The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by e63161653, 2024-05-29 06:50:29

การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง

การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง

การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดย จิรัชญา ครองเมือง รหัสนักศึกษา 63161607 สุชัญญา ผูกรักษ์ รหัสนักศึกษา 63161647 อิสรียา แก้วผัด รหัสนักศึกษา 63161649 ชญานนท์ ขยันการ รหัสนักศึกษา 63161653 รายงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชา SO 3608 การวิจัยเชิงปฏิบัติการทางสังคมศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 สาขาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่


การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดย จิรัชญา ครองเมือง รหัสนักศึกษา 63161607 สุชัญญา ผูกรักษ์ รหัสนักศึกษา 63161647 อิสรียา แก้วผัด รหัสนักศึกษา 63161649 ชญานนท์ ขยันการ รหัสนักศึกษา 63161653 รายงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชา SO 3608 การวิจัยเชิงปฏิบัติการทางสังคมศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 สาขาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่


ก หัวข้อวิจัย การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) โดย จิรัชญา ครองเมือง รหัสนักศึกษา 63161607 สุชัญญา ผูกรักษ์ รหัสนักศึกษา 63161647 อิสรียา แก้วผัด รหัสนักศึกษา 63161649 ชญานนท์ ขยันการ รหัสนักศึกษา 63161653 ภาควิชา สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ อาจารย์ที่ปรึกษา 1. อาจารย์ ดร.เสกสรร ท้าวทุมมา 2. อาจารย์ ดร.ณกานต์ อนุกูลวรรธกะ 3. อาจารย์สุรเดช ลุนิทรานนท์ คณะกรรมการตรวจสอบ ......................................................................... ประธานกรรมการ (อาจารย์สุรเดช ลุนิทรานนท์) ...................................................................................... กรรมการ (อาจารย์ ดร.เสกสรร ท้าวทุมมา) ...................................................................................... กรรมการ (อาจารย์ ดร.ณกานต์ อนุกูลวรรธกะ)


ข ชื่อเรื่อง : การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้วิจัย : จิรัชญา ครองเมือง รหัสนักศึกษา 63161607 สุชัญญา ผูกรักษ์ รหัสนักศึกษา 63161647 อิสรียา แก้วผัด รหัสนักศึกษา 63161649 ชญานนท์ ขยันการ รหัสนักศึกษา 63161653 หน่วยงาน/คณะ : สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ที่ปรึกษา : อาจารย์ ดร.เสกสรร ท้าวทุมมา อาจารย์ ดร.ณกานต์ อนุกูลวรรธกะ อาจารย์สุรเดช ลุนิทรานนท์ บทคัดย่อ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบที่มีต่อผู้ประกอบการ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเพื่อศึกษาแนวทาง ในการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ กลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในหมู่บ้าน บ่อสร้าง มีจำนวนทั้งสิ้น 11 ร้าน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่มีหน้าร้านในการขายสินค้าร่มบ่อสร้าง ในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เครื่องมือที่ใช้ในการ รวบรวมข้อมูล โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ประกอบกิจการร่มบ่อสร้าง ซึ่งใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบ เชิงลึก (In-depth Interview) มีผลการวิจัยปรากฏดังนี้ ด้านผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่า ทางผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบในระดับสูงมาก เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้ปริมาณลูกค้า และผู้ประกอบการลดลง จึงทำให้ร้านค้าต้องปิดตัวลงอีกทั้งภาระหนี้สินที่ต้องไปกู้ยืมจากสถาบันทาง การเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการนั้นสามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ด้านแนวทางการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง พบว่า ทางผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทางผู้ประกอบการบางรายมีการ กู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนค่าใช้จ่าย และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทำการขายออนไลน์ควบคู่ไป


ค กับการเปิดขายหน้าร้าน และยังมีการขายแบบส่งออกไปตามที่ต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและภายนอก ประเทศ ซึ่งบางกิจการได้ทำการปิดกิจการก่อน เพื่อรอให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น โดยในระหว่างการ รอให้สถานการณ์ดีขึ้น ทางผู้ประกอบการได้เลือกทำอาชีพเสริม เพื่อให้ตนเองนั้นสามารถอยู่รอดได้ และผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่จะไม่รับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐหรือเลือกที่จะไม่เข้า ร่วมในโครงการต่าง ๆ ของทางภาครัฐ


ง กิตติกรรมประกาศ งานวิจัยฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความอนุเคราะห์จาก อาจารย์ ดร.ณกานต์ อนุกูลวรรธกะ อาจารย์ ดร.เสกสรร ท้าวทุม และอาจารย์สุรเดช ลุนิทรานนท์อาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย ผู้ให้ คำปรึกษา แนะนำ และตรวจแก้ไขในงานวิจัยฉบับนี้ ให้มีความถูกต้องสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังให้คำปรึกษา แนะนำแนวทางในการทำการค้นคว้างานวิจัยฉบับนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนจนบรรลุ ความสำเร็จลงได้ ขอขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ประจำหลักสูตรสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ รวมไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่าน ที่กรุณาให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะและ ตรวจแก้ไขข้อบกพร่องพิจารณาความถูกต้องและความเที่ยงตรงในเนื้อหาของงานวิจัยและ แบบสัมภาษณ์ ด้วยความเอาใจใส่มาโดยตลอด คณะผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานวิจัยฉบับนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่สนใจศึกษาต่อไป คณะผู้วิจัย


จ สารบัญ หน้า การตรวจสอบงานวิจัย ก บทคัดย่อ ข กิตติกรรมประกาศ ง สารบัญ จ บทที่ 1 บทนำ 1 1.1 ความเป็นมา และความสำคัญของปัญหา 1 1.2 ปัญหานำวิจัย 3 1.3 วัตถุประสงค์การวิจัย 3 1.4 สมมติฐานการวิจัย 3 1.5 ขอบเขตการวิจัย 3 1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ 4 1.7 ประโยชน์ของการวิจัย 4 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 5 2.1 ประวัติความเป็นมาของร่มบ่อสร้าง 5 2.2 ลักษณะของร่มบ่อสร้าง 6 2.3 บริบทของเมืองเชียงใหม่ 6 2.4 รูปแบบการขาย 8 2.5แนวคิดการปรับตัวของผู้ประกอบการ 10 2.6 สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 10 ในประเทศไทย 2.7 ผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) ที่มีต่อเศรษฐกิจ 12 2.8 มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ 14 2.9 มาตรการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 17 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ 2.10 วิจัยที่เกี่ยวข้อง 18 2.11 กรอบแนวคิดในการวิจัย 20 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย 22


ฉ หนังสือและเอกสารจากหน่วยงานราชการ 69 3.1 การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 22 3.2 สถานที่ศึกษา 22 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 23 3.4 วิธีสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 23 3.5 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาคุณภาพเครื่องมือ 24 3.6 การเก็บรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล 24 3.7 ระยะเวลาในการทำวิจัย 24 3.8 ปฏิทินปฏิบัติงาน 25 3.9 งบประมาณในการทำวิจัย 25 บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล 26 ส่วนที่ 1 ข้อมูลผู้ให้สัมภาษณ์ 26 ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ 29 โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่วนที่ 3 แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการ 31 ร่มบ่อสร้าง บทที่ 5 สรุปผลการวิจัยอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 35 5.1 สรุปผลการวิจัย 35 5.2 อภิปรายผลการวิจัย 36 5.3 ข้อเสนอแนะ 38 บรรณานุกรม 40 ประวัติผู้วิจัย 42 ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบสัมภาษณ์โครงการวิจัย 45 ภาคผนวก ข การพิจราณาการประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง IOC 50 ภาคผนวก ค ผลการวิเคราะห์แบบประเมินดัชนีความสอดคล้อง 61 ภาคผนวก ง ภาพประกอบการลงพื้นที่เก็บข้อมูล 65 ภาคผนวก จ


1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมา และความสำคัญของปัญหา จังหวัดเชียงใหม่ จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของภาคเหนือ เป็นเมืองที่มี ขนาดใหญ่และมีความสำคัญทางด้านวัฒนธรรมมากที่สุดในภูมิภาคนี้ จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่บนหุบเขา ริมแม่น้ำปิง ท่ามกลางภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย จึงส่งผลให้อุณหภูมิในฤดูหนาวลดลงต่ำมาก เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของประเทศไทย มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ก่อเกิดเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามมากมายควบคู่ไปกับเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมพื้นเมืองที่หลากหลาย และ มีประเพณีท้องถิ่นที่สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ของภูมิภาคนี้ไม่ว่าจะเป็นภาษาถิ่นหลากภาษา อาหารการกิน งานฝีมือ งานเทศกาล ตลอดจนสถาปัตยกรรมอันงดงาม ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่นั้น ถือได้ว่ามีความหลากหลายด้านศิลปะวัฒนธรรม ความเชื่อ ความคิด มีประวัติความเป็นมาช้านาน มากกว่า 700 ปีมีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว และมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมในด้านการบริการโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สถานบันเทิง รวมไปถึงมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ที่ให้นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ได้ทำการเลือกซื้อ (การจัดทำเว็บท่าด่านด้านการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, 2556) ตัวอย่างเช่น ด้านอาหาร ได้แก่ น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ข้าวซอย หรือจะเป็นด้านข้าวของเครื่องใช้ได้แก่ เครื่องเงิน เครื่องเขิน รวมไปถึงร่มบ่อสร้าง ที่ถือได้ว่าเป็นของขึ้นชื่อมากที่สุดของอำเภอสันกำแพง จังหวัด เชียงใหม่ ร่มบ่อสร้าง ถือเป็นเอกลักษณ์คู่จังหวัดเชียงใหม่มาช้านาน ตั้งแต่สมัยล้านนานับร้อย ๆ ปี ทำให้ร่มบ่อสร้าง กลับกลายมาเป็นของฝากเชิงเอกลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่ที่ปัจจุบันลูกค้ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์ คือ ชาวต่างชาติ(ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง, 2557) โดยการทำร่ม ถือเป็นอาชีพหัตถกรรมหลักของชาวบ้านในอำเภอสันกำแพง เนื่องจากในอดีตหมู่บ้านบ่อสร้างเป็น หมู่บ้าน ที่มีการทำร่มเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านเกือบทุกคนของหมู่บ้านนี้มีฝีมือในการทำร่มอย่าง สวยงาม เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดเอาไว้ โดยระยะแรกการทำร่มของบ้านบ่อสร้าง ทำขึ้น เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันเท่านั้น ต่อมามีผู้เห็นความสำคัญของการทำร่มจึงได้พัฒนารูปแบบให้ ทันสมัยขึ้นจนปัจจุบันการทำร่มของบ้านบ่อสร้าง ได้พัฒนาจากงานฝีมือจากท้องถิ่นมาสู่ระบบ อุตสาหกรรมและการค้า-ขายอย่างเต็มตัว เกือบทุกครอบครัวจะมีการนำร่มออกมาจำหน่ายจนเป็น แหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาจัดหาซื้อร่มไปเป็นของที่ระลึกกันอย่างแพร่หลาย เพราะร่มของ


2 บ้านบ่อสร้าง มีเอกลักษณ์เฉพาะแบบ มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม อีกทั้งการใช้วัสดุที่คงทน ทำให้ชื่อเสียง ของบ้านบ่อสร้างแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง (ภัทรกร ออแก้ว, 2555) จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2562 – 2563 มีการระบาดทั่วโลก โดยมีสาเหตุ มาจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 โดยพบครั้งแรกในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน องค์กรอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะ ฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563 และประกาศให้เป็น โรคระบาด ในวันที่11 มีนาคม พ.ศ. 2563 โดย วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 มีผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว มากกว่า 3,740,000 คน ใน 20 ประเทศ และดินแดน มีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดแล้วมากกว่า 258,000 คน และมีผู้หายป่วยแล้วมากกว่า 1,247,000 คน (Johns Hopkins CSSE, 2020) สำหรับ การระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศไทยนั้น ดำเนินอยู่ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563 โดยมีผู้ป่วยยืนยันรายแรก นอกประเทศจีน การคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศพบผู้ป่วยประปราย ตลอดเดือนมกราคม ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากหรือเป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศจีนแทบทั้งสิ้น การแพร่ เชื้อท้องถิ่นที่มีรายงาน รายแรก มีการยืนยัน เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น มากในกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 (กรมควบคุมโรค, 2563) โดยจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนมากมายรวมไปถึง ด้านการค้าขาย ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีการขายสินค้าได้น้อยลง เพราะว่าการแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้รัฐต้องออกมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดรูปแบบ ต่าง ๆ ซึ่งทางคณะรัฐมนตรีได้มีการออกมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยการสั่งให้มีการ Lock-Down หรือประกาศหยุดการดำเนินการต่าง ๆ ภายในประเทศ เช่น ดำเนินการกักกันโรค ปิดสถานที่ เลื่อนหรืองดจัดกิจกรรมใด ๆ อันจะส่งผลต่อการแพร่ระบาด ซึ่งการสั่งให้มีการ Lock-Down นั้นได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศอันกระทบกับภาค การค้าและภาคการบริการ รวมกว่า 45 % ของโครงสร้างระบบเศรษฐกิจไทย (ธนาคารแห่งประเทศ ไทย, 2563) ส่งผลให้ธุรกิจร่มบ่อสร้างที่เป็นหนึ่งในธุรกิจของชุมชนบ้านบ่อสร้างได้รับผลกระทบ โดยตรง จึงทำให้ผู้ประกอบการมีการคิดแก้ไขปัญหาเพื่อทางแนวทางในปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจของตน สามารถที่จะดำเนินต่อไปได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากข้อมูลดังกล่าว ทางคณะผู้วิจัยจึงสนใจที่จะทำการศึกษาผลกระทบการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีผลต่อผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง และเพื่อทำการศึกษา แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


