The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ufykkgg.2457, 2022-10-13 23:16:37

POE

POE

1

คำชีแ้ จง

นวตั กรรมการจัดการเรียนรูฉ บบั น้ีเปนสวนหนึ่งของรายวิชา ED13307 สอ่ื
เทคโนโลยีและนวตั กรรมสำหรับครูประถมศกึ ษา จัดทำขึน้ เพื่อเปนคูมอื สำหรับบุคคลที่ตองการจะ
ศึกษาในเรื่องนวัตกรรมรูปแบบการสอนที่เหมาะสมสำหรับรายวิชาภาษาไทย โดยมีหัวขอเนื้อหา
ดังน้ี
1. รูปแบบการเรียนการสอนภาษาไทย
2. รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเหมาะกับสาระการเรยี นรูภ าษาไทย
3. นวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอนแบบรวมมือโดยใชเ ทคนคิ POE
4. นวัตกรรม
5. นวัตกรรม
6. นวตั กรรม
7. นวัตกรรม
8. นวตั กรรม
9. นวตั กรรม
10. นวตั กรรม
11. นวตั กรรม
12. นวัตกรรม

ผูจัดทำจึงไดเ รียบเรยี งขอ มูลท่ีเปนรูปแบบของนวัตกรรมพรอ มยกตัวอยางแผนการจดั การ
เรียนรูโดยใชนวัตกรรมเพอื่ ใหผสู นใจไดร ับความรูความเขาใจมากย่ิงขน้ึ เอกสารเลมนจี้ ะชวย
ทบทวนความเขาใจใหช ัดเจนย่ิงข้ึนจนสามารถนำไปใชในการพฒั นาการจัดการเรียนรูข องตนเอง
ได ประโยชนท ไี่ ดจากเอกสารฉบับนย้ี อ มเกิดผลโดยตรงตอตัวผูเ รยี นและผูสอนในการจดั กจิ กรรม
การเรียนรผู ูจดั ทำใครข อขอบคุณแหลง วิทยาการท่ีเปนขอมูลใหผ ูจดั ทำนำมาอา งอิงเพ่อื ใชป ระโยชน
ในการจัดทำเอกสารครั้งนี้



คำนำ

มหาวิทยาลยั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะศกึ ษาศาสตร สาขาการประถมศึกษา
ไดจ ดั แสดงการเผยแพรผ ลงานทางวิชาการ รูปแบบการจดั การเรยี นรูท ่ีใชนวตั กรรมรปู แบบตาง
ๆ และจดั ทำเอกสารนวตั กรรมการจดั การเรียนรูฉ บบั นี้ขน้ึ เพ่ือเปนคมู ือสำหรับบุคลากรทาง
การศกึ ษา ในเรื่อง นวัตกรรมการจัดการเรียนรู โดยนกั ศึกษาสาขาการประถมศึกษา คณะ
ศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ซงึ่ เปนนวัตกรรมท่ไี ดผานการทดลองใชใน
รปู แบบการวจิ ยั สง ผลในเชิงประจกั ษตอนกั เรยี นอยา งเดนชดั และเพ่ือใหครผู ูส อนใชเปน
แนวทางในการทำความเขาใจเร่ืองการนำนวัตกรรมทางการศึกษา มาใชในการพฒั นาการเรียน
การสอนตามหลักสูตรการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2544

ผูจัดทำไดเรียบเรยี งขอมูลรูปแบบของนวตั กรรมโดยสรปุ เพือ่ สามารถนำไปใชได
งา ยพรอ มท้ังยกตัวอยางแผนการจัดการเรยี นรโู ดยใชนวตั กรรมประกอบภายในฉบับ เพอื่ ให
ผสู นใจไดร ับความรูความเขาใจมากยงิ่ ขึ้น เอกสารเลมนจี้ ะชว ยทบทวนความเขาใจใหช ดั เจนยิง่ ข้ึน
จนสามารถนำไปใชในการพัฒนาการเรียนการสอนของตนเองได ผลทไ่ี ดจ ากเอกสารฉบบั นยี้ อม
เกิดผลโดยตรงตอตัวผเู รยี นและผสู อนในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู เพื่อพัฒนาการจดั การศกึ ษา
ของประเทศสืบตอไป

