คมู่คอืมู่ เอืตเรตียรมียทมดทสดอสบอมบามตารตฐราฐนาฝนี มฝีอืมแอื รแงรงงางนาแนหแ่งหช่งาชตาิติ
กลกมุ่ลสมุ่ าสขาาขอาาอชาพี ชชพี า่ ชงา่ องตุอสตุ าสหากหากราร
สสาขาขาอาาอชาีพชีพช่าชง่าเงชเื�อชื�มอมททิกิกระรดะดบั บั ๑๑
(ภ(ภาคาคควาวมามร)รู้ )ู้
คำนำ
กรมพัฒนาฝมี อื แรงงาน เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาฝีมือ
แรงงานให้แก่กลุ่มแรงงานใหม่ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ให้มีความรู้
ความสามารถตามความต้องการของตลาดแรงงาน และพัฒนากลุ่มแรงงานท่ี
อยู่ในตลาดแรงงานให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้
พัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพต่างๆ ให้สอดคล้องกับความ
ต้องการตลาดแรงงานและความเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี เพื่อใช้ในการ
ทดสอบความรู้ ความสามารถ และทัศนคติของแรงงานก่อนเข้าสู่สถาน
ประกอบกจิ การ
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดทาคู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมือ
แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชื่อมทิก ระดับ ๑ (ภาคความรู้) โดยมี
วัตถุประสงค์เพ่ือเผยแพร่ให้แก่ผู้สนใจท่ีจะเข้ารับการทดสอบได้ศึกษา ค้นคว้า
เนื้อหาที่ใช้ในการทดสอบภาคความรู้ก่อนเข้ารับการทดสอบ ซึ่งจะช่วยสร้าง
โอกาสในการทางาน และสามารถนาความรูไ้ ปใช้ในการประกอบอาชีพไดอ้ กี ดว้ ย
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐาน
ฝีมือแรงงานแห่งชาติเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อแรงงาน ผู้ประกอบกิจการ และ
ผู้สนใจ ตลอดจนหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
แห่งชาติ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
แห่งชาติมปี ระสิทธภิ าพสูงสุดตอ่ ไป
หมอ่ มหลวงปณุ ฑริก สมิติ
อธบิ ดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
กนั ยายน ๒๕๕๘
สำรบัญ
บทท่ี ๑ บทนา ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมอื แรงงาน หน้ำ
๑.๑ เรอ่ื ง มาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเช่ือมทิก 1
๑.๒ เรอ่ื ง คณุ สมบัตขิ องผู้เข้ารบั การทดสอบ สาขาอาชีพ 14
ชา่ งเช่อื มทิก
๑.๓ เรื่อง วธิ ีการทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานและการออก 16
หนังสอื รับรองวา่ เปน็ ผ้ผู ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือ
แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอ่ื มทิก ระดบั ๑
บทท่ี ๒ หัวขอ้ วชิ า
๒.๑ ความปลอดภยั ท่วั ไปในพ้ืนท่ปี ฏบิ ตั งิ าน 19
๒.๒ ความปลอดภัยในการเชื่อมและตัด 21
๒.๓ การใชเ้ ครอื่ งมือวัด 36
๒.๔ การใชเ้ ครื่องมือท่ัวไป 37
๒.๕ การใช้เครอ่ื งมือกล 38
๒.๖ เคร่อื งเชอ่ื มอปุ กรณแ์ ละวงจรไฟฟ้า 38
๒.๗ เทคโนโลยกี ารเช่อื ม 45
๒.๘ สมบัติและความสามารถเช่ือมได้ของโลหะ 49
๒.๙ ลวดเติมและแก๊สปกป้อง 53
๒.๑๐ ขอ้ กาหนดกรรมวิธกี ารเช่อื ม 63
๒.๑๑ คณิตศาสตร์ประยุกต์ที่สมั พนั ธก์ บั การรา่ งแบบงานเช่อื ม 64
๒.๑๒ วทิ ยาศาสตรเ์ บอื้ งต้นท่ีสัมพนั ธก์ ับงานเชื่อม 65
๒.๑๓ การตรวจสอบและการรบั รองงานเชือ่ ม 66
๒.๑๔ ทอ่ เหล็กกล้า 76
บทท่ี ๓ บทสรปุ คมู่ ือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ 77
สาขาอาชพี ช่างเชือ่ มทิก ระดับ ๑ (ภาคความรู้)
บทที่ ๑ บทนำ
ประกำศคณะกรรมกำรส่งเสรมิ กำรพัฒนำฝมี ือแรงงำน
-------------------------
๑.๑ ประกำศคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรพัฒนำฝมี อื แรงงำน เร่ือง มำตรฐำน
ฝมี อื แรงงำนแหง่ ชำติ สำขำอำชพี ช่ำงเชื่อมทกิ
เลม่ ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๓๙ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
ประกาศคณะกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝมี ือแรงงาน
เรื่อง มาตรฐานฝมี ือแรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเช่ือมทกิ
--------------------------
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ
ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานพ.ศ. ๒๕๔๕ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา
ฝีมือแรงงาน จึงกาหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชื่อมทิก
โดยความเหน็ ชอบของรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงแรงงาน ดังต่อไปน้ี
ข้อ ๑ ในประกาศน้ี สาขาอาชีพช่างเช่ือมทิก หมายถึง ผู้ที่ทาการเชื่อม
เหล็กกล้าคาร์บอนหรือเหล็กกล้าสเตนเลสด้วยมือหรือกึ่งอัตโนมัติ โดย
กระบวนการเช่อื มอารก์ ซง่ึ ใชแ้ ท่งทังสเตนเป็นอิเล็กโทรด และใช้แก๊สเฉ่ือยเป็น
แก๊สปกป้อง
ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเช่ือมทิก แบ่ง
ออกเป็น ๓ ระดับ
๒.๑ ระดับ ๑ หมายถึง ผู้ที่สามารถเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอนหรือ
เหล็กกล้าสเตนเลสด้วยมอื หรือก่ึงอัตโนมัติ โดยกระบวนการเช่ือมอาร์กซ่ึงใช้แท่ง
ทงั สเตนเป็นอิเล็กโทรด และใช้แก๊สเฉ่ือยเป็นแก๊สปกป้องท่ีเป็นแนวเชื่อมฟิลเล็ท
(Fillet Weld) ทั้งในลักษณะการเช่ือมเหล็กแผ่นกับเหล็กแผ่น และเหล็กแผ่น
กับท่อ ในตาแหน่งท่าเชื่อมต่างๆ ได้ทุกตาแหน่ง ตามมาตรฐาน ISO ๙๖๐๖-๑
โดยมคี ุณภาพของรอยเช่ือม ระดับ B Class ตามมาตรฐาน ISO ๕๘๑๗
คู่มือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 1
๒.๒ ระดับ ๒ หมายถึง ผู้ที่สามารถเช่ือมเหล็กกล้าคาร์บอนหรือ
เหล็กกลา้ สเตนเลสดว้ ยมือหรือกึ่งอัตโนมัติ โดยกระบวนการเชื่อมอาร์กซึ่งใช้แท่ง
ทังสเตนเป็นอิเล็กโทรด และใช้แก๊สเฉ่ือยเป็นแก๊สปกป้องที่เป็นแนวเชื่อมต่อชน
(Butt - Weld) ในลักษณะการเช่ือมเหล็กแผ่นกับเหล็กแผ่น ในตาแหน่งท่าเชื่อม
ต่างๆ ได้ทุกตาแหน่ง ตามมาตรฐาน ISO ๙๖๐๖-๑ โดยมีคุณภาพของรอยเชื่อม
ระดบั B Class ตามมาตรฐาน ISO ๕๘๑๗
๒.๓ ระดับ ๓ หมายถึง ผู้ที่สามารถเช่ือมเหล็กกล้าคาร์บอนหรือ
เหล็กกลา้ สเตนเลสดว้ ยมอื หรือก่ึงอัตโนมัติ โดยกระบวนการเช่ือมอาร์กซ่ึงใช้แท่ง
ทังสเตนเป็นอิเล็กโทรด และใช้แก๊สเฉื่อยเป็นแก๊สปกป้องที่เป็นแนวเชื่อมต่อชน
(Butt - Weld) ในลักษณะการเช่ือมท่อ ในตาแหน่งท่าเชื่อมต่างๆ ได้ทุกตาแหน่ง
ตามมาตรฐาน ISO ๙๖๐๖-๑ โดยมีคุณภาพของรอยเช่ือม ระดับ B Class ตาม
มาตรฐาน ISO ๕๘๑๗
ข้อ ๓ ข้อกาหนดทางวิชาการท่ีใช้เป็นเกณฑ์วัดความรู้ความสามารถ
และทัศนคติในการทางานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างเชื่อมทิกให้
เป็นดังนี้
๓.๑ มาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ ระดับ ๑ ได้แก่
๓.๑.๑ ความรู้ ประกอบด้วยขอบเขตความรู้ ความเข้าใจ
ในเรอื่ งดังตอ่ ไปน้ี
๓.๑.๑.๑ ความปลอดภัยทั่วไปในพ้ืนท่ีปฏิบัติงาน
(General Safety in the Working Area)
(๑) ประเภทของอุบัติเหตุต่างๆ ท่ีสามารถเกิดขึ้น
ได้ทวั่ ไปในสภาพแวดลอ้ มของการทางาน การรู้สาเหตแุ ละขัน้ ตอนต่างๆ จะสามารถ
นามาใชป้ ้องกนั อบุ ตั ิเหตไุ ด้
(๒) สาเหตุของการเกิดอัคคีภัยและการระเบิด
มาตรการป้องกนั การเกดิ อคั คีภัย ชนิดของเคร่อื งดบั เพลิงและข้อแนะนาการใช้
คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 2
(๓) การรู้จักใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น
แว่นตานิรภัย แว่นตาเชื่อม หน้ากากเช่ือม ถุงมือ เอี๊ยมกันไฟ รองเท้านิรภัย
อปุ กรณป์ ้องกันหู กรองอากาศ ปอ้ งกันศรี ษะ
(๔) การตรวจสอบสถานที่ทางานสาหรับความ
ปลอดภัยและสภาพแวดล้อมของการทางานเชื่อม หลักการในการจัดการและ
การรักษาความปลอดภยั ในทที่ างาน
(๕) หลักการในการใช้เคร่ืองมือ (Hand Tools)
และเครอ่ื งมอื กล (Power Tools) อยา่ งปลอดภัย
(๖) การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นจากไฟไหม้ บาดเจ็บ
เลก็ น้อยและบาดเจบ็ สาหสั
(๗) หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในการดูแล
บคุ คลบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูด ซ่ึงจะรวมถึงการป้ัมหัวใจ (Coronary Pulmonary
Resuscitation : CPR)
(๘) การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสาหรับผู้ได้รับ
ควนั ไอระเหย และแกส๊ ที่เป็นพิษ
(๙) กฎระเบียบที่สัมพันธ์กับภาวการณ์ทางาน
ความปลอดภัย การถูกสุขลักษณะและสิ่งแวดล้อมภายในและรอบๆ พื้นที่
ทางาน
๓.๑.๑.๒ ความปลอดภัยในการเช่ือมและตัด
