The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

6.ใบความรู้-เรื่อง-รามเกียรติ์-1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Fais Adam, 2024-03-01 04:56:20

6.ใบความรู้-เรื่อง-รามเกียรติ์-1

6.ใบความรู้-เรื่อง-รามเกียรติ์-1

ทศกัณฐ์ ประวัติทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์ เป็ นกษัตริย์แห่งกรุงลงกา นับว่าเป็ นตัวเอกของเรื่องรามเกียรติ์ มีกายสีเขียว มี ๑๐ พักตร์ ๒๐ กรทรงมงกุฏชัย ลักษณะปากแสยะ ตาโพลงทศกัณฐ์เดิมเป็ นยักษ์นนทกกลับชาติมาเกิด เพื่อรบกับพระ นารายณ์ ซึ่งอวตารมาเกิดเป็ นมนุษย์ ไม่มีใครฆ่าให้ตายได้ เพราะทศกัณฐ์ถอดดวงใจ ใส่กล่องฝากไว้กับพระ ฤๅษีโบุตรผูเ้ป็นอาจารย์ทศกณัฐ์มีนิสัยเจา้ชู้มีชายาและนางสนมมากมายแต่ถึงกระน้นัเมื่อรู้ว่านางสีดาเป็น หญิงที่มีความงดงามมาก แม้นางจะมีพระสวามีอยู่แล้ว ก็ยังลักพาตัวไป จึงเป็ นสาเหตุให้ต้องท าศึกกับ พระรามจนญาติมิตรล้มตายไปเป็ นจ านวนมาก และในที่สุดตนเองก็ถูกพระรามฆ่าตาย


นางมณโฑ ประวัตินางมณโฑ เมื่อเอ่ยถึง “นางมณโฑ” ในเรื่อง “รามเกียรติ์” เชื่อวา่หลายคนคงจะรู้สึกคุน้หูกบัชื่อน้ีไม่นอ้ยไปกว่า นามของนางสีดา นางเบญกาย หรือนางสุพรรณมัจฉา แต่ประวัตินางมณโฑเป็ นมาอย่างไร คนส่วนใหญ่ อาจจะยังไม่รู้ท้งั ๆ ที่เรื่องราวของนางก็น่าสนใจไม่น้อย ข้อส าคัญ แม้เธอจะมิใช่สาวแรงสูงผู้ไขว่คว้าหา ความรักแต่เชื่อไหมว่าในเรื่องเธอต้องมี “สามี” ถึงสี่คน จากพระราชนิพนธ์ขา้งตน้จะเห็นไดว้่าหนา้ตาของนางมณโฑเลิศล้า สวยงามเพียงใด และจากที่นาง มีก าเนิดมาจากกบ พระฤๅษีจึงต้งัชื่อให้วา่“นางมณโฑ” ที่แปลว่า “กบ”อนัเป็นสถานภาพเดิมของนางและ เนื่องจากพระฤๅษีเห็นว่านางเป็ นหญิงสาวไม่เหมาะจะอยู่ด้วย เกรงเป็ นที่ติฉินนินทาได้ จึงพร้อมใจกันพา นางไปถวายพระอิศวร (พระศิวะ) พระอิศวรก็รับนางไว้ และให้ไปอยู่กับพระแม่อุมา พระชายาของพระองค์ นบัต้งัแต่ไปอยกู่บัพระอุมา นางมณโฑก็ต้งัใจปรนนิบตัิรับใชพ้ระแม่เป็นอย่างดีจนเป็นที่เมตตาและพระแม่ อุมาก็ได้บอกพระเวทย์ต่าง ๆ ให้


พระราม ประวัติพระราม พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือก าเนิดเป็ นพระราชโอรสของท้าวทศรถ กับ นางเกาสุริยา เพื่อจะปราบทศกัณฐ์พระรามมีพระอนุชาต่างพระมารดา ๓ พระองค์ คือ พระพรต พระ ลักษมณ์ และพระสัตรุต ซึ่งต่างก็มีความรักใคร่กันอย่างมาก พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระรามมี กายสีเขียวสามารถปรากฏร่างเป็ นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจ าพระองค์ คือ ศรซึ่งเป็ นอาวุธวิเศษ ที่ได้ ประทานมาจากพระอิศวร บทบาทที่สา คญั ในเรื่องรามเกียรต์ิไดแ้ก่ - เมื่อเยาว์วัยพระรามได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์ กับส านักฤาษีสวามิตรหรือวิศวามิตร มีความ เก่งกลา้ถึงกบัฆ่ากากนาสูรและสวาหุซ่ึงมารบกวนเหล่าฤาษีชีไพร - ท้าวชนกจักรวรรดิ์ (ฤาษีชนก) ได้ให้หมู่กษัตริย์มาประลองยกศรรัตนธนู เพื่ออภิเษกกับนางสีดา พระรามก็สามารถยกรัตนธนูได้ส าเร็จ และได้อภิเษกกับนางสีดาระหว่างเดินทางกลับกรุงอโยธยา สามารถ ปราบรามสูร(ยักษ์ผู้ถือขวาน)และได้รับศรจากรามสูร -ได้ฆ่าพระยาขร และพระยาทูษณ์ พี่ชายของนางส ามนักขา -ระหว่างออกเดินป่ า ได้ปราบพิราบยักษ์ -ได้ช่วยสุครีพปราบพาลี -ไปรบกับทศกัณฐ์ และได้ฆ่าทศกัณฐ์ได้ส าเร็จ - สถาปนาพิเภกให้ครองกรุงลงกา


นางสีดา ประวัติสีดา นางสีดา คือ พระลักษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตารลงมาเกิด เพื่อเป็ นคู่ครองของพระราม ตาม บัญชาของพระอิศวร นางสีดา เป็ นพระธิดาของทศกัณฐ์ กับนางมณโฑ แต่เมื่อประสูติแล้ว พิเภกได้ท านาย วา่นางเป็นกาลกิณีแก่พระบิดาและบา้นเมือง ทศกณัฐ์จึงสั่งให้นา นางใส่ผอบลอยน้า ไป พระฤๅษีชนกพบเข้า จึงเก็บไปเล้ียงเป็นลูกโดยฝังดินฝากแม่พระธรณีไว้ เวลาผ่านไปถึง ๑๖ ปี พระฤๅษีชนกเบื่อหน่ายการบ าเพ็ญ พรต คิดกลับไปครองกรุงมิถิลาเช่นเดิม จึงลาเพศพรหมจรรย์ไปขุดนางข้ึนมาแลว้ต้งัชื่อให้ว่า สีดา (แปลว่า รอยไถ) จากน้ันพานางพานางเขา้เมืองมิถิลา จดัพิธียกศรคู่บา้น คู่เมืองเพื่อเสี่ยงทายหาคู่ครองให้นางสีดา พระรามยกศรได้ จึงได้อภิเษกสมรสกับนางสีดา


