การออกแบบการสอนในยุคดิจิทัลส าหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นางวิลัยวัลย์ พนิชยากุล รหัสนักศึกษา 6520640432008 ทักษะส าหรับโลกอนาคตในศตวรรษที่ 21 การเตรียมตัวตัวพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้ทันต่อความสามารถของ Ai เพราะในอนาคตนักเรียนจะต้อง แข่งขันกับปัญญาประดิษฐ์หรือ Ai ดังนั้นผู้สอนควรเร่งปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนรู้แบบใหม่ ต้องเตรียมตัว นักเรียนส าหรับงานที่ยังไม่มี โดยต้องใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่เกิด และแก้ปัญหาที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไรซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทาย มากส าหรับผู้เรียน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตคือเรียนรู้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยชรา ทักษะที่ส าคัญคือ ทักษะที่ท า ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนแบบเดิมคือเน้นตัว I ตัวเดียวคือ Information คือการเอาเท็จจริงเอาข้อมูล จากห้องเรียนเพียงอย่างเดียว การเรียนแบบนี้จะมีประโยชน์น้อยลง การเรียนแบบวิทยาศาสตร์ที่สู้ Ai ได้ควรจะมี 4I คือ 1.จินตนาการ (Imagination ) 2.แรงดลใจ (Inspiration) 3.ความเข้าใจลุ่มลึก (Insight) 4.ญาณทัศน์ (Intuition) และควรมีทักษะแห่งโลกหรือทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 หรือ ASK ได้แก่ AคือAttitude(ทัศนคติ+ อุปนิสัย) SคือSkill(ทักษะ) และKคือKnoeledge(ความรู้) การเรียนปัจจุบันเน้น K มากเกินไป เน้น AและSน้อย เกินไป การเรียนการสอนต้องเป็นสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนมบทบาทมากขึ้น และเปลี่ยนจากการ เรียนรู้โดยการฟังเป็นการเรียนรู้โดยการปฏิบัติลงมือท า ในศตวรรษที่ 21 การเรียนแบบท่องจ า และการเรียนเพื่อรู้แต่ข้อมูล (information) เพียงอย่างเดียว จะมี ประโยชน์น้อยลงทุกที หรือเรียกได้ว่า ความรู้จาก 1i ไม่เพียงพอ แต่ต้องปรับเป็น 4i คือ (i)magination – จินตนาการ (i)nspiration – แรงดลใจ (i)nsight – ความเข้าใจลุ่มลึก (i)ntuition – ญานทัศน์ การหยั่งรู้ ในการสู้กับAi ควรมีทักษะแห่งโลกหรือทักษะแห่งศตวรรษที่ 21หรือ ASK ได้แก่ A Attitude (ทัศนคติ+อุปนิสัย) คือ แนวความคิดเห็น, ความรู้สึกนึกคิดที่บุคคลมีต่อสิ่งต่าง ๆ รวมทั้ง ตนเอง โดยมีเหตุผลประกอบ S Skill (ทักษะ) คือ ความช านาญในด้านต่างๆ K Knowledge (ความรู้) คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเรียน การเรียนปัจจุบันเน้น K มากเกินไป เน้น AและSน้อยเกินไป การเรียนการสอนต้องเป็นสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนมีบทบาทมากขึ้น และเปลี่ยนจากการเรียนรู้โดยการฟังเป็นการเรียนรู้โดยการปฏิบัติลงมือท า
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในบริบทห้องเรียน - หลักสูตรและการเรียนการสอนทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ครูผู้สอนควรให้ความส าคัญกับการ จัดการเรียนรู้ตามทักษะที่ระบุข้างต้น เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ประยุกต์ความรู้และทักษะในรายวิชาต่างๆที่ หลากหลาย โดยควรเน้นที่การจัดการเรียนการสอนตามทักษะ/สมรรถนะ (competency-based approach) น า วิธีการและนวัตกรรมการเรียนรู้โดยการบูรณาการเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการ เรียนการสอนที่เน้นการคิด วิเคราะห์และทักษะการคิดขั้นสูง และการใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียนรู้ที่ส าคัญ (inquiry- and