3 1.2 ปัญหาหลักการวิจัย ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างมีการปรับตัวอย่างไรในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 1.3 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาผลกระทบที่มีต่อผู้ประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2. เพื่อศึกษาแนวทางในการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 1.4 สมมติฐานการวิจัย สถานการณ์การการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อ ยอดขายหรือรายได้ทำให้มีการจำหน่ายสินค้าได้ลดลง 1.5 ขอบเขตการวิจัย ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง การวิจัยครั้งนี้ใช้การศึกษาจากประชากร คือ กลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในอำเภอ สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จากกลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในหมู่บ้านบ่อสร้าง มีจำนวนทั้งสิ้น 11 ร้าน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่มีหน้าร้านในการขายสินค้าร่มบ่อสร้าง ในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้าน บ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยทางผู้วิจัยได้ทำการสำรวจเบื้องต้น และทำการศึกษาข้อมูลจากทางเทศบาลเมืองต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางเทศบาลเมืองต้นเปาว่ามีจำนวนร้านค้า ที่มีหน้าร้านในการขายสินค้าร่มบ่อสร้าง จำนวนทั้งหมด 11 ร้าน ขอบเขตด้านเนื้อหา 1. ศึกษาผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วง ปีพ.ศ. 2562-2566 ที่มีผลต่อผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง 2. ศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วง ปีพ.ศ. 2562-2566 ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขอบเขตด้านเวลาและสถานที่ ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาวิจัย คือ ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ถึงเดือน มีนาคม พ.ศ. 2566 และมีสถานที่ในการศึกษาวิจัย คือ หมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่และศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้างของอำเภอสันกำแพง


4 1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ 1. ร่มบ่อสร้าง หมายถึง ร่มที่ผลิตในหมู่บ้านบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ทำ จากผ้าฝ้าย ผ้าแพร ผ้าดิบ และกระดาษสา หุ้มบนโครงไม้ไผ่ ที่มีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ สีสัน งดงาม ซึ่งมีการวาดลวดลายต่าง ๆ บนร่ม ตามกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาในหมู่บ้าน ใช้ได้ทั้งกันฝนและ กันแดด 2. หมู่บ้านบ่อสร้าง หมายถึง หมู่บ้านที่มีถิ่นฐานที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่ ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นหมู่บ้านทำร่มแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ ถือเป็นหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของงานหัตถกรรมทำร่มที่มีชื่อเสียงมากที่สุด 3. ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง หมายถึง ผู้ที่มีร้านค้าจำหน่ายร่มบ่อสร้าง เพื่อสร้างรายได้และ กำไรให้กับตนเองหรือองค์กร 4. โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หมายถึง โรคติดต่อซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนา มีการแพร่ระบาดไปทั่ว ทำให้ส่งผลกระทบแก่หลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้าง 1.7 ประโยชน์ของการวิจัย 1. ทำให้ทราบถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในสถานการณ์การ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2. สามารถนำผลการวิจัยไปช่วยเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการอื่น ๆ


5 บทที่ 2 เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้วิจัยได้ศึกษาหลักการ แนวคิดทฤษฎี และ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องในประเด็นที่ครอบคลุมขอบเขตหัวข้อเนื้อหาดังนี้ 2.1 ประวัติความเป็นมาของร่มบ่อสร้าง 2.2 ลักษณะของร่มบ่อสร้าง 2.3 บริบทของเมืองเชียงใหม่ 2.4 รูปแบบการขาย 2.5แนวคิดการปรับตัวของผู้ประกอบการ 2.6 สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย 2.7 ผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีต่อเศรษฐกิจ 2.8 มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ 2.9 มาตรการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการ 2.10 วิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.11 กรอบแนวคิดในการวิจัย 2.1 ประวัติความเป็นมาของร่มบ่อสร้าง เมื่อประมาณเกือบสองร้อยปีมาแล้ว พระอินถา จากสำนักวัดบ่อสร้าง เดินธุดงค์ใกล้ชายแดน พม่า ได้มีชาวพม่านํากลดมาถวาย ท่านพิจารณาเห็นว่ากลดดังกล่าวสะดวกในการใช้และป้องกันได้ทั้ง แดดและฝน จึงเดินทางเข้าไปในพม่า ศึกษาวิธีทำกลด และการทำร่มจากกระดาษสา นํามาถ่ายทอด ให้กับชาวบ้านบ่อสร้าง จึงได้ผลผลิตออกมาสวยงามสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว และเป็นอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ขึ้น กลายมาเป็นหมู่บ้านบ่อสร้างซึ่งเป็นแหล่งภูมิศาสตร์ที่ผลิตร่มบ่อสร้างที่มีชื่อเสียง จนมี คําพูดว่า บ่อสร้างกางจ้อง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ จากนครเวียงพิงค์ ใน อดีตจนถึง เมืองเชียงใหม่ ในปัจจุบันแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของล้านนา ศิลปวัฒนธรรม การแต่งกาย ขนบธรรมเนียมประเพณี กริยามารยาทของสาวเหนือที่งดงาม พูดจาไพเราะ อู้คําเมือง แสนหวาน ปั่นจักรยานกางร่มสีสันสดใสจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวเหนือเมืองเชียงใหม่ ที่แม่หญิง ปั่นจักรยานและกางร่ม เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่ง จากปัจจัยทางธรรมชาติและปัจจัยจากมนุษย์ ทำให้ร่มบ่อสร้างที่ผลิตขึ้นในแหล่งภูมิศาสตร์นี้ มีลักษณะที่แตกต่างจากร่มที่ผลิตจากที่อื่น คือ มีรูปทรงสวยงาม ส่วนประกอบต่าง ๆ ของร่ม มีความ เรียบร้อย กรรมวิธีการผลิตแม่นยําและประณีต ใช้วัสดุที่มีคุณภาพดี ร่มบ่อสร้างจึงเป็นร่มที่ทำจาก


6 ไม้ไผ่ เหลากลึงอย่างละเอียดสวยงาม หุ้มด้วยผ้าหรือกระดาษสีสันสดใส มีลวดลายโดดเด่น เป็นที่รู้จัก ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นอย่างดี(กรมทรัพย์สินทางปัญญา, 2552) สรุปความได้ว่า ประวัติความเป็นมาร่มบ่อสร้างมีความยาวนานกว่าสองร้อยกว่าปีแล้ว พระอินถา จากสำนักวัดบ่อสร้าง เดินธุดงค์ใกล้ชายแดนพม่า ได้มีชาวพม่านำกลดมาถวายเพื่อใช้กัน แดดกันฝน จึงได้ศึกษาวิธีการทำกรดและทำร่มจากกระดาษสา มาถ่ายทอดกับชาวบ้านบ่อสร้างทำให้ มีชื่อเสียงและแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน 2.2 ลักษณะของร่มบ่อสร้าง มีลักษณะ คือ ทำจากไม้ไผ่ เหลากลึงอย่างละเอียดสวยงาม หุ้มด้วยผ้าหรือกระดาษสีสันสดใส มีลวดลายโดดเด่น (กรมทรัพย์สินทางปัญญา, 2552) ขนาดของร่มบ่อสร้าง แบ่งออกได้เป็น 4 ขนาด ได้แก่ - 17 นิ้ว - 14 นิ้ว - 12 นิ้ว - 10 นิ้ว รูปภาพที่ 1 ร่มล้านนาบ่อสร้าง. (2563), จาก โคมตุงล้านนาสินค้าพื้นเมืองเชียงใหม่. สรุปความได้ว่า ร่มบ่อสร้างของหมู่บ้านบ่อสร้างทำมาจากไม้ไผ่หุ้มด้วยผ้าหรือกระดาษที่มี สีสันสดใส มีลวดลายโดดเด่น ซึ่งมีหลากหลายขนาด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้ใน สถานการณ์ที่แตกต่างกันไป 2.3 บริบทของเมืองเชียงใหม่ ภาคการท่องเที่ยวและบริการสุขภาพ จังหวัดเชียงใหม่มีสถานที่ท่องเที่ยว รูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีร้านอาหาร โรงแรมบูติรีสอร์ทและโฮมสเตย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก จึงเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างประเทศจนทำให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก


7 1. การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บนพื้นฐานวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์และ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน 2. การท่องเที่ยวแบบนำพักเป็นระยะยาว ได้แก่ การท่องเที่ยวโดยมุ่งเน้นการพักผ่อน หย่อนใจเนื่องจากเชียงใหม่เป็นสถานที่การพักผ่อนที่ครบรูปแบบทั้งในรูปแบบธรรมชาติและ รูปแบบเมือง 3. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ได้แก่ การท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและ พักผ่อนหย่อนใจ โดยแบ่งจากการท่องเที่ยว เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ หรือการบำบัดรักษาฟื้นฟู สุขภาพ เป็นต้น 4. การท่องเที่ยวเชิงการศึกษา หมายถึง การท่องเที่ยวเชิงการศึกษาเป็นการท่องเที่ยวที่เน้น ให้บริการแก่นักเรียน นักศึกษาชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาศึกษายังสถาบันในจังหวัดเชียงใหม่ 5. การท่องเที่ยวเพื่อการประชุมและสัมมนาโดยจังหวัดเชียงใหม่มีศักยภาพและความพร้อม ในการเป็น Mice City มาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียน โดยมีสถานประกอบการและหน่วยงานที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานการท่องเที่ยวโรงแรม สีเขียวอาเซียนมาตรฐานเมืองท่องเที่ยวสะอาดอาเซียนและรางวัลการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอาเซียน จำนวนทั้งสิ้น 24 แห่งโดยมีสถานประกอบการและหน่วยงานที่ได้รับการรับรองของจังหวัดเชียงใหม่ ดังนี้ 1. มาตรฐานการท่องเที่ยวโรงแรมสีเขียว ได้แก่ โรงแรมเมอวันพิค สุริวงศ์ โฮเทล เชียงใหม่ 2. รางวัลการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอาเซียนประจำปี พ.ศ. 2563 ประเภทเขตชนบท ได้แก่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านไร่กองขิง ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว รางวัลดีเด่นโรงแรมบูติก ได้แก่ โรงแรมรติกล้านนา ริเวอร์ไซต์ สปา รีสอร์ท เท่านั้น แต่ยังมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับระดับสากล ดังจะเห็นได้จากการจัดลำดับเมือง ท่องเที่ยวของนิตยสารด้านการท่องเที่ยวสำคัญของโลก กล่าวคือ - ในปีพ.ศ.2553 นิตยสาร Travel & Leisure ประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดให้จังหวัด เชียงใหม่เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวลำดับ 2 ของโลกและเป็น 1 ใน 10 สุดยอดเมืองแห่งปีจากการ จัดลำดับนิตยสาร Lonely Planet นอกจากนี้ - ในปีพ.ศ. 2554 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับจาก Euromonitor International ให้เป็น 1 ใน 100 เมืองของประเทศ เมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเยือนจำนวนมากที่สุดของ โลก โดยเป็น 1 ใน 4 เมืองของประเทศไทยที่อยู่ในการจัดอันดับดังกล่าวนอกเหนือจากกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต


8 - ในปี พ.ศ. 2556 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดลำดับจากนิตยสารการท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ นิตยสาร Travel & Leisure จัดอันดับให้เป็น Top Cities ของเอเชียลำดับที่ 3 รองจาก กรุงเทพฯ และเกียวโต Trip advisor จัดอันดับให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นเป้าหมายการเดินทาง Top 25 Destinations ของเอเชีย อันดับที่ 6 และเป็น Top 10 Cities ของเอเชียจากการจัดอันดับของ นิตยสาร Conde Nest Traveler (หน่วยงานจังหวัดเชียงใหม่, 2565) สรุปความได้ว่า ในจังหวัดเชียงใหม่ มีแหล่งท่องเที่ยวและร้านค้าที่หลากหลาย ทำให้เป็นจุด ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยได้รับมาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียนและรางวัล การท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมาย 2.4 รูปแบบการขาย ค้าปลีก คำว่า ค้าปลีกได้มีผู้ให้ความหมายไว้หลายประการด้วยกันซึ่ง ค้าปลีก หมายถึง การขายสินค้า ให้กับผู้บริโภคคนสุดท้าย โดยการซื้อสินค้าไปเพื่อบริโภคของตนเองและครอบครัว ผู้ค้าปลีกจะซื้อ สินค้าจากใครก็ได้ แต่ต้องขายสินค้าให้กับผู้บริโภคคนสุดท้ายเท่านั้น (ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ, 2541) โดยความหมายของ ค้าปลีก หมายถึง กิจการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ สู่ผู้บริโภคคนสุดท้ายเพื่อใช้ส่วนตัว (ภัทรภร พลพนาธรรม, 2551) และความหมายของ ค้าปลีก หมายถึง อาชีพอิสระที่ดำเนินธุรกิจในกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยบทบาทผู้ค้าปลีกซึ่งเป็นคนกลางที่ช่วยจัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคคนสุดท้ายเพื่ออุปโภคหรือบริโภคส่วนตัวหรือใช้ในครัวเรือน (วารุณี ตันติวงศ์วาณิช, 2552) สรุปความได้ว่า ค้าปลีก คือการขายสินค้าให้กับผู้บริโภคคนสุดท้ายหรือกิจการทั้งหลายที่ เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการสู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย เพื่ออุปโภค,บริโภคส่วนตัวหรือใช้ใน ครัวเรือน ค้าส่ง ค้าส่ง (Wholesale) หมายถึง ร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภค แล้วแต่ประเภทของร้าน ไม่ว่าจะ เป็นการค้าส่งสุรา เครื่องดื่ม อุปกรณ์การช่าง เป็นต้น ซึ่งผู้ซื้อไม่ได้ซื้อไปเพื่อการอุปโภคบริโภค แต่จะ ซื้อไปเพื่อการจำหน่ายต่อผู้ซื้อหรือลูกค้าของผู้ค้าส่ง คือ พ่อค้าปลีกหรือร้านโชว์ห่วยที่ซื้อสินค้าไปเพื่อ ขายให้กับผู้บริโภคคนสุดท้ายหรือผู้ค้าส่งอาจจะเป็นผู้ที่ขายสินค้าให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ซื้อสินค้าไปเพื่อใช้ในการประกอบการผลิตสินค้าต่อไป ในการกำหนดขอบเขตการค้าของร้านค้าส่งนั้น ผู้ค้าส่งมักจะประสบปัญหาในการกำหนด ขอบเขตการค้า เพราะถ้าขายในขอบเขตที่กว้างมากเกินไปผู้ค้าส่งก็จะไม่สามารถดำเนินกิจการได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าขายในขอบเขตที่แคบก็อาจจะทำให้มียอดขายน้อยเกินกว่าที่ผู้ค้าส่ง


