1
คำชีแ้ จง
นวตั กรรมการจัดการเรียนรูฉ บบั น้ีเปนสวนหนึ่งของรายวิชา ED13307 สอ่ื
เทคโนโลยีและนวตั กรรมสำหรับครูประถมศกึ ษา จัดทำขึน้ เพื่อเปนคูมอื สำหรับบุคคลที่ตองการจะ
ศึกษาในเรื่องนวัตกรรมรูปแบบการสอนที่เหมาะสมสำหรับรายวิชาภาษาไทย โดยมีหัวขอเนื้อหา
ดังน้ี
1. รูปแบบการเรียนการสอนภาษาไทย
2. รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเหมาะกับสาระการเรยี นรูภ าษาไทย
3. นวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอนแบบรวมมือโดยใชเ ทคนคิ POE
4. นวัตกรรม
5. นวัตกรรม
6. นวตั กรรม
7. นวัตกรรม
8. นวตั กรรม
9. นวตั กรรม
10. นวตั กรรม
11. นวตั กรรม
12. นวัตกรรม
ผูจัดทำจึงไดเ รียบเรยี งขอ มูลท่ีเปนรูปแบบของนวัตกรรมพรอ มยกตัวอยางแผนการจดั การ
เรียนรูโดยใชนวัตกรรมเพอื่ ใหผสู นใจไดร ับความรูความเขาใจมากย่ิงขน้ึ เอกสารเลมนจี้ ะชวย
ทบทวนความเขาใจใหช ัดเจนย่ิงข้ึนจนสามารถนำไปใชในการพฒั นาการจัดการเรียนรูข องตนเอง
ได ประโยชนท ไี่ ดจากเอกสารฉบับนย้ี อ มเกิดผลโดยตรงตอตัวผูเ รยี นและผูสอนในการจดั กจิ กรรม
การเรียนรผู ูจดั ทำใครข อขอบคุณแหลง วิทยาการท่ีเปนขอมูลใหผ ูจดั ทำนำมาอา งอิงเพ่อื ใชป ระโยชน
ในการจัดทำเอกสารครั้งนี้
ก
คำนำ
มหาวิทยาลยั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะศกึ ษาศาสตร สาขาการประถมศึกษา
ไดจ ดั แสดงการเผยแพรผ ลงานทางวิชาการ รูปแบบการจดั การเรยี นรูท ่ีใชนวตั กรรมรปู แบบตาง
ๆ และจดั ทำเอกสารนวตั กรรมการจดั การเรียนรูฉ บบั นี้ขน้ึ เพ่ือเปนคมู ือสำหรับบุคลากรทาง
การศกึ ษา ในเรื่อง นวัตกรรมการจัดการเรียนรู โดยนกั ศึกษาสาขาการประถมศึกษา คณะ
ศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ซงึ่ เปนนวัตกรรมท่ไี ดผานการทดลองใชใน
รปู แบบการวจิ ยั สง ผลในเชิงประจกั ษตอนกั เรยี นอยา งเดนชดั และเพ่ือใหครผู ูส อนใชเปน
แนวทางในการทำความเขาใจเร่ืองการนำนวัตกรรมทางการศึกษา มาใชในการพฒั นาการเรียน
การสอนตามหลักสูตรการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2544
ผูจัดทำไดเรียบเรยี งขอมูลรูปแบบของนวตั กรรมโดยสรปุ เพือ่ สามารถนำไปใชได
งา ยพรอ มท้ังยกตัวอยางแผนการจัดการเรยี นรโู ดยใชนวตั กรรมประกอบภายในฉบับ เพอื่ ให
ผสู นใจไดร ับความรูความเขาใจมากยงิ่ ขึ้น เอกสารเลมนจี้ ะชว ยทบทวนความเขาใจใหช ดั เจนยิง่ ข้ึน
จนสามารถนำไปใชในการพัฒนาการเรียนการสอนของตนเองได ผลทไ่ี ดจ ากเอกสารฉบบั นยี้ อม
เกิดผลโดยตรงตอตัวผเู รยี นและผสู อนในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู เพื่อพัฒนาการจดั การศกึ ษา
ของประเทศสืบตอไป
จดั ทำโดย
