ชื่องานวิจัย การพัฒนาความสามารถในการจดจำคำศัพท์ให้คงทนและการออกเสียงคำศัพท์
ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ
โดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน
ชื่อผู้วิจัย นางสาวพิราวรรณ ปันใจแก้ว
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้คำศัพท์ก่อนและหลังเรียนที่ใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
SRMIP 5 ขั้นตอน 3) เพื่อศึกษาความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังจากเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้
คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน 4) เปรียบเทียบความสามารถของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนการออกเสียงคำศัพท์
ภาษาอังกฤษ และ 5) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน โดย
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ จำนวน 18 คน ทำการทดลองและวัดความ
คงทนในการจำคำศัพท์ แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัย
พบว่า
1. ประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน มีค่าเท่ากับ 75..86/75.13 ซึ่ง
เท่ากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ความคงทนในการจำความหมายคำศัพท์ หลังการเรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอนทันที และหลังการเรียนผ่านไปแล้ว 14 วัน ไม่แตกต่างกัน
3. ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้คำศัพท์ของนักเรียน หลังการใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอนสูงกว่าก่อนการใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
4. ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้คำศัพท์ของนักเรียน หลังการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
5. นักเรียนมีความคิดเห็นต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนอยู่ในระดับ
คำสำคัญ : กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ความรู้คำศัพท์ ความคงทนในการจำคำศัพท์ ความ
คิดเห็นของนกเรียน การออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ั
ความเป็นมาและความสำคัญ
สังคมโลกปัจจุบันนี้มีความเจริญก้าวหน้า และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านต่างๆ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการติดต่อสื่อสารได้พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งด้านข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยี การศึกษาไทย ควร
พัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง การติดต่อสื่อสารกันนั้นจำเป็นต้องมีภาษาเป็นสื่อกลาง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
แนวเดียวกัน นอกจากจะใช้ภาษาในกลุ่มเดียวกันแล้ว คนเราต้องติดต่อสื่อสารหรือแสดงความเข้าใจกับคน
ภายนอกกลุ่มอีกด้วย ภาษาอังกฤษจัดเป็นภาษาสากล (International Language) ที่มีผู้นิยมใช้กันมากในการ
ติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลก
จากการเรียนการสอนที่ผ่านมาส่วนมาก พบว่า ครูภาษาอังกฤษมักจะให้นักเรียนท่องคำศัพท์พร้อมกับ
ความหมายแต่เมื่อพบคำศัพท์ดังกล่าวในข้อความที่ได้ยินหรืออ่านก็ไม่สามารถบอกความหมายข้อความหรือ
ประโยคที่ได้ยินหรืออ่านได้ถูกต้อง เนื่องคำศัพท์นั้นอาจมีความหมายแตกต่างกันเมื่ออยู่ในสถานการณ์หรือบริบท
อื่นๆ (Lanui, 1995) ซึ่งการที่ครูยังใช้วิธีการสอนคำศัพท์แบบแปลความหมายให้นักเรียนท่องจำนั้น นักเรียนจะ
สามารถจำได้เพียงชั่วคราว ทำให้เกิดปัญหาในการเรียนภาษาหรือใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสาร (Sangchai, 1990)
ดังนั้นนักเรียนจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้คำศัพท์ในประโยค เพื่อเป็นการช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของคำศัพท์
โดยไม่ต้องแปล (Lanui, 1995)
อีกหนึ่งในปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญของผู้เรียนในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คือ การออกเสียง
ภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ดังที่ (Derwing T. M. and Rossiter, 2002) ได้กล่าวไว้ว่าสาเหตุที่สำคัญของปัญหาที่
เกิดขึ้นในการสื่อสารคือ การออกเสียงที่ไม่ถูกต้องทำให้การสื่อสารดำเนินไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับ
(ปรียา โนแก้ว และประนุท สุขศรี, 2548) ที่กล่าวไว้ว่า ผู้เรียนมักประสบปัญหาในการออกเสียง เนื่องจากมีภาษา
แม่มารบกวนหรือภาษาแม่มีอิทธิพลในการออกเสียงภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศ
จากปัญหาและความสำคัญของคำศัพท์ดังที่กล่าวมาข้างต้น ครูผู้สอนจึงควรให้ความสำคัญในการหาวิธีใน
การเรียนการสอนคำศัพท์ที่เหมาะสมมาใช้ เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถในด้านคำศัพท์อย่างมี
ประสิทธิภาพตามที่ Tearuttanakul (2009) กล่าวว่าการรอบรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษมากจะเป็นตัวแปรที่ช่วยสร้าง
เสริมให้ประสบความสำเร็จในการศึกษาและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอาชีพ ซึ่งได้มีนักวิชาการและนักวิจัยใน
ต่างประเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการอีกวิธีหนึ่งที่ครูผู้สอนภาษาอังกฤษสามารถสอนคำศัพท์เพื่อพัฒนาความรู้
ความสามารถด้านคำศัพท์ให้กับนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน
จากการสำรวจของ Paribakht & Wesche (1997) ซึ่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
SRMIP 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การดึงดูดความสนใจของคำศัพท์ (Selective Attention) 2) การรู้จำคำศัพท์
(Recognution) 3) การจัดประเภทคำศัพท์ (Manipulation) 4) การตีความหมายคำศัพท์ (Interpretation) และ
5) การนำคำศัพท์ไปใช้ (Production) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Hashemzadech (2012) ได้ทำการวิจัยความ
คงทนในการจำคำศัพท์ของผู้เรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ ระดับชั้นประถมศึกษา แสดงให้เห็นว่า
ผู้เรียนสามารถจำคำศัพท์จากกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนได้
จากการที่ผู้วิจัยสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ ได้สังเกตผู้เรียนในชั้นเรียนวิชา
ภาษาอังกฤษ พบว่านักเรียนไม่สามารถบอกความหมายคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยได้ ทำให้ไม่สามารถทำแบบทดสอบใน
ทักษะอื่นๆได้ นอกจากนี้นักเรียนจำคำศัพท์ได้ในระยะสั้นทั้งที่มีการท่องคำศัพท์และทบทวนอยู่เสมอ รวมทั้งยังไม่
สามารถนำคำศัพท์ที่เรียนมาใช้ในการเขียนได้ถูกต้อง จากประสบการณ์ของผู้วิจัยซึ่งสอนคำศัพท์แบบท่องจำเพียง
อย่างเดียวโดยไม่สอนวิธีการนำไปใช้ในประโยค เมื่อมีการเขียนคำศัพท์นักเรียนสามารถเขียนได้คะแนนดีในแต่ละ
ครั้ง แต่เมื่อผ่านไประยะหนุ่งให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดโดยการจับคู่กับความหมายเหมือนบ้าง ให้แต่งประโยคจาก
คำศัพท์ที่ให้ท่องจำ ผลปรากฏว่านักเรียนไม่สามารถทำแบบฝึกที่กำหนดกิจกรรมต่างๆได้ ซึ่งจากการสังเกตและ
สอบถาม นักเรียนมีความสนใจกับกิจกรรมที่เกี่ยวกับคำศัพท์ในห้องเรียนแต่ไม่สามารถจำคำศัพท์ได้หรือนำไปใช้
ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการหาวิธีการสอนคำศัพท์โดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน มา
แก้ปัญหาด้านคำศัพท์และความคงทนในการจำคำศัพท์ของนักเรียน
วัตถุประสงค ์
1. เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน นักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 ให้ได้ตามเกณฑ์ 75/75 (Promwong, et al., 1977)
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้คำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน
วัดแม่สะลาบก่อนและหลังเรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
3. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ ก่อนเรียน
และหลังเรียนการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้าง
ขึ้น
4. เพื่อศึกษาความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน
วัดแม่สะลาบ หลังจากเรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
5. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบที่มีต่อการเรียน
ภาษาอังกฤษโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
ความสำคัญของการศึกษาค้นคว้า
ผลของการประเมินครั้งนี้ ทำให้ได้วิธีการคำศัพท์ภาษาอังกฤษ การพัฒนาความสามารถในการจดจำ
คำศัพท์ให้คงทนและการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ
โดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน อันจะเป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอนนำไปใช้พัฒนา
กระบวนการเรียนการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขอบเขตของการวิจัย
1. ขอบเขตด้านประชากร
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ สำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 4 จำนวน 18 คน