จดั ทำโดย
นางสาวมณฑกานต ศรีทาณี

สารบัญ ข

เร่ือง หนา

คำชแี้ จง 1
คำนำ ก
สารบญั ข
รปู แบบการจัดการเรียนรู POE 2
ข้ันตอนการจดั การเรยี นการสอนแบบ POE 3
ตัวอยา งแผนการจดั การเรยี นรแู บบรวมมือโดยใชเทคนิค POE 4-6
แบบประเมินพฤตกิ รรมในการเรียนรู 9
ตวั อยางใบงาน 7-8
แผนการจัดการเรียนรูแ บบรวมมือโดยใชเ ทคนิค POE 10-13
ใบงาน 14-15

แบบประเมิน 16
เอกสารอางอิง 17

2

นวัตกรรมการจัดการเรียนรู
รปู แบบการเรียนการสอนแบบ POE

การจดั การเรยี นรแู บบ POE
การจัดการเรยี นรูแบบ POE เปนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูใหกับผูเ รยี นไดส รา ง

ความรูด วยตนเอง ทีไ่ ดแนวคิดจากพัฒนาการทางเชาวปญ ญาของเพยี เจตแ ละของวีกอ็ ทสกที้ ี่
เรยี กวาทฤษฎีคอนสตรคั ตวิ ิตซึม (Constructivism Theory) ซ่งึ ผเู รียนสามารถ สรา งความรูดวย
ตนเอง โดยผานกระบวนการซึมซาบหรอื ดูดซึม และกระบวนการปรับขยาย โครงสรางทาง
ปญ ญา ดว ยการรับประสบการณใหมทเ่ี ขามาแลว จะถูกปรับใหเขาสู ประสบการณเดิมที่
เหมือนหรือคลายกน หากสามารถเช่อื มโยงประสบการณความรพู ื้นฐานเดิม เขากับความรู
ใหมได จะทำใหการเรียนรนู ั้นมีความหมาย แตถาไมสามารถปรับใหเขา กบั ประสบการณ
ความรพู นื้ ฐานเดิมได สมองก็จะสรางโครงสรา งขึ้นมาใหมเพือ่ ปรับใหเขากบั ประสบการณ
ความรใู หมน ั้นเปน การเชื่อมโยงกบความรูเดมิ เขากบั ความรูใหมไ ด้

รปู แบบการจดั การเรยี นรแู บบ POE (Predict-Observe-Explain)
เปน การจดั กจิ กรรมการเรียนรูท ่ที ำใหผ ูเรยี นสรา งความรูด ว ยตนเอง โดยผสู อนกาหนด

สถานการณก ารเรยี นรขู น้ึ มาใหผูเรียนไดใชเหตผุ ลในการคิด แลวลงมือปฏิบัติคน หาคำตอบ
ดวยวิธีการตา ง ๆ ในการอธบิ าย จนเกดิ ความรทู ่สี ามารถเช่อื มโยงกบั ความรูเกา หรอื สราง
เปน ความใหมเพ่มิ ข้ึนมาได

แหลงท่ีมา : https://grad.dpu.ac.th/upload/content/files/Year8-3/8340.pdf

3

นวตั กรรมการจดั การเรยี นรู

ขั้นตอนรูปแบบการเรยี นสอนแบบ POE

1) ข้ันทำนาย (P = Predict)
เปน ขน้ั ตอนเรมิ่ ตนกอ นลงมอื ปฏบิ ตั ิกิจกรรมโดยผูส อนกำหนดสถานการณขึน้ มาแลว ใชคำถาม ใหนักเรียนได
ใชความรูเ ดิมของแตล ะบุคคลคดิ รวมกับการใชเหตผุ ลประกอบเพอ่ื ทำนายสถานการณท ี่กำลังจะเกิดขน้ึ ใน
กิจกรรม พรอมท้งั บอกบอกเหตผุ ลในการคดิ นน้ั ดวยขั้นตอนนี้ผูส อนจะไดท ราบถึงความรเู ดิมของนักเรียนแตล ะ
คน และนักเรียนเกิดทกั ษะกระบวนการคดิ อยา งมีเหตุผล (การเดาโดยไรเหตุผลเปนสงิ่ ทไี่ มมคี วามหมาย
เพราะฉะนั้นตองใหเหตผุ ลประกอบดว ย)

