คานา
กรมการพัฒนาชุมชน ได้ดาเนินโครงการพัฒนาพืน้ ที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ
ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และมอบหมายให้สถาบันการพัฒนาชุมชน ได้
ดาเนินการกิจกรรมที่ 1"ฝกึ อบรมทักษะระยะส้ันการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ
“โคก หนอง นา โมเดล” เพ่ือสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ ศาสตรพ์ ระราชา ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง และการสรา้ งความเข้าใจพืน้ ฐาน ในการปรบั เปลย่ี นวถิ ีชวี ติ ให้สามารถพงึ่ ตนเองได้ตามหลัก
กสิกรรมธรรมชาติ มาแลว้ น้ัน
จากสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน ท่ีต้องเผชญิ กับผลกระทบจากวกิ ฤตการ
แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ซง่ึ ส่งผลกระทบไปถึงวกิ ฤตทางด้าน
เศรษฐกิจ ด้านการสาธารณสุขด้านการคมนาคมและอ่ืน ๆ ส่งผลให้เกิดวกิ ฤตทางสังคมขนาดหนักไป
ทวั่ จงึ จาเปน็ ต้องมีการฝกึ อบรมบุคคลทว่ั ไป เพ่ือนาไปพัฒนาในพนื้ ที่ของตนเอง และเปน็ การพัฒนา
ต่อยอดหลักกสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง
เพื่อให้การดาเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป็นไปได้ในทิศทางเดียวกัน
สถาบันการพัฒนาชุมชน ได้จดั ทาหลักสูตรฝึกอบรมการพัฒนากสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจ
พอเพยี ง รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” เพ่อื ให้ทมี วทิ ยากรได้ใชเ้ ปน็ แนวทางในการอบรมต่อไป
สถาบันการพฒั นาชุมชน
สิงหาคม 2564
สารบัญ
หน้า
ความเปน็ มา 1
1. แผนกาหนดการเรยี นการสอน จานวน 52 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วนั (เสาร์ – อาทติ ย์)
2. สงั เขปวชิ า ๗
3. เนื้อหาวชิ า ๒๑
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และทฤษฎีใหม่ ๒๑
หลกั กสิกรรมธรรมชาติ ๖๐
ทฤษฎีบันได ๙ ข้นั สู่ความพอเพียง ๘๓
สุขภาพพ่ึงตน พฒั นา ๓ ขุมพลงั “พลงั กาย พลงั ใจ พลังปญั ญา” ๘๖
ยุทธศาสตรก์ ารขบั เคลอื่ นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ ๘๗
เรยี นรจู้ ากการฝกึ ปฏิบัติ “9 ฐานการเรยี นรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพยี ง” ๘๙
หลกั การออกแบบเชงิ ภูมิสังคมและการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบื้องต้น ๑๒๙
Work shop การจดั การพ้ืนที่ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นาโมเดล” ๑๓๕
ถอดรหัส “พระมหาชนก” ๑๓๗
ถอดบทเรยี นผ่านสื่อแผ่นดินไทย ตอน “แผ่นดินวกิ ฤต” ๑๔๑
ถอดบทเรยี นประสบการณ์จากปราชญ์ชาวบ้าน “วถิ ีภมู ิปญั ญาไทยกับการพ่ึงตนเอง” ๑๔๒
ถอดบทเรยี น “เอามื้อสามัคคี” ๑๔๓
ความเปน็ มา
โครงการพัฒนาพ้ืนที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎีใหม่
ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นาโมเดล”
1. หลักการและเหตุผล
สถานการณ์ของประเทศไทยในปจั จุบันต้องเผชญิ กับผลกระทบจากวกิ ฤตการแพรร่ ะบาดของ
โรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ซง่ึ ส่งผลกระทบไปถึงวกิ ฤตทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการ
สาธารณสุขด้านการคมนาคมและอ่ืน ๆ ส่งผลให้เกิดวกิ ฤตทางสังคมขนาดหนักไปทวั่ ทั้งโลก จากการ
รายงานของ McKinsey & Company (March 26, 2020) จะส่งผลให้โลกมีผลผลิต(Productivity)
ลดลงถึง 30% น่ันหมายถึง โลกจะขาดอาหารและเศรษฐกิจจะมีการเติบโตลดลง -1.5% ของ World
GDP อีกท้ังวกิ ฤตด้านการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท้ังเรอ่ ื งภัยแล้งและน้าท่วม ท่ีคาดว่าจะมี
ความรุนแรงข้ึนทง้ั ในเชงิ ความผันผวน ความถ่ีและขอบเขตทก่ี ว้างมากขน้ึ ซง่ึ จะสรา้ งความเสียหายต่อ
ชวี ติ และโครงสรา้ งพ้ืนฐานทจี่ าเปน็ ทาให้เศรษฐกิจฐานราก (Local economy) ของประเทศเกิดความ
เสียหาย เพ่ิมปญั หาความยากจนลดความเหลื่อมล้าทางสังคม ตลอดจนระบบการผลิตทางการเกษตร
ทม่ี ีความสัมพันธต์ ่อเนื่องกับความม่ันคงด้านอาหารและน้า ขณะท่รี ะบบนิเวศต่าง ๆ มีแนวโน้มเส่ือม
โทรมลง และมีแนวโน้มท่ีจะสูญเสียความสามารถในการรองรบั ความต้องการมนุษยชาติ อย่างมี
ประสิทธภิ าพ
ทางออกของประเทศไทยในการรอดพ้นวกิ ฤตและเกิดการพัฒนาท่ีย่ังยืน ได้ถูกกาหนดไว้ใน
ยุทธศาสตร์ ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580 และนโยบายรฐั บาลที่จะสืบสาน รกั ษา ต่อยอด และพัฒนา
ประเทศ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระชนกาธเิ บศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนา
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรูแ้ ละการมีส่วนรว่ ม
ของประชาชน เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการพัฒนาคนให้พ่ึงตนเอง มีความเป็นเจา้ ของและ
บรหิ ารจัดการโดยชุมชน พัฒนาหมู่บ้านหรอื ชุมชนให้มีวถิ ีชวี ติ เศรษฐกิจพอเพียง และเป็นสังคม
“อยู่เย็น เป็นสุข” ทงั้ น้ี กรมการพัฒนาชุมชน รว่ มกับมูลนิธกิ สิกรรมธรรมชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระ
จอมเกล้าเจา้ คุณทหารลาดกระบัง และภาคีเครอื ขา่ ยภาคส่วนต่างๆ ทง้ั 7 ภาคี ได้น้อมนาปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงลงสู่การปฏิบัติอย่างเป็นข้ันตอน ตามกลไกการขับเคลื่อนสืบสานศาสตรพ์ ระราชา
เพื่อการปฏิรูปประเทศ โดยใชห้ มู่บ้านเป็นฐานของการพัฒนา มุ่งสรา้ งภูมิคุ้มกันให้ทกุ ครวั เรอื น และ
พัฒนาคนให้มีความรูแ้ ละปรบั ตัวให้สามารถดาเนินชีวติ อย่างมีความสุข มีอาชีพ สรา้ งรายได้
ทา่ มกลางวกิ ฤตโลกทมี่ กี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ด้วยการจดั ทาโครงการทป่ี ระยุกต์การใชศ้ าสตร์
พระราชาและน้อมนาเอาแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดารกิ ว่า 40 ทฤษฎี ท่ี
ทรงพระราชทานไว้ให้ในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อมมาประยุกต์กับแนวคิด
การพัฒนาพนื้ ทแี่ ละการออกแบบเชงิ ภูมสิ งั คมไทยเพอื่ การพ่งึ ตนเอง และรองรบั ภัยพิบัติ
ในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล”สรา้ งการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ให้เหมาะสมกับหมู่บ้านในภูมิสังคม
ต่าง ๆ ผ่านการทางานในรูปแบบการจา้ งงานและการรว่ มกันลงแรงด้วยการสนบั สนุนวสั ดุพื้นฐานและ
งบประมาณและบูรณาการการทางานจากภาคีภาคส่วนต่างๆ เพื่อสรา้ งงานสรา้ งรายได้ให้กับครวั เรอื น
และชุมชนท่ีเข้ารว่ มโครงการในระดับพื้นฐาน ดาเนินการสรา้ ง (1) พ้ืนท่ีเรยี นรูช้ ุมชนต้นแบบการ
พัฒนาคุณภาพชีวติ (Community Lab Model for quality of life : CLM) ระดับตาบล จานวน
337 ตาบล แยกเป็น ขนาดพ้ืนที่ 10 ไร่ จานวน 23 พ้ืนที่ และพ้ืนที่ 15 ไร่ จานวน 314 พ้ืนที่ รวม
พื้นท่ีไม่น้อยกว่า 4,940 ไร่ และให้การสนับสนุนเพื่อพัฒนา (2) พื้นที่ครวั เรอื นต้นแบบการพัฒนา
คุณภาพชวี ติ (Household Lab Model for quality of life : HLM) ระดับครวั เรอื น จานวนท้ังส้ิน
24,842 ครวั เรอื น ขนาดพ้ืนทไี่ ม่เกิน 3 ไร/่ ครวั เรอื น รวมพื้นทไี่ ม่เกิน 54,676 ไร่ และ (3) บูรณาการ
รว่ มพัฒนาพ้ืนที่ระดับตาบล เพื่อการบรหิ ารจัดการน้าขั้นพื้นฐานที่เหมาะสมกับภูมิสังคมตามแนว
พระราชดาร ิ10 วธิ ี เชอ่ื มโยงกับพื้นที่ปฏิบัติการโครงการฯ จากน้ันพัฒนาสู่ระดับก้าวหน้าโดยการ
ดาเนินการส่งเสรมิ การสรา้ งมาตรฐานผลผลิต การแปรรปู และการตลาดตามมาตรฐานอนิ ทรยี ์วถิ ีไทย
และยกระดับชุมชนทั้ง 337 ตาบล ให้สามารถ (1) แก้ไขวกิ ฤตด้านเศรษฐกิจ สังคม และสงิ่ แวดล้อม
ของประเทศ (2) เสรมิ สรา้ งความสามัคคีและสรา้ งเสรมิ สุขภาพให้แขง็ แรงผ่านการทากิจกรรมพัฒนา
พื้นที่รว่ มกัน (3) สรา้ งระบบเกษตรกรรมย่ังยืนทผ่ี ลิตอาหารปลอดภัยจากสารเคมีและผลิตสมุนไพร
ต่าง ๆ เพื่อยกระดับอาหารให้เปน็ ยาทสี่ ามารถสรา้ งเสรมิ ภูมิต้านทานโรคต่าง ๆ อีกทั้งยัง (4) เพิ่มการ
จดั การให้กักเก็บน้าฝนท่ีตกในพ้ืนท่ีได้เพียงพอต่อการเพาะปลูกและการดารงชวี ติ ชว่ ยแก้ปัญหาภัย
แล้งและน้าท่วม (5) เพ่ิมพื้นท่ีป่าท่ีช่วยฟอกอากาศท่ีบรสิ ุทธ์ิและช่วยกักเก็บคาร์บอนในช้ัน
บรรยากาศ ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 (6) เก็บรกั ษาและฟ้ ืนฟูหน้าดินด้วยการเก็บ
ตะกอนดินในพื้นที่ ชว่ ยสรา้ งความสมดุลของระบบนิเวศใน ดิน น้า และป่า (7) เพิ่มความหลากหลาย
ให้กับพันธกุ รรมของสิ่งมชี วี ติ ทง้ั พืชและสัตว์ ทส่ี าคัญยงั ชว่ ยให้ชุมชนได้
ทั้งน้ี การดาเนินการพัฒนาสู่ระดับก้าวหน้า ในระยะท่ี 2 มีแผนดาเนินการส่งเสรมิ ในระดับ
ชุมชนให้รวมตัวกันจดั ต้ังกลุ่มเป็นกลุ่มอาชพี เพ่ือสรา้ งวสิ าหกิจชุมชน ซงึ่ จะส่งผลให้เกิดการสรา้ ง
ความม่ันคงทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนกระบวนการผลิต ด้วยการส่งเสรมิ และสนับสนุนให้วสิ าหกิจ
ชุมชนสามารถพัฒนายกระดับมุ่งไปสู่การจดั ตั้งบรษิ ัทวสิ าหกิจเพื่อสังคมในระดับตาบล เพ่ือพัฒนา
ศักยภาพการเพ่ิมผลผลิตต่าง ๆ ท่ีได้จากในพื้นท่ีดาเนินการ เพ่ิมมูลค่าด้วยการแปรรูป ขยายตลาด
การท่องเท่ียวชุมชน ฯลฯ และสรา้ งงานวจิ ยั ชุมชนเพ่ือยกระดับผลิตภัณฑ์หรอื ค้นหาอัตลักษณ์ของ
ชุมชน การสรา้ งนวัตกรรมที่เหมาะสมกับภูมิสังคมของชุมชน สรา้ งการจัดการความรูใ้ นมิติการ
พึ่งตนเองด้านครู คลัง ชา่ ง หมอ ของชุมชน รว่ มกับสถาบันการศึกษาในพ้ืนท่ีชุมชนทั่วประเทศ ให้
ได้ผลการดาเนินงานที่สามารถนาไปต่อยอดให้กับวสิ าหกิจชุมชนในด้านการพัฒนาการท่องเท่ียว
ชุมชน การเพ่ิมมูลค่าผลผลิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน รวมท้งั สรา้ งการส่ือสารสังคม
ให้เกิดกระบวนการเรยี นรูแ้ ละการมีส่วนรว่ มในระดับชุมชน ระดับตาบล ระดับอาเภอ ระดับจงั หวัด
ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ เรอ่ ื งการน้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (Sufficiency
Economy Philosophy: SEP) ในรูปแบบการทางานตามศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏิบตั ิจนเปน็ วถิ ีชวี ติ
ของประชาชนให้บรรลุตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ย่ังยืน (Sustainable Development Goals:
SDGs) (SEP for SDGs) ในรูปแบบและวธิ กี ารต่าง ๆ ที่เข้าถึงคนได้ทุกระดับและทุกวัย ผ่านการ
ดาเนินงานโครงการในทุกพ้ืนที่เพ่ือสื่อสารวธิ กี ารแก้ไขวกิ ฤตตามแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงด้วยการสรา้ งตัวอย่างความสาเรจ็ ท่เี รม่ ิ ต้นจากการพัฒนาคนให้โลกได้รบั รูอ้ ย่างแพรห่ ลาย
ซ่ึงการขับเคล่ือนตามกระบวนการทั้ง 2 ระยะ จะเป็นการ (8) เตรยี มความพรอ้ มให้ ชุมชนมี
ความสามารถในการพ่ึงตนเองในเรอ่ ื งของน้า อาหาร และพลังงานทดแทนสรา้ งภูมิคุ้มกันชุมชนต่อ
สภาพปัจจุบันที่โลกกาลังเผชญิ กับวกิ ฤต ความเปล่ียนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ
ธรรมชาติอย่างรุนแรง วกิ ฤตทางด้านโรคระบาดวกิ ฤตทางด้านความอดอยากและวกิ ฤตความขัดแย้ง
ของสงครามเศรษฐกิจหรอื สงครามรปู แบบต่าง ๆ ในอนาคต
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อส่งเสรมิ การเรยี นรูก้ ารน้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การ
ปฏิบัติ ในรปู แบบ โคก หนอง นา โมเดล
2.2 เพ่ือพัฒนาพ้ืนทเี่ รยี นรูช้ ุมชนต้นแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ตามหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี งระดับตาบล และระดับครวั เรอื น
2.3 เพ่ือฟ้ ืนฟูเศรษฐกิจทอ้ งถ่ินและชุมชนผ่านการสรา้ งงานสรา้ งรายได้ ให้แก่เกษตรกร
แรงงานและบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถ่ินและชุมชน ท่ีได้รบั ผลกระทบจาก
สถานการณ์ในชว่ งวกิ ฤตการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19)
@@@@@@@@@@@@@@@@
1
Courses : คอรส์ เรยี นหลกั สูตรการพฒั นาตามหลักกสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง
จานวน 52 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วนั (เสาร-์ อาทติ ย)์
แผนกาหนดการเรยี นการสอน (Learning Contents)
เวลาเรยี น หมวดวชิ า/ชอื่ วชิ า สาระ/เน้ือหาการเรยี นรู้ วธิ สี อนและกิจกรรม ผสู้ อน
สัปดาห์ที่ 1 (Objective /Learning Contents) การเรยี นรู้ (Method)
ภาค ๑ แนวคิด ทฤษฎี การ 1. บรรยาย ข้าราชการท่ีสังกัดกรม
สัปดาห์ที่ ๒ ขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียง เป็นองคค์ วามรูท้ พี่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่ รชั กาลท่ี 9 2. อภิปราย/ซกั ถาม การพัฒนาชุมชน ผ่านการ
บทที่ ๑ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจ ทรงศึกษา ค้นควา้ ทดลอง พิสูจน์ จนเห็นว่าได้ผลจรงิ 3. นาเสนอ อบรมและได้รบั ใบ
สัปดาห์ที่ ๓ พอเพยี งและทฤษฎีใหม่ 1.1 ถอดรหัส ส.ค.ส. 2547 วกิ ฤตระเบดิ 4 ลูก ประกาศจากศูนย์กสิกรรม
สัปดาห์ท่ี ๔ ๑.๑ ส.ค.ส.๒๕๔๗ วกิ ฤตระเบิด ๔ ลูก 1. บรรยาย ธรรมชาติ แล้ว
๑.๒ ปรชั ญา ๓ ระบบ 1) วกิ ฤตสิ่งแวดล้อม 2) วกิ ฤตสังคม 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
สัปดาห์ที่ ๕ 3) วกิ ฤตเศรษฐกิจ 3. นาเสนอ ขา้ ราชการที่สงั กัดกรม
สัปดาห์ที่ ๖ ๑.๓ แนวคิด ทฤษฎี และนวตั กรรม 4) วกิ ฤตความขดั แย้งทางการเมอื ง การปกครอง การพัฒนาชุมชน ผ่านการ
