แบบฝกึ หัด รายวชิ าสงั คมศกึ ษา
ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
ชอ่ื ................................นามสกลุ ........................................
ช้นั ..................... เลขท.่ี .............
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
โรงเรียนเทศบาล ๒ หนองบวั
สงั กดั สำนกั การศกึ ษาเทศบาลนครอุบลราชธานี
ใบงานที่ 1 ชื่อ.................................................
ช้นั .................... เลขท่ี...................
วชิ าสงั คมศกึ ษา เรอื่ ง ความสำคญั ของพระพุทธศาสนา
คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นสรุปความสำคัญของพระพทุ ธศาสนา ทมี่ บี ทบาทสำคัญต่อพทุ ธศาสนิกชนชาวไทย
เป็นแผนภาพความคิด พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
ใบความรู้ท่ี 1
วิชาสงั คมศกึ ษา เรอ่ื ง ความสำคญั ของพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนามบี ทบาทสำคญั ตอ่ พทุ ธศาสนิกชนชาวไทยทง้ั ด้านการดำเนนิ ชีวติ และศิลปวัฒนธรรม
ความสมั พันธ์ของพระพุทธศาสนากบั การดำเนินชวี ติ
คนไทยสว่ นใหญ่นบั ถือพระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนาจึงมอี ทิ ธิพลตอ่ การดำเนนิ ชวี ิตประจำวันของ
พทุ ธศาสนิกชน เช่น
-การแสดงความเคารพด้วยการกราบหรือการไหว้ เชน่ กราบพระ ไหว้ผ้ใู หญ่
-การทำบุญตักบาตรในตอนเช้า
-การสวดมนตไ์ หวพ้ ระก่อนเข้านอน
-การนำคำในภาษาบาลี ภาษาสันสกฤตท่ใี ช้ในพระพทุ ธศาสนา มาใชใ้ นภาษาไทย
เชน่ คำว่า ศาสนา ศลี ธรรม พระภกิ ษสุ งฆ์
การสรา้ งสรรคผ์ ลงานทางวัฒนธรรมไทย
พระพุทธศาสนามอี ิทธพิ ลทำให้เกดิ การสรา้ งสรรค์ผลงานทางวฒั นธรรมไทย เชน่
-ปูชนียสถาน คือ สถานท่ีทเี่ ก่ียวเนือ่ งกับศาสนา เช่น วัด โบสถ์ ศาลา และปูชนียวัตถุ
คือวัตถุท่ีน่าเคารพบูชา เช่น เจดีย์ พระพุทธรูป
-ภาพจิตรกรรมฝาผนงั คือ ภาพเขยี นท่ฝี าผนัง หรือเพดานโบสถ์มกั เปน็ ภาพพุทธประวัติ
-วรรณคดแี ละวรรณกรรมต่าง ๆ ที่เกีย่ วกบั ศาสนา เชน่ ไตรภมู พิ ระรว่ ง พระมหาชนก
ส่งิ ต่าง ๆ เหล่านเี้ กิดขน้ึ จากความเลอ่ื มใสศรัทธาของพุทธศาสนกิ ชนที่มีต่อพระพุทธศาสนา จงึ ไดท้ ุม่ เท
กำลังกาย กำลงั ใจ และกำลังทรพั ย์ แล้วรว่ มกนั สรา้ งสรรค์ผลงานข้นึ อยา่ งวจิ ิตรและงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ใบงานท่ี 2 ช่อื .................................................
ชนั้ .................... เลขท่.ี ..................
วิชาสงั คมศกึ ษา เรอ่ื ง พทุ ธประวตั ิ
คำช้แี จง ดภู าพทกี่ ำหนดให้ แลว้ เขียนคำอธิบายสรุปพุทธประวตั ใิ หส้ มบรู ณ์
ภาพนีแ้ สดงถึง
.............................................................................................................
.............................................................................................................
.............................................................................................................
ภาพนี้แสดงถงึ
.............................................................................................................
.............................................................................................................
.............................................................................................................
ภาพน้ีแสดงถงึ
.............................................................................................................
.............................................................................................................
.............................................................................................................
ภาพนีแ้ สดงถงึ
.............................................................................................................
.............................................................................................................
.............................................................................................................
ใบความรู้ท่ี 2
วิชาสังคมศกึ ษา เรอ่ื ง พทุ ธประวัติ
พทุ ธประวัติ คอื ประวัติของพระพุทธเจ้า การศกึ ษาพทุ ธประวัติ
จะทำใหเ้ ขา้ ใจประวตั ขิ องพระพทุ ธเจา้ และเกดิ ความศรทั ธาใน
พระพุทธศาสนา
พระพทุ ธเจา้ เปน็ ศาสดาของพระพุทธศาสนา พระองคท์ รงมพี ระ
นาม เดมิ ว่า สิทธัตถะ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสทุ โธทนะ พระราชาผู้
ครองกรงุ กบิลพัสดกุ์ บั พระนางสริ มิ หามายา เจ้าชายสทิ ธตั ถะประสตู เิ มือ่ วนั
ขึ้น 15 คำ่ เดือน 6 ก่อนพุทธศกั ราช 80 ปี ณ ลมุ พินีวัน
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเจริญพระชนมายุได้ 16 พรรษา ได้ทรง
อภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราหรือพระนางพิมพา และต่อมามี
พระราชโอรส 1 พระองค์ พระนามวา่ ราหุล
วันหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกนอกพระราชวัง ทอดพระเนตร
เห็นเทวทูต 4 คือ คนชรา คนเจ็บป่วย คนตาย และสมณะ จึงพิจารณาวา่
คนชรา คนเจ็บป่วยและคนตายเป็นความทุกข์ พระองค์ทรงอยากค้นหา
ทางดับทุกข์เหลา่ น้นั ซงึ่ การผนวชน่าจะเป็นหนทางท่ที ำให้พ้นจากทุกข์ได้
จึงตัดสนิ พระทัยเสด็จออกผนวชเมอ่ื มีพระชนมายุ 29 พรรษา
พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียร 6 ปี จึงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสมั พุทธเจา้
ด้วยการคน้ พบทางพ้นทกุ ข์ ได้แก่ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ หรือ
อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) หลังจากนั้นทรงเผยแผ่หลักธรรมคำ
สอนเป็นเวลา 45 ปี และเสด็จดบั ขันธปรินิพพานเมอื่ พระชนมายุ
80 พรรษา
ใบงานท่ี 3 ชือ่ .................................................
ช้ัน.................... เลขท.ี่ ..................
วชิ าสงั คมศึกษา เรอ่ื ง พระไตรปิฎก
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนบอกความหมายและความสำคญั ของพระไตรปฎิ ก ดงั ต่อไปน้ี
1.พระไตรปฎิ ก มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาใด
............................................................................................................................. .....................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2.นกั เรยี นเคยพบเหน็ พระไตรปิฎกหรอื ไม่ อย่างไร
............................................................................................................................. .....................................
.................................................................................... ............................................................................. .
3.พระไตรปิฎกมคี วามสำคญั อย่างไร
............................................................................................................................. .....................................
............................................................................................. .....................................................................
4.เราสามารถนำพระไตรปฎิ กมาใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งไร
............................................................................................................................. .....................................
............................................................................................. .....................................................................
5.พระไตรปฎิ กแบ่งได้เปน็ กี่หมวด อะไรบา้ ง
………………............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ....................................
ใบความรู้ที่ 3
วิชาสงั คมศึกษา เรอื่ ง พระไตรปฎิ ก
คมั ภีร์ของพระพุทธศาสนา คือ พระไตรปิฎก เปน็ คำสอนที่แบง่ เปน็ 3 หมวด ได้แก่ พระ
อภธิ รรมปิฎก พระสตุ ตันตปฎิ ก และ พระวนิ ยั ปิฎก ซึง่ เปรยี บไดเ้ หมือนตะกรา้ 3 ใบ
พระไตรปิฎกเปน็ คัมภรี ์ทีม่ ีความสำคญั ต่อพุทธศาสนิกชนทุกคน เพราะเปน็ แหล่งอ้างองิ
หลักธรรมคำสอนของพระพทุ ธเจา้
1.พระอภิธรรมปิฎก เป็นหมวดทวี่ า่ ด้วยพระอภิธรรม คอื หลกั ธรรมและคำอธิบายท่ีเปน็ หลักวชิ า
ล้วน ๆ ไมเ่ ก่ียวกับบุคคลหรอื เหตกุ ารณ์ใด ๆ
2.พระสุตตนั ตปิฎก เปน็ หมวดเก่ียวกบั พระธรรมเทศนา คำบรรยายตา่ ง ๆ ทีพ่ ระพุทธเจ้าเคย
ตรสั ไว้ รวมถึงเร่อื งเลา่ ต่าง ๆ ซ่ึงชาดกก็จัดอยใู่ นหมวดนีด้ ว้ ย
3.พระวินัยปฎิ ก เปน็ หมวดเกี่ยวกับพระวนิ ยั คือ คำสอนที่พระพุทธเจา้ ทรงบัญญัตเิ กีย่ วกับความ
ประพฤติ ขนบธรรมเนียม และการดำเนนิ กจิ ต่าง ๆ ของพระสงฆ์
************************************************
ใบงานที่ 4 ชือ่ .................................................
