‘อย่า
ทำ
นา
บน
หลัง
คน’
‘ทำนาบนหลังคน’ เป็ นคำพูดที่เราได้ยินกันบ่อยๆ หมายว่า
หาผลประโยชน์ใส่ตนโดยขูดรีดผู้อื่น ในชีวิตประจำวันของเรามักจะ
เจอเหตุการณ์ที่ทำให้เรานึกถึงคำว่า ‘ทำนาบนหลังคน’ อยู่เสมอ
เพราะมันเป็ นปกติที่มนุษย์เราจะอยากมีอยากได้ มีความโลภอยู่ใน
ตัวเเต่จะมีเพียงเเค่คนกลุ่มน้ อยที่โลภเกินตัวจนไม่สนใจความถูก
ต้อง ไปเบียดเบียนทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วย ดังตัวอย่างที่
ว่า ‘‘ณ สวนธรรมชาติเเห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันน่ารัก มี
ต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด เป็ นป่ าที่ตั้งอยู่ลึกไม่มีใครเคยเข้าไป
พบเห็นทำให้ป่ านี้อุดมสมบูรณ์มาก เเต่เเล้วความอุดมสมบูรณ์นี้ก็
ต้องเปลี่ยนไปเมื่อมีมนุษย์คนหนึ่งหลงป่ าเเล้วได้เดินเข้าไปในป่ านี้
เขาพบว่านี่เป็ นเเหล่งทำเงินชั้นดีมีทั้งต้นไม้มากมายที่อุดมสมบูรณ์
สามารถตัดไปขายได้ มีพืชป่ าที่เป็ นยารักษาชั้นดี
เมื่อมนุษย์คนนั้นเข้ามาสิ่งที่เขาทำคือเลือกที่จะไปตัดพืชที่
เป็ นยารักษาต้นเล็กๆที่เขาสามารถตัดได้ทั้งๆที่มีป้ ายเขียนไว้เเล้ว
ว่า พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต เมื่อเขาตัดจนพอ
ใจเเล้วก็ตั้งสติหาทิศทางเพื่อกลับไปบ้านของตนเอง เมื่อเขากลับ
ถึงบ้านเขาก็ยังเลือกที่จะบอกกับครอบครัวของตนโดยสัญญากัน
ไว้ว่าจะไม่บอกใครเงินจะได้เข้ากระเป๋ าเเค่ครอบครัวของเขาเพียง
ผู้เดียว หลังจากนั้นเขาเเละครอบครัวได้เดินทางไปยังป่ านั้นพบว่า
ยังอยู่ดีไม่มีผู้ใดมาเเอบตัดไป พวกเขาจึงเข้าไปตัดไม้ใหญ่ พืช
รักษาโรคต่างๆมาเพื่อเก็บไปขายราคาเเพงกินกำไร พวกเขาค่อยๆ
ตัดวันละนิดวันละหน่อย ตอนที่เขาตัดไปไม่่ได้สนใจสิ่งอื่นใด
นอกจากเงิน จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาเดินเข้ามาเพื่อจะตัดไม้ต่อพบ
ว่า ไม้นั้นไม่มีเหลือเเล้วเหลือเพียงเเต่ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเเละต้นไม้
ต้นเล็กๆ
เเต่นั่ นก็ไม่ได้ทำให้เขาคิดได้ เขาเลือกที่จะบ่นเพราะไม้ที่เขา
นำไปขายขายได้ดีมาก ตอนนี้เขามีทรัพย์สินมากกว่าเดิมเป็ นสาม
เท่า เขากลายเป็ นเศรษฐีได้เลยเเต่เขาก็ยังไม่หยุดโลภ ยังเลือกไปหา
ไม้ต่อดมื่ อไปหาเเล้วพบว่าไม่มีเเล้วเขาจึงเดินต่อไปอีกภูเขาลูกหนึ่ ง
ปรากฏว่าก็ไม่มีป่ าที่สมบูรณ์เเบบนี้อีกเเล้ว เขาจึงหงุดหงิดเเละเดิน
กลับบ้านไปเพื่อบอกเรื่องราวกลับครอบครัว พวกเขาได้คุยกันเพื่อ
ตกลงว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะลองไปหาอีกทีถ้าหาไม่เจอจริงๆเขาจะไม่ทำ