นางสาวมณฑกานต ศรีทาณี
สารบัญ ข
เร่ือง หนา
คำชแี้ จง 1
คำนำ ก
สารบญั ข
รปู แบบการจัดการเรียนรู POE 2
ข้ันตอนการจดั การเรยี นการสอนแบบ POE 3
ตัวอยา งแผนการจดั การเรยี นรแู บบรวมมือโดยใชเทคนิค POE 4-6
แบบประเมินพฤตกิ รรมในการเรียนรู 9
ตวั อยางใบงาน 7-8
แผนการจัดการเรียนรูแ บบรวมมือโดยใชเ ทคนิค POE 10-13
ใบงาน 14-15
แบบประเมิน 16
เอกสารอางอิง 17
2
นวัตกรรมการจัดการเรียนรู
รปู แบบการเรียนการสอนแบบ POE
การจดั การเรยี นรแู บบ POE
การจัดการเรยี นรูแบบ POE เปนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูใหกับผูเ รยี นไดส รา ง
ความรูด วยตนเอง ทีไ่ ดแนวคิดจากพัฒนาการทางเชาวปญ ญาของเพยี เจตแ ละของวีกอ็ ทสกที้ ี่
เรยี กวาทฤษฎีคอนสตรคั ตวิ ิตซึม (Constructivism Theory) ซ่งึ ผเู รียนสามารถ สรา งความรูดวย
ตนเอง โดยผานกระบวนการซึมซาบหรอื ดูดซึม และกระบวนการปรับขยาย โครงสรางทาง
ปญ ญา ดว ยการรับประสบการณใหมทเ่ี ขามาแลว จะถูกปรับใหเขาสู ประสบการณเดิมที่
เหมือนหรือคลายกน หากสามารถเช่อื มโยงประสบการณความรพู ื้นฐานเดิม เขากับความรู
ใหมได จะทำใหการเรียนรนู ั้นมีความหมาย แตถาไมสามารถปรับใหเขา กบั ประสบการณ
ความรพู นื้ ฐานเดิมได สมองก็จะสรางโครงสรา งขึ้นมาใหมเพือ่ ปรับใหเขากบั ประสบการณ
ความรใู หมน ั้นเปน การเชื่อมโยงกบความรูเดมิ เขากบั ความรูใหมไ ด้
รปู แบบการจดั การเรยี นรแู บบ POE (Predict-Observe-Explain)
เปน การจดั กจิ กรรมการเรียนรูท ่ที ำใหผ ูเรยี นสรา งความรูด ว ยตนเอง โดยผสู อนกาหนด
สถานการณก ารเรยี นรขู น้ึ มาใหผูเรียนไดใชเหตผุ ลในการคิด แลวลงมือปฏิบัติคน หาคำตอบ
ดวยวิธีการตา ง ๆ ในการอธบิ าย จนเกดิ ความรทู ่สี ามารถเช่อื มโยงกบั ความรูเกา หรอื สราง
เปน ความใหมเพ่มิ ข้ึนมาได
แหลงท่ีมา : https://grad.dpu.ac.th/upload/content/files/Year8-3/8340.pdf
3
นวตั กรรมการจดั การเรยี นรู
ขั้นตอนรูปแบบการเรยี นสอนแบบ POE
1) ข้ันทำนาย (P = Predict)
เปน ขน้ั ตอนเรมิ่ ตนกอ นลงมอื ปฏบิ ตั ิกิจกรรมโดยผูส อนกำหนดสถานการณขึน้ มาแลว ใชคำถาม ใหนักเรียนได
ใชความรูเ ดิมของแตล ะบุคคลคดิ รวมกับการใชเหตผุ ลประกอบเพอ่ื ทำนายสถานการณท ี่กำลังจะเกิดขน้ึ ใน
กิจกรรม พรอมท้งั บอกบอกเหตผุ ลในการคดิ นน้ั ดวยขั้นตอนนี้ผูส อนจะไดท ราบถึงความรเู ดิมของนักเรียนแตล ะ
คน และนักเรียนเกิดทกั ษะกระบวนการคดิ อยา งมีเหตุผล (การเดาโดยไรเหตุผลเปนสงิ่ ทไี่ มมคี วามหมาย
เพราะฉะนั้นตองใหเหตผุ ลประกอบดว ย)
2) ขนั้ การสงั เกต (O = Observe)
เปนข้นั ตอนลงมือปฏิบัติคนหาคำตอบดว ยวิธกี ารตา ง ๆ โดยใหน ักเรียนลงมือสงั เกตหรือปฏบิ ัติการทดลอง