สัปดาห์ที่ ๗ ศาสตรพ์ ระราชา วา่ ด้วยเรอ่ ื ง ดิน นา้ 1.2 ปรชั ญา 3 ระบบ 1) สังคมนิยม 2) ทุนนิยม 1. บรรยาย อบรมและได้รบั ใบ
สัปดาห์ท่ี ๘ ปา่ คน 2. อภิปราย/ซกั ถาม ประกาศจากศูนย์กสิกรรม
สัปดาห์ที่ ๙ 3) เศรษฐกิจพอเพยี ง 3. นาเสนอ ธรรมชาติ แล้ว
สัปดาห์ท่ี 1๐ ๑.๔ ทฤษฎีใหม่ - ศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยการอนรุ กั ษ์และพัฒนาดิน
สัปดาห์ที่ 1๑ - ประยุกต์สู่โคกหนองนาโมเดล ขา้ ราชการท่ีสงั กัดกรม
สัปดาห์ท่ี 1๒ [แกล้งดนิ ,หญา้ แฝก,การห่มดิน,ดินเสื่อม,บารงุ ดิน] การพัฒนาชุมชน ผ่านการ
๑.๕ วธิ ปี ฏิบตั ิอยา่ งเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน - ศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยการอนุรกั ษ์และพัฒนานา้ อบรมและได้รบั ใบ
๑.๖ การทาแบบคนจน ตามพระราช ประกาศจากศูนย์กสิกรรม
ดารสั ในหลวงรชั กาลที่ ๙ [หนอง ,คลองไส้ไก่ ,ฝายชะลอนา้ ,คนั กัน้ นา้ ฯลฯ ] ธรรมชาติ แล้ว
- ศาสตรพ์ ระราชา วา่ ด้วยการอนรุ กั ษ์และพัฒนาป่า ขา้ ราชการท่ีสังกัดกรม
บทที่ ๒ หลักกสิกรรมธรรมชาติ การพัฒนาชุมชน ผ่านการ
๒.๑ เลี้ยงดินให้ดินเล้ียงพืช [ป่า3อย่างประโยชน์4,ปลูกปา่ ทดแทน,ภเู ขาปา่ ฯลฯ ] อบรมและได้รบั ใบ
ห่มดิน แห้งชาม น้าชาม - ศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยการอนุรกั ษ์สิ่งแวดลอ้ ม ประกาศจากศูนย์กสิกรรม
ธรรมชาติ แล้ว
กสิกรรม กับ เกษตรกรรม [มลพิษ,ขยะชุมชน,พลังงานทดแทน ฯลฯ ]
ตัวห้า ตัวเบยี น ระบบนิเวศทีส่ มดุล - ศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยเรอ่ ื งการพัฒนาคน -----“----
๒.๒ นิยาม ๕ [การศึกษา ,บวร,เศรษฐกิจพอเพียง,ขา้ ว ฯลฯ ] -----“----
๒.๓ ๑๐ ขน้ั ตอนการลงแปลง - ทฤษฎีใหม่ 3 ขน้ั ขัน้ ที่ 1 คร.พึ่งตนเอง ขั้นท่ี 2 ชุมชน
๒.๔ ป่า ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อยา่ ง รวมกลุ่ม ข้ันที่ 3 ออกสู่ภายนอก -----“----
๒.๕ การปลูกไม้ ๕ ระดับ - ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่โคก หนอง นา โมเดล
บทที่ ๓ หลักบนั ได ๙ ขน้ั สู่ความ -----“----
พอเพียง - 1.5 ศึกษาพระบรมราโชบาท ในหลวง รชั กาลที่ 9 1. บรรยาย
บทที่ ๔ พัฒนา ๓ ขุมพลัง แปลงปรชั ญาที่เป็นนามธรรม สู่การปฏิบตั ิเป็นขั้น เป็น 2. อภิปราย/ซกั ถาม -----“----
ตอน 3. นาเสนอ
บทท่ี ๕ ยุทธศาสตรก์ ารขับเคลอื่ น - 1.6 ศึกษาพระราชดารสั ในหลวง รชั กาลที่ 9 การเอา -----“----
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบตั ิ มือ้ สามัคคี 1. บรรยาย
หัวใจของหลกั กสิกรรมธรรมชาติ คอื “เลย้ี งดิน ให้ดิน 2. อภิปราย/ซกั ถาม -----“----
เล้ียงพืช” ไม่เผา ไมท่ าลายหน้าดิน ไม่ปอกเปลือก 3. นาเสนอ
เปลือยดิน เรยี นรอู้ งค์ประกอบของดิน 1. บรรยาย -----“----
เศษไม้ ใบหญา้ เศษฟาง นามาห่มดินและรดด้วยปยุ๋ นา้ 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
หมกั แห้งชาม น้าชาม แล้วปล่อยให้จลุ ินทรยี ท์ าหน้าท่ี 3. นาเสนอ
ของมัน นั่นคือหลักการคนื ชวี ติ ให้แผ่นดนิ 1. บรรยาย
- ศึกษากสิกรรม กับ เกษตรกรรม ต่างกนั อยา่ งไร 2. อภิปราย/ซกั ถาม
- ชวี ติ ในดิน ดนิ คอื ชวี ติ ตัวหา้ ตัวเบียน ระบบนิเวศที่ 3. นาเสนอ
สมดุล 1. บรรยาย
ศึกษานิยาม 5 และ 10 ข้ันตอนการลงแปลงตามหลัก 2. อภิปราย/ซกั ถาม
กสิกรรมธรรมชาติ 1. บรรยาย
ศึกษา ปา่ ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อยา่ ง และเรยี นรเู้ รอ่ ื ง 2. อภิปราย/ซกั ถาม
การปลูกไม้ ๕ ระดับ (สูง กลาง เตี้ย เรย่ ี ดิน ใต้ดิน) 1. บรรยาย
2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
ศึกษาหลักบันได ๙ ขัน้ สู่ความพอเพียง ตามวธิ กี ารของ 1. บรรยาย
หลักกสิกรรมธรรมชาติ 2. อภิปราย/ซกั ถาม
เรยี นรหู้ ลักการพัฒนา 3 ขุมพลัง (พลังกาย ใจ ปัญญา) 1. บรรยาย
2. อภิปราย/ซกั ถาม
Key Success Factor คือ จุดทาให้ประสบผลสาเรจ็
หาให้เจอ เม่ือพบแล้วให้ใชท้ กุ อยา่ งภายใต้ขอ้ จากัดที่มี
2
แผนกาหนดการเรยี นการสอน (Learning Contents)
เวลาเรยี น หมวดวชิ า/ชอื่ วชิ า สาระ/เน้ือหาการเรยี นรู้ วธิ สี อนและกิจกรรมการ ผูส้ อน
(Objective /Learning Contents) เรยี นร(ู้ Method)
สัปดาห์ท่ี ๑๓ ภาค 2 หลกั กสิกรรมธรรมชาติสู่ เรยี นรูข้ นั้ ตอนการสารวจพื้นท่ี 1. บรรยาย วทิ ยากรครพู าทา
สัปดาห์ที่ ๑๔ โคก หนอง นา 1) การวาดรูปแบบแปลง 2. อภิปราย/ซกั ถาม ที่เชย่ี วชาญ
สัปดาห์ท่ี ๑๕ การสารวจพืน้ ทีก่ ่อนการออกแบบ 2) สารวจรอบนอกพื้นทวี่ ่าทกุ ด้านติดกับอะไรบ้าง 3. การสารวจพื้นที่
สัปดาห์ท่ี ๑๖ - ขนั้ ตอนการสารวจพน้ื ที่ 3) สารวจทางน้ารอบนอกพ้ืนทว่ี ่าไหลเข้าพ้ืนท่ีทางด้านใด วทิ ยากรครพู าทา
สัปดาห์ที่ ๑๗ (ทางน้าไหล) 1. บรรยาย ทเี่ ชยี่ วชาญ
การสารวจพ้ืนที่ก่อนการออกแบบ 4)ใชส้ ัญลักษณ์อย่างงา่ ยแทนการกาหนดมาตราส่วน 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
สัปดาห์ท่ี ๑๘ - ข้ันตอนการสารวจพ้ืนท่ี เรยี นรูข้ นั้ ตอนการสารวจพื้นท่ี 3. การสารวจพน้ื ท่ี วทิ ยากรครพู าทา
สัปดาห์ที่ ๑๙ 1) การวาดรูปแบบแปลง ทเ่ี ชย่ี วชาญ
สัปดาห์ที่ ๒๐ หลักการออกแบบตามหลกั ภูมิ 2) สารวจรอบนอกพื้นทีว่ ่าทุกด้านติดกับอะไรบา้ ง 1. บรรยาย วทิ ยากรครพู าทา
สังคม 3) สารวจทางน้ารอบนอกพ้ืนท่วี า่ ไหลเขา้ พ้ืนท่ีทางด้านใด 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ที่เชยี่ วชาญ
หลกั การออกแบบตามหลักภมู ิ (ทางนา้ ไหล) วทิ ยากรครพู าทา
สงั คม 4) ใชส้ ัญลักษณ์อย่างง่ายแทนการกาหนดมาตราส่วน 1. บรรยาย ท่เี ชยี่ วชาญ
ขัน้ ตอนการออกแบบโคก หนอง 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
นา ด้วยตนเอง หลักตามภูมิสังคม = ภูมศิ าสตร์ (ดิน นา้ ลม ไฟ
พืช) + สังคมศาสตร์ (คน ตนเอง ครอบครวั เพ่ือน 1. บรรยาย
ขั้นตอนการออกแบบโคก หนอง บ้าน ศาสนา/ความเชอื่ วฒั นธรรม/ประเพณี 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
นา ด้วยตนเอง หลักตามภมู สิ ังคม = ภูมศิ าสตร์ (ดิน นา้ ลม ไฟ 3.ลงมอื วาดลงกระดาษ
พืช) + สังคมศาสตร์ (คน ตนเอง ครอบครวั เพ่ือน
ขน้ั ตอนการออกแบบโคก หนอง บ้าน ศาสนา/ความเชอ่ื วฒั นธรรม/ประเพณี 1. บรรยาย วทิ ยากรครพู าทา
นา ด้วยตนเอง 2. อภิปราย/ซกั ถาม ทีเ่ ชยี่ วชาญ
ใชผ้ ังพ้ืนทีท่ ี่สารวจเปน็ แนวทางในการออกแบบ 3.ลงมอื วาดลงกระดาษ
การจาลองพ้นื ที่การออกแบบ 1.วาดรูปรา่ งพ้ืนทีใ่ นกระดาษขนาดใหญ่
(ป้ ันโมเดลจากดินเหนียว) 2.แบ่งพ้ืนทเ่ี ปน็ ส่วนๆ 1. บรรยาย วทิ ยากรครพู าทา
3.กาหนดเส้นทางสัญจรในพ้ืนท่ี เชน่ ถนน 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ท่ีเชย่ี วชาญ
4.กาหนดความต้องการต่างๆ บา้ น โรงปุ๋ย คอกสัตว์ นา 3.ลงมอื วาดลงกระดาษ
หนองน้า คลอง
5.วางตาแหนง่ ต่างๆให้เหมาะสมตามภูมิสงั คม 1. บรรยาย วทิ ยากรครพู าทา
6.จนิ ตนาการการทากิจกรรมต่างๆ 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ท่เี ชย่ี วชาญ
ใชผ้ ังพ้ืนทท่ี ี่สารวจเป็นแนวทางในการออกแบบ 3. ลงมือป้ นั โมเดล ดว้ ยดินเหนียว
1)วาดรูปรา่ งพ้ืนท่ีในกระดาษขนาดใหญ่ 2)แบ่งพื้นทเ่ี ป็น 1. บรรยาย วทิ ยากรพิเศษ
ส่วนๆ 3)กาหนดเส้นทางสัญจรในพ้ืนท่ี 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม (อ.โก้,อ.หน่า,อ.ป้ มั ,)
4)กาหนดความต้องการต่างๆ 5)วางตาแหน่งต่างๆให้ 1. บรรยาย
เหมาะสมตามภมู ิสงั คม 6)จนิ ตนาการทากิจกรรม 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม วทิ ยากรพิเศษ
ใชผ้ ังพ้ืนทีท่ ี่สารวจเป็นแนวทางในการออกแบบ 1. บรรยาย (อ.โก้,อ.หน่า,อ.ป้ มั ,)
1)วาดรูปรา่ งพ้ืนท่ีในกระดาษขนาดใหญ่ 2)แบง่ พื้นทีเ่ ป็น 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
ส่วนๆ 3)กาหนดเส้นทางสัญจรในพื้นที่ 3. นาเสนอ ขา้ ราชการท่ีสังกัด
4)กาหนดความต้องการต่างๆ 5)วางตาแหน่งต่างๆให้ กรมการพัฒนาชุมชน
เหมาะสมตามภูมิสังคม 6)จนิ ตนาการทากิจกรรม 1. บรรยาย ผ่านการอบรมได้รบั
2. อภิปราย/ซกั ถาม ใบประกาศจากศูนย์
เรยี นรกู้ ับการปฏิบตั ิจรงิ 3. นาเสนอ กสิกรรมธรรมชาติ
ข้าราชการท่ีสงั กัด
สัปดาห์ที่ ๒1 การออกแบบตามแบบมาตรฐานของ เรยี นรกู้ ารออกแบบตามแบบมาตรฐานของ กรมการพัฒนาชุมชน
สัปดาห์ท่ี ๒๒ กรมการพัฒนาชุมชน กรม การพัฒนาชุมชน ผ่านการอบรมได้รบั
สัปดาห์ที่ ๒๓ การออกแบบตามแบบมาตรฐานของ เรยี นรกู้ ารออกแบบตามแบบมาตรฐานของ ใบประกาศจากศูนย์
กรมการพัฒนาชุมชน กรม การพัฒนาชุมชน กสิกรรมธรรมชาติ
สัปดาห์ท่ี ๒๔ ถอดบทเรยี นผา่ นสื่อ การถอดบทเรยี นโดยการศึกษาจากสื่อวดี ีทศั น์
๑. แผน่ ดินวกิ ฤต
๒. วถิ ีภมู ิปัญญาไทยกับการ การถอดรหัสพระราชนิพนธพ์ ระมหาชนก
พง่ึ ตนเอง
ถอดรหัสพระราชนพิ นธพ์ ระมหา
ชนก
3
แผนกาหนดการเรยี นการสอน (Learning Contents)
เวลาเรยี น หมวดวชิ า/ชอ่ื วชิ า สาระ/เน้ือหาการเรยี นรู้ วธิ สี อนและกิจกรรมการ ผู้สอน
(Objective /Learning Contents) เรยี นร(ู้ Method)
เครอื ขา่ ยครูพาทา
สัปดาห์ที่ ๒๕ ภาค 3 การพงึ่ ตนเอง ศึกษาและเรยี นรู้ 9 ฐานการเรยี นรู้ สู่เศรษฐกิจ 1. บรรยาย ทจ่ี บหลักสูตรจาก
เรยี นรู้ 9 ฐานสู่ความพอเพียง พอเพยี ง ทส่ี าคัญตามหลกั กสิกรรมธรรมชาติ 2. อภิปราย/ซกั ถาม ศูนยก์ สิกรรม
ฐานคนติดดิน เรยี นรฐู้ านคนติดดิน : ป้ ันดินให้เป็นบ้าน 3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากสถานทจ่ี รงิ ธรรมชาติ
(คดั เลือกพื้นที่ ศพช. หรอื อื่นๆ) เครอื ข่ายครูพาทา
สัปดาห์ที่ ๒๖ ฐานคนเอาถ่าน เรยี นรฐู้ านคนเอาถา่ น : แปลงก่ิงไมเ้ ป็นถ่าน 1. บรรยาย ทจ่ี บหลักสูตรจาก
2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ศูนยก์ สิกรรม
สัปดาห์ที่ ๒๗ ฐานคนมีไฟ เรยี นรฐู้ านคนมีไฟ : ไบโอดีเซล พลังงาน 3. ฝึกปฏิบตั ิจากสถานท่ีจรงิ ธรรมชาติ
ทดแทน (คัดเลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อ่ืนๆ) เครอื ขา่ ยครพู าทา
สัปดาห์ที่ ๒๘ ฐานคนรกั ษ์แมธ่ รณี 1. บรรยาย ท่ีจบหลักสูตรจาก
เรยี นรฐู้ านคนรกั ษ์แม่ธรณี : เลย้ี งดิน ให้ดิน 2. อภิปราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
สัปดาห์ท่ี ๒๙ ฐานคนมนี า้ ยา เลีย้ งพชื ศึกษาการทาปุ๋ยอินทรยี ช์ วี ภาพ(แห้ง) 3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากสถานท่ีจรงิ ธรรมชาติ
และปุ๋ยนา้ หมกั 7 รส (คดั เลือกพ้ืนที่ ศพช. หรอื อ่ืนๆ) เครอื ข่ายครพู าทา
สัปดาห์ท่ี ๓๐ ฐานคนรกั ษ์ป่า เรยี นรฐู้ านคนมนี า้ ยา : ลงมอื ปฏิบัติจรงิ วธิ กี าร 1. บรรยาย ทจ่ี บหลักสูตรจาก
ทาน้ายาอเนกประสงค์ เพอ่ื ลดรายจา่ ยใน 2. อภิปราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
สัปดาห์ที่ ๓๑ ฐานคนรกั ษ์น้า ครวั เรอื น 3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากสถานทจ่ี รงิ ธรรมชาติ
เรยี นรฐู้ านคนรกั ษ์ป่า : ป่า 3 อยา่ ง ประโยชน์ (คัดเลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อ่ืนๆ) เครอื ข่ายครพู าทา
สัปดาห์ที่ ๓๒ ฐานคนรกั ษ์แม่โพสพ 4 อยา่ ง และการปลกู ไม้ 5 ระดับ 1. บรรยาย ที่จบหลักสูตรจาก
2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
สัปดาห์ท่ี ๓๓ ฐานคนรกั ษ์สุขภาพ เรยี นรฐู้ านคนรกั ษ์นา้ : การจดั การและอนุรกั ษ์ 3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากสถานทจี่ รงิ ธรรมชาติ
น้า การขุดคลองไส้ไก่ ขุดหลมุ ขนมครก ทาฝาย (คดั เลือกพ้ืนที่ ศพช. หรอื อ่ืนๆ) เครอื ขา่ ยครพู าทา
สัปดาห์ที่ ๓๔ หลักการทาแบบคนจน การเอา ชะลอนา้ 1. บรรยาย ที่จบหลักสูตรจาก
ม้ือสามคั คี เรยี นรฐู้ านคนรกั ษ์แมโ่ พสพ : นาขา้ วอินทรยี ์ สู่ 2. อภิปราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
วถิ ชี าวนาไทย 3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากสถานที่จรงิ ธรรมชาติ
สัปดาห์ท่ี ๓๕ ลงพืน้ ทเ่ี อามอื้ สามัคคี (คดั เลือกพ้ืนที่ ศพช. หรอื อ่ืนๆ) เครอื ขา่ ยครพู าทา
เรยี นรฐู้ านคนรกั ษ์สุขภาพ : วถิ สี ุขภาพแบบ 1. บรรยาย ทจ่ี บหลักสูตรจาก
สัปดาห์ที่ ๓๖ ลงพื้นทเี่ อามือ้ สามคั คี พอเพยี ง 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
3. ฝึกปฏิบตั ิจากสถานท่จี รงิ ธรรมชาติ
เรยี นรวู้ ธิ กี ารทาแบบคนจน : เอาม้อื สามัคคี (คัดเลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อ่ืนๆ) เครอื ขา่ ยครูพาทา
1. บรรยาย ที่จบหลักสูตรจาก
คัดเลอื กสถานท่เี พือ่ ปฏิบตั ิจรงิ หรอื ท่ีศูนย์ 2. อภิปราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
ศึกษาและพัฒนาชุมชน ในพน้ื ที่น้ัน 3. ฝึกปฏิบตั ิจากสถานท่จี รงิ ธรรมชาติ
(คดั เลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อื่นๆ) เครอื ขา่ ยครูพาทา
คัดเลือกสถานที่เพ่ือปฏิบตั ิจรงิ หรอื ท่ีศูนย์ 1. บรรยาย ทจ่ี บหลักสูตรจาก
ศึกษาและพฒั นาชุมชน ในพื้นท่นี ้ัน 2. อภิปราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากสถานทีจ่ รงิ ธรรมชาติ
(คัดเลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อื่นๆ) เครอื ข่ายครพู าทา
1. บรรยาย ที่จบหลักสูตรจาก
2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ศูนยก์ สิกรรม
3. ฝึกปฏิบตั ิจากสถานท่จี รงิ ธรรมชาติ
(คดั เลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อ่ืนๆ) เครอื ข่ายครพู าทา
1. บรรยาย ทจ่ี บหลักสูตรจาก
2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ศูนยก์ สิกรรม