พระลักษณ์ ประวัติพระลักษณ์ พระลักษมณ์ คือ พญาอนันตนาคราชที่ประทับของพระนารายณ์มาเกิด มีกายสีทอง เป็ นพระโอรส ของท้าวทศรถกับนางสมุทรเทวี มีพระอนุชาร่วมพระมารดาคือ พระสัตรุต พระลักษมณ์มีความจงรักภักดีต่อ พระรามมาก เมื่อพระรามต้องออกเดินป่ าถึง ๑๔ ปี พระลักษมณ์ก็ได้ติดตามไปด้วยและยังช่วยออกรบกับ กองทัพของกรุงลงกาอย่างกล้าหาญ


องคต ประวัติองคต องคต เป็ นลิงมีกายสีเขียว เป็ นบุตรของพาลี กับนางมณโฑเมื่อพาลีแย่งนางมณโฑมาจากทศกัณฐ์ แลว้นางตอ้งเป็นภรรยาของพาลีจนกระทงั่ต้งัครรภ์ทศกณัฐ์ไปฟ้องฤๅษีอังคัตอาจารย์ของพาลี จนพาลียอม คืนนางมณโฑให้แต่ขอลูกไว้ ฤๅษีอังคัตจึงท าพิธีเอาลูกออกจากท้องนางมณโฑไปใส่ในท้องแพะ เมื่อครบ ก าหนดคลอด พระฤๅษีก็ท าพิธีให้ออกจากท้องแพะ ให้ชื่อว่า องคต ส่วนทศกัณฐ์ยังผูกใจเจ็บจึงแปลงกาย เป็นปูยกัษ์คอยอยู่กน้แม่น้า เพื่อจะฆ่าองคตขณะทา พิธีลงสรงแต่ถูกพาลีจบั ได้แลว้เอามาผูกไวใ้ห้ลูกลาก เล่นอยู่เจ็ดวันจึงปล่อยไป เมื่อสุครีพขอให้พระรามมาช่วยปราบพาลีก่อนที่พาลีจะสิ้นใจตาย ไดส้า นึกตนว่า ทา ผิดต่อสุครีพ ท้งัไม่รักษาคา สัตยส์าบาน จึงไดทู้ลฝากฝังสุครีพและองคตไวก้บัพระราม องคตไดช้่วยทา ศึก กับกองทัพของทศกัณฐ์อย่างเต็มความสามารถ พระรามเคยส่งองคตเป็ นทูตไปเจรจากับทศกัณฐ์ เพื่อทวง นางสีดาคืนแม้จะไม่ส าเร็จ แต่ก็ได้แสดงความเฉลียวฉลาด และความกล้าหาญ ให้ประจักษ์แก่ตาของ ทศกัณฐ์


หน ุ มาน ประวตัิหนุมาน หนุมาน เป็นลิงเผือก(กายสีขาว) มีลกัษณะพิเศษ คือมีเข้ียวแกว้อยกู่ลางเพดานปาก มีกุณฑลขน เพชรสามารถแผลงฤทธิ์ ให้มีสี่หน้าแปดมือ แลหาวเป็ นดาวเป็ นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็ นอาวุธ ประจ าตัว(จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวส าคัญ ๆ) มีความเก่งกลา้มากสามารถแปลงกาย หายตวัได้ท้งัยงัอยยู่งคง กระพนัแมถู้กอาวุธของศตัรูจนตายเมื่อมีลมพดัมาก็จะฟ้ืนข้ึนไดอ้ีกเมื่อนางสวาหะถูกมารดาสาปใหไ้ปยนื ตีนเดียวเหนี่ยวกินลม พระอิศวรจึงบัญชา ให้พระพายน าเทพอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากของนางนางจึง ต้งัครรภแ์ละคลอดบุตรเป็ นลิงเผือกเหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่าหนุมาน หนุมานจึงถือว่าพระพายเป็ นพ่อ ของตน หนุมานไดถ้วายตวัเป็นทหารเอกของพระราม ช่วยทา การรบจนสิ้นสงคราม


ส ุ คร ี พ ประวตัิสุคร ี พ สุครีพ เป็ นลิงมีกายสีแดง เป็ นลูกของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา สุครีพมีศักดิ์เป็นน้าของหนุมาน เมื่อพระฤๅษีโคดมรู้ความจริงจากนางสวาหะว่าสุครีพไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็ นลูกชู้ จึงสาปให้กลายเป็ นลิง พร้อมกับพาลีผู้เป็ นพี่ชาย ซึ่งเป็ นลูกของพระอินทร์แล้วไล่ให้เข้าป่ าไป ต่อมาสุครีพได้เป็ นทหารเอกของ พระราม ได้รับความไว้วางพระทัยจากพระราม ให้เป็ นผู้คุมกองทัพ ออกสู้รบกับกองทัพของกรุงลงกาอยู่ เสมอ


กม ุ ภกรรณ ประวตัิกุมภกรรณ กุมภกรรณ เป็ นยักษ์มีกายสีเขียว มีหอกโมกขศักดิ์ เป็ นอาวุธได้ชื่อว่า กุมภกรรณ (หูหม้อ) เพราะมี ร่างกายใหญ่โตจนเอาหม้อใส่ไว้ในหูได้กุมภกรรณ เป็ นน้องร่วมมารดาของทศกัณฐ์โดยเป็ นพี่ของพิเภก คร้ังหน่ึงกุมภกรรณออกรบกบัพระลกัษมณ์ไดพุ้่งหอกโมกขศกัด์ิไปถูกพระลกัษมณ์จนสลบ แต่พิเภกและ หนุมานช่วยแก้ไขให้ฟ้ืนได้ต่อมากุมภกรรณได้ทา พิธีทดน้ า โดยเนรมิตรกายให้ใหญ่โตขวางทางน้ าไว้ เพื่อใหก้องทพัของพระรามอดน้า ตายแต่ถูกหนุมานทา ลายพิธีคร้ังสุดท้าย กุมภกรรณออกรบกับพระราม ถูก ศรของพระรามจนเสียชีวิต


