1 หน่วยงาน.......................................ปี....................รหัส................ แบบคัดกรองสุขภาพจิตทหาร MMI (Military Mental health Inventory) ภาควิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก คําชี้แจง 1. แบบคัดกรองชุดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดกรองสุขภาพจิตและประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองด้าน สุขภาพจิต โดยแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้ ส่วนที่ 1 แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป ส่วนที่ 2 แบบคัดกรองสุขภาพจิต 17 ข้อ ส่วนที่ 3 แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิต 50 ข้อ 2. กรุณาตอบคำถามให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด 3. แบบสอบถามนี้ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลปัญหาสุขภาพจิต โดยข้อมูลนำเสนอในภาพรวม และ เก็บเป็นความลับ ไม่เปิดเผยชื่อของท่าน ยกเว้นได้รับอนุญาตจากท่าน ท่านยินดีให้เปิดเผยข้อมูลภาพรวม ท่านยินดีให้เปิดเผยข้อมูลของท่าน ท่านประสงค์ให้ดำเนินการส่งต่อดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตต่อไป หากมีข้อสงสัยในส่วนที่เกี่ยวข้องติดต่อ พ.ท.หญิง สรินทร เชี่ยวโสธร หรือ พ.ต.หญิง รวีวรรณ อินจุ้ย อาจารย์ภาควิชาสุขภาพจิตฯ ที่หมายเลข 02-7633559 หมายเลข 5 ตัว 93559 หรือ line ID: dr sarin ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน
2 ส่วนที่ 1 แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป (8 ข้อ) 1. เพศ ชาย หญิง 2. อายุ.........................ปี 3. ระดับการศึกษา ก่อนปริญญาตรี ปริญญาตรี สูงกว่าปริญญาตรี 4. สถานภาพสมรส โสด คู่/สมรส 5. รายได้/เดือน เพียงพอ ไม่เพียงพอ 6. ท่านเป็น นักเรียนทหาร พลทหาร/อาสาสมัครทหารพราน นายทหารชั้นประทวน นายทหารชั้นสัญญาบัตร 7. ระยะเวลาที่ปฏิบัติงาน น้อยกว่า 6 เดือน 6 เดือน-1 ปี ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โปรดระบุจำนวนปี………………. 8. โรคประจำตัว ไม่มี มี โปรดระบุ……………….……………….……………….………………. ส่วนที่ 2 แบบคัดกรองสุขภาพจิต (17 ข้อ) คำชี้แจง เมื่อท่านอ่านข้อความต่อไปนี้และโปรดเลือกตอบ ใช่/ไม่ใช่ ที่ตรงกับตัวท่านใน 1 เดือนที่ผ่านมา ข้อคำถาม ใช่ ไม่ใช่ ปัญหาด้านสุขภาพจิต 1. ท่านรู้สึกเบื่อหน่ายท้อแท้กับการดำเนินชีวิตประจำวัน 2. ท่านรู้สึกว่าชีวิตของท่านมีแต่ความทุกข์ 3.* ท่านมีหูแว่ว/เห็นภาพหลอน 4.* ท่านมีความคิดอยากตาย/พยายามทำให้ตัวเองตาย 5. ท่านรู้สึกโกรธ โมโห หงุดหงิด ควบคุมอารมณ์ได้ยาก 6. ท่านรู้สึกด้อยค่า ไร้ความสามารถ 7. ท่านมีคนที่ท่านสามารถไว้วางใจได้ คอยช่วยเหลือท่านในยามที่ต้องการ ทัศนคติ 8. ท่านคิดว่าถ้าการเข้ารับบริการด้านสุขภาพจิตจะทำให้คนอื่นไม่ยอมรับ 9. ท่านคิดว่าการยอมรับว่าตนเองมีปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่น่าอับอาย 10. ท่านคิดว่าคนที่ขอความช่วยเหลือจากบุคคลรอบข้างคือคนที่อ่อนแอ ความเข้มแข็งทนทาน 11. ท่านพยายามปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง 12. การรับมือกับความเครียดทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้น 13. ท่านไม่ท้อถอยง่ายๆ กับความล้มเหลว 14. ท่านพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
