The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ mind mapping

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sawitree Nakhontham , 2022-10-13 00:30:12

นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ mind mapping

นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ mind mapping

ED13307 สอื่ เทคโนโลยีและ
นวัตกรรมสําหรบั ครปู ระถมศกึ ษา

นวตั กรรมการจัดการเรยี นร้โู ดยใช้แผนภาพความคดิ Mnid mapping
จดั ทําโดย

นางสาวสาวิตรี นครธรรม 6494110033
นักศึกษาคณะศกึ ษาศาสตร์ สาขาการประถมศึกษา ชั้นปีท่ี 2

มหาวิทยาลัยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
อาจารยท์ ีป่ รกึ ษา

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ อาจารย์ สมหวัง นิลพันธ์



คําชี้แจง
เอกสารนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ฉบบั น้ีเป็ นส่วนหน่ึงจากนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ ทาํ หรือพฒั นาข้ึน
เพ่ือเป็นคู่มือสาํ หรับบุคลากร ทางการศึกษาในเร่ือง นวตั กรรมการจดั การ เรียนรู้ โดย นกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ สาขาการประถมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ จากรูปแบบนวตั กรรมจาํ นวน 14
รูปแบบ 14รายการ ดงั น้ี

1.รูปแบบการจดั กระบวนการเรียนรู้ แบบโฟร์แมทซิสเตม็ (4MAT System)

2.รูปแบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E

3.รูปแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวสิ ต์ (Constructivist)

4.กระบวนการจดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาของโพลยา

5.การจดั การเรียนรู้แบบการแกป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning)

6.นวตั กรรมการสอนแบบโมเดลซิปปา (CAPPA Model)

7.การจดั การเรียนรู้แบบวฏั จกั รสืบเสาะหาความรู้ 7E

8.การสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นพ้ืนฐาน (Creativity Based Learning: CBL)

9.การจดั การเรียนการสอนแบบ 3P (PPP Teaching Model)

10.นวตั กรรมแผนภาพความคิดอิสระ Mind Mapping

11.รูปแบบการสอนแบบPOB

12.การจดั การเรียนรู้แบบแบ่งผลสมั ฤทธ์ิ (Student Team Achievement Division: STAD)

13.กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ (CIRC: Cooperative Integrated Reading and Composition)

14.การจดั การเรียนการสอนแบบ TGT (Teams – Games -Tournaments)

ซ่ึงนวตั กรรมดงั กล่าวได้ผ่านการทดลองใช้ในรูปแบบเชิงวิจยั กบั นักเรียน และเพื่อให้ผูส้ อนมาใช้เป็ น
แนวทางในการทาํ ความเขา้ ใจเร่ืองการนาํ นวตั กรรมทางการศึกษามาใชใ้ นการพฒั นาการเรียนการสอนตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช2544

ผูจ้ ดั ทาํ จึงไดเ้ รียบเรียงขอ้ มูลที่เป็ นรูปแบบนวตั กรรมพร้อมตวั อย่างแผนการจดั การเรียนรู้โดยใช้

นวตั กรรมเพ่ือใหผ้ เู้ รียนสนใจไดร้ ับความรู้ความเขา้ ใจมากย่ิงข้ึน เอกสารเล่มจะช่วยทบทวนความเขา้ ใจให้
ชัดเจนมากย่ิงข้ึน จนสามารถนาํ ไปใช้ในการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ของตนเองได้ ประโยชน์ท่ีไดจ้ าก
เอกสารฉบบั น้ีย่อมก่อให้เกิดผลโดยตรงต่อผูเ้ รียนและผูส้ อนในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ผูจ้ ดั ทาํ ใคร่
ขอขอบคุณแหล่งวทิ ยาการที่เป็นขอ้ มูลใหผ้ จู้ ดั ทาํ นาํ มาอา้ งอิงเพ่ือใชเ้ ป็นประโยชนใ์ นการทาํ เอกสารคร้ังน้ี



คํานาํ

นกั ศึกษาสาขาการประถมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ได้ จดั
แสดงการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ รูปแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีใชน้ วตั กรรม รูปแบบต่างๆ และจดั ทาํ เอก
สารนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ฉบบั น้ีข้ึน เพ่ือเป็ น คู่มือสาํ หรับบุคลากรทางการศึกษา ในเรื่อง นวตั กรรม
การจัดการเรี ยนรู้ โดย นักศึกษาสาขาการประถมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ซ่ึงเป็นนวตั กรรมที่ไดผ้ า่ นการทดลอง ใชใ้ นรูปแบบการวิจยั ส่งผลในเชิงประจกั ษต์ ่อ
นกั เรียนอยา่ งเด่นชดั และเพ่ือให้ ครูผสู้ อนใชเ้ ป็ นแนวทางในการทาํ ความเขา้ ใจเรื่องการนาํ นวตั กรรมทาง
การศึกษา มาใชใ้ นการพฒั นาการเรียนการสอนตามหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2544 คณะ
ผจู้ ดั ทาํ ไดเ้ รียบเรียงขอ้ มูลรูปแบบของนวตั กรรมโดยสรุปเพื่อสามารถ นาํ ไปใชไ้ ดง้ ่ายพร้อมท้งั ยกตวั อยา่ ง
แผนการจดั การเรียนรู้โดยใชน้ วตั กรรม ประกอบภายในฉบบั เพ่ือให้ผสู้ นใจไดร้ ับความรู้ความเขา้ ใจมาก
ยงิ่ ข้ึน เอกสาร เล่มน้ีจะช่วยทบทวนความเขา้ ใจใหช้ ดั เจนยง่ิ ข้ึน จนสามารถนาํ ไปใชใ้ นการ พฒั นาการเรียน
การสอนของตนเองได้ ผลท่ีไดจ้ ากเอกสารฉบบั น้ีย่อมเกิดผล โดยตรงต่อตวั ผูเ้ รียนและผูส้ อนในการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือพฒั นาการ จดั การศึกษาของประเทศสืบต่อไป

สารบัญ หนา้

เรื่อง ก

คําชีแ้ จง้ 1-2
คาํ นาํ 3
นวัตกรรมการจัดการเรยี นรูโ้ ดยใช้ mind mapping 4-8
ข้ันตอนการจดั การเรยี นรู้โดยใช้ mind mapping 9-12,21-23
ตัวอย่างหนว่ ยการจดั การเรยี นรู้ 13-18,34-39
ตวั อยา่ งแผนการจัดการเรียนรู้ 19,40-41
ใบงาน 20,42
แบบบันทกึ ผลการเรียนรู้ 43
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้
เอกสารอ้างองิ