พิเภก ประวัติพิเภก พิเภก คือ เทพบุตรเวสสุญาณ จุติลงมาเกิดเพื่อช่วยพระรามปราบทศกัณฐ์ มีกายสีเขียว เป็ นน้องของ ทศกัณฐ์มีความรู้ทางโหราศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม สามารถท านายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นย า เมื่อ ทศกัณฐ์ลักพานางสีดามาพิเภกได้ทูลตักเตือน และแนะน าให้ส่งนางสีดาคืนไปท าให้ทศกัณฐ์โกรธมาก จน ขับไล่พิเภกออกไปจากเมืองพิเภกจึงไปสวามิภักดิ์กับพระราม ให้ค าแนะน าที่เป็ นประโยชน์ จนกระทงั่ พระรามชนะสงคราม หลังจากเสร็จศึกแล้ว พระรามได้สถาปนาให้พิเภกเป็ นกษัตริย์ครองกรุงลงกา มีพระ นามว่า ท้าวทศคีรีวงศ์


อินทรชิต ไมยราพ


อส ุ รผด ั พาลี


พระนารายณ์ ส ุ วรรณม ั จฉา


นนทก/ นกท ุ ก ชมพ ู พาน


เบญกาย นางวานรินทร์


พระอินทร์


ช้างเอราวัณ


นางสาวร ุ สมาน ี บอซ ู กล ่ ุ มสาระการเร ี ยนร ้ ู ภาษาไทย โรงเร ี ยนเวย ี งส ุ วรรณวท ิ ยาคม ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๕


รามเกียรติ์ รามเกียรติ์ เป็นวรรณคดีสำคัญเรื่องหนึ่งของไทย โดยมีต้นเค้าจากวรรณคดีอินเดีย คือมหากาพย์ รามายณะที่ฤๅษีวาลมีกิชาวอินเดีย แต่งขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต เมื่อประมาณ ๒,๔๐๐ ปีเศษ เชื่อว่าน่าจะเป็นที่ รู้จักในหมู่ชาวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ จากอิทธิพลของลัทธิพราหมณ์ฮินดู โดยแฝงไว้ซึ่งคติยกย่อง พระมหากษัตริย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอวตารของพระนารายณ์ สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ของไทยนั้น มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับให้ชุมนุมละครโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเล่น ปัจจุบันมีอยู่ไม่ครบ ต่อมาใน สมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ ๑ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมีมาแต่เดิมให้ครบถ้วน สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เพื่อให้ละคร หลวงเล่น โดยได้ทรงเลือกมาเป็นตอน ๆ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ โดยใช้ฉบับของอินเดีย (รามายณะ) มาพระราชนิพนธ์ ใช้ชื่อว่า "บ่อเกิดรามเกียรติ์" ประวัติ ต้นเค้าของเรื่องรามเกียรติ์มาจากเรื่องรามายณะของอินเดีย ซึ่งเป็นนิทานที่แพร่หลายอยู่ทั่วไปใน ภูมิภาคเอเชียใต้ ต่อมาอารยธรรมอินเดียได้แพร่หลายเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พ่อค้าชาว อินเดียได้นำอารยธรรมและศาสนาเข้ามาเผยแพร่ด้วย ทำให้เรื่องรามายณะแพร่หลายไปทั่วภูมิภาค กลายเป็น นิทานที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของประเทศนั้นจนกลายเป็น วรรณคดีประจำชาติไป ดังปรากฏในหลายๆชาติ เช่น ลาว พม่า เขมร มาเลเซีย อินโดนีเซีย ล้วนมีวรรณคดี เรื่องรามายณะเป็นวรรณคดีประจำชาติ โครงเรื่อง เหตุเกิดเมื่อนนทกไปเกิดใหม่เป็นทศกัณฐ์มีสิบหน้ายี่สิบมือตามคำพระนารายณ์ก่อนนั้นเมื่อพระ นารายณ์สังหารนนทกแล้ว ได้ไปขอพระอิศวรจะให้เหล่าเทวดา และตนไปตามสังหารนนทกในชาติหน้า หลังจากนั้น ทหารเอกทั้งห้า จึงเกิดตามกันไป ได้แก่ หนุมานเกิดจากเหล่าศาสตราวุธของพระอิศวรไปอยู่ใน ครรภ์นางสวาหะ สุครีพ เกิดจากพระอาทิตย์แล้วโดนคำสาปฤๅษีที่เป็นพ่อของนางสวาหะ องคต เป็นลูกของ พาลีที่เป็นหลานของสุครีพ ชมพูพาน เกิดจากการชุบเลี้ยงของพระอินทร์ นิลพัท เป็นลูกของพระกาฬ ฝ่าย พระรามและฝ่ายทศกัณฑ์ได้เกิดศึกชิงนางสีดา จนไพร่พลฝ่ายยักษ์ล้มตายเป็นจำนวนมาก และสุดท้าย ทศ กัณฑ์เองก็ถูกพระรามฆ่าตายเช่นเดียวกัน ตัวละครหลัก ตัวละครหลักที่ปรากฏในเรื่อง มีดังนี้ ฝ่ายพระราม (มเหศรพงศ์ และ วานรพงศ์) ฝ่ายทศกัณฐ์ และพันธมิตร (อสุรพงศ์) ๑. พระราม ๑. ทศกัณฐ์ ๒. พระลักษมณ์ ๒. กุมภกรรณ ๓. พระพรต ๓. ไมยราพ ๔. พระสัตรุด ๔. อินทรชิต