3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากสถานที่จรงิ ธรรมชาติ
(คัดเลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อื่นๆ) เครอื ขา่ ยครูพาทา
1. บรรยาย ที่จบหลักสูตรจาก
2. อภปิ ราย/ซกั ถาม ศูนย์กสิกรรม
3. ฝึกปฏิบตั ิจากสถานที่จรงิ ธรรมชาติ
(คดั เลือกพื้นท่ี ศพช. หรอื อื่นๆ)
4
แผนกาหนดการเรยี นการสอน (Learning Contents)
เวลาเรยี น หมวดวชิ า/ชอ่ื วชิ า สาระ/เน้ือหาการเรยี นรู้ วธิ สี อนและกิจกรรมการ ผู้สอน
(Objective /Learning Contents) เรยี นร(ู้ Method)และ
สัปดาห์ที่ ๓๗ ภาค ๔ มาตรฐานอนิ ทรยี ว์ ถิ ีไทย แนวทางและกระบวนการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน 1. บรรยาย อาจารยจ์ าก
สัปดาห์ท่ี ๓๘ ( Earth Safe Standard ) สาหรับผลผลิตทางการเกษตร การแปรรูปเป็น 2. อภิปราย/ซกั ถาม earth safe
สัปดาห์ที่ ๓๙ ผลิตภัณฑ์ จนถึงการรกั ษาคุณภาพที่ดีที่สุดจาก 3. วเิ คราะห์กรณตี ัวอย่าง
๑. วชิ าศาสตรพ์ ระราชาและ เกษตรกรสู่ผู้บรโิ ภค กลไกดังกล่าวถูกออกแบบ ผลงานวจิ ยั เกี่ยวกับกระบวนการ อาจารยจ์ าก
สัปดาห์ที่ ๔๐ มาตรฐานอนิ ทรยี ว์ ถิ ไี ทย และพัฒนาข้ึนโดยคณะทางานและภาคีเครอื ข่าย ผลิต พืช ผัก และผลไม้ ท่ไี มม่ กี าร earth safe
สัปดาห์ที่ ๔๑ ๒. แนะนาพืชท่ีเหมาะสมต่อการ ภายใต้มลู นิธิ รกั ษ์ดิน รกั ษ์นา้ ใชส้ ารเคมี ตามสถานการณ์ และ
สัปดาห์ท่ี ๔๒ ปลูกภายใต้รากฐาน โคก หนอง การประยุกต์ใช้ อาจารยจ์ าก
นา โมเดล เพ่ือให้สอดคล้องกับ มุ่ ง เ น้ น ใ น ก า ร เ ป็ น ตั ว ชี้ วั ด ท่ี ค ร อ บ ค ลุ ม earth safe
พน้ื ทแี่ ละครุภัณฑ์ทไ่ี ด้รบั กระบวนการผลิต พืช ผัก และผลไม้ที่ไม่มีการใช้ 1. บรรยาย
การแปรรูปตามมาตรฐานอนิ ทรยี ์ สารเคมี การเก็บเกี่ ยวผลผลิตท่ีไม่เอาเปรยี บ 2. อภิปราย/ซกั ถาม อาจารยจ์ าก
วถิ ีไทย ธร รม ชาติ แ ละก าร แป รรู ป เป็ นผ ลิ ตภั ณฑ์ ท่ี มี earth safe
- แปรรปู สมุนไพรอินทรยี ว์ ถิ ไี ทย คุณภาพและความปลอดภัยที่ผู้บรโิ ภคสามารถ 1. บรรยาย
ประจาบา้ น ตรวจสอบได้ ท้ังนี้ ยงั ต้องคานงึ ถึงสิ่งแวดล้อม การ 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม อาจารยจ์ าก
- แปรรปู ข้าวเกรยี บเห็ดอินทรยี ว์ ถิ ีไทย สรา้ งผลกระทบเชงิ บวกต่อชุมชน และการมีวถิ ีชวี ติ 3. วเิ คราะห์กรณตี ัวอย่าง earth safe
การผลิตพชื ผลอินทรยี ว์ ถิ ีไทยและ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ผลงานวจิ ยั เก่ียวกับกระบวนการ
ปศุสัตว์ - เรยี นรศู้ าสตรพ์ ระราชา และมาตรฐาน ผลิต ทไี่ มม่ ีการใชส้ ารเคมี อาจารยจ์ าก
- การเล้ียงหนอนแมลงวนั ลายเพือ่ อินทรยี ว์ ถิ ีไทย 1. บรรยาย earth safe
กาจดั ขยะและสรา้ งโปรตีนธรรมชาติ - เรยี นรพู้ ชื ท่ีเหมาะสมกับพ้ืนท่ีโคก หนอง นา 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
สาหรบั สัตว์ 3. วเิ คราะห์กรณีตัวอย่าง
- จุลินทรยี ์จาวปลวก ทฤษฎีและ เรยี นรดู้ ้วยการปฏิบัติจรงิ ผลงานวจิ ยั
ปฏิบตั ิ รวมท้ังการประยุกต์ใช้ - แปรรปู สมุนไพรอินทรยี ว์ ถิ ไี ทยประจาบา้ น
การผลิตพืชผลอนิ ทรยี ว์ ถิ ไี ทยและ - แปรรปู ข้าวเกรยี บเห็ดอินทรยี ์วถิ ีไทย 1. บรรยาย
ปศุสัตว์ 2. อภิปราย/ซกั ถาม
- การผลิตพชื ผลผสมผสาน เรยี นรูด้ ้วยการบรรยาย หรอื ปฏิบัติจรงิ
อนิ ทรยี ว์ ถิ ไี ทย ด้วยนวตั กรรม - การเลี้ยงหนอนแมลงวันลายเพอื่ กาจดั ขยะและ 1. บรรยาย
“หลุมพอเพียง” สรา้ งโปรตีนธรรมชาติสาหรบั สัตว์ 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
การผลติ พชื ผลอินทรยี ว์ ถิ ไี ทยและ - จุลินทรยี จ์ าวปลวก ทฤษฎีและปฏิบตั ิ รวมท้ังการ
ปศุสัตว์(ขนั้ ก้าวหน้า) ประยุกต์ใช้ 1. บรรยาย
- การผลิตพชื และให้อาหารพืชขัน้ 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
ก้าวหน้า เรยี นรวู้ ธิ กี ารทา “หลมุ พอเพียง” 3. วเิ คราะห์กรณีตัวอย่าง
การผลิตพชื ผลอินทรยี ว์ ถิ ไี ทยและ ผลงานวจิ ยั
ปศุสัตว(์ ขั้นก้าวหน้า) เรยี นรกู้ ารผลติ พชื และให้อาหารพืช ข้นั
- การเลี้ยงสัตวแ์ ละผลิตอาหาร ก้าวหน้า
สัตวอ์ ยา่ งยงั่ ยนื ตามมาตรฐาน
อนิ ทรยี ว์ ถิ ีไทย : การเลยี้ งหมู ไบ - เรยี นรวู้ ธิ กี ารเลยี้ งสัตว์และผลิตอาหารสัตว์
โอไดนามิก อยา่ งยง่ั ยนื ตามมาตรฐานอนิ ทรยี ว์ ถิ ไี ทย :
การเล้ยี งหมู ไบโอไดนามกิ
5
เวลาเรยี น หมวดวชิ า/ชอ่ื วชิ า สาระ/เนื้อหาการเรยี นรู้ วธิ สี อนและกิจกรรมการ ผู้สอน
(Objective /Learning Contents) เรยี นร(ู้ Method)และ อาจารยจ์ าก
earth safe
สัปดาห์ท่ี ๔๓ การแปรรปู ผลผลิตทางการเกษตร เรยี นรพู้ ฒั นาบรรจุภัณฑ์และแบรนด์ชุมชน 1. บรรยาย
สัปดาห์ท่ี ๔๔ และพฒั นาบรรจุภัณฑแ์ ละ -การแพค็ ก้ิงสินค้า/ผกั /ผลไม้/สมุนไพร 2. อภิปราย/ซกั ถาม อาจารยจ์ าก
สัปดาห์ที่ ๔๕ แบรนด์ชุมชน earth safe
- การแพ็คกิ้งสินคา้ /ผกั /ผลไม้/ เรยี นรกู้ ารแปรรปู อ้อยอนิ ทรยี ว์ ถิ ีไทย 1. บรรยาย
สัปดาห์ที่ ๔๖ สมุนไพร 2. อภิปราย/ซกั ถาม อาจารยจ์ าก
สัปดาห์ท่ี ๔๗ การแปรรปู ผลผลิตทางการเกษตร เรยี นรแู้ บบการปฏิบตั ิจรงิ 3. วเิ คราะห์กรณีตัวอย่าง earth safe
และพัฒนาบรรจุภัณฑ์และ - การทาไข่เคม็ อนิ ทรยี ว์ ถิ ีไทย ผลงานวจิ ยั
สัปดาห์ท่ี ๔๘ แบรนด์ชุมชน - มะมว่ งอบแห้ง และบรรจุภัณฑ์จาก 1. บรรยาย อาจารยจ์ าก
สัปดาห์ท่ี ๔๙ - การแปรรูปออ้ ยอนิ ทรยี ว์ ถิ ีไทย ธรรมชาติ 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม earth safe
การแปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร 3. วเิ คราะห์กรณตี ัวอยา่ ง
สัปดาห์ที่ ๕๐ และพัฒนาบรรจุภัณฑ์และ เรยี นรวู้ ธิ กี ารการผลติ พชื ผลอนิ ทรยี ว์ ถิ ีไทย ผลงานวจิ ยั อาจารยจ์ าก
แบรนด์ชุมชน และปศุสัตว(์ ขัน้ ก้าวหน้า) earth safe
- การทาไขเ่ ค็มอินทรยี ว์ ถิ ไี ทย - การจดั การนา้ ในระบบการเกษตรด้วย 1. บรรยาย
- มะมว่ งอบแห้ง และบรรจุภัณฑ์ พลงั งาน Solar Cell 2. อภิปราย/ซกั ถาม อาจารยจ์ าก
จากธรรมชาติ earth safe
การผลติ พชื ผลอนิ ทรยี ว์ ถิ ีไทยและ เรยี นรู-้ การแปรรปู ผลิตภัณฑช์ าสมนุ ไพร 1. บรรยาย อาจารยจ์ าก
ปศุสัตว์(ขัน้ ก้าวหน้า) แบบครบวงจน (ปลูก-ผลิต-จาหน่าย) 2. อภิปราย/ซกั ถาม earth safe
- การจดั การนา้ ในระบบ 3. วเิ คราะห์กรณตี ัวอย่าง
การเกษตรด้วยพลงั งาน Solar ศึกษาและเรยี นรูก้ ารพฒั นาบรรจภุ ณั ฑ์และ ผลงานวจิ ยั อาจารยจ์ าก
Cell แบรนด์ชุมชน earth safe
การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร - แบรนด์ มาดามเอสเธอร์ 1. บรรยาย
และพัฒนาบรรจุภัณฑแ์ ละ ศึกษาและเรยี นรวู้ ธิ กี ารขอมาตรฐาน อย. และ 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
แบรนด์ชุมชน มาตรฐานสถานที่ผลติ อาหาร
- การแปรรูปผลติ ภัณฑ์ชา 1. บรรยาย
สมนุ ไพร แบบครบวงจน (ปลกู เรยี นรกู้ ารทาตลาดตามมาตรฐานอนิ ทรยี ว์ ถิ ี 2. อภิปราย/ซกั ถาม
-ผลิต-จาหน่าย) ไทย
การพฒั นาบรรจุภัณฑ์และ -กระบวนการต้นนา้ กลางน้า ปลายนา้ ของการปลูก 1. บรรยาย
แบรนด์ชุมชน มะพรา้ ว น้าหอมอินทรยี ์วถิ ีไทย แบรนด์ อโรมาติก 2. อภิปราย/ซกั ถาม
- แบรนด์ มาดามเอสเธอร์ ฟารม์
การต่อยอดองคค์ วามรดู้ ้านการ -แนวโน้มตลาดอินทรยี ์วถิ ีไทย ในห้างโมเดิรน์ เทรด
แปรรปู อาหาร -การตลาด ๓ ระดับ
- การขอมาตรฐาน อย. และการ -มารยาททางการตลาด
ขอมาตรฐานสถานท่ีผลิตอาหาร
รวมถึงการออกใบรบั รอง
มาตรฐาน
การตลาดสู่ความยงั่ ยนื และ
การตลาดตามมาตรฐานอินทรยี ว์ ถิ ี
ไทย
- กระบวนการต้นนา้ กลางนา้ ปลายนา้
ของการปลูกมะพรา้ ว นา้ หอมอินทรยี ์
วถิ ีไทย แบรนด์ อโรมาติก ฟารม์
- แนวโน้มตลาดอินทรยี ว์ ถิ ีไทย ในห้าง
โมเดิรน์ เทรด
- การตลาด ๓ ระดับ
- มารยาททางการตลาด
6
เวลาเรยี น หมวดวชิ า/ชอื่ วชิ า สาระ/เนื้อหาการเรยี นรู้ วธิ สี อนและกิจกรรมการ ผสู้ อน
สัปดาห์ท่ี ๕๑ (Objective /Learning Contents) เรยี นร(ู้ Method)และ -
การสัมมนายอ่ ย “การพฒั นาหลกั
กสิกรรมธรรมชาติ สู่ระบบ การจดั เวทีเสวนายอ่ ย “การพัฒนาหลักกสิกร 1. เสวนา
เศรษฐกิจพอเพยี ง” รมธรรมชาติ สู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง” 2. อภปิ ราย/ซกั ถาม
สัปดาห์ท่ี ๕๒ การสัมมนา “ผลสาเรจ็ ของการ การจดั เวทเี สวนาก่อนจบหลกั สูตร“ผลสาเรจ็ 1. เสวนา -
พัฒนาหลักกสิกรรมธรรมชาติ สู่ ของการพฒั นาหลักกสิกรรมธรรมชาติ สู่ 2. อภิปราย/ซกั ถาม
ระบบเศรษฐกิจพอเพียง” ระบบเศรษฐกิจพอเพียง”
7
บทที่ 1 “ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และทฤษฎีใหม่ ”
วัตถปุ ระสงค์
เพอื่ ให้ผู้เข้ารบั การอบรมมีความรู้ “หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และ
ทฤษฎีใหม่” เพ่อื นาไปประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พฒั นาชุมชน”
ระยะเวลา
จานวน 4 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วัน (เสาร์ – อาทิตย)์
ขอบเขตเนื้อหา
๑. ส.ค.ส. 2547 วกิ ฤตระเบิดส่ีลกู
๒. ปรชั ญา 3 ระบบ
๓. แนวคิด ทฤษฎี นวัตกรรมศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยเรอ่ ื งดิน นา้ ป่า คน
๔. ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่โคก หนอง นาโมเดล
5. วธิ ปี ฏิบตั ิอยา่ งเปน็ ข้ันเปน็ ตอน
6. ทาแบบคนจน
- การเอาม้ือสามคั คี
เทคนิค /วธิ กี าร
วทิ ยากร ใช้ PowerPoint หรอื คลปิ สื่อ ประกอบการบรรยาย โดยสรปุ ดังนี้
๑. ปรชั ญา 3 ระบบ
๒. แนวคิด ทฤษฎี นวัตกรรมศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยเรอ่ ื งดิน น้า ปา่ คน
๓. ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่โคก หนอง นาโมเดล
๔. ตัวอยา่ งความสาเรจ็ โคก หนอง นา โมเดล
วสั ดุ/อุปกรณ์
๑. สื่อวดี ีทศั น์ ประกอบการบรรยาย
๒. ส่ือ Power point
การประเมินผล
- การสงั เกตของวทิ ยากร
- การมีส่วนรว่ มของผ้เู ข้าฝกึ อบรม
***************
8
บทท่ี 2 “ หลักกสิกรรมธรรมชาติ ” สู่เศรษฐกิจพอเพยี ง
วตั ถปุ ระสงค์
๑. เพื่อให้ผรู้ บั การฝกึ อบรมรถู้ ึงประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ ตามแนวคิด ปา่ ๓ อยา่ ง
ประโยชน์ ๔ อยา่ ง โดยการปลูกไม้ 5 ระดับ
๒. จดั รูปแบบการปลูกให้เกิดคณุ ค่าและบูรณาการในพืน้ ทที่ ากินเดิม ให้มสี ภาพ
ใกล้เคียงกับป่า
๓. สรา้ งมลู ค่าต้นไม้ท่ีปลูกทาให้เปน็ ทรพั ย์ เพื่อออมทรพั ยแ์ ละใชแ้ ก้ปญั หาความ
ยากจน
ระยะเวลา
จานวน 5 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วัน (เสาร์ – อาทติ ย)์
ขอบเขตเนื้อหา
๑. หัวใจหลกั กสิกรรมธรรมชาติ “เลย้ี งดิน ให้ดินเล้ยี งพืช” ห่มดิน “แห้งชาม นา้ ชาม”
- เรยี นรู้ หลัก เกษตรกรรม กับ กสิกรรม
- เกษตรปลอดพิษ : ตัวหา้ ตัวเบยี น การจดั การแมลง ด้วยระบบนิเวศท่ีสมดุล
๒. นิยาม 5
๓. ปา่ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อยา่ ง
๔. การปลูกไม้ 5 ระดับ
๕. 10 ข้ันตอนการตรวจ
เทคนิค / วธิ กี าร
- วทิ ยากรผเู้ ชยี่ วชาญบรรยายเพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจ หัวใจหลักกสิกรรมธรรมชาติ
1) เล้ียงดินให้ดินเล้ียงพืช ,ห่มดิน “แห้งชาม น้าชาม” ,หลักเกษตรกรรม กับ กสิกรรม ,เกษตร
ปลอดสารพิษ : ตัวห้าตัวเบียน การจดั การแมลงด้วยระบบนิเวศท่สี มดุล 2) นิยาม 5 ประการ
๓) ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ๔) การปลูกไม้ 5 ระดับ ๕) 10 ขั้นตอนการตรวจแปลง
และเรยี นรูจ้ ากกรณีตัวอย่าง “โคกหนองนา โมเดล” โดยใชส้ ่ือ ส่ือ Power point และสื่อ
วดิ ีทศั น์ประกอบการบรรยาย
วัสดุ/อุปกรณ์
๑. สื่อวดิ ีทศั น์ ประกอบการบรรยาย
๒. ส่ือ Power point
การประเมินผล
- การสงั เกตของวทิ ยากร
***************
9
บทท่ี 3 “ ทฤษฎีบนั ได ๙ ขน้ั สู่ความพอเพยี ง ”
วตั ถุประสงค์
เพ่ือให้ผู้เข้ารบั การฝกึ อบรมมีความรู้ ความเข้าใจหลักคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ทฤษฎีใหม่ การบรหิ ารจัดการตามข้ันตอนเศรษฐกิจพอเพียงมาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน และ
สามารถนาไปปฏิบัติจนเป็นวถิ ีชวี ติ
ระยะเวลา
จานวน 1 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วนั (เสาร์ – อาทติ ย)์
ขอบเขตเนื้อหา
๑. หลกั คิด “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
๒. การประยุกต์ใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับบุคคล กลุ่ม องค์กร
ชุมชน และสังคม
๓. พระราชดาร ิ“ทฤษฎีใหม่” การบรหิ ารจดั การตามข้ันตอน
ทฤษฎีขั้นท่หี นง่ึ : อยู่รอด แบ่งสัดส่วนพื้นท่ี สรา้ งผลผลิต ครวั เรอื นสามารถ
พึง่ ตนเองได้
ทฤษฎีขั้นท่ีสอง : พอเพยี ง ชุมชนรวมกลุ่มพึง่ ตนเอง
ทฤษฎีขั้นทสี่ าม : ยงั่ ยืน การบรหิ ารจดั การ สรา้ งมูลค่าเพ่มิ พัฒนาการตลาด
๔. เศรษฐกิจพอเพียงความเข้มแข็งทเ่ี ปน็ รปู ธรรมตามวถิ ีวฒั นธรรม ภูมิปัญญา และภูมิ
สงั คม
เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรบรรยายเนื้อหา
๒. วทิ ยากรเปดิ ส่ือวดิ ีทศั น์
๓. วทิ ยากรมอบงาน โดยให้ผเู้ ข้าอบรมแบ่งกลุ่มพรอ้ มนาเสนอในแต่ละประเด็นเนื้อหา
วสั ดุ/อุปกรณ์
- สื่อวดิ ีทศั น์
- บทความ
- PPT
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
การประเมินผล
- สงั เกตจากการนาเสนอ
***************
10
บทท่ี 4 “สุขภาพพ่งึ ตน พัฒนา ๓ ขุมพลงั ” พลงั กาย พลงั ใจ พลังปญั ญา
วตั ถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมได้ยดื เส้นยดื สาย ออกกาลังกาย ก่อนการฝกึ อบรม
