๔ คนและจำนวนนักเรียน ๘๙ คน

๓๗

• โรงเรยี นประถมศกึ ษาจำนวน ๕ แห่ง ไดแ้ ก่
1. โรงเรยี นบ้านลานขอ่ ย ต้งั อยู่ในพนื้ ที่ หมู่ที่ ๑ ตำบลลาน

ข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวดั พัทลุง

ประวัติความเปน็ มา
เมื่อมีราษฎรมากขึ้นก็เกิดความต้องการให้ลูกหลายได้

เรยี นหนงั สือ จึงคดิ สร้างโรงเรยี น โดยมอบหมายใหน้ ายนัต ชูขุนนำ
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๒ ตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง
ขอทด่ี ินนายกขวัญแกว้ เพื่อใชเ้ ปน็ ท่ีตั้งโรงเรียนและได้ช่วยกันสร้าง
อาคารชั่วคราวขึ้น ๑ หลัง ขนาด ๓ ห้องเรียน หลังคามุงสังกะสีฝา
ไม้ไผ่สาน เสร็จแล้วทำคำร้องขอขอจัดตั้งโรงเรียน วันที่ ๑๕ เดือน
สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๐๖ ทางราชการได้มอบหมายให้นายสิ
ลาช ถาวรโรจน์ ศึกษาธิการอำเภอควนขนุน นายเยือง ทองมาก
ประธานกลุ่มพายัพและครูจำนวนหลายท่าน มาทำพิธีเปิดโรงเรียน

๓๘

บ้านลานข่อยขึ้นและได้แต่งตั้งให้นายพ่วง เทพทอง ครูใหญ่
โรงเรียนบ้านป่าพะยอม มารักษาการในตำแหน่งครูใหญ่ ไปพลาง
ก่อนและปฏิบัตหิ น้าทีอ่ ยเู่ พียงคนเดียว เมอื่ วนั ที่ ๑๕ เดอื นสิงหาคม
พุทธศักราช ๒๕๐๗ ทางราชการได้ส่งตัวนายไชยขันธ์ มุสโกภาส
ครูโรงเรียนบ้านโดนคลาน มาทำการสอนเพิ่มอีก ๑ คน ขณะนั้นมี
ครู ๒ คน นักเรียน ๖๗ คน เปิดทำการสอนตั้งแต่ชัน้ ประถมศึกษา
ปีที่ ๑ – ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ วันที่ ๒๔ เดือนมิถุนายน
พุทธศักราช ๒๕๐๘ ทางราชการได้ส่งตัวนายสถิต คงหอม มาสอน
แทนนายไชยขนั ธุ์ มุสโกภาส ซงึ่ ย้ายกลบั ภมู ลิ ำเนา เร่ิมเปิดสอนชั้น
ประถมศึกษาตอนปลายในปีการศึกษา ๒๕๑๘ โดยไม่บังคับ
นกั เรียน

ปัจจุบันโรงเรียนบ้านลานข่อยมีจำนวนบุคลากร จำนวน
๑๕ คน และจำนวนนกั เรียนจำนวน ๒๒๘ คน

๓๙

2. โรงเรยี นบ้านทงุ่ ชุมพล ต้งั อยู่ในพ้นื ท่ี หมทู่ ่ี ๓ ตำบลลาน
ขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จังหวดั พัทลงุ

ประวัตคิ วามเปน็ มา
ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ กระทรวงมหาดไทยโดยกรม

ประชาสงเคราะห์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มายังหมู่ที่ ๗ ตำบลเกาะเต่า
อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ปัจจุบันแยกเป็นหมู่ที่ ๑ ตำบลลาน
ข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เพื่อจัดสรรที่ดินรกร้างว่าง
เปล่า จัดตั้งนิคมสร้างตนเองควนขนุน ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีที่ดิน
เป็นกรรมสิทธิ์ ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ราษฎรอพยพเข้ามาอยู่
หนาแน่นขึ้นในเขตบ้านทุ่งชุมพล บ้านควนแมงภู่ บ้านห้วยเรียน
บ้านลำกุม ซึ่งก่อนหน้าการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองควนขนุน เด็กใน
บริเวณนี้ต้องเดินทางไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านลานข่อย
ประมาณ ๘-๑๕ กิโลเมตร

๔๐

ปีพทุ ธศักราช ๒๕๑๗ ราษฎรในพ้นื ทนี่ ำโดยนายถวิล หมัด
ขาว ได้คิดที่จัดสร้างโรงเรียนขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของ
เด็กๆ ที่ต้องเดินทางไกล โดยการประสานงานกับทางนิคมสร้าง
ตนเองควนขนนุ เพื่อของบประมาณ ซ่งึ ทางกรมประชาสงเคราะห์ได้
จัดสรรมาให้สร้างอาคารเรียนกึ่งถาวร ๑ หลัง ๒ ห้องเรียน พร้อม
วัสดุ ครุภัณฑ์ สำหรับที่ดิน นายถวิล หมัดขาว บริจาคจำนวน ๑๐
ไร่ นายหวงั หมัดขาว บรจิ าค ๓ ไร่ ๒ งาน รวมเน้อื ที่ ๑๓ ไร่ ๒ งาน
ซ่งึ มอี าณาเขต

วันที่ ๑๗ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๗ ได้เปิดทำ
การสอนครั้งแรก

ปัจจุบันโรงเรียนบ้านทุ่งชุมพลมีจำนวนบุคลากร จำนวน
ฝ๑๗ คน และจำนวนนักเรยี นจำนวน ๒๔๗ คน

๔๑

3. โรงเรียนบ้านห้วยน้ำดำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๔ ตำบล
ลานขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จงั หวัดพทั ลุง

ประวัติความเปน็ มา
โรงเรียนบ้านห้วยน้ำดำ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๔ ตำบลลานข่อย

อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง สร้างเมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๒ เดิม
ชื่อ โรงเรียนนิคมสร้างตนเองควนขนุน ๒ โดยนายปลื้ม เสียงดัง
หัวหน้านิคมสรา้ งตนเองควนขนุน พรอ้ มด้วยคณะกรรมการหมู่บ้าน
บ้านห้วยน้ำดำ ได้ร่วมกันคิดและขอความร่วมมือจากหมู่บ้าน
ใกล้เคียง โดยขอบริจาคที่ดินเพื่อเป็นที่ตั้งของโรงเรียน ซึ่งมีผู้
บรจิ าคที่ดนิ ดังนี้

๔๒

๑. นายเผยี น จนั ทรม์ ี บริจาคท่ดี นิ ๔ ไร่
๒. นายสวา่ ง พงศาปาน บริจาคที่ดนิ ๑ ไรเ่ ศษ
๓. นายสวุ รรณ จันทร์มี บริจาคทด่ี นิ ๑ ไร่เศษ
๔. นายจรูญ ทองคง บริจาคทด่ี ิน ๑ ไรเ่ ศษ

จากนั้นได้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก
ตามลำดับ จนถงึ ขณะนมี้ ีที่ดนิ จำนวน ๑๗ ไร่ ๑งาน ๒๑ ตารางวา

การเรียนการสอน เปิดสอนตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๒๒ โดย
มีนายอำนวย ศรีรักษ์ เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งครูใหญ่ โดยเปิด
สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีนักเรียน ๒๒ คน และเปิดขยายปี
การศึกษาละ ๑ ชั้น จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา
๒๕๒๗

ปัจจุบันโรงเรียนบ้านห้วยน้ำดำมีจำนวนบุคลากร จำนวน
๑๔ คน และจำนวนนักเรยี นจำนวน ๒๓๖ คน


Click to View FlipBook Version