๕. สีดา ๕. รามสูร ๖. หนุมาน ๖. ท้าวลัสเตียน ๗. พาลี ๗. ทรพา ๘. สุครีพ ๘. ทรพี ๙. ชมพูพาน ๙. นางมณโฑ ๑๐. องคต ๑๐. นางสำมนักขา ๑๑. มัจฉานุ ๑๑. นางเบญกาย ๑๒. พิเภก ๑๒. นางสุพรรณมัจฉา ๑๓. ท้าวมหาชมพู เนื้อเรื่องย่อ เล่ม ๑ เริ่มด้วยกล่าวสดุดีแนวพระราชดำริในการทรงพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ แล้วจึงเข้าสู่เนื้อเรื่องตั้งแต่ หิรันตยักษ์ม้วนแผ่นดิน พระนารายณ์อวตารลงมาปราบ ต่อมาเป็นเรื่องกำเนิดวงศ์พระราม กำเนิดทศกัณฐ์ กำเนิดเหล่าวานร กำเนิดนางมณโฑ กำเนิดอินทรชิต นนทกาลถูกพระอิศวรสาปให้เป็นควายชื่อ ทรพา นางไกยเกษีใช้แขนสอดเพลารถของท้าวทศรถคราวรบกับปทูตทันต์จนได้รับพร แล้วกล่าวถึงการประสูติ พระราม พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุด ซึ่งเป็นอวตารของพระนารายณ์ ตลอดจนเทพอาวุธและ บัลลังก์นาค ฝ่ายนางมณโฑก็ให้กำเนิดสีดาซึ่งเป็นอวตารของพระลักษมี ครั้นพิเภกทำนายว่าสีดาจะเป็น กาลกิณีแก่กรุงลงกา ทศกัณฐ์จึงให้ใส่ผอบลอยน้ำไป ครั้นพระชนกฤๅษีเก็บผอบได้จึงเลี้ยงนางเป็นพระธิดา ภายหลังพระรามยกศรได้จึงได้อภิเษกกับนาง จากนั้นท้าวทศรถเตรียมจะราชาภิเษกให้พระรามครอง กรุงศรีอยุธยา แต่นางไกยเกษีกลับขอให้พระพรตโอรสของนางขึ้นครองราชย์แทน และให้พระรามเดินป่า ๑๔ ปี พระราม พระลักษมณ์ และนางสีดาจึงออกเดินป่าไปด้วยกัน ครั้นนางสำมนักขามาพบพระรามก็หลงรัก เข้า ทุบตีนางสีดา จึงถูกพระลักษมณ์ตัดหูตัดจมูกเพื่อลงโทษ นางสำมนักขากลับไปฟ้องทศกัณฐ์ผู้เป็นพี่ชาย แล้วแกล้งกล่าวชมความงามของนางสีดาจนทศกัณฐ์หลงใหล ออกอุบายให้มารีศแปลงเป็นกวางทอง ล่อพระราม พระลักษมณ์ออกจากอาศรม แล้วลักพาสีดาไปไว้ที่กรุงลงกา เล่มที่ ๒ เมื่อพระราม พระลักษมณ์กลับมาไม่พบนางสีดาก็รู้ว่าเสียทีจึงออกติดตาม ระหว่างทางพบนกสดายุ แจ้งข่าวสีดาถูกทศกัณฐ์ลักพาไปกรุงลงกา ต่อมาพระราม พระลักษมณ์ได้หนุมานและสุครีพมาเป็นทหารเอก จากนั้นต้องฆ่าพาลีตามคำสาบานที่พาลีให้ไว้กับพระอิศวร แล้วได้กองทัพวานรมาช่วยพระรามสืบหาสีดา โดยส่งหนุมาน องคต ชมพูพานไปยังกรุงลงกาก่อน เมื่อทหารเอกทั้งสามกลับมาแล้ว พระรามจึงยกทัพเคลื่อน พลไป ฝ่ายทศกัณฐ์ฝันร้าย พิเภกแนะนำให้ส่งนางสีดาคืน ทศกัณฐ์กริ้วโกรธขับไล่พิเภกออกจากเมือง พิเภกจึง มาขอสวามิภักดิ์พระราม จากนั้นพระรามให้จองถนนข้ามไปยังกรุงลงกา แล้วเกิดรบพุ่งกันหลายครั้ง ฝ่ายพระรามมีพิเภกคอยทูลแก้ไขกลศึกของพวกยักษ์ ทศกัณฐ์จึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และต้องสูญเสียชีวิตไมยราพ ผู้เป็นหลานกับกุมภกรรณน้องชาย ทำให้ทศกัณฐ์เศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก อิททรชิตผู้เป็นโอรสรักจึงอาสา ออกรบ แต่ในที่สุดก็ต้องถูกพระลักษมณ์แผลงศรสิ้นชีวิต