problem-based approaches) กระตุ้นและสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนโดยการระดมสรรพก าลังและทรัพยากรการ เรียนรู้ใน ชุมชนมาสนับสนุนการเรียนการสอน - การประเมินผลการจัดการเรียนรู้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ส่งเสริมและสนับสนุนการวัดและ การประเมินผลการเรียนรู้อย่างสมดุลและเหมาะสม อาทิ การใช้แบบทดสอบตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่สอดคล้อง กับสากล ควบคู่กับการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงในห้องเรียน อีกทั้งควรให้ความส าคัญกับ การให้การสะท้อนกลับ (Feedback) หรือผลการประเมินความสามารถของผู้เรียนที่เป็นประโยชน์ทุกครั้งที่มีการ ประเมินผลการเรียนรู้ การน าเทคโนโลยีการช่วยในการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้สอดคล้องตามทักษะ การ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ ควรให้ผู้เรียนได้วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเองและสร้างผลงานผ่านการใช้แฟ้ม ผล งาน (Portfolio) เพื่อยกระดับการเรียนรู้ตามทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 - บรรยากาศการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จ าเป็นอย่างยิ่งที่ครูผู้สอนต้องสร้างการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือ ปฏิบัติ จริงให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคม อาทิ การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน หรือการ ประยุกต์ใช้ในการท างาน เป็นต้น และการสร้างชุมชนการเรียนรู้ โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างเพื่อน ครูเพื่อบูรณาการทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในบริบทห้องเรียน น าเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์การเรียนรู้เข้ามา ช่วยในการเรียนรู้ของผู้เรียน การออกแบบการจัดเรียนการสอนให้มีความหลากหลาย อาทิ การเรียนรู้แบบ รายบุคคล แบบกลุ่มและแบบทีม สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านทรัพยากรและช่องทางการเรียน รู้ที่ หลากหลายทั้งในห้องเรียนและการเรียนรู้แบบออนไลน์ และจัดให้มีการเชื่อมต่อการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอก ห้องเรียนรู้ในประเทศ และระหว่างประเทศ ผู้สอนในศตวรรษที่21 ควรเป็นผู้น าที่มีความยืดหยุ่น ร่วมมือท า วิจัย รู้สไตล์การเรียนรู้ส าหรับผู้เรียนหลายรูปแบบโดยเฉพาะกับผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันเป็นต้น จะเห็นได้ว่า การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นั้น ต้องให้ความส าคัญกับทั้งระบบ โดยการบูรณาการประเด็นดังกล่าวในมาตรฐานการจัดการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผล หลักสูตรการ เรียนรู้ การจัดการเรียนการสอน การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ และการพัฒนาครูผู้สอน เพื่อก่อเกิดผลลัพธ์การ เรียนรู้ที่จ าเป็นและการพัฒนาผู้เรียนที่มี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่พึงประสงค์ ในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 การให้ความส าคัญกับกิจกรรมเสริมหลักสูตรทั้งในระบบ นอกระบบ และอัธยาศัยเป็นการช่วย เสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ส าหรับผู้เรียนในโรงเรียน ได้เป็นอย่างดี