(Welding and Cutting Safety)
(๑) มาตรการป้องกันสว่ นบคุ คลสาหรบั การเกิด
ไฟฟ้าดูดรังสไี หมผ้ ิวหนังและตา การบาดเจ็บจากโลหะร้อน สะเก็ดจากการตัด
แก๊สและเช่ือม ควันที่ออกมาจากการเผาไหม้ของไอระเหยของโลหะเติมและ
ชิน้ งานเช่ือม
(๒) มาตรการป้องกันการเกิดอัคคีภัยขณะทางาน
ใกลว้ สั ดุตดิ ไฟ
คู่มือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 3
(๓) การเกิดแก๊สพิษเนื่องจากการเช่ือมและการ
ตัดแก๊ส การบาดเจ็บของช่างเชื่อมจากแก๊สพิษที่เกี่ยวข้องกับการเช่ือมและการ
ตัดแก๊ส
(๔) มาตรการปอ้ งกันในการใชท้ อ่ แก๊สความดันสูง
(๕) มาตรการป้องกันการเกิดอันตรายขณะ
ทางานใกล้เครือ่ งมอื อปุ กรณ์ทอ่ี ยู่ในพื้นที่ทาการเช่ือม
๓.๑.๑.๓ การใช้เคร่ืองมือวัด (Measuring Tools)
(๑) การใช้เคร่ืองมือร่างแบบ เช่น สายวัดระยะ
ฉาก บรรทัดเหล็ก เวอรเ์ นยี คาลปิ เปอร์ โปรแทรกเตอร์ ระดบั น้า และบรรทดั ออ่ น
(๒) การใช้เคร่ืองมือวัดอุณหภูมิ เช่น ท่ีวัดแบบ
สัมผัส (Contact Pyrometer) ชอล์ควัดอุณหภูมิ สีวัดอุณหภูมิ และเทอร์โม
คัปเปล้ิ
(๓) การใช้อุปกรณ์การวัดแนวเชื่อม (เกจวัด
แว่นขยาย ไฟฉาย กระจกเงา ฯลฯ)
(๔) การดแู ลและบารงุ รักษาเครื่องมือวัด
๓.๑.๑.๔ การใช้เครอื่ งมอื ทว่ั ไป (Hand Tools)
(๑) คมี คีมลอ็ ค แคลมป์ ปากกา
(๒) ตะไบและเลอื่ ยมือ
(๓) ค้อน และสกดั
(๔) ดอกสวา่ นและเครอ่ื งเจาะ
(๕) ประแจตา่ งๆ
(๖) ชะแลง ลมิ่ แม่แรงยกของ
(๗) แปรงลวด
(๘) หินเจีย (Hand Grinder)
(๙) การดูแลและบารุงรกั ษาเครอ่ื งมือ
๓.๑.๑.๕ การใช้เครอื่ งมือกล (Power Tools)
คู่มอื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 4
(๑) เครอ่ื งเจยี แทง่ ทังสเตนอิเล็กโทรด
(๒) เคร่ืองขดั ผวิ โลหะ
(๓) เครื่องกดไฮดรอลิกส์
(๔) เคร่อื งทดสอบการดดั งอ
(๕) เครื่องตดั ชิ้นงานและเคร่อื งเล่ือย
(๖) อุปกรณ์จบั ยดึ
(๗) เครอื่ งดูดควนั
(๘) การดูแลและบารุงรักษาเครื่องมอื กล
๓.๑.๑.๖ เคร่ืองเช่ือม อุปกรณ์และวงจรไฟฟ้า
(Welding Power sources and Related Electrical Circuits)
(๑) ชนิดของเคร่อื งเชือ่ ม
(๒) การติดตงั้ เครื่องเชอ่ื ม และชุดแกส๊ ปกป้อง
(๓) ขั้นตอนการทางานของระบบเครื่องเชื่อม
และอุปกรณ์
(๔) วัฏจักรการทางาน (Duty - cycle) ของ
เคร่ืองเชื่อม
(๕) ความต้านทานไฟฟ้าของสายเชอ่ื มและข้อต่อ
(๖) การต่อขัว้ สายไฟเชื่อมกบั ชน้ิ งาน
(๗) การเลือกใช้ การบารุงรักษา การตรวจสอบ
อุปกรณ์ เช่น หัวเช่ือม สายเชื่อม อุปกรณ์ปรับกระแส (Remote Control)
ขั้วเช่อื ม ขอ้ ตอ่ สายเชื่อม
(๘) ชนดิ ของกระแสไฟเช่ือม และชนิดของพัลส์
(Pulse)
(๙) ขนาดและสัญลักษณ์สีของขวดแก๊ส อุปกรณ์
ปรับความดัน และมาตรวัดอตั ราการไหลของแกส๊
(๑๐) อปุ กรณร์ ะบบระบายความร้อนด้วยน้า
คมู่ อื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอื่ มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 5
๓.๑.๑.๗ เทคโนโลยกี ารเชอื่ ม (Welding Technology)
(๑) ประเภทของการอาร์ก (Short-arc) การอาร์ก
ใชค้ วามถ่สี งู (High frequency)
(๒) หลักการพื้นฐานของการเชื่อมทิก และ
เทคนคิ การปอ้ นลวดเติม
(๓) ค่ากระแสและแรงดันไฟฟ้า และความเร็ว
สาหรับการเคลอ่ื นหวั เชือ่ มทกิ
(๔) ประเภท ขนาด สมบตั ขิ องหัวครอบ และการ
บารุงรกั ษา (Nozzle)
(๕) การป้องกัน และการแก้ไขการบิดตัวของ
ความเคน้ ตกคา้ ง
(๖) ความสัมพันธ์ระหว่างท่าเชื่อม ตาม ISO
๖๙๔๗ และ AWS A ๒.๔ และเทคนคิ การเชื่อมเดนิ หน้า
(๗) ผลกระทบของระยะยื่น (Stick out) ของ
อิเล็กโทรดทังสเตน
(๘) หลักการของระบบพลั ส์ (Pulse system)
(๙) สมบัติของแก๊สปกป้อง และการเลือกใช้
อัตราการไหลของแกส๊
(๑๐) การเลอื กชนิด และการเจียแต่งปลายแท่ง
ทงั สเตน
(๑๑) การเลือกใช้แกส๊ เลนซ์
(๑๒) การปรับค่าความสมดุลของกระแสสลับ
(AC Balance)
๓.๑.๑.๘ สมบัติและความสามารถเชื่อมได้ของ
โลหะ (Weld ability of Metals)
(๑) ชนดิ และช้นั คุณภาพของเหลก็ กลา้
คูม่ ือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 6
(๒) สมบตั เิ หล็กกลา้ รวมไปถงึ ค่าความตา้ นแรงดึง
คา่ ความตา้ นทานแรงกระแทก ความแข็ง ความเหนียวแน่น (Toughness) ลักษณะ
การกดั กร่อน
(๓) กรรมวิธีของการตรวจสอบคุณภาพ รวมไปถึง
การทดสอบแบบทาลาย และการทดสอบแบบไมท่ าลาย
(๔) มาตรฐานเกี่ยวกับโลหะชิ้นงาน เช่น ISO
๖๓๐, JISG ๓๑๐๑, DIN ๑๗๑๐๐, ASTM A๓๖ W๐๑ และ W๑๑ ฯลฯ
(๕) สมบัติทางเคมี และการกัดกร่อนของโลหะ
ชิน้ งาน
(๖) รูปทรงของเหล็กกล้า แผ่นบาง แผ่นหนา
เส้นแบน กลม ฉาก ราง เหล็กตัวไอ เหล็กตัวเอ็ช หน้าแปลน ท่อ (Pipe) ท่อบาง
(Tube) กลม ส่ีเหล่ียม
๓.๑.๑.๙ ลวดเติมและแก๊สปกป้อง (Filler Rod and
shielding gases)
(๑) ข้อกาหนดตามมาตรฐานของลวดเติม สาหรับ
เหลก็ กลา้ คารบ์ อนและเหล็กกลา้ เจอื
(๒) การเลอื กชนดิ ของลวดเติม ขนาดความสามารถ
ใชไ้ ด้ของลวดเติม
(๓) การเกบ็ รักษาการใชล้ วดเติม
(๔) การปรับต้ังกระแสไฟให้เหมาะสมกับความ
หนาของชิ้นงาน และทา่ เช่อื ม
(๕) การกาหนดข้วั เช่ือมเปน็ DC+ หรือ DC-
(๖) ชนิด มาตรฐานของแก๊สปกป้องและการ
เลือกใช้
(๗) ผลกระทบของการเอยี งหัวเชือ่ มแบบเดนิ หนา้
คู่มอื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพช่างเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 7
(๘) ผลกระทบของการใช้ปริมาณของแก๊สปกป้อง
มากหรอื น้อยเกินไป
(๙) แก๊สปกปอ้ งด้านหลังแนวราก ความจาเป็น
ในการใช้ และวธิ ีการใช้
๓.๑.๑.๑๐ ข้อกาหนดกรรมวิธีการเชื่อม (Welding
Procedure Specifications)
(๑) จดุ มุ่งหมาย ตามข้อกาหนดกรรมวิธกี ารเช่ือม
(๒) การกาหนดค่าพารามเิ ตอร์ของการเชอื่ ม
(๓) การเลอื กลวดเตมิ ใหเ้ หมาะกับโลหะชน้ิ งาน
(๔) สัญลักษณง์ านเช่อื ม ตาม ISO ๖๙๔๗ และ
AWS A ๒.๔
(๕) ลักษณะเฉพาะของแนวต่องานเช่ือม รวมท้ัง
ชนดิ แนวต่อรูปทรงเรขาคณติ ขนาดที่สัมพันธ์กบั สญั ลกั ษณง์ านเชื่อม
๓.๑.๑.๑๑ คณิตศาสตร์ประยุกต์ที่สัมพันธ์กับการ
ร่างแบบงานเช่ือม (Applied Mathematics Related to Layout and
Welding)
(๑) คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน การบวก ลบ คูณ หาร
การหารอ้ ยละ
(๒) การวัดและการคานวณความยาว มุม พื้นที่
ปรมิ าตร นา้ หนกั ความดนั
(๓) การแปลงหน่วยของมาตรวัด มาตรฐานต่างๆ
(๔) การใช้เครือ่ งคานวณ
๓.๑.๑.๑๒ วิทยาศาสตร์เบื้องต้นท่ีสัมพันธ์กับงาน
เชื่อม (Basic Science Related to Welding)
(๑) สาเหตุและการป้องกันการกัดกร่อนและ
การสึกหรอ
ค่มู อื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพช่างเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 8
(๒) โลหะวิทยาท่ีสัมพันธ์กับงานเชื่อมอิทธิพล
ของความร้อนท่ีมีต่อช้ินงานเชื่อมการอุ่นช้ินงาน (Preheat) และการให้ความ
ร้อนหลังเชอ่ื ม (Post-heat)
๓.๑.๑.๑๓ การตรวจสอบและการรบั รองงานเชื่อม
(Inspection and Welding Qualification)
(๑) การตรวจสอบพินิจตัวแปรของงานโดยช่าง
เชอ่ื มในระหว่างการเชื่อม
(๒) การตรวจสอบพินิจตัวแปรของงานโดยช่าง
เชอื่ มในระหว่างการเชอื่ ม
(๓) การตรวจสอบพินิจ ความนูนด้านหน้าแนว
เช่ือมและด้านราก ภายหลังจากการเช่ือมเสร็จ (รวมท้ังแนวกัดแหว่ง รูพรุน
สารฝังใน (Inclusion) การหลอมไม่สมบูรณ์ รอยร้าว ความกว้าง ความสูง
รปู ร่างแนวเช่อื ม ความสม่าเสมอของแนวเชือ่ ม)
(๔) การวัดขนาดแนวเช่ือม
(๕) การตรวจสอบดว้ ยรังสี (RT)
(๖) การซ่อมจุดบกพร่อง (Defects) ของชิ้นงาน
ก่อนและหลังการเช่ือมเสรจ็
(๗) การทดสอบการดัดโค้ง (Bending Test)
๓.๑.๑.๑๔ ท่อเหลก็ กลา้ (Steel Pipe)
(๑) ชนิดและขนาดของทอ่
(๒) การวัดความกลม เสน้ ผ่านศูนย์กลาง ความ
หนาของผนัง ความเหลอ่ื ม (Misalignment) การรว่ มศนู ย์เดยี วกัน
(๓) ข้อต่อทอ่ หนา้ แปลน
(๔) การต่อท่อ การปรับรอยต่อ ข้อต่อท่อและ
หน้าแปลน
(๕) คุณภาพของงานเชื่อมท่อ
คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 9
(๖) การซ่อมข้อบกพร่องของแนวเช่ือมทอ่
๓.๑.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถ
ในการปฏบิ ตั งิ าน ดังต่อไปนี้
๓.๑.๒.๑ การทางานอยา่ งปลอดภยั (Working Safety)
(๑) การปอ้ งกันอุบัติเหตจุ ากการปฏิบัติงานเชอ่ื ม
(๒) มาตรการป้องกันอัคคีภัย การรู้ตาแหน่ง
ของเคร่ืองดบั เพลิง
(๓) การสวมใส่และการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วน
บคุ คลที่เหมาะสม