ช้นั .................... เลขท.่ี ..................
วชิ าสังคมศกึ ษา เรอ่ื ง หลกั ธรรมสำคัญของพระพุทธศาสนา
คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนนำคำท่ีกำหนดให้ เติมลงในชอ่ งว่างหนา้ ขอ้ ความใหถ้ ูกต้อง
พุทธศาสนสภุ าษติ โอวาท 3 พระรัตนตรัย
พระสงฆ์ เบญจศลี หรอื ศีล 5
1....................................... หมายถึง แกว้ อันประเสริฐ 3 ประการ ได้แก่ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
2....................................... เปน็ สาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผทู้ ่ปี ฏิบัติตามคำส่ังสอนของพระพทุ ธเจ้า
3....................................... เป็นหลักธรรมสำคัญซ่ึงเปน็ หัวใจของพระพุทธศาสนา
4....................................... เปน็ หลักธรรมทส่ี อนให้ละเวน้ จากการทำความชั่ว เปน็ ศลี ที่ต้องรกั ษาเป็นประจำ
5....................................... เป็นคำสอนท่ีดมี ีประโยชน์ เป็นข้อความส้ัน ๆ สามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั
เร่อื ง หลักธรรมสำคัญของพ
ใบความรู้ที่ 4
วชิ าสังคมศึกษา เรอื่ ง หลักธรรมสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา
พระพทุ ธศาสนามุ่งสอนให้คนละเวน้ การทำความชั่ว หมั่นทำความดี และทำจิตใจใหผ้ ่องใส
บรสิ ทุ ธิ์ ดงั นน้ั พระพทุ ธศาสนาจงึ มีหลักธรรมพนื้ ฐานเพ่ือให้พทุ ธศาสนิกชนนำไปใชใ้ นการดำเนินชีวติ
ดังน้ี
พระรัตนตรัย หมายถงึ แกว้ อันประเสรฐิ 3 ประการ ได้แก่ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์
พระพทุ ธ หมายถงึ พระพุทธเจ้า ผเู้ ป็นศาสดาของพุทธศาสนา ตรสั รชู้ อบไดโ้ ดยพระองค์เอง และทรง
นำหลกั ธรรมที่ตรัสรมู้ าสัง่ สอนให้ผอู้ ่ืนไดร้ ตู้ าม
พระธรรม เปน็ หลกั ธรรมคำสอนของพระพทุ ธเจา้ ท่ีพระองคต์ รสั รู้ เชน่ อริยสจั 4 ,โอวาท 3
พระสงฆ์ เป็นสาวกของพระพุทธเจา้ เป็นผูป้ ฏิบตั ติ ามคำสงั่ สอนของพระพุทธเจ้า แลว้ นำคำสงั่ สอน
ของพระพุทธเจา้ มาเผยแผ่ให้ผู้อ่นื รบั รูแ้ ละนำไปประพฤติปฏิบัตติ าม
โอวาท 3 เปน็ หลักธรรมสำคัญซึ่งถือเป็นหวั ใจของพระพทุ ธศาสนา ที่พทุ ธศาสนิกชนควรประพฤติปฏิบตั ติ าม ดงั นี้
1.ละเวน้ จากการทำความช่วั 2.ทำความดีให้ถึงพร้อม 3.ทำจติ ใจใหผ้ ่องใสบรสิ ุทธ์ิ
เบญจศลี หรือ ศลี 5 เป็นหลักธรรมทสี่ อนใหล้ ะเวน้ จากการทำความชั่ว เป็นศีลทพี่ ุทธศาสนกิ ชนตอ้ งรกั ษาเปน็
ประจำ มดี งั น้ี 1.ไมฆ่ ่าสัตว์ 2.ไม่ลกั ทรัพย์ 3.ไมป่ ระพฤตผิ ิดในกาม 4.ไม่พดู ปด 5.ไมด่ ื่มสุรา
เบญจธรรม เป็นหลักธรรม 5 ประการ ที่ควรประพฤติควบคู่ไปกบั เบญจศีล เพอื่ ใหเ้ ปน็ คนดีท่ีสมบรู ณ์ มดี ังน้ี
1.มีความเมตตากรุณา 2.ประกอบอาชีพสุจรติ 3.รักคู่ครองของตน 4.มีสจั จะ 5.มสี ตสิ มั ปชญั ญะ
สงั คหวัตถุ 4 เปน็ หลักธรรมสำหรับสงเคราะหซ์ ่ึงกันและกนั เปน็ วธิ ปี ฏบิ ตั ติ นเพื่อยึดเหน่ยี วนำ้ ใจให้ผู้คนรักคร่นับ
ถอื กนั ประกอบด้วย ทาน ปิยวาจา อตั ถจรยิ า สมานตั ตา
ฆราวาสธรรม 4 เป็นหลักธรรมทผี่ คู้ รองเรอื นทุกคนควรยึดถือปฏิบัติ เพื่อใหส้ มาชกิ ในครอบครัวอย่รู ว่ มกันอยา่ งมี
ความสุข มี 4 ประการ ไดแ้ ก่ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ
อตั ถะ 3 แปลว่า ประโยชนท์ ี่มุ่งหมาย 3 ประการ คือ 1.อตั ตัดถะ ประโยชนเ์ พือ่ ตนเอง 2.ปรัตถะ ประโยชน์
เพือ่ ผู้อนื่ 3.อุภยัตถะ ประโยชน์ทง้ั 2 ฝ่าย
มงคล 38 มงคล แปลวา่ ความดีงาม ความเจริญ เหตแุ หง่ ความดงี าม เหตุแห่งความเจริญ เหตุทีน่ ำมาซ่ึงความสุข
(ป.3 กำหนดใหเ้ รียน 3 ประการ ดังน้ี 1.การร้จู ักให้ 2.ก
ารพดู จาไพเราะ 3.การอยใู่ นส่ิงแวดล้อมทีด่ ี)
พุทธศาสนสุภาษิต เปน็ คำสอนทด่ี มี ีประโยชน์ เป็นข้อความสัน้ ๆ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ใบงานท่ี 5 ชื่อ.................................................
ช้นั .................... เลขที.่ ..................
วชิ าสงั คมศกึ ษา เรอื่ ง ศาสนบคุ คล ศาสนวัตถุ และศาสนสถานของศาสนาต่าง ๆ
คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นดูภาพท่ีกำหนดให้ แล้วทำเคร่ืองหมาย ✓ลงใน แล้วเขยี นคำตอบลงในช่องว่าง
ภาพนี้ คอื ...........................................................................
เกีย่ วขอ้ งกบั ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาฮินดู
พระพุทธศาสนา ศาสนาคริสต์
ความสำคญั ........................................................................
...........................................................................................
ภาพน้ี คือ...........................................................................
เกี่ยวขอ้ งกับ ศาสนาอิสลาม ศาสนาฮินดู
พระพุทธศาสนา ศาสนาคริสต์
ความสำคัญ........................................................................
...........................................................................................
ภาพนี้ คือ...........................................................................
เกยี่ วขอ้ งกบั ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาฮินดู
พระพุทธศาสนา ศาสนาครสิ ต์
ความสำคญั ........................................................................
...........................................................................................
ภาพน้ี คอื ...........................................................................
เก่ียวข้องกบั ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาฮินดู
พระพทุ ธศาสนา ศาสนาคริสต์
ความสำคญั ........................................................................
...........................................................................................
ใบความรู้ท่ี 5
วิชาสงั คมศกึ ษา เรอ่ื ง ศาสนบุคคล ศาสนวตั ถุ และศาสนสถานของศาสนาต่าง ๆ
พระพุทธศาสนา ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาฮนิ ดู
ศาสนบุคคล หมายถงึ บคุ คลผู้ทำหน้าทสี่ ืบทอดศาสนา เช่น
พระสงฆ์ บาทหลวง อิหม่าม พราหมณ์
ศาสนวัตถุ หมายถงึ สิง่ ของที่เกยี่ วข้องกบั ศาสนา เปน็ สิง่ ท่ีควรเคารพบูชา เช่น
ไม่มีศาสนวตั ถุ
พระพุทธรูป ไมก้ างเขน เทวรูป
ศาสนสถาน หมายถงึ สถานที่หรือส่งิ ก่อสรา้ งท่ีใช้ในการประกอบพิธีกรรม หรือกิจกรรมทเี่ ก่ยี วข้องกับศาสนา เชน่
วัด/โบสถ/์ วหิ าร คริสตจักร/โบสถค์ รสิ ต์ มสั ยิด เทวสถาน
ใบงานท่ี 6 ชื่อ.................................................
ชัน้ .................... เลขที่...................