การเรียนรูตองไมใชสถานการณสมมติในหองเรียน แตตองออกแบบการเรียนรูใหได เรียนในสภาพที่ใกล เคียงชีวิตจริงที่สุด และควรเปนบริบทหรือสภาพแวดลอมในขณะเรียนรูเกิดการสั่ง สมประสบการณใหม เอามาโต แยงความเชื่อหรือคานิยมเดิม ท าใหละจากความเชื่อเดิมหันมายึดถือ ความเชื่อ หรือคานิยมใหม ที่เรียกวากระบวน ทัศนใหม ท าใหเปนคนที่มีความคิดเชิงกระบวนทัศนที่ชัดเจน และเกิดการเรียนรูเชิงกระบวนทัศนใหมได ทั้งนี้จ า เปนตองมีความสามารถในการรับรูขอมูล หลักฐานใหม และน ามาสังเคราะหเปนความรูเชิงกระบวนทัศนใหม ข อส าคัญส าหรับคนที่จะเรียนรูได ตองเกิดประเด็นค าถามอยากรูกอนจึงจะอยากเรียน ไมใชครูอยากสอนเพียงฝาย เดียวแตนักเรียนยังไมมีประเด็นที่ไมอยากรูการเรียนรู้ต่างๆ ที่ผ่านมาแบบ ท่องจ า ยัดเยียดรายละเอียดมากกว่า เนื้อหา เรียนแต่ละวิชาแยกส่วนกัน มาถึง “ทางตัน” แล้วในโลกที่ความรู้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วๆ มาก เราต้องสร้าง ศักยภาพให้นักเรียนแต่ละคนให้มีทักษะอนาคตใหม่ หรือที่เรียกว่า ‘ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21’ความรู้อย่างเดียวท า ให้เราไปไหนไม่ไกลมาก ต้องมีความรู้ควบคู่กับ “ทักษะ” “เนื้อหา” และ”คุณลักษณะ” ที่สร้างปรารถนาที่จะใช้ ชีวิตอยู่ได้ในโลกสมัยใหม่ (รายละเอียดแต่ด้านดูภาพประกอบข้างล่าง) การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ต้องก้าวข้าม “สาระวิชา” ไปสู่การเรียนรู้ “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” (21st Century Skills) ซึ่งครูจะเป็นผู้สอนไม่ได้ แต่ต้องให้นักเรียนเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยครูจะออกแบบการเรียนรู้ ฝึกฝนให้ตนเองเป็นโค้ช (Coach) และอ านวยความสะดวก (Facilitator) ในการเรียนรู้แบบ PBL (ProblemBased Learning) ของนักเรียน ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวช่วยของครูในการจัดการเรียนรู้คือ ชุมชนการเรียนรู้ครู เพื่อศิษย์(Professional Learning Communities : PLC) เกิดจากการรวมตัวกันของครูเพื่อแลกเปลี่ยน ประสบการณ์การ ท าหน้าที่ของครูแต่ละคน และจากกรอบความคิดเพื่อการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 มีเปาหมายไป ที่ผูเรียน เกิดคุณลักษณะ ในศตวรรษที่ 21 โดยผูเรียนจะใชความรูในสาระหลักไปบูรณาการสั่งสมประสบการณกับ ทักษะ 3 ทักษะ เพื่อการด ารงชีวิตในศตวรรษที่ 21 คือ ทักษะดานการเรียนรูและนวัตกรรม ทักษะสารสนเทศ สื่อ และ เทคโนโลยี และทักษะชีวิตและอาชีพ ซึ่งการจัดการศึกษาจะใชระบบสงเสริมการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 แนวทางจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 หาระบบ คือ ระบบมาตรฐานการเรียนรูระบบการประเมินผลทักษะการ
เรียนรูระบบหลักสูตรและ วิธีการสอน ระบบการพัฒนางานอาชีพ และระบบแหลงเรียนรูและบรรยากาศการเรียน รูการให้การศึกษาส าหรับศตวรรษที่ 21 บทบาทของครูในศตวรรษที่ 21การศึกษาที่มีคุณภาพจะต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ของศิษย์ไปอย่าง สิ้นเชิง และบทบาทของครูอาจารย์ก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ครูที่รักศิษย์ เอาใจใส่ศิษย์ แต่ยังใช้วิธีสอน แบบเดิม ๆ จะไม่ใช่ครูที่ท าประโยชน์แก่ศิษย์อย่างแท้จริง กล่าวคือ ครูที่มีใจแก่ศิษย์ยังไม่พอ ครูเพื่อศิษย์ต้อง เปลี่ยนจุดสนใจหรือจุดเน้นจากการสอน ไปเป็นเน้นที่การเรียน (ทั้งของศิษย์ และของตนเอง) ต้องเรียนรู้และ ปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้ที่ตนจัดให้แก่ศิษย์ด้วย ครูเพื่อศิษย์ต้องเปลี่ยนบทบาทของตนเองจาก “ครูสอน” (teacher) ไปเป็น “ครูฝึก” (coach)หรือ “ผู้อ านวยความสะดวกในการเรียนรู้” (learning facilitator) และต้อง เรียนรู้ทักษะในการท าหน้าที่นี้ โดยรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องที่ เรียกว่า PLC (Professional Learning community)(วิจารณ์ พานิช, 2555, ค าน า) ครูในศตวรรษที่ 21 ต้องยึดหลักสอนน้อย เรียนมาก การเรียนรู้ในศตวรรษที่21 ต้องก้าวข้าสาระวิชา ไปสู่ การเรียนรู้“ทักษะเพื่อการด ารงชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑” ( 21st Century Skills) ที่ครูสอนไม่ได้ นักเรียนต้องเรียน เอง หรือพูดใหม่ว่าครูต้องไม่สอน แต่ต้องออกแบบการเรียนรู้ และอ านวยความสะดวก (facilitate) ในการเรียนรู้ ให้นักเรียนเรียนรู้จากการเรียนแบบลงมือท า แล้วการเรียนรู้ก็จะเกิดจากภายในใจและสมองของตนเอง การเรียนรู้ แบบนี้เรียกว่า PBL (Project-Based Learning)คือ การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน การเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Based Learning) เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตสอดคล้อง กับ หลักทฤษฎีการเรียนรู้การสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดย สร้างสรรค์ชิ้นงาน (Constructionism) และการเรียนรู้แบบร่วมมือ (cooperative learning) ซึ่งมีขั้นตอน การ เรียนรู้ที่เริ่มจากการแสวงหาความรู้กระบวนการคิด และทักษะในการแก้ปัญหาไว้ในรูปแบบการเรียนรู้ซึ่ง การ จัดการเรียนรู้แบบโครงงานนี้ยึดหลักการของทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (Constructionism) ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivism) ของเพียเจต์ (Piaget) โดย ศาสตราจารย์เซมัวร์เพพเพิร์ต (Seymour Papert) เป็นผู้น าเสนอการใช้ส่ือทางเทคโนโลยีช่วยในการ สร้างความรู้ ที่เป็นรูปธรรมแก่ผู้เรียนโดยอาศัยพลังความรู้ของตัวผู้เรียนเอง และเมื่อผู้เรียนสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขึ้นมาก็จะเสมือน เป็นการสร้างความรู้ขึ้นในตัวเองนั่นเอง ความรู้ที่สร้างขึ้นเองนี้มีความหมายต่อผู้เรียนมาก เพราะจะเป็นความรู้ที่ อยู่คงทน ไม่ลืมง่าย ขณะเดียวกันสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจความคิดของตัวเองได้ดีวารสารวิชาการ สถาบัน เทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ633 นอกจากนั้นความรู้ที่สร้างขึ้นเองนี้ยังจะเป็นฐานให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ใหม่ ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ทิศนา แขมมณี. 2554.) ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (Constructionism) มีสาระส าคัญที่ (ทิศนา แขมมณี. 2553.) กล่าวถึงว่า ความรู้ไม่ใช่เกิดจากผู้สอนเพียงอย่าง เดียว แต่สามารถสร้างขึ้นโดยผู้เรียน เองได้และการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีก็ต่อเมื่อผู้เรียนลงมือกระท าด้วยตนเอง
(Learning by Doing) ซึ่งการลง มือกระท านี้ไม่เพียงแต่ได้รับความรู้ใหม่ด้วยตนเองแล้ว แต่ยังจะสามารถเก็บ ข้อมูลของสิ่งแวดล้อมเข้าไปเป็น โครงสร้างของสมองตนเอง ขณะเดียวกันก็สามารถน าความรู้เดิมที่มีอยู่ปรับให้เข้า กับสิ่งแวดล้อมภายนอกได้และจะเกิดเป็นวงจรเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การลงมือกระท าด้วยตนเองจะสามารถ เชื่อมโยงความรู้ระหว่าง ความรู้เก่าและความรู้ใหม่ สร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ ประสบการณ์และบรรยากาศ ที่เอื้ออ านวยต่อการเรียนรู้โดยยึดหลักคิดที่ว่า “การเรียนรู้ที่ดีไม่ได้มาจากการหา วิธีการสอนที่ดีแก่ผู้สอน แต่ มาจากการให้โอกาสที่ดีแก่ผู้เรียนในการสร้าง” การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานเป็นการจัดกิจกรรมที่ยึดผู้เรียนและปัญหาเป็นส าคัญ โดย