2) ขนั้ การสงั เกต (O = Observe)
เปนข้นั ตอนลงมือปฏิบัติคนหาคำตอบดว ยวิธกี ารตา ง ๆ โดยใหน ักเรียนลงมือสงั เกตหรือปฏบิ ัติการทดลอง
หรอื คนควา สบื เสาะหาความรูจากสงิ่ ท่ีเกดิ ข้ึนในกิจกรรมแลวบันทึกผลอยาง ละเอียดจนสามารถตอบปญ หาและ
ขอ สงสยั ไดขัน้ ตอนนี้ผูสอนสามารถสงั เกตพฤติกรรมเพื่อวัดดา นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข อง
นกั เรียนได (การสังเกต ทดลอง คนควาสืบเสาะหาความรูตองมกี ารบันทึกผล จัดไดวาเปนทกั ษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร)

3) ขนั้ การอธิบายผล (E = Explain)
เปนขัน้ ตอนสุดทายของกระบวนการโดยใหนักเรียนนำขอมลู ทไ่ี ดม าอธิบายเปรยี บเทยี บเพ่อื สนับสนุนหรอื
ขัดแยงกับสิง่ ที่คดิ ทำนายไวในข้นั ตอนแรกกอ นลงมือคน ควา หาคำตอบ อยา งมีเหตผุ ล ซ่งึ ผสู อนอาจจะให
อธิบายเปน คำพูดหรือเปนลายลักษณอักษรกไ็ ด จนทำใหนกั เรยี นเกิดความรูท่ีสามารถเชือ่ มโยงกับความรูเกา
หรือสรางเปนความรใู หมเพิ่มข้ึนมาไดข้นั ตอนนี้สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบยอยในแตละเน้ือหาได

แหลงท่ีมา : http://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2559/121587/Kongma%20Jirabha.pdf

4

ตวั อยา งแผนการจดั การเรยี นรู

แผนการจัดการเรยี นรทู พี่ ฒั นาโดยรูปแบบ POE ( จริ ภา กองมา )

กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร ชัน้ ประถมศึกษาปท� ี่ 5

หนวยการเรยี นรทู ี่ 5 ลมฟา อากาศ เวลา 2 ช่ัวโมง

แผนที่ 1 เรอื่ ง การเกดิ เมฆและหมอก

มาตรฐาน ว 6.1 เขากระบวนการตางๆท่ีเกดิ ข้นึ บนผวิ โลกและภายในโลก ความสัมพนั ธของ
กระบวนการตา งๆ ทมี่ ีผลตอ การเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสณั ฐานของโลก มี
กระบวนการสบื เสาะหาความรแู ละจติ วิทยาศาสตร ส่ือสารสงิ่ ท่ีเรียนรแู ละนำความรไู ปใชประโยชน

ตวั ชว้ี ดั

ว 6.1 ป5./1 สำรวจ ทดลองอธบิ ายการเกิดเมฆ หมอก นํ้าคาง ฝน และลกู เหบ็

สาระสำคญั

ไอน้ําเปนอากาศที่ควบแนน เปน ละอองนํ้าเล็กๆ ทำใหเกิดเมฆและหมอก

สาระการเรยี นรู

อนาํ้ เปนสวนประกอบสำคญั ของอากาศท่ีทำใหสภาพอากาศเกดิ การเปลย่ี นแปลงเม่ือไอน้ําในอากาศเกดิ การ
ควบแนนเปนละอองนาํ้ เลก็ ๆ โดยมฝี นุ ละอองเปนแกนกลางลอยอยใู นระดับตา่ํ เรียกวา หมอก ถา ไอน้ํา
เกิดการควบแนนอยูในระดบั สงู เรียกวา เมฆ

จดุ ประสงคก ารเรยี นรู

1.นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการเกดิ เมฆ และหมอกได

2.นกั เรยี นสามารถทดลองและสรุปการเกดิ เมฆ และหมอกได

3.นกั เรยี นมคี วามซ่ือสัตยส ุจรติ มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ ใฝเรยี นรู มุงม่ันในการทำงาน และมีจอตสาธารณะ