1

นวัตกรรมการจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้แผนภาพความคิด
การจัดการเรียนรู้แบบแผนผังความคิด Mind Map เป็นผลงานของนักจิตวิทยาชาวอังกฤษชื่อ โทนี่
บูซาน (อ้างถึงธัญญา และขวัญฤดี ผลอนันต์) ได้อธิบายไว้ในหนังสือเล่มใหม่ของ How to Mind Map ว่า
Mind Map เป็นวิธีการท่ีง่ายที่สุดในการนําข้อมูลเข้าไปในสมองและเรียกข้อมูลเหล่าน้ันออกมาใช้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพในรูปแบบของการจดบันทึกท่ีสร้างสรรค์และสามารถแสดงให้เห็นความคิดได้ง่ายและชัดเจน
อย่างเปน็ ระบบ
บูซาน(Byzantine. 1997: 59) ได้ให้ความหมายของแผนท่ีความคิดไว้ว่าแผนที่ความคิดเป็นแผนผังหรือ
แผนภาพที่แสดงออกของความคิดรอบทิศทางซ่ึงเป็นลักษณะการทํางานท่ีตามธรรมชาติของสมองมนุษย์และ
เป็นเทคนิคการแสดงออกด้วยภาพท่ีมีพลังนําไปสู่กุญแจสากลท่ีจะใช้ไขประตูสู่ศักยภาพของสมองแผนที่
ความคิดนําไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิตซ่ึงจะทําให้ การเรียนรู้ได้รับการพัฒนาและเกิดความคิดท่ี
ชัดเจนข้ึนจะนําไปสู่การพัฒนาการกระทําต่างๆของมนุษย์นอกจากน้ีบูซานยังได้กล่าวถึงคุณลักษณะสําคัญของ
แผนผังความคดิ ไว้4ประการดงั นี้
1.หวั ข้อที่สนใจจะถูกสร้างขน้ึ ตรงกลางของแผนภาพ
2.ใจความหลักของเร่ืองจะอยู่รอบหัวข้อซ่ึงตรงกลาง ออกไปทุกทิศทางซึ่งเปรียบเสมือนก่ิงก้านของต้นไม้ท่ีแตก
แขนงออกมา
3.กิ่งก้านที่แตกแขนงออกมาประกอบด้วยภาพหรือความสําคัญท่ีเขียนบนเส้นที่โยงกันส่วนของคําอื่นๆที่มี
ความสําคัญรองลงมาจะถูกเขยี นบนกิง่ ก้านทีแ่ ตกออกไปตามลาํ ดบั ตอ่ ๆไป
4.ก่ิงกา้ นจะถูกเชอ่ื มโยงกันในลกั ษณะท่ีแตกต่างกันตามลาํ ดบั และความสําคญั ของประเด็นตา่ งๆ
การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping)
เป็นการฝึกให้ผู้เรียนจัดกลุ่มความคิดรวบยอดของตน เพ่ือให้เห็นภาพรวมความคิดเห็นความสัมพันธ์ของ
ความคิดรวบยอดเป็นภาพ สามารถเก็บไว้ในหน่วยความทรงจําได้ง่าย การเขียนแผนผังสามารถทําได้หลาย
ลักษณะต่างๆดังต่อไปนี้

1.แผนผังตารางเปรียบเทียบ Compare table map เป็นการเขียนตารางเพื่อเปรียบเทียบสองส่ิงในประเด็นท่ี
กําหนด

2

2.แผนผังก้างปลา Fishbone map เป็นการเขียนแผนผังโดยกําหนดประเด็นหรือเร่ืองแล้วเสนอสาเหตุและ
ผลต่างๆในแตล่ ะดา้ น
3.แผนผังแสดงปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองกลุ่ม Two-group interaction map เป็นการเขียนเพื่อเสนอ
วัตถุประสงค์การกระทาํ และการตอบสนองของกลุ่มสองกลมุ่ ท่ีขัดแย้งหรือแตกต่างกนั
4.แผนผังความคิดรวบยอด Concept map ทําได้โดยเขียนความคิดรวบยอดไว้ข้างบนหรือตรงกลางแล้ว
ลากเสน้ ใหส้ ัมพันธก์ นั กับความคดิ รวบยอดอน่ื ๆทส่ี าํ คัญรองลงไปหรอื ความคดิ ท่ลี ะเอยี ดซบั ซอ้ นยิ่งขึน้ ดังนี้
5.แผนผังใยแมงมุม Spider map ทําได้โดยเขียนความคิดรวบยอดที่สําคัญไว้ก่ึงกลางแล้วเขียนคําอธิบายบอก
ลักษณะของความคิดรวบยอดอ่นื ๆไว้ด้วยดงั นี้
6.แผนผังวงจร Circle map เป็นการเขยี นแผนผงั เพ่อื เสนอข้ันตอนตา่ งๆท่ีสัมพันธ์เรยี งตามลาํ ดับ

7.แผนผังรูปวงกลมทับเหลี่ยม Overlapping circles map เป็นการเขียนเพ่ือนําเสนอส่ิงท่ีเหมือนกันและ
แตกตา่ งกนั

3

ขนั้ ตอนการจัดการเรยี นรู้โดยใชแ้ ผนภาพความคิด (Mind Mapping)
ขน้ั ตอนการจัดการเรยี นรู้ตามรปู แบบการสอนโดยใชแ้ ผนภาพความคิด (Mind Mapping)
ขั้นท่ี 1 ขน้ั เตรยี มความพร้อม