เล่ม ๓ ทศกัณฐ์ขอร้องให้บรรดาญาติมิตรยกทัพออกรบกับทัพของพระรามหลายครั้ง แต่ก็กลับเป็นฝ่าย พ่ายแพ้และต้องสูญเสียชีวิตทหารยักษ์เป็นอันมาก แม้ในที่สุดทศกัณฐ์เชิญท้าวมาลีวราชซึ่งมีวาจาสิทธิ์ มาตัดสินข้อพิพาทด้วยหวังว่าท้าวมาลีวราชจะเข้าข้างตนเอง ครั้นท้าวมาลีวราชพิพากษาให้ส่งนางสีดาคืน แต่ทศกัณฐ์ไม่ยินยอม ออกรบกับพระรามอีก พระรามแผลงศรแต่ไม่สามารถสังหารทศกัณฐ์ให้ตายได้ จนหนุมานต้องลวงไปเอากล่องดวงใจทศกัณฐ์ซึ่งฝากไว้ที่ฤๅษีโคบุตรมาทำลาย พระรามจึงแผลงศรสังหาร ทศกัณฐ์สำเร็จ และได้นางสีดาคืน จากนั้นสีดาขอลุยไฟเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง ต่อมา พระรามก็ได้ทำพิธีราชาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติที่กรุงศรีอยุธยา และปูนบำเหน็จให้เหล่าทหารหาญ โดยให้ สุครีพครองเมืองขีดขิน หนุมานครองเมืองนพบุรี และพิเภกครองกรุงลงกาสืบต่อไป ครั้นอยู่ต่อมานางมณโฑ ให้กำเนิดไพนาสุริยวงศ์ซึ่งเป็นลูกของทศกัณฐ์ที่ติดท้องของนางมา แต่พิเภกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกของตน ภายหลังวรณีสูรพี่เลี้ยงแอบบอกไพนาสุริยวงศ์ให้รู้ว่าใครคือพ่อที่แท้จริง ไพนาสุริยวงศ์จึงลอบไปขอให้สหาย ของพ่อชื่อท้าวจักรวรรดิมาช่วยแก้แค้น ท้าวจักรวรรดิยกทัพบุกลงกาและจะประหารชีวิตพิเภก แต่ไพนา สุริยวงศ์ขอชีวิตไว้เพราะถือว่าพิเภกเคยเลี้ยงดูตนมา ท้าวจักรวรรดิจึงให้ขังพิเภกไว้ เล่ม ๔ ท้าวจักรวรรดิอุปภิเษกไพนาสุริยวงศ์ขึ้นครองกรุงลงกา ฝ่ายอสุรผัดหลานพิเภกออกติดตามหาหนุมาน ผู้เป็นพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อพระรามทรงทราบเรื่องจึงให้พระพรต พระสัตรุดยกทัพไปช่วยพิเภก จนสำเร็จ จากนั้นกล่าวถึงพระรามออกประพาสป่ากับพระลักษมณ์ นางอดูลปีศาจญาติทศกัณฐ์ปลอมมาเป็น นางกำนัลของนางสีดา ขอให้สีดาเขียนรูปทศกัณฐ์ แล้วนางก็เข้าสิงในรูปทำให้ลบไม่ออก เมื่อพระรามกลับมา พบรูปซึ่งสีดาแอบซ่อนไว้ก็โกรธ ให้พระลักษมณ์นำสีดาไปประหาร แต่พระลักษมณ์ฆ่านางไม่ตายจึงปล่อยไป สีดาไปอาศัยอยู่กับฤๅษีจนประสูติพระมงกุฎ ต่อมาฤๅษีชุบพระลบให้นางอีกองค์หนึ่ง เมื่อเจริญวัยขึ้น คราวหนึ่ง พระมงกุฎพระลบประลองศรถูกต้นรังใหญ่เสียงดังสนั่น พระรามได้ยินเสียงนั้น จึงคิดกระทำพิธีปล่อยม้า อุปการให้พระพรต พระสัตรุด และหนุมานตามม้าไป พระมงกุฎพระลบจับม้าอุปการได้จึงนำไปขี่เล่น หนุมาน จะจับสองกุมารแต่จับไม่ได้ พระพรต พระสัตรุดต้องมาช่วยจึงสามารถจับพระมงกุฎได้ แล้วนำกลับไป กรุงศรีอยุธยา ต่อมาพระลบมาช่วยพระมงกุฎหนี พระรามต้องยกทัพตามมาสู้รบกัน จึงทราบว่าพระมงกุฎ พระลบเป็นโอรส แล้วงอนง้อขอคืนดีกับนางสีดา แต่นางไม่ยอม พระรามทำอุบายลวงทำให้นางยิ่งโกรธหนีไป อยู่เมืองบาดาล พิเภกทูลขอให้พระรามออกเดินป่าเพื่อสะเดาะเคราะห์อีก ๑ ปี ระหว่างเดินป่าก็ได้รบชนะยักษ์ อีกหลายครั้งกว่าจะกลับคืนเมือง สุดท้ายพระอิศวรต้องเกลี้ยกล่อมให้พระรามกับนางสีดาคืนดีกันแล้วจึงจัดพิธี อภิเษกให้อีกครั้งหนึ่ง กล่าวถึงท้าวคนธรรพ์นุราชยกทัพไปตีเมืองไกยเกษของพระอัยกาพระพรต พระรามจึงสั่ง ให้พระพรต พระสัตรุด พระมงกุฎ และพระลบยกทัพไปปราบและสามารถตีเมืองไกยเกษคืนได้ ตอนท้ายจะ เป็นการสรรเสริญพระราม กล่าวถึงพระราชประสงค์ในการทรงพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ และเวลาที่ทรงพระ ราชนิพนธ์ คุณค่าที่ได้รับจากเรื่องรามเกียรติ์ ๑. ด้านวรรณศิลป์ ๑.๑ การสรรคำ การใช้คำที่หลากหลายในการสื่อความหมายถึงตัวละครแต่ละตัว ซึ่งการสรรคำ จะทำให้ผู้อ่านไม่เกิดความเบื่อหน่ายเพราะหากไม่มีการสรรคำก็จะต้องใช้สรรพนามแทนตัวละครหนึ่ง ๆ ซ้ำ ๆ กันอยู่ตลอดเวลาก็จะทำให้เรื่องราวอาจกร่อยลงได้


คำที่มีความหมายว่า พระราม, พระนารายณ์ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี น้อมเศียรกราบบาทพระจักรี ชุลีกรสนองพระบัญชา เมื่อกี้ได้ยินสำเนียง สุรเสียงสมเด็จพระเชษฐา ………………… ………………… พระพี่นางได้ยินเสียงมัน สำคัญว่าเสียงพระสี่กร ขับน้องให้ตามเบื้องบาท พระตรีภูวนาททรงศร ทูลว่าใช่เสียงพระภูธร อสุรีหลอกหลอนเป็นมายา คำที่มีความหมายว่า นางสีดา ก็เล็งทิพเนตรลงมาดู ก็รู้ว่าสมเด็จพระลักษมี จะลุยเพลิงถวายพระจักรี ยังที่สุวรรณพลับพลา เมื่อกี้ได้ยินสำเนียง สุรเสียงสมเด็จพระเชษฐา ………………… ………………… ครั้นเห็นซึ่งดวงประทุมมาศ โอภาสพรรณรายฉายฉัน ผุดขึ้นกลางกองเพลิงนั้น รับองค์กัลยายุพาพาล คำที่มีความหมายว่า ทศกัณฐ์ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ เสด็จจากแท่นรัตน์ชัชวาล เข้าปราสาทสุรกานต์รูจี เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรยักษา เสียสองลูกรักคือดวงตา อสุรารำพึงคะนึงคิด ฯ ๑.๒ การเล่นคำซ้ำ ทำให้เกิดความไพเราะและเสริมความงดงามของบทประพันธ์ ซึ่งในเรื่อง รามเกียรติ์นี้พบเป็นจำนวนมาก เช่น บัดนั้น ปักหลั่นสิทธิศักดิ์ยักษี ถาโถมโจมจ้วงทะลวงตี ด้วยกำลังอินทรีย์กุมภัณฑ์ ต่างถอยต่างไล่สับสน ต่างตนฤทธิแรงแข็งขัน สองหาญต่อกล้าเข้าโรมรัน ต่างตีต่างฟันไม่งดการ คำที่มีความหมายว่า โกรธ ได้แก่ โกรธ โกรธา กริ้ว๓. การหลากคำ หรือคำไวพจน์ การเลือกใช้คำที่ เขียนต่างกันแต่ความหมายเหมือนกัน เช่น - คำที่มีความหมายว่า ม้า ได้แก่ พาชี มโนมัย สินธพ อาชาไนย อัสดร นฤเคนทร์ สีห์ - คำที่มีความหมายว่า ศัตรู ได้แก่ ไพรี ปัจจามิตร ปรปักษ์ อรินทร์ ไพริน อริ อัสดร เวรี - คำที่มีความหมายว่า ภูเขา ได้แก่ บรรพต สิงขร พนม คีรี 1.3 การบรรยายฉาก เหตุการณ์ และตัวละคร พรรณาได้อย่างละเอียด ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นฉาก ภูมิประเทศ ขบวนทัพ การรบ ภาพบ้านเมือง การแต่งตัวและการกระทำหรือพฤติกรรมของตัวละคร ตลอดจน เหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น เท้าซ้ายเหยียบเข่า กระบี่ศรี มือขวาอสุรีเงื้อศร กลอกกลับพัลวันประจัญกร ต่างมีฤทธิรอนไม่ลดกันฯ