(๔) การรักษาพื้นที่ทางานให้ปลอดภัย สะอาด
และเปน็ ระเบียบ
(๕) การใช้หน้ากากกรองแสง การระบายอากาศ
และแสงสว่างอย่างเหมาะสม
(๖) การใช้เครือ่ งมือและอปุ กรณอ์ ย่างปลอดภัย
และถูกวธิ ี
(๗) การป้องกันอุบัติเหตุในการทางานในสถานที่
จากดั
(๘) การป้องกันแกส๊ พษิ จากปฏบิ ัติงานเช่ือม
๓.๑.๒.๒ การใช้เคร่ืองมือวัด อุปกรณ์และเคร่ืองมือ
ร่างแบบ (Measuring Equipment and Drawing Tool)
(๑) ใชเ้ ครื่องมือวดั อุปกรณ์และเครือ่ งมอื รา่ งแบบ
ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและปลอดภัย
(๒) ร่างแบบบนชิ้นงานเช่ือมอย่างถูกต้อง โดยใช้
ตลบั เมตร ฉาก บรรทัดนาศูนย์
(๓) ใช้เคร่ืองวัดอัตราการไหล เกจวัดแรงดัน
เคร่ืองมอื วัดอุณหภูมิ และมาตรวดั ไฟฟา้ ไดอ้ ย่างถกู ต้องและปลอดภัย
คมู่ อื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 10
(๔) เก็บรักษาเคร่ืองมือวัด และเครื่องมือร่าง
แบบไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
๓.๑.๒.๓ การใช้เครื่องมือและเคร่ืองมือกล ได้อย่าง
ถูกต้องและปลอดภัย
(๑) ใชเ้ คร่ืองมือและเคร่ืองมือกล ได้อย่างถูกต้อง
และปลอดภัย
(๒) เก็บรกั ษาเครอ่ื งมือ และเครื่องมือกล ได้อย่าง
เหมาะสม
๓.๑.๒.๔ สามารถเช่ือมเหล็กกล้าคาร์บอนหรือ
เหลก็ กล้าสเตนเลสด้วยมอื หรือก่ึงอัตโนมัติ โดยกระบวนการเชื่อมอาร์กซ่ึงใช้แท่ง
ทังสเตนเป็นอิเล็กโทรด และใช้แก๊สเฉื่อยเป็นแก๊สปกป้องที่เป็นแนวเชื่อมฟิลเล็ท
(Fillet Weld) ทั้งในลักษณะการเชื่อมเหล็กแผ่นกับเหล็กแผ่นและเหล็กแผ่นกับ
ท่อ ท่ีมีความหนา ๑.๕ มิลลิเมตร ถึง ๓ มิลลิเมตร ในตาแหน่งท่าเช่ือมต่างๆ ได้
ทุกตาแหน่ง ตามมาตรฐาน ISO ๙๖๐๖-๑ โดยมีคุณภาพของรอยเชื่อม ระดับ
B Class ตามมาตรฐาน ISO ๕๘๑๗
๓.๑.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานท่ีตรงต่อ
เวลา การรักษาวินัยในการทางาน ความปลอดภัยในการทางาน ความซื่อสัตย์
ความละเอียดรอบคอบ และความประหยดั
๓.๒ มาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ ระดับ ๒ ได้แก่
๓.๒.๑ ความรู้ ประกอบดว้ ย ขอบเขตความรู้ ความเข้าใจ ใน
เรอื่ งตา่ งๆ ตามที่กาหนดไวใ้ นมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ขอ้ ๓.๑.๑
๓.๒.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถ
ในการปฏิบตั งิ าน ดังตอ่ ไปน้ี
๓.๒.๒.๑ การทางานอย่างปลอดภัย (Working
Safety) ตามที่กาหนดไว้ในมาตรฐานฝมี ือแรงงานแห่งชาติ ระดบั ๑ ข้อ ๓.๑.๒.๑
คมู่ อื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอื่ มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 11
๓.๒.๒.๒ การใช้เคร่ืองมือวัด อุปกรณ์และเครื่องมือ
ร่างแบบ (Measuring Equipment and Drawing Tool) ตามท่ีกาหนดไว้ใน
มาตรฐานฝมี ือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ขอ้ ๓.๑.๒.๒
๓.๒.๒.๓ การใช้เครื่องมือ และเคร่ืองมือกล ได้
อย่างถูกต้องและปลอดภัย ตามท่ีกาหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
ระดับ ๑ ขอ้ ๓.๑.๒.๓
๓.๒.๒.๔ สามารถเช่ือมเหล็กกล้าคาร์บอนหรือ
เหล็กกล้าสเตนเลสด้วยมือหรือกึ่งอัตโนมัติ โดยกระบวนการเช่ือมอาร์กซ่ึงใช้
แท่งทังสเตนเป็นอิเล็กโทรด และใช้แก๊สเฉ่ือยเป็นแก๊สปกป้อง ที่เป็นแนว
เชื่อมต่อชน (Butt Weld) ในลักษณะการเชื่อมเหล็กแผ่นกับเหล็กแผ่น ท่ีมี
ความหนา ๑.๕ มิลลิเมตร ถึง ๓ มิลลิเมตร ในตาแหน่งท่าเช่ือมต่างๆ ได้ทุก
ตาแหน่ง ตามมาตรฐาน ISO ๙๖๐๖-๑ โดยมีคุณภาพของรอยเชื่อม ระดับ B
Class ตามมาตรฐาน ISO ๕๘๑๗
๓.๒.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานท่ีตรงต่อ
เวลา การรักษาวินัยในการทางาน ความปลอดภัยในการทางาน ความซ่ือสัตย์
ความละเอียดรอบคอบ และความประหยัด
๓.๓ มาตรฐานฝมี ือแรงงานแห่งชาติ ระดบั ๓ ได้แก่
๓.๓.๑ ความรู้ ประกอบดว้ ย ขอบเขตความรู้ ความเข้าใจ
ในเร่ืองต่างๆ ตามที่กาหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ข้อ
๓.๑.๑
๓.๓.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถ
ในการปฏิบัติงาน ดงั ต่อไปนี้
๓.๓.๒.๑ การทางานอยา่ งปลอดภัย (Working Safety)
ตามทกี่ าหนดไว้ในมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ ระดบั ๑ ขอ้ ๓.๑.๒.๑
คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 12
๓.๓.๒.๒ การใช้เครื่องมือวัด อุปกรณ์และเคร่ืองมือ
ร่างแบบ (Measuring Equipment and Drawing Tool) ตามท่ีกาหนดไว้ใน
มาตรฐานฝมี ือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ขอ้ ๓.๑.๒.๒
๓.๓.๒.๓ การใช้เครื่องมือ และเคร่ืองมือกล ได้
อย่างถูกต้องและปลอดภัย ตามท่ีกาหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
ระดับ ๑ ขอ้ ๓.๑.๒.๓
๓.๓.๒.๔ สามารถเช่ือมเหล็กกล้าคาร์บอนหรือ
เหล็กกล้าสเตนเลสด้วยมือหรือก่ึงอัตโนมัติ โดยกระบวนการเชื่อมอาร์กซ่ึงใช้
แท่งทังสเตนเป็นอิเล็กโทรด และใช้แก๊สเฉ่ือยเป็นแก๊สปกป้อง ท่ีเป็นแนว
เชือ่ มต่อชน (Butt-Weld) ในลักษณะการเช่ือมท่อ ที่มีความหนา ๒ มิลลิเมตร
ถึง ๖ มิลลิเมตร ในตาแหน่งท่าเช่ือมต่างๆ ได้ทุกตาแหน่ง ตามมาตรฐาน ISO
๙๖๐๖-๑ โดยมีคุณภาพของรอยเชื่อม ระดับ B Class ตามมาตรฐาน ISO
๕๘๑๗
๓.๓.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานที่ตรงต่อ
เวลา การรักษาวินัยในการทางาน ความปลอดภัยในการทางาน ความซื่อสัตย์
ความละเอยี ดรอบคอบ และความประหยดั
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สมเกียรติ ฉายะศรวี งศ์
ปลดั กระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการสง่ เสริมการพฒั นาฝมี อื แรงงาน
คมู่ ือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 13
๑.๒ ประกำศคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรพัฒนำฝีมือแรงงำน เรื่อง คุณสมบัติ
ของผู้เข้ำรับกำรทดสอบ สำขำอำชีพช่ำงเช่ือมทกิ
เลม่ ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๓๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ๒๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๕
ประกาศคณะกรรมการส่งเสรมิ การพัฒนาฝีมอื แรงงาน
เรื่อง คุณสมบตั ิของผูเ้ ข้ารบั การทดสอบ สาขาอาชพี ชา่ งเช่ือมทิก
--------------------------
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสามแห่งพระราชบัญญัติ
ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานพ.ศ. ๒๕๔๕ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา
ฝีมือแรงงาน จึงกาหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างเชื่อม
ทิก ไว้ดังต่อไปน้ี
ขอ้ ๑ มาตรฐานฝมี ือแรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชื่อมทิก ระดบั ๑
๑.๑ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องมีอายุไม่ต่ากว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์นับ
ถึงวันสมคั รเข้ารบั การทดสอบ และ
๑.๒ มปี ระสบการณก์ ารทางานหรือประกอบอาชีพเก่ียวกับสาขา
อาชีพชา่ งเช่ือมทกิ ไมน่ ้อยกว่า ๑ ปี หรอื
๑.๓ ผ่านการฝึกเตรียมเข้าทางาน (Pre-Employment) สาขา
อาชพี ชา่ งเช่ือมไม่นอ้ ยกว่า ๒๐๐ ชัว่ โมง หรือผา่ นการฝึกยกระดับ (Up-Grade
Training) สาขาอาชีพช่างเชื่อมทิกไม่น้อยกว่า ๙๐ ชั่วโมง หรือผ่านการ
ฝึกอบรมตามหลักสูตรช่างเช่ือมสากล (International Welder Course) ไม่
น้อยกว่า ๙๐ ชั่วโมง หรือผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องกับสาขา
อาชพี ช่างเชือ่ มทิกไม่น้อยกวา่ ๑๒๐ ชว่ั โมง หรอื
๑.๔ เป็นผ้ทู ่จี บการศึกษาไม่ต่ากว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
ในสาขาอาชีพท่ีเกี่ยวขอ้ งกับอาชีพน้ี
ข้อ ๒ มาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชื่อมทกิ ระดบั ๒
คูม่ อื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 14
๒.๑ มีประสบการณ์การทางานหรอื ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขา
อาชีพช่างเชื่อมทิกไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรอง
มาตรฐานฝมี ือแรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเช่อื มทิก ระดบั ๑ หรือ
๒.๒ ได้คะแนนรวมท้ังภาคความรู้และภาคความสามารถในการ
ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเช่ือมทิก ระดับ ๑
ไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละแปดสบิ
ข้อ ๓ มาตรฐานฝมี ือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชื่อมทกิ ระดบั ๓
๓.๑ มีประสบการณก์ ารทางานหรอื ประกอบอาชีพเก่ียวกับสาขา
อาชีพช่างเช่ือมทิกไม่น้อยกว่า ๑ ปี นับต้ังแต่วันท่ีได้รับหนังสือรับรอง
มาตรฐานฝีมือแรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเช่ือมทกิ ระดับ ๒ หรือ
๓.๒ ได้คะแนนรวมท้ังภาคความรู้และภาคความสามารถในการ
ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชื่อมทิก ระดับ ๒ ไม่
ตา่ กวา่ รอ้ ยละแปดสิบ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์
ปลดั กระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน
คมู่ อื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 15
๑.๓ ประกำศคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรพัฒนำฝีมือแรงงำน เรื่อง วิธีกำร
ทดสอบมำตรฐำนฝีมือแรงงำน และกำรออกหนังสือรับรองว่ำเป็นผู้ผ่ำนกำร
ทดสอบมำตรฐำนฝมี ือแรงงำนแห่งชำติ สำขำอำชพี ชำ่ งเชอ่ื มทิก ระดบั ๑
เลม่ ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๓๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ๒๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๕
ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพฒั นาฝมี อื แรงงาน
เรื่อง วิธีการทดสอบมาตรฐานฝมี ือแรงงาน และการออกหนังสอื รบั รอง
วา่ เปน็ ผู้ผา่ นการทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ
สาขาอาชพี ช่างเชอื่ มทกิ ระดับ ๑
--------------------------
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ
สง่ เสรมิ การพัฒนาฝีมอื แรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา
ฝีมือแรงงาน จึงกาหนดวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และการออก
หนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขา
อาชพี ชา่ งเชือ่ มทิก ระดับ ๑ ไวด้ ังต่อไปน้ี
ข้อ ๑ วิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่าง
เช่ือมทกิ ระดบั ๑
๑.๑ การทดสอบความรู้
เป็นการทดสอบความรู้ ลักษณะข้อสอบเป็นแบบปรนัย
ชนิด ๔ ตัวเลือก จานวนข้อสอบ ๕๐ ข้อ ใช้เวลาในการทดสอบ ๑ ชั่วโมง
คะแนนเต็ม ๕๐ คะแนน โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบภาคความรู้ ได้
คะแนนไมต่ า่ กวา่ ร้อยละเจด็ สิบ จึงจะไดร้ บั อนุญาตใหส้ อบภาคความสามารถ
๑.๒ การทดสอบความสามารถ
เ ป็ น ก า ร ท ด ส อ บ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ซ่ึ ง เ กิ ด จ า ก ก า ร ส ะ ส ม
ประสบการณ์จนเกิดความชานาญเพียงพอท่ีจะปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและมี
คุณภาพตามข้อกาหนด รวมถึงสามารถปฏิบัติงานแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่
คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 16
กาหนด ลักษณะแบบทดสอบ เป็นการทดสอบทักษะฝีมือในการเช่ือมเหล็กกล้า
คาร์บอนหรือเหล็กกล้าสเตนเลส ด้วยมือหรือก่ึงอัตโนมัติ โดยกระบวนการเช่ือม
อาร์กซึง่ ใช้แท่งทงั สเตนเปน็ อิเล็กโทรด และใชแ้ ก๊สเฉื่อยเป็นแก๊สปกป้องท่ีเป็นแนว
เช่ือมฟิลเล็ท (Fillet Weld) ทั้งในลักษณะการเช่ือมเหล็กแผ่นกับเหล็กแผ่นและ
เหล็กแผ่นกับท่อ ที่มีความหนา ๑.๕ มิลลิเมตร ถึง ๓ มิลลิเมตร ในตาแหน่งท่า
เช่ือมต่างๆ ได้ทุกตาแหน่ง ตามมาตรฐาน ISO ๙๖๐๖-๑ โดยมีคุณภาพของรอย
เช่ือม ระดับ B Class ตามมาตรฐาน ISO ๕๘๑๗ ใช้เวลาในการทดสอบ ๒ ช่ัวโมง
คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ ต้อง
สอบได้คะแนนไม่ต่ากว่าร้อยละเจ็ดสิบ โดยมีการทดสอบ ๒ ประเภท ซ่ึงผู้เข้ารับ
การทดสอบสามารถเลือกทดสอบประเภทใดประเภทหน่ึงได้ ดงั น้ี
ประเภทที่ ๑ การเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน (W๐๑) รอยเช่ือม
ฟิลเลท็ มชี ้นิ งานทดสอบ ๔ รายการ ดังนี้
(๑) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P FW W๐๑ S t๑.๕ PB sl (AWS ๒F)
(๒) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P FW W๐๑ S t๑.๕ PF sl
(AWS ๓F-up)
(๓) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P FW W๐๑ S t๓.๒ D๑๑๔ PD sl
(AWS ๔F)
(๔) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P/T FW W๐๑ S t๓.๒ D๑๑๔ PF sl
(AWS ๕F-up)
ประเภทท่ี ๒ การเช่ือมเหล็กกล้าสเตนเลส (W๑๑) รอยเช่ือม
ฟิลเล็ท มีชิ้นงานทดสอบ ๔ รายการ ดงั นี้
(๑) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P FW W๑๑ S t๑.๕ PB sl (AWS ๒F)
(๒) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P FW W๑๑ S t๑.๕ PF sl
(AWS ๓F-down)
(๓) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P/T FW W๑๑ S t๓ D๑๑๔ PD sl
(AWS ๔F)
ค่มู อื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 17
(๔) ISO ๙๖๐๖-๑ ๑๔๑ P/T FW W๑๑ S t๓ D๑๑๔ PF sl
(AWS ๕F-down)
๑.๓ ในกรณีที่ผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานพบว่าชิ้นงาน
ทดสอบเกิดการแตกหักเน่ืองจากโลหะวิทยา หรือสาเหตุภายนอกที่ไม่เก่ียวข้อง
โดยตรงกับฝีมือของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ให้ผู้ทดสอบ
มาตรฐานฝีมือแรงงาน ทาการเปลี่ยนวัสดุทดสอบให้แก่ผู้เข้ารับการทดสอบ
มาตรฐานฝมี ือแรงงาน และให้ผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ทาการ
ทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงาน ตามวธิ ีการทดสอบในใบงานเดมิ ทนั ที
๑.๔ รายละเอียดวิธีการทดสอบให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ
ประกาศกาหนด
ข้อ ๒ การออกหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือ
แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชื่อมทิก ระดับ ๑ จะออกให้แก่ผู้ผ่านการ
ทดสอบ โดยมีเกณฑ์ ดังน้ี
๒.๑ ผเู้ ขา้ รบั การทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงาน ต้องสอบท้ังภาค
ความรู้ ภาคความสามารถ โดยต้องสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบ
ของคะแนนในแต่ละภาค จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
แหง่ ชาติ สาขาอาชีพช่างเช่ือมทิก ระดับ ๑ และมสี ิทธิไ์ ด้รบั หนงั สอื รับรอง
๒.๒ หนงั สอื รับรองมีอายุ ๔ ปี นับต้ังแต่วันท่ีออกหนังสือรับรอง
ว่าเปน็ ผูผ้ ่านการทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงาน
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สมเกียรติ ฉายะศรวี งศ์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการสง่ เสรมิ การพัฒนาฝมี ือแรงงาน
คมู่ ือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพช่างเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 18
บทท่ี ๒
หัวข้อวิชำ
-------------------------
๒.๑ ควำมปลอดภยั ทัว่ ไปในพ้นื ท่ีปฏบิ ตั ิงำน
สภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันทาให้ผู้ประกอบอาชีพต้องทางานใน
สภาพของการแขง่ ขัน เร่งรบี ทางานแขง่ กบั เวลา ไม่วา่ จะเปน็ งานอาชีพด้านใด
ก็ตาม ทุกคนต้องพยายามปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นอย่าง
รวดเร็วในด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เจ้าของกิจการมุ่งแต่ผลผลิตจนกระท่ังขาด
ความสนใจในเร่ืองความปลอดภัย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดอันตรายจากการ
ประสบอุบัติเหตุของคนงาน เกิดการบาดเจ็บ หรือเส่ียงต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ได้เสมอ ทาให้เกิดการเจ็บป่วยทุกข์ทรมานทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
จนกระท่ังเสียชีวิตได้ ส่งผลกระทบในระยะยาวถึงครอบครัว สังคมและ
ประเทศชาติต่อไปด้วย นอกจากนั้นการเจ็บป่วยของผู้ปฏิบัติงานยังก่อให้เกิด
ผลกระทบกับสถานประกอบการเนื่องจากคนที่ประสบอันตรายไม่สามารถ
มาทางานได้ ขาดคนทางาน ทาให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และทาให้คนงาน
เสียขวัญและกาลงั ใจในการทางาน
ในปัจจุบันสถานประกอบการให้ความสนใจในการดาเนินการเกี่ยวกับ
เร่ืองความปลอดภัยในการทางานกันมากยิ่งข้ึน และในขณะเดียวกันเจ้าของ
กิจการก็จะคานึงถึงผลประโยชน์ในด้านการเพ่ิมผลผลิตและการป้องกันหรือลด
การสูญเสียของกาลังงานกับวัตถุดิบไปพร้อมกันด้วย ดังนั้นสถานประกอบการ
หรือเจา้ ของกิจการกจ็ ะพยายามพัฒนาแรงงานให้เท่าทันเทคโนโลยีและผลักดัน