2. ขอบเขตด้านเนื้อหา
เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ เนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4ภาคเรียนที่ 2 ปี
การศึกษา 2565 ตามหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนวัดแม่สะลาบ พุทธศักราช 2565 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2556) กล่าวไว้ว่า ในสังคมโลกปัจจุบันการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการ
ติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและ
วิสัยทัศน์ของชุมชนโลก และตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองของสังคมโลก น ามาซึ่งมิตร
ไมตรีและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรู้และเข้า
ใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การ
ปกครอง มีเจตคติที่ดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ และใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมทั้งเข้าถึงองค์
ความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายและกว้างขึ้น และมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิตภาษาต่างประเทศที่เป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน
ซึ่งกำหนดให้เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น เช่น ภาษา
ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่นอาหรับ บาลี และภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือภาษาอื่น ๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจของ
สถานศึกษาที่จะจัดท ารายวิชาและจัดการเรียนรู้ตามความเหมาะสม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ
แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อ ในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวและ
วัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได้
อย่างสร้างสรรค์ประกอบด้วย สาระสำคัญ ดังนี้
ภาษาเพื่อการสื่อสาร การใช้ภาษาต่างประเทศในการฟัง–พูด–อ่าน-เขียน แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร
แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น ตีความ น าเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอดและความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ และ
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างเหมาะสม
ภาษาและวัฒนธรรม การใช้ภาษาต่างประเทศตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาความสัมพันธ์ ความเหมือน
และความแตกต่างระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ
วัฒนธรรมไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม
ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น การใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่ม
สาระการเรียนรู้อื่น เป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน
ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลกการใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆทั้งในหองเรียนและ
้
นอกห้องเรียน ชุมชน และสังคมโลก เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อประกอบอาชีพ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้
กับสังคมโลก
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็น
อย่างมีประสิทธิภาพ
ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูดและการเขียน
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษาและ
วัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการ
พัฒนาแสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้กับสังคมโลก
โดยมีเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1) การดึงดูดความสนใจของคำศัพท์ (Selective Attention)
2) การรู้จำคำศัพท์ (Recognution)
3) การจัดประเภทคำศัพท์ (Manipulation)
4) การตีความหมายคำศัพท์ (Interpretation)
5) การนำคำศัพท์ไปใช้ (Production)
ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ดำเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรอิสระ ได้แก่ กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน
ตัวแปรตาม ได้แก่
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
2. ความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
3. ความคิดเห็นของนักเรียนในการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน
กรอบแนวคิดของการศึกษา
ผู้วิจัยได้วางกรอบแนวคิดในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ การพัฒนาความคงทนในการจำคำศัพท์
ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP
5 ขั้นตอน ประกอบการเรียนรู้ ดังนี้
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน
(Paribakht & Wesche (1997) 1.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านคำศัพท์
1) การดึงดูดความสนใจของคำศัพท์ ภาษาอังกฤษ
2.ความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
2) การรู้จำคำศัพท์
3) การจัดประเภทคำศัพท์ 3.ความคิดเห็นของนักเรียนในการเรียน
ภาษาอังกฤษโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
4) การตีความหมายคำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน
5) การนำคำศัพท์ไปใช้
1.
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
จากกรอบแนวคิดขางตนผูวิจัยใชกระบวนการเรียนรู้คําศัพทภาษาอังกฤษสอดแทรกในการสอนแตละ
ขั้นตอน ซึ่งจุดประสงคในการใชกระบวนการเรียนรู้คําศัพทภาษาอังกฤษเริ่มจากการการดึงดูดความสนใจของ
คำศัพท์ การรู้จำคำศัพท์ การจัดประเภทคำศัพท์ การตีความหมายคำศัพท์ และการนำคำศัพท์ไปใช้ ซึ่งการใชกระ
บวนการเรียนรู้คําศัพทภาษาอังกฤษสอดแทรกในการสอนนั้นจะสงผลไปสูผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู และความ
คงทนในการจําคําศัพทภาษาอังกฤษของนักเรียน และเมื่อนักเรียนไดเรียนโดยใชกระบวนการเรียนรู้คําศัพท
ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนเรียบรอยแลว ผูวิจัยไดทําการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนในการเรียนโดยใช
กระบวนการเรียนรู้คําศัพทภาษาอังกฤษ
ี่
ประโยชน์ทคาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อเป็นแนวทางในการนำกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ไปใช้พัฒนาความสามารถทางด้าน
คำศัพท์ของนักเรียนในชั้นอื่นๆ
2. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับนักเรียนที่จะศึกษากิจกรรมคำศัพท์ที่หลากหลายจากแบบฝึกไปใช้พัฒนา
ความสามารถในทักษะอื่นๆ
3. เพื่อผู้เรียนมีพัฒนาการในการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ขึ้น
4. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครูที่จะนำไปใช้ในการปรับปรุงวิธีการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียน
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. ความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ หมายถึง ผลของการเรียนหรือความสามารถที่จะระลึก
ถึงการเรียนรูคําศัพทไดหลังจากที่ไดทิ้งไวในชวงระยะเวลาหนึ่ง โดยไดจากการหาคะแนนผลตางระหวางการ
ทดสอบหลังสอนทันทีกับการทดสอบหลังสอน 14 วัน (Atkinson และ Shiffrin: 1968: 89 - 195) จากการตอบ
แบบทดสอบวัดระดับความรูคําศัพทภาษาอังกฤษฉบับเดียวกัน
2. คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หมายถึง คําศัพทที่มาจากหนังสือภาษาอังกฤษ Smile4 โดยครูผูสอนทําการ
คัดเลือกคําศัพท 60 คํา จํานวน 6 บท บทละ 10 คํา ที่มีความเหมาะสมกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน
วัดแม่สะลาบ
3. กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน หมายถึง กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ประกอบด้วย 5
ขั้นตอน คือ
1) Selective Attention คือ ขั้นตอนแรกในการสร้างข้อสังเกตให้กับผู้เรียนในคำศัพท์ที่กำหนดให้มี
ความเด่นชัดขึ้น
2) Recognition คือ แบบฝึกหัดความรู้ความหมายเพียงอย่างเดียว โดยนักเรียนตอบแค่เพียงความหมาย
ของคำศัพท์เท่านั้น
3) Manipulation คือ การจัดประเภทของคำศัพท์ตามหลักไวยากรณ์ เป็นแบบฝึกเกี่ยวกับการจัด
ประเภทของคำศัพท์ให้ถูกต้อง เช่น สามารถแยกประเภทคำนามหรือคำกริยาหรือเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็น
คำนามพหูพจน์
4) Interpretation คือ การวิเคราะห์ความหมายของคำศัพท์กับความสัมพันธ์กับคำอื่นๆในบริบทที่
กำหนดให้
5) Procution คือ การให้ผู้เรียนสามารถนำคำศัพท์ไปใช้ได้อย่างเหมาะสมในบริบท
4. ความคิดเห็น หมายถึง การแสดงออกทางความคิดของผูเรียนที่มีตอกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ ที่ผู
วิจัยสรางขึ้น โดยไดจากการตอบแบบสอบถามความคิดเห็น ซึ่งแบงออกเปน 4 ดาน คือ ดานรูปแบบ จํานวน 3 ขอ
ดานเนื้อหาจํานวน 2 ขอ ดานการจัดกิจกรรมจํานวน 5 ขอ และดานประโยชนจากการเรียนรู จํานวน 5 ขอ
5. แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เรื่อง การพัฒนา
ความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ โดยใช้
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ซึ่งประกอบไปด้วยจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้
กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ การวัดผลประเมินผล
6. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning หมายถึง กระบวนการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมี
ส่วนร่วมในชั้นเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยมีครูเป็นผู้อำนวย
ความสะดวก สร้างแรงบันดาลใจ ให้คำปรึกษา ดูแล แนะนำ จัดวิธีการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ให้
ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย สร้างองค์ความรู้ได้ มีความเข้าใจในตนเอง ใช้สติปัญญา คิด วิเคราะห์
สร้างสรรค์ผลงาน มีสมรรถนะสำคัญ มีทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ตามระดับช่วงวัย
7. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในการ
บอกความหมายของคํา และใชคําศัพทในประโยคไดถูกตองทันทีที่การสอนไดสิ้นสุดลง โดยวัดจากแบบทดสอบ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรูคําศัพทที่ผูวิจัยสรางขึ้น และตรวจสอบคุณภาพแลว
วิธีดำเนินการวิจัย
1. ประชากร
ประชากรเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
รวมทั้งสิ้น 18 คน ซึ่งนักเรียนทุกคนกำลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานและวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดย
หนังสือและเอกสารประกอบของทั้ง 2 รายวิชาอิงตามมาตรฐานตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
จำนวน 34 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
2.1 แบบทดสอบวัดความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
2.2 แผนการสอนคำศัพท์ทั้งหมด 6 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง
2.3 แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้คำศัพท์
2.4 แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
SRMIP 5 ขั้นตอน
3. ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ
3.1 ศึกษาเอกสารหลักสูตรสถานศึกษา แนวคิดทฤษฎีการสอน
3.2 ศึกษาปัญหาของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลที่พบในการจัดการเรียนการสอน
3.3 ศึกษาเทคนิกวิธีการจัดการเรียนรู้โดยการพัฒนาความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
3.4 เทคนิคการบวนการเรียนรู้คำศัพท์ เพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน
3.5 สร้างแบบทดสอบความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษก่อนเรียน-หลังเรียน
3.6 ประเมินผลความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
3.7 ดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้
3.8 ประเมินผลแบบทดสอบความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน
ระยะเวลาในการดำเนินงาน
1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2566
วัน เดือน ปี กิจกรรม หมายเหตุ
1 ตุลาคม 2565 -ศึกษาสภาพปัญหาและวิเคราะห์หาแนวทางแก้ปัญหา
1 พฤศจิกายน 2565 - เขียนเค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน
- ศึกษาหลักสูตรเกี่ยวกับคำศัพท์
- วิเคราะห์ผู้เรียนและวิเคราะห์เนื้อหา
วัน เดือน ปี กิจกรรม หมายเหตุ
- ออกแบบเครื่องมือที่จะใช้ในงานวิจัย
1 ธันวาคม 2565 - นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ผู้วิจัยบันทึกคะแนน
ปีการศึกษา 2565 ทำแบบทดสอบก่อนเรียน
3 - 31 มกราคม 2566 - นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ผู้วิจัยบันทึกคะแนน
ปีการศึกษา 2565 ทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์
ฉบับที่ 1-6
1 กุมภาพันธ์ 2566 - นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ผู้วิจัยบันทึกคะแนน
ปีการศึกษา 2565 ทำแบบทดสอบหลังเรียน
1 มีนาคม 2566 - เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล
31 มีนาคม 2566 - สรุปและอภิปรายผล
การเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ขั้นทดสอบก่อนเรียน ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ก่อนการ
เรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน
2. นำแบบทดสอบการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่
สะลาบ จำนวน 30 คำ ไปทดสอบกับนักเรียนประชากร บันทึกคะแนนที่ได้จากการทดสอบครั้งนี้ เป็นการทดสอบ
ก่อนเรียน
3. ขั้นการใช้แบบฝึก โดยให้กลุ่มตัวอย่าง ใช้แบบฝึกหัดความรู้ความหมายและแบบฝึกการจัดประเภท
ของคำศัพท์ จำนวน 6 บทเรียน หลังจากจบบทเรียนแต่ละแบบฝึกนักเรียนต้องทำแบบทดสอบประจำบท การวิจัย
ครั้งนี้ใช้เวลาทดสอบเป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 คาบเครียน
4. นำผลคะแนนของแบบทดสอบระหว่างเรียนทั้ง 6 ยท (E1) ไปวิเคราะห์ค่าทางสถิติเพื่อหา
ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
5. ให้นักเรียนทำแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ที่ผู้วิจัย
สร้างขึ้นหลังจากที่ศึกษาจากบทเรียนในแต่ละบท และเก็บข้อมูลแบบสอบถาม
6. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หลังการเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
SRMIP 5 ขั้นตอน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ซึ่งเป็นแบบทดสอบฉบับเดียวกับแบบทดสอบก่อนเรียน แล้วตรวจให้คะแนน
แบบทดสอบหลังเรียน (E2) แล้วนำผลไปวิเคราะห์ทางสถิติ
7. ดำเนินการทดสอบหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นชุด
เดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรียน
8. หลังการทดสอบหลังเรียน 14 วัน ทำการทดสอบความคงทนในการจำด้วยแบบทดสอบความรู้
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นข้อสอบฉบับเดียวกับแบบทดสอบก่อนเรียนแต่นำมาเรียงตัวเลือกใหม่
ขั้นวิเคราะห์
วิเคราะห์ผู้เรียน การวิเคราะห์ผู้เรียนได้กำหนดไว้ดังนี้
ประชากร คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ มีจำนวน 1
ห้องเรียน รวม 18 คน
วิเคราะห์เนื้อหา ขั้นตอนดำเนินการมีดังนี้
เนื้อหาที่จะใช้สร้างแบบทดสอบและแบบฝึกหัด คือเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษ คำศัพท์ที่ใช้ในการทดลอง
เป็นคำศัพท์ จำนวน 3 หน่วยการเรียนรู้ ซึ่งนำมาจากหนังสือเรียน Smile 4 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
กระทรวงศึกษาธิการ โดยผู้วิจัยเป็นผู้คัดเลือกคำศัพท์จำนวน 30 คำดังนี้
Unit 4 Wild animals (จำนวน 10 คำ)
- eagle, bear, bat, crocodile, snake, tiger, zebra, rhino, elephant, dolphin
Unit 5 City and space (จำนวน 10 คำ)
- comet, planet, spaceship, racket, satellite, space station, astronaut, earth, Mars, sun
Unit 6 Sports day (จำนวน 10 คำ)
- skateboarding, ping-pong, badminton, baseball, volleyball, helmet, shuttlecock,
trainers, racket, race
วิเคราะห์ข้อมูล
1. หาประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ตามเกณฑ์ 75/75 (Promwong,
Et al., 1977) จากสูตร E1/E2 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
75 ตัวแรก หมายถึง ผลรวมเฉลี่ยของคะแนนจากการทำแบบทดสอบประจำบทระหว่างใช้กระบวนการ
โดยคิดเป็นร้อยละ 75
75 ตัวหลัง หมายถึง ผลรวมเฉลี่ยคะแนนจากการทำแบบทดสอบความรู้คำศัพท์ หลังใช้กระบวนการโดย
คิดเป็นร้อยละ 75
2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้คำศัพท์ของตัวอย่างก่อนและหลังการเรียนโดยใช้กระบวนการ
เรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน โดยใช้ค่าทีแบบจับคู่ (Paired-sample test)
3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์จากแบบทดสอบการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดแม่สะลาบ
4. วิเคราะห์ระดับความคงทนในการจำคำศัพท์ของนักเรียนหลังจากเรียนโดยใช้กระบวนการ
เรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน โดยเปรียบเทียบค่าความแตกต่างของคะแนนระหว่างคะแนนสอบหลังเรียน
(Posttest) และคะแนนหลังเรียน 14 วัน (Atkinson & Shiflrin, 1968) โดยใช้ทดสอบทีแบบจับคู่ จับคู่ (Paired-
sample test) สูตร t-test
5. วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นซึ่งมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า โดยนำค่า
ระดับที่ได้มาหาค่าเฉลี่ย ( x̄ ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) นำไปแปลความหมาย ค่าระดับตามเกณฑ์ที่
ปรับปรุงจากเกณฑ์ของ Best (1981)
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
1. กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
คือ 75/75 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1
2. ความสามารถของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษสูงกว่าก่อนได้รับ
การฝึกโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตาม
สมมติฐานข้อที่ 2
3. ความคงทนในการจำความหมายคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังการ
เรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนทันทีและหลังการเรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
SRMIP 5 ขั้นตอนซึ่งผ่านไปในระยะเวลาหนุ่ง (14 วัน) ไม่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 3
4. การพัฒนาความสามารถด้านการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนวัดแม่สะลาบ ก่อนเรียนและหลังเรียน
5. นักเรียนมีความคิดเห็นที่ดีต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน โดยได้ค่าระดับเฉลี่ย
̄
รวมอยู่ในระดับสูง ( x = 4.10 , S.D. = 0.46) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 4
สรุปผลการวิจัย
1. กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 75.86/75.13
ซึ่งมีประสิทธิภาพเท่ากับเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
หลังการเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
SRMIP 5 ขั้นตอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3. ความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลังจากเรียนด้วย
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ไม่แตกต่างกัน
4. นักเรียนที่เรียนการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยที่คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูง
กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
5. ผลจากการศึกษาความคิดเห็นซึ่งมี 5 ระดับของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอนในด้านรูปแบบ ด้านเนื้อหา และด้านประโยชน์จากการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นที่ดีต่อ
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนอยู่ระดับสูง โดยมีค่าเฉลี่ย ( x̄ ) เท่ากับ 4.10 (S.D. = 0.46)
อภิปรายผล
1. ผลจากการหาประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนจากเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ
75/75 พบว่า กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนมีประสิทธิภาพเท่ากับ 75.86/75.13 ซึ่งเท่ากับเกณฑ์
ที่ตั้งไว้ หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนมีประสิทธิภาพเท่ากับเกณฑ์กำหนดไว้ ทั้งนี้
อาจมาจากสาเหตุดังต่อไปน ี้
1.1 กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นนั้น ได้นำคำศัพท์ที่ได้มาวิเคราะห์ที่พบ
บ่อยในสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ภาษ่างประเทศ จากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สำหรับ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาสร้างเป็นแบบฝึกการรู้ความหมายและแบบฝึกการจัดประเภทของคำศัพท์ ซึ่ง
คำศัพท์เหล่านี้นักเรียนส่วนใหญ่จะพบเห็นในชีวิตประจำวัน (Lado, 1988) เช่น คำศัพท์เกี่ยวกับวิชา ร่างกาย เป็น
ต้น จึงทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่
ผู้วิจัยสร้างขึ้น ได้ผ่านการตรวจสอบและหาประสิทธิภาพโดยการทดลองใช้ครั้งที่ 1 ในขั้นทดลองรายบุคคลกับ
นักเรียน 3 คน แล้วนำผลมาปรับปรุงแก้ไข และจึงนำไปทดลองใช้ครั้งที่ 2 ในขั้นทดลองกลุ่มเล็กกับนักเรียน 10
คน แล้วนำผลมาปรับปรุงแก้ไขอีกครั้ง จากนั้นนำไปทดลองใช้ครั้งที่ 3 ในขั้นทดลองภาคสนามกับนักเรียน 20 คน
แล้วจึงนำข้อบกพร่องมาปรับปรุงแก้ไข ก่อนที่จะนำไปทดลองกลุ่มตัวอย่าง
1.2 กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผู้วิจัยได้สร้างกิจกรรมที่หลากหลาย
แบบเน้นคำศัพท์ในแบบฝึกและมีการทำกิจกรรมโดยใช้คำศัพท์ที่กำหนดซ้ำๆ เพื่อช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจของ
ตนเองให้มากขึ้น พบว่าการทำกิจกรรมที่เน้นคำศัพท์มีผลต่อคะแนนของผปู้เรียนและการเรียนรู้คำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังมีการเรียงลำดับความยากง่ายของแบบฝึกและกิจกรรมแต่ละขั้นตอนของแบบฝึกมีการวาง
ลำดับความยากง่ายมีระบบ ซึ่งคำศัพท์ในแบบฝึกเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้รูปแบบของคำ ความหมายของคำศัพท์ และ
การนำไปใช้ (Nation, 2006) ซึ่งประยุกต์ตามทฤษฎีการสร้างแบบฝึกของ Paribakht & Wesche (1997) โดยเริ่ม
จากขั้นกระตุ้นความสนใจ (Selective Attention) เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมก่อนที่จะทำแบบฝึก ต่อด้วย
ขั้นการรู้จำคำศัพท์ (Recognition) เพื่อทำให้นักเรียนได้สร้างคำศัพท์ใหม่ๆ และการจัดประเภทคำศัพท์ตามหลัก
ไวยากรณ์ได้ ตามด้วยขั้พนการตีความหมายคำศัพท์ (Interpretation) เพื่อให้นักเรียนสามารถนำคำศัพท์ไปใช้ใน
บริบทที่แตกต่างกัน สุดท้ายเป็นขั้นการนำไปใช้ (Production) เพื่อให้นักเรียนสามารถนำคำศัพท์ไปแต่งประโยคได้
ซึ่งวัดความสามารถในการเรียนตามจุดประสงค์ที่ระบุไว้ ทำให้ประสิทธิภาพของแบบฝึกเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
1.3 การจัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน นักเรียนได้มีโอกาส
ซักถามข้อสงสัยจากเพื่อน นักเรียนได้รับข้อมูลย้อนกลับจากการเรียนของตนเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้
ขณะที่นักเรียนทำแบบฝึกผู้วิจัยจะเฉลยคำตอบที่ถูกต้องให้และทราบผลคะแนนจากการทำแบบฝึกทุกครั้ง จึงทำให้
นักเรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนของตน จึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาความรู้ด้านคำศัพท์ของตนซึ่ง
สอดคล้องกับงานวิจัยของ Laojarutsang (1999) ที่กล่าวว่าการใช้การเสริมแรงที่ก่อให้เกิดความรู้สึกทางบวก จะ
เป็นการกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความรู้สึกกระตือรือร้นในการเรียน นอกจากนี้การให้การเสริมแรงทันทีเมื่อนักเรียนทำ
ภาระงานเสร็จซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้นของการเรียน (Cole & Chan, 1994 as cited in
Worajittipon, 1999) และยังทำให้ทราบว่ามีสิ่งใดอีกที่เขายังต้องเรียนรู้เพื่อจะทำภาระงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ผลจากการวิจัยเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษของกลุ่มตัวอย่างหลังการเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP
5 ขั้นตอน สูงกว่าก่อนการเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่
ระดับ 0.05 ทั้งนี้อาจจะมีสาเหตุดังนี้
2.1 คำศัพท์ที่ผู้วิจัยนำมาสร้างกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนนั้น ผู้วิจัยได้คัดเลือกคำศัพท์
มาจากหนังสือเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Pongtongjarean (1983) ที่
กล่าวถึงการเลือกคำศัพท์เพื่อนำมาสอน ควรเป็นคำศัพท์ที่ปรากฏในหนังสือเรียน นอกจากผู้วิจัยได้ให้นักเรียนทำ
แบบทดสอบความรู้ความหมายคำศัพท์ และนำผลการตรวจมาเป็นเกรฑ์คัดเลือก โดยเลือกคำศัพท์ที่มีผู้ตอบถูก
น้อยกว่าร้อยละ 30 ที่มีความหมายในแนวเดียวกันมาจัดไว้เป็นหมวดหมู่เดียวกัน แล้วนำมาสร้างกระบวนการ
เรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน และในแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะสอนคำศัพท์ไม่มากจนเกินไปเพราะผู้วิจัยได้
คำนึงถึงระดับอายุของผู้เรียนด้วย จึงเป็นสาเหตุทำให้คำศัพท์ในแบบฝึกนั้นง่ายต่อการเรียนรู้และจดจำ ซึ่ง
สอดคล้องตามแนวคิดของ Lado (1988) ได้กล่าวถึงการสอนคำศัพท์ไว้ว่า ไม่ควรมีคำศัพท์มากเกินไปหรือน้อย
เกินไปในบทเรียนนั้นๆ แต่ควรเหมาะสมกับวุฒิภาวะทางสติปัญญาของผู้เรียนและควรเป็นคำศัพท์ที่ผู้เรียนมีโอกาส
นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
2.2 การนำกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนมาใช้ในการสอนคำศัพท์ เป็นการสร้างแรงจูงใจ
ในการเรียน ทำให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจและมีการพัฒนาทักษะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนมีประโยชน์ต่อผู้เรียนในการเรียนคำศัพท์เพราะสามารถนำมาฝึกซ้ำ
ทบทวนบทเรียน ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของ Min & Hsu (2008) ที่กล่าวว่ากระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอนสามารถดึงความสนใจของผู้เรียนในคำศัพท์นั้นๆ และทำให้สามารถเข้าใจถึงความหมายและหน้าที่ของ
คำศัพท์นั้นๆ และผลลัพธ์ในการเรียนรู้คำศัพท์ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Tina (2010) ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับผล
ของกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนสามารถเพิ่มพูนคำศัพท์ในการเรียนรู้ที่ดีกว่าแก่ผู้เรียน และ
สามารถสร้างความคงทนด้านคำศัพท์ได้ยาวนานกว่าอีกด้วย
3. การศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียน หลังจากที่เรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP
5 ขั้นตอนผ่านไประยะเวลาหนึ่ง โดยการทดสอบนักเรียนด้วยแบบทดสอบวัดความคงทนในการจำ ซึ่งเป็นฉบับ
เดียวกันกับแบบทดสอบความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ผลการศึกษาพบว่า เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของคะแนน
ที่ได้จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้คำศัพท์ และจากแบบทดสอบวัดความคงทนในการจำ ผลปรากฎ
ว่าความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนหลังจากเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนทันทีและ
หลังการเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนผ่านไประยะเวลาหนึ่ง (14 วัน) ไม่แตกต่างกัน ซึ่ง
เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ซึ่งเนื่องมาจากผู้เรียนได้ผ่านการฝึกคำศัพท์ซ้ำๆ หลายครั้งจากกิจกรรมที่หลากหลาย
ในกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมทักษะความคงทนให้กับผู้เรียน
โดยมีการฝึกซ้ำหลายๆครั้ง (Sukkawanish, 1993) ซึ่งสอดคล้องกับ Houston et al. (1983) ที่ได้เสนอวิธีทดสอบ
ความคงทนจากการเรียนซ้ำ (relearning) โดยให้นักเรียนฝึกบทเรียนในช่วงเวลาหนึ่งแล้วกลับมาฝึกซ้ำอีก
(Nation, 1990) ดังนั้นถ้าคำศัพท์ถูกใช้อย่างซ้ำๆในแบบฝึกหรือกิจกรรมที่แตกต่างกัน ความรู้คำศัพท์ของผู้เรียนจะ
เพิ่มพูนและเกิดความคงทนมากขึ้น
4. นักเรียนที่เรียนการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูง
กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าการจัดการเรียนการสอนภายในห้องเรียน
ครูผู้สอนจะเปิดแอพพลิเคชั่นและขยายฉายขึ้นจอภาพหน้าห้องเรียน นักเรียนทุกคนจะได้เรียนการออกเสียงค
าศัพท์ภาษาอังกฤษ แต่ละเสียงไปพร้อม ๆกันโดยการสอนในแต่ละเสียงจะมีเรื่องราว ท่าทาง บทเพลง และรูปภาพ
ประกอบที่สวยงามเพื่อช่วยให้ง่ายต่อการเรียนรู้ ดึงดูดความสนใจ โดยครูจะไม่เน้นการท่องจ าตัวอักษร แต่เป็น
การเรียนรู้ด้านการออกเสียง
5. จากผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน โดยใช้แบบสอบถามวัดความคิดเห็นพบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นต่อกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอนในภาพรวมโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง โดยค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.10 หน่วยการเรียนรู้ที่มีค่าระดับเฉลี่ยสูงกว่า
หน่วยการเรียนรู้อื่นๆ คือ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 wild animals ( x̄ = 4.14, S.D. = 0.44) อาจเนื่องมาจากหน่วย
การเรียนรู้ที่ 6 เป็นคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ป่านั้น เป็นสิ่งที่นักเรียนสนใจและคุ้นเคย จึงทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้
ได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น (Lado, 1988) เมื่อพิจารณาหน่วยการเรียนรู้ที่ได้ค่าเฉลี่ยต่ำกว่าหน่วยการเรียนรู้อื่นๆ คือ หน่วย
การเรียนรู้ที่ 5 City and space ( x̄ = 4.02, S.D. = 0.55) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกและอวกาศโดยคำศัพท์ที่
นักเรียนพบเจอในหน่วยการเรียนรู้นี้เป็นคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้เรียนไม่คุ้นเคย และเป็นคำศัพท์ที่ยาว ซึ่ง
สอดคล้องตามแนวคิด (Lado, 1988) ควรมีปริมาณของตัวอักษะในคำศัพท์เหมาะสมกับอายุ และสติปัญญาของ
ผู้เรียน ดังนั้นจึงทำให้นักเรียนสนใจน้อยกว่าบทอื่นๆ และเมื่อวิเคราะห์ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อ
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนในด้านต่างๆ ผลปรากฎดังนี้
5.1 ด้านรูปแบบของแบบฝึกความรู้ความหมายและแบบฝึกการจัดประเภทของคำศัพท์ พบว่านักเรียนมี
ความคิดเห็นต่อรูปแบบโดยภาพรวมอยู่ในระดับสูง ( x̄ = 4.13, S.D. = 0.52) ข้อที่ได้ค่าระดับเฉลี่ยสูงสุด คือ
ตัวอักษรอ่านง่ายและชัดเจน ( x̄ = 4.27, S.D. = 0.67) เนื่องจากผู้วิจัยใช้ตัวอักษรที่อ่านง่ายเหมาะสมสำหรับ
นักเรียน นอกจากนี้รูปแบบกิจกรรมในแต่ละแบบฝึกมีความหลากหลาย นอกจากนี้แต่ละกิจกรรมให้นักเรียน
ทำงานเดี่ยว และจับคู่เพื่อตรวจงานที่ครูเฉลย ซึ่งทำให้นักเรียนรู้ผลคะแนนทันที จึงทำให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างยัง
สามารถนำผลคะแนนที่ได้มาเปรียบเทียบกับเพื่อนที่นั่งเรียนข้างๆ ทำให้นักเรียนรู้สึกเกิดการแข่งขันในการทำ
คะแนนแบบทดสอบรายหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Laojarutsang (1998) ที่กล่าวว่า การ
เสริมแรงที่ก่อให้เกิดความรู้สึกทางบวก จะเป็นการกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความรู้สึกกระตือรือร้นในการเรียน และ
กิจกรรมการเรียนการสอนเหล่านี้ ทำให้ผู้เรียนไม่เยื่อหน่ายในการเรียน และเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดง
ความคิดเห็นและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจที่จะทำกิจกรรมในหน่วยการเรียนรู้ต่อๆไป
5.2 ด้านเนื้อหาของแบบฝึกความรู้ความหมายของคำศัพท์และแบบฝึกการจัดประเภทของคำศัพท์ พบว่า
นักเรียนมีความคิดเห็นต่อเนื้อหาบทเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับสูง ( x̄ = 4.06, S.D. = 0.44) ข่อที่ได้ค่าระดับ
เฉลี่ยสูงสุดคือ มีจุดประสงค์การเรียนรี่ชัดเจน ( x̄ = 4.22, S.D. = 0.85) อันเนื่องมาจากผู้วิจัยได้บอกถึงจุดประสงค์
และคำแนะนำในแต่ละแบบฝึกให้นักเรียนทำอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีตัวอย่างประกอบในแต่ละกิจกรรม ซึ่งทำให้
นักเรียนเข้าใจง่ายและสามารถฝึกด้วยตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Gunter et al. (1990) ที่กล่าวว่า
แบบฝึกมักใช้ในการให้นักเรียนฝึกเรียนด้วยตนเอง และแบบฝึกควรมีคำแนะนำในการทำแก่นักเรียนโดยการให้ครู
แสดงตัวอย่างแก่นักเรียนก่อน จากนั้นจึงให้นักเรียนทำด้วยตนเอง และหลังจากนักเรียนทำแบบฝึกเสร็จ ครูและ
นักเรียนควรอภิปราย ตรวจสอบ และซักถามข้อสงสัยในข้อคำถามและคำตอบของแบบฝึกร่วมกัน นอกจากนี้
แบบฝึกหัดแต่ละขั้นตอนมีความเหมาะสม หลังจากได้เรียนบทเรียนแล้ว นักเรียนมีความพอใจกับการเรียนรู้ ทำให้
นักเรียนเห็นความจำเป็นในการฝึกฝนตนเองด้านการเรียนรู้คำศัพท์อย่างแท้จริง
5.3 กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นกระบวนการที่มีรูปแบบในเชิงการ
สอนมากกว่าเชิงการทดสอบ เป็นการเน้นประบวนการในการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งใช้ทฤษฎีตามแนวการสอนของ
Paribakht & Wesch (1997) โดยมีขั้นตอนที่ เริ่มจากการกระตุ้นความสนใจ เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อม
ก่อนที่จะทำแบบฝึก ต่อด้วยขั้นการรู้จำคำศัพท์เพื่อทำให้นักเรียนมีความมั่นใจในความหมายคำศัพท์ ต่อจากนั้น
เป็นขั้นจัดประเภทคำศัพท์ เพื่อให้นักเรียนได้สร้างคำศัพท์ใหม่ๆ และจัดประเภทคำศัพท์ตามหลักไวยากรณ์ได้ ตาม
ด้วยขั้นตีความหมายคำศัพท์ เพื่อให้นักเรียนสามารถนำคำศัพท์ไปใช้ในบริบทที่แตกต่างกัน สุดท้ายเป็นขั้นนำไปใช้
เพื่อให้นักเรียนสามารถนำคำศัพท์ไปแต่งประโยคได้ ซึ่งเน้นการสอนทักษะง่ายๆ หรือ ทักษะพื้นฐานก่อนที่จะ
ค่อยๆ เรียนรู้ทักษะที่ซับซ้อนหรือยากขึ้นทำให้นักเรียนมีหลักหรือกลวิธีในการเรียนจึงเหมาะสมกับการสอน
ั้
นักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 โดยประกอบด้วยขนตอนการสอนดังนี้ คือ ที่ เริ่มจากการกระตุ้นความ
สนใจ เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมก่อนที่จะทำแบบฝึก ต่อด้วยขั้นการรู้จำคำศัพท์เพื่อทำให้นักเรียนมีความ
มั่นใจในความหมายคำศัพท์ ต่อจากนั้นเป็นขั้นจัดประเภทคำศัพท์ เพื่อให้นักเรียนได้สร้างคำศัพท์ใหม่ๆ และจัด
ประเภทคำศัพท์ตามหลักไวยากรณ์ได้ ตามด้วยขั้นตีความหมายคำศัพท์ เพื่อให้นักเรียนสามารถนำคำศัพท์ไปใช้ใน
บริบทที่แตกต่างกัน สุดท้ายเป็นขั้นนำไปใช้ เพื่อให้นักเรียนสามารถนำคำศัพท์ไปแต่งประโยคได้ ซึ่งเป็นไป
ตามลำดับความยากง่ายของเนื้อหา
5.4 ด้านประโยชน์จากการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน พบว่า นักเรียนมี
ความคิดเห็นต่อด้านประโยชน์โดยภาพรวมอยู่ในระดับสูง ( x̄ = 4.09, S.D. = 0.43) ข้อที่ได้ค่าระดับเฉลี่ยสูงสุด
คือ กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนสามารถช่วยบอกความหมายของคำศัพท์ได้ ( x̄ = 4.19, S.D. =
0.67) ทั้งนี้เนื่องจากการสอบถามนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนคำศัพท์จากกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน นักเรียนรู้สึกว่าตนเองได้เรียนรู้และเข้าใจความหมายของคำศัพท์ต่างๆ มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย
ของ Amiryousefi (2010) ซึ่งได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างเรียนรู้คำศัพท์โดยปกติและเรียนรู้คำศัพท์ใช้
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน หลังการทดลองพบว่า การเรียนโดยกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์
SRMIP 5 ขั้นตอนมีประสิทธิภาพสูงกว่า และยังสร้างความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์อีกด้วย ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า
กระบวนการเรียนรู้ที่มีกิจกรรมที่หลากหลายย่อมสามารถนำมาซึ่งความรู้คำศัพท์ที่มากมาย นอกจากนี้งานวิจัยของ
Batia (2001) ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการเรียนรู้คำศัพท์โดยกิจกรรมที่เน้นคำศัพท์ และการเรียน
