พระบรมราโชวาท
พระบรมราโชวาท
หมายถงึ ถ้อยคาหรอื คาสง่ั สอน
ของพระมหากษัตริย์
พระบรมราโชวาท เปน็ บทพระราชนพิ นธ์ใน
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทพี่ ระราชทาน
แก่พระเจ้าลกู ยาเธอท้งั ๔ เมือ่ ครั้งเสดจ็ ไปทรงศึกษาตอ่
ณ ตา่ งประเทศ ซงึ่ แม้ว่าจะผ่านมาหลายสบิ ปีแล้ว
แต่คาสอนของพ่อทม่ี ีต่อลูก กลบั ยงั ใชไ้ ด้
และไมเ่ สอ่ื มคลายไปตามกาลเวลา
พระเจา้ ลูกยาเธอพระองค์เจ้ากิตยิ ากรวรลักษณ์
ดารงพระอิสริยยศเปน็ กรมพระจนั ทบรุ ีนฤนาถ
หลงั จากนน้ั ทรงดารงตาแหนง่ เสนาบดกี ระทรวงพระคลงั
มหาสมบัตแิ ละเสนาบดกี ระทรวงพาณิชย์ อีกทง้ั ยงั ทรง
ดารงตาแหนง่ อภริ ัฐมนตรี (ท่ปี รกึ ษาของ
พระมหากษตั รยิ )์ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ และตอ่ มาทรง
เปน็
ต้นราชสกลุ “กิตยิ ากร”
พระเจ้าลกู ยาเธอพระองค์เจา้ รพพี ฒั นศกั ดิ์
ดารงพระอสิ ริยยศเป็นกรมหลวงราชบรุ ีดิเรกฤทธิ์
หลังจากน้นั ทรงดารงตาแหน่งเสนาบดกี ระทรวงยุติธรรม
และเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ทรงได้รบั ยกย่องว่า
เป็น “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” จงึ เกิดวนั รพขี ึน้ นน่ั เอง
นอกจากน้ัน ยงั ทรงเปน็ ตน้ ราชสกลุ “รพีพัฒน”
พระเจ้าลกู ยาเธอพระองค์เจ้าประวติ รวฒั โนดม
ดารงพระอสิ ริยยศเป็นกรมหลวงปราจิณกติ ิบดี
และทรงดารงตาแหน่งราชเลขาธกิ าร (หมายถงึ เลขาธกิ าร
ของพระมหากษตั รยิ )์ ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า
เจา้ อยหู่ ัว และทรงเป็นตน้ ราชสกุล “ประวติ ร” อกี ด้วย
พระเจา้ ลกู ยาเธอพระองคเ์ จา้ จริ ประวตั วิ รเดช
ดารงพระอิสริยยศเป็นกรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
ทรงดารงตาแหน่งผบู้ ญั ชาการทหารบก รวมถงึ ตาแหนง่
เสนาบดกี ระทรวงกลาโหม และยงั ทรงเป็นตน้ ราชสกุล
“จริ ประวัต”ิ
พระราชประสงค์ของเรอ่ื ง "พระบรมราชโชวาท"
๑. เพอ่ื ใหพ้ ระเจ้าลูกยาเธอทง้ั ๔ ตัง้ ใจศกึ ษาเล่าเรยี น
๒. การประพฤติปฏิบัตติ นเมอื่ อย่อู าศยั ที่ต่างประเทศ
เนอ้ื หา (องกท์ ี่ ๑)
พดู ถึงจดุ ประสงคข์ องการสง่ พระเจ้าลกู ยาเธอ