หรอื คนควา สบื เสาะหาความรูจากสงิ่ ท่ีเกดิ ข้ึนในกิจกรรมแลวบันทึกผลอยาง ละเอียดจนสามารถตอบปญ หาและ
ขอ สงสยั ไดขัน้ ตอนนี้ผูสอนสามารถสงั เกตพฤติกรรมเพื่อวัดดา นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข อง
นกั เรียนได (การสังเกต ทดลอง คนควาสืบเสาะหาความรูตองมกี ารบันทึกผล จัดไดวาเปนทกั ษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร)
3) ขนั้ การอธิบายผล (E = Explain)
เปนขัน้ ตอนสุดทายของกระบวนการโดยใหนักเรียนนำขอมลู ทไ่ี ดม าอธิบายเปรยี บเทยี บเพ่อื สนับสนุนหรอื
ขัดแยงกับสิง่ ที่คดิ ทำนายไวในข้นั ตอนแรกกอ นลงมือคน ควา หาคำตอบ อยา งมีเหตผุ ล ซ่งึ ผสู อนอาจจะให
อธิบายเปน คำพูดหรือเปนลายลักษณอักษรกไ็ ด จนทำใหนกั เรยี นเกิดความรูท่ีสามารถเชือ่ มโยงกับความรูเกา
หรือสรางเปนความรใู หมเพิ่มข้ึนมาไดข้นั ตอนนี้สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบยอยในแตละเน้ือหาได
แหลงท่ีมา : http://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2559/121587/Kongma%20Jirabha.pdf
4
ตวั อยา งแผนการจดั การเรยี นรู
แผนการจัดการเรยี นรทู พี่ ฒั นาโดยรูปแบบ POE ( จริ ภา กองมา )
กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร ชัน้ ประถมศึกษาปท� ี่ 5
หนวยการเรยี นรทู ี่ 5 ลมฟา อากาศ เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนที่ 1 เรอื่ ง การเกดิ เมฆและหมอก
มาตรฐาน ว 6.1 เขากระบวนการตางๆท่ีเกดิ ข้นึ บนผวิ โลกและภายในโลก ความสัมพนั ธของ
กระบวนการตา งๆ ทมี่ ีผลตอ การเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสณั ฐานของโลก มี
กระบวนการสบื เสาะหาความรแู ละจติ วิทยาศาสตร ส่ือสารสงิ่ ท่ีเรียนรแู ละนำความรไู ปใชประโยชน
ตวั ชว้ี ดั
ว 6.1 ป5./1 สำรวจ ทดลองอธบิ ายการเกิดเมฆ หมอก นํ้าคาง ฝน และลกู เหบ็
สาระสำคญั
ไอน้ําเปนอากาศที่ควบแนน เปน ละอองนํ้าเล็กๆ ทำใหเกิดเมฆและหมอก
สาระการเรยี นรู
อนาํ้ เปนสวนประกอบสำคญั ของอากาศท่ีทำใหสภาพอากาศเกดิ การเปลย่ี นแปลงเม่ือไอน้ําในอากาศเกดิ การ
ควบแนนเปนละอองนาํ้ เลก็ ๆ โดยมฝี นุ ละอองเปนแกนกลางลอยอยใู นระดับตา่ํ เรียกวา หมอก ถา ไอน้ํา
เกิดการควบแนนอยูในระดบั สงู เรียกวา เมฆ
จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
1.นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการเกดิ เมฆ และหมอกได
2.นกั เรยี นสามารถทดลองและสรุปการเกดิ เมฆ และหมอกได
3.นกั เรยี นมคี วามซ่ือสัตยส ุจรติ มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ ใฝเรยี นรู มุงม่ันในการทำงาน และมีจอตสาธารณะ