คำศัพท์แบบไม่ตั้งใจในภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ซึ่งจากงานวิจัยรายงานว่าการเรียนรู้คำศัพท์แบบไม่ตั้งใจได้
้
คำศัพท์ในปริมาณน้อยจึงเปรียบเทียบการเรียนรู้คำศัพท์โดยกิจกรรมที่เนนคำศัพท์ ซึ่งได้ปริมาณคำศัพท์ที่มากกว่า
และจากหลักฐานการวิจัยการเรียนรู้คำศัพท์โดยกิจกรรมที่เน้นคำศัพท์เป็นแหล่งการเรียนรู้คำศัพท์ที่ดีอีกด้วย
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย
ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ ดังนี้
1.1 การสอนภาอังกฤษเป็นภาษาที่สองนั้น ส่วนใหญ่ที่พบคือ การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ทำให้
ยากต่อการเรียนรู้ภาษาตามธรรมชาติ (acquisition) การสอนของ Paribaht & Wesche น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่ง
ที่มีประสิทธิภาพในการสอนคำศัพท์ เพื่อให้นักเรียนมีหลักเกรฑ์ในการใช้ภาษา การสอนภาษาควรที่จะเน้น
กระบวนการในระดับพื้นฐานไปสู่ระดับสูง
1.2 การใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอนในชั้นเรียน ครูผู้สอนควรตรวจสอบความต้องการ
คำศัพท์ของนักเรียนก่อนนำกระบวนการไปใช้ คำศัพท์และเนื้อหาที่จะสอนนั้นควรมีความสอดคล้องกัน โดยใช้
คำศัพท์ที่สัมพันธ์หรืออยู่ในหัวข้อเดียวกันกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
1.3 เนองจากกลุ่มผู้เรียนที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้เป็นกลุ่มชาติพันธุ์อยู่บางส่วนและภาษาไทยในการ
ื่
สื่อสารในชีวิตประจำวัน และเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สามซึ่งการเรียนการออกเสียงภาษาอังกฤษค่อนข้าง
เป็นปัญหาสำหรับนักเรียน ดังนั้นขณะทำการสอน ครูผู้สอนควรมีการอธิบายหรือสอนปฏิบัติซ้าๆประกอบการใช้
สื่อไปด้วย โดยคำนึงถึงวิธีการที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนรู้ความหมายของคำ ๆ
นั้นด้วย
2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป มีดังนี้
2.1 ควรศึกษาวืจัยเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนที่เรียนด้วย
กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน กับกลุ่มนักเรียนที่ไม่ใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5
ขั้นตอน เพื่อศึกษาความแตกต่างทางด้านความสามารถของนักเรียนทั้ง 2 กลุ่ม
2.2 เมื่อมีการพัฒนากระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน ควรมีการประเมินผลด้วยการทดลอง
ใช้กระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ SRMIP 5 ขั้นตอน และหาประสิทธิภาพของบทเรียนทุกครั้ง เพื่อทำการแก้ไข
ปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้คำศัพท์ให้มีความเหมาะสมและทันสมัย ก่อนนำไปใช้ในการเรียนการสอน
2.3 ควรมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาความสามารถในการออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนในระดับชั้นที่
สูงขึ้น
2.4 เนื่องจากในงานวิจัยนี้ผู้วิจัยได้ทำข้อมูลเชิงปริมาณ ซึ่งในครั้งต่อไปควรมีการศึกษาข้อมูลเชิงคุณภาพ
บรรณานุกรม
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.กรุงเทพฯ: โรง
พิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
แบบทดสอบวัดความรู้คำศัพท์
แบบทดสอบวัดความรูคําศัพทภาษาอังกฤษ
ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 ปีการศึกษา 2565
( Pre-test / Post-test)
Name……………………………………………………...........................................………No.………… Class………….
คําชี้แจง: นักเรียนพิจารณาคําศัพทในแตละขอที่กําหนด และเลือกคําตอบดังตอไปนี้โดยทําเครื่องหมาย X ลงบน
ตัวอักษร A, B, C, D, หรือ E จํานวน 30 ขอ (ถานักเรียนเลือกตอบขอ C หรือ D จงเขียนความหมายของคําศัพท)
ตัวอย่าง “water”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
X. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา น้ํา
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
1. “eagle”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
2. “bear”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
3. “bat”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
4. “crocodile”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
5. “snake”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
6. “tiger”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
7. “zebra”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
8. “rhino”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
9. “elephant”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
10. “dolphin”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
11. “comet”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
12. “planet”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
13. “spaceship”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
14. “racket”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
15. “satellite”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
16. “space station”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
17. “astronaut”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
18. “earth”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
19. “Mars”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
20. “sun”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
21. “skateboarding”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
22. “ping-pong”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
23. “badminton”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
24. “baseball”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
25. “volleyball”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
26. “helmet”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
27. “shuttlecoack”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
28. “trainers”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
29. “racket”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
30. “race”
A. นักเรียนไมเคยเห็นคําศัพทนี้เลย
B. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ แตไมรูจักความหมาย
C. นักเรียนเคยเห็นคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
D.นักเรียนรูความหมายคําศัพทนี้ และคําที่มีความหมายเหมือน ซึ่งมีความหมายวา ………………
ภาคผนวก ข
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้
Unit 4 Wild animals
รหัสวิชา/ชื่อรายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2/2565
ผู้สอน นางสาวพิราวรรณ ปันใจแก้ว โรงเรียน วัดแม่สะลาบ
1. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น
อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการ
เขียน
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม
กับกาลเทศะ
2. ตัวชี้วัด
ต 1.1/2 อ่านออกเสียงคำ สะกดคำ อ่านกลุ่มคำ ประโยค ข้อความง่ายๆ และบทพูด เข้าจังหวะถูกต้องตาม
หลักการอ่าน
ต 1.1/3 เลือก/ระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย ตรงตามความหมายของประโยคและข้อความ สั้นๆที่
ฟังหรืออ่าน
ต 1.1/4 ตอบคำถามจากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนา และนิทานง่ายๆ
ต 1.2/4 พูด/เขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน และครอบครัว
ต 1.3/1 พูด/เขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว
ต 2.1/3 เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะกับวัย
ต 4.1/1 ฟังและพูด/อ่านในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา
3. สาระสำคัญ
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ป่า โครงสร้างประโยค Present Simple Tense คำถามแบบ
Wh-questions และอ่านออกเสียงคำศัพท์ที่มีเสียง /í:/ ได้ ทำให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการพูดขอและ
็
ให้ข้อมูล ซึ่งเปนการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน และยังนำไปบูรณาการร่วมกับกลุ่มสาระการเรียนรู้
อื่น
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- กลุ่มคำ ประโยคเดี่ยว และความหมาย เกี่ยวกับสัตว์ป่า
- ประโยค บทสนทนา เนื้อเรื่องสั้นๆ ที่มีภาพประกอบ
้
- คำศัพท์ สำนวน และประโยคที่ใช้ขอและให้ขอมูลเกี่ยวกับสิ่งใกล้ตัว
เช่น What does it eat? It eats meat.
- ประโยคและข้อความที่ใช้ในการพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์
- กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น การเล่นเกม
- การใช้ภาษาในการฟังและพูด/อ่านในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน
- Present Simple Tense
คำศัพท์ (Vocabulary)
- eagle
- bear
- bat
- crocodile
- snake
- tiger
- zebra
- rhino
- elephant
- dolphin
สำนวนภาษา
What’s this?