วชิ าสงั คมศกึ ษา เรอื่ ง ประวตั พิ ุทธสาวก
คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามเกย่ี วกับประวตั พิ ุทธสาวก : สามเณรสังกจิ จะ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
1.คณุ ธรรมสำคญั ของสามเณรสังกจิ จะ คอื อะไร
....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
2.นกั เรยี นนำหลกั ธรรมจากประวตั ขิ องสามเณรสงั กจิ จะไปปรบั ใช้ไดอ้ ย่างไร
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
ใบความรู้ที่ 6
วชิ าสงั คมศึกษา เรอ่ื ง ประวตั ิพุทธสาวก : สามเณรสังกจิ จะ
พุทธสาวก คอื สาวกของพระพทุ ธเจ้าท่ีมชี วี ติ อยู่ในชว่ งทีพ่ ระพทุ ธเจ้ายังมีพระชนมอ์ ยู่ ไดเ้ หน็ และได้ฟัง
ธรรมจากพระพทุ ธ เจ้าโดยตรงและเป็นพระอรยิ บุคคล คอื บรรลุธรรมขนั้ ใดข้นั หนึ่ง
สามเณรสงั กจิ จะ เกิดในตระกูลเศรษฐี ณ เมืองสาวัตถี มารดาเสียชีวติ ขณะที่ทา่ นยังเปน็ ทารก อยใู่ นครรภ์
เม่อื สปั เหร่อนำศพมารดาไปเผาปรากฏวา่ ทารกในครรภ์ไม่ไหม้ สัปเหร่อจึงอุ้มทารกไปให้ญาติ พวกญาติๆ จึงต้ังชือ่
ทารกวา่ สงั กิจจะ (แปลวา่ เก่ียว) เพราะท่หี างตามรี อยฉีกขาดเน่ืองจากถูกตะขอเกยี่ วขณะเผาศพมารดา ต่อมา
เม่อื สงั กจิ จะอายุ 7 ปี ญาตไิ ด้พาไปบวชเณรในสำนักของพระสารีบตุ ร ในวนั บวช พระสารีบุตรไดบ้ อกตจปัญจก
กัมมัฏฐาน สามเณรสงั กจิ จะได้ฟงั ก็บรรลเุ ป็นพระอรหันต์
วันหนึ่งมีพระภิกษุชาวเมืองสาวตั ถี 30 รปู มาลาพระสารบี ุตรเพื่อไปปฏิบตั ธิ รรมที่ปา่ แห่งหนึง่ พระสารบี ตุ ร
ทราบว่าจะมีภัยเกิดขึน้ กบั พระภกิ ษจุ ึงใหส้ ามเณร สังกิจจะไปกับพระภิกษุเหลา่ นนั้
ตอ่ มาขณะที่พระภกิ ษแุ ละสามเณรปฏิบัตธิ รรมอยนู่ น้ั ไดม้ ีไดม้ ีโจร 500 คน บกุ เขา้ มาเพื่อจะจับพระภกิ ษุ รูปใดรปู
หนึ่งเพ่อื ทำพลีกรรม แตส่ ามเณรได้ขอออกไปกบั โจรแทน ขณะที่โจรเงื้อดาบฟนั ลงทคี่ อสามเณรปรากฏวา่ ดาบงอ
และฟันไมเ่ ข้าโจรจงึ ขอบวช สามเณรสังกจิ จะจงึ พาสามเณร 500 รูปไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพทุ ธเจ้าจึงตรสั สอน
วา่ “ผ้ทู ไี่ มม่ ีศลี มจี ิตใจไม่ตง้ั ม่ันแมจ้ ะมีชวี ติ อยู่ถงึ 100 ปี ก็หามปี ระโยชน์ไม่ ส่วนผู้ท่มี ศี ลี แม้มีชวี ิตอยเู่ พียงวนั
เดียว ย่อมมีชวี ติ ประเสรฐิ กว่า”
คณุ ธรรมของสามเณรสังกจิ จะ
1) กล้าหาญในการทำส่ิงที่ดี เม่อื เรายดึ ม่ันในหลักธรรมความดแี ล้วเราก็จะเอาชนะปัญหา
2) เสียสละความสขุ ความสบายของตนเพ่ือประโยชน์สว่ นรวม
3) เป็นแบบอย่างของการมีศีลและมจี ิตใจทีม่ ่นั คง
ใบงานที่ 7 ชอื่ .................................................
วชิ าสังคมศึกษา เรอื่ ง ชาดก ชั้น.................... เลขท.่ี ..................
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นตอบคำถามเก่ียวกบั เร่ืองมหาวาณชิ ชาดกต่อไปนี้
1.คตธิ รรมทไี่ ดจ้ ากเรื่องนี้
....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
2.จากชาดกเร่ืองน้ี นกั เรยี นสามารถนำไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้อย่างไร
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
ใบความรู้ที่ 7
วิชาสงั คมศึกษา เร่อื ง ชาดก
ชาดก เป็นเรอ่ื งราวของทางพระพทุ ธศาสนาทน่ี ำมาจากพระไตรปฎิ ก มเี นื้อหาเกี่ยวกบั อดตี ชาติของ
พระพทุ ธเจา้ ท่ีทรงบำเพญ็ บารมตี า่ ง ๆ
เรือ่ ง มหาวาณชิ ชาดก
กาลครั้งหน่ึง ครัง้ พระพุทธองค์ เสวยชาติเปน็ หัวหน้าพ่อค้า ในกาลคร้ังนั้นพอ่ ค้าเกวียนกลุ่มหนง่ึ ได้
เดนิ ทางทำการค้าขายยังตา่ งแดน ตอ้ งเดินทางไกลคา้ งแรม เม่ือขายสินค้าหมดแลว้ ก็พากันกลับสู่ภมู ลิ ำเนา
ระหวา่ งการเดนิ ทางผา่ นแดนธุรกันดาร หานำ้ ดมื่ นำ้ อาบไม่ใครไ่ ด้ ต่างกห็ วิ กระหายสุดกำลัง
"พวกเราจกั ทำอย่างไรกันดี นำ้ จะดม่ื กไ็ ม่มี " ลูกนอ้ งต่างพากันถามหัวหน้าขบวน
" ดตู น้ ไทรใหญ่น่ันสิ อดุ มสมบูรณ์ ใต้รม่ ก็มตี ้นหญา้ เขยี วชะอมุ่ มันต้องมีนำ้ อยูใ่ นนี้แนน่ อน"
ผเู้ ป็นหวั หน้า พจิ ารณาแลว้ กล่าวพลางชใ้ี หล้ ูกนอ้ งดู
"เอ้อ จริงด้วย ถ้าเชน่ น้ันเราลองตัดกิง่ ไทรดูวา่ มีนำ้ หรือเปล่า"พอ่ ค้าคนหน่งึ กลา่ วขึน้
จากนนั้ พวกเขาตา่ งชว่ ยกนั ตัดกิง่ ไทร ทศิ ตะวันออกก็มนี ้ำไหลออกมา ตา่ งก็พากนั ดืม่ อาบกันสบายใจ
จากนั้นก็พากนั ตัดกง่ิ ด้านตะวันตกก็มสี ายนำ้ ไหลออกมา พวกเขายงั หาพอใจไม่ จงึ พากันตดั กิง่ ด้านใต้
ก็มีบรรดาสาว ๆ สวย ๆ ออกมา พ่อค้าตา่ งไดเ้ สพสุขกับหญิงสาวเหล่านั้น ฝ่ายพญานาคที่อาศัยอยู่ใต้ต้นไทร
ก็เนรมติ รฝ้าเพดานเตียงนอนจนครบจำนวนเหลา่ พอ่ คา้ แต่เหลา่ พ่อคา้ ก็พากนั ตดั ต้นไทรด้านทิศเหนืออีก
ก็มีแก้วแหวนเงนิ ทองไหลออกมามากมาย พ่อค้าก็พากนั บรรทกุ จนเตม็ เกวยี น
"พวกเราน่าจะโค่นต้นไม้น้เี ผ่ือมีอะไรพิเศษกว่าน้อี ีก"พวกพ่อค้าปรกึ ษากัน
"ไมไ่ ด้นะ ไม่ได้เป็นเด็ดขาด พวกเราจะตัดต้นไทรไม่ได้ ต้นไทรนม้ี บี ุญคณุ กบั เรามากข้าขอเถิด"
ผู้เป็นหวั หนา้ คดั คา้ น แตบ่ รรดาลูกนอ้ งหาได้ฟังไม่ โค่นต้นไทรลงจนได้ ทำให้พญานาคโกรธสง่ั ใหล้ กู น้องมาพ่นพิษ
จนพอ่ คา้ ตายหมดเหลือไว้แต่หัวหน้า แลว้ พญานาคได้แปลงโฉม เปน็ หนุ่มรูปงามไปหาพ่อคา้ แลว้ แสรง้ ถามถึง
เรือ่ งราวทงั้ หมด แลว้ กล่าวอย่างเสียใจว่า
"เราหา้ มพวกเขาแล้วแต่พวกเขาไม่ฟงั จึงเป็นอยา่ งเช่นน"ี้ จากนั้นพ่อคา้ และหน่มุ รปู งามตกลงแบ่ง
ผลประโยชน์อย่างยตุ ธิ รรม ตง้ั แตน่ ั้นมาพ่อค้ากร็ ำ่ รวยเป็นมหาเศรษฐี แลหม่นั บำเพ็ญเพียร บรจิ าคทานอย่าง
สม่ำเสมอ จนตลอดชวี ติ ชาตสิ ดุ ทา้ ยจึงไดเ้ กิดเป็นพระพุทธเจ้า
เรอื่ งนสี้ อนใหร้ ู้ว่า ความโลภไม่รจู้ ักประมาณ มีแต่จะนำความเดอื ดร้อนมาให้
ใบงานท่ี 8 ชื่อ.................................................