๒. เพื่อพฒั นาพลงั กาย พลงั ใจ และพลงั ปญั ญา
๓. เพอ่ื ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีว่าด้วยการสรา้ งคุณค่าในการดาเนินชวี ติ
ระยะเวลา
จานวน 1 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วนั (เสาร-์ อาทติ ย)์
ขอบเขตเนื้อหา
๑. การพัฒนาพลงั กาย การพัฒนาพลังใจ การพฒั นาพลงั ปัญญา
๒. แนวคิดการพฒั นาเพื่อพึ่งตนเองของเป้าหมายโคกหนองนาโมเดล
๓. การปรบั เปล่ยี นชวี ติ ตามสถานการณ์
เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรบรรยายเน้ือหา
๒. วทิ ยากรเปดิ สื่อวดิ ีทศั น์
๓. วทิ ยากรมอบงาน โดยให้ผเู้ ขา้ อบรมแบ่งกลุ่มพรอ้ มนาเสนอในแต่ละประเด็นเน้ือหา
วัสดุ/อุปกรณ์
- คอมพิวเตอร์ ,โปรเจค็ เตอร์
- สื่อวดิ ีทศั น์
- PPT
การประเมินผล
- สังเกตจากการมีส่วนรว่ ม
- สังเกตจากการนาเสนอ
***************
11
บทที่ 5 ยุทธศาสตรก์ ารขบั เคลอ่ื นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่การปฏิบตั ิ
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพื่อกาหนดแนวทาง/เปา้ หมายในการขับเคล่อื นหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งที่
สอดคล้องกับบรบิ ทพน้ื ที่ของตนเอง เลก็ แคบ ชดั ,การเอาม้ือสามัคคี ,ครพู าทา
2. เพ่ือให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมตระหนักถึงความสาคัญของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รชั กาลที่ 9)
ทท่ี รงงานหนักเพ่ือประชาชนและประเทศไทย
3. เพ่ือให้ผูเ้ ขา้ รว่ มประชุมสามารถนาเสนอแผนยุทธศาสตรก์ ารขับเคลื่อนของหลกั
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของตัวเองได้
ระยะเวลา
จานวน 1 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วนั (เสาร์ – อาทิตย)์
ขอบเขตเน้ือหา
๑. การกาหนดเป้าหมายของชวี ติ บนวถิ ีชวี ติ เศรษฐกิจพอเพียง
๒. ออกแบบพ้ืนทช่ี วี ติ การดารงอยู่บนพื้นฐานของการพง่ึ พาตนเอง เล็ก แคบ ชดั ,การ
เอามื้อสามคั คี ,การเปน็ ครูพาทา
3. กาหนดยุทธศาสตรก์ ารขบั เคล่ือนปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติสถานทจี่ รงิ
เปน็ Eco village ชุมชนคนรกั ษ์โลก
เทคนิควธิ กี าร
1. ฝกึ ปฏิบัติการจดั ยุทธศาสตรอ์ ยา่ งงา่ ย
2. นาเสนอ/แลกเปลย่ี นเรยี นรู้
วัสดุ / อุปกรณ์
- ส่ือวดิ ีทศั น์ , PPT ,บทความ , กรณีศึกษา
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
- บอรด์ ,ปากกา
การประเมนิ ผล
๑. สังเกตจากการนาเสนอ
๒. สังเกตจากการมีส่วนรว่ ม
**************
12
ภาค 2 หลักกสิกรรมธรรมชาติสู่โคก หนอง นา
หลกั การออกแบบเชงิ ภมู ิสงั คมและการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบ้อื งต้น
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพื่อให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรม มีความรู้ ความเขา้ ใจในหลกั การออกแบบเชงิ ภูมสิ ังคม
และการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบื้องต้น
2. เพ่ือเรยี นรหู้ ลักการออกแบบตามหลักภมู ิสังคม ดิน นา้ ลม ไฟ พืช คน
3. เพอื่ เรยี นรขู้ ั้นตอนออกแบบโคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ด้วยตนเอง
4. เพื่อให้ผเู้ ข้าอบรม รถู้ ึงหัวใจ คือการอยู่รวมกับธรรมชาติ โดยไม่ฝนื ธรรมชาติ
ระยะเวลา
จานวน 10 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วัน (เสาร์ – อาทติ ย)์
ขอบเขตเน้ือหา
๑. หลักการออกแบบตามหลักภูมสิ ังคม ดิน น้า ลม ไฟ พืช คน
๒. การสารวจพื้นทกี่ ่อนการออกแบบ
๓. ขัน้ ตอนการออกแบบโคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ด้วยตนเอง
เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรแนะนาตัวแก่ผู้เขา้ อบรม สรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้ ทกั ทาย ชวนคุย เล่า
ถึงประวตั ิตัวเอง
๒. วทิ ยากรตั้งคาถาม “ทาไมต้องออกแบบพนื้ ที่ จาเปน็ ไหม”
๓. วทิ ยากรเลา่ ถึงสถานการณ์และวกิ ฤตของประเทศไทยพรอ้ มยกตัวอย่างเพอ่ื นาเข้าสู่
เนื้อหาการออกแบบภูมิสงั คมไทยตามหลักการพัฒนาภมู ิสังคมอย่างยงั่ ยนื เพื่อการพึ่งตนเอง
และรองรบั ภัยพบิ ัติ “โคก หนอง นา โมเดล”
๔. วทิ ยากรบรรยายถึงการออกแบบเชงิ ภูมสังคมไทยตามหลักการพฒั นาภูมสิ งั คม
อยา่ งยง่ั ยืน (การออกแบบพื้นทช่ี วี ติ )
๕. วทิ ยากรยกตัวอยา่ งแบบจาลองการจดั การพ้นื ทกี่ สิกรรมประกอบเพื่อให้เห็นชดั เจน
ยิง่ ขึ้น พรอ้ มสรุปเติมเต็มและให้คาแนะนากับผู้เข้ารว่ มอบรม
๖. วทิ ยากรบรรยายให้ความรูใ้ นหัวข้อ ดังน้ี
๖.๑. สถานการณ์และภาวะวกิ ฤตของโลก ประเทศ ชุมชน (นา้ อาหาร พลงั งาน)
๖.๒. แนวทางการแก้ไขรองรบั ภัยพบิ ัติด้วยการบรหิ ารจดั การพื้นที่ “โคก หนอง นา”
๖.๓. กรณีศึกษาความสาเรจ็ “โคก หนอง นา”
๗. บรรยายประกอบส่ือวดี ีทศั น์ และชมสื่อวดี ีทศั น์
8. นาเสนอ/แลกเปล่ียนเรยี นรู้
13
หลกั การออกแบบเชงิ ภูมสิ งั คมและการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบ้อื งต้น (ต่อ)
วสั ดุ/อุปกรณ์
- สื่อวดิ ีทศั น์
- กรณีศึกษา
- PPT
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
- บอรด์ ,ปากกา
การประเมนิ ผล
- สงั เกตจากการมสี ่วนรว่ ม
- สังเกตจากการนาเสนอ
***************
14
การจดั การพ้นื ทตี่ ามหลกั ทฤษฎีใหมป่ ระยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล
วตั ถปุ ระสงค์
เพื่อให้ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจเรอ่ ื งศาสตรพ์ ระราชากับการบรหิ าร
จดั การ ดิน น้า ป่า อย่างยั่งยนื ตลอดจนมีความเขา้ ใจในการจดั การพ้ืนทเ่ี ชงิ ภมู ิสังคมไทยตาม
หลกั การพัฒนาภมู ิสงั คมอย่างยง่ั ยนื เพ่ือการพึ่งตนเองและรองรบั ภัยพิบัติ “โคก หนองนา
โมเดล”
ระยะเวลา
จานวน 1 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วนั (เสาร์ – อาทิตย์)
ขอบเขตเนื้อหา
๑. ศาสตรพ์ ระราชาด้านการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรดิน น้า ปา่
๒. คน กลไกสาคัญในการบรหิ ารจดั การพื้นทอ่ี ยา่ ยงั่ ยืนตามศาสตรพ์ ระราชา
๓. สถานการณ์และภาวะวกิ ฤติของโลก ประเทศ ชุมชน
๔. กรณีศึกษาความสาเรจ็ “โคก หนองนา” ในการแก้ไขและรองรบั ภัยพิบัติด้วยการ
บรหิ ารจดั การพ้ืนท“่ี โคก หนอง นา”
๕. หลกั คิดพ้ืนฐานการออกแบบตามหลักภมู ิสงั คม (Geosocial)
๖. การคานวณการจดั การน้าฝนในพ้ืนท่ี
๗. แนวคิดการออกแบบและฝกึ ปฏิบัติการเขียนแบบตามหลกั “โคก หนอง นา”
เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรบรรยายเนื้อหา
๒. วทิ ยากรเปดิ ส่ือวดิ ีทศั น์
๓. วทิ ยากรมอบงาน โดยให้ผ้เู ข้าอบรมแบ่งกลุ่มพรอ้ มนาเสนอในแต่ละประเด็นเน้ือหา
วสั ดุ/อุปกรณ์
- ส่ือวดิ ีทศั น์
- บทความ
- กรณีศึกษา
- PPT
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
- บอรด์ ,ปากกา
การประเมินผล
- สังเกตการนาเสนอ
***************
15
ภาค 3 การพึ่งตนเอง
เรยี นรกู้ ารฝกึ ปฏิบตั ิจรงิ “ 9 ฐานการเรยี นรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพยี ง ”
วัตถุประสงค์
๑. เพ่ือให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรม รูแ้ ละเขา้ ใจ ถึงการน้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน และสามารถปฏิบัติจนเปน็ วถิ ีชวี ติ
๒. เพื่อผูเ้ ขา้ อบรมมที กั ษะ ความรูใ้ นแต่ละฐานการเรยี นรู้ และนาไปปฏิบัติได้
๓. สามารถนาความรูแ้ ละเทคนิคในฐานต่าง ๆ ไปประยุกต์ใชเ้ ปน็ อาชพี เสรมิ ใน
ครวั เรอื น เพ่ือให้เกิดรายได้และพึง่ พาตนเองได้
ระยะเวลา
จานวน 9 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วนั (เสาร์ – อาทติ ย์)
ขอบเขตเนื้อหา
๑. เรยี นรู้ 9 ฐานเรยี นรู้ 1) ฐานคนติดดิน : ป้ นั ดินเปน็ บา้ น 2) ฐานคนเอาถ่าน : แปลง
กิ่งไม้เปน็ ถ่าน 3) ฐานคนมีไฟ : ไบโอดีเซล พลังงานทดแทน 4) ฐานคนรกั ษ์แม่ธรณี : เลี้ยง
ดิน ให้ดินเล้ียงพืช 5) ฐานคนมีน้ายา : น้ายาอเนกประสงค์ 6) ฐานคนรกั ษ์ป่า : (ป่า 3 อย่าง
ประโยชน์ 4 อย่าง 7) ฐานคนรกั ษ์น้า : (การจดั การและอนุรกั ษ์น้า) 8) ฐานคนรกั ษ์แม่โพสพ
: นาขา้ วอนิ ทรยี ์ สู่วถิ ีชาวนาไทย 9) ฐานคนรกั ษ์สุขภาพ : วถิ ีสุขภาพแบบพอเพียง
2. สรปุ ผลกิจกรรมทรี่ ว่ มกันทา
เทคนิค / วธิ กี าร
๑. เครอื ข่ายครูพาทาท่ีผ่านการฝึกอบรมจิตอาสาวทิ ยากร บรรยาย เพื่อให้มีความรู้
เก่ียวกับฐานการเรยี นรู้ ฝกึ ปฏิบัติ ตอบขอ้ ซกั ถาม
2. ผ้เู ข้าอบรมสรุปผลกิจกรรม เปน็ รายกลมุ่
วัสดุ/อุปกรณ์
๑. วัสดุ/อุปกรณ์ ประจาฐานเรยี นรู้
๒. เอกสารองค์ความรูใ้ นแต่ละฐานเรยี นรู้
๓. บอรด์ , ปากกา, กระดาษฟลิปชารท์
๔. อุปกรณ์ขยายเสียง, ไมค์โครโฟน
การประเมินผล
- การสงั เกตของวทิ ยากร
- การวัดความสัมฤทธผิ์ ลของการปฏิบัติแต่ละกลุ่ม
***************
16
ภาค 3 การพ่งึ ตนเอง
กิจกรรมการเอาม้อื สามคั คี
วตั ถุประสงค์
1) เพ่ือให้ผู้เข้าอบรมได้นาเสนอและถอดความรูท้ ี่ได้จากการเอามื้อสามคั คี
2) เพอื่ สรา้ งแรงบันดาลใจและตระหนักในการทาหลกั กสิกรรมธรรมชาติ
ระยะเวลา
จานวน 3 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วัน (เสาร์ – อาทิตย์)
ขอบเขตเน้ือหา
1. จากการได้เรยี นรู้ “จติ อาสาพฒั นา เอามื้อสามัคคี พัฒนาพน้ื ทตี่ ามหลักทฤษฎีใหม่”
2. หลักการตรวจแปลง 10 ข้อการตรวจแปลง
เทคนิค / วธิ กี าร
แบง่ กลุ่มระดมความคิดและนาเสนอผลงาน โดยใชป้ ระเด็นดังนี้
1. สงิ่ ที่ได้เรยี นรู้
2. การนาไปใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งไร
วสั ดุ/อุปกรณ์
- สื่อวดิ ีทศั น์
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
- บอรด์ ,ปากกา
การประเมนิ ผล
- สังเกตการนาเสนอ
***************
17
- การถอดบทเรยี นผ่านส่ือแผน่ ดินไทย ตอน “แผน่ ดินวกิ ฤต”
วตั ถุประสงค์
๑. เพ่ือให้ผู้เรยี นได้สงั เคราะห์ความรูท้ ่ไี ด้รบั จากวทิ ยากรท่ไี ด้มาบรรยายในแต่ละวชิ า
๒. เพื่อให้ผู้อบรมมีความรูค้ วามเข้าใจสถานการณ์โลกปจั จุบันกับการเปล่ยี นแปลงของ
ดิน ฟ้า อากาศและตระหนักถึงวกิ ฤตปญั หาด้านดิน น้า ลม ไฟ โรคติดต่อระบาดทีอ่ าจเกิดขึ้น
ในประเทศไทยและการป้องกันภัย
๓. เพอื่ ให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมตระหนักถึงความสาคัญของการน้อมน้าหลักปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใชใ้ นการดารงชวี ติ
ระยะเวลา
จานวน ๑ สัปดาห์ ๆ ละ 2 วัน (เสาร์ – อาทติ ย)์
ขอบเขตเนื้อหา
๑. ภาวะวกิ ฤตสังคมโลก สังคมไทย
๒. ถ้าเขา้ สู่ภาวะวกิ ฤตจะเอาตัวรอดอย่างไร
๓. ทางออกวกิ ฤต ดิน น้า ปา่ คน ด้วย โคก หนอง นาโมเดล
เทคนิค/วธิ กี าร
๑. แบง่ กลมุ่ มอบหมายงาน
๒. นาเสนอขอ้ มูลรายกลุ่มองค์ความรูท้ ่ีได้รบั /แนวคิดทไ่ี ด้ชมคลิปจากการบรรยาย
๓. รวบรวมองค์ความรู้ ข้อเสนอแนะ คาแนะนาจากวทิ ยากรมาสรุปรายละเอยี ด
๔. ชมสื่อวดี ีทศั น์
๕. ถอดบทเรยี นจากส่ือในประเด็น ได้ข้อคิด/มุมมองอะไรบ้าง และจะทาอะไรต่อไป
๖. นาเสนอ/แลกเปลย่ี นเรยี นรู้
วสั ดุ/ อุปกรณ์
๑. ส่ือวดี ีทัศน์ “แผ่นดินวกิ ฤติ”
๒. เครอ่ ื งคอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
การประเมินผล
๑. สังเกตจากการนาเสนอ
๒. สังเกตจากการทางานเปน็ ทมี
๓. สงั เกตจากการมีส่วนรว่ ม
***************
18
- การถอดบทเรยี นผ่านส่ือ “ วถิ ีภูมิปัญญาไทยกับการพึ่งตนเอง ”
วตั ถุประสงค์
1) เพ่อื ให้ผู้เขา้ อบรมได้เรยี นรจู้ ากผู้ทป่ี ฏิบตั ิจรงิ จนเป็นทย่ี อมรบั
2) เพื่อสรา้ งแรงบันดาลใจในการประยุกต์ศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏิบตั ิจนเปน็
ทย่ี อมรบั
ระยะเวลา
จานวน 1 สัปดาห์ ๆ ละ 2 วัน (เสาร์ – อาทิตย์)
ขอบเขตเน้ือหา
๑. ประวัติส่วนตัวของพ่อเล่ยี ม บุตรจนั ทา หรอื ปราชญ์อน่ื ๆ
๒. การใชว้ ถิ ีภูมิปญั ญาไทย กับการเอาตัวรอดอย่างไร
๓. ทางออกคือการพง่ึ ตนเอง
เทคนิค/วธิ กี าร
๑. แบง่ กล่มุ มอบหมายงาน
๒. นาเสนอขอ้ มูลรายกลุ่มองค์ความรูท้ ี่ได้รบั /แนวคิดทไี่ ด้ชมคลิปจากการบรรยาย
๓. รวบรวมองค์ความรู้ ข้อเสนอแนะ คาแนะนาจากวทิ ยากรมาสรุปรายละเอยี ด
๔. ชมส่ือวดิ ีทศั น์
๕. ถอดบทเรยี นจากสื่อในประเด็น ได้ข้อคิด/มุมมองอะไรบ้าง และจะทาอะไรต่อไป
๖. นาเสนอ/แลกเปลยี่ นเรยี นรู้
วัสดุ/ อุปกรณ์
๑. ส่ือวดิ ีทัศน์ “ปา่ เป็นบานาญชวี ติ ของพ่อเลีย่ ม บุตรจนั ทา”
๒. เครอ่ ื งคอมพิวเตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
การประเมินผล
๑. สังเกตจากการนาเสนอ
๒. สังเกตจากการทางานเปน็ ทมี
๓. สังเกตจากการมสี ่วนรว่ ม
***************
19
ถอดบทเรยี นจากฐานเรยี นรู้ ๙ ฐานเรยี นรสู้ ู่เศรษฐกิจพอเพียง
วตั ถุประสงค์
1) เพ่อื ให้ผเู้ ขา้ อบรมได้นาเสนอและถอดความรูท้ ไ่ี ด้จากการฝกึ อบรมในฐานเรยี นรู้
2) เพ่ือสรา้ งแรงบันดาลใจและตระหนักในการทาหลักกสิกรรมธรรมชาติ
ระยะเวลา
จานวน 1 ชว่ั โมง
ขอบเขตเน้ือหา
จากการเรยี นรู้ 9 ฐานเรยี นรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพยี ง
1. ฐานคนติดดิน 2. ฐานคนเอาถ่าน
3. ฐานคนมีไฟ 4. ฐานคนรกั ษ์แมธ่ รณี
5. ฐานคนมนี ้ายา 6. ฐานคนรกั ษ์ปา่
7. ฐานคนรกั ษ์น้า 8. ฐานคนรกั ษ์แมโ่ พสพ
9. ฐานเรยี นรคู้ นรกั ษ์สุขภาพ
เทคนิค / วธิ กี าร
แบ่งกลมุ่ ระดมความคิดและนาเสนอผลงาน โดยใชป้ ระเด็นดังนี้
1. สิ่งท่ีได้เรยี นรู้
- ขั้นตอน อุปกรณ์ และวธิ ที า
2. การนาไปใชป้ ระโยชน์ได้อย่างไร
- ได้เรยี นรขู้ ้ันตอน หลกั การ ขบวนการ