ให้คนงานเพิ่มขีดความสามารถ ด้วยวิธีการจัดการฝึกอบรมให้การศึกษาอย่าง
ต่อเน่ืองและจัดสวัสดิการที่เหมาะสมให้กับคนงานเพ่ิมมากข้ึนเพ่ือเป็นการลด
สถิติการเกิดอบุ ัตเิ หตแุ ละความไม่ปลอดภยั ในการทางานลงใหไ้ ด้
๒.๑.๑ ผบู้ รหิ าร หรอื เจ้าของกจิ การ ที่รับผิดชอบโดยตรง จะต้องจัดให้มี
การฝึกอบรม เรื่องความปลอดภัยในการทางาน การใช้เครื่องมืออุปกรณ์
คู่มือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 19
กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ที่ใช้ในการทางาน รวมทั้งขั้นตอนการปฏิบัติขณะ
เกดิ เหตุฉกุ เฉนิ การส่อื ความหมายให้กับผู้ปฏิบัติ หรือพนักงาน การจัดการเร่ือง
ความปลอดภัยจะต้องมีความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ปฏิบัติและผู้บริหาร การ
ปฏบิ ัตติ ามเอกสารแนะนาของบรษิ ัทผู้ผลิต ข้อมูลทางเทคนิคมีความสาคัญก่อน
จะเร่ิมปฏิบัติงานเสมอ การจัดพ้ืนท่ีและความรับผิดชอบพื้นที่ปฏิบัติงาน ต้อง
จัดให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน และผ่านการเห็นชอบของผู้รับผิดชอบการ
ตรวจสอบสภาพความพร้อม ก่อนเริ่มการปฏิบัติงาน จะต้องตรวจสอบอุปกรณ์
ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพพรอ้ มใชง้ าน รวมถึงอปุ กรณ์ป้องกนั ภัยส่วนบุคคลดว้ ย
๒.๑.๒ ผคู้ วบคุมงาน หรือหวั หน้างาน (Supervisors) คือ ผู้ควบคุมการ
ปฏิบัติงาน มีหน้าท่ีความรับผิดชอบในการควบคุมการใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์ท่ี
ปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชา ในกระบวนการทางานท้ังหมด รวมถึงอันตราย
จากเพลิงไหม้ การเกิดระเบิด ผู้ควบคุมงานต้องดูแลใกล้ชิด วัสดุหรือเชื้อเพลิง
ในบรเิ วณพ้ืนทีป่ ฏบิ ัตงิ าน จะต้องแน่ใจว่าไมเ่ กิดเพลิงไหม้หรือการระเบิดข้ึนใน
ระหว่างปฏิบัติงาน ผู้ควบคุมงานต้องตรวจสอบพื้นท่ีการปฏิบัติงานให้ม่ันใจ
ก่อนส่ังการให้ปฏิบัติงาน อุปกรณ์ความปลอดภัยและการป้องกันเพลิงไหม้
จดั เตรียมอปุ กรณ์ดับเพลงิ ไว้ก่อนลงมือปฏบิ ตั ิงาน
๒.๑.๓ ชา่ งเชื่อม (Welder) คอื ผปู้ ฏบิ ัติงานเชื่อม โดยใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์
ด้วยความปลอดภัย ช่างเช่ือมจะต้องมีความเข้าใจเร่ืองความปลอดภัย ในการใช้
เครื่องมืออุปกรณ์ และขั้นตอนต่างๆ ในการทางาน ช่างเชื่อมจะต้องได้รับ
อนญุ าตในการเร่มิ ต้นปฏบิ ัตงิ าน จากผู้ควบคุมงานก่อนการปฏิบัติงานเสมอ ก่อน
การปฏิบัติงานช่างเช่ือมจะต้องตรวจสอบพ้ืนท่ีปฏิบัติงานว่ามีความปลอดภัยใน
การทางานหรือไม่ เช่น อันตรายจากไฟฟ้า การดูดอากาศ การเกิดเพลิงไหม้ การ
ระเบิด เปน็ ต้น
คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 20
๒.๒ ควำมปลอดภยั ในกำรเชอื่ มและตัด
งานเช่ือมและงานตัดด้วยแก๊ส เป็นกระบวนการที่มีอันตราย การลด
ความเส่ยี งตอ่ อันตรายท่ีอาจจะเกิดข้ึนจากการเช่ือมและการตัดในสถานการณ์
ต่างๆ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเป็นส่ิงสาคัญ จึงจาเป็นต้องเรียนรู้
สาเหตุของการเกดิ อนั ตรายตา่ งๆ ดังน้ี
๒.๒.๑ อันตรายจากอะเซทิลีน เกิดจากอะเซทิลีนแตกตัว เปลี่ยนสภาพ
ความดัน ทาให้เกดิ การระเบิด ซ่ึงเปน็ อันตรายสูงสดุ เมื่อเทียบกับอันตรายที่เกิด
จากการเชื่อม เช่น กระแสไฟฟ้า รังสี ควัน และไอระเหย โดยมีสาเหตุเกิดจาก
ไฟย้อนกลับจากหัวทอร์ชเช่ือมสู่ขวดบรรจุอะเซทิลีนทรงกระบอก หรือความ
ร้อนภายนอกสูงเกินไป ลักษณะที่เกิดอุณหภูมิของผนังขวดบรรจุอะเซทิลีน
สูงขึ้น ทาให้เกิดแก๊สไหลออกมา สงั เกตไดจ้ ากการมเี ขม่าและกลิ่นแสบจมูก เม่ือ
อะเซทลิ นี เปล่ยี นสภาพความดัน ควรทาการปิดวาล์วขวดแก๊สทรงกระบอกทันที
เมือ่ ขวดแกส๊ ทรงกระบอกมีความร้อนสงู ข้นึ ให้วางขวดในท่ีปลอดภัย เอาน้าราด
เพ่ือทาให้ขวดบรรจุเย็นลง และห้ามใช้ขวดแก๊สทรงกระบอกน้ันอีก ต้องปล่อย
ให้เย็นอย่างน้อย 24 ช่ัวโมง มีการตรวจสอบบ่อยๆ แล้วแจ้งให้ผู้ส่งแก๊สทราบ
รายงานทุกการระเบิด (ตัวอย่าง เช่น ขวดแก๊สทรงกระบอกปริ แตก) และมี
ไฟไหมข้ วดทรงกระบอก เพื่อดาเนินการดา้ นความปลอดภัยและอาชวี อนามยั
๒.๒.๒ อันตรายจากออกซิเจน การเกดิ ไฟข้ึนท่ีวาล์วและข้อต่อ สาเหตุเกิด
จาก น้ามัน จาระบี หรือวัสดุกันซึม ถูกสันดาป (เผาไหม้) กับออกซิเจนท่ีความ
ดันสูงเกิดความร้อนสะสม เม่ือเปิดวาล์วขวดทรงกระบอกอย่างรวดเร็ว ผลก็คือ
เกิดอัคคีภัย เกิดความร้อนสูงจนทาให้วัสดุเกิดการลุกไหม้ เรียกว่าจุดติดไฟ มี
เปลวไฟลุกลามเผาเรกูเลเตอร์ความดันและวาล์วจนหลอมละลาย ข้อควรระวัง
อย่าใชน้ ้ามนั และจาระบใี นข้อต่อขวดออกซิเจนเด็ดขาด ออกซิเจนสามารถรั่ว
ออกจากสายแก๊ส ข้อต่อ และวาล์วได้ถ้ามีรอยรั่ว การมีออกซิเจนมากๆ ใน
อากาศจะเป็นอันตราย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีเนื้อท่ีจากัด หากมีประกายไฟ
ก็จะเกิดการสันดาปและระเบิดได้อย่างทันทีทันใด แม้ว่าจะใช้วัสดุท่ีไม่ติดไฟ
คู่มือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 21
ข้อควรระวังอย่าใช้ออกซิเจนในการระบายอากาศ หรือพ่นเป่าเสื้อผ้า (ให้
สะอาดหรือให้แห้ง) ด้วยออกซิเจน นอกจากนั้นจะต้องจัดเก็บอุปกรณ์ และถัง
บรรจุให้เรียบรอ้ ย ดงั รปู
๒.๒.๓ กระบวนการเชอื่ มอารก์ ไฟฟา้ อันตรายที่เกิดข้ึน ท่ีช่างเช่ือมต้อง
ศึกษาถึงสิ่งท่ีก่อให้เกิดอันตราย ได้แก่ กระแสไฟฟ้า รังสีเป็นอันตรายต่อ
สายตา อนั ตรายจากความร้อน สารอันตราย และการเชอ่ื มในเนื้อท่ีจากดั
กระแสไฟฟ้า เป็นแหล่งพลังงาน (ให้ความร้อน) สาหรับกระบวนการเช่ือม
อาร์กไฟฟ้า และการตัดด้วยพลาสมา บอกเตือนช่างเช่ือมถึงการเกิดอันตรายจาก
ไฟฟ้า และรังสเี ปน็ อันตรายสูงสุด ทั้งไฟฟ้าดูด และดวงตา ช้ินส่วนต่างๆ ในเครื่อง
เช่ือมอาจมีกระแสไฟฟ้าท่ีเป็นอันตรายสาหรับช่างเชื่อม ห้ามสัมผัสโดยตรงกับ
ชิ้นส่วนท่ีมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ได้แก่ คีมจับลวดเช่ือม แคลมป์สาหรับสายดิน
หรืออเิ ล็กโทรด ปลายทปิ หัวเช่อื ม ลวดเชื่อมท่ีเติมในแนวเชื่อม และหัวทอร์ชเชื่อม
ช้ินส่วนท่ีไม่ได้หุ้มฉนวนในสายไฟที่กระแสไหลกลับ (สายดิน) กระแสไฟฟ้าจะไหล
ผ่านร่างกายเม่ือสัมผัสกับชิ้นส่วนท่ีมีกระแสไฟฟ้า ผลกระทบของกระแสไฟฟ้าต่อ
คูม่ ือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 22
ร่างกาย ขึ้นอยู่กับชนิดของกระแสไฟฟ้า (กระแสตรง DC หรือ กระแสสลับ AC)
ระดับกระแสสูงมีอันตรายยิ่งกว่ากระแสต่า เส้นทางการเดินของกระแสไฟฟ้า การ
ไหลของกระแสไฟฟ้าในแนวยาวของร่างกาย มีอันตรายกว่ากระแสไฟฟ้าในแนว
ขวาง หากถูกกระแสไฟฟ้าดูดเกิน ๐.๓ วินาที จะเป็นอันตรายวิกฤต จุดท่ีพึงระวัง
ไฟฟ้ากระแสสลับเป็นอันตรายกว่าไฟฟ้ากระแสตรง ดังนั้นการเชื่อมในท่ีคับแคบ
ควรเลือกใชเ้ ครอื่ งเช่อื มชนดิ กระแสตรง DC
คมู่ ือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 23
ไฟฟา้ เป็นแหล่งพลังงานทจี่ าเปน็ ในห้องปฏิบัติการ แต่ถ้าใช้ไม่ถูกต้องอาจ
ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ อันตรายท่ีเกิดข้ึนอาจเกิดจากไฟฟ้า
ลัดวงจรของเครื่องเชื่อมไฟฟ้า เมื่อเกิดการลัดวงจรขึ้น ควรปิดสวิตช์ที่เคร่ือง
เชื่อมทันทีและแจ้งหัวหน้าทราบ และติดป้ายเตือน สายไฟชารุด ใช้ไฟฟ้ามาก
เกินไปในเต้าเสียบเดียวกัน เปิดใช้ไฟฟ้านานเกินไปจนเกิดความร้อนสะสม ใช้
ฟิวส์ผิดขนาด ใช้ไฟผิดประเภท ไม่ได้ต่อสายดิน ใช้ไฟขณะร่างกายเปียกชื้น เป็น
ต้น อันตรายอันเนื่องจากกระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีความรุนแรงมาก จึงต้องมี
การระมดั ระวังเป็นพิเศษ การแบ่งลักษณะของอันตรายท่ีเกิดจากกระแสไฟฟ้า มี
๒ ลักษณะ ได้แก่ไฟฟ้าดูด กับ การเกิดเพลิงไหม้เน่ืองจากไฟฟ้าลัดวงจร สาหรับ
อันตรายจากกระแสไฟฟ้าดูด มักเกิดกับช่างเชื่อมบ่อยครั้ง เน่ืองจากร่างกายไป
สัมผัส หรอื ต่อเข้ากับสว่ นของวงจรไฟฟา้ ทาให้มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย ถ้า
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านอวัยวะท่ีสาคัญ เช่น ศีรษะและทรวงอก อาจทาให้ถึงแก่
ชีวิตได้ การปฐมพยาบาลเพ่ือช่วยในการหายใจ เป็นสิ่งแรกท่ีต้องปฏิบัติในทันที
เพ่ือนร่วมงานถูกไฟฟ้าดูด ความสัมพันธ์ของกระแสไฟฟ้าและปฏิกิริยา การ
ตอบสนองของรา่ งกายมีดงั นี้
ตารางท่ี ๑ การแบ่งลักษณะของอันตรายท่อี าจเกดิ กบั ถูกไฟฟา้ ช็อต
ปรมิ าณกระแสไฟฟ้า อาการ
(มิลลแิ อมป์)
ตา่ กว่า 0.5 ยงั ไม่มีผลหรอื ไมร่ ้สู ึก
