คู่มอื หตั ถการการผา่ ฝี
Incision and drainage
จัดทาโดย
นางสาวสปุ ราณี กุลเกียว
รหัสนกั ศึกษา 61102301159
นกั ศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑติ ชนั้ ปีท่ี 4
เสนอ
อาจารยอ์ งั คณา เรือนกอ้ น
รายงานเล่มนีเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของวชิ าการรกั ษาพยาบาลเบอ้ื งต้น
รหสั วชิ า พย.1426 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราช
ก
คำนำ
รายงานฉบับน้ีเปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวิชาการรักษาพยาบาลเบื้องตน้ (พย.1426) ของนกั ศึกษา
พยาบาลศาสตรบัณฑติ ชั้นปที ่ี 4 โดยมีวัตถุประสงค์ เพ่ือให้นักศึกษาไดศ้ ึกษาหาความรู้ในเร่ืองหัตถการการผ่าฝี
(Incision & Drainage) เพื่อเป็นประโยชนก์ บั การเรียนและนาไปใช้ในการฝกึ ปฏิบตั งิ าน ทงั้ น้ผี ูจ้ ดั ทาหวงั เป็น
อย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนจี้ ะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้ทีไ่ ดม้ าศึกษาหรือสนใจข้อมลู เก่ยี วกับเรอ่ื งหตั ถการการผ่าฝี
(Incision & Drainage) ไมม่ ากก็น้อย หากมีข้อผดิ พลาดประการใดผู้จดั ทาขอน้อมรบั ในข้อช้แี นะและจะนาไป
แกไ้ ขและขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้
นางสาวสปุ ราณี กลุ เกียว
นักศกึ ษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชนั้ ปที ่ี 4
สำรบัญ ข
เรอ่ื ง หนำ้
ประเภทของฝี 1
ลกั ษณะของฝี 1
วัตถปุ ระสงค์ 2
การซกั ประวตั ิ 2
การตรวจรา่ งกาย 2
การเตรยี มผปู้ ่วยก่อนทาหัตถการ 2
อปุ กรณ์ 4-7
ชนิดของยาชา 8
หลักการใช้ยาชาเฉพาะท่ี 8
ขนาดยาทเ่ี หมาะสม 9
ข้ันตอนการทาหตั ถการ Incision and drainage 10-11
คาแนะนาในการดูแลตนเองสาหรับผูป้ ว่ ยปฏิบัตติ วั ทบี่ ้าน 12-13
1
Incision and drainage
ประเภทของฝี แบง่ เปน็ 2 ประเภท
1. ฝีท่ผี ิวหนงั กอ่ ตัวขนึ้ บริเวณใต้ผวิ หนัง สามารถเกดิ ข้ึนบนส่วนใดของร่างกายก็ได้ ส่วนมาก
จะเปน็ แผน่ หลงั ใบหนา้ หน้าอกบั้นท้าย หรืออาจพบบริเวณทม่ี ีขนงอกออกมาได้ดว้ ย เช่น
ใตร้ ักแร้ หรอื ขาหนบี โดยบรเิ วณรากผมหรือขนทีเ่ กิดการตดิ เชอื้ จะพัฒนาจนเกิดฝี มี
อาการ
2. เป็นฝที ี่กอ่ ตวั ขึ้นบรเิ วณอวยั วะภายใน หรอื ในบรเิ วณทวี่ า่ งระหว่างอวยั วะภายในร่างกาย