สมรรถนะสำคญั ของผูเรยี น
กจิ กรรมการเรยี นรู
ข้นั นำ (ข้นั การนำเสนอสิ่งทีต่ อ งเรยี น)
1. ครกู ลาวทกั ทาย และเชค็ ชือ่ นักเรยี น
5
2. ครนู ำภาพเมฆและหมอก พรอมทั้งเป�ดวดิ ที ัศน เรอ่ื งเมฆและหมอก ใหนักเรียนดู แลว ถาม
นักเรยี นดงั นี้
- ปรากฎการณท ่เี กิดข้ึนในภาพมลี กั ษณะแตกตา งกนั อยา งไร
- ปรากฏการณท ั้ง 2 ภาพนี้ เกดิ ขึ้นมาจากส่ิงใด
2.1ครูอธบิ ายใหน ักเรยี นฟง กับสาเหตุทที่ ำใหปรากฎการณลมฟา อากาศทเี่ กิดขนึ้ ในแตล พชวงเวลาที่
แตกตางกัน
ขน้ั สอน (การทำงานเปน กลมุ )
3. ครูแบงนักเรียนออกเปน กลุมๆ ละ 4 คน โดยคละความสามารถนักเรียน เกง ปานกลาง และ
ออ น (โดยครแู บง รายชอื่ นกั เรยี นออกเปนกลมุ ไวก อ นลว งหนา แลว)
4.ใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ศึกษาขั้นตอนการทดลอง แลว ปฎิบตั ติ ามใบกจิ กรรมที่ 1.1 เรอื่ งการเกดิ เมห
และหมอก พรอ มท้ังบนั ทกึ ผลการทดลองลงในใบงานที่ 1.1 เรอ่ื งการเกิดเมฆและหมอก
(ขนั้ ทดสอบยอ ย)
5. ครแู จกแบบทดสอบเรอ่ื งเมหและหมอกใหน ักเรยี นทำแบบทดสอบ เปนรายบคุ คล
6. ใหน กั เรียนจับคแู ลกเปล่ียนกระดาษคำตอบเพื่อเปล่ยี นกันตรวจกบั ผูอ ื่น
(ขนั้ หาคะแนนพฒั นาการ)
7. ตัวแทนนกั เรยี นแตละกลุม ออกมารับใบความรู และใบงานเรื่อง เมฆและหมอก พรอ มท้ังให
นักเรียนทำกิจกรรม ดงั น้ี
7.1 ใหนกั เรยี นรวมกันศึกษาใบความรูเรอ่ื งเมฆและหมอก
7.2 ใหน ักเรยี นในกลุมชวยกันทำใบงานที่ 1,2 และใบงานที่ จากท่ีครูแจกให
8. ครูและนักเรียนตรวจสอบความถูกตอ งของการทำใบงานกลุม
9. จากนนั้ ครใู หนักเรยี นทำแบบทดสอบแบบเดิมเปนรายบคุ คลแลว ใหน ักเรยี นแลกเปล่ยี นกนั ตรวจ
และนำผลคะแนนของสมาชกิ ในกลมุ ท่ีไดม ารวมกนั ครแู ละนกั เรียนรวมกันพจิ ารณาความสำเรจ็ หากกลมุ ใดมี
คะแนนยงั ไมนาพอใจใหนกั เรียนกลมุ นั้นศกึ ษาเพม่ิ เติมและทดสอบซํ้าได
10. ครูแจง คะแนนการทำใบงานที่ 1,2 สรุปผลคะแนนความกาวหนา ใหน กั เรียนในแตล ะกลุม
ทราบ
ขนั้ สรปุ (ขนั้ ใหรางวลั กลมุ )
11. นกั เรียนที่ไดคะแนนสงู สดุ จากแบบทดสอบผลการเรยี นรูรายบุคคล และมีความมกา วหนา
ทางการเรยี นอยใู นระดบั สูงสดุ ของหอ งจะไดร บั รางวลั การกลาวชมเชยจากครู
12. ครูและนกั เรียนรวมกันสรปุ เนอ้ื หาเกีย่ วกับเมฆและหมอก และครใู หขอเสนอแนะเพิม่ เติมถงึ
การทำงานรว มกนั ของนกั เรยี นในกลุม
6
สอ่ื /แหลง การเรยี นรู
1. หนังสือเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร ชนั้ ประถมศกึ ษาท่ี 5
2. วีดที ัศนเ ร่ืองเมฆและหมอก
(https://www.youtube.com/watch?v=MsUB5vw thmw)
3.บตั รภาพแผนภาพ
4. ใบกจิ กรรมท่ี 1.1เรื่องการเกดิ เมฆและหมอก