ชัน้ .................... เลขท.่ี ..................
วิชาสังคมศึกษา เรอ่ื ง ชาวพทุ ธตวั อย่าง
คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นดภู าพแล้วตอบคำถามต่อไป
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังส)ี
ท่านมีคุณธรรมเดน่ ชัดในเรื่องใด
ความขยันหมนั่ เพียร
ความกล้าหาญ
ความสนั โดษ
นกั เรียนนำคุณธรรมของทา่ นไปใช้ได้อย่างไร
.........................................................................................
.......................................................................................
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราช
ท่านมคี ุณธรรมเดน่ ชัดในเรือ่ งใด
ความสนั โดษ
ความกล้าหาญเด็ดเด่ียว
ความสงบนิ่ง
นกั เรยี นนำคุณธรรมของพระองค์ไปใช้ได้อยา่ งไร
.........................................................................................
.......................................................................................
ใบความรู้ท่ี 8
วชิ าสังคมศกึ ษา เรอ่ื ง ชาวพุทธตัวอย่าง
ชาวพุทธตัวอยา่ ง หมายถงึ พุทธศาสนกิ ชนทีป่ ฏบิ ัตติ นตามคำสอนของพระพุทธเจา้ มีคุณธรรมประจำใจ และ
แสดงออกให้เห็นว่าเป็นคนดี มีประโยชน์ ทง้ั ต่อตนเองและผู้อน่ื อยา่ งเสมอต้นเสมอปลาย สมควรเป็นแบบอยา่ งให้ผอู้ น่ื ได้
ปฏบิ ตั ิตาม
สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรงั สี)
เกดิ วันพฤหสั บดี ที่ 17 เมษายน พ.ศ.2331 อายุได้ 12 ปี
บรรพชาเป็นสามเณรท่วี ัดอนิ ทรวิหาร ต่อจากน้นั มาศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม
ที่วดั ระฆังโฆสิตาราม และอปุ สมบทเปน็ พระภิกษุ เม่ืออายคุ รบ 20 ปี
ตอ่ มารัชกาลท่ี 4 มพี ระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นพระธรรมกิตแิ ละ
ดำรงตำแหนง่ เจ้าอาวาสวัดระฆงั โฆสติ า-ราม เม่ือ พ.ศ.2395 ตอ่ มาโปรด
เกลา้ ใหท้ ่านดำรงสมณศักด์เิ ป็นสมเดจ็ พระพุฒาจารย์ เม่ือ พ.ศ.2407
สมเด็จพระพฒุ าจารย์ (โต พรหมรงั ส)ี เป็นพระภกิ ษุที่มชี อื่ เสียง
ด้านการประพฤติปฏบิ ัติธรรม มีความเพียรพยายามศึกษาเลา่ เรียนจนมี
ความรแู้ ตกฉาน
คุณธรรมทไี่ ด้ ความขยันหมั่นเพียรในการศกึ ษาเล่าเรียน/
การหมั่นศึกษาหลักธรรม และมเี มตตา
สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช
เดิมทา่ นทรงเป็นสามัญชน มพี ระนามเดิมว่า สนิ ประสูติเม่อื วนั ที่
17 เมษายน พ.ศ.2277 เมอื่ อายไุ ด้ 13 ปี ได้บรรพชาเปน็ สามเณร และ
เมอ่ื สกิ ขา เจ้าพระยาจักรนี ำท่านถวายตัวเข้ารบั ราชการเป็นมหาดเลก็ ใน
พระเจา้ อยู่หัวบรมโกศ ในสมัยอยธุ ยาตอนปลายทา่ นไดร้ ับตำแหน่งเปน็
พระยาตาก เป็นเจ้าเมอื งตาก เมอ่ื พมา่ ยกทัพมาตกี รุงศรีอยุธยา
พระยาตากนำทัพออกต่อสูก้ ับพมา่ จนได้รบั ชยั ชนะ สมเด็จพระเจา้ ตากสิน
มหาราช ทรงทำนุบำรุงฟ้นื ฟูพระพุทธศาสนาอยู่ตลอด ทรงสนพระทัย
และใฝร่ ู้ธรรม มพี ระทยั มัน่ คงในพระพุทธศาสนา
คณุ ธรรมทไี่ ด้ ความกล้าหาญเดด็ เดีย่ วในการเสียสละเพ่ือชาตบิ ้านเมือง/
ความมั่นคงในพระพทุ ธศาสนา
ใบงานที่ 9 ช่อื .................................................
ชั้น.................... เลขที.่ ..................
วิชาสงั คมศกึ ษา เรอื่ ง ศาสนพิธี
คำช้ีแจง ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปให้ถูกต้อง
1.จุดประสงค์ของการอาราธนาศีลคืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.คำอาราธนาศีลข้ึนต้นว่าอะไร แล้วมคี วามหมายว่าอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.จดุ ประสงค์ของการสมาทานศีลคอื อะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.ศีลที่รับเอามาปฏิบัติในชีวิตประจำวันประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้ท่ี 9
วิชาสงั คมศึกษา เรอื่ ง ศาสนพิธี
ศาสนพธิ ี คือ พธิ ีกรรมทางศาสนา ศาสนกิ ชนทีด่ คี วรร้แู ละปฏบิ ัตติ นในขณะเข้ารว่ มศาสนพิธีใหถ้ ูกต้อง
เหมาะสม ซง่ึ ศาสนพธิ ีท่เี ราควรเรียนรู้ในระดับชั้นน้ี ได้แก่
1.การอาราธนาศีล เป็นการท่ีเราขอให้พระสงฆ์ให้ศีลแก่เรา ซ่งึ การประกอบพธิ ีกรรมต่าง ๆ ของ
พระพุทธศาสนาจะต้องเรมิ่ ด้วยการอาราธนาศลี ทกุ ครัง้
คำอาราธนาศีล 5
• มะยัง ภัณเต, วิสุง วสิ ุง รักขะณตั ถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญั จะ สีลานิ ยาจามะ
• ทุตยิ มั ปิ มะยัง ภณั เต, วิสุง วิสงุ รักขะณตั ถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ
• ตะติยมั ปิ มะยัง ภณั เต, วิสุง วิสุง รักขะณตั ถายะ, ตสิ ะสะเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
คำแปล -ข้าแตท่ ่านผู้เจริญ ขา้ พเจา้ ท้ังหลายขอศีลหา้ พร้อมท้งั ไตรสรณคมน์ เพื่อจะแยกรักษาแต่ละขอ้
-แม้ครง้ั ทส่ี อง ข้าแต่ทา่ นผเู้ จรญิ ข้าพเจ้าท้ังหลายขอศีลห้า พร้อมท้ังไตรสรณคมน์ เพือ่ จะแยกรักษาแตล่ ะข้อ
-แมค้ รงั้ ทีส่ าม ข้าแตท่ ่านผู้เจริญ ขา้ พเจ้าท้ังหลายขอศีลหา้ พร้อมทั้งไตรสรณคมน์ เพ่ือจะแยกรักษาแต่ละขอ้
2.การสมาทานศลี เป็นการท่ีเรารับเอาศีลที่ขอมาปฏบิ ตั ิในชวี ิตประจำวัน
คำสมาทานศลี 5
• ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
• อะทนิ นาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
• กาเมสมุ ิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ
• มสุ าวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
• สรุ าเมระยะมชั ชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
คำแปล -ขา้ พเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการฆ่าสัตว์
-ข้าพเจ้าขอสมาทานสกิ ขาบท เว้นจากการถือเอาของที่เขาไมไ่ ดใ้ ห้
-ข้าพเจา้ ขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการประพฤติผดิ ในกาม
-ขา้ พเจา้ ขอสมาทานสกิ ขาบท เว้นจากการพดู เท็จ
-ขา้ พเจ้าขอสมาทานสกิ ขาบท เว้นจากการดมื่ เครอื่ งมนึ เมา
ต่อจากนัน้ พระสงฆจ์ ะบอกอานสิ งคข์ องศีล ผูอ้ าราธนาไมต่ ้องกลา่ วตาม เมือ่ พระสงฆ์บอก
อานสิ งค์ของศีลเสร็จแล้ว ผู้อาราธนารบั ว่า “สาธุ” แลว้ กราบ 3 ครง้ั เป็นเสรจ็ พธิ ี
ใบงานท่ี 10 ช่ือ.................................................
ชั้น.................... เลขที่...................
