PI-BPK9-PCT_OB-015 REV.0 : 02/12/65 Page 1/ 2 Bangpakok 9 International Hospital 362 Rama 2 Road, Bangmod, Jomthong, Bangkok, 10150, Thailand Tel. 66 (0)2109-9111 Contact Center Tel. 1745 www.bangpakokhospital.com คําแนะนํา เรื่ องโรคเชือราในช่องคลอด้ (Vaginal candidiasis) 1) ข้อมูลเบืองต้น้ โรคเชื้อราในช่องคลอด (Vaginal candidiasis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในสตรีทั่วไป โรคเชื้อราในช่องคลอด เกิดจากเชื้อราใน กลุ่ม “แคนดิดา (Candida) ” ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ย่อย เชื้อที่เป็นสาเหตุที่ทําให้เกิดการอักเสบของช่องคลอดที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ “แคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans)” โรคเชือราในช่องคลอดมีลักษณะอย่างไร้ ผู้ที่เป็นโรคเชื้อราในช่องคลอด จะมีอาการคันเป็นอาการนําที่สําคัญ นอกจากนั้นจะพบ - ตกขาวลักษณะข้นมีสีขาวหรือสีเหลืองนวลเหมือนนมบูด มีกลิ่น - ผนังช่องคลอดมีลักษณะบวมแดง - มีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศและภายในช่องคลอด บางครั้งอาจพบอาการบวมแดงที่บริเวณอวัยวะเพศร่วมด้วย บางครั้ง ช่องคลอดจะมีลักษณะเป็นปื้นแดง เปื่อยยุ่ย เป็นขุย หรือมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ผิวแตกเป็นร่อง มีอาการแสบเวลาถ่ายปัสสาวะและ เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่แพทย์วินิจฉัยโรคเชื้อราในช่องคลอดได้จาก ประวัติตกขาวที่ผิดปกติมีลักษณะ เฉพาะคือมีสีขาวหรือสีเหลืองนวล คล้ายนมบูด เมื่อนําตกขาวไปตรวจโดยใช้กล้องจุลทรรศน์จะพบลักษณะสปอร์หรือลักษณะกิ่งก้านของเชื้อรา 2) ทางเลือกอืน่ แนวทางการรักษาโรคเชือราในช่องคลอด้ 1. ใช้ยาฆ่าเชื้อรา อาจจะเป็นยาสอดทางช่องคลอดกลุ่ม imidazole derivatives หรือยารับ ประทานกลุ่ม Ketoconazole, Polyene antibiotics หรือ Itraconazole นอกจากนี้สามารถใช้ยาทาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาอาการคันร่วมด้วยได้ 2. รักษาปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยเสริมต่างๆที่พบร่วมด้วย เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคอื่นๆที่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะเป็น เวลานานๆ 3. อาจพิจารณารักษาคู่นอนร่วมด้วย 4. ในรายที่รักษาไม่หายหรือเป็นเรื้อรัง ควรตรวจหาโรคเอดส์หรือโรคเบาหวานด้วยเสมอ 3) ความเสี่ ยงและผลข้างเคียงของการตรวจรักษา ปัจจัยเสี่ ยงต่อการติดเชือราในช่องคลอดที้ ่ พบบ่อย โดยปกติเป็นเชื้อที่อยู่ในช่องคลอดโดยไม่ทําให้เกิดโรคจะทําให้เชื้อรามีปริมาณมากขึ้นจนก่อโรคดังนี้ 1. ภาวะตั้งครรภ์เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูงขึ้น ซึ่งจะทําให้ปริมาณ สารไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งจะถูกย่อยเป็นนํ้าตาลกลูโคสในช่องคลอดสูงขึ้น เป็นสาเหตุให้เชื้อรามีการเจริญเติบโต ขึ้น 2. โรคเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมโรคไม่ดี 3. การใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นเวลานานเกินไป จะไปทําลายเชื้อต่างๆที่ทําให้เกิดภาวะสมดุลของเชื้อราในช่องคลอด ทําให้เชื้อ ราเพิ่มปริมาณมากขึ้น
PI-BPK9-PCT_OB-015 REV.0 : 02/12/65 Page 2/ 2 Bangpakok 9 International Hospital 362 Rama 2 Road, Bangmod, Jomthong, Bangkok, 10150, Thailand Tel. 66 (0)2109-9111 Contact Center Tel. 1745 www.bangpakokhospital.com 4. การรับประทานยาสเตียรอยด์ เพราะจะลดภูมิคุ้มกันต้านทานของร่างกาย 5. ผู้ป่ วยที่มีโรคภูมิคุ้มกันต้านทานบกพร่อง หรือโรคเอดส์ 6. การใส่กางเกงที่คับมากและอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนชื้น 7. ภาวะที่คู่นอนมีการติดเชื้อรา 8. การทําความสะอาดช่องคลิดไม่ถูกวิธี หรือใส่ผ้าอนามัยแผ่นเดียวนาน ๆ 4) การปฏิบัติตน ดูแลตนเองและป้องกันโรคเชือราในช่องคลอดได้อย่างไร ควรพบแพทย์เมื้ ่ อไร ทําความสะอาดจากช่องคลอดไปทางทวารหนักเพื่อป้องกันไม่ให้อุจจาระปนเปื้อนเข้ามาทางช่องคลอด ไม่ควรสวนล้างช่อง คลอดโดยไม่จําเป็น เพราะจะไปล้างความเป็นกรดในช่องคลอดทิ้งไป - พยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้นโดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางเปลี่ยนทิ้งบ่อย ๆ ในช่วงที่มีสิ่งคัดหลั่งออกทางช่องคลอด มากกว่าปกติ - ไม่ควรกินซื้อยาฆ่าเชื้อรับประทานเอง เพราะจะทําลายแบคทีเรียที่มีอยู่ประจําในช่องคลอดด้วย แนะนําฝ่ ายชายจึงควร ทําความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ - ภรรยาเป็นเชื้อรา สามีต้องทายารักษาเชื้อราพร้อม ๆ กับภรรยาด้วยเสมอ - สําหรับฝ่ ายหญิงถ้ารู้สึกมีตกขาวผิดปกติโดยเฉพาะถ้ามีตกขาวเป็นก้อนคล้ายตะกอนนม ไม่ว่าจะมีอาการคันหรือไม่ ก็ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่นๆ สตรีตั้ งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะพบเชื้อราได้มากกว่าสตรีทั่วไปที่ไม่ตั้งครรภ์เพราะร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มากกว่าอาจพบอาการได้มากกว่ากลุ่มสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ไม่ทําให้เกิดความเสี่ยงต่อการ คลอดก่อนกําหนด ส่วนการรักษาใช้วิธีเดียวกับในกลุ่มสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์ หากท่านมีข้อสงสัยโปรดติดต่อ ศูนย์สตรี ที่ หมายเลข 02-109-9111 ต่อ 10810 – 10811 ในเวลา 08.00 – 20.00 น. หรือ Call Center หมายเลข 1745 ตลอด 24 ชั่ วโมง