๑.๑ จดั กิจกรรมกล่มุ
๑.๒ แนะนํากตกิ า/อปุ กรณ์/สื่อ
ขน้ั ที่ 2 ขั้นกําหนดประเด็น/หัวขอ้ /เง่อื นไข/สถานการณ์
โดยใช้ เกม/กจิ กรรม/ใบงาน/ส่ือตา่ งๆ
ข้ันท่ี 3 ข้ันแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ กิจกรรมกลุ่มระดมการคิดวิเคราะห์แลกเปลี่ยนการเรียนรู้สรุป
สาระสาํ คญั ของเร่ืองโดยจัดทําเปน็ แผนภาพความคดิ กลมุ่
ขน้ั ที่ 4 ขน้ั นาํ เสนอผลงาน
ขนั้ ที่ 5 ขนั้ ชี้แนะ ครแู ละนักเรียนชแี้ นะอภิปรายแสดงข้อคดิ เห็นรว่ มกันและเพมิ่ เติมประเดน็ ความรู้
ขั้นที่ 6 ข้ันจัดทําแผนภาพความคิดอิสระ (Mind Mapping) โดยสงั เคราะห์องค์ความรทู้ ไี่ ด้
จากการ สรปุ การคิดวิเคราะหส์ าระสําคัญของเรอื่ งเปน็ ของตนเอง
สรปุ รูปแบบการจดั การเรยี นรู้โดนใช้นวัตกรรมแผนภาพความคดิ Mind Mapping
ขั้นท1ี่ ขั้นเตรยี มความพรอ้ ม
ข้นั ท2ี่ ขน้ั กาํ หนดประเด็น/หวั ขอ้ /เงื่อนไข
ขน้ั ท3่ี ขั้นแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
ขน้ั ท4ี่ ขั้นนาํ เสนอผลงาน
ขั้นท5ี่ ข้ันชี้แนะ
ขั้นท6ี่ ขั้นทาํ แผนภาพความคดิ อิสระ

4

ตวั อย่างหน่วยการจัดการเรียนรู้

พฒั นารูปแบบการสอนโดยใชน้ วตั กรรม mind mapping

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Family and friends

รายวชิ า ภาษาองั กฤษพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)

ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 เวลาเรียน 6 ช่วั โมง ภาคเรียนที่ ____________

ผสู้ อน _______________________________ โรงเรยี น___________________________________

1.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่อื งที่ฟงั และอา่ นจากส่อื ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็

อยา่ งมเี หตผุ ล
ตัวช้ีวัด 1. ปฏบิ ัตติ ามคําสง่ั และคาํ ขอรอ้ งท่ฟี งั หรอื อา่ น

2. อ่านออกเสียงคาํ สะกดคํา อา่ นกลุ่มคํา ประโยค และบทพดู เขา้ จังหวะ (chant) งา่ ยๆ
ถกู ต้องตามหลักการอ่าน

3. เลือก/ระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ตรงตามความหมายของกลุ่มคาํ และประโยคที่ฟงั
4. ตอบคาํ ถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนา หรือนทิ านง่ายๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชว้ี ดั 1. พดู โตต้ อบด้วยคําสน้ั ๆ งา่ ยๆ ในการสอื่ สารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟงั
2. ใช้คาํ สัง่ และคาํ ขอรอ้ งง่ายๆ ตามแบบที่ฟัง
4. พูดขอและให้ขอ้ มูลง่ายๆ เกี่ยวกับตนเอง และเพือ่ นตามแบบท่ีฟงั
มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่างๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตัวชี้วดั 1. พูดใหข้ ้อมูลเก่ียวกบั ตนเองและเรอ่ื งใกล้ตวั
2. จดั หมวดหมคู่ าํ ตามประเภทของบุคคล สตั ว์ และส่ิงของ ตามท่ฟี ังหรืออ่าน
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนาํ ไปใชไ้ ด้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตัวช้วี ดั 1. พูดและทําทา่ ประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

5

2.เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมที่เหมาะกับวัย
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั

ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนํามาใชอ้ ยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
ตัวชี้วัด 1. บอกความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คํา กลุ่มคาํ และประโยคงา่ ยๆ ของ

ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับกลมุ่ สาระการเรียนรอู้ ่ืน
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเชือ่ มโยงความรู้กับกลมุ่ สาระการเรยี นร้อู นื่ และเป็นพนื้ ฐาน

ในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้วี ัด 1. บอกคําศพั ท์ท่เี ก่ียวขอ้ งกับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อ่ืน
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธก์ ับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ทั้งในสถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม
ตัวช้วี ดั 1. ฟงั /พดู ในสถานการณ์งา่ ยๆ ที่เกิดขึน้ ในหอ้ งเรยี น
มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาต่างประเทศเปน็ เคร่อื งมือพ้ืนฐานในการศึกษาตอ่ การประกอบอาชพี และการ

แลกเปล่ียนเรยี นรกู้ บั สังคมโลก
ตวั ชว้ี ดั 1. ใชภ้ าษาต่างประเทศเพอ่ื รวบรวมคาํ ศัพทท์ ี่เกย่ี วข้องใกล้ตวั

2. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนร้คู ําคณุ ศพั ท์บอกลักษณะของบุคคล ตวั เลข 30-100 รวมถงึ การใชป้ ระโยคถามและตอบ

เกี่ยวกบั ลักษณะของบคุ คล การถามและตอบเกี่ยวกบั อายุของบุคคล เปน็ การเรียนร้ภู าษาองั กฤษเพอ่ื นําไปใช้
ในชวี ิตประจาํ วัน

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
- การอา่ นออกเสยี งคาํ ศพั ท์ท่ีลงทา้ ยดว้ ย l
- กลุ่มคาํ และประโยคท่ีมีความหมายเกย่ี วกบั ลักษณะของบุคคล
- ประโยคคาํ ถาม Yes/No questions

6

- ประโยคถามและตอบเก่ยี วกบั ลักษณะของบคุ คล อายุ และจํานวน

A: Is he/she (ลกั ษณะของบุคคล)? B: Yes, he/she is./No, he/she isn’t.

A: How old is he/she? B: He/She’s (อายุ).

A: How many squares are there?B: Thirty-four.