It’s a/an _________.
หน้าที่ภาษา
- To talk about wild animals
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
นักเรียนพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ป่า
นักเรียนใช้ภาษาพูดในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน
นักเรียนสามารถอ่านออกเสียงคำศัพท์ที่มีเสียง /í:/ ได้
5.2 ความสามารถในการคิด
นักเรียนระบุภาพ/บอกความหมายคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ป่า
นักเรียนเข้าใจบทสนทนา คำถามเกี่ยวกับใจความสำคัญ
5.3 ความสามารถในการแก้ไขปัญหา
นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม
5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
นักเรียนเรียนรู้แบบนําตนเองในเรื่องที่สนใจ ปรับตนเองให้เข้ากับบรรยากาศระหว่างการทํากิจกรรมและ
อยู่ร่วมกับกลุ่มเพื่อนได้อย่างมีความสุข
5.5 ความสามารถในการใชเทคโนโลยี
นักเรียนเลือกใชเทคโนโลยี ในการสืบคนเรื่องที่สนใจ และใชเทคโนโลยีสนับสนุนการปฏิบัติงาน
6. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K , knowledge)
- นักเรียนสามารถระบุภาพ/บอกความหมายคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ป่าได้
- นักเรียนเข้าใจบทสนทนา คำถามเกี่ยวกับใจความสำคัญ
ด้านทักษะ (P , Process)
- นักเรียนสามารถพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ป่าได้
- นักเรียนสามารถใช้ภาษาพูดในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนได้
- นักเรียนสามารถอ่านออกเสียงคำศัพท์ที่มีเสียง /í:/ ได้
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attitude)
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attitude)
- นักเรียนเห็นประโยชน์และความสำคัญของการรู้คำศัพท์เกี่ยวกับเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพูดให้ข้อมูล
เกี่ยวกับตนเองและบุคคลได้
คุณลักษณะของผู้เรียน ตามหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล
- นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมีวินัยในการเรียน
7. จุดประสงค์เชิงสมรรถนะ
นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ป่า โครงสร้างประโยค Present Simple Tense คำถามแบบ
Wh-questions และอ่านออกเสียงคำศัพท์ที่มีเสียง /í:/ ได้ ทำให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการพูดขอและ
ให้ข้อมูล ซึ่งเปนการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน และยังนำไปบูรณาการร่วมกับกลุ่มสาระการเรียนรู้
็
อื่น โดยแสดงพฤติกรรมใฝ่เรียนรู้และมีวินัยในการเรียนระหว่างรวมกิจกรรม
8. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (Steps of teaching)
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
1.Selective 1 Greeting the students by saying. -Greet to the students. - Greet to the - บทเรียน
attention ครูทักทายนักเรียนโดยพูดว่า ครูทักทาย teacher. สำเร็จรูป
(ขั้นดึงดูดความ T: Good morning, Students. How are you all today? - Lets the students to นักเรียนตอบรับคำ Power
สนใจของคำศัพท์) Ss: Oh! I am very well. look at the vocabulary ทักทายของครู point
2. Surveying the words. on Youtube. - Answer the topic of Smile 4
สำรวจคำศัพท์ ครูให้นักเรียนดูคำศัพท์ผ่าน the words. - Youtube
T: Look at the vocabulary on Youtube. เว็บไซด์ Youtube. นักเรียนตอบคำถามหัวข้อ
What is the title of the words? - Ask the students ของคำ
Ss: Wild animals. about the title. - Answer the
ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับ questions.
หัวข้อ นักเรียนตอบคำถามครู
- Lets the students to - Look at the pictures
Look at the pictures from Students’book.
https://www.youtube.com/watch?v=CA6Mofzh7jo&t=24s from Students’book.
8. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (Steps of teaching)
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
1.Selective 1 Greeting the students by saying. -Greet to the students. - Greet to the - บทเรียน
attention ครูทักทายนักเรียนโดยพูดว่า ครูทักทาย teacher. สำเร็จรูป
(ขั้นดึงดูดความ T: Good morning, Students. How are you all today? - Lets the students to นักเรียนตอบรับคำ Power
สนใจของคำศัพท์) Ss: Oh! I am very well. look at the vocabulary ทักทายของครู point
2. Surveying the words. on Youtube. - Answer the topic of Smile 4
สำรวจคำศัพท์ ครูให้นักเรียนดูคำศัพท์ผ่าน the words. - Youtube
T: Look at the vocabulary on Youtube. เว็บไซด์ Youtube. นักเรียนตอบคำถามหัวข้อ
What is the title of the words? - Ask the students ของคำ
Ss: Wild animals. about the title. - Answer the
ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับ questions.
หัวข้อ นักเรียนตอบคำถามครู
- Lets the students to - Look at the pictures
Look at the pictures from Students’book.
https://www.youtube.com/watch?v=CA6Mofzh7jo&t=24s from Students’book.
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
3. Presenting the target words. ครูให้นักเรียนดูภาพจาก นักเรียนดูภาพจากหนังสือ
ี่
นำเสนอคำศํพท์ทเป็นเป้าหมายของการเรียนรู้ หนังสือเรียน เรียน
T: Can you tell me the names of wild animals? - Lets students to read - Pronouce the words
Ss: Tiger, snake, giraffe, elephant, lion, zebra, etc. the targets words. after the teacher.
T: Look at the pictures from Students’book on page 46. “Repeat after me” ออกเสียงคำศัพท์ตามครู
What can you see? ครูให้นักเรียนอ่านคำศัพท์ underline words in
T: What’s this? เป้าหมายตามครู the text in task 1.
Ss: It’s a/an snake, zebra, ants, tiger, elephant, river - Lets students to นักเรียนขีดเส้นใต้คำจาก
T: Can you spell that, please? pronounce the target บทอ่านในแบบฝึกหัดที่ 1
words after the - Check the correct
teacher. answers with their
ครูให้นักเรียนออกเสียง partner.
คำศัพท์เป้าหมายตามครู นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้ว
ตามหลักการอ่าน 5 ตรวจคำตอบ
ขั้นตอน
1. ครูอ่านนำ Lead
reading.
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
3. Presenting the target words. ครูให้นักเรียนดูภาพจาก นักเรียนดูภาพจากหนังสือ
ี่
นำเสนอคำศํพท์ทเป็นเป้าหมายของการเรียนรู้ หนังสือเรียน เรียน
T: Can you tell me the names of wild animals? - Lets students to read - Pronouce the words
Ss: Tiger, snake, giraffe, elephant, lion, zebra, etc. the targets words. after the teacher.
T: Look at the pictures from Students’book on page 46. “Repeat after me” ออกเสียงคำศัพท์ตามครู
What can you see? ครูให้นักเรียนอ่านคำศัพท์ underline words in
T: What’s this? เป้าหมายตามครู the text in task 1.
Ss: It’s a/an snake, zebra, ants, tiger, elephant, river - Lets students to นักเรียนขีดเส้นใต้คำจาก
T: Can you spell that, please? pronounce the target บทอ่านในแบบฝึกหัดที่ 1
words after the - Check the correct
teacher. answers with their
ครูให้นักเรียนออกเสียง partner.
คำศัพท์เป้าหมายตามครู นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้ว
ตามหลักการอ่าน 5 ตรวจคำตอบ
ขั้นตอน
1. ครูอ่านนำ Lead
reading.
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
T: Look at exercise 2. Read, look and find. 2. นักเรียนอ่านตาม Read
Ss: Pronouce the words along.
3. อ่านพร้อมๆกัน Read
together.
4. อ่านในใจ Read in
your mind.
5.อ่านรายบุคคล Read
individually.
T: We are going to learn 10 words from the text. - Lets students
T: I want you to look at the words in the box. pronounce l sound.
T: Read the target words “eagle, bear, bat, crocodile, ครูให้นักเรียนออกเสียงคำที่
snake, tiger, zebra, rhino, elephant, dolphin” and มีเสียง /í:/
“Repeat after me” - Lets students to in
the text in task 1.
ครูให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำ
จากบทอ่านในแบบฝึกหัดที่
1
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
T: Look at exercise 2. Read, look and find. 2. นักเรียนอ่านตาม Read
Ss: Pronouce the words along.
3. อ่านพร้อมๆกัน Read
together.
4. อ่านในใจ Read in
your mind.
5.อ่านรายบุคคล Read
individually.
T: We are going to learn 10 words from the text. - Lets students
T: I want you to look at the words in the box. pronounce l sound.
T: Read the target words “eagle, bear, bat, crocodile, ครูให้นักเรียนออกเสียงคำที่
snake, tiger, zebra, rhino, elephant, dolphin” and มีเสียง /í:/
“Repeat after me” - Lets students to in
the text in task 1.