วิชาสังคมศกึ ษา เรอ่ื ง การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา
คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปใหถ้ ูกต้อง
1.ในทางพระพุทธศาสนามวี ธิ กี ารพัฒนาจิตแบบใดบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.การฝกึ สตแิ ละสมาธมิ ปี ระโยชน์อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้ท่ี 10
วิชาสังคมศกึ ษา เรอ่ื ง การพัฒนาจติ ตามแนวทางของศาสนา
ศาสนาแตล่ ะศาสนามวี ธิ กี ารหรอื แนวทางในการพัฒนาจิตเพอ่ื ให้เกิดสตแิ ละมีสมาธิดว้ ยวิธตี ่างกนั ในทาง
พระพทุ ธศาสนามวี ิธีการพัฒนาจิต ดังนี้
1.การสวดมนต์ไหว้พระและแผเ่ มตตา
การสวดมนต์ไหว้พระ เปน็ การแสดงความนอบนอ้ มต่อพระรตั นตรยั ทำใหจ้ ิตเปน็ สมาธิและมีความ
บรสิ ุทธ์ิ เพราะจติ ละทิ้งสงิ่ ไม่ดที ั้งหลาย และระลึกถงึ แต่สิง่ ดี ๆ ทำใหจ้ ติ สงบ ไม่ฟุง้ ซ่าน การสวดมนตไ์ หว้พระจงึ ทำ
ให้เกิดสติ ซงึ่ เปน็ พ้ืนฐานของการบริหารจติ เจรญิ ปญั ญา
การแผเ่ มตตา เป็นการแสดงความปรารถนาดีต่อผอู้ ่ืน โดยสำรวมจติ แลว้ นึกถงึ ผอู้ นื่ ดว้ ยความตัง้ ใจและ
ตอ้ งการใหผ้ ู้อื่นพน้ จากความทุกขแ์ ละความเดอื ดร้อน หากผใู้ ดสามารถปฏิบัติได้ กจ็ ะช่วยขัดเกลาจิตใจของตนให้
ลดความเห็นแก่ตัวลง และมลทำให้จติ สงบ
2.ความรเู้ บือ้ งตน้ เกย่ี วกบั สติและสมาธิ
สติ คือ ความระลึกได้ ความไม่เผลอ การควบคุมจิตใจไวก้ ับสง่ิ ทีเ่ กี่ยวข้อง เชน่ เดนิ อยา่ งมีสติ
สมาธิ คือ ความต้ังม่ันของจติ มใี จจดจ่ออยกู่ บั สิ่งท่ีทำ เชน่ มีสมาธใิ นการอ่านหนงั สือ
ประโยชน์ของการฝึกสติและสมาธิ เชน่
-ทำใหเ้ รามีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน ทำงานไม่ผิดพลาด
-ทำให้เราเป็นคนไม่ประมาท ไม่เลนิ เล่อ ไม่เผลอตวั
-ทำใหเ้ รารจู้ ักยับยั้งใจในการทำสง่ิ ไม่ดี
3.วิธกี ารฝกึ สติและสมาธิ
1.การฝึกสมาธดิ ้วยการนบั ลมหายใจ ปฏิบัตไิ ด้ ดังน้ี
นั่งขดั สมาธิ ให้ขาขวาทบั ขาซ้าย มือขวาทับมอื ซ้าย ปลายนิ้วหวั แม่มอื จรดกนั ลำตัวตง้ั ตรง
เริ่มกำหนดลมหายใจเข้า-ออก โดยนับในใจเปน็ คู่ ๆ เช่น หายใจเขา้ นับ 1 หายใจออกนับ 1 หายใจเขา้ นบั 2
หายใจออกนับ 2 ใหน้ ับเรื่อยไปจรจิตสงบ
2.การฝึกการยืน เดิน น่งั และนอนอย่างมสี ติ
การฝึกควบคุมกริ ยิ า สำรวมกาย วาจา ใจ โดยฝึกกำหนดอิรยิ าบถยืน เดนิ น่งั นอนอย่างมีสติ
เป็นพื้นฐานสำคัญของการปฏิบัตธิ รรม หากเราฝึกฝนได้อยา่ งน้อยวนั ละ 5-10 นาที ก็จะช่วยให้เรารู้จกั ระงบั
อารมณ์ และมสี ตสิ มั ปชัญญะอยูต่ ลอดเวลา
ใบงานที่ 11 ชอ่ื .................................................
ชั้น.................... เลขท่.ี ..................
วชิ าสงั คมศกึ ษา เรอื่ ง บคุ คลในชุมชน และการมสี ว่ นรว่ มในชมุ ชน
1. คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนดภู าพท่ีกำหนดให้ แลว้ ตอบคำถามดงั ต่อไปน้ี
บคุ คลในภาพน้ี คือ............................................................
บทบาทหนา้ สำคญั คือ......................................................
.........................................................................................
.......
บุคคลในภาพน้ี คือ............................................................
บทบาทหนา้ สำคญั คือ......................................................
.........................................................................................
.......
2. คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามเกย่ี วกับการมสี ว่ นร่วมในชุมชน ดงั ตอ่ ไปน้ี
1.การมสี ่วนร่วมในชุมชนของฉัน คือ..............................................................................................
2.การมีสว่ นร่วมในชุมชนคร้ังนกี้ ่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ คือ....................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
ใบความรู้ที่ 11
วิชาสงั คมศึกษา เรอ่ื ง บุคคลในชมุ ชน และการมสี ่วนร่วมในชมุ ชน
สมาชิกในชมุ ชนที่อาศัยอยรู่ ่วมกัน ตา่ งก็มีบทบาทหนา้ ท่ตี ่างกนั ออกไปตามฐานะทางสังคมและการ
ประกอบอาชีพ ถา้ ทุกคนปฏบิ ัติตามบทบาทหน้าท่ีของตนเองอยา่ งเครง่ ครัดก็จะทำใหช้ ุมชนเกดิ ความสงบสุข
บุคคลตา่ ง ๆ ในชุมชนมบี ทบาทหนา้ ทีส่ ำคญั ดงั นี้
ผสู้ ูงอายุ มีบทบาทหน้าที่สำคัญ คือ ให้คำแนะนำและถ่ายทอดประสบการณ์ทดี่ ีใหส้ มาชกิ ในชมุ ชน
นำไปปฏิบตั ิ
ตำรวจ มบี ทบาทหนา้ ทส่ี ำคญั คือ ดแู ลความสงบของบ้านเมือง
ครู มีบทบาทหนา้ ที่สำคัญ คือ อบรมส่ังสอนใหน้ กั เรียนมคี วามรู้และเปน็ คนดี
ผู้ใหญ่บ้าน มีบทบาทหน้าทส่ี ำคญั คือ เป็นหวั หน้าระดับหม่บู ้าน ดแู ลความสงบสขุ ของคนในหมู่บา้ น
แพทย์ มีบทบาทหน้าทส่ี ำคญั คือ ดแู ลรักษาผ้ปู ่วยและคนในชมุ ชนให้สุขภาพดี
นักเรยี น มีบทบาทหน้าท่สี ำคญั คือ ตั้งใจเรียน เชื่อฟงั คำส่งั สอนของพ่อแม่
แม่คา้ มบี ทบาทหน้าท่ีสำคัญ คือ ขายสินค้าหรือบริการท่ีมคี ุณภาพใหก้ บั ผู้ซื้อในราคาเปน็ ธรรม
เขา้ ร่วมกิจกรรมของชุมชน เชน่ การทำบุญในวัน บำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน เชน่ ชว่ ยเกบ็ ขยะ
สำคัญทางศาสนา และประเพณหี รอื กิจกรรมอื่น ๆ ดูแลความสะอาดของชุมชน
การมสี ่วนร่วมในชุมชน
รว่ มอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ปฏบิ ัติตนตามกฎระเบยี บของชมุ ชน เช่น ทิง้ ขยะ
ภายในชุมชน มีจติ สำนึกในการรกั ษาสงิ่ แวดล้อม ลงในถังขยะ ดูแลรกั ษาส่งิ ของสาธารณะ
มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมทางการเมือง เช่น ผูท้ ่มี ีอายคุ รบ 18 ปีบริบรู ณ์
สามารถใช้สทิ ธิในการเลือกต้ังผู้แทนในระดบั ท้องถ่นิ หรือประเทศได้
ใบงานที่ 12 ชอ่ื .................................................
ช้นั .................... เลขที.่ ..................
วชิ าสงั คมศึกษา เรอ่ื ง การเลอื กตัวแทนในชน้ั เรียนและโรงเรียน
คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนเขียนอธิบายบทบาทหน้าทข่ี องบุคคลตามภาพ แล้วตอบคำถาม
ตำแหน่ง บทบาทหนา้ ที่
1.หวั หนา้ ห้อง ……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
2.ประธานนกั เรยี น
……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
3.คณะกรรมการหอ้ งเรยี น ……………………………………………………………………………………………..
หรอื โรงเรียน ……………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………….