9 จะดำเนินการอยู่ได้ ดังนั้น ในการกำหนดขอบเขตการค้านั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งสามารถกำหนด ขอบเขตที่เหมาะสมได้จากปัจจัย (อารีวรรณ์ อัศวรุ่งนิรันดร์, 2524) สรุปความได้ว่า เป็นการขายให้กับผู้บริโภคคนสุดท้ายหรือผู้ค้าส่งอาจจะเป็นผู้ที่ขายสินค้า ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ซื้อสินค้าไปเพื่อใช้ในการประกอบการผลิตสินค้าต่อไปในขอบเขต การค้าของร้านค้าส่งนั้น ผู้ค้าส่งมักจะประสบปัญหา เพราะถ้าขายในขอบเขตที่กว้าง ผู้ค้าส่งไม่ สามารถดำเนินกิจการได้ ส่วนถ้าขายในขอบเขตที่แคบ ก็จะทำให้ยอดขายน้อยเกินกว่าผู้ค้าส่ง การตลาดออนไลน์ การตลาดเป็นการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทางธุรกิจเพื่อมุ่งตอบสนองความจำเป็นและความ ต้องการของผู้บริโภคหรือลูกค้า โดยคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดและบรรลุวัตถุประสงค์ของธุรกิจนั้น ซึ่งการตลาดได้มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน และมีพัฒนาการเรื่อย ๆ ตามยุคสมัย การตลาดในยุค แรก ๆ เกิดขึ้นในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายเพียงอย่างเดียวไม่ได้คำนึงถึง ความต้องการของผู้บริโภค ยุคที่ 2 เป็นยุคที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ยุคนี้จึงมีสินค้าหลากหลายได้เริ่มเข้าสู่ ตลาดมากขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกเพิ่มขึ้นผู้ผลิตจึงเน้นปรับปรุงคุณภาพของสินค้าบริการของ ตนเองเพื่อสร้างการยอมรับ ยุคที่ 3 เป็นยุคที่มุ่งเน้นการขาย ยุคนี้เป็นยุคที่มีการแข่งขันสูง เนื่องด้วย จำนวนสินค้าบริการมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภคนักการตลาดจึงเน้นการแข่งขันโดยให้ ความสำคัญกับทีมขาย เพื่อกระตุ้นผู้บริโภคให้เกิดความสนใจ และต้องการในตัวสินค้าบริการ ยุคที่ 4 เป็นยุคที่มุ่งเน้นการตลาดเป็นสำคัญ ยุคนี้มีการศึกษาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเพื่อผลิตและ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคสูงสุด และยุคที่ 5 เป็นยุคที่มุ่งเน้นสังคม เน้นสร้างความรับผิดชอบเพิ่มเติมจากการสร้างความพึงพอใจโดยการสร้างความแตกต่างทาง ความรู้สึกความผูกพันเพื่อเพิ่มความประทับใจ ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะ การประยุกต์ใช้ในการตลาดซึ่งเรียกว่า การตลาดออนไลน์ กลายมาเป็นช่องทางการตลาดอีกหนึ่ง ช่องทางทำให้ผู้ขายสามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่หลากหลายและมีจำนวนผู้บริโภคเพิ่มขึ้นทุกขณะ และ เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์สื่อสารทางธุรกิจได้ปราศจากข้อจำกัดเรื่องเวลา เพราะสามารถขายสินค้า ได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วทุกมุมโลก การทำการตลาดออนไลน์นี้ สามารถดำเนินการได้หลายช่องทางโดยเฉพาะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นการประยุกต์เทคโนโลยีที่ ใช้การสื่อสารกับระบบสารสนเทศเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกัน มีลักษณะเป็นเครือข่ายสังคมทำงานบน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สามารถใช้งานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์(ฤทธิ์เดชา ตาบุญใจ, 2562) สรุปความได้ว่า การตลาดเป็นการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อมุ่งตอบสนองความจำเป็นและ ความต้องการของผู้บริโภคหรือลูกค้า โดยคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดและบรรลุวัตถุประสงค์ของ


10 ธุรกิจนั้น ปัจจุบันการตลาดมีการเปลี่ยนแปลง โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทำให้เกิดเป็นตลาด ออนไลน์ 2.5 แนวคิดการปรับตัวของผู้ประกอบการ แนวคิดการปรับตัวของผู้ประกอบการ ได้กล่าวว่ากระบวนการที่ผู้ประกอบการใช้ในการ ประมวลข้อมูลต่าง ๆ จากสภาพแวดล้อมภายนอกและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อปรับตัว การปรับตัวมี ความเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การแข่งขัน และการวางกลยุทธ์ให้เหมาะสม กับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ไม่มีผู้ประกอบการใดที่สามารถอยู่รอดได้ตลอดโดยไม่มีการปรับตัว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางสังคม ซึ่งระดับของการปรับตัวขึ้นอยู่กับ ปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ การปรับตัวมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในหลายมิติ เช่น การผลิตสินค้า บริการ การตลาด ช่องทางการจัดจำหน่าย บุคลากร การเงิน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ (แมคคีย์, 2532 อ้างใน สวรรยา รอดเงิน, 2564) ทฤษฎีความอยู่รอดในมิติของผู้ประกอบการโดยโยวาโนวิช โบยาน (Jovanovic,1982) ซึ่งได้ สรุปปัจจัยที่ส่งผลต่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการไว้หลายปัจจัยประกอบด้วย ปัจจัยด้านการศึกษา ของผู้ประกอบการ (entrepreneur education) ปัจจัยพื้นฐานครอบครัว (family background) ความสามารถในการวิจัยและพัฒนา (research and development) ปัจจัยด้านขนาด และปัจจัย ด้านอายุของกิจการ (โยวาโนวิช โบยาน, 2525 อ้างใน นัชส์ณภัทร์ เจียมวิจิตร, 2564) สรุปความได้ว่า การปรับตัวมีความเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การแข่งขัน และการ วางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมทางสังคม ซึ่งระดับของการปรับตัวขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม โดยมีปัจจัยดังนี้ ปัจจัยด้านการศึกษาของผู้ประกอบการ ปัจจัยพื้นฐานครอบครัว ความสามารถในการวิจัยและพัฒนา ปัจจัยด้านขนาด และปัจจัยด้านอายุของกิจการ 2.6 สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย สำหรับประเทศไทย จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ระบาด ไปทั่วโลก กรมควบคุมโรคได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC) ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2563 เพื่อตอบโต้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเริ่มคัดกรองหาผู้ติดเชื้อที่ช่องทางเข้าออกประเทศ ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็น นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563 ภายในเวลา 2 สัปดาห์ และเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยชาวไทยรายแรก อาชีพขับรถ แท็กซี่ ซึ่งไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ แต่มีประวัติขับรถแท็กซี่ให้บริการกับผู้ป่วยชาวจีน ในระยะต่อมาจำนวนผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างช้า ๆ ทั้งผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีผล


11 บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 กำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อประโยชน์ในการ เฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย ในระยะต่อมาได้พบการแพร่ระบาดใหญ่ โดยเป็นการ ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) คือ การแพร่ระบาดในสนามมวยและสถานบันเทิงในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากและมีความแออัด ประกอบกับในระยะ ดังกล่าว มีการประกาศปิดเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เกิดการเคลื่อนย้ายของประชากรออกไปยัง จังหวัดต่าง ๆ ทำให้ผู้สัมผัสเชื้อกระจายออกไปยังต่างจังหวัด จนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อของประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม เป็นต้นมา เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องยกระดับการบริการ จัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยให้อยู่ในวงจำกัด โดยสั่งการให้ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ตาม กฎหมาย และจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563 การยกระดับมาตรการในการเฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาด ของ COVID-19 ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนในการป้องกัน วิกฤตการณ์ จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และขอให้ ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และเอกชนทุกแห่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้เกิดผลอย่าง เป็นรูปธรรม โดยมาตรการดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 มาตรการสำคัญ ประกอบด้วย 1) การป้องกันและ สกัดกั้นการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศไทย 2) การยับยั้งการระบาดภายในประเทศกระทรวงสาธารณสุข หลังจากมีการออกประกาศต่าง ๆ ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วง เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ผู้ติดเชื้อที่พบส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและอยู่ใน สถานที่กักกันเพื่อสังเกตอาการ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 25,323 ราย เป็นการติด เชื้อระลอกใหม่ 21,086 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้มีจำนวน 82 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 71 ราย คัดกรองผู้ที่เดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ 4,235 ราย ผู้เดินทางที่เฝ้าระวังอาการ ณ พื้นที่ กักกันแห่งรัฐ 81,676 ราย โดยยังคงพบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชนและผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจ ในสถานพยาบาลอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือประชาชนและผู้ดูแลสถานประกอบการโดยเฉพาะ ในพื้นที่ที่ยังคงพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงสถานที่ เสี่ยงที่มีคนรวมกันอยู่อย่างแออัด สแกนไทยชนะหรือใช้หมอชนะ เฝ้าระวังสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน หลังไปตลาดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อและหากมีอาการไข้ไอเจ็บคอ มีน้ำมูก หรือจมูกไม่รับกลิ่น ลิ้นไม่รับรสให้รีบพบแพทย์และเปิดเผยประวัติการเดินทางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


12 เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และการท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมิได้เริ่มตั้งจุดคัดกรองพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมี สามเที่ยวบินต่อวัน บริเวณหน้าประตูเทียบเครื่องบินเพื่อตรวจหาผู้ที่มีไข้สูงและอาการระบบทางเดิน หายใจเฉียบพลัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่ขณะนั้นรู้จักกันแต่เพียงว่าเป็นโรคปอดอักเสบ ปริศนาในเส้นทางที่บินตรงมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยาน ดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่และท่าอากาศยานภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 3 – 10 มกราคม พ.ศ. 2563 จำนวน 43 เที่ยวบิน ต่อมาสนามบินต่าง ๆ จึงเริ่มมีการตรวจพบผู้ป่วยได้ ซึ่งตรวจพบผู้โดยสาร/ผู้ป่วย ต้องสงสัยได้มากที่สุดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีการขยายพื้นที่เฝ้าระวังเพิ่มอีกหลายจุด ไม่ได้ อยู่เฉพาะที่ประตูเทียบเครื่องบินเท่านั้น จนถึงปัจจุบันได้มีการคัดกรองที่ด่านโรคติดต่อระหว่าง ประเทศ (ทางอากาศ ทางบกและทางเรือ) ถึง 7,835,146 ราย และพบผู้ป่วยต้องสงสัย 2,690 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564) ตลอดปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยอนุญาตให้คนไทยที่ตกค้างจากต่างประเทศ สามารถ เดินทางกลับเข้าในประเทศไทยได้ ซึ่งสถานการณ์ทั่วโลกยังคงมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้พบการ กลายพันธุ์ของเชื้อ อีกทั้งการประกาศใช้วัคซีนจากหลายประเทศ เพิ่งได้ริเริ่มให้มีการฉีดวัคซีนในบาง ประเทศ สำหรับประเทศไทยยังไม่ได้มีการให้บริการวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 แต่ได้เตรียมแผนใน การจัดหาวัคซีนสำหรับประชาชนในประเทศ ทั้งนี้ ยังพบว่ามีผู้เดินทางเข้าออกประเทศทางท่าอากาศ ยานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ โดยเฉพาะพื้นที่ท่าอากาศยานสนามบินนานาชาติที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ จังหวัดชลบุรีและจังหวัด สมุทรปราการ จึงเห็นความสำคัญในการจัดทำมาตรการ หรือคำแนะนำสำหรับผู้เดินทาง (กลุ่มพัฒนา วิชาการโรคติดต่อ, 2564) สรุปความได้ว่า สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้รัฐบาลต้องยกระดับการบริการจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย โดยยกระดับมาตรการในการเฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ 2.7 ผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีต่อเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลต่อเศรษฐกิจสังคม และ วัฒนธรรมของโลกมีผลโดยตรงต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน ของมนุษยชาติหรือคำว่า New Normal โดยการแพร่ระบาดได้เริ่มขึ้นในปลายเดือนมกราคม 2563 ในประเทศจีน และแพร่ระบาดไปยังหลายพื้นที่หลายประเทศทั่วโลกส่งผลให้แต่ละประเทศประกาศ มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรวมทั้งประเทศไทยด้วย สถานการณ์ดังกล่าว