มักเกิดจากอาการเจ็บป่วยอย่างอ่นื ท่ีสง่ ผลทาให้เกิดฝี เช่น การตดิ เช้อื ในตบั ทาให้เกดิ ฝใี น
ตบั การตดิ เช้ือในเหงอื กและฟนั ทาใหเ้ กิดฝีและฟันเปน็ หนองได้ เปน็ ต้น
ลกั ษณะของฝี
ฝี (Abscess) เป็นตุม่ หรือก้อนบวมแดง ระยะแรกทีม่ ีลักษณะแขง็ เม่ือตมุ่ ขยายใหญ่ข้ึนจะมีลกั ษณะ
นุ่มลงและมหี นอง ขนาดประมาณ 1 – 10 เซนตเิ มตร ซง่ึ เป็นเม็ดเลอื ดขาวชนิด neutrophil ที่ตายแลว้ สะสม
อยภู่ ายในโพรงของเนื้อเย่ือซึง่ เปน็ กระบวนการของการติดเชอ้ื มกั มสี าเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรยี หรอื ปรสิต หรือ
เกิดจากสง่ิ แปลกปลอมภายนอกอื่นๆ เชน่ เศษวัสดุ กระสุน หรือเข็มทิ่ม ฝีเปน็ กระบวนการตอบสนองของ
เน้อื เยื่อในร่างกายต่อเชื้อโรคเพือ่ จากัดการแพร่กระจายไม่ใหไ้ ปยงั ส่วนอืน่ ๆ ของรา่ งกาย โดยจุลชพี ก่อโรค
หรอื สิ่งแปลกปลอมทเ่ี ขา้ มาในรา่ งกายจะมกี ารทาลายเซลล์ทตี่ าแหนง่ นั้น ทาให้เกดิ การหลั่งสารพษิ สารพิษจะ
กระตนุ้ กระบวนการอักเสบ ซงึ่ ทาใหม้ เี มด็ เลือดขาวจานวนมากเข้ามาในบริเวณที่เชอ้ื โรคบกุ รุกและเกิดการ
ไหลเวียนของเลือดในบรเิ วณนนั้ มากขึ้น
โครงสร้างของฝภี ายนอกจะประกอบดว้ ยผนังหรอื แคปซูลล้อมรอบ ซึ่งเกิดจากเซลลป์ กติข้างเคยี งมา
ลอ้ ม เพ่ือจากัดไม่ใหห้ นองไปติดตอ่ ยงั ส่วนอนื่ ๆ อยา่ งไรก็ตามแคปซูลท่ลี ้อมรอบโพรงหนองน้ันอาจทาให้เซลล์
ในระบบภมู ิคุ้มกนั ไมส่ ามารถเข้ามากาจัดเชอ้ื แบคทเี รยี หรือจลุ ชีพก่อโรคในหนองนน้ั ได้
3
วัตถปุ ระสงค์
1. เพอื่ ระบายหนองหรอื ส่งิ แปลกปลอมออกจากแผล
2. เพือ่ ลดการอักเสบติดเชอ้ื ของแผลและกระตุน้ ให้แผลทีเ่ กิดข้ึนหายเรว็ ขึน้
กำรซกั ประวัติ
-ช่วงเวลา/ระยะเวลาทเ่ี กดิ รอยโรค
-เคยไดร้ ับบาดเจ็บในบรเิ วณท่ีเกิดฝหี รอื ไม่
-มีอาการแพ้ต่อสงิ่ ใดหรือเปน็ โรคภมู แิ พ้หรือไม่ และกาลังใช้ยาชนดิ ใดอยู่
-ได้รับการฉีดวัคซนี บาดทะยกั ครบ 3 เขม็ หรือไม่ ไดร้ ับวัคซีนไปเม่ือไร
กำรตรวจรำ่ งกำย
-วดั สญั ญาณชีพ อุณหภูมิร่างกาย อัตราการเตน้ ของหัวใจ อัตราการหายใจ ความดันโลหิต
-ระบบหวั ใจและหลอดเลือด ระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท
-ผวิ หนัง มองเห็นมกี ้อน/ตมุ่ ขาวขนุ่ คลา้ ยสวิ อักเสบ บวม แดง ตามบริเวณตา่ งๆทว่ั ร่างกาย
กำรเตรียมผปู้ ่วยก่อนทำหตั ถกำร
1. ซกั ประวัติการแพ้ยาชา