4.บุคคลเหลา่ นคี้ วรมีคุณสมบตั หิ รือลกั ษณะสำคญั อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5.หากเราเลอื กคนที่ดีให้เป็นตวั แทนของชน้ั เรียนและโรงเรียนเพอ่ื ทำหน้าที่ตา่ ง ๆ ในโรงเรยี น
จะส่งผลดีอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ใบความรู้ที่ 12
วชิ าสังคมศึกษา เรอื่ ง การเลือกตัวแทนในชั้นเรียนและโรงเรยี น
ในชัน้ เรยี นและโรงเรยี นประกอบดว้ ยสมาชิกหลายคนที่มาอย่รู ่วมกนั มกี ารทำกิจกรรมร่วมกนั จึง
จำเป็นต้องมีตัวแทนมาดำเนนิ การตัดสนิ ใจในการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ
1.ลักษณะตัวแทนในช้ันเรยี นและโรงเรยี น
ตำแหนง่ บทบาทหนา้ ท่ี
1.หัวหนา้ หอ้ ง ผ้ทู ำหนา้ ทปี่ ระสานงานระหว่างนักเรยี นในแต่ละห้องกับครู
และเปน็ ผ้ทู คี่ อยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในห้องเรียน
2.ประธานนกั เรยี น ผทู้ ท่ี ำหน้าท่ปี ระสานงานระหวา่ งนักเรยี นและครู และช่วยส่งเสรมิ
นโยบายท่ีเป็นประโยชนข์ องโรงเรียน อีกทั้งกระต้นุ ใหน้ กั เรียนมีส่วน
3.คณะกรรมการหอ้ งเรยี น รว่ มในการพฒั นาโรงเรียน
หรือโรงเรยี น ผทู้ มี่ ีสว่ นชว่ ยในการทำงานของหัวหน้าห้องหรอื ประธานนักเรยี น
เช่น คณะกรรมการด้านกจิ กรรม คณะกรรมการด้านวิชาการ
2.วธิ ีการเลือกตัวแทนอย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม กระบวนการเลอื กตัวแทน มดี ังน้ี
การออกเสยี งโดยตรง
นกั เรียนทกุ คนมีสว่ นร่วมในการออกเสียงเลอื กผทู้ อี่ าสามาเป็นหวั หน้าห้อง ประธานนักเรียน หรือ
คณะกรรมการนกั เรียน โดยพิจารณาจากคุณสมบัติทเ่ี หมาะสม เชน่ มคี วามซ่ือสัตย์ มนี ้ำใจ มีความเสยี สละ
มีระเบียบวนิ ัย มมี นุษยสัมพนั ธ์ดี มีความสามารถ
เมอ่ื นบั ผลการลงคะแนนแลว้ ถ้าผู้สมัครคนใดได้คะแนนเสยี งมากทีส่ ุด ผนู้ นั้ ก็จะได้รบั คัดเลือกเปน็
หวั หน้าหอ้ ง ประธานนักเรียน หรือคณะกรรมการนกั เรยี น เพอื่ เขา้ มาทำหน้าท่ีตามตำแหนง่ ท่ีได้รบั
การเลือกตัวแทนไปปฏิบัติหน้าท่ี
เป็นการเลอื กบุคคลให้เปน็ ตัวแทนไปออกเสียงหรอื ตัดสินใจเร่ืองใดเรื่องหนึง่ แทนคนส่วนใหญ่ ซง่ึ
ตวั แทนจะเปน็ ผทู้ ่ีคนส่วนใหญเ่ หน็ ว่าเหมาะสมที่จะทำหน้าท่เี ปน็ ตัวแทนในการทำกจิ กรรมรว่ มกับผ้อู ่นื
เชน่ การเลอื กตัวแทนเปน็ คณะกรรมการกีฬาสขี องโรงเรียน การเลอื กตวั แทนกลุม่ เปน็ ผู้ออกมารายงาน
หน้าช้นั
ใบงานท่ี 13 ชอ่ื .................................................
ชั้น.................... เลขท.่ี ..................
วิชาสงั คมศึกษา เรอื่ ง การเลือกตัวแทนในชมุ ชน
คำชี้แจง ให้นักเรยี นเขยี นอธิบายบทบาทหน้าท่ีของบคุ คลตามภาพ
ตำแหน่ง บทบาทหน้าท่ี
1.ผใู้ หญบ่ ้าน ……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
2.กำนนั
……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
3.นายกองคก์ ารบริหารส่วนตำบล
……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………….
ใบความรู้ที่ 13
วชิ าสังคมศึกษา เรอื่ ง การเลือกตัวแทนในชมุ ชน
ชมุ ชนประกอบดว้ ยสมาชกิ ท่ีอาศัยรวมกนั มีการทำกจิ กรรมร่วมกนั จงึ ตอ้ งการผู้นำหรือตัวแทนมา
ตดั สนิ ใจในการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ
1.ลักษณะของผู้นำในชุมชน
บทบาทหนา้ ของผู้นำชมุ ชน
ผ้ใู หญ่บ้าน เปน็ ผ้ทู ำหนา้ ทป่ี กครอง ดแู ลความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บา้ น และดูแลทุกข์สขุ ของ
ลูกบ้าน ผู้ใหญบ่ ้านมาจากการเลอื กตัง้ ของราฎรในหมบู่ า้ นนน้ั ๆ
กำนนั เป็นผทู้ ำหน้าท่ีดูแลรับผดิ ชอบงานต่าง ๆ ของตำบล และประสานงานกับทางอำเภอ กำนัน
มาจากการเลอื กตัง้ ของผใู้ หญ่บา้ นในตำบล โดยเลอื กจากผู้ทีเ่ ป็นผใู้ หญบ่ า้ น
นายกองค์การ มาจากการเลือกต้งั ของประชาชนในตำบล โดยมสี มาชกิ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลเป็นผู้
บริหารส่วนตำบล ชว่ ยงาน และมหี น้าท่ีพัฒนาตำบล เชน่ สง่ เสรมิ สาธารณูปโภคท่ดี ี
(อบต.)
นายกองคก์ าร มาจากการเลอื กตง้ั ของประชาชนในจงั หวัด มีหน้าทพี่ ฒั นาจงั หวัด เชน่ ส่งเสรมิ คุณภาพ
บริหารสว่ นจงั หวดั ชีวติ ของคนในจังหวดั ใหด้ ีขนึ้ อนุรักษืส่งิ แวดล้อมในจงั หวดั
(อบจ.)
2.วิธีการเลอื กตัวแทนอย่างถูกต้องและเหมาะสม
การออกเสียงเพ่ือเลือกตวั แทนในชุมชนควรยึดตามแนวทางของระบอบประชาธิปไตยหรอื ตามเสียงของ
คนสว่ นใหญ่ ซ่งึ มีวิธี ดังน้ี
การออกเสียงโดยตรง
สมาชกิ ในชมุ ชนสามารถออกเสยี งโดยตรงได้ โดยการลงคะแนนเลือกผ้นู ำในชุมชน เชน่ ผใู้ หญบ่ า้ น
กำนนั นายกองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อไปปฏิบัตหิ น้าท่ีตามบทบาททไ่ี ดร้ ับ
การเลอื กตัวแทนไปปฏิบตั ิหน้าที่
เปน็ การเลอื กสมาชกิ คนใดคนหน่งึ ในชมุ ชนให้เป็นตัวแทนเพื่อดำเนินกจิ กรรมเรื่องใดเร่ืองหน่ึงแทน
สมาชิกในชุมชน เชน่ การเลือกตวั แทนไปร่วมประชมุ กับหน่วยงานต่าง ๆ ของอำเภอ จงั หวดั
ใบงานท่ี 14 ช่ือ.................................................
ชั้น.................... เลขท.ี่ ..................
วชิ าสังคมศึกษา เรอ่ื ง ประเพณแี ละวฒั นธรรมในครอบครัวและทอ้ งถน่ิ
คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลือกภาพประเพณีในท้องถนิ่ ตามหมายเลขท่กี ำหนดให้มา 1 หมายเลข แลว้ เขียนอธบิ ายตาม
ประเด็นที่กำหนดให้
1.
2.
1.ภาพทเ่ี ลอื ก คือ หมายเลข...................................
2.ภาพนแ้ี สดงถงึ .....................................................
3.มคี วามสำคัญคือ
............................................................................................................................. ...............................
........................................................................................................................................................... .
.................................................................................................................. ..........................................