3 ข้อคำถาม ใช่ ไม่ใช่ การเผชิญปัญหา 15. เมื่อท่านไม่พอใจหรือโกรธ ท่านระบายความเครียดด้วยความรุนแรง เช่น การทำลายของ ตะโกน ด่าทอ 16. เมื่อท่านมีความเครียดสูงท่านรู้ว่าจะขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน 17. เมื่อท่านต้องเผชิญกับปัญหาหรือเหตุการณ์ที่รุนแรง ท่านพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ นั้น เช่น ขาดงาน หนีไม่ไปทำงาน หนีเรียน แกล้งป่วย การคิดคะแนน หากท่านตอบ ใช่ ในข้อ (7,11-14,16) ให้คะแนนข้อละ 1 คะแนน ท่านได้......................คะแนน หากท่านตอบ ไม่ใช่ ในข้อ (1-6,8-10,15,17) ให้คะแนนข้อละ 1คะแนน ท่านได้......................คะแนน รวมท่านได้.....................คะแนน
4 ส่วนที่ 3 แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิต (50 ข้อ) คำชี้แจง โปรดเลือกตอบในช่องที่ตรงกับท่าน ข้อความ ประจำ/ ทุกวัน บ่อยครั้ง/ 3ครั้งต่อ สัปดาห์ บางครั้ง/ 1ครั้งต่อ สัปดาห์ ไม่เคยทำ 1. ด้านการพัฒนาเพื่อรู้จักตนเอง 1. ท่านระลึกเสมอว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิต 2. ท่านยังมีความตั้งใจที่จะทำงาน/พยายามดำเนินชีวิตในปัจจุบันให้ดี แม้ว่าปัจจุบันวิถีชีวิตของท่าน จะยังไม่เป็นไปตามที่ท่านต้องการ 3. ท่านสำรวจตัวเองอยู่เสมอว่าท่านมีนิสัยอย่างไร 4. ท่านค้นหาข้อดีและข้อบกพร่องของตัวเองเพื่อปรับปรุงแก้ไข 5. ท่านมักสำรวจความรู้สึกตนเองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน ชีวิตประจำวัน 6. หากท่านทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่สำเร็จ ท่านมักจะค้นหาสาเหตุของความ ผิดพลาดนั้นก่อนที่จะคิดว่าตนเองไร้ความสามารถ 7. ท่านยิ้มรับและแสดงท่าทีพอใจเมื่อผู้อื่นกล่าวชมเชยท่าน 8. ท่านรับฟังและพิจารณาเมื่อผู้อื่นกล่าวถึงข้อบกพร่องของท่าน 9. ท่านสำรวจตัวเองอยู่เสมอว่าชีวิตของท่านประสบความสำเร็จเรื่อง ใดบ้าง 10. ท่านรับรู้ถึงความรู้สึกขัดแย้งในจิตใจ เมื่อต้องปฏิบัติบางอย่างที่ ขัดกับค่านิยมหรือหลักศีลธรรมที่ท่านยึดถือ 2. ด้านการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ 11. ระหว่างที่พูดคุยกับคนอื่นท่านจะตรวจสอบว่าทั้งสองฝ่ายมีความ เข้าใจในเรื่องที่พูดตรงกันหรือไม่ 12. ระหว่างที่พูดคุยกับคนอื่นหากผู้ฟังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน ท่านจะ พยายามอธิบายจนผู้ฟังจะเข้าใจตรงกัน
5 ข้อความ ประจำ/ ทุกวัน บ่อยครั้ง/ 3ครั้งต่อ สัปดาห์ บางครั้ง/ 1ครั้งต่อ สัปดาห์ ไม่เคยทำ 13. ระหว่างที่พูดคุยกับคนอื่น ท่านให้ความสนใจกับคำพูด สีหน้า ท่าทางของผู้ที่ท่านพูดด้วย 14. ระหว่างที่พูดคุยกับคนอื่น ท่านคำนึงถึงความแตกต่างของ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของผู้ที่พูดด้วย 15. เมื่อเกิดข้อขัดแย้งในการทำงาน ท่านจะพยายามชี้แจงเหตุผล ความรู้สึกให้กับผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานเข้าใจ 16. หากมีเรื่องไม่สบายใจท่านจะพูดคุยในเรื่องขบขัน หรือเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นเพื่อกลบเกลื่อนความไม่สบายใจ 3. การใช้เวลาว่างอย่างมีประสิทธิภาพ 17. ท่านคิดวางแผนการทำงานล่วงหน้า 18. ท่านสามารถจัดการเวลาในแต่ละวันทำสิ่งต่างๆ สำเร็จตามที่ตั้งใจ 19. ท่านบริหารเวลาเพื่อทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น ฟังเพลง เล่นกีฬา 20. ท่านวางแผนทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัวหรือเพื่อน 21. ท่านหลีกเลี่ยงการเข้ากลุ่มที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง เต็มไปด้วยความขบขันเพราะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ 22. ท่านไม่มีสิ่งใดที่สนใจ หรืออยากทำยามว่าง 4. การเผชิญปัญหา 23. เมื่อมีปัญหา ท่านจะเริ่มต้นด้วยการพิจารณาว่าปัญหานั้นคืออะไร 24. เมื่อมีปัญหา ท่านพยายามศึกษาหาวิธีการแก้ปัญหาและลงมือ แก้ปัญหาทีละปัญหา 25. เมื่อมีปัญหา ท่านพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตัวเองและ ครอบครัว
6 ข้อความ ประจำ/ ทุกวัน บ่อยครั้ง/ 3ครั้งต่อ สัปดาห์ บางครั้ง/ 1ครั้งต่อ สัปดาห์ ไม่เคยทำ 26. เมื่อปัญหาผ่านไป ท่านพิจารณาว่าทำอย่างไรจึงสามารถผ่าน ปัญหาได้ และต้องเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างไรเพื่อจะสามารถเผชิญ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 27. เมื่อต้องทำงานที่ไม่ชอบ ท่านพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มี ปัญหา เช่น การขาดงาน การลางาน ขาดเรียน 28. ท่านแสวงหาความพอใจจากสิ่งที่มีอยู่รอบตัวแทนการหมกมุ่นกับ ความรู้สึกที่มีต่อการสูญเสียไปแล้ว 29. ท่านไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากบุคคลรอบข้าง เช่น ผู้บังคับบัญชาครอบครัว เพื่อน เพราะคิดว่าคนที่ขอความช่วยเหลือคือ คนที่อ่อนแอ 30. เมื่อไม่พอใจหรือโกรธ ท่านระบายความเครียดโดยการทำลาย ของ ตะโกน ด่าทอ 5. ด้านการแสวงหาแหล่งสนับสนุนทางสังคม 31. ท่านพยายามสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงความ แตกต่างของเพศและอายุ 32. ท่านสามารถพูดระบายให้กับคนที่ไว้วางใจรับฟังได้เมื่อมีปัญหาไม่ สบายใจ 33. เมื่อมีความเครียดสูง ท่านพยายามลดความเครียดโดยการไปหาผู้ ที่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยได้ เช่น ผู้บังคับบัญชา ครอบครัว เพื่อน พระ หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ 34. ท่านยังติดต่อกับกลุ่มเพื่อนสนิทอย่างสม่ำเสมอ 35. เมื่อมีความเครียดสูง ท่านค้นหาข้อมูลในระบบสารสนเทศเพื่อหา แหล่งให้ความช่วยเหลือทางสุขภาพจิต เช่น สถานบริการทาง การแพทย์ ศูนย์ Hotline ให้คำปรึกษา
7 ข้อความ ประจำ/ ทุกวัน บ่อยครั้ง/ 3ครั้งต่อ สัปดาห์ บางครั้ง/ 1ครั้งต่อ สัปดาห์ ไม่เคยทำ 36. ท่านรู้สึกว่าสังคมจะมองท่านเปลี่ยนไป หากขอรับคำปรึกษาจาก บุคลากรทางการแพทย์ เช่น จิตแพทย์ 6. การปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา 37. ท่านพยายามหาเวลาเพื่อทำบุญหรือปฏิบัติกิจทางศาสนา 38. การนั่งสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระอธิษฐาน ทำให้ท่านรู้สึกผ่อนคลาย 39. ท่านนำหลักคำสอนทางศาสนาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาปฏิบัติเมื่อมี