5.ใบกจิ กรรมที่ 1.2 เรือ่ งเมฆและหมอก
การวดั และประเมนิ ผล
1. วิธีการวดั
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น (ใบงานท่ี 1,2)
2. เกณฑก ารประเมิน
- นักเรยี นอธิบายการเกดิ เมฆและหมอกไดถ ูกตองรอ ยละ 70 ขึ้นไป
ประเมนิ หลงั การสอน
1. ประเมินนักเรียน_____________________________________________________
___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
_________
2. ประเมินคร_ู _______________________________________________________
___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
_______________
ผพู ฒั นาการแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูโ ดยใชน วัตกรรม PEO
________________________
(จริ ภา กองมา)
7
ตัวอยา งใบงาน
ใบงานท่ี 1
เรือ่ ง การเกิดเมฆและหมอก
คำช้แี จง ใหน กั เรียนวาดภาพการทดลองบนั ทกึ ผลการทดลองลงในตาราง
พรอ มทงั้ สรปุ ผลการทดลอง
1.วาดภาพการทดลอง
2.ตารางบนั ทกึ ผล
การทดลอง สงิ่ ทส่ี ังเกตเหน็
1.เทนํา้ รอนลงในบกี เกอร ---------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------
2.นำจานแกว ใสนา้ํ แขง็ วางป�ดปาก ---------------------------------------------------------
บีกเกอร ท้ิงไวสักครู ---------------------------------------------------------
3.สรุปผลการทดลอง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
8
ใบงานที่ 2
เรื่อง เมฆและหมอก
คำช้ีแจงใหนักเรียนศึกษาใบงานท่ี 1 เรือ่ งเมฆและหมอกแลวตอบคำถามตอ ไปน้ี
1. เมฆเกดิ ขน้ึ ไดอยางไร
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………….……………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
………………………………………………………………
2. หมอกเกิดขึน้ ไดอ ยา งไร
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
3. เมฆและหมอกแตกตางกนั อยางไร
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
……………………………………………………………
9
ตวั อยา งแบบประเมินพฤกรรมการทำงาน
คำชแี้ จง : ใหผูสอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวางเรยี น แลว ขดี ✓ ลงในชอง
ที่ตรงกบั ระดับคะแนน
เลข ความ การ การรบั ฟง การแกไข เปนผนู ำ รวม เฉลีย่ ระดับ
ท่ี สามัคคี ทำงาน และแสดง ปญหา และผูตาม 15 3 คุณภาพ
รวมกับ ความ ปรับปรุง ในโอกาส คะ คะ
ผอู ื่น คิดเหน็ ผลงาน ท่ี แนน แนน
เหมาะสม
321 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ ........................................................ (ผูประเมิน) วันที่ ............... /................ /................