งานเเล้วเพราะครอบครัวนั้นมีเงินที่มากมายขนาดตายก็ใช้ไม่หมด
วันรุ่งขึ้นพวกเขาเดินไปที่ป่ าเดิมที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้งเพื่อหาให้
ละเอียดว่าอาจมีไม้ที่เรานำไปขายได้อีก เเต่เเล้วเมื่อเขาไปถึงก็พบ
กับ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูลักษณะมีภูมิฐานยืนหันหน้าให้เขาอยู่ในใจ
ของพวกเขาคิดว่าต้องเป็ นชายหนุ่มคนนี้เเน่ๆที่มาเเย่งไม้พวกเขาไป
ขายทำให้ไม้หมดเร็ว
พวกเขาเลยถามชายหนุ่มคนนั้นไปว่า เอ็งก็มาตัดไม้เหมือน
กันหรอ เมื่อเขาพูดออกไปชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มอ่อนให้เขาทันทีเเล้วพูด
ว่าพวกเอ็งมาตัดไม้ที่นี่หรอ นี่มันสวนของข้า ข้าตั้งใจปลูกไว้อย่างดี
เพื่อนำไปขายเองเเต่ไม่รู้หมาเเมวตัวไหนมาขโมยไปจนหมดเกลี้ยง
เหลือเเต่ดอกไม้เฉาๆนี้ไว้ เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาหน้าซีดเซียวทันที
จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะตนดันเผลอพูดไปเเล้วว่าพวกเขามาตัดไม้ที่นี่
ชายหนุ่มเจ้าของสวนไม่ยอมความพาพวกเขาไปเเจ้งความทำให้พวก
เขาถูกจับข้อหาบุกรุกพื้นที่ เเละขโมยทรัพย์สิน พวกเขาถูกขังหลายปี
เพราะทางเจ้าของสวนไม่ยอมความ ส่วนทรัพย์สินของครอบครัว
พวกเขาทังหมดถูกโอนมาให้เจ้าของสวนเป็ นค่าชดใช้ในสิ่งที่พวกเขา
ทำลงไป
ทำให้นอกจากที่เขาจะติดคุกเเล้วทรัพย์สินเงินทองก็หายเกลี้ยง
เเถมยังมีประวัติติดตัวอีกต่างหาก ทำให้ภรรยาเเละลูกเล็กของเขาที่ไม่รู้
อิโหน่อิเหน่ ถึงเเม้จะไม่ได้เข้าไปอยู่ในคุกเเต่ความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่าง
จากการเข้าไปอยู่ในคุกเลย ถึงเเม้เธอจะเคยจนมาก่อนเเต่ช่วงนึงชีวิต
ของเธอได้พลิกกลับเธอกลายเป็ นเศรษฐีนีมีกินมีใช้ทุกอย่าง เธอ
เหมือนคนบุญมีเเต่กรรมบังชีวิตเธอเเละลูกต้องพังทลายกลับมาจน อยู่
อย่างลำบากเพียงเพราะสามีเเละพี่น้ องของสามีโลภไปลักลอบตัดไม้จน
เรื่องเลยเถิดจนมากระทบต่อตัวเธอเเละลูกอีกทั้งลูกของเธอยังเล็กต้อง
ใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่ต่อการเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ถึงเเม้เจ้าของสวนไม่
ได้ยึดบ้านของสามีเธอไปเพราะเขาสงสารเธอเเละลูกของเธอที่ต้องอยู่
อย่างยากลำบาก
เเต่ตัวเธอไม่โอเคที่จะอยู่บ้านนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะห่างกับ
สามีเเละเดินทางกลับบ้านเกิดไปอยู่กับพ่อเเม่ของเธอพร้อมลูน้ อย’’
ดังตัวอย่างที่กล่าวมาเห็นได้ว่าการทำนาบนหลังคนคือการที่ทำให้