13 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง (สำนักงานส่งเสริมสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม, 2563) COVID-19 หรือ ไวรัสโคโรน่า ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนให้กับ เศรษฐกิจของประเทศไทยผู้ได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อย ทั้งร้านอาหาร และ ร้านค้าปลีก การปรับตัวของผู้ประกอบการต่อสถานการณ์เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะแผนการ ดำเนินงานระยะสั้นเมื่อสถานการณ์มาถึงโอกาสของธุรกิจรายย่อยยังคงมีอยู่แต่ก็ได้เปลี่ยนหรือเพิ่ม วิธีการในการจัดจำหน่ายและคัดเลือกสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด (ณัชชา เจริญศรี, 2563 อ้างใน โณธิตา หวานชื่น, วรุตม์ นาฑี, และศุภรัตน์ พิณสุวรรณ, 2564) ด้านผู้ประกอบการต้องมีการ ปรับตัว และรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และได้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ จากสถานการณ์ ปรับตัวได้จะสามารถอยู่รอดและอยู่ได้ในระยาวเมื่อสถานการณ์COVID-19 จบลง (สำนักงานส่งเสริม สาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, 2563) ผลกระทบทางเศรษฐกิจ มีความหมายที่รวมความถึงกิจกรรมหรือการผลิตต่าง ๆ ของมนุษย์ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่มีอันมีค่าและมีอย่างจำกัด เพื่อนำมาตอบสนองความต้องการของมนุษย์ โดยมีพื้นที่และเครือข่ายทางสังคม มีการแลกเปลี่ยนสินค้าและแจกจ่ายบริการตามอุปสงค์และอุปทาน ระหว่างผู้มีส่วนด้วยกัน และเศรษฐกิจนั้นจะปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่น รายได้ การผลิต เงินออม การจำหน่ายและการบริโภคใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ของชุมชนซึ่งเมื่อมีอุบัติภัยเกิดขึ้น ทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2544) โดยผลกระทบทาง เศรษฐกิจ ยังกล่าวถึงการเป็นผลกระทบที่เป็นตัวเงินที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในพื้นที่ ซึ่งเป็น ผลพวงมาจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ขยายผลโดยผ่านกระบวนการทำการของตัวทวีคูณ การหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจในวงแคบและกว้างออกไป (พัชรี โพธิหัง, 2550 อ้างใน โณธิตา หวานชื่น, วรุตม์ นาฑี, และศุภรัตน์ พิณสุวรรณ, 2564) สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของไวรัส COVID-19 โดย การสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และองค์การทุนเพื่อ เด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟประเทศไทย (กรุงเทพธุรกิจ, 2563) พบว่า ระยะเวลากว่า 3 เดือน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้เริ่มต้นขึ้นในประเทศไทย สถานการณ์ดังกล่าวส่งผล ให้รัฐบาลกำหนดมาตรการควบคุมโรคที่มีความเข้มงวดและหลากหลาย เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส อาทิ การปิดร้านค้า ห้างสรรพสินค้า การกักตัวกลุ่มเสี่ยงรวมทั้งการกำหนดช่วงเวลา เคอร์ฟิว ส่งผลให้ประเทศไทยมียอดผู้ติดเชื้อใหม่น้อยลงตามลำดับ ถึงแม้สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและ ต่อเนื่อง โดยผลกระทบนั้นแผ่กระจายในวงกว้างกับคนทุกกลุ่ม อย่างไม่เลือกอายุ อาชีพ การศึกษา รวมทั้งสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม


14 ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในระดับมหภาค ธนาคารโลกคาดการว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยจะติดลบร้อยละ 3 ในสถานการณ์พื้นฐาน หรือ ดีที่สุด หรือร้อยละ 5 ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ทั้งนี้สืบเนื่องจากผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ท่องเที่ยวซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 13 - 16 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ หรือจีดีพี ทั้งนี้หาก พิจารณ์จากรายงานล่าสุดเรื่อง “ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และแปซิฟิก” ในห้วงเวลาแห่งการระบาด เชื้อไวรัส COVID-19 (East Asia and Pacific in Time of COVID-19) จะเห็นว่าธนาคารโลก ประเมินเศรษฐกิจประเทศไทยจะหดตัวต่ำสุดในอาเซียนรั้งท้ายอันดับ 2 ในภาครองจากประเทศฟิจิ ซึ่งธนาคารโลกได้ให้เหตุผลในรายงานฉบับนี้ว่า เกิดจากผลกระทบที่เรื้อรังมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะ เป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงภัยแล้ง ซึ่งส่งผลทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีที่แล้วต่ำกว่าเป้าหมาย ในปีนี้ 2563 ได้แก่ ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ซึ่งส่งผล กระทบต่อภาคการบริโภคของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเนื่องมาที่อุตสาหกรรมค้าปลีกแล้ว ส่งผลกระทบโดยตรงภาคการเกษตร การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 นอกประเทศถึงร้อยละ 60 ทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้กว่า 1.89 ล้านล้านบาท การลดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ถูกฉุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี ภาวะผันผวนอย่างหนักของ ตลาดหลักทรัพย์ของไทยทำให้มีการประกาศเซอร์กิต เบรคเกอร์ถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาเดียวกัน นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลค่ารวมของตลาดหลักทรัพย์ของไทย (Market Cap) จากต้นปีถึงสิ้นเดือนมีนาคมลดลงร้อยละ 30.8 ยังไม่รวมถึงผลกรทบต่อกลุ่มห่วงโซ่อุปทานสำคัญของ ไทยอย่างกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อภาคการ ส่งออกของไทย สรุปความได้ว่า พ.ศ. 2563 เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคม ทำให้วิธีการจำหน่ายและรูปแบบการดำเนินเศรษฐกิจ เปลี่ยนไป ทำให้รัฐบาลออกมาตรการอย่างเข้มงวด เช่น การควบคุมการปิดสถานที่ให้บริการ การจำหน่ายสินค้า การควบคุมเวลา(Curfew) เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อของโรคระบาด ส่งผลทำให้ รายได้ของร้านค้าและบริการต่าง ๆ ลดน้อยลง หรือทำให้ในบางร้านปิดกิจการ 2.8 มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและความ เป็นอยู่ของประชาชนเป็นวงกว้าง รัฐบาลจึงมีมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งนอกจากโครงการคนละครึ่งที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีรายได้ที่พอจะมีกำลังซื้อมาร่วมจ่ายกับรัฐแล้ว ยังมีโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มดังกล่าว ประมาณ 14 ล้านคน โดยเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภค


15 ที่จำเป็น จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญด้วย ช่วงครึ่งปีหลัง พ.ศ. 2564 นี้รัฐบาลไทยมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ คนละครึ่งเฟส 3 (ก.ค.-ธ.ค.64) ยิ่งใช้ยิ่งได้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลดค่าไฟฟ้า/ น้ำประปา การลดค่าเทอมนักเรียน/นักศึกษา การช่วยผู้ปกครอง 2,000 บาท การเยียวยาจังหวัด สีแดงเข้ม (ผู้ประกันตน ม.33/ม.39/ม.40) เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ฯลฯ โดยรัฐพยายามออกมาตรการ ช่วยเหลือต่าง ๆ ให้ครอบคลุมถึงประชาชนทุกกลุ่มก้อน เนื่องจากวิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาด ของ COVID-19 “ระลอก 3-4” ถือเป็นระลอกที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าทุกระลอกที่ผ่านมา และ ส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทยทุกคน แม้ว่าความหนักเบาของผลกระทบจะมากหรือน้อยย่อม แตกต่างกันขึ้นอยู่กับกลุ่มอายุ/วัย กลุ่มอาชีพ พฤติกรรมการออมและการใช้ชีวิตที่ผ่านมา รัฐมิได้ ดำเนินการเฉพาะระดับประชาชนเท่านั้น ยังครอบคลุมถึงเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการราย ย่อยต่าง ๆ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจ “หยุดนิ่ง” ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ตัวอย่างมาตรการช่วยเหลือ ต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐ เช่น มาตรการเติมเม็ดเงิน เสริมสภาพคล่อง มาตรการพักชำระหนี้ มาตรการ สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ มาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า มาตรการ ฟื้นฟู-สร้างงานสร้างอาชีพ มาตรการขยายเวลาเก็บ VAT 7% ต่ออีก 2 ปี โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ สู้วิกฤต COVID-19 ฯลฯ (กรมประชาสัมพันธ์, 2565) มาตรการดูแลและเยียวยา “ผู้ประกอบการ” ได้แก่ (1) สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 150,000 ล้าน บาทอัตราดอกเบี้ย 2% เวลา 2 ปีสินเชื่อไม่เกิน 20 ล้านบาท/ราย (2) พักเงินต้นลดดอกเบี้ยและขยาย ระยะเวลาชำระหนี้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (3) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปรับโครงสร้างหนี้(4) สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานของสำนักงาน ประกันสังคม วงเงินสินเชื่อ 30,000 ล้านบาทดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 3 ต่อปีเป็นเวลา 3 ปี(5) คืน สภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ ลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 1.5 (เม.ย.-ก.ย.63) (6) เร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผู้ประกอบการส่งออก (ยื่นออนไลน์รับภายใน 15 วัน, ยื่นแบบปกติรับภายใน 45 วัน) (7) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ปีพ.ศ. 2563 โดย ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้าง และปรับลดขั้นตอนระยะเวลาดำเนินการ (หักเพิ่มภาษีดอกเบี้ย จ่ายจาก 1 เท่า เป็น 1.5 เท่า (Soft loan 150,000 ล้านบาท) (9) บรรเทาภาระการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ และคืนค่าประกันการใช้ไฟ (10) ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างและลูกจ้าง มาตรา 33 จาก 5% เหลือ 4% มาตรา 39 จาก 9% เหลือ 7% (11) กรณีไม่ปลดแรงงาน หักรายจ่ายค่าจ้าง งานได้3 เท่า และ (12) บรรเทาภาระค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ค่าตอบแทนในการให้บริการของส่วน


16 ราชการและรัฐวิสาหกิจ เลื่อนการจ่ายค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับผู้เช่าประเภทผู้ประกอบการในธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง มาตรการดูแลและเยียวยา “ผู้ประกอบการ” ได้แก่ (1) สินเชื่อรายย่อยไม่เกิน 3 ล้านบาท/ ราย โดยให้สินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท/ราย ดอกเบี้ย 3% ใน 2 ปีแรก (2) ยืดการเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล ภ.ง.ด. 50 เป็นภายใน 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และ ภ.ง.ด. 51 เป็นภายใน 30 กันยายน พ.ศ. 2563 (3) ยืดการเสียภาษีสรรพากรให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยเลื่อนกำหนดเวลายื่น แบบและชำระภาษีทุกประเภท 1 เดือน (4) ยืดการเสียภาษีสรรพสามิตให้กิจการสถานบริการออกไป 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เป็นภายใน 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 (5) ยืดการเสียภาษีสรรพสามิตให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จากภายใน 10 วัน เป็นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ระยะเวลา 3 เดือน (6) ยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าที่ เกี่ยวข้องกับการป้องกันและรักษา COVID-19 เป็นเวลา 6 เดือน ถึงช่วงกันยายน พ.ศ. 2563 (7) ยกเว้นภาษีและลดค่าธรรมเนียมจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้(Non-Bank) ให้เจ้าหนี้ไม่ใช่ สถาบันการเงิน นอกจากมาตรการทางเศรษฐกิจที่ภาครัฐกำลังจะออกมาในช่วงต่อจากนี้ก็มีความสำคัญ เช่นกันในการประคองและขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัว และช่วยให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ พอที่จะได้ประโยชน์จากชุดมาตรการที่ทางรัฐบาลทีมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจาก COVID-19 ที่รัฐบาลได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งมาตรการต่าง ๆ จะยิ่งมีความสำคัญในช่วงที่เกิดการ ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่จนกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนและเศรษฐกิจโดยชุด มาตรการประกอบไปด้วย ดังนี้ 1. มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบไปด้วย โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส โดย โครงการนี้ใช้วงเงินจากที่เหลือจากโครงการเดิม 5,700 ล้านบาท ขยายสิทธิ์ให้กับผู้เดินทางท่องเที่ยว ในประเทศอีก 2 ล้านสิทธิ์รวมกับเดิมที่มีการอนุมัติในระยะที่ 1 และ 2 ไปแล้ว 6 ล้านสิทธิ์ทั้งนี้มี การปรับปรุงเงื่อนไขโครงการเราเที่ยวด้วยกันบางส่วนให้เหมาะสมและป้องกันการทุจริตในโครงการ เช่น การเพิ่มขั้นตอนการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันสิทธิ์ และมีการยกเลิกใช้สิทธิ์ภายในจังหวัดเดียวกับ ภูมิลำเนา โดยให้มีการเดินทางข้ามจังหวัดเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในจังหวัดเดียวกันได้เหมือนโครงการ ในระยะต่อมา นอกจากนี้มีการปรับปรุงเงื่อนไขของการให้สิทธิ E-vouchers จากเดิมให้ 40 % ของ การใช้จ่ายในวันธรรมดา 900 บาทและวันหยุด 600 บาท เป็นเหลือวันละ 600 บาทเท่ากันทั้งวันหยุด และวันธรรมดา โดยคาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในเดือน พ.ค.นี้โครงการทัวร์เที่ยวไทย โครงการนี้ ครม.เห็นชอบวงเงินจากเงินกู้ฯ ฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยจะอนุมัติให้สิทธิ์กับผู้ที่ซื้อ ทัวร์ 3 วัน 2 คืน โดยเป็นทัวร์โปรแกรมที่ลงไว้กับเว็บไซด์ของ ททท. โดยโปรแกรมที่จะมีการอนุมัติ และตรวจสอบรัฐบาลจะช่วยอุดหนุนสูงสุด ไม่เกิน 40% หรือ 5,000 บาทต่อราย ราคาทัวร์สูงสุดไม่


