วัดทองนพคุณ
วัดทองนพคุณ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย
ตำบลบางจาก อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี
เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ
พระครูโกศลวัชรธรรม
Outline
ประวัติความเป็นมา หลวงพ่อเจริญ พระพุทธรูปศักดิสิทธิ์ ไอติมรสพระทำ ตลาดริมน้ำ
ประวัติความเป็นมาของวัดทองนพคุณ
ประวัติความเป็นมา
วัดทองนพคุณ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางจาก อำเภอเมืองเพชรบุรี
จังหวัดเพชรบุรี มีที่ตั้งวัดเนื้อที่ 12 ไร่เศษโดยประมาณ มีเนื้อที่ทั้งหมด 31 ไร่เศษ โดยประมาณ
(รวมที่ตั้งวัดและที่ธรณีสงฆ์) วัดทองนพคุณ ชื่อเดิมที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดตาขุน หรือ วัดนพพ่อขุน ตาม
คำบอกเล่าว่า มีอุบาสก 2 คนชื่อตานพ กับตาขุน ตานพเป็นบิดาของตาขุน มีความศรัทธาให้ที่ดินสร้าง
วัดมีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่เศษ โดยตั้งชื่อวัดว่า "วัดนพพ่อขุน" เพื่อเป็นอนุสรณ์ ตั้งเป็นวัดเมื่อ
พ.ศ. 2325 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2337 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2464 วัดนพพ่อขุนได้
เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดทองนพคุณ" วัดมีเกจิอาจารย์ คือ หลวงพ่อเจริญ พระครูปัญญาโชติวัฒน์
(เจริญ ธมฺมโชติ)
หลวงพ่อเจริญ ประวัติหลวงพ่อเจริญ
หลวงพ่อกำเนิดที่บ้านสามเรือน ( บ้านหน้าวัด ) ตำบล
บางจาก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๒๔
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ ตรงกับเดือน ๙ ขึ้น ๒ ค่ำ เป็นบุตร
คุณพ่อแป้นและคุณแม่นุ่ม อ้นแสง ตระกูลของท่านเป็น
ชาวนา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๑๒ คน ปัจจุบันยัง
มีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว คือ นางน้อย เกิดประดับ ท่านเป็นน้อง
ชายของหลวงพ่อพระครูญาณวิลาศ ( แดง รตฺโต ) อดีตเจ้า
อาวาสวัดเขาบันไดอิฐ เป็นที่น่าสังเกตว่า โยมบิดามารดาของ
ท่านเป็นบุคคลผู้มีวาสนา เพราะมีบุตรชายอุปสมบทและครอง
สมณเพศอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตถึง ๒ รูป ทั้งยังได้เป็น
เจ้าอาวาสที่ได้รับ
พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรทั้ง ๒ รูป ด้วย ครอบครัวของท่านมีฐานะพอมีพอกิน
และเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งในละแวกนั้น เมื่อท่านอายุได้ ๑๐ ขวบ ท่านได้ไปอยู่กับพี่ชาย
ของท่านชื่อ จัน ที่อุปสมบทอยู่วัดแก่นเหล็ก ตำบลคลองกระแซง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ได้รับ
การศึกษาหนังสือไทยกับท่านพระครูญาณ-วิสุทธิ ( พ่วง ) เจ้าอาวาสวัดแก่นเหล็ก จนมีความรู้เขียน
อ่านหนังสือไทยได้ดีพอควรครั้นอายุได้ ๑๓ ปี ลาออกจากวัดแล้วมาช่วยโยมบิดามารดาทำนาตลอดมา
จนเข้าสู่วัยหนุ่มอายุ ๑๘ ปี ถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร เป็นทหารชาววังรักษาพระองค์ ในพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เลขหมายประจำตัว( สักด้วยหมึกดำที่หน้าแขนซ้าย ๓ แถว ) มี
ข้อความแถวที่ ๑ ว่า “ ชาววัง ” แถวที่ ๒ “ ก.ท. ” แถวที่ ๓ เป็นตัวเลข “ ๓๗๙๔ ” สังกัดอยู่กอง
โยธา รับราชการอยู่เป็นเวลา ๓ ปี