1.4 การเสนอเรื่อง เป็นการบรรยายเรื่องเพื่อให้ผู้อ่านได้ติดตามเรื่องที่ผ่านมาเป็นระยะด้วยการ เล่าเรื่องย้อนหลัง โดยการใช้การเจรจาของตัวละครเป็นการเล่าเหตุการณ์ เช่น ตอนหนุมานกราบทูลพระราม เรื่องที่ตนได้ไปเฝ้านางสีดาให้พระรามทรงทราบว่า ตัวข้าผู้เดียวลอบไป แอบอยู่ในสวนยักษา พอทศกัณฐ์มันออกมา เจรจาไหว้วอนพระเทวี นางไม่ม่จิตประดิพัทธ์ เคืองขัดด่าว่ายักษี ครั้งมันคืนเข้าธานี เทวีผูกศอจะวายปราณ ข้าบาทวิ่งไปแก้ลง ถวายผ้าธำรงค์แล้วแจ้งสาร ขุนกระบี่ทูลสิ้นทุกประการ จนเผาราชฐานลงกา 1.5 การชมธรรมชาติชมรถ ชมพาหนะ มีการใช้ถ้อยคำบรรยายได้อย่างเห็นภาพทำให้ผู้อ่าน เห็นคล้อยตามกวีไปด้วย เช่น สองกษัตริย์ชำระสระสนาน ในท้องธานแทบเชิงคีรีศรี น้ำใสเย็นซาบอินทรีย์ ดังนทีในสีทันดร พื้นทรายพรายแสงเนาวรัตน์ เลื่อมจำรัสประภัสสร ปทุมมาลย์ชูก้านอรชร ฝักแก่ฝักอ่อนแกมกัน บ้างพึ่งผุดพ้นชลธี บ้างเบ่งบานรับแสงสุริย์ฉัน แมลงภู่วู่ว่อนเวียนวัน เชยซาบสุคันธมาลีฯ 1.6 การสร้างลักษณะของตัวละคร กวีจะสร้างตัวละครให้เป็นจริงเป็นจัง มีเลือดเนื้อและ อารมณ์ มีอุปนิสัยใจคอและบุคลิคภาพสมจริง ทำให้ผู้อ่านเกิดความรัก ความเกลียด ความสงสารและเห็นอก เห็นใจตัวละคร เช่น ความฉลาดและมีไหวพริบของหนุมาน เมื่อพระนารทฤๅษีแนะให้ใช้น้ำบ่อน้อยดับไฟที่หาง โดยบอกเป็นปริศนาว่า "น้ำในบ่อน้อยจะไว้ไย เหตุใดไม่ดับอัคคี" หนุมานได้ฟังก็คิดได้ดังที 1.7 ความงามทางด้านภาษา มีการใช้คำเปรียบเทียบและอุปมาอุปไมยที่กินใจ มีการเล่นสัมผัส อักษะ มีการเล่นคำ ทำให้เกิดความหมายและเกิดโวหารต่าง ๆ มีการเลือกใช้คำได้เหมาะสมกับเหตุการณ์ อารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร เช่น เมื่อนั้น อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษา ไดัฟังวานรเจรจา โกรธาดั่งไฟบรรลัยกัลป์ ขบเขี้ยวเคี้ยวกรามกระทืบบาท ร้องตวาดผาดเสียงดังฟ้าลั่น เหม่อ้ายลิงไพรใจฉกรรจ์ กูจะหั่นให้ยับลงกับกร หรือตอนที่พระรามครำครวญถึงนางสีดา เป็นการแสดงความรักความอาลัยและความห่วงใย กวีใช้ถ้อยคำ ที่ละเมียดละไม สละสลวย ทำให้เกิดอารมณ์เศร้าคล้อยตามไปด้วย เช่น โอ้ว่าป่านนี้เจ้าดวงเนตร จะแสนเทวษปิ้มชีพอาสัญ ไม่เคยเห็นหมู่กุมภัณฑ์ ขวัญเมืองของพี่จะตกใจ จะร้องกรีดหวีดหวาดผู้เดียว เปล่าเปลี่ยวจิตโหไห้ คอยพี่ไม่เห็นตามไป จะแสนโศกาลัยทุกเวลา นอกจากนี้ยังมีการซ้ำคำให้เกิดเสียงเสนาะและเน้นความหมายให้หนักแน่นขึ้น มีการบรรยายให้เห็น การเคลื่อนไหวไปตามบทบาทของตัวละคร เช่น