ไปศกึ ษาตอ่ ตา่ งประเทศ ดังน้ี
๑. อยา่ ให้ไว้ยศไวเ้ จ้า
หา้ มไม่ใหใ้ ช้ฮสิ รอแยลไฮเนสปรินซน์ าหน้าชอื่ (His Royal
Highness Princes) เพราะไม่ว่าลูก ๆ ท้ังสีจ่ ะทาสง่ิ ใด
เมอ่ื คนรวู้ า่ เปน็ ลูกของกษตั รยิ ์ กย็ ่อมโดนจับจ้อง ส่งผลให้
การใชช้ ีวิตของลกู ๆ นัน้ ยากลาบาก
อกี ทง้ั จะซือ้ จ่ายส่งิ ของตา่ ง ๆ ก็อาจถกู ตงั้ ราคาแพงกว่า
เพราะผูค้ นคดิ วา่ เปน็ คนรา่ รวย อยา่ งไรก็ตาม
การเป็นลกู ของกษัตริย์ มขี ้อดีท่ีทาให้สามารถเข้าประชมุ
ในทสี่ งู ๆ ได้ แต่ตอ้ งไม่ลืมว่า...ลกู ผดู้ มี ีตระกูลของประเทศ
องั กฤษกส็ ามารถเข้าได้เช่นกนั
เพราะฉะนนั้ ...แม้จะเป็นประโยชน์ แต่ก็ไมไ่ ด้มากมายนัก
ดังน้ัน...จึงไมค่ วรไปอวดกับผู้อ่ืนวา่ ตัวเองเป็นลูกของกษัตรยิ ์
๒. ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามธรรมเนียมอังกฤษ
โดยสามารถวางมสิ เตอรน์ าหน้าช่อื และวางเอสไควร์
ดา้ นหลังช่ือตัวได้ นอกจากนัน้ ยังไมต่ อ้ งใชค้ าวา่ “นาย”
เพราะลูก ๆ ทั้งสไี่ ม่ได้อยใู่ นประเทศไทย
ตา่ งชาติย่อมฟงั ไมเ่ ข้าใจ
เน้ือหา (องกท์ ่ี ๒)
พดู ถงึ เงนิ ที่ใช้สอยในการเลา่ เรยี น
รวมถึงการใช้สอยต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวัน
"เงินพระคลังข้างท"ี่ คอื เงินทเ่ี ปน็ สทิ ธข์ิ าดแก่ตัวรชั กาลที่ ๕
ไม่ใชเ่ งนิ ของแผน่ ดนิ ซง่ึ ก็คอื เงนิ ตอบแทนจากการทางาน
ใหก้ บั ประเทศในฐานะพระมหากษตั รยิ ์ โดยเปน็ เงนิ ท่ีสามารถ
ใช้ในกิจการส่วนตวั ใด ๆ ก็ได้
เมื่อลูก ๆ ไปเรียนต่อยังต่างประเทศ รัชกาลที่ ๕ ทรงฝากเงนิ
ไวท้ ีธ่ นาคาร เพราะทรงเล็งเหน็ แล้วว่าจะได้ดอกเบย้ี ซงึ่ สามารถ
นามาเป็นค่าใชจ้ า่ ยส่วนพระองค์ของลกู ๆ แตล่ ะคนได้
โดยมอบหมายให้ราชทูตเป็นผูถ้ อนเงินออกมาเป็นค่าใช้จ่าย
โดยเป็นเงินสาหรับวชิ าชนั้ ตน้ ๕ ปี ปีละ ๓๒๐ ปอนด์
รวมเปน็ ๑,๖๐๐ ปอนด์ และเงนิ สาหรับวิชาชัน้ หลงั อีก ๕ ปี ปี
ละ ๔๐๐ ปอนด์ รวมเปน็ ๒,๐๐๐ ปอนด์ โดยพระองค์
ทรงคานวณว่าลกู ๆ จะใชเ้ วลาศกึ ษาเลา่ เรียนอยา่ งนอ้ ย ๑๐ ปี
การท่รี ัชกาลท่ี ๕ ทรงมอบหมายใหร้ าชทตู เปน็ ผู้ถอนเงนิ นน้ั
เนอื่ งจากไม่มพี ระเจา้ ลูกยาเธอพระองค์ใดอายคุ รบ ๒๑ ปีเตม็