ความทุกข์ 40. ท่านบริจาคสิ่งของที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ด้วยเจตนาที่จะ เสียสละและอยากให้ความช่วยเหลือ 41. ท่านพยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด ต่างๆ เพราะขัดกับหลักศีลธรรม 42. เมื่อผู้อื่นทำให้เสียใจ ท่านพยายามไม่ตอบโต้และให้อภัย 43. เมื่อพบผู้ที่กำลังเดือนร้อน ท่านจะแสดงความเห็นใจและคิด พยายามหาทางช่วยเหลือผู้นั้นให้พ้นจากความเดือดร้อน 7. ด้านการดูแลตนเองทั่วไป 44. ท่านรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ คำนึงถึงคุณค่าของ สารอาหารตามหลักโภชนาการ และเพียงพอต่อความต้องการของ ร่างกาย 45. ท่านคำนึงถึงความพอเพียงของสารน้ำได้รับในแต่ละวัน โดยดื่มน้ำ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว 46. ท่านออกกำลังกาย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 47. ท่านสามารถนอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง/วัน
8 ข้อความ ประจำ/ ทุกวัน บ่อยครั้ง/ 3ครั้งต่อ สัปดาห์ บางครั้ง/ 1ครั้งต่อ สัปดาห์ ไม่เคยทำ 48. ท่านผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่น กีฬา อ่านหนังสือ ฟังเพลง กำหนดลมหายใจ นวด เป็นต้น 49. ท่านกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือไม่สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ ปกติ 50. ท่านสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อผ่อนคลาย ความเครียด
9 สำหรับผู้ใช้แบบคัดกรองสุขภาพจิตทหาร MMI (Military Mental health Inventory) MMI เป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นใช้ในการวิจัยเรื่อง “การพัฒนารูปแบบการดูแลปัญหาสุขภาพจิตแบบ บูรณาการ สำหรับกำลังพลทหารผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยมี พ.ท.หญิง ดร. สรินทร เชี่ยวโสธร เป็นนายทหารโครงการ ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก วท.กห. (สก.สว.) ปีงบประมาณ 2564 การนำแบบคัดกรอง MMI ไปใช้แบ่งเป็น 3 กรณีได้แก่ 1. กลุ่มตัวอย่าง ทำแบบคัดกรองสุขภาพจิตกำลังพล ทบ. ณ ที่ตั้งปกติ (9Q 8Q) พบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อ การเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต 2. กลุ่มตัวอย่าง เข้าร่วมกิจกรรมโครงการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ ภาควิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช ศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก เป็นผู้รับผิดชอบ 3. กลุ่มตัวอย่าง จากการส่งต่อจาก ครูฝึก ผบ.นตร. หรือ ผู้บังคับบัญชา MMI มีแนวคิดในการพัฒนา เกณฑ์การให้คะแนนและการแปลผล ดังนี้ 1. แบบคัดกรองสุขภาพจิต 17 ข้อ จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องในประเด็นปัจจัยที่ส่งผลต่อ ปัญหาด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมการดูแลตนเองของทหาร ได้แบบคัดกรองสุขภาพจิตแบบเลือกตอบ ใช่/ไม่ใช่ เป็นข้อความทางบวก 6 ข้อ และ ข้อความทางลบ 11 ข้อ ประกอบด้วย 4 ด้านคือ 1) ด้านปัญหาด้านสุขภาพจิต พัฒนาจากแบบดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทย (2546) จากการศึกษาอิทธิพล ของความยืดหยุ่นทนทาน และการศึกษาต่อการทำนายสุขภาพจิตของทหารพรานในชายแดนใต้ (2562) 2) ด้านทัศนคติพัฒนาจาก อิศรา รักษ์กุล (2554) และ Magdalena Kulesza (2015) เรื่องการรับรู้ต่อ การถูกตีตรา การตีตราตัวเอง Waitzkin, H., Cruz (2018) 3) ด้านความเข้มแข็งทนทาน พัฒนาจาก Connor and Davidson (2003) 4) ด้านการเผชิญปัญหา พัฒนาจากแบบวัดกลวิธีเผชิญปัญหาของ Amirkhan (1990) เกณฑ์การให้คะแนน ข้อความทางบวก ได้แก่ข้อ 7, 11-14, 16 ให้คะแนน ใช่ = 1, ไม่ใช่ = 0 ข้อความทางลบ ได้แก่ข้อ 1-6, 8-10, 15, 17 ให้คะแนน ใช่ = 0, ไม่ใช่ = 1 การแปลผล คะแนนเต็ม 17 คะแนน โดยคะแนนสูงแสดงให้เห็นว่ามีสุขภาพจิตดี ***หากพบว่าผู้ตอบแบบประเมินตอบ “ใช่” ในข้อ 3* และ ข้อ 4* ผู้ตอบแบบประเมินจะต้องได้รับการ คัดกรองปัญหาสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต/อาจารย์ภาควิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช ศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบกก่อนดำเนินการส่งต่อเพื่อดูแลด้านสุขภาพจิตและประสานตามสายบังคับ บัญชาต่อไป
10 2. แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิต 50 ข้อ พัฒนาแนวคิดและจัดทำ เครื่องมือประเมินมาจากแนวคิดพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตของ จินตนา ยูนิพันธุ์ (2534) ที่ใช้แนวคิด การดูแลตนเองด้านจิตใจของ Hill & Smith (1990) ซึ่งพัฒนาจากการดูแลตนเองทั่วไป (self-care) ของ Orem (1985) โดยผู้วิจัยปรับรูปแบบและข้อคำถามให้เหมาะสมกับกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แนวคิดของภาวะสุขภาพจิตและ ทัศนคติของกำลังพลกองทัพบกที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ อิศรา รักษ์กุล (2554) มาใช้ ในการศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตของทหารผู้ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีข้อคำถามทั้งหมด 50 ข้อ เป็นข้อความทางบวก 41 ข้อ และ ข้อความทางลบ 9 ข้อ โดย แบ่งแนวคิดพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตทั้งหมด 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ด้านการพัฒนาเพื่อรู้จัก ตนเอง 10 ข้อ 2) ด้านการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ 6 ข้อ 3) การใช้เวลาว่างอย่างมีประสิทธิภาพ 6 ข้อ 4) การเผชิญปัญหา 8 ข้อ 5) ด้านการแสวงหาแหล่งสนับสนุนทางสังคม 6 ข้อ 6) การปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา 7 ข้อ 7) ด้านการดูแลตนเองทั่วไป 7 ข้อ ลักษณะคำถามเป็นแบบเลือกตอบ 4 ระดับ เกณฑ์การให้คะแนน ข้อความทางบวก 41 ข้อ ให้คะแนนดังนี้ ประจำ=4 บ่อยครั้ง=3 บางครั้ง=2 ไม่เคยทำ=1 ข้อความทางลบ 9 ข้อ (ข้อที่ไฮไลท์) ได้แก่ข้อ 16, 21, 22, 27, 29, 30, 36, 49, 50 ให้คะแนน ดังนี้ ประจำ=1 บ่อยครั้ง=2 บางครั้ง=3 ไม่เคยทำ=4 การแปลผล คะแนนเต็ม 200 คะแนน นำมาหารด้วย จำนวนข้อ 50 ข้อ ได้คะแนนเฉลี่ยเต็ม 4 คะแนน หากมีคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตสูง (สูงกว่า 3 จากคะแนนเต็ม 4) แสดงให้เห็นว่ามี พฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตที่ดี