สมรรถนะสำคญั ของผูเรยี น

กจิ กรรมการเรยี นรู

ข้นั นำ (ข้นั การนำเสนอสิ่งทีต่ อ งเรยี น)

1. ครกู ลาวทกั ทาย และเชค็ ชือ่ นักเรยี น

5

2. ครนู ำภาพเมฆและหมอก พรอมทั้งเป�ดวดิ ที ัศน เรอ่ื งเมฆและหมอก ใหนักเรียนดู แลว ถาม
นักเรยี นดงั นี้

- ปรากฎการณท ่เี กิดข้ึนในภาพมลี กั ษณะแตกตา งกนั อยา งไร

- ปรากฏการณท ั้ง 2 ภาพนี้ เกดิ ขึ้นมาจากส่ิงใด

2.1ครูอธบิ ายใหน ักเรยี นฟง กับสาเหตุทที่ ำใหปรากฎการณลมฟา อากาศทเี่ กิดขนึ้ ในแตล พชวงเวลาที่
แตกตางกัน

ขน้ั สอน (การทำงานเปน กลมุ )
3. ครูแบงนักเรียนออกเปน กลุมๆ ละ 4 คน โดยคละความสามารถนักเรียน เกง ปานกลาง และ
ออ น (โดยครแู บง รายชอื่ นกั เรยี นออกเปนกลมุ ไวก อ นลว งหนา แลว)
4.ใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ศึกษาขั้นตอนการทดลอง แลว ปฎิบตั ติ ามใบกจิ กรรมที่ 1.1 เรอื่ งการเกดิ เมห
และหมอก พรอ มท้ังบนั ทกึ ผลการทดลองลงในใบงานที่ 1.1 เรอ่ื งการเกิดเมฆและหมอก

(ขนั้ ทดสอบยอ ย)
5. ครแู จกแบบทดสอบเรอ่ื งเมหและหมอกใหน ักเรยี นทำแบบทดสอบ เปนรายบคุ คล
6. ใหน กั เรียนจับคแู ลกเปล่ียนกระดาษคำตอบเพื่อเปล่ยี นกันตรวจกบั ผูอ ื่น

(ขนั้ หาคะแนนพฒั นาการ)
7. ตัวแทนนกั เรยี นแตละกลุม ออกมารับใบความรู และใบงานเรื่อง เมฆและหมอก พรอ มท้ังให
นักเรียนทำกิจกรรม ดงั น้ี
7.1 ใหนกั เรยี นรวมกันศึกษาใบความรูเรอ่ื งเมฆและหมอก
7.2 ใหน ักเรยี นในกลุมชวยกันทำใบงานที่ 1,2 และใบงานที่ จากท่ีครูแจกให
8. ครูและนักเรียนตรวจสอบความถูกตอ งของการทำใบงานกลุม
9. จากนนั้ ครใู หนักเรยี นทำแบบทดสอบแบบเดิมเปนรายบคุ คลแลว ใหน ักเรยี นแลกเปล่ยี นกนั ตรวจ
และนำผลคะแนนของสมาชกิ ในกลมุ ท่ีไดม ารวมกนั ครแู ละนกั เรียนรวมกันพจิ ารณาความสำเรจ็ หากกลมุ ใดมี
คะแนนยงั ไมนาพอใจใหนกั เรียนกลมุ นั้นศกึ ษาเพม่ิ เติมและทดสอบซํ้าได

10. ครูแจง คะแนนการทำใบงานที่ 1,2 สรุปผลคะแนนความกาวหนา ใหน กั เรียนในแตล ะกลุม
ทราบ

ขนั้ สรปุ (ขนั้ ใหรางวลั กลมุ )
11. นกั เรียนที่ไดคะแนนสงู สดุ จากแบบทดสอบผลการเรยี นรูรายบุคคล และมีความมกา วหนา
ทางการเรยี นอยใู นระดบั สูงสดุ ของหอ งจะไดร บั รางวลั การกลาวชมเชยจากครู
12. ครูและนกั เรียนรวมกันสรปุ เนอ้ื หาเกีย่ วกับเมฆและหมอก และครใู หขอเสนอแนะเพิม่ เติมถงึ
การทำงานรว มกนั ของนกั เรยี นในกลุม