0.5 - 2 รูส้ ึกจ๊กั จห้ี รอื กระตกุ เล็กนอ้ ย
2 - 8 กระทบกระเทอื นตอ่ ระบบประสาท กล้ามเน้ือหดตัวเกิด
อาการกระตุกปานกลาง หรอื รนุ แรงไมถ่ ึงขนั้ อันตราย
8 - 20 กระทบกระเทือนต่อระบบประสาท เจ็บปวด
กล้ามเน้ือเกร็งหดตัวอย่างรุนแรง บางคนไม่สามารถ
ปลอ่ ยมือหลดุ ออกได้
20 - 50 กระทบกระเทือนต่อระบบประสาท กล้ามเน้ือหด
คู่มอื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 24
ปริมาณกระแสไฟฟ้า อาการ
(มลิ ลิแอมป์)
ตัวอยา่ งรนุ แรง ทาให้ปอดทางานผิดปกติ ไม่สามารถ
ปล่อยมือออกได้ มีผลทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงใน
สมองมีโอกาสเสียชีวติ ในเวลาเพียง 2 - 3 นาที
50 - 100 กระทบกระเทือนต่อระบบประสาท หัวใจเต้น
ผิดปกติ หัวใจเต้นอ่อนหรือเต้นถี่รัว มีผลทาให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงในสมอง ไม่สามารถปล่อยมือหลุด
ออกได้มโี อกาสเสยี ชวี ติ ในเวลา 2 - 3 นาที
สงู กวา่ 100 หัวใจหยุดเต้น ผิวหนังไหม้ หรือเนื้อเย่ือไหม้อย่าง
รุนแรงกลา้ มเนอื้ ไม่ทางาน
กฎของโอห์ม I = U/R
I เป็นกระแสไฟฟา้ หนว่ ยเปน็ แอมป์
U เป็นแรงดันไฟฟ้า หรอื แรงดนั ไฟฟา้ หน่วยเป็น โวลต์
R เปน็ ความต้านทาน หนว่ ยเปน็ โอห์ม ()
ความตา้ นทานไฟฟา้ ของรา่ งกายมนุษย์ (ประมาณ 1000 โอห์ม )
ตวั อย่าง กรณีมอื ไปจบั สวิตชแ์ สงสว่างทช่ี ารดุ
I = U/R = 220 V / 1000 = 0.22 A = 220 mA (มลิ ลิแอมป์)
ผลลัพธ์ที่ได้ จะเป็นอันตรายต่ออวัยวะหรือไม่นั้น ดูได้จากการป้องกันความ
ปลอดภัยจะไม่มีอันตราย ถา้ หากว่าใส่รองเท้าพ้ืนยางท่ีมีความต้านทาน (ความ
ต้านทาน R ประมาณ 10,000 )
I = U/R = 220 V / 10000 = 0.022 A = 22 mA (มิลลิแอมป์)
คู่มอื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 25
การปอ้ งกนั กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายต้องควบคุมแรงดันไฟฟ้าให้ต่า
ท่ีสุดเท่าท่ีจะเป็นไปได้ (สังเกตแรงดันไฟฟ้าวงจรเปิดของเครื่องเช่ือม) ควรใส่
อุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้า ดังน้ี สวมถุงมือหนังท้ังสองข้างและทนต่อความ
ร้อนด้วย สวมชุดปฏิบัติงานที่แห้งและสามารถป้องกันได้ สวมรองเท้านิรภัย
เพื่อป้องกันไฟฟ้าดูดและป้องกันของหนักตกใส่ ศึกษาวิธีการใช้งานอุปกรณ์
ประกอบท่สี ง่ ผลต่อความปลอดภยั ในการปฏิบตั ิงาน
คูม่ ือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 26
ชุดอุปกรณ์การเชอ่ื มอารก์ ไฟฟา้
(1) ปลัก๊ ไฟท่ีต่อกับสายไฟฟ้า
(2) เครอ่ื งเช่อื ม
(3) การเคเบลิ เชื่อม
(4) ดา้ มจบั ลวดเช่อื ม หรือหวั ทอร์ชเชอื่ มไฟฟา้
(5) ลวดเชือ่ ม /ลวดเติมแนวเช่ือม
(6) ชนิ้ งาน
(7) สายดนิ
(8) สายเคเบลิ (กระแสไหลกลับ)
เครื่องเชื่อม เป็นอุปกรณ์ที่ต้องได้มาตรฐานในการผลิต เครื่องเช่ือม
ไฟฟา้ ทชี่ ารุดถ้านามาใช้ปฏิบัติการเช่ือมจะเกิดอันตราย ควรซ่อมแซมให้อยู่ใน
สภาพที่ปลอดภัย เครื่องเช่ือมจะมีมาตรฐานควบคุมตามข้อกาหนดท่ีต้องการ
เช่น แรงดันไฟฟ้าวงจรเปิด ซึ่งแรงดันไฟฟ้าวงจรเปิดท่ีสูงจะเป็นอันตรายมาก
สาหรับผปู้ ฏบิ ตั งิ านเชอ่ื ม จึงตอ้ งมคี ่ามาตรฐานในการใช้งาน ดงั ตารางท่ี ๒
คู่มอื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 27
ตารางที่ ๒ มาตรฐาน IEC 974 สว่ นที่ 1
แรงดนั ไฟฟา้ วงจรเปดิ
สถานภาพ แรงดนั ไฟฟา้ ค่าแรงดนั ไฟฟา้ สูงสดุ (โวลต์)
การปฏบิ ตั ิการ ชนดิ ค่าสูงสุด ค่าสมั ฤทธ์ิผล
ก) อันตรายเพิ่มข้ึน กระแสตรง 113 --
จากไฟฟา้ ชอ็ ต กระแสสลบั 68 48
ข) ปราศจากการเพิม่ กระแสตรง 113 --
อนั ตราย กระแสสลบั 113 80
ค) การเชื่อมแบบหวั กระแสตรง 141 --
ทอร์ช กระแสสลบั 141 100
ง) กระบวนการเช่ือม กระแสตรง 710 --
พลาสมา กระแสสลับ 710 500
อนุญาตให้แรงดันไฟฟ้าวงจรเปิดสูงข้ึน เม่ืออยู่ในเงื่อนไข ก) ข) และ ค) ถ้าใช้
อปุ กรณล์ ดแรงดันไฟฟา้ อัตโนมตั ิ
หัวจับอิเล็กโทรด หรือดา้ มจบั อิเล็กโทรด จะต้องมีฉนวนหมุ้ เพื่อป้องกัน
ช้ินส่วนที่มีกระแสไฟฟ้า (รวมทั้งสายเชื่อม) และควรทาจากวัสดุทนแรง
กระแทก มีการนาความร้อนต่า เปล่ียนฉนวนหุ้มได้หากชารุดเสียหาย อย่า
ปอกฉนวนออกจากสายเชื่อมมากเกินไป การเดินสายไฟฟ้า หรือต่อสายไฟฟ้า
ให้กระทาโดยช่างไฟฟ้า หรือบุคลากรท่ีได้รับการฝึกอบรมมาแล้วเท่านั้น
ภายใต้การดูแลควบคุมของหัวหน้างาน การวางด้ามจับอิเล็กโทรดหรือลวด
เชือ่ มบนเคร่ืองเชื่อมอาจจะทาให้เกดิ อันตรายได้ ดังนั้นหา้ มกระทาโดยเด็ดขาด
ควรวางไว้บนวัสดุท่ีไม่เป็นตัวนาไฟฟ้า หรือแขวนไว้บนท่ีรองรับที่เป็นฉนวน
โดยให้ปลดเศษปลายลวดเชอื่ ม (Stub) ออกกอ่ น
ค่มู อื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 28
สายเชื่อมจะต้องมีฉนวนหุ้มให้เรียบร้อยและไม่ชารุดเสียหาย ควรมี
ระบบป้องกันการเสียหาย สายเคเบิลท่ีให้กระแสไหลกลับ (โดยท่ัวไปช่างเช่ือม
มักจะเรียกว่าสายดิน ซึ่งเป็นการเรียกท่ีผิด) สายเคเบิลจะต้องยึดให้แน่นกับ
ชิ้นงานหรอื ตัวยึดชิ้นงาน ถ้ายดึ ไม่แน่นอาจเกิดการอาร์กอย่างรนุ แรง
คู่มอื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 29
อันตรายจากกระแสไฟฟ้าดูดระหว่างปฏิบัติการเช่ือม สถานท่ีปฏิบัติงาน
ที่มีการสัมผัสชิ้นส่วนท่ีมีกระแสไฟฟ้าโดยปราศจากการป้องกันร่างกายระหว่าง
ปฏิบัติการเช่ือม เช่น การน่ังคุกเข่า การนั่ง การนอน หรือการพิง ต้องมีเนื้อท่ี
เพียงพอต่อการเคล่ือนไหวของร่างกายระหว่างชิ้นส่วนที่มีกระแสไฟฟ้าไม่น้อย
กว่า ๒ เมตร (อันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการสัมผัส) ในสถานที่เปียก ชื้น
หรือร้อน (ซ่ึงสามารถลดอันตรายด้วยการสวมเส้ือผ้าที่แห้งและอุปกรณ์ป้องกัน
ผิวหนัง) ผลที่เกิดข้ึนคือมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย (ไฟฟ้าดูด) หาก
ผู้ปฏบิ ตั งิ านเกดิ ไฟฟ้าดูดตดิ อยูก่ บั วงจรไฟฟ้า เราจะต้องตัดวงจรไฟฟ้าทันที และ
ใช้เครื่องเช่ือมที่เหมาะสม มีเคร่ืองหมายสัญลักษณ์ความปลอดภัยด้านไฟฟ้าตาม
มาตรฐาน (อย่าติดต้ังเคร่ืองเชื่อมในพื้นท่ีท่ีเสี่ยงต่ออันตรายไฟฟ้าดูด) ควรใช้
ฉนวนหุ้มเปน็ ชนั้ ๆ เชน่ ยาง เปน็ ต้น
คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 30
รงั สที ่เี ปน็ อนั ตรายตอ่ สายตา รังสีอุลตราไวโอเล็ตความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง
๒๐๐ ถึง ๓๘๐ นาโนเมตร ช่วงความยาวคล่ืนที่เป็นอันตราย อยู่ระหว่าง ๒๐๐
ถึง ๓๑๕ นาโนเมตร รังสีอุลตราไวโอเล็ตไม่สามารถแทรกซึมเข้าสู่นัยน์ตา แต่จะ
ซมึ ผ่านกระจกตาทาให้เกดิ การอักเสบ เรียกอีกอย่างว่า Arc Eye (แสงอาร์กเข้าตา)
มีอาการปวดนัยน์ตา รังสีอุลตราไวโอเล็ตเป็นสาเหตุให้เกิดผิวหนังแดง ไหม้
(เหมือนแสงแดดเผา) เป็นรังสีท่ีมีผลกระทบกับตามากท่ีสุด รังสีหรือแสงที่
มองเห็น (แสงวาบ) ความยาวคลื่น อยู่ระหว่าง ๓๘๐ ถึง ๗๘๐ นาโนเมตร แสงที่
มองเห็นมีผลกระทบต่อเย่ือตา (Retina) ส่งผลต่อการมองเห็นกับสมอง การเพ่ง
ผ่านเลนส์นัยน์ตา ทาให้เกิดความเข้มแสงสูง ทาให้มีปฏิกิริยาปิดรูม่านตา เป็น
อนั ตรายตอ่ ม่านตา ซึง่ จะพยายามลดอันตรายต่อนัยน์ตาลงอัตโนมัติ รังสีอีกชนิด
คือ รังสีอินฟราเรด ความยาวคลื่น อยู่ระหว่าง ๗๘๐ ถึง ๔๐๐๐ นาโนเมตร ช่วง
ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง ๗๘๐ ถึง ๑๔๐๐ นาโนเมตร ผลกระทบจะคล้ายกับ
แสงทม่ี องเหน็ ดว้ ยนัยน์ตานอกจากนัน้ ยังเกิดความร้อนเผาเน้ือและเลนส์นัยน์ตา
ช่วงความยาวคล่ืน อยู่ระหว่าง ๑๔๐๐ ถึง ๒๐๐๐ นาโนเมตร รังสีอินฟราเรดที่มี
คมู่ ือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 31
ความยาวคล่ืนสูงอาจทาให้ตาบอด ผลกระทบต่อสายตาจะแปรผัน เนื่องจาก
ตัวกลางในการส่งแสงผ่านและความแตกต่างของเน้ือเยื่อของตาที่แตกต่างกัน
การป้องกันผิวหนัง ควรสวมเครื่องป้องกันร่างกาย เพื่อป้องกันจากการ
แผ่รังสีที่เป็นอันตรายต่อสายตา ความร้อน ประกายไฟและสะเก็ดไฟการ
ปฏิบัติงานต้องสวมแว่นตานิรภัย สวมเส้ือที่ปิดคอและรองเท้าท่ีปิดมิดชิด
นอกจากน้ัน ระหว่างการเชื่อมอาร์กไฟฟ้า การตัดด้วยกรรมวิธีความร้อน และ
การทาสเปรย์ด้วยความร้อน ควรสวมเคร่ืองป้องกันเพิ่มเติม สวมเอี๊ยมหนัง
ป้องกันความร้อนและไฟไหม้หรือชุดป้องกันสาหรับช่างเช่ือม พร้อมทั้งอุปกรณ์
นริ ภยั สาหรับช่างเช่อื ม การป้องกันดวงตาและใบหน้า ช่างเชื่อมต้องใช้หน้ากาก
เช่ือมแบบมือถือหรือสวมหัว และกระจกกรองแสงท่ีใช้ในการเชื่อมท่ีได้
มาตรฐาน ห้ามสวมแว่นตาดาในการเชื่อมเด็ดขาด ต้องใช้กระจกกรองแสงตาม