17 เกิน 12,500 บาท ต่อโปรแกรมทัวร์ซึ่งต้องเป็นโปรแกรมทัวร์ที่เดินทางในวันธรรมดาเท่านั้น และในการชำระเงินต้องผ่านโปรแกรมแอพเป๋าตังค์ ส่วนบริษัททัวร์ก็ต้องมีการโหลดแอพถุงเงินเพื่อรับ เงินเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย 2. มาตรการกระตุ้นและส่งเสริมการใช้จ่าย ประกอบไปด้วย โครงการคนละครึ่ง วงเงิน ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยเงื่อนไขโครงการจะเหมือนกับโครงการในเฟสที่ 1 เฟสที่ 2 และ เฟสที่ 3 ในปัจจุบัน โดยเป็นการร่วมจ่ายระหว่างรัฐบาลกับผู้ที่ได้รับสิทธิ์เพื่อใช้จ่าย โดยรัฐบาล สนับสนุนเงินให้วันละไม่เกิน 150 บาท ซึ่งที่ผ่านมาโครงการคนละครึ่งมีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14,793,502 คน มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแล้ว มากกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้โครงการคนละครึ่งเฟส 3 อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดและเสนอเข้าสู่ การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ที่มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน และเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โครงการ ส่งเสริมให้คนที่มีเงินออมเอาเงินออกมาใช้จ่าย มาตรการนี้เป็นแนวความคิดของสุพัฒนพงษ์พันธ์มี เชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ที่เปิดเผยว่าในปีที่ผ่านมาคนไทยในกลุ่มที่มีรายได้สูงมีเงิน ออมมากขึ้นจึงให้กระทรวงการคลังคิดมาตรการที่จะจูงใจให้คนกลุ่มนี้เอาเงินออมออกมาใช้จ่ายเพื่อ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งโครงการนี้อยู่ระหว่างการหารูปแบบที่เหมาะสมแต่จะไม่ใช่ลักษณะ การนำไปลดหย่อนภาษีเหมือนโครงการช้อปดีมีคืนที่รัฐบาลเคยออกมาก่อนหน้านี้ 3. มาตรการช่วยเหลือข้าราชการผู้มีรายได้น้อย โดยโครงการนี้เป็นแนวคิดที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหามาตรการในการดูแลข้าราชการที่มีรายได้น้อย ซึ่งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังเคยบอกว่าจะมีโครงการ“เราผูกพัน”ออกมา แต่โครงการนี้ท้ายที่สุดแล้วอาจ ออกมาเป็นในรูปแบบการช่วยเหลือค่าครองชีพเหมือนกับที่รัฐบาลอื่นๆเคยทำมาในช่วงที่มีวิกฤต เศรษฐกิจและคงไม่ได้ใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาทมาใช้ในการดำเนินการในโครการนี้ 4. มาตรการกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานในท้องถิ่น โดยโครงการนี้มีวงเงินอยู่ 4.5 หมื่น ล้านบาท โดยใช้เงินจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก.1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่อนุมัติให้กับจังหวัดและ กลุ่มจังหวัดต่าง ๆ จัดทำโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ และโครงการลงทุนขนาดเล็กในท้องถิ่นซึ่งเงิน จำนวนนี้จะช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นช่วยเศรษฐกิจฐานรากได้อีกส่วนหนึ่ง (นัชชา เกิดอินทร์ และคณะ, 2564) สรุปความได้ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงประชาชน รัฐบาลจึงมีมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และมาตรการทาง เศรษฐกิจ เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจสูงสุดจากมาตรการที่รัฐบาลได้ทำการเยียวยาและฟื้นฟู


18 2.9 มาตรการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการ ผลกระทบอย่างมากจากมาตราการการล็อกดาวน์ประเทศ พบปัญหา (Problems) ว่า การชะงักงันของระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หลายธุรกิจปิดตัวลง โดยเฉพาะธุรกิจในภาค การท่องเที่ยว จะเห็นผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด เช่น ธุรกิจการบิน การท่องเที่ยว การโรงแรม ทำให้ เกิดการว่างงาน ตกงาน และประชาชนขาดรายได้ ถึงแม้ว่าภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือเยียวยาใน ระยะสั้นแต่ก็ยังมีความคลาดเคลื่อนในเรื่องฐานข้อมูลผู้ที่จะได้รับการเยียวยา ทำให้เกิดการประท้วง ต่าง ๆ นานา เนื่องจากการที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ทัดเทียมกันการมีมาตรการผ่อนคลายปลดล็อก ประเทศ ภาครัฐควรกำหนดเป้าหมายหลัก (Goal) คือให้ “คงดำรงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนฐานวิถี ปกติแบบใหม่ (New normal)” (ไชยา ออกแดงและภิรัญชญา อุไรรัตน์, 2563) สรุปความได้ว่า การล็อกดาวน์ประเทศก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ภายในประเทศ ทั้งประชาชน และผู้ประกอบการร้านค้า การท่องเที่ยว การโรงแรม ซึ่งมาตรการการช่วยเหลือของรัฐยังไม่ ครอบคลุม ทำให้ประชาชนในบางส่วนไม่ได้รับสิทธิ 2.10 วิจัยที่เกี่ยวข้อง วริศ มีไชโย (2563) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลกระทบของ COVID-19 ต่อธุรกิจ ค้าปลีกภายใน จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก จังหวัดตาก ศึกษารูปแบบและวิธีการในการปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก เมื่อเจอ สถานการณ์COVID-19 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษา คือ ธุรกิจค้าปลีกในจังหวัดตาก ผลการศึกษาพบว่า สถานการณ์การเกิด COVID-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในจังหวัดตากทำให้มี ผลกระทบด้านยอดขายหรือรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในธุรกิจค้าปลีก/ร้านค้าลดลงมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 90.70 อันดับรองลงมา ด้านลูกค้าซื้อสินค้าหรือใช้บริการในธุรกิจการค้าปลีกร้านค้า ลดลงคิดเป็นร้อยละ 90.00 ด้านพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น การซื้อสินค้าการ บริโภคสินค้าคิดเป็นร้อยละ 90.70 ด้านนโยบายของรัฐบาลที่ช่วยเหลือสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกของไทย เช่น โครงการเราไม่ทิ้งกันโครงการคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการของรัฐส่งผลให้ยอดขาย ในธุรกิจ ร้านค้าปลีก/ร้านค้าเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 58.30 และจากสถานการณ์ที่เกิดทำให้ผู้ประกอบการมีการ ปรับตัวพัฒนาธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้นการรักษาความสะอาดถูกหลักอนามัยมี มาตรการป้องกันโควิด มีบริการการชำระเงินออนไลน์ ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และ จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น เพิ่มประเภทสินค้าในร้านให้มีความ หลากหลายวางแผนในการทำธุรกิจมากขึ้น ผลการทดสอบสมมติฐานวิจัย พบว่าความสัมพันธ์ เชิงหาสาเหตุเป็นจริงทุกสมมติฐาน คือ สถานที่ตั้งขนาดของธุรกิจค้าปลีกประเภทของธุรกิจค้าปลีก ส่งผลกระทบต่อยอดขาย หรือรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในธุรกิจค้าปลีก/ร้านค้าลดลงลูกค้าซื้อ


19 สินค้าหรือใช้บริการในธุรกิจค้าปลีกร้านค้าลดลง บริการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงจากเดิม เช่น การซื้อ สินค้าการบริโภคสินค้านโยบายของรัฐบาลที่ช่วยเหลือและสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกของไทย เช่น โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการของรัฐส่งผลให้ยอดขายในธุรกิจค้าปลีก ร้านค้าเพิ่มขึ้น มีความสัมพันธ์เป็นจริงอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติระดับ 0.50 สุพัตรา รุ่งรัตน์ และคณะ (2563) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสังคม จากสถานการณ์COVID-19 ของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองยะลา จังหวัดยะลา มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมการปรับตัวกับการดำเนินวิถีชีวิตใหม่ ตลอดจนแนวทาง ในการแก้ปัญหาและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ห้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองยะลาจังหวัดยะลา จำนวน 400 ตัวอย่าง กระจายใน 40 ชุมชนของเทศบาลนครเมืองยะลาและทำการสุ่มตัวอย่าง ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานและสถิติอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร คือ T-Test, One-Way Anova ที่ระดับนัยยะสำคัญทางสถิติที่ศูนย์จุดศูนย์ห้า ผลการวิจัย พบว่า ผลกระทบทาง เศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางมีการปรับตัวโดยการสวมหน้ากากอนามัย เพื่อไม่ให้รับเชื้อ COVID-19 ล้างมือด้วยสบู่ก่อนและหลังปรุงอาหาร พกแอลกอฮอล์เจลบางครั้งและเว้นระยะเพื่อลด ระยะเวลาการอยู่ในพื้นที่สาธารณะแต่เห็นว่าวิธีดังกล่าวช่วยลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ปานกลาง และยังไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขแนวทางในการแก้ปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยการช่วยเหลือเงินเยียวยา การส่งเสริมสร้างอาชีพการใช้มาตรการช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าครองชีพ แนวทางในการแก้ปัญหาผลกระทบทางสังคมทั้งแนวทางดูแลด้วยตัวประชาชนเอง ได้แก่ การดูแล สุขภาพ ลดการพบปะในสถานที่ สาธารณะทุกคนในสังคมต้องเข้าใจซึ่งกันและกันส่วนแนวทางการ ส่งเสริมสุขภาพของประชาชนโดยภาครัฐ ได้แก่ การแจกหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึงส่งเสริมให้คนใน ชุมชนหันมาออกกำลังกาย การประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลการปฏิบัติเพื่อดูแลตนเอง การสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาโรคและปรับปรุงเรื่องการรักษาทางการแพทย์ โณธิตา หวานชื่น และคณะ (2563) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลกระทบ COVID-19 และ การปรับตัวของผู้ประกอบการค้าขายในตลาดเก็นติ้ง บริเวณพื้นที่ชายแดน ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอ สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ของ ผู้ประกอบการค้าขายบริเวณพื้นที่ชายแดน ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อศึกษาการปรับตัวจากสถานการณ์ COVID-19 ของผู้ประกอบการค้าขายบริเวณพื้นที่ชายแดน ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ดำเนินการศึกษาด้วยการวิจัยเชิงปริมาณ


20 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับผู้ประกอบการค้าขายที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง 226 ร้าน สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ผลการวิจัยพบว่า ผลกระทบต่อผู้ประกอบการค้าขายอยู่ใน ระดับมาก เมื่อพิจารณาพบว่า จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ ผู้ประกอบการค้าขายรายได้ลดลงต่อเดือน โดยมีรายได้ต่อเดือนก่อนและหลังจากเกิดสถานการณ์ COVID-19 พบว่ามีรายได้เฉลี่ย 10,000 – 15,000 บาทและรายได้ต่อเดือน (หลังเกิดสถานการณ์ COVID-19) พบว่ามีรายได้เฉลี่ย 5,000 – 10,000 บาท รองลงมา คือ ทำให้ลูกค้าลดลงต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 51 พิจารณารายข้อ คือ ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ปกติธุรกิจมีเงินทุน หมุนเวียนของกิจการลดลง ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจหยุดชะงัก เงินออมของครัวเรือนลดลง หนี้สิน ครัวเรือนเพิ่มขึ้น และผลการวิจัยการปรับตัวพบว่า มีการปรับตัวในระดับปานกลาง โดยอันดับแรก ลดต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รองลงมา คือ ลดหรือเลิกจ้างพนังกงาน ลดราคาสินค้า มีการ จำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ใช้บริการส่งของเดลิเวอรี่เพิ่มเติม การปรับเปลี่ยนประเภทของสินค้า และ มีการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ หรือที่ล้างมือจัดทำฉากกั้นระว่างผู้ซื้อ–ผู้ขาย จัดให้มีการเว้นระยะห่าง ระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร สรุปความได้ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ส่งผลต่อทางเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งผู้ประกอบการการค้าขายต่าง ๆ ต้องปรับตัวรูปแบบ การค้าขายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีก การค้าส่ง มีการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ใช้ บริการส่งของเดลิเวอรี่เพิ่มเติม และพัฒนาธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยในช่วงที่มีการ แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้ประกอบการมีแนวทางในการป้องกัน เช่น การปรับเปลี่ยนประเภทของสินค้า และมีการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์เป็นต้น 2.11 กรอบแนวคิดในการวิจัย คณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบและแนวทางในการแก้ไขของผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมุ่งศึกษา ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ผ่านบริบทของการท่องเที่ยวและการค้าขายของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งใน ระดับอำเภอและในระดับตำบล มีทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งในการศึกษางานวิจัย ในครั้งนี้อยู่ในช่วงเวลาการเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ในช่วงปีพ.ศ. 2562-2566) จึงทำให้ทางภาครัฐได้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ขึ้น อันได้แก่ การปิด ประเทศหรือปิดเมือง การควบคุมระบบขนส่งสาธารณะ มาตรการห้ามออกเคหสถาน และการจำกัด เวลาในการเปิด-ปิดร้าน เป็นต้น โดยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้เกิดมาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีการปรับตัว เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ใน สถานการณ์นี้


ผลกระทบ - การจำกัดผู้ประกอบกา1. จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมือง หลักแห่งการท่องเที่ยว 2. การส่งเสริมการท่องเที่ยว - ในระดับจังหวัด - ในระดับอำเภอ - ในระดับตำบล มาตรการควบคุมการะบาดของเชื้อไวรัส2019 (COVID-19) บริบท โควิด-19 3. กลุ่มผู้บริโภค - กลุ่มผู้บริโภคคนไทย - กลุ่มผู้บริโภคต่างชาติ - มาตรการ - การปิดปร - การควบคแผนผัง กรอบแน


21 ดเวลาในการเปิด-ปิดร้านค้า ารร่มบ่อสร้าง 3. รูปแบบในการ จำหน่ายร่มบ่อสร้าง - ขายส่ง - ขายปลีก - ขายหน้าร้าน - ขายออนไลน์ รแพร่ สโคโรนา การปรับตัว 1.การช่วยเหลือและการ สนับสนุนของภาครัฐ 2. การรวมกลุ่มของ ผู้ประกอบการร่มบ่อ สร้าง รห้ามออกเคหสถาน ระเทศหรือปิดเมือง คุมระบบขนส่งสาธารณะ วคิดในการวิจัย