- ประโยคบรรยายเกยี่ วกับสมาชกิ ในครอบครัว

- พดู และทําทา่ ประกอบในการแนะนําตัวผู้อ่ืน

- กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น การเล่นเกม การร้องเพลง

- ความแตกต่างของเสยี งตัวอักษรของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย

- การใช้ภาษาในการฟัง/พดู ในสถานการณง์ า่ ยๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนในห้องเรียน

3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ิน

-

4. สมรรถนะสาํ คัญของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
- ทกั ษะการคิดอย่างสร้างสรรค์
4.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

- มงุ่ มั่นในการทาํ งาน

6. ช้ินงาน/ภาระงาน
- การพูดถาม-ตอบเก่ียวกับลกั ษณะของบคุ คล

7

- การเขียนบรรยายลกั ษณะของบุคคลหรือสตั ว์
- การทาํ ชนิ้ งานโปสเตอรค์ ําศพั ท์ Family members
- การวาดภาพครอบครัวและเขยี นบรรยาย
- การพูดถาม-ตอบเกีย่ วกบั อายขุ องผอู้ ืน่
- การทาํ ชิน้ งาน a family book
- การรวบรวมคาํ ศพั ทใ์ นสมุดคาํ ศัพท์ Your word book

7. การวดั และประเมนิ ผล
7.1 การประเมินก่อนเรยี น
- ประเมนิ การทําแบบทดสอบ
7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
- ประเมินการทําแบบฝึกหัด
- สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ในช่วงการทํากิจกรรม
7.3 การประเมินหลังการเรียน
- ประเมินการทําแบบทดสอบ
- ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
7.4 การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมนิ การพดู ถาม-ตอบเกยี่ วกบั ลกั ษณะของบุคคล
- ประเมนิ การเขียนบรรยายลักษณะของบคุ คลหรอื สัตว์
- ประเมนิ การทาํ ชิน้ งานโปสเตอร์คาํ ศัพท์ Family members
- ประเมนิ การวาดภาพครอบครัวและเขยี นบรรยาย
- ประเมินการพดู ถาม-ตอบเกีย่ วกับอายขุ องผูอ้ ่นื
- ประเมินการทําชิ้นงาน a family book
- ประเมนิ การรวบรวมคาํ ศพั ท์ในสมดุ คาํ ศพั ท์ Your word book

8

8. กจิ กรรมการเรียนรู้
- กจิ กรรมนําสู่การเรยี น
- กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้
- กิจกรรมรวบยอด

9. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน Smile ป. 3
2. แบบฝกึ หัด Smile ป. 3
5. บตั รภาพ บัตรคํา
6. ตกุ๊ ตาและลกู บอล
7. อินเทอร์เนต็
8. นิตยสาร

9

ตัวอยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้ (นักศกึ ษาเขยี นเอง)

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ีพฒั นาโดยใช้นวตั กรรม mind mapping

โรงเรยี น.................................. ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3

กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาอังกฤษ รหสั วชิ า อ รายวชิ าภาษาอังกฤษ ภาคเรยี นที่ 1/2565

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรอื่ ง 3 Family and friends จาํ นวน 6 ชัว่ โมง

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง Family เวลา 1 ชวั่ โมง

ผสู้ อน 6494110033 นางสาวสาวติ รี นครธรรม วนั ท่ี21 กันยายน พ.ศ.2565

อาจารยท์ ่ีปรกึ ษา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ อาจารย์ สมหวงั นลิ พันธ์

มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรอื่ งต่างๆ โดยการพดู

และการเขียน
ตัวชวี้ ดั 1. พดู ให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ ัว

2. จัดหมวดหมคู่ ําตามประเภทของบคุ คล สตั ว์ และสิ่งของ ตามทฟี่ ังหรืออา่ น
สาระสาํ คัญ

การเรียนรคู้ ําศพั ท์เกย่ี วกับสมาชิกในครอบครวั พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และการพดู แนะนาํ สมาชิกใน
ครอบครวั การพดู ให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั จาํ นวนสมาชิกในครอบครัวโดยการทาํ มายแมพ ทําใหน้ ักเรยี นได้ฝกึ ใช้
ภาษาในสถานการณจ์ รงิ ในห้องเรยี น และสามารถนาํ ไปใช้ในการสือ่ สารกบั บุคคลภายนอกไดอ้ ย่างม่นั ใจ

จุดประสงค์การเรียนรู้

ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
1) ออกเสียงและบอกความหมายคําศพั ทแ์ ละประโยคเกี่ยวกบั สมาชิกในครอบครัวได้

ทักษะ/กระบวนการ (P)
1) ออกเสียง สะกด และบอกความหมายคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั ครอบครัวได้
2) พดู และให้ขอ้ มลู เกยี่ วกับจํานวนสมาชิกในครอบครวั ได้

ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)

10

1) นักเรียนมเี จตคตทิ ดี่ ีตอ่ การใชภ้ าษาอังกฤษ
สมรรถนะสําคัญของผู้เรยี น

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.3 ความสามารถในการคดิ
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- ใฝ่เรยี นรู้
- มงุ่ มนั่ ในการทํางาน
สาระการเรยี นรู้

Vocabulary about family, father, mother, brother, sister, brother, sister and myself
and can make mind mapping family members ready to present.

กระบวนการจดั การเรียนรู้ mind mapping
ขั้นที่ 1 เตรียมความพรอ้ ม

ใหน้ กั เรียนรบั ใบงาน และปฎบิ ตั ติ ามใบงาน
ขั้นที่ 2. กําหนดสถานการณ์

ให้นักเรียนรบั ใบงานท่ี 1 แลว้ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามใบงานตามลําดบั แต่ละกลมุ่ รับเอกสารบทอ่าน และ
ทํากิจกรรตามใบงานท่ี 1
ขัน้ ที่ 3 แลกเปลีย่ นการเรียนรู้

นักเรียนทกุ คนแลกเปลย่ี นการเรียนรกู้ ัน
ข้ันที่ 4 นําเสนอผลงานหนา้ ชั้น
ขน้ั ท่ี 5 อภิปรายแลกเปลยี่ นการเรียนรทู้ ั้งชั้น

นักเรยี นและครูร่วม แสดงข้อคดิ เหน็ วพิ ากวิจารณ์อย่างมีเหตุผล

ขน้ั ท่ี 6 ขั้นจดั ทาํ เปน็ แผนภาพความคดิ อสิ ระ(Mind Mapping)
นักเรยี นสรุปความคิดรวบยอด/แล้วเขยี นเป็นแผนภาพความคิดเปน็ ของตนเองโดย

ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี น Smile ป. 3
2. แบบฝกึ หดั Smile ป. 3
4. พจนานกุ รม
5..ใบงานที่ 1 Your Family Members
7.ใบงานท่ี 2
8.ใบงานท่ี 3

การวัดผลและประเมินผล
1.ออกเสยี งและบอกความหมายคาํ ศพั ทแ์ ละประโยคเก่ยี วกบั สมาชิกในครอบครัวได้ (K)
2.ออกเสยี ง สะกด และบอกความหมายคําศัพทเ์ ก่ียวกบั คาํ ศพั ท์คนในครอบครัวได้ (P)
3.พูดและให้ข้อมลู เกย่ี วกับจาํ นวนสมาชกิ คนในครอบครวั ได้ (P)
4. นกั เรยี นมีเจตคติทีด่ ีตอ่ การใช้ภาษาองั กฤษ (A)