มาตรฐาน เช่น EN 169 แนะนาการใช้งาน ดังน้ี หมายเลขความเข้มกรองแสง
ในกระบวนการเชื่อมอาร์กไฟฟ้าและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ในกระบวนการ
เชื่อมทิกทั่วๆ ไปควรใช้เลนส์กรองแสงเบอร์ ๑๐ และสาหรับงานตัดด้วยแก๊ส
ควรใช้เลนส์กรองแสงเบอร์ ๕ ส่ิงที่บ่งบอกถึงการเลือกเลนส์กรองแสง คือ
กรรมวิธีการเชื่อม
คมู่ ือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 32
ค่มู ือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 33
การเช่ือมในเนื้อท่ีที่จากัด ข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในงาน
เช่ือมไฟฟ้า พ้ืนที่ปฏิบัติงานต้องเป็นวัสดุทนไฟ ไม่ขรุขระและไม่มีน้าขัง
อันตรายในการเช่ือมในเนื้อที่ที่จากัด เกิดจากมีสารที่คงเหลือหรือตกค้างอยู่ใน
พื้นที่ เช่น ไอของสาร อุปกรณ์เคร่ืองมือ (อุปกรณ์ภายในเคร่ือง ชิ้นส่วนท่ี
เคลื่อนย้าย อุปกรณ์ไฟฟ้า) นอกจากนั้นควรต้องดาเนินการป้องกันเพ่ิมเติม
ได้แก่ กาหนดเขตความปลอดภัย วิธีการทางาน กาหนดกฎ ระเบียบการป้องกัน
โดยการสวมชุด/อุปกรณ์นิรภัย ให้เป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจนตรวจสอบโดย
หัวหน้างาน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ คาแนะนาเพ่ิม (ด้วยวาจา หรือ แจ้งไว้
ณ สถานทที่ างาน) ระบายวสั ดอุ อก และ/หรือกาจัดสารตกค้างในพ้ืนที่นั้นออกให้
หมด หากงานไหนมีสารท่ีเป็นอันตรายให้แยกงานนั้นออกจากงานอ่ืนเป็นกรณี
พเิ ศษ ใหย้ ดึ ชนิ้ สว่ นทเ่ี คลือ่ นทไี่ ดใ้ หแ้ น่นอยา่ ให้ขยับ เตรียมชุดอุปกรณ์กู้ภัย หรือ
เพ่ือความช่วยเหลือให้พร้อม การเช่ือมในพ้ืนที่อันตรายท่ีสุดและมีแก๊สพิษมาก
ท่ีสุด คือ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เคมี ควรมีการระบายอากาศที่ดี (ให้แน่ใจว่ามี
อากาศบริสุทธ์ิเพียงพอ) ใช้ชุดอุปกรณ์ช่วยหายใจส่วนบุคคล สวมชุดเสื้อผ้าที่ไม่
ติดไฟ อย่าให้มีขวดแก๊สทรงกระบอกวางในบริเวณพ้ืนท่ี ห้ามใช้ออกซิเจนในการ
ระบายอากาศ หากเป็นไปได้การเชื่อมในถังท่ีมีแก๊สพิษ อย่าปล่อยให้ทางานคน
เดียวอย่างน้อยควรให้มีคนอื่นเห็นหรือสังเกตได้ และมีพัดลมดูดระบายอากาศ
หากมีการเส่ียงต่อไฟฟ้าดูด ให้ดาเนินการดังน้ี ใช้ฉนวนหุ้มจุดที่จะสัมผัสกับ
กระแสไฟฟ้า ใช้เครื่องเช่ือมท่ีมีเครื่องหมายสัญลักษณ์ S การเชื่อมในพ้ืนที่ที่
จากัด พ้ืนท่ีท่ีปราศจากอากาศธรรมชาติ หรือการระบายอากาศปริมาตรของ
อากาศน้อยกว่า 100 ลูกบาศก์เมตร หรือมีขนาดมิติที่น้อยกว่า ๒ เมตร
ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่มีพ้ืนที่จากัด ได้แก่ แท็งก์ ถังพัก หม้อไอน้า ถังภาชนะ
ท่อส่งน้า ท่อส่งน้ามัน ท่อส่งแก๊ส ภายในเรือ เป็นต้น อันตรายที่เกิดจากการ
เช่ือมในบริเวณพื้นท่ีที่จากัด คือ การฟอร์มตัวหรือสะสมของสารอันตราย เช่น
แก๊สไนตรัส ไอแก๊สเช่ือม การสะสมของแก๊สเชื้อเพลิง เช่น อะเซทิลีน หรือ
ออกซิเจนมากเกินไป อันตรายท่ีเกิดจากควันและฝุ่นเช่ือม (Welding Fumes &
คมู่ อื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 34
Welding Dusts) เป็นส่วนที่มีขนาดเล็กระดับจุลภาคที่ติดเข้าไปกับลมหายใจ
และสะสมอยู่ในช่องว่างของปอดจนกระทั่งปอดอักเสบ จนถึงข้ันเป็นมะเร็งใน
ปอด อาการไข้ที่เกิดจากควันของโลหะเป็นอันตรายท่ีสูงสุดอันหน่ึงในงานเช่ือม
ที่เกิดจากการเปล่ียนรูปฟอร์มออกไซด์ของโลหะประเภทต่าง ๆ เช่น สังกะสี
ออกไซด์ สาหรับโลหะเคลือบผิวเป็นท่ีรู้จักดีของช่างเช่ือม ถ้ามีผู้รับเข้าไปจะมี
อาการภายหลังจากรับไม่กี่ช่ัวโมงและจะเกิดอาการป่วยตามมาสาหรับรายการ
ของควันท่เี กิดข้ึนจะสะสมในร่างกาย จะทาให้ร่างกายเกิดอาการต่าง ๆ เช่น สาร
แคลเซียมฟลูออไรด์ (CaF2) ที่ละเอียดอ่อน สารตัวนี้จะเกิดขึ้นจากสารพอกหุ้ม
แกนลวดเชื่อมที่เป็นด่าง (Basic Coated Lime-Fluoride or Low-Hydrogen)
จะเป็นอันตรายตวั หนงึ่ จะไม่ละลายตวั ในสภาวะปกติแต่มีปฏิกิริยาสูงเม่ือผสมกับ
บรรยากาศท่ีมีความชื้น จะเกิดกรดไฮโดรฟลูออริค (HF) สูงมากข้ึนซ่ึงสารตัวน้ี
เป็นพิษ แก๊ส (Gases) อาจเกิดข้ึนได้ในระหว่างการปฏิบัติงาน ในบางครั้งอาจ
เกิดแก๊สขึ้นหลายชนิด ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างหนึ่งอย่างใดข้ึนได้ ดังรายการ
ต่อไปน้ี ก่อให้เกิดการอักเสบท่ีปอด (Inflammation of the Lung) น้าท่วมปอด
(Pulmonary Edema) ปอดบวม และมีน้าสะสม สูญเสียการยืดหยุ่นของปอด
(Bronchitis) หลอดลมอักเสบเร้ือรัง (Chromic Bronchitis) ทาให้เป็นลมและ
สลบได้ (Asphyxiation) ในเบ้ืองต้นที่ทาให้เกิดแก๊สพิษข้ึนจากการเช่ือม คือ
คาร์บอนมอนอกไซด์ โอโซน และออกไซด์ของไนโตรเจน (Nitric Oxide and
Nitrogen Dioxide) จากลักษณะดังกล่าวจะเกิดแก๊สพิษได้สูงมากดังน้ันจะต้องมี
การระมัดระวังป้องกัน อาการไข้เนื่องจากไอระเหยของโลหะ (Metal fume
fever) เกิดข้ึนในผู้ป่วยที่ได้รับไอระเหยของออกไซด์สังกะสี (Zinc oxide fume)
มากเกินไป อาการที่เกิดข้ึนจะคล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่ โดยปกติจะเกิด
อาการข้ึนหลังจากได้รับไอระเหยไปแล้วหลายชั่วโมงอาจจะมีอาการไข้ หนาวส่ัน
เจ็บแสบคอ กระหายน้า ปวดกล้ามเน้ือหรืออ่อนเพลีย เจ็บกระเพาะอาหารและ
ลาไส้ คลื่นไส้อาเจียน อาการเหล่านี้จะบรรเทาลงภายในหนึ่งถึงสามวันหลังจาก
ได้รับไอระเหยและไม่มีผลตกค้าง อาการเนื่องจากการได้รับโอโซนมากเกินไป
คู่มือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 35
(Exposure to zone) การเช่ือมโลหะด้วยระบบ MIG/MAG หรือพลาสมา จะ
ก่อให้เกิดแก๊สโอโซนและจะเกิดมากในการเช่ือมด้วยระบบ TIG หากมีการสูดดม
แก๊สน้ีในปริมาณมากเกินไปอาจจะมีอาการน้ามูกไหลมาก ปวดศีรษะ ง่วงนอน
เซื่องซึม ระคายเคืองตา หรือระคายเคืองทางเดินหายใจหรืออาจทาให้ทางเดิน
หายใจอักเสบได้ หากอาการรุนแรงอาจจะมีของเหลวหรือเลือดค่ังในปอด แต่
อยา่ งไรกต็ ามอาการระคายเคืองเหล่าน้ีอาจจะไม่เกิดทันทีทันได อาการเนื่องจาก
การได้รับไนโตรเจนออกไซด์มากเกินไป (Exposure to nitrogen oxide)
ไนโตรเจนออกไซด์ประกอบด้วยไนตริกออกไซด์และไนโตรเจนไดออกไซด์ ท่ีได้
จากการเช่ือมอาร์ก เมื่อได้รับไนโตรเจนออกไซด์จะมีการระคายเคืองต่อระบบ
ทางเดนิ หายใจคล้ายกับการได้รับโอโซน มักจะไม่เกิดอาการทันที แต่อาจจะมีผล
ทาให้มีของเหลวในปอดหรือมีอาการน้าท่วมปอด ในเวลาไม่ก่ีช่ัวโมงหลังจาก
หยุดการรับไอระเหยนอกจากไนโตรเจนออกไซด์แล้ว ในการเชื่อมโลหะยัง
ก่อให้เกิดแก๊สที่เป็นอันตรายอีกหลายชนิด ดังเช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
(CO2) มักจะใช้ในการเชื่อมแม็ก (MAG) ท่ัวไปแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะเป็น
อันตราย หากทาการเช่ือมในท่ีอับอากาศหรือสถานที่คับแคบซ่ึงมีการระบาย
อากาศไม่พอเพียง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะเข้าไปแทนท่ีออกซิเจนทาให้
บริเวณการเช่ือมน้ันขาดออกซิเจน และสามารถทาให้ช่างเช่ือมหมดสติได้โดยไม่
รู้ตัว แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) แก๊สชนิดนี้เกิดข้ึนจากการใช้แก๊สปกป้อง
เม่ือทาการเช่ือมแม็ก (MAG) เช่นกัน และจะมีอยู่ในบริเวณท่ีทาการเช่ือม และ
เม่ือบริเวณนั้นมีการระบายอากาศที่ไม่ดีพอ ช่างเชื่อมจะมีโอกาสได้รับแก๊สพิษน้ี
ในปริมาณสูง การได้รับแก๊สชนิดนี้มากเกินไปจะก่อให้เกิดอาการง่วงซึม ปวด
ศรี ษะ อาเจยี น และอาจหมดสติได้
๒.๓ กำรใช้เครอ่ื งมอื วัด
เคร่ืองมือวัด (Measuring Tool) คือ เครื่องมือสาหรับใช้ในการวัดเพื่อ
บ่งชี้บอกระยะหรือขนาดในการกาหนดตาแหน่ง ตรวจสอบระยะหรือขนาด
คู่มือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 36
ความกว้าง ความยาว ความสูงหรือความหนาของวัสดุช้ินงาน ฯลฯ เคร่ืองมือ
วัดมหี ลายชนดิ แต่ละชนิดมลี กั ษณะ รูปร่างท่ีแตกต่างกันตามประโยชน์ใช้งาน
ตามตวั อยา่ ง ดงั นี้
ฟตุ เหลก็ หรือบรรทดั เหล็ก (Stainless Steel Ruler) ทาจากเหล็กกล้า
ไร้สนิม ทนต่อการสึกหรอ และคราบน้ามัน ใช้วัดขนาดที่ไม่ต้องการความ
ละเอียดมากนกั
บรรทัดฉาก (เหล็ก) ใช้สาหรับวัดมุมของชิ้นส่วนเพื่อให้ได้ฉาก 90 องศา
นามาใช้ในงานประกอบโลหะ และงานประกอบโครงสรา้ ง
ตลับเมตร (Measurement tape) ใช้สาหรับวัดขนาดหรือกาหนด
ขนาดอย่างหยาบๆ เช่น การวดั ขนาดความยาว ความกวา้ งของชน้ิ งาน เป็นตน้
เวอร์เนียคาลิเปอร์ (Vernier Caliper) ใช้วัดงานละเอียดได้ถึง 0.01 มม.