ตัวข้าผู้เป็นราชมัล ไม่อาจฆ่าฟันมันได้ สุดฤทธิ์สุดคิดสุดใจ ภูวไนยจงโปรดปรานี ................... มือขวาเงื้อง่าจะชิงศร กรซ้ายกุมเศียรยักษี ๒. ด้านเนื้อหา บทละครเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นบท พระราชนิพนธ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดแห่งเรื่องรามเกียรติ์เพราะมีเนื้อเรื่องสมบูรณ์มากที่สุด ให้ความ เพลิดเพลิน สนุกสนาน มีทั้งรัก โศก ขบขัน ตื่นเต้น และมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ จึงเป็นที่ถูกรสนิยมของคนไทย มาตั้งแต่สมัยโบราณ นอกจากให้เพลิดเพลินแล้วยังนำมาแสดงละครในและโขนอีกด้วย เนื้อหาส่วนใหญ่เป็น เรื่องการสงครามระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ แสดงถึงความเป็นนักรบที่ต่อสู้ด้วยสติปัญญาและฝีมือ หลักการ ปกครองของผู้บังคับบัญชา และการนำทศพิธราธธรรมของพระมหากษัตริย์ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี ต่าง ๆ ของไทยแทรกไว้ด้วย เนื้อหานอกจากจะให้ความเพลิดเพลินแล้ว ตัวละครในเรื่องยังได้แสดงถึงคุณธรรมที่เป็นแบบอย่างใน การดำเนินชีวิต เช่น พระรามเป็นบุตรที่มีความกตัญญูต่อบิดามารดา โดยยินยอมออกเดินป่าเป็นเวลาถึง ๑๔ ปีเพื่อรักษาความสัตย์ของบิดา เมื่อนั้น พระรามสุริยวงศา รับเอาซึ่งเครื่องจรรยา แล้วมีบัญชาตรัสไป เอ็งจงกราบทูลเสด็จแม่ ว่าเราบังคมประนมไหว้ อันสัตย์พระปิตุรงค์ทรงชัย กูนี้มิให้เสียธรรม์ อย่าว่าแต่ไปสิบสี่ปี จะถวายชีวีจนอาสัญ ให้เป็นที่สรรเสริญแก่เทวัญ ว่ากตัญญูต่อบิดา ซึ่งน้องเราจะผ่านพระนคร ให้ถาวรบรมสุขา วันนี้จะถวายบังคมลา อย่าให้พระแม่ร้อนใจฯ นอกจากนี้ยังมีข้อคิดที่ได้อีกมากมาย เช่น ๑. ทั้งในเรื่องความยุติธรรมของท้าวมาลีวราชที่ไม่เข้าข้างฝ่ายทศกัณฐ์ซึ่งเป็นหลานของตน แต่ฟังความจากทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกคน ๒.การไม่เห็นแก้พวกพ้องจนเสียความยุติธรรม เห็นได้จากสุครีพ ที่สาบานเป็นเพื่อนตายกับ พิเภก แต่เมื่อได้รับบัญชาให้สอบสวนนางเบญจกายซึ่งปลอมตัวเป็นนางสีดาตายลอยน้ำมาลวงพระราม สุครีพ สอบสวนความได้ว่า นางเป็นธิดาของพิเภกจึงเชื่อคำให้การของนางเบญจกายแต่ก็ให้นางเข้าพบพระรามเพื่อ ตัดสินคดี ไม่ปล่อยให้นางเป็นอิสระทันที ๓.ความกล้าหาญในการรบของหนุมานและสุครีพ ที่ต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญ 3. คุณค่าด้านความรู้ด้านวัฒนธรรมและประเพณีบทละครเรื่องรามเกียรติ์ได้สะท้อนให้เห็น วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีหลายประการ เช่น - ประเพณีการเข้าเฝ้า ต่างตนน้อมเศรียรอภิวาทน์ พระตรีภูวนาถทรงศร หมอบอยู่หน้าหมู่วานร คอยฟังภูธรบัญชา - ประเพณีการจัดทัพและการตั้งค่าย มีพิธีการจัดกระบวนทัพและการตั้งค่ายเป็นแบบต่าง ๆ เช่น เป็นรูปพยาวานร รูปมังกร รูปเขื่อน เป็นต้น การตั้งค่ายเป็นสิ่งสำคัญในการสงครามเพราะเป็นที่ตั้งของกองทัพ


มีการตั้งค่ายชั้นนอก ชั้นใน ตลอดจนที่ประลองอาวุธเพ่อให้ทหารเกิดความฮึกเหิม มีความชำนาญในการรบ ส่วนการรักษาความปลอดภัย จะจัดเป็นกองลาดตระเวน และนั่งยามดูแลรักษาความปลอดภัยของกองทัพเป็น รูปมังกรเกี่ยวกันตามตำราพิชัยสงคราม ทัพหน้าเกณฑ์ให้นิลนน คุมพลสิบสมุทรเป็นนายใหญ่ ทัพหนุนองคตฤทธิไกร คุมพลสิบสมุทรวานร เกียกกายคำแหงหนุมาน คุมทหารสิบสมุทรชาญสมร ทัพหลวงโยธาพลากร ซับซ้อนยี่สิบสมุทรตรา ยกกระบัตรนิลพัทชาญยุททธ์ คุมพลสิบสมุทรแกล้วกล้า กองขันสิบสมุทรโยธา นิลราชศักดาบัญชาการ กองหลังนิลเอกคุมไพร่ นับได้เจ็ดสมุทรทวยหาญ รายเรียงเพียบพ้นสุธาธาร เสียงสะเทื้อนสะท้านเป็นโกลี - การแสดงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษ มีการสะท้อนสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพ บุรุษหลายประการ คือ การใช้อาวุธในการสงคราม เช่น ดาบ โล่ ง้าว ปืน ธนู โตมร เป็นต้น นอกจากนี้กวียัง ได้สอดแทรกให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยนั้นได้อย่างชัดเจน เช่น รู้ว่าสมโภชธานี ต่างตนยินดีเกษมสันต์ แต่งตัวผัดหน้าใส่น้ำมัน ชวนกันมาดูวุ่นไป หรืออีกตอนหนึ่งกล่าวว่า บัดนั้น ฝ่ายหมู่อสุราน้อยใหญ่ บ้างกินเหล้ากินแกล้มวุ่นไป เมามายไม่สมประดี บ้างเต้นบ้างรำทำเพลง ตบมือโฉงเฉงอึงมี่ อื้อฉาวไปทั้งธานี อสุรีชื่นชมปรีดา 4. แนวคิดสำคัญของเรื่องรามเกียรติ์ 4.1 การให้ความทุกข์แก่ผู้อื่นก็ย่อมก่อให้เกิดความทุกข์แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทศกัณฐ์หรือ หนุมานก็ตามที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็ต้องได้รับความทุกข์จากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ดังเช่น ทศกัณฐ์จับ หนุมานได้ก็มีความโกรธ สั่งให้ประหารหนุมาน พวกยักษ์จะใช้วิธีการใด ๆ ก็ไม่สามารถประหารหนุมานได้ หนุมานจึงคิดกลอุบายเผาเมืองลงกา ทำให้ทศกัณฐ์ได้รับความเดือดร้อน บ้านเมืองถูกเผาวอดวาย ส่วนหนุมาน เผาเมืองลงกาก็ด้วยความพยาบาท ตัวเองก็ได้รับความเดือดร้อนจากการเผาเมืองเช่นกัน เพราะหนุมานไม่ สามารถดับไฟที่หางของตนเองได้จนต้องไปหาพระนารทฤๅษีให้ช่วยแนะนำให้ จึงสามารคถดับไฟที่ปลายหางได้ 4.2 ควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะทำการใดลงไป เช่นทศกัณฐ์เชื่อคำของหนุมานให้ฆ่าหนุมานด้วย การใช้ไฟเผา โดยไม่คิดถึงผลเสียหายที่จะตามมาภายหลัง เมื่อหนุมานเผาเมืองลงกาแล้ว ได้กลับไปกราบทูล ให้พระรามทรงทราบ พระรามกริ้วหนุมานที่ทำเกินบัญชา หนุมานจึงได้รับความเดือดร้อนใจเป็นผลเสียต่อ ตนเองอีกเช่นกัน 5. ด้านสังคม 5.๑ วัฒนธรรมและประเพณี ได้แก่ การทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ประเพณีการจัดทัพและการตั้ง ค่าย ความเชื่อเรื่องโชคลาง และการบูชาบวงสรวงเทวดา เช่น พิธีปรุงข้าวทิพย์ ความเชื่อเรื่องโชคลางในการ หาฤกษ์ยามที่เหมาะสมในการออกทัพ หรือระเบียบวิธีทางการทูตสมัยเก่า เช่นการปฏิสันถารสามนัด (เมื่อพระราชาพบทูต จะถามคำถามสามคำถามก่อนที่จะเจรจากัน ได้แก่ ๑. พระราชาของท่านเป็นอย่างไร ๒. เมืองของท่านเป็นอย่างไร