ในปีที่ ๔ ได้รับเลือกเข้าเป็นเลขเดือน หรือที่เรียกกันว่า เข้าเดือน มีตำแหน่งเทียบเท่ามหาดเล็กรักษาพระองค์ ขึ้นกับสำนัก
ต่อ พระราชวัง นับว่าท่านเป็นผู้มีโชคดีคนหนึ่ง และท่านอยู่รับราชการต่อไป ณ ที่นี้จนครบปีที่ ๕ มีอายุครบ ๒๒wปwีบwร.ิrบeูaรllณyg์reใaนtsiสteม.ัcยoทmี่
ท่านกำลังรับราชการอยู่ในปีที่ ๕ นั้น ท่านมีกุศลเจตนาอย่างแรงกล้า คิดว่าเมื่อท่านรับราชการทหารครบ ๕ ปีแล้ว ท่านจะออกไป
อุปสมบท เพราะการอุปสมบทถือกันว่าเป็นการสนองพระคุณบิดามารดา เพราะชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิก เชื่อกันว่าหากได้อุปสมบท
ในพระพุทธศาสนาแล้ว บิดามารดาย่อมได้รับส่วนกุศล เมื่อได้เห็นชายผ้าเหลืองของบุตรหลานที่ได้อุปสมบทแล้วนั่นเอง ทั้งยังเชื่อ
มั่นกันว่า ผู้ใดยังไม่ได้ผ่านการอุปสมบทแล้ว ไม่สมควรมีภรรยาก่อน หลวงพ่อท่านมีความเชื่อมั่นอยู่ในคตินี้ แม้ท่านจะได้ผ่านชีวิต
ของคนหนุ่มมาและยังได้เข้าไปสู่สถานที่เจริญ
ซึ่งย่อมได้พบได้เห็นเพศตรงข้ามมาไม่น้อย แต่ท่านก็ไม่ยอมทิ้งความเชื่อมั่นดังที่กล่าวมาแล้ว ท่านจึงยังครองความเป็นโสด
ตลอดมา เมื่อท่านได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณมาครบ ๕ ปี และออกมาจากประจำการแล้ว ท่านจึงเดินทางสู่ภูมิลำเนาเดิมเพื่อ
เตรียมตัวเข้าสู่ร่มเงาของกา-สาวพัสตร์ต่อไป แต่บังเอิญเมื่อท่านกลับมาถึงบ้านเดิมแล้ว พี่ชายของท่าน ( หลวงพ่อแดง ได้อุปสมบท
ไปแล้ว ทางบ้านจึงขาดผู้ที่จะช่วยเหลือโยมบิดาทำนา ท่านจึงต้องอยู่ช่วยทำนาเสียอีก ๑ ปี แล้วจึงได้เข้าอุปสมบท ท่านได้เข้า
อุปสมบท ณ พัทธสีมาทองนพคุณ โดยมีหลวงพ่อเปลี่ยน เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูญาณสิสุทธิ (พ่วง)
วัดแก่นเหล็ก เป็นกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “ ธมฺโชติ ” เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๑ ( ตามที่ปรากฏในหนังสือสุทธิของ
ท่าน ) เมื่ออุปสมบทแล้วท่านคงจำพรรษาอยู่ที่วัดทองนพคุณนี้ตลอดมา ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยจากพระอาจารย์ รวมทั้งศึกษาวิชา
อื่นจากอาจารย์วัดต่าง ๆ อีกหลายแห่ง สำหรับการศึกษาทางด้านพระปริยัติธรรมในสมัยนั้น ยังไม่เจริญแพร่หลายอย่างสมัยใน
ปัจจุบัน ท่านจึงไม่มีโอกาสได้เข้าสอบในสนามหลวง และไม่มีดีกรีของความรู้ต่อท้ายนามของท่าน นอกจากเป็นการศึกษาแล้วทรงจำ
ไว้เป็นแนวทางปฏิบัติของท่านเอง ฉะนั้นแม้ว่าท่านจะมีความรู้ความสามารถพร้อมทั้งวัยวุฒิและจริยาวัตรดีเพียงใด ท่านก็คงมีสภาพ
เป็นหลวงพ่อแก่ ๆ รูปหนึ่งที่เสมือนผู้ไร้ความสามารถ ท่านจึงมีฐานะเพียงพระครูชั้นสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ
งานด้านปกครองอย่างใด แต่ก็รู้สึกเป็นความพอใจของท่านเป็นอย่างยิ่ง หลังจากได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วท่านได้ศึกษาในด้าน
คันตุกะและวิปัสสนาธุระจากพระอาจารย์หลายรูปและหลายแห่งจนมีความรู้ความสามารถในที่จะบำเพ็ญสมณะกิจได้ดีแล้ว ท่านจึงได้
ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับงานช่างไม้ เพื่อให้เหมาะสมกับที่ต้องช่วยเหลือท่านเจ้าอาวาส บูรณะ- ปฏิสังขรณ์พระอารามต่อไป เพราะ
วัดวาอารามในสมัยนั้นอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก ทั้งเป็นหน้าที่ของพระที่จะต้องเป็นผู้บูรณะซ่อมแซม ท่านจึงพยามยามฝึกฝน