6

สอ่ื /แหลง การเรยี นรู
1. หนังสือเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร ชนั้ ประถมศกึ ษาท่ี 5
2. วีดที ัศนเ ร่ืองเมฆและหมอก

(https://www.youtube.com/watch?v=MsUB5vw thmw)
3.บตั รภาพแผนภาพ
4. ใบกจิ กรรมท่ี 1.1เรื่องการเกดิ เมฆและหมอก

5.ใบกจิ กรรมที่ 1.2 เรือ่ งเมฆและหมอก
การวดั และประเมนิ ผล

1. วิธีการวดั
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น (ใบงานท่ี 1,2)

2. เกณฑก ารประเมิน
- นักเรยี นอธิบายการเกดิ เมฆและหมอกไดถ ูกตองรอ ยละ 70 ขึ้นไป

ประเมนิ หลงั การสอน
1. ประเมินนักเรียน_____________________________________________________

___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
_________

2. ประเมินคร_ู _______________________________________________________
___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
___________________________________________________________________________
_______________

ผพู ฒั นาการแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูโ ดยใชน วัตกรรม PEO

________________________
(จริ ภา กองมา)

7

ตัวอยา งใบงาน

ใบงานท่ี 1
เรือ่ ง การเกิดเมฆและหมอก

คำช้แี จง ใหน กั เรียนวาดภาพการทดลองบนั ทกึ ผลการทดลองลงในตาราง
พรอ มทงั้ สรปุ ผลการทดลอง

1.วาดภาพการทดลอง

2.ตารางบนั ทกึ ผล

การทดลอง สงิ่ ทส่ี ังเกตเหน็
1.เทนํา้ รอนลงในบกี เกอร ---------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------
2.นำจานแกว ใสนา้ํ แขง็ วางป�ดปาก ---------------------------------------------------------
บีกเกอร ท้ิงไวสักครู ---------------------------------------------------------

3.สรุปผลการทดลอง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------

8

ใบงานที่ 2
เรื่อง เมฆและหมอก

คำช้ีแจงใหนักเรียนศึกษาใบงานท่ี 1 เรือ่ งเมฆและหมอกแลวตอบคำถามตอ ไปน้ี

1. เมฆเกดิ ขน้ึ ไดอยางไร
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………….……………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
………………………………………………………………
2. หมอกเกิดขึน้ ไดอ ยา งไร
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
3. เมฆและหมอกแตกตางกนั อยางไร
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
……………………………………………………………

9

ตวั อยา งแบบประเมินพฤกรรมการทำงาน

คำชแี้ จง : ใหผูสอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวางเรยี น แลว ขดี ✓ ลงในชอง

ที่ตรงกบั ระดับคะแนน

เลข ความ การ การรบั ฟง การแกไข เปนผนู ำ รวม เฉลีย่ ระดับ
ท่ี สามัคคี ทำงาน และแสดง ปญหา และผูตาม 15 3 คุณภาพ

รวมกับ ความ ปรับปรุง ในโอกาส คะ คะ
ผอู ื่น คิดเหน็ ผลงาน ท่ี แนน แนน

เหมาะสม
321 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

ลงช่ือ ........................................................ (ผูประเมิน) วันที่ ............... /................ /................

เกณฑก ารใหคะแนน เกณฑการตัดสนิ คุณภาพ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยางสมาํ่ เสมอให 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอยคร้งั ให 2 คะแนน ชวงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให 1 คะแนน 12-15 3=ดี
8-11
ตาํ่ กวา 18 2=พอใช
1=ปรบั ปรุง

แหลงทม่ี า : http://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2559/121587/Kongma%20Jirabha.pdf

10

แผนการจดั การเรียนรู้

แผนนการจดั การเรียนรู้ทีพ่ ฒั นาโดยใช้นวตั กรรม POE

โรงเรียน คาํ นางตุ้มโนนสวรรค์ ช้ันประศึกษาปี ท่ี 6

กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว15101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เร่ืองไฟฟ้า จํานวน 24 ช่ัวโมง