ใบความรู้ท่ี 14
วิชาสังคมศกึ ษา เรอื่ ง ประเพณีและวฒั นธรรมในครอบครัวและทอ้ งถ่นิ
ประเพณี คือ ส่งิ ท่ีนิยมถือปฏิบัติสืบต่อกนั มาจนเป็นแบบแผน ขนบธรรมเนียม หรอื ค่านิยมท่ีพึงกระทำ
วัฒนธรรม คือ ส่งิ ท่มี นุษย์สรา้ งขน้ึ เพื่อนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน มกี ารถ่ายทอดสคู่ นรุน่ หลัง โดยผา่ น
กระบวนการเรยี นรู้ต่าง ๆ วัฒนธรรมจงึ เป็นมรดกทางสงั คมอยา่ งหนงึ่ เชน่ ภาษา ศาสนา อาหาร การแต่งกาย
1.ประเพณแี ละวัฒนธรรมในครอบครัว
การปฏิบัติตนตามประเพณแี ละวัฒนธรรมในครอบครวั
-แสดงความเคารพและเชอื่ ฟังผู้ใหญ่ เปน็ การแสดงกริ ยิ านอบนอ้ มต่อผใู้ หญ่ เช่น เมือ่ พบผู้ใหญ่ควรยกมือไหว้
เมือ่ เดินผ่านผใู้ หญ่ ให้แสดงกิริยานอบน้อม เชน่ เดนิ คอ้ มตัวหรือก้มหวั
-การทำกจิ กรรมรว่ มกนั ในครอบครวั เปน็ วฒั นธรรมทส่ี มาชกิ ในครอบครัวต้องปฏบิ ตั ิตาม เชน่ การรบั ประทาน
อาหารร่วมกนั การทำความสะอาดบ้านร่วมกนั
2.ประเพณีและวัฒนธรรมในทอ้ งถนิ่
แตล่ ะท้องถนิ่ มีประเพณีและวัฒนธรรมทสี่ ืบทอดต่อกนั มาจากบรรพบรุ ุษท่แี สดงออกถึงวถิ ีชีวิตของคนใน
ท้องถนิ่ นัน้ ๆ ซ่ึงประเพณีและวัฒนธรรมในแตล่ ะท้องถิน่ จะมีความแตกตา่ งกัน
-ดา้ นการดำเนนิ ชีวติ เปน็ ประเพณีและวฒั นธรรมท่เี ก่ยี วข้องกับการดำเนนิ ชีวติ ของคนใน
ท้องถน่ิ ซึ่งมีประเพณีท่เี กี่ยวข้องกบั การดำเนินชีวิตต้งั แต่เกิดจนตาย เชน่ การโกนผมไฟ การแตง่ งาน การบวช
การทำพิธศี พ การทำบญุ ข้นึ บ้านใหม่
-ด้านศาสนา เป็นประเพณแี ละวฒั นธรรมทเี่ ก่ยี วข้องกบั พิธีกรรมทางศาสนาของคนในท้องถน่ิ
เชน่ การทำบุญตกั บาตร การละหมาด พิธศี ลี ล้างบาป
ตวั อย่างประเพณีในท้องถนิ่
ประเพณีบุญบ้ังไฟ เปน็ การจดุ บ้ังไฟเพื่อบชู า พญาแถน
ซงึ่ มคี วามเช่ือวา่ พญาแถนมีหน้าทค่ี อยดูแลใหฝ้ นตกตาม
ฤดกู าล และทำให้พชื พนั ธ์ุธัญญาหารอุดมสมบรู ณ์ มีการจดั ขบวน
รำเซง้ิ และจุดบั้งไฟถวายในช่วงเดือนพฤษภาคมของทกุ ปี
ประเพณลี อยกระทง เปน็ การแสดงความเคารพและขอขมาตอ่
พระแมค่ งคาหรือสายน้ำ ทำใหเ้ ราสำนกึ ถงึ คุณคา่ ของนำ้ เกิดความ
หวงแหน บำรุงรกั ษาแหลง่ นำ้
ชือ่ .................................................
ช้นั .................... เลขท่ี...................
ใบงานที่ 15
วชิ าสงั คมศกึ ษา เรอ่ื ง พฤติกรรมการดำเนนิ ชีวิตในกระแสวฒั นธรรมทีห่ ลากหลาย
คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นโยงเส้นจับคู่ข้อความที่สัมพันธก์ นั ให้ถูกต้อง
ภาษาไทย ภาคเหนอื
แกงฮงั เล ไสอ้ ั่ว ขา้ วซอย ศาสนาครสิ ต์
เขา้ โบสถ์ทกุ วนั อาทติ ย์
สวัสดี หรือ จับมอื ความเจริญก้าวหน้า
เครอ่ื งซักผา้ ไมโครเวฟ ทางเทคโนโลยี
ภาษาราชการ
การทกั ทาย
และทำความเคารพ
ใบความรู้ท่ี 15
วิชาสงั คมศกึ ษา เรอ่ื ง พฤติกรรมการดำเนินชวี ติ ในกระแสวฒั นธรรมทีห่ ลากหลาย
นกั เรียนอาจเคยสงสัยว่า ตนเองและเพ่ือน ๆ มีพฤตกิ รรมการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกนั ซ่ึงพฤติกรรมเหลา่ นนั้ มีดังนี้
1.พฤตกิ รรมการดำเนนิ ชวี ติ ในชีวติ ประจำวนั
-การทกั ทายและการทำความเคารพ เมื่อนักเรยี นทำความเคารพผู้ใหญห่ รือคณุ ครู จะยกมือไหวแ้ ละกล่าว
คำวา่ “สวัสดี” ซ่งึ เป็นทักทายและการทำความเคารพของคนไทยสว่ นใหญ่ ซงึ่ คนท่มี เี ชื้อชาติอื่น ๆ จะมีการทักทาย
และทำความเคาระแตกตา่ งกันออกไป เชน่ ผ้ทู ีน่ บั ถือศาสนาอสิ ลามจะทักทายโดยการจบั มือ
-การรับประทานอาหาร อาหารในแต่ละท้องถิ่นจะมีการนำวัตถุดบิ ทตี่ ่างกันมาใชป้ รงุ อาหาร
อาหารไทย 4 ภาค
ภาคเหนือ เชน่ แกงฮงั เล น้ำพรกิ หนุม่ ไส้อว่ั ข้าวซอย แคบหมู
ภาคกลาง เช่น นำ้ พรกิ ปลาทู ต้มยำ แกงสม้ แกงกะทติ ่าง ๆ
ภาคอสี าน เชน่ ปลาร้า ส้มตำ แจว่ ลาบ กอ้ ย อ่อม
ภาคใต้ เชน่ แกงเหลือง แกงไตปลา ข้าวยำ ค่วั กลิง้ นำ้ บูดู
-การใช้ภาษา นกั เรยี นส่วนใหญ่จะใช้ภาษาไทย ซึ่งเปน็ ภาษาราชการในการติดต่อสอ่ื สาร
-การปฏิบัติตามความเชื่อและศาสนา คนไทยมเี สรภี าพในการนับถือศาสนา ซ่งึ นักเรียนและเพื่อน ๆ อาจนับ
ถือศาสนาท่ีแตกตา่ งกันจึงทำใหผ้ ู้นับถอื ศาสนาต่างกันมวี ิถีในการดเนินชีวติ แตกตา่ งกนั ไปด้วย เชน่
พระพุทธศาสนา มีการสวดมนต์ ไหวพ้ ระ ทำบุญตักบาตร เวยี นเทยี น ฟังธรรม รกั ษาศลี
ศาสนาครสิ ต์ มีพิธมี ิสซา เข้าโบสถส์ วดมนต์ขอพรพระเจา้
2.สาเหตุของพฤตกิ รรมในการดำเนินชวี ิตทีต่ า่ งกนั
-ศาสนา เมอ่ื ผู้คนนบั ถือศาสนาแตกต่างกันจะทำให้การดำเนินชีวติ แตกตา่ งกันเชน่ ถา้ นับถอื
พระพุทธศาสนา จะไปทำบญุ ทว่ี ัด ถ้านบั ถือศาสนาคริสต์ จะไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ศาสนาอสิ ลาม มกี ารละหมาด
-เศรษฐกิจ เชน่ ถ้าครอบครัวนกั เรยี นมีรายไดส้ ูง จะสามารถซ้ือสินคา้ ได้ตามความตอ้ งการ แตถ่ า้ ครอบครัว
นักเรียนมีรายไดต้ ำ่ อาจจะต้องพจิ ารณาเลือกซ้ือสิง่ ของทีจ่ ำเปน็ และต้องประหยดั
-การศึกษา การไดร้ ับการศึกษาทำใหค้ นมีความรู้ความสามารถ แตถ่ า้ ไม่สนใจทจ่ี ะเรียนรู้อาจทำให้ไม่เกิด
การพฒั นาหรืออาจได้รับผลเสยี ตอ่ ตนเอง
-ความเจริญก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยี ปัจจุบันมคี วามเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยหี ลากหลาย เช่น
การซกั ผา้ ดว้ ยเคร่ืองซักผ้า การอนุ่ อาหารโดยใช้ไมโครเวฟ
ใบงานที่ 16 ช่ือ.................................................
ชนั้ .................... เลขท่.ี ..................