22 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษา ปัจจัยและกระบวนการผลิตของร่มบ่อสร้างในหมู่บ้านบ่อสร้าง ซึ่งใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ โดย การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพนั้นได้ใช้วิธีการสัมภาษณ์(Interview)ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ 1. การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2. สถานที่ศึกษา 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 4. วิธีสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 5. การเก็บรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล 6. ระยะเวลาในการทำวิจัย 7. ปฏิทินปฏิบัติงาน 8. งบประมาณในการทำวิจัย 3.1 การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง การวิจัยครั้งนี้ใช้การศึกษาจากประชากร คือ กลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในอำเภอ สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จากกลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในหมู่บ้านบ่อสร้าง มีจำนวน 11 ร้าน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่มีหน้าร้านในการขายสินค้าร่มบ่อสร้าง ในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยทางผู้วิจัยได้ทำการสำรวจเบื้องต้น และทำการศึกษาข้อมูลจากทางเทศบาลเมืองต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางเทศบาลเมืองต้นเปาว่ามีจำนวนร้านค้า ที่มีหน้าร้านในการขายสินค้าร่มบ่อสร้าง จำนวนทั้งหมด 11 ร้าน 3.2 สถานที่ศึกษา 1. บ้านหัตถกรรมร่มบ่อสร้าง 2. ร้านวัฒนชัย 3. ร้านประภัทร 4. ร้านร่มหลวงตุงงาม 5. ร้านร่มงามล้านนา 6. ร้านนคร ร่มบ่อสร้าง 7. ร่มบ่อสร้าง


23 8. ร้านเอื้องเหนือร้าน 9. ร้านแจ๋ว 10. บ่อสร้างบาซ่าร์ 11. ศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้าง โดยร้านค้าทั้งหมด 11 ร้านข้างต้น อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้ออกแบบเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ กลุ่มผู้ประกอบกิจการร่มบ่อสร้าง ซึ่งใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) ดังนี้ แบบสัมภาษณ์ ส่วนที่ 1 ข้อมูลผู้ให้สัมภาษณ์ ส่วนที่ 2 ผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่วนที่ 3 แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้าง 3.4 วิธีสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างแบบสัมภาษณ์ เพื่อศึกษาผลกระทบของเศรษฐกิจในยุค COVID-19 ที่มีผลต่อผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง และเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาของกลุ่มผู้ประกอบการ ตามขั้นตอนรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามจากตำรา เอกสาร และงานวิจัยต่าง ๆ และนำแนวคิดที่ได้มาสร้างแบบสัมภาษณ์ 2. สร้างแบบสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) เพื่อศึกษาผลกระทบของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) ที่มีผลต่อผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง และเพื่อศึกษา แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) 3. พัฒนาเครื่องมือแบบสัมภาษณ์โดยรวบรวมข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรม และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาออกแบบเครื่องมือ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์มีโครงสร้าง (Structured interview) เพื่อประเมินความรู้และความเชี่ยวชาญ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้ผ่านการ ตรวจสอบความถูกต้องและครอบคลุมตรงตามเนื้อหา (Content validation) จากอาจารย์ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความเที่ยงตรงของแบบสัมภาษณ์ หรือค่าสอดคล้องระหว่าง


24 ข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ (IOC : Index of item objective congruence) ที่มีค่าดัชนีความ สอดคล้องตั้งแต่ 0.50 - 1.0 4. นำแบบสัมภาษณ์ที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว ไปสัมภาษณ์กลุ่มผู้ดำเนินกิจการ ร่มบ่อสร้าง 3.5 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาคุณภาพเครื่องมือ หาค่าความสอดคล้อง (IOC : Index of item objective congruence) (พิชิต ฤทธิ์จรูญ 2556) ใช้คำนวณหาประสิทธิภาพของแบบสัมภาษณ์ สูตร IOC = ∑R N เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ ∑R แทน ผลรวมของคะแนนการพิจารณาของอาจารย์ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญ N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกข้อคำถาม ดังนี้ 1. ข้อคำถามที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.50 – 1.00 คัดเลือกไว้ใช้ได้ 2. ข้อคำถามที่มีค่า IOC ต่ำกว่า 0.50 ควรพิจารณาปรับปรุงหรือตัดทิ้ง 3.6 การเก็บรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการวิจัยดังต่อไปนี้ 1. การค้นคว้าจากหนังสือ รายงานการศึกษา วิทยานิพนธ์ รายงานการวิจัย และ เอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) ที่มีผลต่อ ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง และแนวทางในการแก้ไขปัญหา รวมไปถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) เป็นต้น 2. การสัมภาษณ์ (Interview) ผู้วิจัยได้ทำการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ซึ่งประกอบไป ด้วยกลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัด เชียงใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่มีหน้าร้านในการขายสินค้า 3.5.2 ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล ในการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยทำการเก็บ ข้อมูลจากกลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัด เชียงใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่มีหน้าร้านในการขายสินค้า โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้ 1. ผู้วิจัยลงพื้นที่ที่จะทำการศึกษา 2. ผู้วิจัยดำเนินการเก็บข้อมูลจากพื้นที่ที่ทำการศึกษา โดยใช้แบบสัมภาษณ์


25 3.7 ระยะเวลาในการทำวิจัย ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 3.8 ปฏิทินปฏิบัติงาน ลำดับ ที่ ขั้นตอนในการดำเนินงาน ตั้งแต่ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ถึง มีนาคม พ.ศ. 2566 ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. 1. วิเคราะห์ปัญหาการวิจัย 2. ศึกษาเอกสารและ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. สร้างเครื่องมือทดลองใช้ ตรวจสอบคุณภาพ และ ปรับปรุงแก้ไข 4. เก็บรวบรวมข้อมูล 5. วิเคราะห์ข้อมูล 6. เขียนรายงานการวิจัย 7. จัดพิมพ์รายงานการวิจัย และเผยแพร่ผลการวิจัย 3.9 งบประมาณในการทำวิจัย งบประมาณที่ใช้ในการทำวิจัยในครั้งนี้ทั้งหมด 800 บาท สามารถจำแนกเป็นรายการได้ดังนี้ 1. ค่าเดินทาง 400 บาท 2. ค่าจัดทำรูปเล่มวิจัย 400 บาท


26 บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิจัยเรื่อง “การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบที่มีต่อผู้ประกอบการ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเพื่อศึกษาแนวทาง ในการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ประกอบกิจการร่มบ่อสร้าง จำนวน 11 ร้าน ทั้งนี้ผลการวิจัยสามารถแบ่งตามประเด็นได้เป็น 3 ส่วน ตามลำดับดังนี้ ส่วนที่ 1 ข้อมูลผู้ให้สัมภาษณ์ ส่วนที่ 2 ผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่วนที่ 3 แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ส่วนที่ 1 ข้อมูลผู้ให้สัมภาษณ์ ภาพรวมลักษณะพื้นฐานทางประชากรของกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้ มีเพศหญิงมากกว่าเพศ ชาย เพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 72 เพศชายคิดเป็นร้อยละ 28 ช่วงอายุของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 25 - 35 ปี คิดเป็นร้อยละ 18.5 ช่วงอายุตั้งแต่ 36 - 45 ปี คิดเป็นร้อยละ 27 ช่วง อายุตั้งแต่ 46 - 55 ปี คิดเป็นร้อยละ 36 ช่วงอายุตั้งแต่ 56 - 65 ปี คิดเป็นร้อยละ 18.5 กลุ่มตัวอย่าง ระดับการศึกษาของผู้ประกอบกิจการร่มบ่อสร้าง ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 82 ผู้ ที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรีคิดเป็นร้อยละ 9 ผู้ที่มีระดับการศึกษามากกว่าระดับ ปริญญาตรีคิดเป็นร้อยละ 9 สถานภาพของกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มสถานภาพสมรสคิดเป็นร้อยละ 91 กลุ่ม สถานภาพโสดคิดเป็นร้อยละ 9 ระยะเวลาประสบการณ์ที่ทำการเปิดธุรกิจกิจการร่มบ่อสร้างของกลุ่ม ผู้ประกอบการ โดยกลุ่มผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจร่มบ่อสร้างตั้งแต่ 1 - 5 ปี คิดเป็น ร้อยละ 27 กลุ่มผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจร่มบ่อสร้างตั้งแต่ 5 - 10 ปี คิดเป็น ร้อยละ 36.5 กลุ่มผู้ประกอบการที่ที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจร่มบ่อสร้าง มากกว่า 10 ปี คิดเป็น ร้อยละ 36.5


27 ตาราง 4.1 แสดงความถี่และร้อยละของกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ เพศ จำนวน ร้อยละ หญิง 8 72 ชาย 3 28 รวม 11 100 จากตารางที่ 4.1 พบว่า กลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างเพศหญิงมากกว่าเพศชาย กลุ่ม ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้ มีจำนวน 11 คน แบ่งเป็นเพศหญิงจำนวน 8 คน (ร้อยละ 72) และเพศชายจำนวน 3 คน (ร้อยละ 28) จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปความได้ว่า กลุ่มประชากรผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างของหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่มีสัดส่วน ประชากรเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ตาราง 4.2 แสดงความถี่และร้อยละของกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามช่วงอายุ ช่วงอายุ จำนวน ร้อยละ 25 - 35 ปี 2 18.5 36 - 45 ปี 3 27 46 - 55 ปี 4 36 56 - 65 ปี 2 18.5 รวม 11 100 จากตารางที่ 4.2 พบว่า กลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง มีการ จำแนกตามช่วงอายุ โดยกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 25 – 35 ปี จำนวน 2 คน (ร้อยละ 18.5) ช่วงอายุตั้งแต่ 36 - 45 ปี จำนวน 3 คน (ร้อยละ 27) ช่วงอายุตั้งแต่ 46 - 55 ปี จำนวน 4 คน (ร้อยละ 36) ช่วงอายุตั้งแต่ 56 - 65 ปี จำนวน 2 คน (ร้อยละ 18.5) จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปความได้ว่า กลุ่มประชากรผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างของหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างอยู่ในช่วงอายุ 25 – 35 ปี และอยู่ในช่วงอายุ 56 – 65 ปี จึงจัดได้ว่าอยู่ในวัยผู้ใหญ่และวัย ผู้สูงอายุ


28 ตาราง 4.3 แสดงความถี่และร้อยละของกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามระดับการศึกษา ของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ระดับการศึกษา จำนวน ร้อยละ ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 9 82 ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี 1 9 มากกว่าระดับปริญญาตรี 1 9 รวม 11 100 จากตารางที่ 4.3 พบว่า กลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วน ใหญ่มีระดับการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า จำนวน 9 คน (ร้อยละ 82) รองลงมา ได้แก่ ระดับต่ำกว่าระดับปริญญาตรี จำนวน 1 คน (ร้อยละ 9) และระดับมากกว่าระดับปริญญาตรี จำนวน 1 คน (ร้อยละ 9) จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น สามารภสรุปความได้ว่า กลุ่มประชากรผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างของหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่มีระดับ การศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตาราง 4.4 แสดงความถี่และร้อยละของกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามสถานภาพ สถานภาพ จำนวน ร้อยละ โสด 1 9 สมรส 10 91 รวม 11 100 จากตารางที่ 4.4 พบว่า กลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วน ใหญ่มีสถานภาพสมรส จำนวน 10 คน (ร้อยละ 91) รองลงมา ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ที่มีสถานภาพโสด จำนวน 1 คน (ร้อยละ 9) จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปความได้ว่า กลุ่มประชากรผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างของหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่อยู่ใน สถานภาพสมรส พบว่าอยู่ในทุกช่วงวัย ตั้งแต่อายุ 25 – 65 ปี


29 ตาราง 4.5 แสดงความถี่และร้อยละของกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามระยะเวลา ประสบการณ์ที่ทำการเปิดธุรกิจกิจการร่มบ่อสร้างของกลุ่มผู้ประกอบการ ระยะเวลาประสบการณ์ การทำธุรกิจ จำนวน ร้อยละ 1 - 5 ปี 3 27 5 – 10 ปี 4 36.5 มากกว่า 10 ปี 4 36.5 รวม 11 100 จากตารางที่ 4.5 พบว่า กลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง มีประสบการณ์การเปิดธุรกิจร่มบ่อสร้าง 1 – 5 ปี จำนวน 3 ร้าน (ร้อยละ 27) มีประสบการณ์การเปิด ธุรกิจร่มบ่อสร้าง 5 – 10 ปี จำนวน 4 ร้าน (ร้อยละ 36.5) และมีประสบการณ์การเปิดธุรกิจ ร่มบ่อสร้างมากกว่า 10 ปี จำนวน 4 ร้าน (ร้อยละ 36.5) จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปความได้ว่า กลุ่มประชากรผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างของหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงให ม่ ส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการมีประสบการณ์การทำธุรกิจมากกว่า 10 ปี มาอย่างยาวนานจึงทำให้ผู้ประกอบการกลุ่ม นี้มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จนถึงปัจจุบัน(ปีพ.ศ.2566) ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง โดยใช้วิธีสัมภาษณ์ แบบเชิงลึก เกี่ยวกับผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างแบบเชิงลึก (In-depth Interview) แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถนำเสนอ รายละเอียดได้ดังต่อไปนี้ ร้านที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 1 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านไม่ค่อยได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพราะ


30 ส่วนมากร้านจะทำการผลิตร่มเองและทำการขายส่งให้กับร้านประจำและเน้นขายส่งให้กับ ต่างประเทศ จึงทำให้ส่วนมากไม่ค่อยได้รับผลกระทบ” ร้านที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 2 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านได้รับผลกระทบ เพราะว่าขายแบบหน้าร้านเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ไม่ค่อยมีลูกค้ามาซื้อเมื่อแต่ก่อน แต่ก็ยังดีที่ทาง รัฐบาลได้มีมาตรการต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือ จึงทำให้ร้านค้ายังพอมีรายได้อยู่บ้าง” ร้านที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 3 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านได้รับผลกระทบ อย่างหนักมาก เนื่องจากเน้นการขายหน้าร้าน ไม่มีการขายแบบส่งออก จึงทำให้ร้านค้าเกิดการ ขาดทุนอย่างหนัก ส่งผลทำให้ต้องทำการกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำมาหมุนเวียนค่าใช้จ่ายภายในร้าน และทาง ร้านไม่ได้เข้าร่วมหรือรับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐและทางร้านไม่ได้ทำการผลิตเองเพราะรับจาก ผู้ผลิตมาเพื่อทำการขายเพียงอย่างเดียวเลย” ร้านที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 4 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านเน้นขายส่งออก มีโรงงานผลิตในร้าน มีการเปิดหน้าร้านเพื่อตกลงกับผู้ประกอบการที่สนใจอยากรับไปขายหน้าร้าน โดยมีขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 50 ชิ้นขึ้นไป ทางร้านก็เลยไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากมายสักเท่าไหร่ เพราะ เน้นขายส่งออกให้กับทางร้านต่าง ๆ และส่งขายในต่างประเทศ อย่างประเทศมาเลเซียประเทศจีน เป็นต้น” ร้านที่ 5 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 5 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านได้รับผลกระทบ ในระดับปานกลางนะ เพราะส่วนมากจะขายทั้งหน้าร้าน ทั้งแบบออนไลน์ และทางร้านไม่ได้นำร่มบ่อ สร้างมาขายแค่อย่างเดียว มีสินค้าชนิดอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น เสื้อผ้าพื้นเมือง ผ้าซิ่นสันกำแพง” ร้านที่ 6 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 6 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านได้รับผลกระทบ ในระดับปานกลาง เพราะทางร้านไม่ได้ขายแค่ร่มบ่อสร้าง ยังมีสินค้าอื่น ๆ ขายร่วมด้วย แถมภายใน ร้านยังผลิตโครงร่มเอง เมื่อทำการผลิตเสร็จก็ส่งให้กับทางร้านต่าง ๆ เพื่อนำไปกระกอบเป็นร่มบ่อ สร้างที่สมบูรณ์ต่อไป” ร้านที่ 7 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 7 มีรายละเอียดดังนี้“ทางร้านได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นอย่าง มาก ส่งผลทำให้ต้องปิดร้านค้านานถึง 3 - 4 เดือน พนักงานในร้านถูกพักงาน จึงทำให้พวเขาต้องไป


31 หารายเสริมตามความถนัดของตัวเอง เพื่อรอให้สถานการณ์ดีขึ้น อย่างเช่น มีพนักงานคนหนึ่ง ได้ทำงานหารายได้เสริมจากการที่ทางศูนย์ปิดโดยการขายกล้วยทอดที่หน้าบ้านของตัวเอง สาเหตุที่ ได้รับผลกระทบอย่างหนักก็คือทางร้านมักจะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทย และคนต่างประเทศ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขึ้น ทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากมายเหมือนเมื่อก่อน” ร้านที่ 8 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 8 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านได้รับผลกระทบ อยู่ในระดับปานกลางนะ เพราะว่าขายสินค้าทั้งแบบขายหน้าร้านและขายผ่านช่องทางออนไลน์ใน แอพพลิเคชั่น Lazada ซึ่งทางบริษัทขนส่งสินค้า เข้ามารับสินค้าถึงหน้าร้าน โดยร้านทำการผลิตเอง มีโรงงานอยู่หลังร้าน” ร้านที่ 9 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 9 ร่มบ่อสร้างมีรายละเอียดดังนี้“ร้านได้รับ ผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะเน้นรับมาขายส่งให้กับทางโรงแรมหรือทางร้านใหญ่ ๆ ที่สนใจใน ร่มบ่อสร้าง ซึ่งช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้โรงแรมขาดทุนและไม่ได้ติดต่อรับร่มจากทางร้านอย่างเช่นเคย” ร้านที่ 10 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 10 มีรายละเอียดดังนี้“ช่วงเกิดสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ร้านทำการหยุดกิจการไปหลายเดือน ในระหว่างที่หยุดกิจการก็ได้ไปทำธุรกิจอื่น เพื่อรอให้สถานการณ์มันดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาเปิดใหม่ ซึ่งทางร้านส่วนใหญ่ขายแบบหน้าร้าน และขายส่งออกให้ตามกาดหลวง หรือไม่ก็ตลาดต่าง ๆ” ร้านที่ 11 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 11 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านได้รับ ผลกระทบอย่างหนัก เพราะว่าร้านนี้เปรียบเสมือนร้านแม่ค้าคนกลาง ที่คอยรับซื้อส่วนประกอบของ ร่มตามที่ต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบให้สมบูรณ์ แต่พอเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขึ้น ทำให้จำนวนผู้ผลิตร่มบ่อสร้างน้อยลง และจำนวนรายได้กับทุนที่ มีก็ไม่ได้มากมายเหมือนอย่างเช่นเคย ส่งผลทำให้หันมารับร่มบ่อสร้างแล้วนำมาขายหน้าร้านเอง” ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) ของกลุ่ม ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างจำนวนทั้งหมด 11 ร้าน พบว่า ทาง ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ลูกค้าและผู้ผลิตมีจำนวนน้อยลง บางร้านจึงต้องทำการ


32 ปิดกิจการ และทำการกู้หนี้ยืมสินจากสถานบันการเงินต่าง ๆ เพื่อให้ตนเองนั้นสามารถอยู่รอดได้ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่วนที่ 3 แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง โดยใช้วิธีสัมภาษณ์แบบ เชิงลึก เกี่ยวกับผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างแบบเชิงลึก (In-depth Interview) แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาและการ ปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถนำเสนอรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้ ร้านที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 1 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทำการขายออนไลน์ควบคู่ไปกับการขายหน้าร้าน ซึ่งได้มีการนำมาตรการการป้องกัน เชื้อไวรัสจากรัฐบาลมาใช้ อย่างเช่น มีเครื่องวัดอุณภูมิและเจลล้างมือตั้งอยู่ร้าน และทางร้านไม่ได้มี ความสนใจหรือไม่ได้เข้าร่วมในโครงการของรัฐบาล” ร้านที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 2 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ร้านค้าได้รับการสนับสนุนจากโครงการต่าง ๆ ของรัฐ และอาศัยการประชาสัมพันธ์ จากเทศบาลบ่อสร้าง จึงทำให้ยังพอมีลูกค้ามาอุดหนุนอยู่บ้าง” ร้านที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 3 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทำการกู้หนี้ยืมสินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนค่าใช้จ่ายภายใน ร้าน และทำการขายสินค้าอื่นร่วมด้วย อย่างเช่น ขายเครื่องดื่ม เป็นต้น” ร้านที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 4 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ เน้นส่งขายให้กับทางร้านค้าต่าง ๆ และส่งออกขายต่างประเทศควบคู่ไปด้วย ซึ่งการ


33 ส่งขายต่างประเทศเกิดปัญหาอยู่ตรงที่ขนส่งล่าช้า แต่ก็พอที่จะอยู่ในสถานการณ์ระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้” ร้านที่ 5 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 5 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ มีการนำสินค้าอื่นๆมาขายควบคู่ไปกับการขายร่มบ่อสร้าง โดยทางร้านมีสินค้า หลากหลายประเภท อย่างเช่น ผ้าซิ่นสันกำแพง กระเป๋า เสื้อผ้าพื้นเมือง หมอน เป็นต้น” ร้านที่ 6 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 6 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทำการผลิตโครงร่มเพื่อส่งขายให้กับร้านอื่น ๆ โดยให้ร้านอื่นนำโครงร่มไปประกอบ ให้สมบูรณ์และทางร้านก็ได้นำสินค้าชนิดอื่นมาขายร่วมกับร่มบ่อสร้างด้วย” ร้านที่ 7 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 7 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทำการปิดร้านชั่วคราวก่อน เพื่อรอในสถานการณ์ดีขึ้น โดยอนุญาตให้ทางพนักงาน ในร้านสามารถหารายได้เสริมจากการทำงานอย่างอื่นได้” ร้านที่ 8 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 8 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ เน้นขายแบบส่งออกและการขายออนไลน์ ควบคู่ไปกับการขายหน้าร้าน โดยช่องทาง ในการขายร่มบ่อสร้างคือการขายผ่านแอพพลิเคชั่น Lazada” ร้านที่ 9 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 9 ร่มบ่อสร้าง มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมี แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ เน้นขายส่งสินค้าชนิดอื่นร่วมกับร่มบ่อสร้าง โดยสินค้าชนิดอื่นที่ร้านค้าได้ นำมาขายควบคู่ด้วย คือสินค้าประเภทป้องกันโควิด เช่น เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และยังมี การส่งออกขายตามโรงแรมต่าง ๆ เหมือนเดิม”


34 ร้านที่ 10 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 10 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางใน การแก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ เปิดกิจการอื่นควบคู่ไปกับการขายร่มบ่อสร้าง และมีการนำสินค้าขายส่งออกให้กับ ทางกาดหลวงและตลาดอื่น ๆ” ร้านที่ 11 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากร้านที่ 11 มีรายละเอียดดังนี้“ร้านมีแนวทางใน การแก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทางร้านได้นำส่วนประกอบของร่มมาทำเองหรือนำมาประกอบเอง เพื่อให้ลดต้นทุน การผลิต จากที่เป็นแม่ค้าคนกลางคอยติดต่อร้านค้าต่าง ๆ เพื่อทำการขายสินค้า ก็เปลี่ยนมาเป็นเปิด หน้าร้านขายเอง ซึ่งมีทั้งขายหน้าร้าน ขายออนไลน์ และขายส่ง” ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) ของกลุ่ม ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างจำนวนทั้งหมด 11 ร้าน พบว่า ทาง ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์การ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทางผู้ประกอบการบางรายมีการกู้หนี้ ยืมสินเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนค่าใช้จ่ายในราย และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทำการขายออนไลน์ควบคู่ ไปกับการเปิดขายหน้าร้าน และยังมีการขายแบบส่งออกไปตามที่ต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและ ภายนอกประเทศ ซึ่งบางกิจการก็ได้ทำการปิดกิจการก่อน เพื่อรอให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น โดยใน ระหว่างการรอให้สถานการณ์ดีขึ้น ทางผู้ประกอบการได้เลือกทำอาชีพเสริม เพื่อให้ตนเองนั้นสามารถ อยู่รอดได้ และผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่จะไม่รับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐหรือเลือกที่ จะไม่เข้าร่วมในโครงการต่าง ๆ ของทางภาครัฐ


35 บทที่ 5 สรุปผลการวิจัยอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่อง “การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาผลกระทบที่มีต่อ ผู้ประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2. เพื่อศึกษาแนวทางในการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากร คือ ผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้างที่มีหน้าร้านในการขายสินค้าร่มบ่อสร้าง ในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 11 ร้าน ผลการวิจัยสามารถสรุปได้ดังนี้ 5.1 สรุปผลการวิจัย 5.1.1 ด้านประชากร ประชากรที่ศึกษาครั้งนี้คือ กลุ่มผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในอำเภอสันกำแพง จังหวัด เชียงใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 11 ร้าน แบ่งเป็นเพศหญิงจำนวน 8 คน (ร้อยละ 72) และเพศชายจำนวน 3 คน (ร้อยละ 28) มีการจำแนกตามช่วงอายุ โดยกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 25 – 35 ปี จำนวน 2 คน (ร้อยละ 18.5) ช่วงอายุตั้งแต่ 36 - 45 ปี จำนวน 3 คน (ร้อยละ 27) ช่วง อายุตั้งแต่ 46 - 55 ปี จำนวน 4 คน (ร้อยละ 36) ช่วงอายุตั้งแต่ 56 - 65 ปี จำนวน 2 คน (ร้อยละ 18.5) มีสถานภาพสมรส จำนวน 10 คน (ร้อยละ 91) รองลงมาได้แก่กลุ่มผู้ประกอบการร่ม บ่อสร้างที่มีสถานภาพโสด จำนวน 1 คน (ร้อยละ 9) และ มีประสบการณ์การเปิดธุรกิจร่มบ่อสร้าง 1 – 5 ปี จำนวน 3 ร้าน (ร้อยละ 27) มีประสบการณ์การเปิดธุรกิจร่มบ่อสร้าง 5 – 10 ปี จำนวน 4 ร้าน (ร้อยละ 36.5) และมีประสบการณ์การเปิดธุรกิจร่มบ่อสร้างมากกว่า 10 ปี จำนวน 4 ร้าน (ร้อยละ 36.5) 5.1.2 ด้านผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่า ทางผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ลูกค้าและ ผู้ผลิตมีจำนวนน้อยลง บางร้านจึงต้องทำการปิดกิจการ และทำการกู้หนี้ยืมสินจากสถานบันการเงิน ต่าง ๆ เพื่อให้ตนเองนั้นสามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