2. ให้คาแนะนาแกผ่ ู้ป่วยถึงข้ันตอนและประโยชน์ของการทา incision and drainage
3. เปดิ โอกาสใหผ้ ู้ป่วยซกั ถามเก่ียวกบั ขอ้ มูลการทา incision and drainage
4. จดั ท่านอนท่ีเหมาะสมใหแ้ ก่ผ้ปู ว่ ย ตามลักษณะและตาแหน่งของแผล เพือ่ เกดิ ความสะดวกในการทา
5. ทาความสะอาดบริเวณผิวหนังโดยการ Scrub ผิวหนงั บริเวณทจ่ี ะทาด้วย Betadine Scrub
4
อปุ กรณ์ 3.Towel clip
1. ใบมีด
4. Retractor
2. ด้ามมดี
5. Metzenbaum Scissor 6. Sponge Holder
5
7.Arterial Clamp 9.สาลี/ผา้ กอ๊ ซ
8.กรรไกรตดั ไหม 10.ถ้วย 2ใบ ใส่น้ายาทาความ
สะอาด
11.ผ้ากอ๊ ซระบายหนอง 12.น้ายาต่างๆ : น้าเกลอื (NSS)
6
Hibiscrub Providine scrup
Hibitane solution Providine solution
13.Plaster ปิดแผล 14.เขม็ เย็บแผล
7
15. Needle Holder 16.ไหมเย็บแผล
17. เข็ม (needle) 18.กระบอกฉดี
เบอร์ 18และ 23หรือ 25 ยา (Syringe) ขนาด 5/10ซซี ี
19.ถงุ มือ Sterile gloves 20.ชามรูปไต
8
ยาชาชนดิ ต่างๆ ทนี่ ิยมใช้
1. Procaine Hydrochloride หรือ Novocaine : ใช้บ่อยมาก ราคาถูก ออกฤทธ์ิเร็วเกือบจะทันที
มฤี ทธ์ิ ½ 2 ช่ัวโมง ฤทธิอ์ ยู่ได้นานกวา่ นี้ โดยเตมิ Adrenaline 0.5 cc. : 100 cc. ของยาชา
(Adrenaline ทาใหห้ ลอดเลือดหดตวั ยาซมึ หายไปได้ชา้ ทาใหฤ้ ทธิ์อยู่ไดน้ าน)
การแพย้ า
-อยา่ งอ่อน : คลืน่ ไส้อาเจียน เวยี นศรี ษะ
-อย่างมาก : หนา้ มดื ตามองไม่เหน็ ว้าวุ่น ชกั หมดสติ
2. Lignocaine Hydrochloride หรือ Lidocaine หรือ Xylocaine : มฤี ทธิ์ต่อประสาทส่งความร้สู กึ
มากกว่าประสาทสงั่ การเคลื่อนไหว ขนาดทน่ี ยิ มใช้ คอื 0.5 %, 1 %, 2%
การแพ้ยา
-อยา่ งอ่อน : คลืน่ ไส้อาเจียน เวียนศรี ษะ
-อยา่ งมาก หนา้ มดื ตามองไม่เหน็ วา้ วุ่น ชกั หมดสติ
สงิ่ ทตี่ อ้ งคานงึ ถึงเสมอ การฉดี ยาชาเขา้ หลอดเลือดอาจทาใหเ้ กดิ อาการหรอื มอี าการแพม้ ากขึ้นได้
ดงั น้ันเวลาแทงเข็มเข้าไป ควรดดู ดกู ่อนฉดี เสมอวา่ เขา้ หลอดเลอื ดหรอื ไม่
3. Pontocaine Hydrochloride : ระงับความรสู้ กึ ดี แต่มพี ิษมาก จงึ นยิ มใช้น้อย มีประโยชนส์ าหรบั
ทาลงไปบนเยื่อเมือกต่างๆ เพื่อให้หมดความรสู้ กึ ใชม้ าสาหรับลกู ตา จมกู ปาก และคอ
-ขนาดทใ่ี ช้หยอดตา : 0.5%
-ขนาดทใี่ ช้พ่นจมูก หรอื แพ็คคอ : 2%
หลกั กำรในกำรฉีดยำชำเฉพำะที่
