แนวคดิ เชิงนามธรรม
“เมอื่ เด็กๆ พบปัญหาในชีวิตประจาวัน
มวี ิธกี ารแก้ปญั หาอย่างไรบา้ ง?”
แนวคดิ เชิงนามธรรม
(abstract thinking หรอื abstraction)
เป็นองคป์ ระกอบหนึ่งของแนวคิดเชิงคานวณ (computational thinking)
ใช้กระบวนการคัดแยกคุณลักษณะท่สี าคัญออกจากรายละเอยี ดปลกี ยอ่ ยในปญั หา
หรอื งานทีก่ าลังพจิ าณา เพอื่ ใหไ้ ด้ขอ้ มูลทีจ่ าเปน็ และเพียงพอในการแก้ปญั หา
วธิ กี ารใช้แนวคิดเชิงนามธรรม
พจิ ารณาขอ้ มลู ทงั้ หมดทไ่ี ด้
คดั เลอื กขอ้ มลู ทจี่ าเป็นต่อการแกป้ ญั หาออกจากขอ้ มลู ทไี่ มจ่ าเปน็
นาขอ้ มลู ทจ่ี าเปน็ ไปแก้ไขปัญหา
ตวั อย่าง การใช้แนวคิดเชิงนามธรรมในการแกป้ ัญหา
1. พจิ ารณาข้อมูลทัง้ หมดที่ได้
แผนที่ทางดาวเทียมประกอบดว้ ย เสน้ ทางจากตน้ ทางไปปลายทาง,
ชื่อสถานที่ใกลเ้ คยี งทส่ี าคญั , บอกถนนหรอื ซอย, สขี องตกึ หลังคา,
ตน้ ไม้ตามมุมต่างๆ, ระยะทาง และเวลาท่ใี ช้ในการเดนิ ทางดว้ ยรถยนต์
2. คดั เลอื กข้อมลู ทีจ่ าเป็นต่อการแก้ปญั หาออกจากขอ้ มลู ท่ีไม่จาเปน็
ขอ้ มูลทจ่ี าเป็นในการแก้ปญั หา คอื เส้นทางจากตน้ ทางไปปลายทาง,
ช่ือสถานทีใ่ กลเ้ คยี งทสี่ าคญั , บอกถนนหรอื ซอย, ระยะทางและเวลาท่ีใช้ในการเดนิ ทางดว้ ยรถยนต์
ขอ้ มลู ท่ไี มจ่ าเปน็ ในการแกป้ ัญหา คอื สขี องตกึ หลงั คา, ต้นไม้ตามมุมต่างๆ
3. นาข้อมูลทีจ่ าเปน็ ไปแก้ไขปัญหา
จากข้อ 2 พบว่าภาพถา่ ยทางดาวเทยี มมีขอ้ มูลท่ีมากเกนิ ความจาเปน็
ดงั นน้ั จึงตัดขอ้ มลู ทไี่ ม่จาเป็นออก ไดเ้ ปน็ แผนที่เส้นทาง ซ่ึงแสดงเฉพาะขอ้ มลู ที่จาเป็น
ทาให้อา่ ยงา่ ย สบายตา และจดจาไดง้ า่ ย
การออกแบบการแกป้ ัญหาโดยนาแนวคิดเชิงนามธรรมมาประยุกตใ์ ช้
จะทาให้การแก้ปญั หามปี ระสิทธภิ าพมากขนึ้
มาช่วยกนั เขียนปัญหาท่เี จอในชีวิตประจาวัน แสดงวธิ กี ารแกป้ ัญหา
ตาม 3 ข้ันตอนการแกป้ ัญหาแบบแนวคิดเชิงนามธรรมกันเถอะ
มกี ารใช้แนวคิดเชิงนามธธรรม
ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และทางวิทยาการศาสตร์
เช่น การใช้แนวคิดเชิงนามธธรรม ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
หากต้องการหาแนวคิดเชิงนามธรรมของสีเ่ หล่ียมมุมฉาก สามารถกระทาได้
โดยพจิ ารณาเฉพาะสาระสาคญั และจดุ รว่ มของสี่เหลยี่ มของมมุ ฉาก
ส่ีเหลีย่ มจตั รุ สั ประกอบด้วยด้าน 4 ด้าน ทกุ มมุ เปน็ มุมฉาก
สี่เหลยี่ มผืนผ้า ประกอบดว้ ยดา้ น 4 ด้าน ทกุ มมุ เปน็ มมุ ฉาก
จากข้อมูลขา้ งตน้ เม่อื ไมพ่ จิ ารณาส่ิงท่ีไม่จาเป็น
เช่น ความยาวของแต่ละด้าน แนวคิดเชิงนามธรรมของสีเ่ หลย่ี มมุมฉาก
คอื สี่เหล่ยี มใดๆ ที่ประกอบดว้ ยดา้ น 4 ดา้ น และทุกมมุ ของส่เี หลย่ี มเปน็ มุมฉาก
การใช้แนวคิดเชิงนามธธรรม ในการแกป้ ัญหาทางวิทยาศาสตร์
เมอื่ แสงอาทติ ยส์ อ่ งมายังพ้นื โลก จะทาใหน้ ้าจากแหลง่ ตา่ งๆ ระเหยกลายเป็นไอลอยตวั สงู ขน้ึ สบู่ รรยากาศและควบแนน่
กลายเป็นหยดนา้ ขนาดเลก็ ลอยอย่ใู นอากาศในรปู ของเมฆ ถา้ หยดน้ามขี นาดใหญ่จนอากาศรบั นา้ หนักไมไ่ ด้
กจ็ ะตกลงมาเป็นฝนและถกู กักเกบ็ ไวต้ ามแหลง่ น้าต่างๆ เมอ่ื ต้องการหาแนวคดิ เชิงนามธรรมของวัฏจกั รนา้ จากข้อมลู ขา้ งต้น
โดยพจิ ารณาเฉพาะสาระสาคญั จะไดอ้ งคป์ ระกอบสาคญั ดงั น้ี
ในชีวติ ประจาวันเรามกั เจอปัญหาตา่ งๆท่ีต้องแกไ้ ข
ซ่ึงการแก้ไขปัญหาใดๆ อาจมวี ิธกี ารแก้ไขปญั หาได้หลายวธิ ี
โดยจะตอ้ งวเิ คราะหป์ ัญหาน้ันอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน
เพ่อื ใช้ในการพิจารณา เลือกวธิ กี ารแกป้ ัญหาได้อยา่ งดีที่สุด
และเกดิ ประสิทธภิ าพสงู สุด