สิง่ ทวี่ ัด เครือ่ งมอื วดั เกณฑก์ ารวัด
1.ความรู้ ออกเสียงและบอกความหมาย รอ้ ยละ80 ผา่ นเกณฑ์
2.ทกั ษะ คําศพั ท์และประโยคเกย่ี วกับ รอ้ ยละ80 ผา่ นเกณฑ์
สมาชิกในครอบครวั ได้ (K)
ออกเสยี ง สะกด และบอก
ความหมายคําศัพท์เกยี่ วกับ
ครอบครวั ได้ (P)
พดู และใหข้ อ้ มูลเกยี่ วกับจาํ นวน
สมาชกิ ในครอบครวั ได้ (P)
ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์

ทักษะการคิดอย่างสรา้ งสรรค์

3.สมรรถนะ การสังเกตการทาํ งานกลุม่ ร้อยละ80 ผ่านเกณฑ์
4.คุณลักษณะ การสงั เกตการทาํ งานเดี่ยว ร้อยละ60 ผ่านเกณฑ์
ครูประเมนิ นักเรยี นโดย การสงั เกตการทํางานกลมุ่
การสังเกตการทํางานเดี่ยว

1.สังเกตการณ์ทาํ กิจกรรมของนกั เรยี น

2.สงั เกตกระบวนการทาํ กจิ กรรมของนกั เรยี น

3.สงั เกตการส่ือสาร เม่ือออกมานําเสนอให้เพ่ือนฟงั

4.ผลงานเดย่ี วของนกั เรียน

ครปู ระเมนิ ตนเองโดย

1.รวบรวมข้อมูลเกีย่ วกบั หลกั เกณฑ์การวเิ คราะห์ประเดน็ สาํ คัญการอา่ น การสรปุ ประเด็นทส่ี อน

2.บทบาทครใู นการกระต้นุ นักเรียน

ประเมนิ หลงั การสอน

1.ประเมินนักเรยี น

....................................................................................................................................................................

2. ประเมนิ ครู

grandfather ใบความร้ทู ี่ 1 คําศพั ท์ 13
grandmother เรือ่ ง My Family
father คุณป,ู่ คุณตา
mother (แกรนด์ ฟา เธอะ) คุณยา่ , คุณยาย
parent (แกรนด์ มา เธอะ) คณุ พอ่
daughter (ฟา เธอะ) คณุ แม่
son (มา เธอะ) พ่อหรอื แม่
brother (แพ เรนท)์ ลูกสาว
kin (ดอ เทอะ) ลูกชาย
baby (ซนั ) พช่ี าย, น้องชาย
sister (บรา เธอะ) ญาติ, พ่นี ้อง
husband (คนิ ) ลูก, เด็กทารก
wife (เบบี) พสี่ าว, นอ้ งสาว
uncle (ซิส เทอะ) สามี
aunt (ฮชั เป็นด์) ภรรยา
(ไวฟ) ลุง, อาผชู้ าย
(อังเคิล) ปา้ , อาผู้หญิง
(อานท)

14

ใบความรู้ที่ 2

15

ใบความรทู้ ่ี 3

My family ครอบครัวของฉัน

I have a big family. There are four people in my family: my mother,
my father, my younger brother and me. Oh, there is also a dog
named Buddy lives with us. My mother is a Chinese teacher, and my
father is a lawyer. My little brother and I go to the same school. On
weekday, my father sends us to school; while mother help us with
our homework. My favorite thing is to play with our dog, Buddy. If we
have enough time, we will take him for a walk. I love my family.

ครอบครัวของฉนั
ฉนั มีครอบครัวใหญ่ ครอบครวั ของฉันมสี ีค่ น คือแม่ พ่อ นอ้ งชาย และฉนั โอม้ ีสนุ ัขช่อื
บัดดีอ้ าศยั อยูก่ บั เราด้วย แม่ของฉนั เปน็ ครูสอนภาษาจนี และพอ่ ของฉนั เปน็ ทนายความ
ฉันกบั พีช่ ายคนเล็กไปโรงเรียนเดียวกัน ในวันธรรมดาพ่อสง่ เราไปโรงเรียน ในขณะทแ่ี ม่
ช่วยเราทํางานบา้ น สง่ิ ท่ฉี นั ชอบทีส่ ุดคือการเล่นกบั บัดดีส้ ุนัขของเรา ถ้าเรามเี วลาพอ
เราจะพามันไปเดนิ เล่น ฉันรกั ครอบครวั ของฉัน.

16

ใบงานท่ี 1
Your Family Members
คําชีแ้ จง จงทาํ มายแมพแสดงสมาชกิ ในครอบครวั ของตนเอง

My Family

17

ใบงานที่ 2

18

ใบงานที่ 3

19

แบบบนั ทึกผลการเรยี นรู้
บนั ทึกการสะท้อนผล การจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้ mind mapping
1.ขนั้ ตอนการทํางานทงั้ 6 ขนั้ ตอน
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2.ความรทู้ ีไ่ ด้รบั จากการใชน้ วตั กรรม mind mapping
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
3.ทักษะทไ่ี ดร้ ับ
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
4.คณุ ลกั ษณะท่ีดี/ค่านยิ ม/คุณธรรม/จรยิ ธรรม
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
.…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5.สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
6.ผลงาน/ช้ินงาน/แบบฝกึ หดั
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................

20

แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้

คําชแี้ จง: ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมการสอนของครูและโปรดทําเคร่ืองหมาย / ลงในชอ่ งว่าง พฤตกิ รรมการ
สอนตามรายการ การสงั เกตการณส์ อนดังตอ่ ไปน้ี

รายการ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบัติ ข้อเสนอ
1.ครูจดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้ผู้เรียนคดิ หลากหลาย
2.ครูเสนอ/จดั แหล่งความรเู้ พ่ือให้ผเู้ รยี นไดฝ้ ึกการคน้ คว้า
รวบรวมขอ้ มลู ตามขั้นตอน
3.ครูจดั กจิ กรรมใหเ้ ด็กได้เกิดการณเ์ รียนรู้
4.ครเู ปดิ โอกาสใหเ้ ด็กได้เสนอผลงานของตนเอง
5.ครจู ดั กิจกรรมให้เดก็ ไดล้ งมอื ทาํ
6.ครูเปิดโอกาสใหเ้ ด็กกล้าแสดงความคดิ เห็น
7.ครูจดั กจิ กกรมการเรยี นรูใ้ ห้เช่ือมโยงความรูเ้ ดมิ กบั ความรใู้ หม่
8.ครูมีการใชส้ อ่ื การสอนทห่ี ลากหลาย
9.ครใู หก้ ารเสรมิ แรงนกั เรยี นอย่างเหมาะสม
10.ครจู ัดกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ีเ่ ออ้ื ต่อการฝึกความรับผิดชอบ การ
มวี นิ ัยของเด็ก