ตนเองได้ผลประโยชน์ ไม่ว่าจะมากหรือน้ อยก็ตามเเต่การที่ตนได้
ผลประโยชน์นั้นมาจากการที่เราต้องไปขโมย ใส่ร้ายหรืออะไรก็ตาม
เเต่ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย คำว่าผู้อื่นในที่นี้หมายถึง
ครอบครัว เพื่อน หรือตัวบุคคลที่ถูกกระทำ อย่างในบทความเราจะ
เห็นได้ว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนไปด้วยได้เเก่ ภรรยา
ลูกน้อย เเละชายหนุ่มเจ้าของสวน ภรรยาเเละลูกน้อยเดือดร้อน
โดยการที่พวกเธอต้องอยู่อย่างลำบากไม่มีหัวหน้าครอบครัว เด็ก
อาจโตมาเป็ นเด็กมีปั ญหาได้ ส่วนชายหนุ่มเจ้าของสวนถึงเเม้เขาจะ
ได้รับเงินที่ชายผู้นั้นเเอบเอาไม้ของตนไปขายเเต่ตัวเจ้าของสวนก็
ไม่ได้มีความสุขมากมายขนาดนั้น เพราะตัวเขาก็เเอบสงสารภรรยา
เเละเด็กน้ อยที่ไม่รู้เรื่ องอะไรด้วยกลับต้องมาโดนยึดเงินทองไปหมด
เพียงเพราะความโลภเเท้ๆ นอกจากนี้ตัวเจ้าของสวนยังได้รับผลกระทบ
คือป่ าไม้ที่เขาตั้งใจเลี้ยงดูเป็ นอย่างดีเพื่อค้าขายในอนาคต อีกทั้งป่ านี้ยัง
ปลูกมาตั้งเเต่สมัยพ่อเเละเเม่ของเขา ใครจะไปคิดว่าป่ าที่เขาตั้งใจดูเเละ
ถนอมมาอย่างดีต้องมาสลายหายไปในพริบตา ดังนั้นการที่เรามีความ
โลภอยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้มันไม่ใช่เรื่องเเปลก มันถูกเเล้วที่เราอยากมีอยาก
ได้เพื่อที่จะสบายได้ภายภาคหน้า เเต่เราก็ควรตระหนักรู้ไว้ว่าการที่เราจะ
มีเงินไว้เก็บไว้ใช้ได้ มันไม่จำเป็ นที่จะต้องไปเบียดเบียนผู้อื่นเลย ร่างกาย
เราก็มีเหมือนเขา มีเเขนขา เท่ากันทำไมเราไม่เลือกที่จะสู้เเละทำมา
หากินด้วยสองขาเเละเเรงของเราเอง ถึงต่อให้เราไม่สมบูรณ์เหมือนคน
อื่นเราก็ไม่ควรไปเบียดเบียนใครเช่นกันทุกปั ญหามีทางออกเเน่นอน เรา
เเค่ต้องคิดหาทางออกของปั ญหาก็เท่านั้น การไม่เบียดเบียนใครดีที่สุด
เเล้ว การที่เราหามาได้โดยตนเองไม่ได้ทำให้มีผลกระทบเดือดร้อนต่อ
ใคร เเต่กลับเป็ นคนที่เบียดเบียนผู้อื่นจะต้องเสียทุกอย่างไปเเล้วมานั่ ง
ทุกข์ทรมานเเล้วคิดโทษตัวเองเมื่ อสายไป
‘‘ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติเเละให้เกียรติผู้อื่นอยู่
เสมอ ไม่เบียดเบียนหรือทำนาบนหลังใครเพื่อให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
เเละเพื่อลดปั ญหาความไม่เท่าเทียมรวมทั้งลดปั ญหาผลกระทบจากสิ่งที่
เกิดจากการเอาเปรียบใคร เรายืนด้วยตนเองได้ถึงเเม้จะล้มกลิ้งกี่ครั้ง
เราลุกขึ้นมาด้วยสองมือสองเท้าเราเอง ดีกว่ายืมมือยืมเท้าใครช่วยให้
เราลุกเมื่อมั่นคงเเล้วค่อยถีบสองมือสองเท้าที่มีบุญคุณนั้นไป ‘’
น.ส.รักตาภา บุญคุ้ม ม.4/4 เลขที่ 3