เกณฑก ารใหคะแนน เกณฑการตัดสนิ คุณภาพ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยางสมาํ่ เสมอให 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอยคร้งั ให 2 คะแนน ชวงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให 1 คะแนน 12-15 3=ดี
8-11
ตาํ่ กวา 18 2=พอใช
1=ปรบั ปรุง
แหลงทม่ี า : http://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2559/121587/Kongma%20Jirabha.pdf
10
แผนการจดั การเรียนรู้
แผนนการจดั การเรียนรู้ทีพ่ ฒั นาโดยใช้นวตั กรรม POE
โรงเรียน คาํ นางตุ้มโนนสวรรค์ ช้ันประศึกษาปี ท่ี 6
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว15101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เร่ืองไฟฟ้า จํานวน 24 ช่ัวโมง
แผนการเรียนรุ้ท่ี 1 เรื่อง วงจรไฟฟ้า(การต่อแบตเตอร่ี) เวลา 1-2 ชั่วโมง
ผ้สู อน นางสาว มณฑกานต์ ศรีทาณี วันที่ 5 เดือน ตลุ าคม พ.ศ 2565
อาจาร์ยท่ปี รึกษา ชื่อ อาจาร์ย สมหวงั นิลพล
1.สาระที่ 5 พลงั งาน
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างพลังงานกบั การดาํ รงชวี ิต การเปลีย่ นรูปพลงั งาน ปฎสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสารและ
พลังงาน ผลของการใช้พลงั งานตอ่ ชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และนําความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชวี้ ัด
ว 5.1 ป.6/1
ว 5.1 ป.6/2
ว 5.1 ป.6/3
11
2.สาระสาํ คัญ
เซลลไ์ ฟฟ้าหลายเซลลต์ อ่ เรียงกนั โดยขั้วบวกของเซลลไ์ ฟฟ้าขัว้ หนง่ึ ตอ่ กับขั้นลบของอกี ขั้นหนง่ึ เป็ นการต่อแบบอนุกรม ทาํ
ให้มีกระแสไฟฟ้าผ่านอุปกรณไ์ ฟฟ้าในวงจรเพมิ่ ขนึ้ การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรมสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชวี ิตประจาํ วนั เชน่ การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าในไฟฉาย
3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ทดลองและอธบิ ายการตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรมและนาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ (P, K)
3.2 แสดงความสนใจในบทเรยี น แสดงความคิดเหน็ ของตนและยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ ได้ (A)
4.สาระการเรยี นรู้
การตอ่ วงจรไฟฉายแบบอนุกรมถา่ ยไฟฉายจะใหพ้ ลังงานไฟฟ้าเทา่ กบั พลังงานรวมของถ่านไฟฉายทงั้ หมดทนี่ าํ มาตอ่ กบั
อุปกรณไ์ ฟฟ้า เชน่ ไฟฉายซึง่ ใช้ถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น ถา่ นไฟฉายสองกอ่ นต่อกันแบบอนุกรม พลงั งานไฟฟ้าทสี่ ่งผา่ นหลอด
ไฟฟ้าจะเป็ นพลงั งานรวมของถา่ นไฟฉายทัง้ สอง ถา้ นาํ ถา่ นไฟฉายจาํ นวน 2 กอ้ น มาต่อกนั แบบขนาน พลงั งานไฟฟ้าทไี่ ด้
จากถา่ นไฟฉายทงั้ สองจะเทา่ กบั พลงั งานของถ่านไฟฉายเพยี ง 1 ก้อน เทา่ นัน้ การตอ่ แหล่งกาํ เนิดไฟฟ้าแบบขนาน ไมเ่ ป็ น
ทนี่ ิยมต่อเพอื่ ใช้งาน แบตเตอรี่เป็ นกลุ่มของถ่านไฟฉายทตี่ ่อแบบอนุกรมพลงั งานไฟฟ้าของแบตเตอรีเ่ ป็ นพลงั งานของถ่าย