แผนการเรียนรุ้ท่ี 1 เรื่อง วงจรไฟฟ้า(การต่อแบตเตอร่ี) เวลา 1-2 ชั่วโมง

ผ้สู อน นางสาว มณฑกานต์ ศรีทาณี วันที่ 5 เดือน ตลุ าคม พ.ศ 2565

อาจาร์ยท่ปี รึกษา ชื่อ อาจาร์ย สมหวงั นิลพล

1.สาระที่ 5 พลงั งาน
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างพลังงานกบั การดาํ รงชวี ิต การเปลีย่ นรูปพลงั งาน ปฎสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสารและ

พลังงาน ผลของการใช้พลงั งานตอ่ ชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และนําความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชวี้ ัด
ว 5.1 ป.6/1
ว 5.1 ป.6/2
ว 5.1 ป.6/3

11

2.สาระสาํ คัญ

เซลลไ์ ฟฟ้าหลายเซลลต์ อ่ เรียงกนั โดยขั้วบวกของเซลลไ์ ฟฟ้าขัว้ หนง่ึ ตอ่ กับขั้นลบของอกี ขั้นหนง่ึ เป็ นการต่อแบบอนุกรม ทาํ
ให้มีกระแสไฟฟ้าผ่านอุปกรณไ์ ฟฟ้าในวงจรเพมิ่ ขนึ้ การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรมสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชวี ิตประจาํ วนั เชน่ การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าในไฟฉาย

3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

3.1 ทดลองและอธบิ ายการตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรมและนาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ (P, K)

3.2 แสดงความสนใจในบทเรยี น แสดงความคิดเหน็ ของตนและยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ ได้ (A)

4.สาระการเรยี นรู้

การตอ่ วงจรไฟฉายแบบอนุกรมถา่ ยไฟฉายจะใหพ้ ลังงานไฟฟ้าเทา่ กบั พลังงานรวมของถ่านไฟฉายทงั้ หมดทนี่ าํ มาตอ่ กบั
อุปกรณไ์ ฟฟ้า เชน่ ไฟฉายซึง่ ใช้ถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น ถา่ นไฟฉายสองกอ่ นต่อกันแบบอนุกรม พลงั งานไฟฟ้าทสี่ ่งผา่ นหลอด
ไฟฟ้าจะเป็ นพลงั งานรวมของถา่ นไฟฉายทัง้ สอง ถา้ นาํ ถา่ นไฟฉายจาํ นวน 2 กอ้ น มาต่อกนั แบบขนาน พลงั งานไฟฟ้าทไี่ ด้
จากถา่ นไฟฉายทงั้ สองจะเทา่ กบั พลงั งานของถ่านไฟฉายเพยี ง 1 ก้อน เทา่ นัน้ การตอ่ แหล่งกาํ เนิดไฟฟ้าแบบขนาน ไมเ่ ป็ น
ทนี่ ิยมต่อเพอื่ ใช้งาน แบตเตอรี่เป็ นกลุ่มของถ่านไฟฉายทตี่ ่อแบบอนุกรมพลงั งานไฟฟ้าของแบตเตอรีเ่ ป็ นพลงั งานของถ่าย
ไฟฉายทกุ ก้อนรวมกนั

5.กระบวนการจัดการเรยี นรู้ (ใชร้ ูปแบบการสอนสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry cycle) (POE)

ขั้นที่ 1 ขน้ั การแนะนาํ และสร้างแรงกระตนุ้

1.1 ครูนาํ อุปกรณ์ ได้เก่ สายไฟ 6 เส้น หลอดไฟฟ้า ถา่ ยไฟฉาย 9 โวลต์ 3 กอ้ น ดงั แผนภาพ

สายไฟ หลอดไฟ ถา่ นไฟฉาย

1.2 ครูสุ่มถามนักเรยี นในห้องว่ารู้จักอุปรณท์ ค่ี รูนาํ มาแสดงหรอื ไม่ ถ้ารู้สิ่งนั้นคอื อะไร

12

ข้นั ท่ี 2 ขน้ั แนะนาํ การทดลอง

ครูชแี้ จงกิจกรรมการทดลอง วา่ “การทดลองในวันนีจ้ ะเป็ นการทดลองโดยเราจะคน้ หาวธิ กี ารการต่อถา่ นไฟฉายให้
หลอดไฟมีความสว่างมากทสี่ ุด

ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั การทาํ นาย (ลว้ งเอาแนวคิดของผ้เู รยี น)

3.1 ครูถามนักเรียนว่าถา้ ต้องการตอ่ หลอดไฟฟ้าให้สว่างทสี่ ุดนักเรียนจะมีวธิ กี ารต่ออย่างไร

3.2 ครูชแี้ จงกับนักเรียนวา่ เพอื่ ตอบข้อสงสยั ทว่ี า่ เราจะตอ่ ถ่านไฟฉายอยา่ งไรให้ได้สว่างทสี่ ุด กจิ กรรมการเรียนรู้ในวันนีจ้ งึ
จะใหน้ ักเรยี นทาํ การทดลอง เพอื่ ตอบข้อสงสัยนี้

ขน้ั ที่ 4 ข้นั อภปิ รายผลการทาํ นาย

4.1 ครูแบง่ นักเรียนออกเป็ นทงั้ หมด 7 กลุม่

4.2 ใหน้ ักเรียนทงั้ ชน้ั เรยี นรวมกันปรกึ ษา นาํ เสนอแนวคิดของตนเองและร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ภายในกลมุ่ เพอื่
ตัดสินใจเลือกวธิ กี ารต่อวงจรไฟฟ้าทจี่ ะทาํ ใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ งทสี่ ุดมาหนึ่งวธิ แี ละส่งตัวแทนออกมาเขยี นวิธีของกลุม่ ตนเอง
ไว้ทกี่ ระดานหน้าชัน้ เรยี น

ขน้ั ที่ 5 ขน้ั สังเกตการณ์

นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ได้ทดลองตอ่ วงจรไฟฟ้าตามแนวคดิ ของกลุม่ ทไี่ ด้ร่วมกันออกแบบไว้

ขน้ั ท่ี 6 ขน้ั อธบิ าย

6.1 ครูตรวจความเรยี บร้อยวา่ นักเรียนเขา้ กลุม่ ครบทกุ กลุ่มแล้ว จากนั้น

6.2 ให้ตัวแทนนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนาํ ผลงานการต่อวงจรไฟฟ้าของตนเองออกมานาํ เสนอหน้าชั้นเรียน เพอื่ เปรยี บเทยี บความ
สวา่ งมากกวา่ กนั

6.3 ใหน้ ักเรียนสงั เกตวธิ กี ารตอ่ ถ่านไฟฉายของกลุม่ ทมี่ ีหลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด ว่าแตกต่างจากลุม่ ของตนอยา่ งไร

ข้นั ท่ี 7 ขน้ั เสนอเสนอการอธิบายเชิงวทิ ยาศาสตร์

ให้ตัวแทนนักเรยี นกลุ่มทต่ี อ่ หลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด มาอธบิ ายวิธกี ารต่อของตนอยา่ งไร ครูอธบิ ายเสรมิ จากแนวคิดของนักเรยี น
ทม่ี ใี นกระดานวา่ การตอ่ หลอดไฟให้ได้สวา่ งมากทสี่ ุดจะต้องต่อสลับขัว้ กนั ไปเรือ่ ยๆเรียกการตอ่ แบบนีว้ ่าการต่อแบบ
อนุกรม ซง่ึ คา่ พลังงานไฟฟ้าทไี่ ดจ้ ะมคี ่าเทา่ กับจาํ นวนถา่ นไฟฉายทตี่ ่อยง่ิ ต่อเยอะยิง่ มีคา่ พลงั งานมาก ส่วนการต่อถา่ นไฟ
ถ่านไฟฉายจาํ นวน 3 กอ้ น มาตอ่ กนั โดยใช้ขั้วเดยี วกนั ตลอด เรียกการต่อแบบนีว้ า่ แบบขนาน พลังงานไฟฟ้าทไี่ ดจ้ าก
ถ่านไฟฉายทัง้ 3 จะเท่ากบั พลงั งานของถา่ นไฟฉายเพยี ง 1 กอ้ น เท่านั้น