-ซักประวัติการแพ้ยา อธิบายใหผ้ ูป้ ่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการฉดี ยาชา และให้ข้อมูล
เกย่ี วกับอาการแพย้ าหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นไดจ้ ากการได้รับยาชา
-จดั ทา่ นอน พดู คุยใหผ้ ู้ป่วยคลายความวติ กกังวล ประเมนิ อาการเปลยี่ นแปลงของผู้ป่วยใน
ระหวา่ งที่ไดร้ ับยาชา
-การเริม่ และเดินยา ฉดี เข้าไปในผิวหนงั บรเิ วณ Intradermal wheal กอ่ น ยกเว้นบรเิ วณ ฝา่
มือ ฝา่ เทา้ หรือหนงั ศีรษะ เพื่อไม่ให้ผู้ปว่ ยเจ็บเวลาเคล่ือนเข็ม ค่อยๆปกั เข็มเข้า ไปในเน้ือใตผ้ วิ หนงั
และทดสอบวา่ ปลายเขม็ เข้าไปในหลอดเลอื ดหรือไม่ หากม่ันใจว่าเขม็ ไม่อยู่ใน
9
หลอดเลือดใหเ้ ริ่มเดนิ ยา 1-2 ซีซี แลว้ รอดปู ระมาณ 1-2 นาที หากผู้ป่วยไม่มีปฏกิ ิริยาใด ๆ ใหฉ้ ีด
ต่อไปจนได้ปริมาณยาและบริเวณการทาหตั ถการตามที่ต้องการ
-การฉีดยาชาไม่ควรฉดี เรว็ และแรง เพราะจะทาให้เกดิ ความดันทสี่ งู ทาให้ผปู้ ว่ ยมีอาการปวด
-หลงั จากฉีดยาชาแล้วแล้วควรมีการทดสอบการชาก่อนทจ่ี ะทาหตั ถการ
การแก้ไขการแพย้ าชา
1. ดูแลทางเดนิ หายใจให้โลง่ และรายงานแพทย์
2. ใหน้ อนพักศีรษะสงู ให้ O2 Inhalation
3. วัดสญั ญาณชีพ บักทึกอาการ สังเกตการเปลี่ยนแปลง
4. ถา้ ความดันโลหิตต่างมแี นวโน้ม shock ให้ 5% NSSNSS1000 cc. IV drip ให้เรว็ ระหว่างรอแพทย์
5. ถา้ ชักให้ Valium 10 mg. ทาง IV ชา้ ๆ
6. ถ้าหวั ใจหยดุ เตน้ อาจต้องให้ Adrenaline 1:1000 IV, Epinephine 0.1-0.5 cc. เจอื จาง 1:10000
ทาง IV
7. ชว่ ยหายใจ เตรียมอปุ กรณ์เครื่องใช้สาหรับใส่ Tracheostomy tube
ตาแหนง่ ท่หี ้ามใช้ Xylocaine ผสม Adrenaline ฉดี เขา้ ไป
-ใบหู,นว้ิ มอื ,นว้ิ เทา้ ,อวยั วะเพศชาย,หัวนม เน่ืองจากจะทาให้อวัยวะสว่ นนน้ั ขาดเลอื ดไปเลย้ี ง
ทาใหเ้ กิดเน้ือตาย
ขนาดทเ่ี หมาะสมและการคานวณยาชา
ชนดิ ยำชำ 2 g/ 100 ml ขนำดยำ 2,000 mg/ 100 ml
2% lidocaine 1 g/ 100 ml 20 mg/ml 1,000 mg/ 100 ml
1% lidocaine 0.5 g/ 100 ml 10 mg/ml 500 mg/ 100 ml
0.5% lidocaine 5 mg/ml
- 1 % xylocaine without adrenaline ขนาดยา 3 - 5 mg/kg
- 1 % xylocaine with adrenaline ขนาดยา 5 - 7 mg/kg
สูตรการคานวณยาชา
นา้ หนกั x ขนาดยา = ขนาดยาทีใ่ ชไ้ ด้ไมเ่ กนิ ตามนา้ หนักตวั