ไฟฉายทกุ ก้อนรวมกนั
5.กระบวนการจัดการเรยี นรู้ (ใชร้ ูปแบบการสอนสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (POE)
ขั้นที่ 1 ขน้ั การแนะนาํ และสร้างแรงกระตนุ้
1.1 ครูนาํ อุปกรณ์ ได้เก่ สายไฟ 6 เส้น หลอดไฟฟ้า ถา่ ยไฟฉาย 9 โวลต์ 3 กอ้ น ดงั แผนภาพ
สายไฟ หลอดไฟ ถา่ นไฟฉาย
1.2 ครูสุ่มถามนักเรยี นในห้องว่ารู้จักอุปรณท์ ค่ี รูนาํ มาแสดงหรอื ไม่ ถ้ารู้สิ่งนั้นคอื อะไร
12
ข้นั ท่ี 2 ขน้ั แนะนาํ การทดลอง
ครูชแี้ จงกิจกรรมการทดลอง วา่ “การทดลองในวันนีจ้ ะเป็ นการทดลองโดยเราจะคน้ หาวธิ กี ารการต่อถา่ นไฟฉายให้
หลอดไฟมีความสว่างมากทสี่ ุด
ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั การทาํ นาย (ลว้ งเอาแนวคิดของผ้เู รยี น)
3.1 ครูถามนักเรียนว่าถา้ ต้องการตอ่ หลอดไฟฟ้าให้สว่างทสี่ ุดนักเรียนจะมีวธิ กี ารต่ออย่างไร
3.2 ครูชแี้ จงกับนักเรียนวา่ เพอื่ ตอบข้อสงสยั ทว่ี า่ เราจะตอ่ ถ่านไฟฉายอยา่ งไรให้ได้สว่างทสี่ ุด กจิ กรรมการเรียนรู้ในวันนีจ้ งึ
จะใหน้ ักเรยี นทาํ การทดลอง เพอื่ ตอบข้อสงสัยนี้
ขน้ั ที่ 4 ข้นั อภปิ รายผลการทาํ นาย
4.1 ครูแบง่ นักเรียนออกเป็ นทงั้ หมด 7 กลุม่
4.2 ใหน้ ักเรียนทงั้ ชน้ั เรยี นรวมกันปรกึ ษา นาํ เสนอแนวคิดของตนเองและร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ภายในกลมุ่ เพอื่
ตัดสินใจเลือกวธิ กี ารต่อวงจรไฟฟ้าทจี่ ะทาํ ใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ งทสี่ ุดมาหนึ่งวธิ แี ละส่งตัวแทนออกมาเขยี นวิธีของกลุม่ ตนเอง
ไว้ทกี่ ระดานหน้าชัน้ เรยี น
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั สังเกตการณ์
นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ได้ทดลองตอ่ วงจรไฟฟ้าตามแนวคดิ ของกลุม่ ทไี่ ด้ร่วมกันออกแบบไว้
ขน้ั ท่ี 6 ขน้ั อธบิ าย
6.1 ครูตรวจความเรยี บร้อยวา่ นักเรียนเขา้ กลุม่ ครบทกุ กลุ่มแล้ว จากนั้น
6.2 ให้ตัวแทนนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนาํ ผลงานการต่อวงจรไฟฟ้าของตนเองออกมานาํ เสนอหน้าชั้นเรียน เพอื่ เปรยี บเทยี บความ
สวา่ งมากกวา่ กนั
6.3 ใหน้ ักเรียนสงั เกตวธิ กี ารตอ่ ถ่านไฟฉายของกลุม่ ทมี่ ีหลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด ว่าแตกต่างจากลุม่ ของตนอยา่ งไร
ข้นั ท่ี 7 ขน้ั เสนอเสนอการอธิบายเชิงวทิ ยาศาสตร์
ให้ตัวแทนนักเรยี นกลุ่มทต่ี อ่ หลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด มาอธบิ ายวิธกี ารต่อของตนอยา่ งไร ครูอธบิ ายเสรมิ จากแนวคิดของนักเรยี น
ทม่ี ใี นกระดานวา่ การตอ่ หลอดไฟให้ได้สวา่ งมากทสี่ ุดจะต้องต่อสลับขัว้ กนั ไปเรือ่ ยๆเรียกการตอ่ แบบนีว้ ่าการต่อแบบ
อนุกรม ซง่ึ คา่ พลังงานไฟฟ้าทไี่ ดจ้ ะมคี ่าเทา่ กับจาํ นวนถา่ นไฟฉายทตี่ ่อยง่ิ ต่อเยอะยิง่ มีคา่ พลงั งานมาก ส่วนการต่อถา่ นไฟ
ถ่านไฟฉายจาํ นวน 3 กอ้ น มาตอ่ กนั โดยใช้ขั้วเดยี วกนั ตลอด เรียกการต่อแบบนีว้ า่ แบบขนาน พลังงานไฟฟ้าทไี่ ดจ้ าก