13

ขน้ั ที่ 8 ขน้ั ติดตาผล

8.1 นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาเรื่องทเ่ี รียนในคาบวา่ มเี รือ่ งใดทยี่ ังไม่เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย

- ถ้านักเรียนมีขอ้ สงสยั ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมให้นักเรยี นเข้าใจ

- ถ้านักเรียนไมม่ ขี อ้ สงสยั ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนดว้ ยการทาํ ใบงานเรื่องการตอ่ วงจรไฟฟ้าของ
ถา่ นไฟฉาย

5 คะแนน

2.2 นักเรยี นนาํ ใบงานส่งครูหน้าชั้นเรยี น

6.ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้

https://sites.google.com/a/kkumail.com/lesson-study-for-science/rup-baeb-kar-sxn-poe

ใบสาํ รวจแนวคิดนักเรียนเรื่อง การตอ่ วงจรไฟฟ้า

ใบงาน เรื่องการตอ่ วงจรไฟฟ้าของถา่ นไฟฉาย

7.การวัดและประเมนิ ผล

วิธีการวดั เครื่องมือทใี่ ชว้ ัด เกณฑก์ ารประเมิน
การตรวจจากใบงาน เรื่องการต่อ ใบงาน เรือ่ งการต่อวงจรไฟฟ้าของ นักเรยี นสามารถตอบคาํ ถามได้
วงจรไฟฟ้าของถ่านไฟฉายและใบ ถ่านไฟฉายและใบสาํ รวจความ ถกู ต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึน้
สาํ รวจความคิดเหน็ เรือ่ ง การต่อ คิดเหน็ เรื่อง การตอ่ วงจรให้ ไป
วงจรใหห้ ลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด หลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด
สังเกตพฤตกิ รรมในชัน้ เรยี นราย นักเรยี นสามารถทาํ งานไดอ้ ยู่
กลุ่ม แบบประเมินดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ในชว่ งคะแนน 4-6 หรือ ระดบั
ประสงค์ คุณภาพ ดี ขนึ้ ไป
8.แบบประเมนิ หลงั การสอน

1. ประเมนิ นักเรียน

…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2.ประเมนิ ครู

………………………………………………………………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………………………………………………………………….

14

ชอ่ื Unit เลขที่ กลุม่ ท่ี
ใบสาํ รวจความคิดเหน็ เรื่อง การต่อวงจรให้หลอดไฟสวา่ งทสี่ ดุ

คาํ ส่ัง ให้นักเรยี นออกแบบและอธบิ ายการตอ่ วงจรไฟฟ้าให้หลอดไฟสวา่ งทสี่ ุด โดยใช้ หลอดไฟฟ้า 1 หลอด สายไฟ
6 เส้นและถา่ นไฟฉาย 3 กอ้ น

15

ใบงานเรือ่ ง การต่อวงจรให้หลอดไฟสว่างทสี่ ุด
คาํ ส่ัง ให้นักเรยี นออกแบบการตอ่ วงจรไฟฟ้าใหห้ ลอดไฟสว่างทสี่ ุด โดยใช้ หลอดไฟฟ้า 1 หลอด สายไฟฟ้า 6 เส้น และ
ถา่ นไฟฉาย 3 กอ้ น

16

แบบประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชอ่ื กจิ กรรม การต่อวงจรไฟฟ้าของถา่ นไฟฉาย ระดับชัน้ ประถมศึกษาปี ที่ 6

คาํ ชีแ้ จง สังเกตการทาํ งานรายกลมุ่ ของนักเรยี น โดยทาํ เครอื่ งหมาย ✓ลงในช่องวา่ งทตี่ รงกบั ความเป็ น
จริง

เกณฑก์ ารให้คะแนน

กลุม ท/ี่ สมาชกิ กลมุ รายการท่ีประเมนิ /คะแนน

1. ความสนใจ ยอมรับฟง
2.
3. ความ รวม
4.
5. คิดเหน็ ของ
6.
7. ผอู ื่น

32103210
6

ผปู้ ระเมิน
……………………………………..

17

เอกสารอ้างอิง

https://sites.google.com/a/kkumail.com/lesson-study-for-science/rup-baeb-kar-
sxn-poe


Click to View FlipBook Version