36 5.1.3 ด้านแนวทางการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านแนวทางการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวของผู้ประกอบการ ร่มบ่อสร้าง พบว่า ทางผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาและ การปรับตัว ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือ ทาง ผู้ประกอบการบางรายมีการกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนค่าใช้จ่าย และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ทำการขายออนไลน์ควบคู่ไปกับการเปิดขายหน้าร้าน และยังมีการขายแบบส่งออกไปตามที่ต่าง ๆ ทั้ง ภายในประเทศและภายนอกประเทศ ซึ่งบางกิจการก็ได้ทำการปิดกิจการก่อน เพื่อรอให้สถานการณ์ ต่าง ๆ ดีขึ้น โดยในระหว่างการรอให้สถานการณ์ดีขึ้น ทางผู้ประกอบการได้เลือกทำอาชีพเสริม เพื่อให้ตนเองนั้นสามารถอยู่รอดได้ และผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างส่วนใหญ่จะไม่รับความช่วยเหลือ จากทางภาครัฐหรือเลือกที่จะไม่เข้าร่วมในโครงการต่าง ๆ ของทางภาครัฐ 5.2 อภิปรายผลการวิจัย คณะผู้วิจัย ได้นำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยมาพิจารณากับแนวคิดทฤษฎีและผลงานวิจัย ที่เกี่ยวข้อง จากการทบทวนวรรณกรรมนำมาอภิปรายในประเด็น ดังต่อไปนี้ 5.2.1 ผลกระทบที่มีต่อผู้ประกอบการในสภานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่มีต่อผู้ประกอบการในสภานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง หมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอ สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างได้รับผลกระทบ ได้แก่ จำนวน ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างมีจำนวนที่ลดลง เพราะหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้มีนักท่องเที่ยวและลูกค้ามีจำนวนลดลงจึงส่งผลให้ ผู้ประกอบการบางรายไม่สามารถที่จะประกอบธุรกิจร่มบ่อสร้างนี้ต่อไปได้ ผู้ประกอบการในบางกลุ่ม ขาดทุนเนื่องจากในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมและซื้อสินค้าลดลง เพราะในบางร้านผู้ประกอบการมีการจำหน่าย ร่มบ่อสร้างในช่องทางเดียว คือ การขายร่มบ่อสร้างที่บริเวณหน้าร้าน ผลการวิจัยดังกล่าว มีความสอดคล้องกับวริศ มีไชโย (2563) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลกระทบของ COVID-19 ต่อธุรกิจ ค้าปลีกภายในจังหวัดตาก ผลการวิจัยพบว่า สถานการณ์การเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในจังหวัดตากทำให้มีผลกระทบ ด้านยอดขายหรือรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในธุรกิจค้าปลีกลดลง ด้านลูกค้ามีการซื้อสินค้าหรือมี การใช้บริการในธุรกิจการค้าปลีกลดลง ซึ่งงานวิจัยฉบับนี้ยังมีความสอดคล้องกับงานวิจัยของโณธิตา หวานชื่น (2563) ได้ทำการวิจัยเรื่องผลกระทบ COVID-19 และการปรับตัวของผู้ประกอบการค้าขาย ในตลาดเก็นติ้งบริเวณพื้นที่ชายแดน ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พบว่า


37 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ผู้ประกอบการ ค้าขายมีรายได้ลดลงและหลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลทำให้มีรายได้ลดลงและลูกค้าลดลง นอกจากนี้ยังทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพ ได้แบบปกติ มีเงินทุนหมุนเวียนของกิจการลดลงต้นทุนได้มีการเพิ่มสูงขึ้น และงานวิจัยฉบับนี้มี ข้อค้นพบใหม่ที่แตกต่างจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องคือผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างมีการปิดกิจการก่อน ชั่วคราว เนื่องจากรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดีขึ้น เพราะในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ สินค้าร่มบ่อสร้างขายไม่ได้และไม่มีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้า ผู้ประกอบการในบางกลุ่มไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้เปิดจำหน่ายสินค้าที่หน้าร้านให้นักท่องเที่ยวหรือคนทั่วไปซื้อ แต่ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ทำ การส่งสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศและขายส่งไปยังผู้ประกอบการอื่น ๆ เช่น โรงแรม 5.2.2 แนวทางในการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อวิเคราะห์การปรับตัวตามแนวทางในการปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในช่วงที่ เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของหมู่บ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าผู้ประกอบการได้มีแนวทางในการปรับตัวโดยการปรับเปลี่ยน และเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าจากเดิมที่ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในบางร้านมีการจำหน่าย ร่มบ่อสร้างในรูปแบบขายยังบริเวณหน้าเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ผู้ประกอบการมีการปรับเปลี่ยนช่องทางในการจำหน่าย สินค้ามาเป็นช่องทางออนไลน์และส่งออกจำหน่ายไปยังต่างประเทศ ผู้ประกอบการมีการนำสินค้า ชนิดอื่นจำพวกเสื้อผ้าพื้นเมือง กระเป๋าพื้นเมือง อาหารเครื่องดื่ม เครื่องจักรสาน และหมอนนำมาขาย ควบคู่ไปกับสินค้าร่มบ่อสร้าง เพราะร้านค้าจะได้มีสินค้าที่หลากหลายสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยว และลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้นและการขายร่มบ่อสร้างเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ของผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการมีการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสภายในร้านโดยการตั้ง เครื่องวัดอุณภูมิ วางเจลแอลกอฮอล์ไว้หน้าร้านเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ลูกค้ารวมไปถึงนักท่องเที่ยวมีความไว้วางใจในการใช้บริการและ ผู้ประกอบการยังได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องโดยองค์กรส่วนท้องถิ่นทำ การประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามา นอกจากนี้งานวิจัยฉบับนี้ยังมี ข้อค้นพบ คือ ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในบางร้านมีการกู้เงินเพื่อนำมาหมุนเวียนและลงทุนใหม่ใน ธุรกิจร่มบ่อสร้าง ซึ่งได้สอดคล้องกับงานวิจัยของวริศ มีไชโย (2563) จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ผู้ประกอบการมีการพัฒนาธุรกิจและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยการปฏิบัติตาม มาตรการการป้องกันโควิดและมีการเพิ่มประเภทสินค้าให้มีความหลากหลาย มีการบริการการชำระ


38 เงินออนไลน์ มีการจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม และยังมีความสอดคล้องกับงานวิจัยของโณธิกา หวานชื่น (2563) พบว่ามีการปรับตัวโดยการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น มีการลดหรือเลิกจ้าง พนักงาน ลดราคาสินค้า มีการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ มีการปรับเปลี่ยนประเภทของสินค้า และ มีการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์หรือที่ล้างมือวางไว้หน้าร้านและมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และยังมีความสอดคล้องกับงานวิจัยของสุพัตรา รุ่งรัตน์ (2563) พบว่ามีการปรับตัวในการสวม หน้ากากอนามัยและได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้งานวิจัยฉบับนี้ยังมี ข้อค้นพบ คือ ผู้ประกอบการร่มบ่อสร้างในบางร้านมีการกู้เงินเพื่อนำมาหมุนเวียนและลงทุนใหม่ใน ธุรกิจร่มบ่อสร้าง 5.3 ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยเรื่อง การปรับตัวของผู้ประกอบการร่มบ่อสร้าง ในสถานการณ์การแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้วิจัยมีข้อค้นพบจากการวิจัยที่นำมาเสนอแนะในการ นำผลการวิจัยไปใช้ และเป็นข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป ดังนี้ ข้อเสนอแนะเพื่อนำผลวิจัยไปใช้ 1. ในการศึกษาทำวิจัยในด้านของเครื่องมือแบบสัมภาษณ์เชิงลึกควรเพิ่มประเด็นคำถาม ให้มากกว่านี้ เพื่อให้ข้อมูลที่ได้มานั้นครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น 2. หน่วยงานภาครัฐ ควรมีการส่งเสริมการขายสินค้าแบบต่าง ๆ เช่น การโฆษณาสินค้าของ ผู้ประกอบการ หลังจากปลดล็อคมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้ในการขายสินค้า 3. ผู้ประกอบการควรจัดกิจกรรมหรือทำโปรโมชันในการขายสินค้าให้หลากหลายช่องทาง เพื่อกระตุ้นการขายสินค้า 4. งานวิจัยฉบับนี้สามารถนำไปเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการอื่น ๆ ได้ ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป 1. ควรมีการขยายขอบเขตประชากรในการวิจัยครั้งต่อไป เพื่อศึกษาประชากรในกลุ่มที่กว้าง ขึ้นและสามารถเปรียบเทียบความสัมพันธ์และความแตกต่างได้


39 บรรณานุกรม กรมทรัพย์สินทางปัญญา. (2552, 9 มีนาคม). ประกาศโฆษณาการรับขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ ทางภูมิศาสตร์ร่มบ่อสร้าง. เลขที่ 33. กรมประชาสัมพันธ์. (2565). มาตรการช่วยเหลือภาครัฐ. สืบค้นจาก https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/31/iid/79430?fbclid=IwAR 0u-pZGY1J0rDiVBCc4_7IMlrRTjhMKyo12_WzMAHzHBkaYzusIFJ4vxb0 กลุ่มพัฒนาวิชาการโรคติดต่อ. (2564). สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาตรการสาธารณสุข และปัญหาอุปสรรคการป้องกันควบคุมโรคในผู้เดินทาง. (เอกสารทาง วิชาการ). องค์การอนามัยโลก. จังหวัดเชียงใหม่. (2565). แผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2561 - 2565). (เอกสารทางวิชาการ). หน่วยงานจังหวัดเชียงใหม่. ธีรภัทร เจริญฤทธิ์, และนฤภร ไชยสุขทักษิณ. (2563). การปรับตัวของผู้ประกอบการในสถานการณ์ การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีศึกษา ตลาดกิมหยง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. นัชชา เกิดอินทร์, กาญจนาพร วงศ์อาจ, และ โชติ บดีรัฐ. (2564). มาตรการการเยียวยาของรัฐต่อผู้ที่ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. (รายงานการวิจัย). ราชภัฏพิบูลสงคราม. นัชส์ณภัทร์ เจียมวิจิตร. (2564). ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายรูปแบบกลยุทธ์การปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ในยุควิถีชีวิตใหม่ของผู้ประกอบการในจังหวัดนครนายก. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัย ราชภัฏพระนคร. ปณัฐฐา ภาคธูป, และศุภรัตน์ เอี่ยมสมุทร. (2555). กลยุทธ์การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของ ร้านค้าปลีกขนาดเล็กในเขตเทศบาลนครสมุทรสาคร อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยศิลปากร ภัทรกร ออแก้ว, อุดมศักดิ์ สาริบุตร และรัฐไท พรเจริญ. (2555). การศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ร่มบ่อสร้าง จังหวัดเชียงใหม่. วารสารมทร.อีสาน, 5(1), 26-31. ศรัญญา สรรพมิตร และศิวฤทธิ์ สุนทรเสณ. (2563). พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวใน จังหวัด เชียงใหม่. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง. (2557). พัฒนาเคลือบนาโน ฟื้นผลิตร่มบ่อสร้าง เอกลักษณ์ของล้านนา. สืบค้นจาก https://www.tcijthai.com/news/2014/22/arc hived/4783


40 สวรรยา รอดเงิน. (2564). แนวทางในการปรับตัวของธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ในพื้นที่หาดวอน นภา ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยบูรพา. สุพัตรา รุ่งรัตน์, ซูลฟีกอร์ มาโซ, และยุทธนา กาเด็ม. (2564). ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจาก สถานการณ์COVID-19 ของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองยะลา จังหวัดยะลา. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยยะลา. สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่. (2556). การจัดทำเว็บท่าด้านการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่. (รายงานโครงการ). วริศ มีไชโย. (2563). ผลกระทบของ COVID-19 ต่อธุรกิจ ค้าปลีกภายในจังหวัดตาก. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยรามคำแหง. อรุณโรจน์ สิริพิพัฒน์ขจร. (2557). การสื่อสารการตลาดของร้านค้าส่งในยุคโมเดิร์นเทรด กรณีศึกษา ห้างหุ้นส่วนจำกัด สินชัยการสุรา. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยกรุงเทพ. เสาวลักษม์ กิตติประภัสร, ธรรมวิทย์ เทอดอุดมธรรม, พราวภวินท์ พักตร์ธนาปกรณ์, และพัชราภรณ์ ศอกจะบก. (2563). ผลกระทบทางสังคมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และวิกฤตเศรษฐกิจ. (โครงการศึกษา). สำนักงานปลัดกระทรวงการ พัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์. โณธิตา หวานชื่น, วรุตม์ นาฑี, และศุภรัตน์ พิณสุวรรณ. (2564). ผลกระทบโควิด 19 และการปรับตัว ของผู้ประกอบการค้าขายในตลาดเก็นติ้ง บริเวณพื้นที่ชายแดน ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอ สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยทักษิณ. ไชยา ออกแดง, และภิรัญชญา อุไรรัตน์. (2563). ฝ่าวิกฤติ COVID-19 : มาตรการ ปลดล็อกกับ แนวทางการเตรียมความพร้อมสำาหรับความมั่นคง. (เอกสารทางวิชาการ). ศูนย์ศึกษา ยุทธศาสตร์สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ. ฤทธิ์เดชา ตาบุญใจ. (2562). กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดออนไลน์ที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรม ผู้บริโภค:กรณีศีึกษาการขายเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านทางเฟซบุ๊ก. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.


41 ประวัติผู้วิจัย 1. ชื่อสกุล นางสาว จิรัชญา ครองเมือง สถานที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้หอพักนักศึกษาแม่ริม 3 เลขที่ 180 หมู่ 7 ตำบลขี้เหล็ก อำเภอ แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ประวัติการศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านแม่แนต อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น-ปลาย โรงเรียนแม่ตืนวิทยา อำเภอลี้ จังหวัด ลำพูน ปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาสังคม ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 2. ชื่อสกุล นางสาว สุชัญญา ผูกรักษ์ สถานที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้ หอพักนักศึกษาแม่ริม 3 เลขที่ 180 หมู่ 7 ตำบลขี้เหล็ก อำเภอ แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา โรงเรียนพุทธิโศภน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัด เชียงใหม่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น-ปลาย โรงเรียนสันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาสังคม ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 3. ชื่อสกุล นางสาว อิสรียา แก้วผัด สถานที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้ หอพักนักศึกษาแม่ริม 3 เลขที่ 180 หมู่ 7 ตำบลขี้เหล็ก อำเภอ แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา โรงเรียนบ้านสันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัด เชียงใหม่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น-ปลาย โรงเรียนสันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาสังคม ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 4. ชื่อสกุล นายชญานนท์ ขยันการ สถานที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้ หอพักชาย 1 สำนักงานหอพักนักศึกษา (กองพัฒนานักศึกษา) มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม 180 หมู่ 7 ถ.โชตนา ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50180


Click to View FlipBook Version