ครูให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำ
จากบทอ่านในแบบฝึกหัดที่
1
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
T: I want you to look at the words in the box.
After that, the students underline words in the text.
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
T: I want you to look at the words in the box.
After that, the students underline words in the text.
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
2.Recognition 1. Recognizing the from-meaning of the target words. - Ask the students to - Match the target - บทเรียน
การรู้จำคำศัพท์ การรู้จำความหมายของคำศัพท์เป้าหมาย match the target words words with the สำเร็จรูป
T: Match the words with the pictures. with pictures in pictures in task 2. Power
task 2 นักเรียนจับคู่คำศัพท์ให้ point
ครูให้นักเรียนจับคู่คำศัพท์ สอดคล้องกับภาพใน Smile 4
ให้สอดคล้องกับภาพใน แบบฝึกหัดที่ 2 - hand
แบบฝึกหัดที่ 2 - Check the correct out
- Lets students check answers with their - exercise
the correct answers partner. 2
with their partner. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้ว
ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน ตรวจคำตอบ
แล้วตรวจคำตอบ
3.Manipulation 1. Presenting countable nouns and uncountable - Shows the examples -Look at the - บทเรียน
(การจัดประเภท nouns by giving examples. of Singular nouns and examples of Singular สำเร็จรูป
คำศัพท์) ครูนำเสนอคำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์โดยแสดง plural nouns. nouns and plural Power
ตัวอย่าง ครูแสดงตัวอย่างคำนาม nouns. point
Examples; lions fish monkey kangaroos เอกพจน์และคำนาม Smile 4
Fill Singular nouns and plural nouns in the table. พหูพจน์
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
2.Recognition 1. Recognizing the from-meaning of the target words. - Ask the students to - Match the target - บทเรียน
การรู้จำคำศัพท์ การรู้จำความหมายของคำศัพท์เป้าหมาย match the target words words with the สำเร็จรูป
T: Match the words with the pictures. with pictures in pictures in task 2. Power
task 2 นักเรียนจับคู่คำศัพท์ให้ point
ครูให้นักเรียนจับคู่คำศัพท์ สอดคล้องกับภาพใน Smile 4
ให้สอดคล้องกับภาพใน แบบฝึกหัดที่ 2 - hand
แบบฝึกหัดที่ 2 - Check the correct out
- Lets students check answers with their - exercise
the correct answers partner. 2
with their partner. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้ว
ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน ตรวจคำตอบ
แล้วตรวจคำตอบ
3.Manipulation 1. Presenting countable nouns and uncountable - Shows the examples -Look at the - บทเรียน
(การจัดประเภท nouns by giving examples. of Singular nouns and examples of Singular สำเร็จรูป
คำศัพท์) ครูนำเสนอคำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์โดยแสดง plural nouns. nouns and plural Power
ตัวอย่าง ครูแสดงตัวอย่างคำนาม nouns. point
Examples; lions fish monkey kangaroos เอกพจน์และคำนาม Smile 4
Fill Singular nouns and plural nouns in the table. พหูพจน์
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
Singular nouns plural nouns - Asks students to นักเรียนดูตัวย่างคำนาม - hand
notice Singular nouns เอกพจน์และคำนาม out
and plural nouns. พหูพจน์ - exercise
ครูให้นักเรียนสังเกตคำนาม - Notice parts of 3
เอกพจน์และคำนาม words - a table
2. Singular nouns and plural nouns. (คำนามเอกพจน์และ พหูพจน์ including Singular of
คำนามพหูพจน์) -Lets students divide nouns and plural Singular
A singular noun refers to only one person, place, the words into Singular nouns. nouns
animal, thing etc., nouns and plural นักเรียนสังเกต and plural
A plural noun refers to more than one person, place, nouns. ส่วนประกอบของคำนาม nouns..
animal, thing etc. ครูให้นักเรียนจัดประเภท เอกพจน์และคำนาม
คำนามเอกพจน์และคำนาม พหูพจน์
พหูพจน์ - Divide the words
-Explains the usage of into
Singular nouns and parts (Singular nouns
plural nouns.. and plural nouns.)
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
Singular nouns plural nouns - Asks students to นักเรียนดูตัวย่างคำนาม - hand
notice Singular nouns เอกพจน์และคำนาม out
and plural nouns. พหูพจน์ - exercise
ครูให้นักเรียนสังเกตคำนาม - Notice parts of 3
เอกพจน์และคำนาม words - a table
2. Singular nouns and plural nouns. (คำนามเอกพจน์และ พหูพจน์ including Singular of
คำนามพหูพจน์) -Lets students divide nouns and plural Singular
A singular noun refers to only one person, place, the words into Singular nouns. nouns
animal, thing etc., nouns and plural นักเรียนสังเกต and plural
A plural noun refers to more than one person, place, nouns. ส่วนประกอบของคำนาม nouns..
animal, thing etc. ครูให้นักเรียนจัดประเภท เอกพจน์และคำนาม
คำนามเอกพจน์และคำนาม พหูพจน์
พหูพจน์ - Divide the words
-Explains the usage of into
Singular nouns and parts (Singular nouns
plural nouns.. and plural nouns.)
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
3. Dividing the given words in Singular nouns and ครูอธิบายการใช้คำนาม นักเรียนจัดประเภท
plural nouns. การแยกประเภทคำนามเอกพจน์และคำนาม เอกพจน์และคำนาม คำนามเอกพจน์และ
พหูพจน์ พหูพจน์ คำนามพหูพจน์
T: Ok, good job guys. Then, I have another -Lets students divide -Listen to the teacher.
activity for you to do. Are you ready? the นักเรียนฟังครู
Ss: Yes target words into -Divide the target
T: Divide words into parts. Singular nouns and words
Instructions: Write the correct singular nouns and plural nouns in task 3. into Singular nouns
plural nouns in the table below. ครูให้นักเรียนแบ่งประเภท and plural nouns in
ของคำศัพท์เป้าหมายเป็น task 3.
คำนามเอกพจน์และคำนาม นักเรียนจัดประเภท
พหูพจน์ในแบบฝึกหัดที่ 3 คำศัพท์เป็นคำนาม
-Lets students check เอกพจน์และคำนาม
the correct answers พหูพจน์ในแบบฝึกหัดที่ 3
-Check the correct
with their partner.
ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน answers with their
แล้วตรวจคำตอบ partner.
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
3. Dividing the given words in Singular nouns and ครูอธิบายการใช้คำนาม นักเรียนจัดประเภท
plural nouns. การแยกประเภทคำนามเอกพจน์และคำนาม เอกพจน์และคำนาม คำนามเอกพจน์และ
พหูพจน์ พหูพจน์ คำนามพหูพจน์
T: Ok, good job guys. Then, I have another -Lets students divide -Listen to the teacher.
activity for you to do. Are you ready? the นักเรียนฟังครู
Ss: Yes target words into -Divide the target
T: Divide words into parts. Singular nouns and words
Instructions: Write the correct singular nouns and plural nouns in task 3. into Singular nouns
plural nouns in the table below. ครูให้นักเรียนแบ่งประเภท and plural nouns in
ของคำศัพท์เป้าหมายเป็น task 3.
คำนามเอกพจน์และคำนาม นักเรียนจัดประเภท
พหูพจน์ในแบบฝึกหัดที่ 3 คำศัพท์เป็นคำนาม
-Lets students check เอกพจน์และคำนาม
the correct answers พหูพจน์ในแบบฝึกหัดที่ 3
-Check the correct
with their partner.
ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน answers with their
แล้วตรวจคำตอบ partner.
Teaching
Stage
(ขั้นตอน Content Teacher’s activities Student’s activities aids
การสอน) (เนื้อหา) (กิจกรรมของครู) (กิจกรรมของนักเรียน) (สื่อการ
สอน)
นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้ว
ตรวจคำตอบ
4.Interpretation Choosing the target words that are -Lets students analyze -Analyze the meaning - บทเรียน
(การตีความหมาย suitable for the context. the meaning of the of the target words in สำเร็จรูป
คำศัพท์) เลือกคำศัพท์เป้าหมายให้เหมาะสมกับบริบทของประโยค target words in the the given contexts Power
T: And then, the students look at task 4. given contexts. นักเรียนวิเคราะห์ point
Instructions: Read the text again and choose ครูให้นักเรียนวิเคราะห์ ความหมายของคำศัพท์ Smile 4
the words that are suitable for the following ความหมายของคำศัพท์ เป้าหมายจากบริบทของ - hand
context. เป้าหมายจากบริบทของ ประโยคที่กำหนดให้ out
Example: ___Lion__is the secong largest cat in the ประโยคที่กำหนดให้ -Check the correct - exercise
world. -Lets students check answers with their 4
the partner.
correct answers with นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้ว
their partner. ตรวจคำตอบ
ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน
แล้วตรวจคำตอบ