- ได้เรยี นรวู้ ัตถดุ ิบต่าง ๆ และประโยชน์
วัสดุ/อุปกรณ์
- สื่อวดี ีทศั น์
- คอมพิวเตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
- บอรด์ ,ปากกา
การประเมินผล
- สงั เกตการนาเสนอ
***************
20
กิจกรรม ถอดบทเรยี นจากการเอามอ้ื สามคั คี
วัตถปุ ระสงค์
1) เพอ่ื ให้ผู้เข้าอบรมได้นาเสนอและถอดความรูท้ ไ่ี ด้จากการเอาม้ือสามัคคี
2) เพอ่ื สรา้ งแรงบนั ดาลใจและตระหนักในการทาหลักกสิกรรมธรรมชาติ
ระยะเวลา
จานวน 1 ชว่ั โมง
ขอบเขตเนื้อหา
1. จากการได้เรยี นรู้ “จติ อาสาพฒั นา เอาม้อื สามัคคี พัฒนาพ้นื ทต่ี ามหลักทฤษฎีใหม่”
2. หลักการตรวจแปลง 10 ขอ้ การตรวจแปลง
เทคนิค / วธิ กี าร
แบ่งกลมุ่ ระดมความคิดและนาเสนอผลงาน โดยใชป้ ระเด็นดังนี้
1. สิง่ ทไ่ี ด้เรยี นรู้
2. การนาไปใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งไร
วัสดุ/อุปกรณ์
- ส่ือวดิ ีทศั น์
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ
- บอรด์ ,ปากกา
การประเมินผล
- สงั เกตการนาเสนอ
***************
21
เนื้อหาวชิ าการ
บทท่ี 1 วชิ า การบรรยาย“หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่”
วทิ ยากรผู้สอน : วทิ ยากรจากภายใน /ภายนอก
วตั ถุประสงค์ : เพ่ือสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจแก่ผู้เขา้ อบรมถึงความสาคัญของ หลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี งและทฤษฎีใหม่” ตามลาดับอยา่ งเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน
เวลาสอน : จานวน 3-6 ชวั่ โมง
รูปแบบการสอน : การบรรยายให้ความรู้ และใชส้ ่ือเพอ่ื สรา้ งแรงบนั ดาลใจ
ขอบเขตเน้ือหาวชิ าทส่ี อน :
1.1 ส.ค.ส. 2547 วกิ ฤตระเบดิ สี่ลกู
บรบิ ทการเปล่ียนแปลงของโลกทค่ี นไทยได้เผชญิ มาแล้ว และจะรนุ แรงขึ้นในทศวรรษหน้า
ด้วยระเบิด ๔ ลูกทจี่ ุดชนวนทวั่ โลก
ลูกท่ี ๑ วกิ ฤตเศรษฐกิจ
(Economic Crisis) วกิ ฤต
เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ ลั ง ง า น น้ า มั น
กา รเงนิ ข าดแคลนปัจ จัยสี่
และน้าดื่มน้าใช้
ลูกท่ี ๒ วกิ ฤตส่ิงแวดล้อม
(Environmental Crisis)
ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ภ า พ
ภูมิอากาศโลก เช่น โลกรอ้ น
น้าแข็งละลาย แ ผ่นดิ นไหว
อุทกภัย วาตภัย และภัยแล้ง
การสูญพันธขุ์ องสิ่งมีชวี ติ
ลู ก ท่ี ๓ ว ิก ฤ ต สั ง ค ม
(Social Crisis) วกิ ฤตการณ์
สังคม และ โรคระบาดใหม่ ๆ
ลูกที่ ๔ วกิ ฤตการเมือง
(Political Crisis) ความ
ขั ด แ ย้ ง ใ น ลั ท ธิ ค ว า ม เ ชื่อ
ศ า ส น า วั ฒ น ธ ร ร ม สี ผิ ว
ก า ร เ มื อ ง ต่ อ สู้ แ ย่ ง ชิ ง
ทรพั ยากร นาสู่สงคราม
22
ฉะนั้นแล้ว ถึงจะเกิดวกิ ฤตอะไร เกิดขน้ึ อยา่ งไร “ความสามัคคีจงึ เปน็ พลงั คา้ จุนแผ่นดินไทย” ได้เปน็
อยา่ งดี ด้วยการใชห้ ลักการทรงงาน “เขา้ ใจ เขา้ ถึง พัฒนา”
1. เขา้ ใจ : เขา้ ใจศาสตรพ์ ระราชา (สิง่ ทพ่ี ่อคิด)
: เข้าใจชวี ติ (เขา้ ใจตนเอง)
: เขา้ ใจโลก (ปญั หา)
: บรบิ ทของชุมชน (รากเหงา้ )
2. เขา้ ถึง : ภูมิปญั ญาของบรรพบุรุษ (ความรู)้
: หลกั การทรงงาน
: กิจทพ่ี ่อทา
: ปญั หา
3. พัฒนา : มนษุ ยใ์ นระบบเศรษฐกิจพอเพียง
: ลงมือทา (ทาเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน) ทาแบบคนจน
: ปรบั ใช้ : ต่อยอด
พระมหาชนก “นับแต่อุปราช จนถึงคนรกั ษาชา้ ง รกั ษาม้า ล้วนจารกึ ในโมหภูมิ พวกน้ีขาดท้ัง
ความรูว้ ชิ าการ ทง้ั ความรูท้ ว่ั ไป คือ ความสานึกธรรมดา”
ขอบคุณ : ถอดรหัสลับ คาทานาย ในหลวง ร.9 ทรงเตือน คนไทยผ่าน ส.ค.ส. ภัยธรรมชาติ
โ-ร-ค-ระ-บ-า-ด : 15.50 นาที ชอ่ ง เผามันส์ เผาเผือก
23
1.2 ปรชั ญา ๓ ระบบ
เ ป็ น ป ร ัช ญ า เ บื้ อ ง ห ลั ง ข อ ง ก า ร ก่ อ เ กิ ด แ ล ะ เ ป็ น แ ร ง ผ ลั ก ดั น ข อ ง ก า ร ส ถ า ป น า ป ร ัช ญ า ข อ ง
เศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือเปน็ มรรควธิ ี และวถิ ีในการดาเนินชวี ติ ใหม่ของมวลมนุษยชาติ เพือ่ การพ้นทกุ ข์
เพ่ือให้เห็นความหมายของทฤษฎีหลักของโลก 2 ทฤษฎี ที่ต่อสู้กันมาตลอด และเศรษฐกิจ
พอเพยี ง เปน็ ทฤษฎีใหม่ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ซงึ่ อาจจะมีผู้สอบถามว่า ทาไมจงึ ไม่นา
พอเพยี งไว้ด้านบน อธบิ ายได้วา่ เศรษฐกิจพอเพียง เปน็ ฐานก่อนทาการค้า หรอื กระจายรายได้เทา่ เทยี ม
เราต้องทาให้พอเพียงก่อนเป็นขึ้นพื้นฐาน หากจะทาการค้าในข้ันก้าวหน้า ก็ต้องแบ่งปนั สังคม ทาบุญ
ทาทานก่อน จงึ จะมั่นคงได้
สาหรบั ระบบเศรษฐกิจหลักของโลก 2 ระบบ 1) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism)
2) ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism)
1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism) ลักษณะระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เรยี กอีก
อย่างหนึ่งว่า ระบบเศรษฐกิจแบบเสรนี ิยม มีเสรภี าพในการตัดสินใจว่า จะผลิตอะไร ( What) ผลิต
อย่างไร (How) ผลิตเพื่อใคร (Who) เอกชนสามารถเลือกใชท้ รพั ย์สินทาการผลิตในส่ิงที่ตนถนัดที่สุด
และเห็นว่าจะนาผลกาไรมาให้มากทส่ี ุด รฐั บาลไม่มีส่วนเขา้ ไปเก่ียวข้องหรอื ถ้ามีก็น้อยมาก โดยอยู่ในรูป
ของการบรกิ ารให้ความสะดวกแก่ผู้ผลิตการดาเนินการผลติ ขนึ้ อยู่กับ กลไกราคา
2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism) รฐั จะเขา้ ควบคมุ และโอนกิจการธนาคารท้ังหมด มา
เป็นของรฐั การดาเนินกิจกรรมขนาดใหญ่จะถูกควบคุมโดยรฐั เชน่ กิจการสาธารณูปโภค อาทิ ไฟฟ้า
ประปา รถไฟโทรศัพท์ และโทรคมนาคม รวมถึงอุตสาหกรรมหนักต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมป่าไม้
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมน้ามันและพลังงาน แต่ยังเปดิ โอกาสให้เอกชนมีทรพั ย์สินส่วนตัว
สาหรบั ดาเนินธุรกิจขนาดย่อม มีอิสระในการประกอบอาชพี และมีเสรภี าพในการเลือกซอ้ื สินค้าและ
บรกิ าร และมีกรรมสิทธใิ์ นท่ีอยู่อาศัย รฐั จะเข้าไปจดั สวัสดิการให้กับประชาชน เชน่ กัน การประกันการ
ว่างงาน การกาหนดค่าแรงข้นั ตา่ การเลย้ี งดูคนชรา
24
ระบบเศรษฐกิจ : ระบบเศรษฐกิจ หมายถึง การรวมตัวกันเปน็ กลุ่มของหน่วยเศรษฐกิจ ซง่ึ ประกอบด้วย
บุคคล หรอื สถาบันท่ที าหน้าที่เฉพาะอย่างในทางเศรษฐกิจ ใชห้ ลักการแบ่งงานกันทาตามความถนัด มีการ
ปฏิบัติภายใต้ระเบียบ กฎเกณฑ์ นโยบาย และ แนวทางการปฏิบัติที่คล้ายคลึงกัน หน่วยเศรษฐกิจ คือ
หน่วยงานท่ีมีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ จะทาหน้าท่ีเก่ียวกับกิจกรรมท่ีสาคัญทางด้านเศรษฐกิจอันได้แก่การ
ผลิต การบรโิ ภค และ การแจกจา่ ยสินค้า และบรกิ าร
ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism) เป็นระบบเศรษฐกิจทีเ่ ปดิ โอกาสให้บุคคลทั่วไปเลือกตัดสินใจ
ดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามความสามารถและโอกาสของตนโดยอาศัยตลาดและราคาในการเลือก
โดยรฐั หรอื เจา้ หน้าทจี่ ากส่วนกลางมีบทบาทเก่ียวขอ้ งน้อยมาก
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม : ทรพั ย์สินและปัจจัยการผลิตเป็นของเอกชน เอกชนเป็น
ผู้ดาเนินการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยผ่านกลไกราคา และ มีกาไรเป็นแรงจูงใจ มีการแข่งขันเป็นรากฐาน
ของระบบเศรษฐกิจ รฐั ไม่เข้าแทรกแซงทางเศรษฐกิจ มีบทบาทเพียงการรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย ความ
ยุติธรรม ประชาชนสามารถใชค้ วามรคู้ วามสามารถ โอกาส ความคิดรเิ รม่ ิ ของตนในการผลิตและบรโิ ภคเพื่อ
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนได้อยา่ งเต็มท่ี
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม : เนื่องจากความสามารถ และ โอกาสของบุคคลท่ี
แตกต่างกัน ทาให้มีระดับรายได้แตกต่างกัน นาไปสู่ปัญหาการกระจายรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน
การผลิตในระบบทุนนิยมเป็นที่มาของการแข่งขันกันผลิต นาไปสู่การทาลายทรัพยากร และ
สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติจนกลายเปน็ ปญั หาของโลกในปจั จุบนั
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism) เปน็ ระบบเศรษฐกิจทรี่ ฐั เปน็ เจา้ ของปจั จยั การผลิต
วางแผนและควบคุมการผลิตบางประเภท โดยเฉพาะการผลติ ทเ่ี ปน็ ผลประโยชน์รว่ มกันของประชาชน
เชน่ การสาธารณปู โภค ต่าง ๆ สถาบนั การเงนิ ปา่ ไม้ เอกชนถกู จากัดเสรภี าพในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะส่วนทเ่ี ปน็ ผลประโยชน์ของส่วนรวม ดาเนินการได้เพียงอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมขนาด
ยอ่ ม ทง้ั น้ีเพ่ือแก้ไขปญั หาความแตกต่างด้านฐานะระหวา่ งคนรวยและคนจน
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม : รฐั ควบคุมการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีการ
วางแผนจากส่วนกลาง ความเสมอภาคด้านฐานะทางเศรษฐกิจของบุคคลในสังคม ประชาชนได้รบั
สวสั ดิการจากรฐั บาลกลางโดยเทา่ เทยี มกันและสามารถกาหนดนโยบายเปา้ หมายตามท่ีรฐั บาลกลาง
ต้องการได้
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม : ประชาชนขาดแรงจูงใจในการทางาน เศรษฐกิจของ
ประเทศอาจเผชญิ วกิ ฤติหากรฐั กาหนดความต้องการผิดพลาด การไม่มีระบบแขง่ ขันแบบทนุ นิยมทาให้
ไม่มีการพัฒนาสินค้า และ บรกิ ารใหม่ๆ
ระบบเศรษฐกิจตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีมุ่งต่อศักยภาพของ
ประเทศท่ีมีความสมดุลเป็นพื้นฐาน โดยให้ความสาคัญกับการผลิตเพื่ออุปโภค บรโิ ภค สารอง และ
แบ่งปัน หลังจากน้ันจงึ ผลิตเพ่ือการค้า ซงึ่ ประกอบด้วย 3 คุณลักษณะที่เป็นห่วงสอดรอ้ ยประสานกัน
เพ่ือนาไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ ความพอประมาณ (ความพอดี ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่
เบียดเบยี นตนเองและผู้อ่ืน เชน่ การผลิตและการบรโิ ภคทอี่ ยู่ในระดับพอประมาณ) ความมีเหตุผล
25
(การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ัน จะต้องเปน็ ไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุ
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทานั้น ๆ อย่างรอบคอบ) การมี
ภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว (การเตรยี มตัวให้พรอ้ มรบั ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่าง ๆ ที่จะ
เกิดข้นึ โดยคานงึ ถึงความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ทคี่ าดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตท้งั ใกล้และไกล)
นอกจากคุณลักษณะ 3 ห่วงดังกล่าวแล้ว ส่ิงสาคัญอีกอย่างหนึ่งคือการกาหนดเง่อื นไขไว้ 2 ประการ
เพอื่ การตัดสินใจและดาเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพยี งน้ันต้องอาศัยทง้ั ความรูแ้ ละคุณธรรม
เปน็ พ้ืนฐาน นั่นคือ เงอ่ ื นไขความรู้ ซง่ึ ประกอบด้วยความรอบรูเ้ กี่ยวกับวชิ าการต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องอย่าง
รอบด้านความรอบคอบท่ีจะนาความรูเ้ หล่านั้นมาพิจารณาให้เชอื่ มโยงกันเพื่อประกอบ การวางแผน
และความระมัดระวังในขั้นตอนปฏิบัติ และเงอ่ ื นไขคุณธรรม ที่จะต้องเสรมิ สรา้ ง ประกอบ ด้วยมีความ
ตระหนักในคุณธรรม มีความซอ่ื สัตย์สุจรติ และมีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ติปญั ญาในการดาเนิน
ชวี ติ
ดูคลิปเพิ่มเติมระบบเศรษฐกิจ
ขอบคณุ
# คาพ่อสอน "Our loss is our gain" ขาดทนุ คอื กาไร
หลกั การ "ขาดทุน" คือ "กาไร" (Our loss is our gain) คือ การดาเนินงานทยี่ ึดผลสาเรจ็ แห่ง
ความ "ค้มุ ค่า" มากกว่า "คุ้มทนุ " คานงึ ถึงผลประโยชน์ของคนส่วนรวมมากกว่าผลสาเรจ็ ทเ่ี ปน็ ตัวเลขอัน
เปน็ ผลประโยชน์ของกลุม่ คนส่วนน้อย เล็งเห็นผลทไี่ ด้จากการลงทนุ เพอ่ื ประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่ อัน
ได้แก่ ความอยูด่ ีมีสุขของประชาชนซง่ึ ตีค่าเปน็ ตัวเงนิ ไม่ได้ ซงึ่ ถ้าหากพจิ ารณาตามหลกั เศรษฐศาสตร์
แล้ว อาจจะถือวา่ เปน็ การลงทนุ ทขี่ าดทนุ หรอื ไม่ค้มุ ทนุ
***********************
26
1.3 แนวคิด ทฤษฎี นวัตกรรม ศาสตรพ์ ระราชาว่าด้วย ดิน นา้ ปา่ คน
ศาสตรพ์ ระราชา หมายถึง พระราชดาร ิ (King Initiate) พระราชดารสั พระบรมราโชวาท
ทีไ่ ด้มีการนาไปปฏิบัติ โดย มีการประยุกต์รว่ มกับวชิ าการด้านต่าง ๆ ท่ีมีลักษณะเป็นองค์รวมนามาใช้
รวมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ( บรรพบุรุษทา่ นทาไว้ดีแล้ว) และ ได้นาไปสู่การทดลองปฏิบัติหลายครงั้ จน
ได้รบั ความผลสาเรจ็ ตามพระราชประสงค์ สามารถนาไปใช้แก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ได้ เช่น โครงการ
พระราชดาร ิและสรุปขึน้ เปน็ หลักการกรอบในการปฏิบัติงาน ( หลักการทรงงาน ) และ ทฤษฎีใหม่ด้าน
ต่าง ๆ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาที่เกิดเป็นรูปธรรมจนเป็นท่ีประจักษ์แก่สาธารณะ ท้ังน้ี จาก
การศึกษาในเบอ้ื งต้นพบวา่ ศาสตรพ์ ระราชามีอยูด่ ้วยกัน ๓ ด้าน ด้านการพัฒนามนษุ ย์ ด้านการพัฒนา
และบรหิ าร ด้านการอนรุ กั ษ์และฟ้ ืนฟู (ทีม่ า ;จากภาพหน้าสุดทา้ ยในหนงั สือพระราชนิพนธพ์ ระมหาชนก)
๑) ศาสตรด์ ้านการพัฒนามนุษย์ เปน็ ด้านท่มี ีความสาคัญเปน็ อันดับแรก โดยเรม่ ิ ด้วยการ
พัฒนาคนให้มีคุณธรรม แล้วให้มีทาหน้าที่ในการสรา้ ง ให้เกิดความสมดุล ระหว่างการ อนุรกั ษ์ฟ้ ืนฟู