จึงไมส่ ามารถถอนเงินมาใช้จา่ ยเองได้
นอกจากนน้ั รัชกาลที่ ๕
ยังได้พระราชทานพระบรมราโชวาท
ที่มคี วามสาคัญ ดังน้ี
เห็นว่าพอ่ มีลูกมากดว้ ยกัน การซ่งึ ใหม้ ีโอกาสและให้ทนุ ทรพั ยซ์ ง่ึ จะ
ไดเ้ ล่าเรยี นวิชานีเ้ ปน็ หลกั ทรัพย์มรดกอนั ประเสริฐกวา่ ทรพั ย์สนิ
เงนิ ทองอ่ืน ๆ ด้วยเปน็ ของตดิ ตัวอยู่ได้ ไม่มอี นั ตรายทีจ่ ะเสื่อมสญู
ลกู คนใดที่มสี ติปญั ญาเฉลยี วฉลาดก็ดี หรือไมม่ สี ตปิ ญั ญาเฉลยี ว
ฉลาดกด็ ี กต็ อ้ งสง่ ไปเรยี นวชิ าทกุ คน ตลอดโอกาสที่จะเป็นไปได้
เหมอื นหนึง่ ได้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ลกู เสมอ ๆ กนั ทกุ คน
หากรชั กาลท่ี ๕ ใช้เงินของแผน่ ดินในการสง่ ลกู ๆ ไปศึกษา
เล่าเรียน ก็จะเกิดคาถามมากมาย เน่ืองมาจากลกู แตล่ ะคน
เก่งไม่เท่ากนั ผคู้ นอาจมองวา่ เงนิ ที่ใช้จา่ ยไปไม่คุ้มค่า
พระองค์จึงตัดสินใจใชเ้ งนิ พระคลงั ข้างท่แี ทน เพอื่ ปอ้ งกนั ตนเอง
และลกู ท้งั ๔ พระองคจ์ ากการถูกติฉนิ นินทา
เนื้อหา (องก์ท่ี ๓)
พดู ถงึ การเกดิ มาเปน็ เจ้านายมีบรรดาศกั ด์ิ
การเกิดมามีเจ้านายมบี รรดาศกั ดิ์ ทดี่ ูเผิน ๆ เหมือนสขุ สบาย
แต่จรงิ ๆ แล้วการเป็นเจ้านายจะหาชอ่ งทางในการทางานราชการ
ไดย้ ากกวา่ ลูกขนุ นางทัว่ ไป เพราะหากไปรับราชการในตาแหน่ง
ตา่ ๆ ทเี่ รียกวา่ เปน็ “กระไดขัน้ แรก” อยา่ งตาแหน่ง
นายรองหุ้มแพรมหาดเลก็ กด็ ไู ม่เหมาะสมและเป็นไปไมไ่ ด้
ในขณะเดยี วกนั ถ้าจะแตง่ ต้งั ให้อยใู่ นตาแหนง่ สงู ๆ แตค่ วามรู้
ความสามารถยงั ไมเ่ พยี งพอ หรอื ไม่มีสตปิ ัญญา กจ็ ะถูกตฉิ นิ นนิ ทา
เพราะฉะน้ัน พระองคจ์ ึงทรงกาชบั ใหล้ ูก ๆ ทัง้ ส่ีตง้ั ใจศกึ ษาหา
ความรู้ เพราะต้ังใจให้ลกู กลบั มาสร้างคณุ สร้างประโยชน์
และพัฒนาประเทศไทยสบื ไป
เนือ้ หา (องกท์ ี่ ๔)
พดู ถงึ เร่อื งการอยา่ ถือตวั ว่าเป็นลูกเจา้ แผ่นดนิ
แมว้ า่ รัชกาลท่ี ๕ จะมอี านาจย่ิงใหญ่สาหรบั การปกครองบา้ นเมือง
แตล่ กู ๆ ก็ไมค่ วรทาตัวเกะกะระรานคนอื่น
เพราะเขาเหลา่ น้ัน ยอ่ มไมก่ ลา้ โต้ตอบ ดังนั้น หากลูก ๆ
ทาผิดเมอ่ื ใด จะต้องได้รับโทษทนั ที