หาความรู้ทางด้านงานช่างไม้จากผู้มีความรู้ดีบ้าง พยายามจดจำผลงานที่ดี ๆ ของช่างเก่า ๆ บ้าง ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยรักงานประเภทนี้อยู่
เป็นทุนอยู่แล้ว ทั้งยังมีความอุตสาหะ และความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ ท่านจึงสามารถศึกษางานด้านนี้จนมีความรู้ความ
สามารถ จนนับได้ว่า ท่านเป็นนายช่างที่มีฝีมือดีผู้หนึ่ง จากผลงานของท่านนี้
ต่อ
ท่านจึงได้รับมอบหมายจากหลวงพ่ออ่ำ เจ้าอาวาส และอาจารย์ของท่านให้รับหน้าที่ทางบูรณะและ
ปฏิสังขรณ์พระอารามแทนท่านต่อมา มีผู้เคยเล่ากันมาว่า งานซ่อมสร้างเสนาสนะของวัดทองนพคุณในครั้ง
ก่อนโน้น บางครั้งจ้างช่างไม้ที่อื่นมาทำ แต่ช่างไม้ที่มาทำนั้นถูกท่านท้วงติงฝีมือการทำงาน เพราะช่างทำได้
ไม่ดีตามความประสงค์ของท่าน ช่างหลายรายต้องคืนงานไม่ยอมรับทำต่อไป เพราะรู้ตัวดีว่าฝีมือสู้ท่านไม่
ได้ ท่านเคยกล่าวแก่บรรดาศิษย์ของท่านว่า เราจ้างเขามาทำเพราะคิดว่าเขาจะฝีมือดีกว่าเรา ถ้าทำได้ไม่ดี
กว่าเราหรือต่ำกว่าเรา ก็ไม่จำเป็นจะต้องจ้างมาให้เสียเงินเปล่า ๆ เราทำกันเองดีกว่า ฉะนั้นงานช่างไม้ที่วัด
ทองนพคุณนี้ ส่วนมากจึงสำเร็จด้วยฝีมือของท่าน และงานที่สำเร็จมาแต่ละชิ้นก็นับได้ว่ามีความประณีตและ
เรียบร้อยดีทุกอย่าง ทางด้านกิจของพระศาสนา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระคู่สวด พ.ศ.
๒๔๖๖ หลวงพ่ออ่ำ เจ้าอาวาสมรณภาพ ทางคณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดทองนพคุณแต่นั้น
มา เมื่อรับหน้าที่เจ้าอาวาสแล้ว ท่านก็ได้ปฏิบัติงานทั้งฝ่ายศาสนกิจและงานด้านสาธารณูปการตลอดมา นับ
ว่าท่านเป็นพระมหาเถระที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเป็นเวลานานมากรูปหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี คือตั้งแต่
พ.ศ. ๒๔๖๖
จนถึงปีที่ท่านมรณภาพ คือ พ.ศ. ๒๕๑๗ รวมเป็นเวลา ๕๑ ปีเศษ
http://johnnie-walk.blogspot.com/2012/08/blog-post.html
เหรียญหลวงพ่อเจริญ
ตัวอย่างเหรียญหลวงพ่อเจริญ
ปี พ.ศ.2511 ปี พ.ศ.2517 ปี พ.ศ.2516 ปี พ.ศ.2508
ประวัติโบสถ์ ประวัติโบสถ์
หน้าบันอุโบสถทิศตะวันออก ประดับ
ด้วยเครื่องถ้วยมีทั้งของจีนและยุโรป
โยมเป็นช่างฝีมือและช่างจีน
ใช้ถ้วยชามสมัยรัชกาลที่ 5
ลายเครื่องมงคลของจีน ได้แก่ กรับ
ปะการัง น้ำเต้า หน้าบัน อุโบสถส่วน
บนรูปหน้าจั่ว ปั้นเป็นรูป
พระพุทธเจ้า กับอุคครสาวก มีกิเลน และกระถางธูป รูปเต่าประดับอยู่ หน้าอุโบสถส่วน
ล่างปั้นเป็นรูปมังกรคู่ ประดับด้วยเครื่องมงคลของจีน คือ น้ำเต้า และป้้ายคู่หยินหยาง
หน้าบันอุโบสถ ทิศตะวันตกว่วนบนเป็นรูปพระพุทธเจ้ากับอัครสาวก มีกิเลนและกระถาง
ธูป รูปมังก่รประดับ หน้าอุโบสถส่วนล่าง ปั้นเป็นรูปมังกรคู่ ประดับด้้วยเครื่องมงคลของ
จีน คือ ตะกร้าดอกไม้และแผ่นป้ายยินหยาง
พระพุทธรูปศักดิสิทธิ์
พระพุทธรูปศักดิสิทธิ์
ของดีวัดทองนพคุณ
ไอติมรสพระทำ
ไอติมรสพระทำ เพราะ พระทำเอง
มี 3 รสชาติ ได้แก่ กะทิ ชาไทย และกาแฟ
ตลาดริมน้ำวัดทองนพคุณ
ภาพเก่า ภาพปัจจุบัน
ตลาดริมน้ำ
"ตลาดริมน้ำ วัดทองนพคุณ" จ.เพชรบุรี ตลาดริมน้ำวัดทองนพคุณ
(สะพานขวดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย) อุโมงค์ปลาตะเพียนยักษ์
(ทำจากขวดน้ำ)
ภาพเก่า
ภายในวัดทองนพคุณ
บรรยากาศงานวันลอยกระทง ปี 2565
ช่องทางร่วมทำบุญกับทางวัด
ธนาคารออมสิน
เลขบัญชี 020 228 218 051
ชื่อบัญชี วัดทองนพคุณ