และการพัฒนาบรหิ าร โดยมีคณุ ธรรมความเพียรเปน็ พนื้ ฐาน
๒) ศาสตรด์ ้านการพัฒนาบรหิ าร เป็นทฤษฎีใหม่ด้านต่าง ๆ ได้แก่ ทฤษฎีด้านการพัฒนา
เศรษฐกิจใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง “Sufficiency Economy” ทฤษฎีใหม่ด้านการเกษตร และทฤษฎี
ใหม่ด้านอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ภูมิสังคม การออกแบบภูมิสังคมโคก หนอง นา โมเดล กสิกรรมธรรมชาติ
การพัฒนาชุมชนแนวใหม่ การบรหิ ารจัดการแนวใหม่ การจัดการลุ่มน้าแบบมีส่วนรว่ ม มาตรฐาน
อุตสาหกรรมพอเพยี ง ฯลฯ
๓)ศาสตรด์ ้านการอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟู มีทฤษฎีใหม่ด้านการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ ดิน
นา้ ปา่ ความหลากหลายทางชวี ภาพรวมถึงความหลากหลายทางชาติพันธ์ วัฒนธรรม ความเชอ่ื ศาสนา
ภูมิปัญญา ท่ีแตกต่างกันไปตาม ภูมิ-สังคม เชน่ การแก้ปัญหาเรอ่ ื งดิน ใชก้ ารห่มดิน แกล้งดิน ปลูก
แฝก อนุรกั ษ์ดินและน้า ปา่ เก็บนา้ ไว้ในดิน แก้ลิง ปลูกปา่ โดยไม่ต้องปลูก บ้านเล็กในปา่ ใหญ่ คนอยู่ป่า
ยัง อนุรกั ษ์พันธกุ รรมพืช ชา่ งสิบหมู่ ฯลฯ
เศรษฐกิจพอเพียง “Sufficiency Economy” เปน็ ทฤษฎีใหม่ด้านการพัฒนาและบรหิ าร
ท่ีมีคุณธรรมเป็นพ้ืนฐาน มีสถานะเป็นลัทธิเศรษฐกิจใหม่ของโลก “มีปรชั ญา (พอ) แนวคิดเป็นการ
พัฒนาทพ่ี ่ึงตนเอง พ่ึงกันเองและแบง่ ปนั เปน็ ลัทธเิ ศรษฐกิจใหม่ ทอ่ี ยูร่ ะหว่างทา่ มกลางลัทธแิ ละทฤษฎี
เศรษฐศาสตรแ์ บบเก่าท้ังสามลัทธิ ได้แก่ เศรษฐกิจแบบหลังเขา ลัทธสิ ังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และ
ลัทธเิ ศรษฐกิจเสร ี(ทนุ นิยม) ซง่ึ เศรษฐกิจพอเพียงมี สองข้ัน คือ ขัน้ พ้ืนฐาน และ ขัน้ ก้าวหน้า
เกษตรทฤษฎีใหม่ หรอื ทฤษฎีใหม่ในการพัฒนาการเกษตร เป็นการนาเสนอทั้งแนวคิด
ใหม่ การพัฒนาทมี่ ีระดับการพฒั นาทเี่ ปน็ ข้นั เปน็ ตอน เปน็ ระบบการผลิตเกษตรแบบผสมผสานรูปแบบ
หนงึ่ มีลกั ษณะเปน็ เกษตรกรรมทางเลอื กทมี่ ีความย่ังยนื ทงั้ เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรมและส่ิงแวดล้อม
แต่มีลักษณะพิเศษทแ่ี ตกต่างกับระบบเกษตรกรรมย่ังยืนอ่ืน ๆ และจดั อยูใ่ น ทฤษฎีใหม่ข้ันที่ ๑
สาหรบั เครอ่ ื งมือท่ีใช้ในการเกษตรทฤษฎีใหม่น้ัน มีทฤษฎีใหม่ที่เก่ียวข้องเป็นจานวนมาก
เชน่ ทฤษฎีด้านอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ ดิน น้า ป่า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ที่รวมถึงความ
หลากหลาย ทางวัฒนธรรม ชาติพันธ์ ลัทธคิ วามเชอ่ื ศาสนา) องค์ความรูภ้ ูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน เปน็ ต้น
27
ทฤษฎีใหม่ด้านการอนุรกั ษ์และการฟ้ ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติ เชน่ ทฤษฎีการอนุรกั ษ์ ดิน น้า
ปา่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ รวมทงั้ ทฤษฎีการบรหิ ารจดั การแนวใหม่ด้านต่างๆ ซง่ึ เป็นศาสตรข์ อง
พระราชาภูมิปญั ญาของแผ่นดิน
ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับอนุรกั ษ์ดิน
วชิ ชาท่ีว่าด้วยการ“คืนชวี ติ ให้แผ่นดิน” เชน่ หลักกสิกรรมธรรมชาติ (หยุดฆ่า ไม่ปอกเปลือก
เปลือยดิน ให้ห่มดิน ใชจ้ ุลินทรยี ์ คืนชวี ติ ให้แผ่นดิน จดั การแมลงด้วยระบบนิเวศน์ ใชส้ มุนไพรในการ
จดั การแมลงและเป็นฮอรโ์ มน ใชป้ ุ๋ยอินทรยี ์ชวี ภาพ ฯลฯ ความอุดมสมบูรณ์ของดินวัดกันที่ ฮิวมัส
(ซากพืชซากสัตว์) และอินทรยี วัตถุ ที่ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรยี ์ แทนการใช้ปัจจัยการผลิตจาก
ภายนอก เชน่ ปุย๋ เคมี สารเคมีกาจดั ศัตรูพืช ตลอดจนการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับดิน เชน่ การแกล้งดิน
และ การห่มดิน เปน็ ต้น
พระราชดารเิ รอ่ ื ง "ดิน"
"มีความเดือดรอ้ นอย่างย่ิงว่าประชาชนในเมืองไทยจะไรท้ ่ีดิน และถ้าไรท้ ี่ดินแล้วก็จะทางาน
เปน็ ทาสเขา ซง่ึ เราไม่ปรารถนาทจี่ ะให้ประชาชนเปน็ ทาสคนอ่ืน แต่ถ้าเราสามารถทจี่ ะขจดั ปญั หานี้ โดย
เอาทด่ี ินจาแนกจดั สรรอยา่ งยุติธรรม อย่างมีการจดั ต้ังจะเรยี กว่านิคม หรอื จะเรยี กว่าหมู่หรอื กลุ่ม หรอื
สหกรณ์ก็ตาม ก็จะทาให้คนท่ีมีชวี ติ แรน้ แค้นสามารถท่ีจะพัฒนาตัวเองข้ึนมาได้" พระราชดารสั ไว้ ณ
สานักงาน กปร. ในปี พ.ศ. 2531
จากจุดเรม่ ิ ต้นของพระเมตตา ที่จะเห็นประชาชนมีท่ีดินทากิน มีผลผลิตเป็นอาหารเพียงพอต่อ
การดารงชพี ก่อให้เกิดโครงการพระราชดารติ ่างๆ เพื่อแก้ไขปญั หาในมิติ "ดิน" ดังนี้
1. การแก้ปัญหาขาดแคลนทีด่ ินทากินของเกษตรกร
ปญั หาการขาดแคลนทด่ี ินทากินของเกษตรกร เป็นปัญหาสาคัญยิ่งในชว่ ง 4 ทศวรรษทผี่ ่าน
มา งานจัดและพัฒนาที่ดินเป็นงานแรกๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงให้ความสาคัญ ทรงเรม่ ิ
โครงการพัฒนาทดี่ ินหุบกะพง ตามพระราชประสงค์ เมื่อปี พ.ศ 2511 โดยมุ่งแก้ไขปัญหาการไม่มีท่ดี ิน
ทากินของเกษตรกรเปน็ สาคัญ
พระราชดารแิ นวทางหนึง่ ในการแก้ไขปัญหาเรอ่ ื งดิน คือ ทรงนาเอาวธิ กี ารปฏิรูปทดี่ ินมาใชใ้ น
การจัดและพัฒนาท่ีดินท่ีเป็นป่าเสื่อมโทรม รกรา้ ง ว่างเปล่า นามาจดั สรรให้เกษตรกรที่ไรท้ ่ีทากินได้
ประกอบอาชพี ในรูปของหมู่บ้านสหกรณ์ และโครงการจัดและพัฒนาท่ดี ินในรูปแบบอ่ืนๆ ทัง้ นี้โดยให้
สิทธทิ ากินชว่ั ลูกชวั่ หลาน แต่ไม่ให้กรรมสิทธใิ์ นการถือครอง พรอ้ มกับจดั บรกิ ารพ้ืนฐานให้ตามความ
เหมาะสม นอกจากน้ียังมีการจัดพื้นที่ทากินให้ราษฎรชาวไทยภูเขา สามารถดารงชีพอยู่ได้เป็นหลัก
แหลง่ โดยไม่ต้องทาลายปา่ อีกต่อไป
2. การอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟูดิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยและให้ความสาคัญมากขึ้นในงานอนุรกั ษ์และ
ฟ้ ืนฟูดิน ท่ีมีสภาพธรรมชาติและปัญหาท่ีแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยเ ขียนไว้ในเอกสาร
พระราชทานว่า “ดินที่เหมาะสมสาหรบั การเกษตรกรรม ต้องมีคุณสมบัติต่างๆ ดังน้ี มีแรธ่ าตุท่เี รยี กว่า
ปุย๋ ส่วนประกอบสาคัญ คือ 1) N(nitrogen) ในรูป nitrate 2) P(phosphorus) ในรปู phosphate
28
3) K (potassium) และแรธ่ าตุ อ่ืนๆ O H Mg Fe มีระดับ เปรย้ ี ว ด่าง ใกล้เปน็ กลาง (pH 7) มีความ
เค็มต่า มีจุลินทรยี ์ มีความชนื้ พอเหมาะ (ไม่แห้ง ไม่แฉะ) มีความโปรง่ พอเหมาะ (ไม่แข็ง)” จงึ มี
พระราชดารใิ นการแก้ไขปัญหาที่ดินท่ีเน้นเฉพาะเรอ่ ื งมากข้ึน เชน่ การศึกษาวจิ ยั เพ่ือแก้ไขปัญหาดิน
เค็ม ดินเปรย้ ี ว ดินทราย ในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาดินพรุในภาคใต้ และที่ดิน
ชายฝ่ ังทะเล รวมถึงการแก้ไขปรบั ปรุงและฟ้ ืนฟูดินท่ีเส่ือมโทรมพังทลายจากการชะล้างหน้าดิน
ตลอดจนการทาแปลงสาธิตการพัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมในพ้ืนท่ีท่ีมีปัญหาดินเสื่อมโทรม
เพ่ือให้พ้ืนทท่ี มี่ ีปญั หาเรอ่ ื งดินจากหลายๆ สาเหตุ กลบั มาใชป้ ระโยชน์ทางการเกษตรได้อีก
ดังน้ัน โครงการต่างๆ ในระยะหลัง จึงเป็นการรวบรวมความรูท้ ั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติจาก
หลากหลายสาขา มาใชร้ ว่ มกันในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ และที่ปรากฏให้เห็นได้อย่างชดั เจนก็
คือ แนวคิดและตัวอย่างการจดั การทรพั ยากรดินในศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาอันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิ 6
แห่ง ท่ีทรงมีพระราชดารใิ ห้จัดต้ังขึ้นเพื่อทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการอนุรกั ษ์ดินและน้า เป็น
ตัวอย่างในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน การขยายพันธุพ์ ืชเพ่ืออนุรกั ษ์ดินและบารุงดิน และ
สนับสนนุ ให้เกษตรกรเรยี นรเู้ ขา้ ใจวธิ กี ารอนุรกั ษ์ดินและน้า การปรบั ปรุงบารุงดิน สามารถนาไปปฏิบัติ
ได้เอง ทรงมีพระราชดารวิ ่า “การปรบั ปรุงทีด่ ินน้ันต้องอนุรกั ษ์ผิวดิน ซง่ึ มีความสมบูรณ์ไว้ไม่ให้ไถ หรอื
ลอกหน้าดินทง้ิ ไป สงวนไม้ยนื ต้น ทยี่ ังเหลืออยู่ เพื่อทจี่ ะรกั ษาความชุม่ ชน่ื ของผืนดิน”
แนวพระราชดารใิ นด้ านการอนุรักษ์และฟ้ ืนฟูดิน ที่สาคัญแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ 1)
แบบจาลองการพฒั นาพื้นทที่ มี่ ีสภาพขาดความสมบูรณ์ ดินปนทราย และปญั หาการชะลา้ งพังทลาย 2)
การแก้ปญั หาดินเปรย้ ี ว โดยทฤษฎีแกลง้ ดิน 3) การอนรุ กั ษ์ดินโดยหญ้าแฝก 4) การห่มดิน
2.1 แบบจาลองการฟ้ ืนฟูบารุงดินท่ีมีสภาพขาดความสมบูรณ์ ดินปนทราย และ
ปัญหาการชะล้างพงั ทลาย
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จดั ตั้ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนา
อันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิ 6 แห่งทว่ั ประเทศ รวมทง้ั พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาร ิ
เพื่อเป็นแหล่งศึกษาวจิ ัยการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ ท่ีมีสภาพปัญหาต่างกันตามภูมิสังคม
ตลอดจนเปน็ แหลง่ ศึกษาดูงานและนาความรูไ้ ปปรบั ใชต้ ามสภาพปญั หาพืน้ ที่
2.2 การแก้ปัญหาดินเปรย้ ี วด้วย “ทฤษฎีแกล้งดิน”
ดินเปรย้ ี วหรอื ดินพรุ เปน็ สภาพธรรมชาติของดินทเ่ี กิดจากอินทรยี วัตถุสะสมจานวนมาก
เปน็ เวลานานจนแปรสภาพเปน็ ดินอินทรยี ์ท่มี ีความเป็นกรดกามะถันสูง เมื่อดินแห้งกรดกามะถันจะทา
ปฏิกิรยิ ากับอากาศ ทาให้แปรสภาพเปน็ ดินเปรย้ ี วจดั ทาการเกษตรได้ผลน้อยไม่คุ้มทนุ พบมากในภาค
ตะวนั ออกและภาคใต้ และบรเิ วณทรี่ าบลุ่มชายฝ่ งั ทะเล ในการแก้ปญั หาดินเปรย้ ี ว พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแนวพระราชดาร ิ “แกล้งดิน” โดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ
ดาเนินการสนองพระราชดารโิ ครงการแกล้งดิน เพ่ือศึกษาการเปล่ียนแปลงความเปน็ กรดของดิน เรม่ ิ
จากวธิ กี ารแกล้งดินให้เปรย้ ี ว ด้วยการทาให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไปเพื่อเรง่ ปฏิกิรยิ าทางเคมีของ
ดิน ซ่ึงจะไปกระตุ้นให้สารไพไรต์ (Pyrite หรอื FeS2) ทาปฏิกิรยิ ากับออกซิเจน (O2) ในอากาศ
ปลดปล่อยกรดกามะถัน (sulphuric Acid) ออกมา ทาให้ดินเปน็ กรดจดั จนถึงข้ัน “แกล้งดินให้เปรย้ ี ว
สุดขีด” จนกระท่ังถึงจุดที่พืชไม่สามารถเจรญิ งอกงามได้ จากน้ันจงึ หาวธิ กี ารปรบั ปรุงดินดังกล่าวให้
สามารถปลูกพืชได้
29
วธิ กี ารแก้ไขปญั หาดินเปรย้ ี วจดั ตามแนวพระราชดาร ิ
1. ควบคมุ ระดับนา้ ใต้ดิน เพ่ือปอ้ งกันการเกิดกรดกามะถัน จงึ ต้องควบคุมนา้ ใต้ดินให้อยู่เหนือชนั้
ดินเลนทมี่ ีสารไพไรต์อยู่ เพ่ือไม่ให้สารไพไรต์ทาปฏิกิรยิ ากับออกซเิ จนหรอื ถกู ออกซไิ ดซ์ (Oxidization)
2. การปรบั ปรงุ ดินมี 3 วธิ กี าร ตามสภาพของดินและความเหมาะสม ได้แก่
- ใชน้ ้าชะล้างความเป็นกรด ดินจะเปรย้ ี วจดั ในชว่ งดินแห้งหรอื ในฤดูแห้ง ดังน้ันการชะล้างควร
เรม่ ิ ในฤดูฝนเพอื่ ลดปรมิ าณการใชน้ ้าชลประทาน การใชน้ ้าชะล้างความเปน็ กรดต้องกระทาต่อเน่ืองและ
ต้องหวังผลในระยะยาว มิใชก่ ระทาเพียง 1 หรอื 2 ครง้ั เท่าน้ัน วธิ นี ้ีเป็นวธิ ที ่งี ่ายทีส่ ุด แต่จาเป็นต้องมี
น้ามากพอทจ่ี ะใชช้ ะล้างดินควบค่ไู ปกับการควบคุมระดับนา้ ใต้ดิน ให้อยู่เหนือชนั้ ดินเลนทม่ี ีสารประกอบ
ไพไรต์มาก เม่ือดินคลายความเปรย้ ี วลงแล้วจะมีค่า pH เพ่ิมขึ้น อีกทัง้ สารละลายเหล็กและอลูมินัมที่
เปน็ พิษก็เจอื จางลงจนทาให้พืชสามารถ เจรญิ เติบโตได้ดี ถ้าหากใชป้ ุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟตชว่ ย ก็
สามารถเจรญิ เติบโตได้ดี ถ้าหากใชป้ ุย๋ ในโตรเจนและฟอสเฟตชว่ ยก็สามารถทาการเกษตรได้
- ใชป้ ูนผสมคลุกเคล้ากับหน้าดิน ปูนท่ีหาได้ง่ายในท้องที่ เชน่ ใชป้ ูนมารล์ (mar) สาหรบั ภาค
กลาง หรอื ปูนฝุน่ ( lime dust ) สาหรบั ภาคใต้ หว่านให้ท่วั 1-4 ตันต่อไรแ่ ล้วไถแปรหรอื พลิกกลบคืน
ข้อควรจาคือ ไม่มีสูตรตายตัว โดยปรมิ าณของปูนทใ่ี ชข้ ึ้นอยู่กับ
- การใชป้ ูนควบคู่ไปกับการใชน้ ้าชะล้างและควบคุมระดับน้าใต้ดิน เปน็ วธิ กี ารท่ีสมบูรณ์ทสี่ ุดและ
ใชไ้ ด้ผลมา ในพ้ืนที่ซง่ึ ดินเปน็ กรดจดั รุนแรงและถูกปล่อยท้งิ เป็นเวลานาน โดยเรม่ ิ จากหว่านปูนให้ทั่ว
พืน้ ที่ ใชป้ ูน 1-2 ตันต่อไร่ แล้วไถกลบ จากน้ันใชน้ ้าชะล้างความเปน็ กรดออกจากหน้าดิน และควบคุม
น้าใต้ดินให้อยู่เหนือชน้ั ดินเลนท่ีมีสารประกอบไพไรต์มากเพื่อป้องกันไม่ให้ทาปฏิกิรยิ ากับออกซิเจน
เพราะจะทาดินกลายเปน็ กรด
3. การปรบั สภาพพน้ื ทมี่ ีอยู่ 2 วธิ ี ได้แก่
- การปรบั ผิวหน้าดิน โดยการทาให้ผิวหน้าดินลาดเอียงเพ่ือให้น้าไหลออกไปสู่คลองระบายน้าได้
หรอื ถ้าเป็นการทานาก็จดั ตกแต่งแปลงนาและคันนา ให้สามารถเก็บกักน้าและสามารถระบายน้าออก
ได้ถ้าต้องการ
- การยกรอ่ งปลูกพืช วธิ นี ี้ใชส้ าหรบั พ้นื ทที่ จ่ี ะทาการปลกู พืชไร่ พืชผัก ไม้ผลหรอื ไม้ยืนต้น แต่วธิ นี ้ี
จาเปน็ จะต้องมีแหลง่ น้าชลประทาน เพราะจะต้องขงั นา้ ไว้ในรอ่ งเพอ่ื ใชถ้ ่ายเทเปลี่ยน เม่ือน้าในรอ่ งเป็น
กรดจดั ในการขุดรอ่ งน้ี เกษตรกรจะต้องทราบว่าในพื้นท่ีน้ันมีดินชน้ั เลนซง่ึ เปน็ ดินที่มีสารประกอบไพ
ไรต์มากอยู่ลึกในระดับใด เพราะเมื่อขุดรอ่ งจะให้ลึกเพียงระดับดินเลนน้ัน โดยทั่วไปจะลึกไม่เกิน 100
เซนติเมตร
3 การอนุรกั ษ์ดินด้วยหญ้าแฝก
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดารเิ กี่ยวกับการพฒั นาและรณรงค์การใช้