ตวั อย่าง ถ้าผ้ปู ่วยหนกั 40 กิโลกรัม ตอ้ งใช้ / Xylocaine without Adrenaline กมี่ ลิ กิ รมั และใช้ยากี่
ml โดย Xylocaine without Adrenaline ขนาดท่ีใช้ในผใู้ หญ่ ไมเ่ กนิ 300 mg หรอื 5 mg/kg
นา้ หนกั 40 kg x 5 mg/kg = 200 mg ดงั น้นั 40 กิโลกรมั ใช้ยาได้ไมเ่ กนิ 200 mg
2% Xylocaine 20 mg /ml ดังนน้ั ยา 200 mg = 10 ml
ใช้ 2% Xylocaine without Adrenaline จานวน ไมเ่ กนิ 10 ml
10
ข้นั ตอนกำรทำหัตถกำร Incision and drainage
- ลา้ งมอื 7 ข้ันตอน
- เตรยี ม Set Dressing และอุปกรณใ์ ห้พรอ้ ม
- ใส่ถงุ มือ sterile
- ทาความสะอาดบรเิ วณฝีด้วยยาฆ่าเชอ้ื โรค เชน่ Povidone iodine
- ปผู า้ สเี่ หล่ยี มเจาะกลางบริเวณฝี
- ฉีดยาชาเฉพาะบริเวณท่ีจะกรีด
11
- ใช้ Syringe aspirate เจาะแล้วดูดหนอง ถา้ ได้หนองใชป้ ลายปากคีบชนดิ มีเข้ียวดึงหนังที่ปิดหัวฝี
ออก หรือใช้มีดปลายแหลมกรีดลงบนหัวฝี เพ่อื ระบายใหห้ นองออก
- ขูด Curettage เอาเศษหนองในโพรงแผลออกใหห้ มด ใช้ Syringe ใสน่ ้ายาลา้ งแผล Irrigateลา้ ง
แผลให้สะอาด แลว้ แพ๊คแผลด้วยผ้าก๊อซปราศจากเช้อื ชุบ NSS + Providine 1:1 ลงในแผล
- นัดผู้ปว่ ยทาแผลทุกวนั จนกว่าแผลจะหาย
12
คำแนะนำในกำรดูแลตนเองสำหรับผปู้ ่วยปฏิบัตติ ัวที่บำ้ น
1. ดแู ลแผลไม่ใหเ้ ปยี กน้า
2. รบั ประทานยาแกป้ วดและยาปฏชิ วี นะตามแพทย์สงั่
3. รับประทานอาหารจาพวกโปรตีน เพ่อื ชว่ ยในการเสริมสร้างและการซ่อมแซมเน้ือเยื่อ เชน่ เนอ้ื สัตว์ไข่
นม ชสี โยเกิร์ต ถั่วลิสง พืชตระกูลถวั่ เป็นตน้ หรืออาหารที่สามารถหาได้ง่ายตามท้องถ่ินท่ีผู้ป่วย
อาศยั อยู่
4. นดั ผูป้ ่วยมาทาแผลวนั ละ 1-2 ครั้ง ข้นึ อยู่กบั ปริมาณหนอง ขนาดฝแี ละตาแหนง่ ของฝี
5. หากพบอาการผิดปกติ บรเิ วณแผลปวดมากผิดปกติ หรือมีเลือดออกชุ่มตลอดเวลาให้กลับมาพบ
แพทย์ก่อนนัด
คำแนะนำตำมหลกั D METHOD ซึ่งประกอบดว้ ย
- D- Diagnosis ใหค้ วามรเู้ กี่ยวกบั โรคท่ีเปน็ อยู่ สาเหตุของโรคเกดิ จาก อกั เสบของรขู มุ ขนหรือเซลล์ผวิ หนงั ที่
ตายแลว้ ทาใหเ้ ช้ือโรคแทรกตัวเขา้ ไปภายในต่อมเหลา่ นี้ จงึ เกิดกระบวนการอกั เสบของระบบภมู ิคมุ้ กนั รา่ งกาย
เพือ่ ต้านต่อเช้ือโรค เกิดเป็นฝีทม่ี กี ารอักเสบและโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึง่ เชือ้ สว่ นใหญ่ทเ่ี ปน็ สาเหตทุ าให้เกดิ ฝี คือ เชือ้