ลงชอ่ื ...................................................................
(.................................................................)
ผ้ปู ระเมนิ

21

ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจดั การเรยี นร้ทู พี่ ฒั นาโดยใชน้ วตั กรรม mind mapping ( วฒั นากาญจน์ แก้วมณี )

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง Around town จาํ นวน 7 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6

เรอื่ ง Past Simple Tense เวลา 1 ชวั่ โมง

1.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด

สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การสื่อสาร

มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งตา่ งๆ

โดยการพูดและเขียน

2. ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั

ต.1.3 สามารถพูดหรือเขยี นประโยค Past Simple Tense ได้

3.สาระสําคัญ

การใช้ Past Simple Tense

4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

นักเรยี นสามารถเขยี นประโยค Past Simple Tense ได้

5. สาระการเรียนรู้

การใช้ Past Simple Tense

6.ชิน้ งานและภาระงาน

ผงั มโนทัศน์

งานเขียนเชงิ คิดสรา้ งสรรค์

7.กิจกรรมการเรียนรู้

ขั้นนําเข้าสู่บทเรียน (Introduction)

1.ครชู ีแ้ จงการเรยี นรเู้ ร่ืองการใช้ Past Simple Tense โดยการใชผ้ ังมโนทศั น์ ตวั อยา่ ง

22

Goft Last year

Activities I played goft last year.
(key word)

Yoga Two year ago

He did yoga with an Indian teacher two year

ขัน้ ดําเนินการสอน
8. ครใู ห้นกั เรียนเรียนรู้จากใบงานเรื่อง Past Simple Tense
9. ครูนําเสนอหัวข้อท่ีนกั เรยี นจะต้องเขียนโดยใชแ้ ผนผงั มโนทัศน์

Past Simple Tenes

คาบท่ี 6 การกระทําในอดตี กจิ กรรมที่เคยทาํ ในอดตี
คาบที่ 7
คาบที่ 8 เหตกุ าร์ณทเี่ กิดขึ้นในอดีต สถานทีท่ ีเ่ คยไป

ทดสอบการเขียนความเรียงเชิงสร้างสรรคโ์ ดยใชโ้ ครงสรา้ งของ Past Simple Tense

จากตารางข้างต้นในคาบท่ี 6 ครใู ห้นกั เรยี นเลือกเขียน นิสัยหรอื การกระทาํ ในอดตี โดย
เลือกหวั ข้อซงึ่ สามารถทาํ เป็น key word ของผงั มโนทัศน์และเขียนเป็นความเรยี งเชงิ คดิ สรา้ งสรรค์จํานวน 1
เร่อื ง (10 ประโยค)ได้ โดยใช้เวลา 1 คาบ 50 นาที

จากตารางขา้ งตน้ ในคาบท่ี 7 ครูใหน้ ักเรยี นเลอื กเขยี น เหตุการณท์ เ่ี กิดขึ้นในอดตี โดยเลอื กหัวข้อซึ่ง
สามารถทาํ เป็น key word ของผงั มโนทัศนแ์ ละเขียนเป็นความเรียงเชงิ สรา้ งสรรคจ์ าํ นวน 1 เร่ือง (10
ประโยค) ได้ โดยใช้เวลา 1 คาบ 50 นาที

23

จากตารางขา้ งต้นในคาบที่ 8 ครทู าํ การทดสอบการเขียนความเรียงเชิงสร้างสรรค์โดยใชร้ ปู ประโยค
ของ Past Simple Tense จ านวน 1 เรอ่ื ง (10 ประโยค) โดยใชเ้ วลา 1 คาบ 50 นาที

10. ขณะทน่ี กั เรยี นเขยี นแผนผังมโนทัศนแ์ ละเขยี นเร่อื ง ครเู ดินสังเกตการณ์ทํางานของ
นกั เรยี นให้ทว่ั ถึงเปน็ การตรวจสอบการเรียนรู้ของนกั เรียนแต่ละคน
ข้นั สรุป

11. ครูเลือกชน้ิ งานทีด่ แี ละโดดเดน่ มาแสดงใหน้ กั เรยี นในชน้ั เรียนได้เห็นเพ่ือเป็นตวั อยา่ ง
12. ครใู ห้นักเรียนทัง้ ช้ันช่วยกันสรปุ เรื่องการใช้ Past Simple Tense
8.สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้.
ใบความรู้เรอื่ ง Past Simple Tense
9.การวดั และประเมินผล
ใบงานแสดงผงั มโนทัศน์และงานเขยี น
แบบประเมนิ การเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์
เกณฑ์ผา่ นมีคะแนนไม่ตา่ํ กวา่ ร้อยละ 80
10.ประเมนิ หลังการสอน
1.ประเมินนักเรียน
..........................................................................................................................................................................
2.ประเมนิ ครู
..........................................................................................................................................................................

24

ใบความรูเ้ รอ่ื ง Past Simple Tense

โครงสร้าง : Subject + Verb 2

เราจะใช้ Past Simple Tense เพ่อื พูดถงึ เหตกุ ารณใ์ นอดตี
1.ใช้พูดถึงความจริงในชวี ติ ประจ าวนั หรือความจริงตามธรรมชาติ
Example
* หลกั การเปลี่ยนกรยิ าช่องที่ 1 เป็ นช่องที่ 2 (Verb 2)

คํากริยาชอ่ งท่ี 2 มชี ่อื ภาษาองั กฤษ วา่ “simple past”
เราเปล่ยี นคาํ กรยิ าเปน็ ชอ่ งท่ี 2 โดยการเตมิ –ed