โดยทพ่ี ระองค์จะไมช่ ว่ ยเหลือเปน็ อนั ขาด
เน้ือหา (องกท์ ่ี ๕)
พดู ถงึ เรื่องการใชเ้ งนิ เป็นสาคญั
โดยรัชกาลที่ ๕ แนะนาใหใ้ ชเ้ งินอยา่ งเขม็ดแขม่
ซึ่งหมายถงึ ให้ใชเ้ งินอย่างมัธยัสถอ์ ดออม
ไม่ควรใช้เงินมือเตบิ และสุรยุ่ สรุ า่ ย
รวมไปถงึ ไมค่ วรสร้างหนีอ้ ีกด้วย
หากผู้ใดไปก่อหนี้ พระองคจ์ ะไมใ่ ชค้ ืนใหเ้ ด็ดขาด
ในกรณีที่จาเป็นตอ้ งใชห้ นี้แทนลกู เพราะไม่ตอ้ งการใหเ้ จ้าหน้ี
เดอื ดรอ้ น แต่ลูกตอ้ งรับผดิ ชอบดว้ ยการจา่ ยหนีน้ นั้ กลับให้พอ่
และต้องรบั โทษดว้ ย
อยา่ ประพฤตติ ัวอย่างลกู ขนุ นางคนอ่นื ๆ ทีจ่ ะใชจ้ ่ายเงนิ เทา่ ใดก็
ได้ ให้นึกเสมอวา่ เราเปน็ คนจน ไม่ใชผ่ ูด้ ีฝร่งั ทส่ี ืบสกุลตอ่ กนั มา
ท่ไี ดเ้ งนิ จากดอกเบ้ีย และค่าเชา่ ตา่ ง ๆ
นอกจากนน้ั การนาเอาเงินเบ้ยี หวัดและเงนิ กลางปีไปใชห้ น้ี
ถอื เป็นวธิ ีคิดทไ่ี มถ่ ูกต้องนกั เพราะควรเก็บไวใ้ ช้ในอนาคตมากกว่า
แน่นอนวา่ ยิ่งโตเป็นผใู้ หญ่ กย็ งิ่ ตอ้ งใช้เงนิ มากขึ้น
จะเปน็ การดกี วา่ ถ้านาเงนิ ไปตอ่ ยอดเพ่อื ทาในส่งิ ท่ีอยากจะทา
หรอื ประกอบอาชีพอน่ื ๆ
เนื้อหา (องก์ท่ี ๖)
พดู ถึงเร่อื งของวชิ าท่ีลูก ๆ ควรศึกษาเลา่ เรยี น
รัชกาลท่ี ๕ ต้องการใหล้ กู ทกุ คนทีไ่ ปศกึ ษาต่างประเทศ
เรียนวชิ าเลข และแตกฉานทั้งการฟัง พูด อา่ น และเขียน
ถงึ ๓ ภาษาด้วยกนั ได้แก่ ภาษาองั กฤษ ภาษาฝรง่ั เศส
และภาษาเยอรมัน โดยควรทจี่ ะแตง่ หนังสือ ๒ ภาษาได้
เป็นอยา่ งนอ้ ย
นอกจาก ๒ วิชาท่ีกล่าวไปแลว้ รัชกาลที่ ๕ ไม่ไดก้ าหนด
วชิ าชานาญหรือวชิ าเฉพาะ ดว้ ยเหน็ ว่าควรจะกาหนดภายหลังจาก
ท่ศี ึกษาเล่าเรยี นวชิ าหลกั กอ่ น อยา่ งไรก็ตาม ลูก ๆ ก็ไม่ควร
ละเลยภาษาไทย ควรฝกึ ฝนภาษาไทยอยเู่ สมอ
เพราะตอ้ งใชเ้ มอ่ื กลบั มาทางานท่ีประเทศไทย
นอกจาก ๒ วิชาท่ีกล่าวไปแลว้ รัชกาลที่ ๕ ไม่ไดก้ าหนด
วชิ าชานาญหรือวชิ าเฉพาะ ดว้ ยเหน็ ว่าควรจะกาหนดภายหลังจาก
ท่ศี ึกษาเล่าเรยี นวชิ าหลกั กอ่ น อยา่ งไรก็ตาม ลูก ๆ ก็ไม่ควร
ละเลยภาษาไทย ควรฝกึ ฝนภาษาไทยอยเู่ สมอ
เพราะตอ้ งใชเ้ มอ่ื กลบั มาทางานท่ีประเทศไทย
พจิ ารณาวรรณกรรม
เนอื้ เร่อื ง
พระบรมราโชวาทน้ีสะทอ้ นวา่ ...