แบคทีเรยี แนะนาผู้ปว่ ยไม่ให้แผลโดนน้า ให้ผูป้ ว่ ยทาแผลทุกวนั วันละ 1 ครง้ั ทีส่ ถานพยาบาลใกลบ้ า้ น หาก
แผลโดนน้าหรอื มีสารคดั หลง่ั ซึมออกจากแผลให้รีบไปทาแผลท่ีสถานพยาบาลใกลบ้ า้ น ไม่ควรทาแผลด้วย
ตวั เอง
- M- Medicine แนะนาให้ผู้ป่วยรบั ประทายยาให้ครบตามแพทย์สัง่ หากได้รับยาปฏิชีวนะควรรับประทานให้
หมด หากมีอาการปวดใหร้ ับประทานยาแกป้ วดคร้งั ละ 1 เมด็ ทกุ 4-6 ช่ัวโมง หากรับประทานยาแล้วมีอาการ
ผิดปกติ เชน่ มีผน่ื ขึ้นตามตวั หายใจตดิ ขัด ควรหยุดยาแลว้ มาพบแพทย์
- E – Environment จดั ส่งิ แวดล้อมให้เหมาะสมกับผปู้ ่วย จดั ของให้เข้าที่ เพื่อปอ้ งกนั ไม่ให้เกิดการสะดดุ หก
ล้ม และเกิดการกระทบกระเทอื นต่อแผล
- T- Treatment ใหผ้ ู้ปว่ ยคอยสงั เกตบริเวณแผลหากมอี าการบวมแดงและปวดมาก รบั ประทานยาแก้ปวด
แลว้ อาการไมท่ เุ ลา มีสารคัดหลง่ั เชน่ หนองไหนซึมออกจากแผล ให้รีบมาพบแพทย์
13
- H- Health หากผู้ปว่ ยมีบาดแผลบริเวณเท้าแนะนาใหผ้ ู้ป่วยลดการลงน้าหนักข้างทม่ี ีบาดแผล ให้หยุดทางาน
ท่ีเกย่ี วกับการกระทบกระเทือนบรเิ วณบาดแผลอยา่ งรนุ แรง
- O- Out patient แนะนาให้ผู้ปว่ ยมาพบแพทยต์ ามนดั เพ่ือประเมินบาดแผล และแนะนาให้ผ้ปู ่วยไปทาแผล
ทกุ วนั วันละ 1 ครงั้ ทีส่ ถานพยาบาลใกล้
- D – Diet แนะนาการรบั ประทานอาหารเพ่ือสง่ เสริมการหายของแผลเนน้ อาหารท่ีมีโปรตนี สูงเช่นเนื้อไก่ นม
ไขไ่ ก่ และอาหารที่มีวติ ามนิ ซีสงู เชน่ ส้ม ฝรัง่ กล้วยน้าว้า หลกี เลีย่ งการรบั ประทานอาหารประเภทของหมัก
ดอง ชา กาแฟ
อา้ งอิง
-โครงการผลติ แพทย์เพ่ือชาวชนบท กระทรวงสาธารณสุข. (2556). คมู่ ือเวชปฏิบัตหิ ตั ถการ สาหรบั นิสติ
นกั ศกึ ษาแพทย์ ฉบับปรับปรุงคร้ังท่ี 3. (พิมพ์ครั้งท่ี 3). สานกั งานบริหารโครงการรว่ มผลิต แพทย์เพม่ิ เพ่อื ชาว
ชนบท (สบพช.).
-พมิ พ์พนติ ภาศรี. (2558). คู่มอื การจัดเตรียมสถานการณ์จาลองรายวิชา 640-493 ปฏิบตั ิการพยาบาล
อนามยั ชุมชนและการดูแลรักษาโรคเบือ้ งตน้ . สบื ค้น 21 สิงหาคม 2564, จาก
https://www.nur.psu.ac.th/NurseLRC.
-มทุ ิตา ยาวิชัย และอรญั ญา สิงหใ์ จ. (2561). ข้ันตอนการปฏิบัตงิ าน (Work Instruction) เรอ่ื งแนวทางการผา่
ฝ.ี สืบค้น 21 สิงหาคม 2564, จาก
http://122.155.219.72/skph/uploads/ha/O4f5ZRU6U4kJANXVJMQIC/bab1679ace8
fd5cd361ee5b38085293a.doc.