Verb คํากริยา หลกั การเติม ตวั อย่าง
คํากริยาทัว่ ไป เตมิ d Visit visited
Wash washed
คาํ ท่ีลงท้ายดว้ ย e เติม d Live lived
Move moved
คาํ ทล่ี งท้ายด้วย y แต่ เปลย่ี น y เปน็ i แลว้ เติม ed Study studied
ขา้ งหน้า y เป็นพยญั ชนะ Try tried
Dry dried
คาํ ท่ีลงทา้ ยดว้ ย y แต่ขา้ งหนา้ y เติม ed Play played
เป็ นสระ Enjoy enjoyed

คาํ พยางคเ์ ดียวคาํ ท่ีลง เติมพยญั ชนะอีกตวั แลว้ Tap tapped
ทา้ ยดว้ ยพยญั ชนะ เติม ed Stop stopped
Rub rubbed
Verb คาํ กริยา หลกั การเติม
ตวั อยา่ ง
(ยกเวน้ w / x / y) แต่ขา้ งหนา้ เติม ed Plan planned
เป็ นสระ
เติมพยญั ชนะอีกตวั แลว้ Order ordered
คาํ 2 พยางคข์ ้ึนไป คาํ ที่ลงทา้ ย เติม ed Focus focused
ดว้ ยพยญั ชนะ Happen happened
Limit limited
(ยกเวน้ w / x / y) แต่ขา้ งหนา้
เป็นสระ ออกเสียง Control controlled
Permit permitted
หนกั ที่พยางคห์ นา้ Occur occurred

คาํ 2 พยางคข์ ้ึนไป คาํ ท่ีลงทา้ ย
ดว้ ยพยญั ชนะ

(ยกเวน้ w / x / y) แต่ขา้ งหนา้
เป็นสระ ออกเสียง

หนกั ที่พยางคห์ ลงั

คาํ กรยิ าบางคาํ จะเปล่ียนรูปเรยี งจาก A-Z
กรยิ าท่ีเปล่ยี นรูปเม่ือเป็นกรยิ าชอ่ งท่ี 2

Verb ช่องท่ี 1 Verb ช่องที่ 2 ความหมาย
Be was / were เป็น / อยู่ / คือ
Begin began เร่ิม

Buy bought ซ้ือ
Bite bit กดั
Verb ช่องที่ 1 Verb ช่องที่ 2 ความหมาย
Bring brought
นาํ มา
Build built
Catch caught สร้าง
Come came จบั
Do did มา
Drink drank ทาํ
Draw drew ดื่ม
Eat ate วาด
Fall fell กิน
Feed fed ตกลง / หกลม้
Feel felt ใหอ้ าหาร / เล้ียงดู
Find found รู้สึก
Fight fought คน้ หา
Fly flew ต่อสู้
Forget forgot บิน
Forgive forgave ลืม
Get got ยกโทษ
Give Gave ไดร้ ับ
ให้

Go went ไป
Grow grew เติบโต
Verb ช่องที่ 1 Verb ช่องที่ 2 ความหมาย
Have had มี
Hang hung แขวน
Hear heard ไดย้ นิ
Hold held ถือ / ครอบครัว
Hide hid ซ่อน
Keep kept รักษาไว้
Know knew รู้
Leave left จากไป
Lose lost แพ้
Make made ทาํ ข้ึน / สร้าง
Meet met พบ
Pay paid จ่าย
Ride rode ข่ี
Ring rang ร้องข้ึน / มีเสียงข้ึน
Rise rose ข้ึน
Run ran วงิ่
Say said
See saw พดู

เห็น

Sell sold ขาย
Sing sang ร้องเพลง
Sit sat นง่ั
Sleep slept นอน
Speak spoke พดู / แถลง
Stand stood ยนื
sweep swept กวาด
Swim swam วา่ ยน้าํ
Take took นาํ ไป / เอา
Teach taught สอน
Tell told บอก
think thought คิด
understand understood เขา้ ใจ
wake woke ต่ืน
wear wore ใส่ / สวม
Win won ชนะ
write wrote เขียน

29

กริยาที่ไม่เปลี่ยนรูปเมื่อเป็นกริยาช่องท่ี 2

Verb ช่องท่ี 1 Verb ช่องท่ี 2 ความหมาย
Bet bet พนนั
Cast cast ขวา้ งทิ้ง / ไล่ / ทาํ ร้าย
Cost cost มีราคา
Cut Cut ตดั
Fit Fit เหมาะสม / ทาํ ใหเ้ หมาะ
Hit Hit ตี
Hurt Hurt เจบ็ / ทาํ ร้าย
Let Let อนุญาตให้ / ปล่อย
Put Put จดั วาง / ใส่
Quit Quit ลาออก
Read Read อ่าน
Rid Rid ขจดั / สลดั ทิ้ง
shut shut ปิ ด
Set Set วาง / ต้งั / กาํ หนด
upset upset เศร้า / ผดิ หวงั

Adverb of Time ของ Past Simple

Yesterday เมื่อวานน้ี Long time ago นานมาแลว้
Last __________ เม่ือ_________ ที่แลว้ Once upon a time กาลคร้ังหน่ึง
___________ ago _________ล่วง In the ancient time แต่โบราณ
มาแลว้
In the past ในอดีต

ตาํ แหน่ง
*ทา้ ยสุดของประโยค I went to the zoo yesterday.
*หนา้ สุดของประโยค Yesterday, I went to the zoo.

31

สรุปโครงสร้าง Past Simple Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า Past simple tense
Subject + Verb ช่อง 2+ (กรรม) + (ส่วนขยาย) + .

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ Example : They ate spicy food.

Subject + did +not+ Verb infinitive + (กรรม)+
(ส่วน

ขยาย) + .

Example: She did not read novel.
Example: They did not eat spicy food.
**เราสามารถใชร้ ูปยอ่ did not เป็ น didn’t ได้

โครงสร้างประโยคคาํ ถาม Did + Subject + Verb infinitive + (กรรม) +
(ส่วนขยาย) + .

Example: Did she read novel?
การตอบ Yes, she did.

No, she didn’t

Example: Did you eat spicy food?
การตอบ Yes, I did.

No, I didn’t

โครงสร้างประโยคคาํ ถาม Wh questions + did + Subject + verb
Wh infinitive+ (กรรม) +
Wh-question ไดแ้ ก่ Who / What/ Where / (ส่วนขยาย) + ?

When / Why / How Example: What did she do after finish her
homework?
การตอบ She practiced the piano.

Example: When did they contest the music?
การตอบ They contested the music last week.