หญ้าแฝก ครง้ั แรกเม่ือวันที่ 22 มิถุนายน 2534 ทรงตรสั ว่าหญ้าแฝกเป็นหญ้าของไทยสามารถใช้
อนุรกั ษ์ดินและน้าได้ดี ปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดิน ในขณะนั้นยังไม่มีใครรูจ้ กั หญ้าแฝก สมเด็จ
พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี เป็นพระองค์แรกท่ที าการทดลองเลี้ยงและปลูกหญ้าแฝกเป็นจานวน 1
ลา้ นถุงแรกทด่ี อยตุง หลายหน่วยงานพยายามค้นหาหญ้าแฝกตามสถานทต่ี ่างๆ แต่ก็ล้มเหลว จนต้อง
เชญิ ดร.เต็ม สมิตินันท์ ปรมาจารยท์ างด้านพฤกษศาสตร์ ทา่ นก็ไปชว่ ยหาหญ้าแฝกทวั่ ประเทศ
30
ในท่ีสุดก็เจอหญ้าแฝกที่เพชรบุร ี เป็นหญ้าแฝกที่มีกอใหญ่มาก จากน้ันก็เรม่ ิ รวบรวมหญ้าแฝก กรม
พัฒนาท่ีดินเป็นหน่วยงานแรกที่ทาการรวบรวมหญ้าแฝก โดยรวบรวมมาจากหลายจังหวัด ขณะนี้
สามารถรวบรวมสายพันธุข์ องหญ้าแฝกได้กว่า 100 สายพันธุ์ ถ้าพบที่สงขลาเรยี กว่าสายพันธุ์สงขลา
พบทกี่ าแพงเพชรเรยี กว่าสายพันธกุ์ าแพงเพชร พบทอ่ี ุดรก็เรยี ดวา่ สายพันธอุ์ ุดร จากการสารวจพบว่ามี
กระจายอยู่ทว่ั ประเทศ กรมพฒั นาทดี่ ินได้นาเอาหญ้าแฝกมาป้องกันการชะล้างพังทลายหน้าดินตามลา
คลอง อ่างเก็บน้า หญา้ แฝกชว่ ยกรองทาให้น้าใส
ทม่ี า :จากการบรรยาย ดร.วรี ะชยั ณ นคร 27 สิงหาคม 2553 ในการเสวนา “เกษตรยง่ั ยืน ฟ้ ืนฟู
ภูมิปญั ญา พัฒนาสู่สากล” ในงาน ทกั ษิณวชิ าการ-เกษตรแฟร์ ครงั้ ที่ 6 และงานนิทรรศการปดิ ทองหลัง
พระฯ)
4. การห่มดิน
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวฯ ทรงพระราชทานแนวพระราชดารใิ นการดูแลและรกั ษาดิน
อีกทางหนง่ึ น่ันคือ “การห่มดิน” เพื่อให้ดินมีความชุม่ ชน้ื จุลินทรยี ์ทางานได้ดี อันจะส่งผลให้ดินบรเิ วณ
น้ันทาการเกษตรได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดินและพัฒนาทรพั ยากรดินให้
เกิดแรธ่ าตุ ทั้งน้ีการห่มดินมีอยู่ด้วยกันหลายวธิ กี าร เชน่ ใชฟ้ างและเศษใบไม้มาห่มดินหรอื วัสดุอ่ืน
ตามทห่ี าได้ตามสภาพทวั่ ไปของพื้นที่, การใชพ้ รมใยปาล์ม (wee drop) ซงึ่ ทามาจากปาลม์ ทผ่ี ่านการรดี
นา้ มันแลว้ เรม่ ิ จากการนาทะลายปาล์มมาตะกยุ ให้เปน็ เส้น ๆ ก่อนจะเอาไปอัดให้เปน็ แผ่นเปน็ ผ้าห่มดิน
นอกจากประโยชน์ทกี่ ล่าวไปแล้ว การห่มดินยังจะชว่ ยคลุมหน้าดินไม่ให้วัชพืชข้ึนรบกวนต้นไม้/พืชหลัก
อีกด้วย
ขอบคุณ https://www.youtube.com/watch?v=ntjhcCZywEs
31
ทฤษฎีการอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟูทรพั ยากรนา้
๑) ศาสตรด์ ้าน
การจดั การความแห้งแล้ง ด้วย
การทาฝนเทียม ซึง่ ไม่เคยมีมา
ก่อน ในโลก
๒) เก็บรกั ษาน้า
ตามภูมิปญั ญาของแผ่นดิน
๒ . ๑ ) ด้ ว ย
การสรา้ งฝาย เพื่อสรา้ งความ
ชุม่ ช้ืน เพ่ืออนุรกั ษ์ ดิน น้า ป่า
เป็นลักษณะฝายขนาดเล็ก กัก
น้าและความช้ืนให้กระจายตัว
ในผืนดิน สรา้ งความชุ่มชื้นแก่
ป่า มีความแตกต่างจากทฤษฎี
การจัดการน้าในอดีตซ่งึ ใชก้ าร
กั้ นเขื่ อ นข น า ดใ หญ่ อ่ า งน้ า
แหล่งนา้ ชุมชน เปน็ หลัก
๒ . ๒ ) ด้ ว ย
การทาแก้มลิง เพ่ือกักเก็บน้า
ใ น ข ณ ะ ที่ มี น้ า ม า ก ป้ อ ง กั น น้ า
ทว่ มและเก็บนา้ ในฤดูแลง้
๒.๓) การ
ป ลู ก แ ฝ ก เ ก็ บ น้ า ไ ว้ ใ น ดิ น
อนุรกั ษ์ ดิน น้า และ ป่า และ
ความหลากหลายทางชวี ภาพไป
พ ร้อ ม กั น ส นั บ ส นุ น ก า ร ท า
การเกษตร เพ่ือป้องกันการ
พังทลายของดิน ฯลฯ
๒.๔) เก็บน้า
ไวใ้ นดิน ระบบนิเวศปา่ ไม้เม่ือมี
ป่ า ท่ี ส ม บู ร ณ์ ร า ก ต้ น ไ ม้ ท า
หน้าที่คล้ายฟองน้าจะกักเก็บ
น้า ท่ีซึม ผ่ า นไว้ ในดิ นและจ ะ
ค่อยๆ ไหลออกมาใชไ้ ด้ตลอดปี หรอื ซมึ ลงไปเก็บไว้ในแหล่งนา้ ใต้ดิน
32
ขอบคุณ https://www.youtube.com/watch?v=FJMfFaTvrUs การจดั การนา้ 8 วธิ ี แก้ปญั หาภัยแล้ง
ขอบคุณ
การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ “จากนภา ผ่านภูผา สู่มหานที”
ฝนหลวง
เกิดขึน้ เมื่อคราวทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว รชั กาลท่ี 9 เสด็จพระราช
ดาเนินไปทรงเย่ียมราษฎรในพน้ื ทภี่ าคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงสังเกตว่ามี
เมฆปรมิ าณมากแต่ไม่สามารถรวมตัวก่อเปน็ ฝนได้เปน็ สาเหตุของฝนทง้ิ ชว่ ง
จนเกิดความแห้งแลง้ จงึ ได้พระราชทานแนวคิดในการทาฝนหลวง และทรง
ทมุ่ เทใช้ เวลาถึง 14 ปี ในการค้นควา้ วจิ ยั และทดลอง จนเกิดความสาเรจ็
ในปี 2512 ชว่ ยให้ประเทศชาติรอดพน้ วกิ ฤติภัยแล้งมาได้จนถึงปจั จุบัน
33
• แนวพระราชดารดิ ้านปา่ ไม้
- ปลูกปา่ โดยไม่ต้องปลูก
ปล่อยพืน้ ท่ีปา่ น้ันไวต้ รงน้ัน
ไม่ต้องไปทาอะไร ปา่ จะ
เจรญิ เติบโตเปน็ ปา่ สมบูรณ์
โดยไม่ต้องปลกู
- ปลกู ปา่ ในทสี่ ูง ใชไ้ ม้
จาพวกทมี่ ีเมลด็ ข้ึนไปปลูก
บนยอดสูง เม่ือโตแลว้ ออก
ฝักออกเมลด็ ก็จะลอยตกลง
มาแล้วงอกเองในทต่ี า่ ต่อไป
เปน็ การขยายพันธโุ์ ดย
ธรรมชาติ
- การปลูกปา่ ทดแทน จะต้องทาอย่างมีแผนโดยการดาเนินการไปพรอ้ มกับการพฒั นาชาวเขา โดย
เจา้ หน้าทปี่ า่ ไม้ ชลประทาน และฝา่ ยเกษตร ต้องรว่ มมือกันวางแผนปรบั ปรงุ ต้นนา้ และพฒั นาอาชพี ได้
อยา่ งถกู ต้อง
- ปา่ 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลกู ปา่ 3 อย่าง คือ ปา่ ไม้ใชส้ อย ได้แก่ ไม้โตเรว็ สาหรบั ใชใ้ น
ครวั เรอื น ปา่ ไม้กินได้ คือไม้ผล และปา่ ไม้เศรษฐกิจ คือไม้ทปี่ ลูกไวข้ าย และได้ประโยชน์อยา่ งที่ 4 คือ
ชว่ ยอนรุ กั ษ์ดินและนา้
- ปา่ เปยี ก ทฤษฎีการฟ้ ืนฟปู า่ ไม้โดยสรา้ งแนวส่งนา้ หรอื แนวพืชอุ้มนา้ เพือ่ ให้ดินเกิดความชุม่ ชน้ื ให้
ปา่ เขยี วสดจงึ ชว่ ยลดปญั หาไฟปา่
- ภเู ขาปา่ ทฤษฎีการฟ้ ืนฟูปา่ โดยการส่งนา้ ขึ้นไปยงั จุดทสี่ ูงทสี่ ุดและกระจายน้าให้หล่อเลี้ยงกลา้ ไม้
อ่อนทป่ี ลูกทดแทนไวใ้ ห้เติบโตเปน็ ภูเขาปา่ ทส่ี มบูรณ์
• ฝาย
ในหลวง รชั กาลที่ 9 ได้พระราชทาน
พระราชดารใิ นปี พ.ศ.2521 โดยสรา้ งฝาย
จากวัสดุทห่ี างา่ ยในทอ้ งถิ่น เชน่ หิน กรวด
ไม้ไผ่ ขวางกั้นลาธารหรอื ทางเดินของน้าท่ี
เปน็ ต้นนา้ หรอื มีความลาดชนั สูง จะชว่ ย
ชะลอการไหลของน้าให้ชา้ ลง เปน็ หนทาง
แห่งการฟ้ ืนฟปู า่ หยุดไฟป่า สรา้ งความ
สมดุลให้ระบบนิเวศ และเปน็ แหล่งนา้
สาหรบั การอุปโภค บรโิ ภค รวมถึง
การเกษตร ถือเปน็ วธิ ที ดี่ ี งา่ ย และเหมาะสม ในการดูแลและฟ้ ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติ
34
• เขอื่ น
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงให้ความสนพระราชหฤทยั ในการชลประทาน
หรอื การพฒั นาแหล่งนา้ เปน็ อย่างมาก เพราะทรง
ตระหนักดีว่า “นา้ คือชวี ติ ”
การสรา้ งเขอ่ื นในพนื้ ทท่ี ่ี เหมาะสม ไม่เพยี งแต่
จะชว่ ยแก้ไขปญั หาการขาดแคลนนา้
ซงึ่ อานวยประโยชน์ต่อพ้นื ทเ่ี พาะปลูก ยังสามารถ
บรรเทาอุทกภัยหรอื ปญั หานา้ ทว่ มได้อีกด้วย
• อ่างเก็บน้า
อ่างเก็บน้า เปน็ แหลง่ นา้ ผิวดินประเภทหนึง่ ที่
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที่ 9
พระราชทานพระราชดารเิ พ่ือแก้ปญั หาการขาด
แคลนนา้ ในทอ้ งถ่ินทรุ กันดารและแห้งแลง้ ให้
ราษฎรได้มีน้าสาหรบั อุปโภค บรโิ ภค และเพ่ือ
ใชใ้ นการเกษตร ซง่ึ อ่างเก็บน้าสามารถเก็บ
รกั ษานา้ ทม่ี ีตามธรรมชาติในฤดูฝนไว้
ให้เพยี งพอใชไ้ ด้ตลอดทง้ั ปี
• แฝก
ในปี 2534 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี 9 ทรงมีพระราชดารเิ ปน็ ครง้ั แรกให้
หน่วยงานต่าง ๆ ทาการศึกษา ทดลอง และดาเนินการปลกู หญา้ แฝก ซงึ่ เปน็ ประโยชน์
อยา่ งยง่ิ แก่การอนุรกั ษ์ดินและน้า เพราะมีรากทห่ี ยัง่ ลกึ แผ่กระจายลงไปตรง ๆ ทาให้
อุ้มน้าและยดึ เหนี่ยวดินได้ม่ันคง ลดการพังทลายของ ดิน อีกท้ังมีลาต้นชดิ ติดกันแน่น
หนาจงึ ชว่ ยดักตะกอนดินและรกั ษาหน้าดินได้เปน็ อย่างดี
35
• แก้มลิง
แนวพระราชดารขิ องในหลวง รชั กาลที่ 9 ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของน้าทว่ มท่ีเกิดข้ึนใน
กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ.2538 โดยให้จดั หาสถานท่ีเก็บกักน้าตามจุดต่างๆ เพื่อรองรบั น้าฝนไว้
ชวั่ คราว เม่ือถึงเวลาท่คี ลองพอจะระบายน้าได้จงึ ค่อยระบายน้าจากส่วนท่ีกักเก็บไว้ออกไป จงึ สามารถ
ชว่ ยลดปญั หาน้าท่วม โดยทรงได้แนวคิดจากการท่ลี ิงอมกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มคราวละมาก ๆ จากน้ัน
จะค่อย ๆ นาออกมาเค้ียวและกลนื กินภายหลัง
• กังหันน้าชยั พฒั นา
ส่ิงประดิษฐข์ องในหลวง รชั กาลที่ 9 เพือ่ บาบัดนา้ เสียด้วยการเติมออกซเิ จนลงไปในน้า สามารถแก้ไข
ความเสื่อมโทรมของสภาพนา้ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ และได้รบั การจดสิทธบิ ตั รในพระปรมาภิไธย ของ
พระมหากษัตรยิ ์พระองค์แรกของไทยและครงั้ แรกของโลก ปจั จุบันกังหันน้าชยั พัฒนาได้มีการติดตั้ง
ไม่เฉพาะในประเทศไทยเทา่ น้ัน แต่ได้มีการขอนาไปใชง้ านในประเทศเบลเยยี ม อินเดีย และอังกฤษ
ด้วย
36
• น้าดีไลน่ ้าเสีย
ต า ม แ น ว พ ร ะ ร า ช ด า ร ขิ อ ง
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว
รัชกาลท่ี 9 ในการใช้น้า
คุ ณ ภ า พ ดี ม า ช่ว ย บ ร ร เ ท า น้ า
เน่าเสีย โดยให้น้าดีผลักดัน
น้าเน่าเสียออกไปและชว่ ยให้
น้าเน่าเสียมีสภาพเจือจางลง
โดยใชห้ ลักการตาม ธรรมชาติ
แ ห่ ง แ ร ง โ น้ ม ถ่ ว ง โ ล ก
(Gravity Flow) ควบคู่กับ
การบรหิ ารจดั การ ทงั้ น้ีโดยรบั
น้าจากแม่น้า เจ้าพระยาหรอื
จากแหล่งน้าภายนอกส่งไปตามคลองต่างๆ ซงึ่ กระแสน้าจะไหลแผ่กระจายขยายไป ตามคลองซอยท่ี
เชอื่ มกับแม่น้าเจา้ พระยาอีกด้านหนงึ่ เมื่อน้าสามารถไหลเวยี นไปตามลาคลองได้ตลอด ย่อมสามารถ
เจอื จางนา้ เน่าเสียและชกั พาสิ่งโสโครกออกไป เป็นวธิ กี ารชว่ ยบรรเทาน้าเน่าเสียในคลอง ต่างๆ ในชว่ ง
ฤดูแล้งได้เปน็ อยา่ งดี
• แกลง้ ดิน
แนวพระราชดาร ิ
ของในหลวง รชั กาลที่ 9
ท่ีไ ด้ พระรา ชทา นใ นปี
2527 ณ ศูนย์ศึกษา
การพัฒนาพิกุลทอง อัน
เนื่องมาจากพระราชดาร ิ
จังหวัดนราธิวาส เพ่ือ
แก้ไขปัญหาดินเปร้ยี ว
หรอื ดินเป็นกรด อันเกิด
จากการ ตกตะกอนของ
น้าทะเลหรอื ตะกอนน้า
กรอ่ ย ท่ีมีสารประกอบ
ของกามะถันซง่ึ จะถูกเปลี่ยนเป็นกรด กามะถันตามกระบวนการธรรมชาติและสะสมในชนั้ หน้าดิน โดย
ดินทมี่ ีความเป็นกรดสูง ความอุดม สมบูรณ์จะต่า ขาดธาตุอาหารทีจ่ าเป็นต่อการเจรญิ เติบโตของพืช
อย่างรุนแรง โดยวธิ กี ารแก้ไขคือ ให้ขังน้า ไว้ในพ้ืนท่ีที่มีปัญหา จนกระท่ังเกิดปฏิกิรยิ าเคมีทาให้ดิน
เปรย้ ี วจัดจนถึงท่ีสุดจึงระบายน้าออกและปรบั สภาพฟ้ ืนฟูดินด้วยปูนขาว จนกระท่ังดินมีสภาพดี
พอทจี่ ะใชใ้ นการเพาะปลกู ได้
37
• ทฤษฎีใหม่
การทาการเกษตรในพื้นทข่ี นาดเล็ก ประมาณ 15 ไร่ ด้วยการแบง่ พืน้ ทอ่ี อกเปน็ 4 ส่วน
ประกอบด้วย นา ขา้ ว 30% สระน้า 30% พืชไรพ่ ืชสวน 30% อีก 10% สาหรบั สรา้ งบา้ น-เล้ียงสัตว์ ซง่ึ
หากดาเนินการ ดังน้ี เกษตรกรจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ และมีนา้ ใชเ้ พอ่ื การเพาะปลกู ตลอดทง้ั ปี โดย
พระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยูห่ ัว รชั กาลท่ี 9 ทรงศึกษาและทดลองเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ ณ โครงการ
พฒั นาพ้นื ท่บี รเิ วณวดั มงคล ชยั พัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิจงั หวดั สระบุร ีซงึ่ ถือเปน็ สถานที่
เรยี นรดู้ ้าน “ทฤษฎีใหม่” แห่งแรก ของประเทศไทย
• แหลมผักเบย้ี
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชดารใิ นการแก้ไขปญั หานา้ เน่าเสียของ
ชุมชนเมือง โดยทรงให้ศึกษาทดลองด้วยวธิ ธี รรมชาติ ณ โครงการศึกษาวจิ ยั และพัฒนาส่ิงแวดล้อม
แหลมผักเบ้ียอันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิจงั หวัดเพชรบุร ีโดยดาเนินการทง้ั การแก้ปญั หาน้าเน่าเสีย
และการกาจดั ขยะ ด้วย 4 ระบบ คือ ระบบบ่อบาบัดน้าเสีย ระบบพชื และหญ้ากรองนา้ เสีย ระบบพ้ืนที่
ชุม่ น้าเทยี ม และระบบแปลงพชื ปา่ ชายเลน ซง่ึ เปน็ การแก้ไขปญั หาด้วยวธิ ธี รรมชาติชว่ ยธรรมชาติ สรา้ ง
สมดุลให้เกิดแก่ระบบนิเวศ มีการเพิ่มขนึ้ ของพน้ื ทปี่ า่ ชายเลน สัตวน์ า้ และนกนานาชนิด
38
• ปา่ ชายเลน
ทผ่ี ่านมาปา่ ชายเลนได้ถูกทาลายไปเปน็ จานวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว รชั กาลท่ี 9 ได้
พระราชทานพระราชดารใิ ห้หาวธิ อี นุรกั ษ์และขยายพันธโุ์ ดยเฉพาะต้นโกงกางเพื่อเพ่มิ ปรมิ าณพ้ืนทป่ี า่
ชายเลนให้มากขน้ึ เน่ืองจากปา่ ชายเลนมีความสาคัญต่อระบบนิเวศบรเิ วณชายฝ่ ัง ถือเปน็ ถ่ินกาเนิด
และเปน็ ทเ่ี จรญิ เติบโตของพนั ธพุ์ ืชและสัตวน์ า้ นานาชนิด ปจั จุบันหลายหน่วยงานได้รว่ มมือกันเพอ่ื
สรา้ งพ้นื ทปี่ า่ ชายเลนให้มีความอุดมสมบูรณ์ตามแนวพระราชดารเิ พื่อให้เกิดความย่งั ยืนต่อไป
เมื่อต้องสรุปพระราชกรณียกิจของ ในหลวง ร.9 ให้ได้ในหนง่ึ หน้ากระดาษ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
เลขาธกิ ารมูลนิธชิ ยั พฒั นา เลือกใชป้ ระโยคข้างต้นน้ี แทนใจความทงั้ มวล ชายข้าราชบรพิ ารผู้รบั ใชเ้ บอื้ ง
พระยุคลบาทอยา่ งใกล้ชดิ มานาน 35 ปี กล่าวในงานปฐกถางานหนง่ึ วา่
“งานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรม่ ิ ต้นบนทอ้ งฟ้า ผ่านภูเขาลงทร่ี าบ ออกสู่
ทะเลขณะทเี่ ราทกุ คนเห็นเปน็ ก้อนเมฆ พระองค์ทา่ นเห็นเปน็ น้า จะทาอย่างไรให้ก้อนเมฆทเ่ี ปน็ นา้ อยู่ใน
ลกั ษณะไอลงมาเปน็ หยดน้า เกิดเปน็ ฝนหลวง ต่อด้วยการปลูกปา่ อนุรกั ษ์เสรจ็ แล้วมาพักอยูก่ ลางภูเขา