บูรณาการร่วมกับกรอบทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของการศึกษาไทย 4.0 ซึ่งมีเป้าหมายให้ผู้เรียน สามารถ สร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองและน าความรู้ไปประยุกต์ให้เกิดนวัตกรรมสู่สังคม การจัดการเรียนการ สอนโดยใช้ โครงงานเป็นฐานจะต้องมีองค์ประกอบที่ส าคัญ กล่าวคือ 1) การสร้างสภาพแวดล้อมและกระตุ้น ความกระหาย ใคร่รู้ในปัญหา 2) ผู้เรียนลงมือสร้างความเข้าใจและวางแผนในการเรียนรู้ 3) ลงข้อสรุปผลการ เรียนรู้และสร้าง องค์ความรู้ 4) น าผลการเรียนรู้เข้าสู่กระบวนการขยายและแปลงความรู้ลงสู่นวัตกรรม และ 5) ประเมินผลการ เรียนรู้ดังนั้นการศึกษาไทย 4.0 จะต้องเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือ ปฏิบัติจริง สามารถน า องค์ความรู้จากวิชาแกนและเนื้อหาประเด็นที่ส าคัญส าหรับศตวรรษที่ 21 ที่มุ่งเน้น วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์(Mathematics) มาบูรณาการแบบ สร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ซึ่งในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใน ส่วนของประเด็นการออกแบบกิจกรรม การเรียนรู้เน้นภาคปฏิบัติจะต้องมีการน าเอาทักษะที่จ าเป็นส าหรับ ศตวรรษที่ 21 อันประกอบด้วย 1) ทักษะชีวิต และการท างาน (Life and Career Skills) 2) ทักษะด้าน สารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี (Information, Media, and Technology Skills) 3) ทักษะการเรียนรู้และ นวัตกรรม (Learning and Innovation Skills) เข้ามามีส่วน ร่วม ซึ่งผู้เรียนจะมีอิสระในการเลือกที่จะเรียนรู้มีส่วนร่วมคิดออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะของ ตนเอง อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงผลของ การเรียนรู้ตลอดจนสามารถแสดงถึงการประยุกต์ความรู้ไปใช้ ประโยชน์ในการรังสรรค์ชิ้นงานขึ้นมาใหม่ ซึ่ง สามารถสะท้อนถึงความรู้ทักษะกระบวนการคิด ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา สมรรถนะและคุณลักษณะของ ผู้เรียน ซึ่งจะเป็นการแสดงว่ากระบวนการจัดการเรียนรู้โดยผ่าโครงงาน เป็นฐานให้กับผู้เรียนนั้น จะสามารถให้ผลตอบสนองกับความต้องการของสังคมสามารถส่งผลให้ผู้เรียนเกิดหรือมี ทักษะที่จ าเป็นในศตวรรษที่ 21 และ เป็นไปตามเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ของการศึกษาไทย 4.0 ได้อย่าง แท้จริง ความสัมพันธ์กรอบทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในการศึกษาไทย 4.0 กับการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงาน เป็นฐาน การเข้าสู่การศึกษาไทย 4.0 โดยมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับกรอบทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยการจัดการเรียนรู้ในลักษณะการใช้โครงงานเป็นฐาน เป็นลักษณะการเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอน แบบ
ดั้งเดิม (Traditional Teaching) มาเป็นแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ผ่านโครงงาน เพื่อให้ผู้เรียนมี คุณภาพและสามารถสร้างนวัตกรรมได้ตามเป้าหมายของการจัดการศึกษาไทย 4.0 อ้างอิง ชมพูเนื่องจ านงค์1 ภัทรยุทธ โสภาอัศวภรณ์2 และ อัจฉรา ธนีเพียร (2563)กรอบทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 กับการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน วารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิหน้า 632 16 เมษายน ชูศักดิ์ เอกเพชร ,การจัดการเรียนการสอน ในศตวรรษที่ 21 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ฐิรายุ ชาพิทักษ์ มหาวิยาลัยนครพนม