"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว"
ทรงเลง็ เห็นคณุ คา่ ของการศกึ ษา จงึ ส่งพระราชโอรสไปศกึ ษา
ท่ีตา่ งประเทศ เพื่อจะได้นาความรู้กลบั มาพัฒนาประเทศ
โดยพระองค์ไดพ้ ระราชทานพระบรมราโชวาทแด่พระเจา้ ลกู ยาเธอ
ทจ่ี ะเสด็จไปศึกษาตา่ งประเทศในหลักปฏบิ ัติอันสมควร
ศิลปะการประพนั ธ์
๑. ใช้คาวา่ “จง...” ในประโยคทเ่ี ปน็ คาเตอื น
ใหค้ วามรสู้ กึ เหมือนพ่อแมท่ ตี่ ามไปตกั เตือนลกู เชน่
“...จงนกึ ไว้ให้เสมอว่าเงนิ ทองทแ่ี ลเหน็ มาก ๆ ไม่ได้เปน็ ของ
หามาไดโ้ ดยงา่ ยเหมือนเวลาท่ีจา่ ยไปงา่ ยนั้นเลย...”
ศิลปะการประพนั ธ์
๒. ใชภ้ าษาสัง่ สอนโดยการใช้โวหารเปรียบเทยี บที่รนุ แรง เชน่
“...ถ้าจะถอื ว่าเกิดมาเป็นเจา้ นายแล้วนิง่ ๆ อยจู่ นตลอดชีวิตกเ็ ปน็ สบาย
ดงั นัน้ ...จะไม่ผดิ อันใดกบั สัตว์ดิรัจฉานอยา่ งเลวนัก สัตว์ดิรัจฉานมันเกิด
มากนิ ๆ นอน ๆ แล้วก็ตาย แตส่ ตั ว์บางอย่างยังมหี นังมีเขามกี ระดกู
เปน็ ประโยชน์ได้บ้าง แต่ถา้ คนประพฤตอิ ย่างสัตวด์ ริ ัจฉานแล้ว
จะไม่มีประโยชน์อนั ใดยิ่งกว่าสัตวด์ ริ จั ฉานบางพวกไปอีก...”
ศิลปะการประพันธ์
๓. ใชภ้ าพพจน์เปรยี บเทยี บเพื่อใหผ้ ู้อ่าน
เกิดจินตภาพที่ชดั เจน เชน่
“...ชีวติ สงั ขารของมนษุ ย์ไม่ย่ังยนื ยืดยาว
เหมอื นเหลก็ เหมอื นศิลา...”
ขอ้ คดิ
ผทู้ ่อี ยู่ในวัยเรียนควรประพฤตติ วั ให้เหมาะสม
ต้งั ใจเรยี น ร้จู ักวางตวั และใช้จา่ ยอย่างประหยดั
จึงจะเกดิ ผลดีแก่ตวั เอง
การนาไปใช้ในชีวิตจริง
๑. เราไม่ควรถือยศศักดิ์ เพราะจะทาให้
เขา้ สงั คมลาบากและสิ้นเปลอื งคา่ ใช้จา่ ย
การนาไปใชใ้ นชีวิตจริง
๒. ผ้เู ลา่ เรยี นควรรู้คา่ ของเงนิ และตระหนัก
ในความลาบากพ่อแมท่ ห่ี าค่าใชจ้ ่ายมาให้
การนาไปใช้ในชวี ิตจรงิ
๓. เราควรมีความรู้ในวชิ าภาษาองั กฤษและ
คณิตศาสตร์ เพราะภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาสากล
ที่ช่วยเปิดกว้างด้านอาชพี สว่ นคณิตศาสตร์
จะนาไปส่คู วามก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์สูง
สรปุ
พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั
เป็นงานเขียนรูปแบบจดหมายรอ้ ยแกว้ ทีพ่ ระราชทาน
แกพ่ ระเจ้าลกู ยาเธอทง้ั ๔ พระองคท์ ่ีเสดจ็ ไปศึกษาวชิ าการ
ณ ต่างประเทศ แสดงใหเ้ หน็ ความรกั ความห่วงใยของพ่อ
ท่มี ตี อ่ ลูก และแนวคิดในฐานะกษัตรยิ ์ ซง่ึ สามารถนอ้ มนา
ไปใชใ้ นหลกั การดาเนินชวี ิตได้
ตอนที่ ๑ จงเขยี นเครอื่ งหมาย / หนา้ ขอ้ ทถ่ี ูก และเครอื่ งหมาย X หน้าข้อท่ผี ิด
................. ๑. ในพระบรมราโชวาทพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงอธบิ ายเหตุผล ประกอบการสอนอยา่ งชดั เจน
................. ๒. พระเจ้าลูกยาเธอท้ัง ๔ พระองค์ เสดจ็ ไปทรงศกึ ษาวชิ าการ ณ ตา่ งประเทศ ต้ังแตย่ ังทรงพระเยาว์
................. ๓. กรมหม่ืนเทวะวงษ์วโรปการทรงรับเปน็ พระธุระในเรื่องต่าง ๆ ในต่างประเทศ
................. ๔. การสง่ พระราชโอรสไปทรงศกึ ษาในคร้งั นี้เปน็ เสมอื นพระราชมรดกแก่พระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั
................. ๕. หากพระราชโอรสทรงเป็นหน้ี จะไม่มกี ารใช้หนใี้ หไ้ มว่ ่าในกรณใี ด
................. ๖. พระราชโอรสทุกพระองค์ทรงสาาเร็จการศกึ ษาและกลับมาทาาคณุ ประโยชนแ์ ก่แผน่ ดิน
................. ๗. เงินพระคลงั ขา้ งทค่ี ือเบ้ยี หวดั ท่จี ่ายกลางปี
................. ๘. การส่งพระราชโอรสไปทรงศึกษาในคร้งั นี้ เปน็ การใชเ้ งนิ เบี้ยหวัด
................. ๙. พระราชโอรสต้องศึกษาภาษาต่างประเทศ ๓ ภาษาเป็นสาาคญั
................. ๑๐. ทรงห้ามพระราชโอรสไมใ่ ห้ใช“้ นาย” นาหนา้ พระนามแบบไทย
ตอนที่ ๒ จงเลอื กตวั อักษรหน้าข้อความดา้ นขวามือใส่ในช่องวา่ งหน้าข้อความ ดา้ นซา้ ยมือใหถ้ ูกตอ้ งและสัมพนั ธก์ นั
................. ๑ เขด็ หลาบ ก. เงนิ ท่ีพระมหากษัตรยิ พ์ ระราชทาน เป็นงวดๆ ใหแ้ ก่เจา้ นายหรอื ผทู้ ่ีรบั ราชการสนองพระเดชพระคณุ
................. ๒ เขม็ดแขม่ ข. คดั เอาแตท่ ่ีดีเดน่
................. ๓ เงนิ กลางปี ค. รบั ปาก
................. ๔ เงนิ พระคลงั ขา้ งท่ี ง. ความมวั หมอง ความดา่ งพรอ้ ย
................. ๕ ทิฐิ จ. ช่ือหน่วยเงนิ ตราขององั กฤษ
................. ๖ เบยี้ หวดั ฉ. กระเหม็ดกระแหม่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งระมดั ระวงั เพราะเกรงวา่ จะไมพ่ อใช้
................. ๗ ปอนด์ ช. เป็นเรอ่ื งโก้ ทนั สมยั
................. ๘ เป็นการเก๋การก๋ี ซ. ความอวดดอื้ ถือดี
................. ๙ มลทิน ฌ.เงนิ แผ่นดินสว่ นท่ีถวายพระมหากษัตรยิ เ์ พ่ือทรงใชใ้ นพระราชกิจตา่ งๆ
................. ๑๐ เลือกฟั้น ญ.กลวั จนไมก่ ลา้ ทาเช่นนนั้ อีกเพราะเคยได้ รบั ผลรา้ ยมาแลว้
ฎ. เบยี้ หวดั ท่ีจ่ายกลางปี
ตอนที่ ๓ จงเขยี นเคร่ืองหมายวงกลมล้อมรอบข้อทถ่ี ูกต้อง
๑ พระบรมราโชวาทเป็นบทพระราชนิพนธข์ องใคร