ถ่านไฟฉายทัง้ 3 จะเท่ากบั พลงั งานของถา่ นไฟฉายเพยี ง 1 กอ้ น เท่านั้น
13
ขน้ั ที่ 8 ขน้ั ติดตาผล
8.1 นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาเรื่องทเ่ี รียนในคาบวา่ มเี รือ่ งใดทยี่ ังไม่เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย
- ถ้านักเรียนมีขอ้ สงสยั ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมให้นักเรยี นเข้าใจ
- ถ้านักเรียนไมม่ ขี อ้ สงสยั ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนดว้ ยการทาํ ใบงานเรื่องการตอ่ วงจรไฟฟ้าของ
ถา่ นไฟฉาย
5 คะแนน
2.2 นักเรยี นนาํ ใบงานส่งครูหน้าชั้นเรยี น
6.ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้
https://sites.google.com/a/kkumail.com/lesson-study-for-science/rup-baeb-kar-sxn-poe
ใบสาํ รวจแนวคิดนักเรียนเรื่อง การตอ่ วงจรไฟฟ้า
ใบงาน เรื่องการตอ่ วงจรไฟฟ้าของถา่ นไฟฉาย
7.การวัดและประเมนิ ผล
วิธีการวดั เครื่องมือทใี่ ชว้ ัด เกณฑก์ ารประเมิน
การตรวจจากใบงาน เรื่องการต่อ ใบงาน เรือ่ งการต่อวงจรไฟฟ้าของ นักเรยี นสามารถตอบคาํ ถามได้
วงจรไฟฟ้าของถ่านไฟฉายและใบ ถ่านไฟฉายและใบสาํ รวจความ ถกู ต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึน้
สาํ รวจความคิดเหน็ เรือ่ ง การต่อ คิดเหน็ เรื่อง การตอ่ วงจรให้ ไป
วงจรใหห้ ลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด หลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด
สังเกตพฤตกิ รรมในชัน้ เรยี นราย นักเรยี นสามารถทาํ งานไดอ้ ยู่
กลุ่ม แบบประเมินดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ในชว่ งคะแนน 4-6 หรือ ระดบั
ประสงค์ คุณภาพ ดี ขนึ้ ไป
8.แบบประเมนิ หลงั การสอน
1. ประเมนิ นักเรียน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2.ประเมนิ ครู
………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………….
14
ชอ่ื Unit เลขที่ กลุม่ ท่ี
ใบสาํ รวจความคิดเหน็ เรื่อง การต่อวงจรให้หลอดไฟสวา่ งทสี่ ดุ
คาํ ส่ัง ให้นักเรยี นออกแบบและอธบิ ายการตอ่ วงจรไฟฟ้าให้หลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด โดยใช้ หลอดไฟฟ้า 1 หลอด สายไฟ
6 เส้นและถา่ นไฟฉาย 3 กอ้ น
15
ใบงานเรือ่ ง การต่อวงจรให้หลอดไฟสว่างทสี่ ุด
คาํ ส่ัง ให้นักเรยี นออกแบบการตอ่ วงจรไฟฟ้าใหห้ ลอดไฟสว่างทสี่ ุด โดยใช้ หลอดไฟฟ้า 1 หลอด สายไฟฟ้า 6 เส้น และ
ถา่ นไฟฉาย 3 กอ้ น
16
แบบประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชอ่ื กจิ กรรม การต่อวงจรไฟฟ้าของถา่ นไฟฉาย ระดับชัน้ ประถมศึกษาปี ที่ 6
คาํ ชีแ้ จง สังเกตการทาํ งานรายกลมุ่ ของนักเรยี น โดยทาํ เครอื่ งหมาย ✓ลงในช่องวา่ งทตี่ รงกบั ความเป็ น
จริง
เกณฑก์ ารให้คะแนน
กลุม ท/ี่ สมาชกิ กลมุ รายการท่ีประเมนิ /คะแนน
1. ความสนใจ ยอมรับฟง
2.
3. ความ รวม
4.
5. คิดเหน็ ของ
6.
7. ผอู ื่น
32103210
6
ผปู้ ระเมิน
……………………………………..
17
เอกสารอ้างอิง
https://sites.google.com/a/kkumail.com/lesson-study-for-science/rup-baeb-kar-
sxn-poe