การตอบ
-ใชร้ ูปประโยคบอกเล่า
- ใชส้ รรพนาม (I / you / we /they / he / she / it) แทนประธานเสมอ ยกเวน้ ค าถามท่ีถามถึงประธาน
/ กรรมที่ข้ึนตน้ ดว้ ย Who / What (บางกรณี) / whom
- เนน้ ตอบตาม question word

I / ประธานเอกพจน์ was was ส่วนเติมเตม็
Was not (wasn’t)
.
You/ประธานพหูพจน์ were Were
Were not (weren’t)

**สรรพนาม you เป็ นขอ้ ยกเวน้ ถึงเป็ นเอกพจน์ แต่ใช้ were**

Was I / ประธานเอกพจนส์ ่วนเติมเตม็

Were you/ ประธานพหูพจนก์ ารตอบ ส่วนเติมเตม็ ?

การตอบ Yes - ใช่ No - ไม่ใช่ 33
Yes I Wasn’t
I Was He/She/It .
He/She/It
No
. You Weren’t
We/they
You were
We/they

Question word was I / ประธานเอกพจน์ ส่วนเติมเตม็ ?
were You / ประธานพหูพจน์

34

ใบงานแสดงผงั มโนทศั นแ์ ละงานเขียนเชิงคิดสร้างสรรค์
ช่ือ_______________________________________________ช้นั __________เลขที่____________
คาํ ชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียน กิจกรรมท่ีเคยทาํ ในอดีต ซ่ึงหวั ขอ้ สามารถทาํ เป็น key word ของผงั มโน
ทศั นแ์ ละเขียนเป็นความเรียงเชิงคิดสร้างสรรคจ์ าํ นวน 1 เร่ือง (10 ประโยค) โดยใชเ้ วลา 1 คาบ 50 นาที

ผงั มโนทศั นเ์ ร่ือง________________________

35

ใบงานเขียนเชิงคิดสร้างสรรค์

ช่ือ________________________________________________ช้นั _________เลขท่ี____________

เร่ือง_______________________

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

36

ใบงานแสดงผงั มโนทศั น์และงานเขียนเชิงคิดสร้างสรรค์
ช่ือ________________________________________________ช้นั _________เลขท่ี_________
คาํ ชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนสถานที่ท่ีเคยไปในอดีต ซ่ึงหวั ขอ้ สามารถทาํ เป็น key word
ของผงั มโนทศั นแ์ ละเขียนเป็ นความเรียงเชิงคิดสร้างสรรคจ์ าํ นวน 1 เร่ือง (10 ประโยค) โดยใช้
เวลา 1 คาบ 50 นาที

ผงั มโนทศั น์เร่ือง_______________________________

37

ใบงานเขียนเชิงคิดสร้างสรรค์

ช่ือ________________________________________________ช้นั _________เลขท่ี____________

เรื่อง_______________________

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

38

แบบทดสอบการเขียนผงั มโนทศั นแ์ ละงานเขียนเชิงคิดสร้างสรรค์
ช่ือ____________________________________________________ช้นั __________เลขท่ี_______
คาํ ชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนผงั มโนทศั นจ์ ากเร่ืองท่ีนกั เรียนกาํ หนดข้ึนเอง จากน้นั นาํ ไปเขียนเป็นความเรียงเชิง
สร้างสรรค์ โดยใชโ้ ครงสร้างของ Past simple tense จาํ นวน 1 เรื่อง (10 ประโยค) โดยใชเ้ วลา 1 คาบ
50 นาที

ผงั มโนทศั นเ์ ร่ือง________________________

39

แบบทดสอบการเขียนผงั มโนทศั นแ์ ละงานเขียนเชิงคิดสร้างสรรค์

ชื่อ____________________________________________________ช้นั __________เลขที่_______

คาํ ชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนผงั มโนทศั นจ์ ากเร่ืองท่ีนกั เรียนก าหนดข้ึนเอง จากน้นั นาํ ไปเขียน

เป็นความเรียงเชิงสร้างสรรค์ โดยใชโ้ ครงสร้างของ Past simple tense จาํ นวน 1 เร่ือง (10 ประโยค) โดย
ใชเ้ วลา 1 คาบ 50 นาที

ผงั มโนทศั นเ์ ร่ือง________________________

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

40

แบบบันทึกผลการเรียนรู้
บนั ทึกการสะทอ้ นผล การจดั การเรียนรู้โดยใช้ mind mapping
1.ข้นั ตอนการทาํ งานท้งั 6 ข้นั ตอน
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2.ความรู้ท่ีไดร้ ับจากการใชน้ วตั กรรม mind mapping
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3.ทกั ษะท่ีไดร้ ับ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
4.คุณลกั ษณะท่ีดี/คา่ นิยม/คุณธรรม/จริยธรรม
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………….
5.สื่อและแหล่งการเรียนรู้
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

41

6.ผลงาน/ชิ้นงาน/แบบฝึ กหดั
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

42

แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้

คาํ ช้ีแจง: ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมการสอนของครูและโปรดทาํ เคร่ืองหมาย / ลงในช่องวา่ ง พฤติกรรมการ
สอนตามรายการ การสงั เกตการณ์สอนดงั ต่อไปน้ี

รายการ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบตั ิ ขอ้ เสนอ

1.ครูจดั กิจกรรมการเรียนการสอนใหผ้ เู้ รียนคิดหลากหลาย

2.ครูเสนอ/จดั แหล่งความรู้เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกการคน้ ควา้

รวบรวมขอ้ มูลตามข้นั ตอน
3.ครูจดั กิจกรรมใหเ้ ดก็ ไดเ้ กิดการณ์เรียนรู้

4.ครูเปิ ดโอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ สนอผลงานของตนเอง

5.ครูจดั กิจกรรมใหเ้ ดก็ ไดล้ งมือทาํ

6.ครูเปิ ดโอกาสใหเ้ ดก็ กลา้ แสดงความคิดเห็น

7.ครูจดั กิจกกรมการเรียนรู้ใหเ้ ช่ือมโยงความรู้เดิมกบั ความรู้
ใหม่

8.ครูมีการใชส้ ่ือการสอนที่หลากหลาย

9.ครูใหก้ ารเสริมแรงนกั เรียนอยา่ งเหมาะสม

1.ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการฝึกความรับผดิ ชอบ การ
มีวนิ ยั ของเดก็

ลงช่ือ...................................................................
(..........................................................................)

ผปู้ ระเมิน

43

เอกสารอา้ งองิ
http://libdoc.dpu.ac.th/thesis/Wattanakarn.Kae.pdf


Click to View FlipBook Version