พระองค์ทา่ นรบั ส่ังทาฝายชะลอนา้ สรา้ งอ่างเก็บนา้ น้าถูกส่งไปยังพืน้ สวน ไร่ นา ถ่ายเปน็ ของเสีย
พระองค์ทา่ นใชพ้ ืชชนิดฟองน้า ส่งผ่านปา่ โกงกาง สู่วงจรทค่ี รบครนั …ผมสรปุ งานพระเจา้ อยูห่ ัวฯ ใน
กระดาษแผ่นเดียวใชห้ ัวขอ้ ชอื่ วา่ จากนภา ผา่ นภผู า สู่มหานที”
ข้อความจากชายผ้เู คยได้เห็นแม้นหยาดเสโทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลย
เดช อย่างใกลช้ ดิ ผู้นี้ย่อมเปน็ ส่ิงยืนยันแก่พสกนิกรชาวไทยได้อยา่ งดี ว่าสิ่งทพี่ ระองค์ทรงให้
ความสาคัญยง่ิ บนผืนแผ่นดินนี้ คือ น้า ดังพระราชดารสั ทเ่ี คยตรสั ไว้ เม่ือ 17 มีนาคม 2529 ความวา่
“… หลกั สาคัญวา่ ต้องมีน้าบรโิ ภค นา้ ใช้ นา้ เพอ่ื การเพาะปลกู เพราะวา่ ชวี ติ อยู่ทน่ี ่ัน ถ้ามีนา้ คนอยูไ่ ด้ ถ้า
ไม่มีน้าคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้าคนอยู่ไม่ได้ …”
และไม่เพยี งแต่พระราชดารสั ของพระองค์ หรอื ภาพประกอบ จาก ดร.สุเมธ ในงานปฐกถาใด
แต่สิ่งทอี่ ธบิ ายได้ดีทสี่ ุดคือ “ภาพในหัวใจคนไทย” ทพ่ี ระองค์ทรงฝากไว้ ตลอด 70 ปี
ช่อง Chaipattana Foundation
39
ทฤษฎีการปลูกป่าแนวใหม่ โดยเรม่ ิ ท่ีจะปลูกป่าในใจคน ทั้งเจ้าหน้าท่ีและชาวบ้านให้รกั ป่า
และปลอ่ ยให้ปา่ เขาขึ้นเอง อย่างไปรบกวนคือ “การปลกู ปา่ โดยไม่ต้องปลูก” ในเวลาเดียวกันต้อง “รู้ รกั
สามัคคี” คนสามารถอยูก่ ับปา่ ได้ถ้ามีจติ สานึกและรคู้ ณุ ค่าของปา่ “คนอยู่ปา่ ยงั ” และอยู่แบบไม่กระทบ
ปา่ โดยใชห้ ลักการ “บ้านเล็กในปา่ ใหญ่” เปน็ ต้น
40
ทฤษฎีการทางานใหม่ เชน่ การบูรณาการ อะลุ่มอล่วย ปรกึ ษาหารอื การมีส่วนรว่ ม “เบญจภาคี”
(ภาครฐั ภาควชิ าการ ภาคประชาชน ( บวร บ้านชุมชน วัด โรงเรยี น) ฯลฯ ซงึ่ เปน็ “ประชารฐั ” ที่แทจ้ รงิ
ไม่ใชส่ มรูร้ ว่ มคิด อยา่ งทร่ี ฐั บาลทาอยู่
ตัวอย่างทฤษฎีใหม่ด้านการพัฒนาและบรหิ ารด้าน อื่น ๆ เชน่
๑) ต้นแบบการบรหิ ารธุรกิจตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง (“พอ” ไม่โลภไม่เบียดเบียน แบ่งปนั ท่ี
นาไปใชก้ ับการขัดการธุรกิจโรงแรมเชน่ ชุมพรคาบาน่ารสี อรท์ อนัตตารสี อรท์ เชยี งใหม่ ที่ได้นาการ
พึ่งพาตนเอง และศาสตรข์ องพระราชาทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ไปใชจ้ นประสบผลสาเรจ็ สามารถลดหน้ีสินทีเ่ กิดจาก
ระบบเศรษฐกิจตาโตในอดีตได้อยา่ งมีนัยสาคัญ ( มีประสิทธภิ าพ)
๒) นาไปใชก้ ับองค์กรภาคอุตสาหกรรม การจดั การองค์กรขนาดใหญ่จาเปน็ ต้องอบรมพนักงาน
ให้เข้าใจพื้นฐาน การมีคุณธรรม เพื่อนาไปสู่การพัฒนาคนให้สานึกในคุณธรรมในทุกระดับขององค์กร
ด้านอุตสาหกรรมก็ต้องเรม่ ิ ต้นท่ีการพัฒนาพนักงานโดยใชก้ ระบวนการสรา้ งมาตรฐานพอเพียงด้าน
อุตสาหกรรม เป็นกุศโลบายในการดึงภาคอุตสาหกรรมเข้ามารว่ มผลักดันขบวนการเศรษฐกิจพอเพียง
โดยการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมพอเพียง มอก.๙๙๙๙ ขึ้นใชเ้ ปน็ เครอ่ ื งมือในการสรา้ งทุนใหญ่ทม่ี ี
หัวใจพอเพียง รจู้ กั พอ ไม่โลภ ไม่เบยี ดเบยี น รูจ้ กั แบ่งปนั ให้เข้ามามีส่วนในการพัฒนาชุมชนในทฤษฎี
ใหม่ข้ันทส่ี าม
๓) ทฤษฎีการศึกษาใหม่ โดยสถาปนา “สถานอบรมสั่งสอนให้เบ็ดเสรจ็ หรอื ปูทะเลย์มหาวชิ า
ลัย หรอื โพธยิ าลยั มหาวชิ ชาลยั ทจ่ี าเปน็ ต้องมีการปรบั ระบบการศึกษากันใหม่ให้เปน็ ระบบการศึกษาท่ี
มี “ศีลเด่น ( วนิ ัย ) เป็นงาน ชาญวชิ ชา” การจัดทาหลักสูตรท่ีเหมาะสมกับพ้ืนที่ นาองค์ความรูภ้ ูมิ
ปญั ญาทมี่ ีอยู่กลบั นามาใชใ้ นการพฒั นาทอ้ งถิ่น และหลักสูตรการศึกษาใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนา
ศาสตรพ์ ระราชาด้านต่าง ๆ อนุรกั ษ์ พัฒนามนุษย์ พัฒนาและบรหิ าร ท่ีควรจดั ทาเป็นหลักสูตรใชส้ อน
กันในทุกระดับการศึกษา เช่น เศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นทฤษฎีการพัฒนาเศรษฐกิจแนวใหม่ เกษตร
ทฤษฎีใหม่ และ เทคนิคการเกษตรทเ่ี หมาะสม คือ“กสิกรรมธรรมชาติ”ทใี่ ชใ้ นการการส่งเสรมิ เกษตรกร
ให้พ่ึงตนเอง ( ธรรมชาติชว่ ยธรรมชาติ ภมู ิ-สถาปตั ย์ เปน็ ต้น
๔) การวจิ ยั แนวใหม่ ทชี่ ุมชนหรอื ผู้ทเ่ี ปน็ เจา้ ของปญั หา เปน็ คนกาหนดหัวขอ้ วจิ ยั เพื่อตอบปญั หา
ของชุมชน โดยใชศ้ าสตรพ์ ระราชาทส่ี ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้โดยไม่ต้องผ่านระบบงานวจิ ยั แบบเก่า
ทน่ี ักวจิ ยั ทาไปเพอื่ ตอบสนองวชิ าการทรี่ ่าเรยี นมา เม่ืองานวจิ ยั เสรจ็ นักส่งเสรมิ เปน็ ผู้นาไปเผยแพรซ่ งึ่
ไปไม่ค่อยถึงชาวบ้าน เพราะอธบิ ายเป็นวชิ าการชาวบ้านไม่เข้าใจ หากชาวบ้านทางานวจิ ัยโดยมีภาค
ราชการและนักวชิ าการเป็นพ่ีเล้ียง หรอื การนาผลการวจิ ัยของชาวบ้านนามาสนับสนุนเชิงวชิ าการ
กาหนดเปน็ นโยบาย น่าจะเปน็ ประโยชน์มากกว่า
E-book ศาสตรพ์ ระราชา “ด้าน ดิน น้า ปา่ ไม้”
ขอบคุณ PPT อาจารย์ ศ.ดร.นพิ นธ์ ต้ังธรรม
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
http://online.anyflip.com/rqntj/ilxk/mobile/index.html
41
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ได้พระราชทานแนวพระราชดารแิ ละ
ทรงทาเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความผูกพันเก้ือกูลของดิน น้า ป่าและคน มาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่
ประจักษ์และเป็นแนวทางให้พสกนิกรดาเนินรอยตาม เม่ือท้ังวงจรได้รบั การดูแลรกั ษา ย่อมเกิดการ
พฒั นาทย่ี ่งั ยนื อีกนานเทา่ นาน
ขอบคณุ
ขอบคุณ
1.4 ทฤษฎีใหม่
“ทฤษฎีใหม่” คือแนวพระราชดารใิ นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรชั กาลที่ ๙ ที่ทรง
พระราชทานให้กับพสกนิกรของพระองค์ทา่ นเพือ่ ให้ใชเ้ ปน็ กรอบแนวคิด และแนวทางการปฏิบัติในการ
ดารงชวี ติ อยู่อย่างพอเพียง แนวทางดาเนินการดังกล่าวนาไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองในระดับ
ต่างๆ อยา่ งเปน็ ขัน้ เปน็ ตอน บนพื้นฐานของความพอเพียง ปรชั ญาของคาว่า “พอ” มีพ้ืนฐานจากธรรมะ
ทเ่ี รยี กวา่ ”สันโดษ”)
42
ทฤษฎีใหม่ แบง่ การพัฒนาออกเป็น ๓ ระดับ
ทฤษฎีใหม่ขน้ั ที่ ๑ พึง่ ตนเองอย่างน้อยหนงึ่ ในสี่ของการปฏิบัติ
ทฤษฎีใหม่ขัน้ ที่ ๒ รวมกลุม่ กันพ่ึงกันเอง
ทฤษฎีใหม่ข้ันที่ ๓ ทนุ ทมี่ ีคุณธรรม สนับสนุนชุมชนและเครอื ขา่ ย ค้าขายกันโดยตรงไม่ผ่าน
คนกลางแบบเก่า
“ทฤษฎีใหม่”เป็นระบบความคิดเก่ียวกับกระบวนการพัฒนาท่ีไม่เคยมีผู้ใดคิดมาก่อนและ
แตกต่างจากแนวคิดทฤษฎีและวธิ กี ารท่ีเคยมีมาก่อนท้ังส้ิน จงึ ได้เรยี กว่าเป็นทฤษฎีใหม่ ซง่ึ ได้มีการ
พัฒนาขนึ้ ใชใ้ นการแก้ไขปญั หาด้านการเกษตร และด้านอ่ืน ๆ มากกว่า ๕๐ ทฤษฎี
๑) เศรษฐกิจพอเพียง เองก็เปน็ หนง่ึ ใน ทฤษฎีใหม่ เปน็ ทฤษฎีการพัฒนาประเทศทม่ี ี ความ
ย่ังยืนเป็นเป้าหมายการพัฒนา ทใี่ ห้ความสาคัญกับความสมดุล ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อมและ
วัฒนธรรม โดยเน้นไปทีก่ ารพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเอง ตัดคนกลางแบบเก่าออก ไม่ได้มุ่งเปา้ การผลิต
เพ่ือการค้าขาย (ซึ่งไม่ใช่ ไม่สามารถค้าขายได้ แต่ค้าขายในท่ีไม่ไกลก่อน ค้าขายกันในกลุ่ม ชุมชน
เครอื ขา่ ยให้ได้เสียก่อน แลว้ จงึ ค่อยค้าขายในโลกเสร ี เม่ือมีความพรอ้ มแล้วเท่าน้ัน ซงึ่ ควรจะค้าขายใน
ระบบตลาดทม่ี ีคณุ ธรรม (Fair Trade) )
๒) มีนวัตกรรมทางสังคมใหม่ๆเกิดข้ึนจากแนวทฤษฎีใหม่น้ีเชน่ ทฤษฎีใหม่ในการพัฒนา
ชุมชนเขม้ แข็ง ทเี่ รยี กว่า “บวร” (บ้าน ชุมชน วัด โรงเรยี น ราชการ) เพ่ือการจดั การตนเอง หรอื “ชุมชน
จดั การตนเอง ”(One Stop Service)“สถานอบรมสั่งสอนให้เบด็ เสรจ็ ” (จากพระราชนิพนธพ์ ระมหาชนก)
๓) กระบวนการจัดทาแผนพัฒนาชุมชน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีมีการนาหลักการ
ทรงงาน ไปประยุกต์ใช้ เชน่ “ระเบิดจากข้างใน” สู่กระบวนการ พัฒนาชนบทโดย “การบูรณาการเชงิ
พื้นท”่ี ของมูลนิธปิ ดิ ทองหลังพระ เปน็ ต้น
เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นรูปธรรม หรอื ภาคปฏิบัติของเศรษฐกิจพอเพียงข้ันพ้ืนฐาน เพื่อให้
เกษตรกรมีภูมิคุ้มกัน จากความเสี่ยงท่ีต้องเผชญิ จากการเปลี่ยนแปลงของปัจจยั ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับ
การกระบวนการผลิต การตลาด นโยบายทางการเกษตร อาทิ เชน่ ความผันแปรของ ธรรมชาติ สภาพ
ภมู ิอากาศ ความเส่ียงด้านราคาปจั จยั การผลิตทมี่ ีแนวโน้มสูงข้ึนในชว่ ง ฤดูกาลผลิต และ ราคาผลผลิต
ทมี่ ีความผันผวนลดลงอยู่ตลอดเวลา การเปล่ยี นแปลง นโยบายการเมือง โดยพระองค์ท่านได้ทรงพระ
ราชทา นพระราชดารแิ ละสรา้ งต้นแบบ และตัวอย่าง ของ การทาเกษตรแนวใหม่ ที่ให้ความสาคัญ
และ เคารพต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อม เพอื่ ให้เอ้ือต่อการทาเกษตรกรรมให้ย่ังยนื ท่ีไม่ใชส้ ารเคมี
สังเคราะห์ในกระบวนการผลิต ท้ังนี้ เพ่ือให้เกษตรกรรายย่อยที่มีท่ีดินไม่มากได้ใชเ้ ปน็ แนวทางใหม่ที่
กลับมาพ่ึงพาตนเองและระบบนิเวศท่ีสมดุล ให้สามารถมีวถิ ีชวี ติ ท่ีเรยี บง่ายเพื่อเป้าหมายของทฤษฎี
ใหม่ คือ ความพออยู่ พอกิน พอใช้ พอ รม่ เยน็ ให้ได้เสียก่อน เพ่อื ทจ่ี ะได้พฒั นาในระดับทส่ี ูงขึ้นต่อไป
เกษตรทฤษฎีใหม่ ในความหมายที่นาเสนอต่อไปน้ี หมายถึงทฤษฎีใหม่ด้านการเกษตรที่
เน้นการบรหิ ารจัดการ น้า ท่ีดินและแรงงานจานวนไม่มากนัก(น้อย) ซง่ึ เป็นหน่ึงในพระราชดารขิ อง
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ โดยมีเปา้ หมายเพ่ือการอยู่อาศัยและการดาเนินชวี ติ
อยา่ งมั่นคง ยง่ั ยนื ซงึ่ เปน็ การคิดบนหลักการใหม่ ทแ่ี ตกต่างจาก แนวทางการทาการเกษตรเพ่ือการค้า
และอุตสาหกรรม ทมี่ ุ่งผลิตผลผลติ ในปรมิ าณมากเพ่ือการค้าขายเปน็ หลกั
43
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ทรงให้ความสาคัญกับการพัฒนาการเกษตรเป็นอย่างยิ่ง
ในชว่ งแรกของการพฒั นาทฤษฎีใหม่น้ัน พระองค์ทรงใชพ้ นื้ ทบี่ รเิ วณวงั สวนจติ รลดารโหฐานเป็นสถานที่
ทาการศึกษา ค้นควา้ ทดลอง จากนั้นได้ขยายไปยงั โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดารติ ามจงั หวัดต่าง
ๆ ปัจจุบันมีโครงการพระราชดารแิ ละโครงการตามแนวพระราชดารมิ ากกว่า ๔,๕๐๐ โครงการ โดย
โครงการพระราชดารสิ าคัญโครงการหนึ่งตั้งอยู่ ณ วัดมงคลชยั พัฒนา ตาบลห้วยบง อาเภอเฉลิมพระ
เกียรติในจงั หวัดสระบุร ี ซง่ึ ถือเปน็ พื้นทแี่ รกทไี่ ด้นา “ทฤษฎีใหม่” ด้านการเกษตรสู่การปฏิบัติอย่างเปน็
รูปธรรมจนประสบความสาเรจ็ เปน็ ต้นแบบของการทาเกษตรทฤษฎีใหม่ทว่ั ประเทศ
หัวใจสาคัญของทฤษฎีใหม่ “ทฤษฎีใหม่น้ันยืดหยุน่ ได้ และต้องยดื หยุ่น เหมือนชวี ติ ของเรา
ทกุ คนต้องมียดื หยุ่น…”
พระราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ณ สวนสมเด็จพระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี
จงั หวัดเพชรบุร ีเม่ือวนั ที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑
แนวพระราชดารเิ ม่ือวันท่ี ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
ชใ้ี ห้เห็นว่า อาชพี ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ คือ การเกษตรกรรมโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเกษตรกร
รายย่อย มีสมาชกิ ครอบครวั เฉลี่ยประมาณครอบครวั ละ ๔-๖ คน ส่วนใหญ่มีฐานะค่อนข้างยากจน มี
ทด่ี ินทากินน้อย หรอื บางรายไม่มีทดี่ ินทากินเลย
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงพระราชทาน “ทฤษฎีใหม่” เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา
โดย ประยุกต์ใชห้ ลักการของเศรษฐกิจพอเพียง รูจ้ กั พอ ไม่โลภ ไม่เบียดเบียน พึ่งตนเอง พ่ึงกันเอง
เข้ากับการทาการเกษตรแนวใหม่อย่างเปน็ รปู ธรรม
โดยเรม่ ิ จากการศึกษาข้อมูลจนพบว่า เกษตรกรไทยส่วนใหญ่มีพ้ืนท่ีเฉล่ียอยู่ประมาณ
ครอบครวั ละ ๑๐-๑๕ ไร่ ( ค่าเฉลี่ยของการถือครองทีด่ ินในขณะน้ัน) จงึ ทรงคิดคานวณ จาแนกการใช้
พ้ืนทีดินเพ่ือการดาเนินชวี ติ โดย มีเป้าหมายหลัก คือ ทาอย่างไรให้ มีข้าว ปลา อาหาร เพียงพอและ
ปลอดภัยตลอดปี จากผืนดินจานวนน้อยทมี่ ีอยู่ เพ่อื ทจ่ี ะได้ประหยัดค่าใชจ้ า่ ยทีต่ ้องจา่ ยไปกับค่าอาหาร
และ ของกินของใช้ต่าง ๆ เพื่อให้มีรายได้เหลือพอสาหรบั จับจ่ายใช้สอยในส่ิงท่ีจาเป็นสาหรบั ชีวติ
นอกจากนั้นยัง มีความมั่นคงในท่ีอยู่อาศัย เมื่อมีความมั่นคงในชวี ติ ก็ดาเนินชวี ติ ด้วยความรกั ความ
สามัคคี และเอื้ออาทรกันในระดับทสี่ ูงข้นึ ไปคือระดับชุมชน
สรุปแนวคิด ข้ันตอนการดาเนินงาน
พระองค์ทา่ นทรงพระราชทานดารใิ ห้ทดลอง “ทฤษฎีใหม่” ข้ึนครง้ั แรกท่ีวัดมงคลชยั พัฒนา
เมื่อ ปี พ.ศ.๒๕๓๒ โดยพระราชทานทนุ ทรพั ยส์ ่วนพระองค์ ( เพ่ือซอื้ ทดี่ ินจานวน ๑๕ ไร่ ใกล้วัดมงคลชยั
พฒั นาทดลองทาทฤษฎีใหม่จากนั้นขยายโครงการไปยังทอ่ี ่ืน ๆ อีก เชน่ ทอ่ี าเภอเขาวง จงั หวัดกาฬสินธุ์
และภายหลงั ได้ทรงสรุปแนวคิดเปน็ วธิ กี าร ดาเนินงาน “ทฤษฎีใหม่” ๓ ขั้นตอน ดังนี้
ข้ันตอนที่๑ การผลิตเพ่อื พออยู่ พอกิน และพง่ึ ตนเองได้ (Self Sufficiency of Economy)
คาถาม ทาอยา่ งไรให้ พออยู่ พอกิน พึ่งตนเองได้ ? (ทาไมต้อง พ่งึ ตนเอง?
คาตอบ คือ ทาให้ผืนดินที่มีอยู่ใชป้ ระโยชน์ได้อย่างเต็มท่ี เพ่ือการพออยู่ (ท่ี อยู่อาศัย)
พอกิน (อาหาร) พ่ึงตนเองได้ (อาชพี ทม่ี ั่นคง) จงึ ต้องมีการแบ่งพ้ืนทอี่ อกเปน็ ส่วนๆ (การวางแผน) และ
ใชพ้ ื้นทใ่ี ห้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแบง่ พ้ืนทอ่ี อกเปน็ ส่วนๆ อย่างครา่ ว ๆ (Tentative) ดังนี้