วชิ าสังคมศกึ ษา เรอื่ ง บุคคลตัวอย่างของชมุ ชนและทอ้ งถน่ิ
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนศึกษาเรื่องราวบุคคลตวั อยา่ งของชมุ ชนและท้องถ่นิ ท่ีกำหนดใหแ้ ล้วตอบคำถามต่อไปนี้
1.บคุ คลตวั อย่างของชุมชนและทอ้ งถ่นิ ท่นี กั เรียนไดศ้ กึ ษาคอื
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.ผลงานของบคุ คลทา่ นนี้คืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.นักเรียนได้ข้อคิดอะไรจากการศึกษาเร่อื ง บุคคลตัวอย่างของชุมชนและทอ้ งถิ่น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้ท่ี 16
วชิ าสังคมศึกษา เรอ่ื ง บุคคลตัวอยา่ งของชุมชนและทอ้ งถ่นิ
ในแต่ละท้องถิ่นหรือชมุ ชนจะมีบุคคลสำคัญทีท่ ำประโยชน์ให้แกท่ ้องถิ่นหรือชุมชน เชน่ ผทู้ ่ีพัฒนา
ชุมชนให้เจริญก้าวหนา้ ผูน้ ำในการอนุรักษ์สิง่ แวดลอ้ มในชุมชน ผ้นู ำในการใชภ้ มู ิปัญญาท้องถน่ิ ผู้ท่ีประพฤตติ น
เพื่อชว่ ยเหลอื สงั คม ซง่ึ ในท่ีนี้จะขอยกตัวอย่างบคุ คลทมี่ ผี ลงานท่ีเปน็ ประโยชน์แกช่ มุ ชนและท้องถ่ินใหน้ ักเรยี น
ศึกษา ดังน้ี
นายบุญเหลง็ สายแวว
พอ่ บุญเหล็ง สายแวว (ปราชญเ์ กษตร ศนู ย์เรียนรูห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง) เกดิ เม่ือวนั ท่ี 5
กรกฎาคม พ.ศ. 2493 ปจั จุบันอยบู่ ้านเลขที่ 123 หมทู่ ่ี 16 บา้ นหัวเรอื ตำบลหัวเรอื อำเภอเมือง จงั หวัด
อบุ ลราชธานี
"พ่อบุญเหล็ง" เลา่ วา่ ประสบการณ์ชวี ิตผา่ นสง่ิ ต่างๆ มากมาย ทง้ั บรรพชาสามเณร เกณฑ์ทหาร
เปน็ ผชู้ ่วยผู้ใหญ่บา้ น ผใู้ หญ่บา้ น เป็นสารวัตรกำนัน โดยเหลา่ นี้ทำควบคกู่ ับอาชีพเกษตรกรรม โดยปรับปรงุ
พืน้ ทใ่ี กลบ้ า้ นพักจำนวน 16 ไร่ ทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพราะเกิดความรักในวถิ ีชีวติ ทที่ ำ
การเกษตรแบบอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตมิ าตง้ั แต่เดก็ การปลกู พชื ผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ ทกุ อย่างทุกชนดิ
ท่ีสามารถรับประทานได้ จะทำให้เราลดคา่ ใชจ้ ่ายของครอบครวั แต่ละวนั ลงได้ เป็นการประหยดั อดออม เมอื่
ผลผลิตมีจำนวนมากกน็ ำไปขาย ไดเ้ งนิ มาจุนเจือครอบครัว หลงั จากหักคา่ ใชจ้ ่ายแลว้ เงนิ เหลอื กอ็ อมไวส้ ำหรบั
เป็นทนุ เพ่ือใชจ้ ่ายในอนาคต
-ได้รับเกียรตบิ ัตรผนู้ ำการพฒั นาเศรษฐกจิ ชุมชนพง่ึ ตนเองดเี ด่น ซงึ่ มีความขยนั หมน่ั เพียร มานะ อุตสาหะ
และสามารถประสบความสำเรจ็ ในการพัฒนาเศรษฐกิจชมุ ชนพึ่งตนเอง จากกระทรวงมหาดไทย โครงการ
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพยี ง พ.ศ. 2543
-ได้รางวลั ด้านการเกษตรกรปลอดสารพิษ จากกระทรวงมหาดไทย ตามโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ
เศรษฐกิจแบบพอเพียงเฉลมิ พระเกยี รติ ปี 2543
-ได้รางวัลดา้ นการเป็นผู้อนรุ ักษแ์ ละส่งเสริมภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ด้านพชื ดีเด่น พ.ศ. 2547 โดย กรมส่งเสรมิ
การเกษตร
ใบงานที่ 17 ช่อื .................................................
ชั้น.................... เลขที่...................
วชิ าสังคมศกึ ษา เรอ่ื ง วันหยดุ ราชการสำคญั
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนนำข้อความทก่ี ำหนดให้ ไปเติมหนา้ ข้อความท่ีสมั พันธ์กันใหถ้ ูกต้อง
วนั ปยิ มหาราช วันสงกรานต์
วนั มาฆบูชา
วันรฐั ธรรมนูญ วันวิสาขบชู า
1……………………………….ตรงกับวนั ขึ้น 15 คำ่ เดือน 3 เป็นวันทีร่ ำลกึ ถึงวันท่ีพระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาตโิ มกข์
แก่เหล่าพระสงฆ์ 1,250 รปู
2……………………………….ตรงกับวันขึน้ 15 ค่ำ เดอื น 6 เปน็ วันที่น้อมรำลึกถงึ วนั คลา้ ยวันประสตู ิ ตรัสรู้
และปรนิ ิพพานของพระพทุ ธเจา้
3……………………………….ตรงกับวนั ท่ี 13 เมษายน ของทกุ ปี ถือเปน็ วันข้ึนปีใหมข่ องไทยมาตง้ั แต่อดตี
4……………………………….ตรงกับวันท่ี 23 ตุลาคม ของทุกปี เปน็ วนั คลา้ ยวันสวรรคตของรัชกาลท่ี 5
5……………………………….ตรงกบั วนั ท่ี 10 ธันวาคม ของทุกปี เปน็ วนั นอ้ มรำลกึ ถึงวันที่รัชกาลท่ี 7 พระราชทาน
รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2475
ใบความรู้ท่ี 17
วชิ าสังคมศกึ ษา เรอ่ื ง วนั หยดุ ราชการสำคญั
วันหยุดราชการ เปน็ วนั ทม่ี ีเหตกุ ารณส์ ำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเหตกุ ารณ์เหลา่ น้นั มคี วาม
เก่ยี วขอ้ งกบั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และประเพณีของไทย
วันสำคัญของไทย ความสำคญั
วนั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก ตรงกับวนั ที่ 6 เมษายน ของทกุ ปี เป็นวันนอ้ มรำลึกถึงวันเสดจ็ ขึ้น
มหาราชและวันท่ีระลกึ มหาจกั รบี รมราชวงศ์ ครองราชยข์ อง รชั กาลท่ี 1 ซ่งึ เป็นปฐมกษตั ริยแ์ ห่งราชวงศจ์ ักรี
วนั ฉตั รมงคล ตรงกบั วันท่ี 4 พฤษภาคม ของทกุ ปี เป็นวันทรี่ ำลกึ ถึงพระราชพธิ ีบรม
ราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตรยิ ์ของพระวชิรเกลา้ เจา้ อยู่หวั รัชกาลท่ี 10
วนั เฉลมิ พระชนมพรรษา รชั กาลที่ 10 ตรงกับวนั ที่ 28 กรกฎาคม ของทุกปี
ตรงกบั วันที่ 12 สงิ หาคม ของทุกปี
วนั เฉลมิ พระชนมพรรษาของสมเดจ็ พระบรม
ตรงกบั วนั ท่ี 13 ตลุ าคม ของทุกปี
ชาติ ราชชนนีพนั ปีหลวง และวนั แมแ่ ห่งชาติ ตรงกับวนั ท่ี 23 ตลุ าคม ของทุกปี เป็นวนั คล้ายวนั สวรรคตของ
วนั คลา้ ยวันสวรรคตของ รชั กาลท่ี 9 รชั กาลท่ี 5
ตรงกบั วันท่ี 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวนั นอ้ มรำลกึ ถึงวันที่รัชกาลท่ี 7
วันปิยมหาราช พระราชทานรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2475
ตรงกับวนั ขึน้ 15 คำ่ เดือน 3 เปน็ วนั ที่รำลึกถงึ วันทพี่ ระพุทธเจา้ แสดง
วันรฐั ธรรมนญู โอวาทปาติโมกขแ์ ก่เหล่าพระสงฆ์ 1,250 รปู
ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 ค่ำ เดือน 6 เปน็ วนั ทนี่ ้อมรำลึกถงึ วันคล้ายวนั ประสตู ิ
วนั มาฆบูชา ตรัสรู้ และปรนิ ิพพานของพระพุทธเจา้
ตรงกบั วันแรม 1 คำ่ เดือน 8 เปน็ วันทพ่ี ระสงฆ์ตอ้ งเริ่มอย่จู ำพรรษา
วนั วสิ าขบูชา ทวี่ ดั เปน็ เวลา 3 เดอื น
ตรงกบั วันขน้ึ 15 คำ่ เดอื น 8 เป็นวันทน่ี ้อมรำลึกถึงวันที่พระพุทธเจา้
ศาสนา วนั เข้าพรรษา แสดงปฐมเทศนาแก่ปญั จวัคคยี ์ และเป็นวนั ท่พี ระรตั นตรยั เกดิ ข้นึ ครบ
เป็นครั้งแรกในโลก ได้แก่ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์
วันอาสาฬหบชู า ตรงกับวนั ท่ี 13 เมษายน ของทุกปี ถือเป็นวนั ขึ้นปใี หม่ของไทยมาตงั้ แต่
อดตี
วันสงกรานต์ เป็นพระราชพิธี 2 พระราชพธิ รี วมกนั คอื พระราชพธิ พี ชื มงคล
เปน็ พิธสี งฆ์ และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวญั เป็นพธิ พี ราหมณ์
ประเพณี วนั พระราชพิธพี ืชมงคลจรดพระนงั คัล สำนักพระราชวังจะเป็นผ้ปู ระกาศใหเ้ ป็นวันใดวันหน่งึ ในเดอื น
พฤษภาคม
แรกนาขวญั