ก. พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ข. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ค. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ง. พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
๒ พระบรมราโชวาทแตง่ ขนึ้ ดว้ ยจดุ มงุ่ หมายใดเป็นสาคญั
ก. ส่งั สอน ข. วา่ กลา่ ว ค. ตกั เตอื น ง. ชีแ้ นะ
๓. พระองค์ ยกเวน้ ใคร
ก. พระองคเ์ จา้ รพีพฒั นศกั ดิ์
ข. พระองคเ์ จา้ จิรประวตั วิ รเดช
ค. พระองคเ์ จา้ อรุ ุพงษร์ ชั สมโภช
ง. พระองคเ์ จา้ กิตยิ ากรวรลกั ษณ์
๔. เลือกฟัน หมายถึงอะไร ค. เลอื ก ง. คดั แตส่ ่งิ ท่ีดี
ก. นวด ข. เฟน้
๕. “วชิ าทจี่ ะออกไปเรียนนั้น กค็ งต้องเรียนภาษาและหนังสอื ในสามภาษา คอื อังกฤษ ฝร่ังเศส เยอรมัน ให้ได้แม่นยาํ ชัดเจนคล่องแคล่ว
จนถงึ แต่งหนังสอื ได้สองภาษาเป็ นอยา่ ง น้อย เป็ นวชิ าหนังสอื อยา่ งหน่ึง กับวชิ าเลขใหเ้ รียนรู้คดิ ใช้ไดใ้ นการต่าง ๆ อกี อย่างหนึ่ง นีเ้ ป็ นต้น
เพราะฉะนั้นจะทงิ้ ภาษาของตัวให้ลมื ถ้อยคาํ ทจ่ี ะพูดให้สมควรเสยี หรือจะวธิ เี ขยี นหนังสอื ไทยทต่ี วั ได้ฝึ กหัดแล้วเสยี นั้นไม่ได”้
ขอ้ คิดจากขอ้ ความขา้ งตน้ คือเร่อื งอะไร
ก. การใชจ้ ่าย ข. การกินอยู่ ค. การศกึ ษา ง. การใชช้ ีวิต
๖. จากขอ้ ความในขอ้ ๕ ภาษาไทยสาคญั อยา่ งไร
ก. เป็นภาษาประจาชาติ
ข. เป็นภาษาของคนไทย
ค. เป็นภาษาโบราณ
ง. เป็นภาษาท่ีควรอนรุ กั ษ์
๗. “เพราะฉะนั้นจงเป็ นคนอ่อนน้อม ว่าง่ายสอนงา่ ย อยา่ ให้เป็ นทฐิ ิมานะไปในทางทผี่ ิด จงประพฤตติ วั หนั มาทางทชี่ อบทถ่ี ูกอยูเ่ สมอเป็ นนิจเถดิ
จงละเว้นเวลาทช่ี ่ัวซงึ่ รู้ไดเ้ อง แก่ตวั หรือมผี ู้ตกั เตอื นแนะนาํ ให้รู้แล้ว อย่าให้ล่วงใหเ้ ป็ นไปได้เลยเป็ นอันขาด”
ขอ้ คดิ จากขอ้ ความขา้ งตน้ คือเร่อื งอะไร
ก. ความประพฤติ ข. การศกึ ษา ค. การใชจ้ า่ ย ง. การกินอยู่
๘. “เงนิ ทองทจี่ ะใช้สอยในค่ากนิ อยู่ นุ่งห่มหรือใช้สอยเบด็ เสร็จทัง้ ปวงจงเขมด็ แขม่ใช้แต่ เพยี งพอทอ่ี นุญาตให้ใช้อย่าทาํ ใจโตมอื โตสุรุ่ยสุร่าย
โดยถอื ว่าตวั เป็ นเจ้านายม่ังมมี าก หรือถอื ว่าพอ่ เป็ นเจ้าแผ่นดนิ มเี งนิ ทองถมไป ขอบอกเสยี ให้รู้แต่ตน้ มอื ว่าถ้าผู้ใดไปเป็ น หนีม้ าจะไม่ยอมใช้
หนีใ้ ห้เลย หรือถ้าเป็ นการจาํ เป็ นตอ้ งใช้ จะไม่ใช้เปล่าโดยไม่มโี ทษ แก่ตัวเลย พงึ่ รู้เถดิ ว่าตอ้ งใช้หนีเ้ มอ่ื ใดกจ็ ะต้องรับโทษเมอ่ื นั้นพร้อมกัน”
ขอ้ คิดจากขอ้ ความขา้ งตน้ คือเร่อื งอะไร
ก. ความประพฤติ ข. การศกึ ษา ค. การใชจ้ ่าย ง. การวางตวั