หรอื 0.001 น้ิว วัดได้ท้ัง วัดนอก วัดใน และวัดความลึก ระยะกว้างสุดวัดได้
ถงึ 120 มม. หรือ 6 นิว้
๒.๔ กำรใชเ้ ครอ่ื งมือทว่ั ไป
เป็นท่ียอมรับกันโดยทั่วไปว่าเครื่องมือ เป็นปัจจัยสาคัญอย่างหนึ่งใน
การปฏิบัติงานช่าง เพราะเครื่องมือเป็นสิ่งท่ีช่วยผ่อนแรงในการทางาน และ
ชว่ ยให้งานสาเร็จตามเป้าหมาย เป็นที่ต้องการของผู้ใช้ โดยเราต้องรู้จักการใช้
เครื่องมืออย่างถูกวิธี และการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับชนิดของงานการใช้
เครื่องมือจึงถือเป็นกระบวนการอย่างหน่ึงท่ีสาคัญในการทางานช่าง โดย
เคร่อื งมอื ในงานชา่ งพ้ืนฐานโดยทัว่ ไปมีมากมายหลายชนิด เช่น ปากกาจับงาน
คอ้ น ตะไบ เป็นตน้
ปากกาจับงาน เป็นเคร่ืองมือสาหรับประกอบหรือใช้สาหรับการทางาน
โดยใช้จับชิ้นงานให้แน่นเพ่ือความสะดวกต่อการปฏิบัติงานอื่น เช่น จับโลหะ
ไม้ พลาสติก ฯลฯ ในการตัด เจาะ ขัด ตอก หรือตะไบ เป็นต้น ปากกาจับ
โลหะ ลักษณะการใช้ เป็นปากกาที่ยึดแน่นบนโต๊ะฝึกงาน ใช้สาหรับจับโลหะ
ค่มู อื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอื่ มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 37
ให้แนน่ เพอื่ ตัด ขัด เจาะ ตะไบ เปน็ ตน้ มขี นาดเล็ก ใหญ่ ทาด้วยเหล็กหล่อ ไม่
ควรใชป้ ากการองรบั เหล็กเพอ่ื ทุบ จะทาใหป้ ากกาหักได้ง่าย การบารุงรักษาให้
ทาความสะอาดทุกส่วนของปากกา ชโลมด้วยน้ามันเพ่ือป้องกันสนิม เมื่อเลิก
ใช้งาน ขนั ปากกาใหเ้ ข้าไปให้ชิด
คอ้ น ก่อนใช้งานควรตรวจสอบความพร้อมของด้าม ความแน่นของด้ามจับ
หลงั ใช้งานควรทาความสะอาด และเก็บเขา้ ทใี่ หเ้ รียบร้อย
ตะไบ เป็นเคร่ืองมือตัดเฉือนที่มีประโยชน์มาก ซึ่งใช้ในการปรับลด
ขนาดชิ้นงาน ให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ปรับตกแต่งผิวงานให้เรียบ เพื่องาน
ประกอบช้ินส่วนเข้าด้วยกัน หรือใช้ตกแต่งและซ่อมแซมช้ินงาน การใช้งาน
และการบารุงรักษา อย่าใช้ตะไบที่ไม่มีด้าม อย่าใช้ตะไบแทนค้อนหรือทาตก
พ้ืนเพราะจะทาให้แตกหัก อย่าใช้น้ามันหล่อลื่นทาตะไบ เพราะจะทาให้คม
ของตะไบล่ืน เลือกใช้ตะไบให้เหมาะสมกับงาน ควรแยกตะไบออกจาก
เครือ่ งมือชนิดอ่นื และไม่ควรเกบ็ กองรวมกัน ต้องเกบ็ ไว้ในที่เกบ็ โดยเฉพาะ
๒.๕ กำรใช้เครอื่ งมือกล
เคร่ืองมือกล เป็นเครื่องมือท่ีมีความสาคัญ ในการปฏิบัติงานช่าง โดย
เฉพาะงานท่ีใช้เหล็กในขบวนการผลิต เป็นเพราะความจาเป็นในการต้องตัด
ตกแต่ง จึงต้องใช้เครื่องมือกลในการทางานท้ังสิ้น ในการปฏิบัติงานเชื่อม
เช่นกัน การใช้เคร่ืองมือกลในการตัดช้ินงาน การเจียตกแต่งช้ินงาน ล้วน
แลว้ แตเ่ ป็นเครือ่ งมอื กลท้ังสิน้ ดังนน้ั เราจาเปน็ ต้องศกึ ษา ถึงข้ันตอน วิธีการใช้
งาน วิธีการบารุงรักษา ข้อควรระวังในการใช้งาน ให้ครอบคลุมทั้งหมดเพื่อ
การใช้งานอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
๒.๖ เครอ่ื งเชอื่ ม อุปกรณ์และวงจรไฟฟ้ำ
กระบวนการเชื่อมทิก เป็นกระบวนการเชื่อมท่ีใช้ทังสเตนเป็นแท่งอาร์ก
นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สาคัญที่สุด เป็นแท่งอาร์กให้ความร้อนแก่ช้ินงาน โดย
คมู่ อื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 38
ทังสเตนไม่หลอมละลาย และจะต้องมีลวดเติมเพื่อสร้างเนื้อรอยเชื่อม เคร่ือง
เช่ือมในงานเชื่อมทิกท่ีใช้ในปัจจุบันมีท้ังแบบหม้อแปลงท่ีผลิตแรงดันต่า และ
กระแสสูง แบบเจนเนอเรเตอร์ชนิดเครื่องยนต์ และชนิดมอเตอร์ที่ผลิต
กระแสตรง (DC) รวมถึงเคร่ืองเช่ือมแบบเรคติไฟเออร์ที่ผลิตทั้งกระแสตรง
(DC) และกระแสสลับ (AC) เราจึงจาเป็นต้องศึกษาว่าระบบการทางานของ
เคร่อื งเชอื่ มทางานอยา่ งไร เพอื่ การใชง้ านอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
๒.๖.๑ เครื่องเชื่อมแบบหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer Welding
Machine) เคร่ืองเชื่อมแบบนี้เป็นที่นิยมใช้กันท่ัวไป ซึ่งจะผลิตเฉพาะกระแสไฟ
สลับ (AC) เท่าน้ัน โดยมีหลักการทางานเหมือนกับหม้อแปลงไฟทั่วๆ ไป ซึ่งจะ
นากระแสทม่ี แี รงดันสงู (220 โวลต์) ต่อเข้าทางขดลวดปฐมภูมิ (primary) และ
จ่ายออกทางขดลวดทุติภูมิ (secondary) เป็นกระแสไฟที่มีแรงดันต่า กระแสสูง
วงจรเปดิ ประมาณ 80-100 V กระแสไฟขึ้นอยกู่ บั ขนาดของเคร่ืองเช่อื ม
๒.๖.๒ เครื่องเช่ือมแบบเรคติไฟเออร์ (Rectifier Welding) ประกอบด้วย
หมอแปลงและตัวเรียงกระแส (Rectifier) ตัวเรียงกระแส เป็นอุปกรณ์ท่ี
เปลย่ี นกระแสสลบั ให้เปน็ กระแสตรง เครอ่ื งเรยี งกระแสสลับให้เป็นกระแสตรง
น้ีจะใช้สารกึ่งตัวนา เช่น แผ่นซิลิกอน (Silicon) และซีลิเนียม (Selenium)
คูม่ ือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพช่างเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 39
สาหรบั เปล่ียนกระแสสลบั เป็นกระแสตรง ซ่ึงโลหะก่ึงตัวนานี้จะยอมให้กระแส
ไหลผ่านไดส้ ะดวกเพยี งทางเดียว และปรับตั้งกระแสไฟโดยใช้รีซีฟเวอร์ ดงั รูป
๒.๖.๓ เครื่องเชื่อมแบบมอเตอร์เจนเนอเรเตอร์ (Motor Generator)
เป็นเครือ่ งเชอ่ื มทีใ่ ชก้ าลังไฟฟ้าเป็นตัวต้นกาลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ โดยใช้
ไฟฟ้าแบบกระแสสลับ ซ่ึงท่ัวไปจะใช้แรงเคลื่อน 380 โวลต์ เพลาของมอเตอร์
จะต่อร่วมกับเพลาของเจนเนอเรเตอร์ เครื่องเจนเนอเรเตอร์ให้กระแสไฟสูง
แรงดันต่าเป็นเคร่ืองขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์จึงไม่เกิดเสียงดังเม่ือเทียบกับการ
ขบั เคลอื่ นด้วยเครอื่ งยนต์
คมู่ ือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 40
๒.๖.๔ การตอ่ ข้ัวเชอ่ื ม กระแสไฟตรง ( DC ) ประจุไฟฟ้าจะไหลจากประจุ
ลบไปยังประจุบวก ลักษณะเช่นนี้จะทาให้เกิดความร้อนในการเชื่อมที่ขั้วบวก
มากกว่า ในการเชื่อมด้วยไฟกระแสตรง เราสามารถสลับข้ัวเชื่อมได้ โดยจะเกิด
การเปล่ียนแปลง คือ กระแสตรงขั้วตรง (DCEN) DC- คือการต่อหัวเชื่อมเข้ากับ
ขั้วลบ และต่อช้ินงานเป็นขั้วบวก ลักษณะเช่นน้ีประจุไฟฟ้าลบจะไหลจากหัว
เชอ่ื มไปสชู่ ิน้ งานความรอ้ นจะเกิดทช่ี ้ินงานเช่อื มมากกว่า เหมาะกบั ชนิ้ งานหนา
คู่มอื เตรียมทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ช่างเชอ่ื มทกิ ระดบั ๑ (ภาคความรู้) 41
กระแสตรงกลับขั้ว (DCEP) DC+ คือ การต่อหัวเชื่อมเข้ากับขั้วบวก และต่อ
ชิ้นงานเป็นขั้วลบ ลักษณะเช่นนี้ประจุไฟฟ้าลบจะไหลจากชิ้นงานไปสู่หัว
เช่ือมหรืออิเล็กโทรด ความร้อนจะเกิดที่หัวเช่ือมมากกว่า
๒.๖.๕ ชุดหัวเช่ือมทิก ถูกออกแบบตามการใช้งานมีทั้งแบบระบาย
ความรอ้ นดว้ ยนา้ และระบายความรอ้ นด้วยอากาศ โดยส่วนใหญ่ข้ึนอยู่กับการ
ใช้งาน ถ้าเช่ือมช้ินงานหนามากๆ หรือต้องการต้ังกระแสไฟเช่ือมสูงๆ
จาเปน็ ตอ้ งใชช้ ุดระบายความร้อนด้วยน้า ถ้าใชเ้ ชอื่ มเหล็กบางกระแสไฟต่าควร
ใชแ้ บบระบายความร้อนด้วยอากาศ สายเคเบิลในงานเชื่อมทิก หรือสายหัวเชื่อม
มีหนา้ ทีน่ ากระกระแสไฟจากเคร่อื งไปยงั หวั เช่อื มทาด้วยทองแดง เป็นตัวนาที่ดี
มีความต้านทานต่า มีท่อแก๊สอยู่ภายใน มีน้าหนักเบา ทนต่อความร้อนสูง มี
ความแข็งแรง และสายดินที่ต่อกับแคลมป์หนีบจะต้องจับกับช้ินงานให้แน่น
มิฉะนั้นอาจเกิดการอาร์กอย่างรนุ แรงทาความเสยี หายแก่ชนิ้ งาน
คู่มอื เตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชพี ชา่ งเชอื่ มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 42
๒.๖.๖ วงจรไฟฟ้าที่เก่ียวกับเคร่ืองเช่ือม ส่ิงแรกท่ีต้องคานึง คือความ
ปลอดภัยจากการต่อสายลงดินของเครื่องเชื่อมและอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยมี
วัตถุประสงค์เพ่ือความปลอดภัยต่อผู้ใช้ และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการ
ทางานของอุปกรณ์ การต่อลงดินช่วยขจัดความบกพร่องท่ีอาจจะก่อให้เกิด
อันตรายอย่างทันทว่ งที การตอ่ ลงดินของระบบไฟฟ้า หมายถึงการต่อส่วนหนึ่ง
ส่วนใดของระบบไฟฟา้ ที่กระแสไหลผ่านลงดนิ เพอื่ ชว่ ยจากดั แรงดันไฟฟ้าเกินที่
เกิดขึน้ จากการลัดวงจร และป้องกันอันตรายจากไฟฟา้ รัว่
๒.๖.๗ เคร่ืองมือวัดทางไฟฟ้า มีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้หรือใช้กัน
บ่อยคือ โวลต์มิเตอร์ แอมป์มิเตอร์ มัลติมิเตอร์ เป็นเคร่ืองมือวัดทางไฟฟ้าท่ี
นยิ มใชม้ ากท่สี ดุ เน่อื งจากการใชง้ านท่ีเอนกประสงค์ ใช้ง่าย ราคาถูก สามารถ
ใช้วัดได้ท้ังกระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟ้า นับว่าเป็น
อปุ กรณ์ประจากายของช่าง ดังนนั้ เราจาเป็นต้องศกึ ษาวิธีใช้งาน การวัดค่าทาง
ไฟฟ้าต่างๆ การคานวณค่ากระแส แรงดัน ความต้านทานไฟฟ้า และค่า
พลงั งานไฟฟ้า ทีช่ ่างเช่ือมตอ้ งรู้
ค่ากระแสไฟฟ้า (I) เป็นปรากฏการณ์ทางไฟฟ้าที่เกิดจากการเคลื่อนที่
ของอิเลก็ ตรอนหรอื การไหลของอิเล็กตรอนในสายไฟ หรือตัวนาไฟฟ้า หรือพูด
ง่ายๆ คือปริมาณกระแสที่ไหลผ่านตัวนาโดยมีแรงดัน (Volt) ผลักดันให้ผ่าน
คู่มือเตรยี มทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ สาขาอาชีพชา่ งเชอ่ื มทกิ ระดับ ๑ (ภาคความรู้) 43