๓. ท่านมีจุดประสงค์อะไร ซึ่งเป็นโอกาสให้ทูตให้ปฏิภาณไหวพริบตอบ) เป็นต้น 5.๒ การแสดงสภาพชีวิตความเป็นอยู่และค่านิยมของบรรพบุรุษ ที่ย่อมจะสอดแทรกสภาพสังคม สมัยก่อน 5.๓ การเข้าในธรรมชาติของมนุษย์ ตัวละครแต่ละตัวเป็นตัวแทนของมนุษย์โดยทั่วไปที่มี รัก โลภ โกรธ หลง ดีใจ เสียใจ 5.๔ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ชื่อเมืองและสถานที่หลายๆแห่งในเรื่องรามเกียรติ์นั้น ร่วมสมัยกับเมืองไทยในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่นเมืองอยุธยา เมืองบุรีรัมย์ แม่น้ำสะโตง นอกจากนั้น เทคโนโลยีก็ร่วมสมัยกัน เช่นมีการกล่าวถึงอาวุธปืน ซึ่งย่อมไม่มีในรามายณะ นอกจากนั้นระบบการปกครองใน รามเกียรติ์ยังเป็นระบบการปกครองแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เก่า ที่เจ้าเมืองขึ้นยอมสยบต่อเมืองแม่เป็น ทอด ๆ โดยการเคารพใน ‘บุญ’ ของพระมหากษัตริย์เป็นหลัก 5.๕ สอดแทรกมุมมองของปราชญ์ไทยที่นอกเหนือจากรามายณะ เช่น เมื่อกุมภกรรณออกรบกับ พระรามนั้น ได้ตั้งปริศนาถามพระรามไว้บอกว่าถ้าพระรามตอบได้จะยอมเลิกทัพกลับ ปริศนาถามว่า ชีโฉด หญิงโหด ช้างงารี ชายทรชน สี่อย่างนี้คืออะไร พระรามตอบไม่ได้จึงใช้องคตมาถาม กุมภกรรณจึงเฉลยว่า หญิงโหด คือนางสำมะนักขาที่คิดเอาพระรามเป็นสามี พอไม่ได้ก็และยุยงให้พี่น้องมารบกับ พระรามจนเกิดเรื่อง ช้างงารี คือทศกัณฐ์ที่เกะกะอันธพาล ไปแย่งเมียคนอื่น ชีโฉด คือพระรามที่เพื่อแย่งชิงนางสีดากลับ ถึงกับยกทัพใหญ่มาทำการวุ่นวาย ทำให้คน บริสุทธิ์มากมายเดือดร้อน ชายทรชน คือพิเภกที่ไม่รู้จักบุญคุณพี่น้อง ไปบอกความลับของฝ่ายลงกาแก่ศัตรู เหมือนแกล้งฆ่าพี่น้องทุกคน คำบริภาษนี้เป็นของปราชญ์ไทยแต่งขึ้นโดยไม่มีในรามายณะต้นฉบับ ได้เป็นคำบริภาษทุก ฝ่ายอย่างยุติธรรมตามมุมมองของกุมภกรรณ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นมุมมองของกวีที่สอดแทรกไว้ก็ได้ สำนวนไทยที่สอดแทรก ๑. กล่องดวงใจ : ในเรื่อง มียักษ์สองตนคือ ทศกัณฐ์และไมยราพที่อยู่ยงคงกระพันแม้โดนฟาดฟัน ด้วยอาวุธต่างๆ ก็ไม่ตาย ทั้งนี้เนื่องมาจาก ทั้งสองได้ถอดดวงใจออกจากตัวแล้วนำใส่กล่องไปเก็บไว้ที่อื่น โดยที่ ทศกัณฐ์นำดวงใจไปเก็บไว้ที่ภูเขานิลคีรี ส่วนไมยราพนั้นนำไปเก็บไว้ในถ้ำบนยอดเขาตรีกูฏ กล่องดวงใจ จึงหมายถึงสิ่งหรือผู้ที่เจ้าของผู้ครอบครองเห็นว่ามีค่าสูงดังชีวิตตนและพยายามเก็บรักษา ไว้ด้วยความหวงแหน ๒. น้ำบ่อน้อย : คราวที่หนุมานรับอาสาไปเฝ้านางสีดา แล้วตอนกลับได้ฉวยโอกาสลอบเผากรุงลงกา แต่ไฟก็ได้ไหม้ที่ปลายหางของตนซึ่งพยายามดับเท่าไหร่ก็ไม่มอดจึงต้องอาศัยฤๅษีบอกใบ้ว่าให้ดับด้วยน้ำบ่อ น้อย หนุมานนึกออกจึงส่งปลายหางเข้าปากอมไว้ ไฟนั้นจึงได้มอดสนิท ๓. น้ำบ่อน้อย หมายถึงน้ำลาย คือถ้าพูดให้ดีก็สามารถดับทุกข์ได้ ๔. ลูกทรพี/วัดรอยเท้า : ทรพีเป็นลูกของทรพากับางนิลากาสร เดิมทรพานั้นชื่อนนทกาลทำหน้าที่ เฝ้าทวาร ณ เขาไกรลาส ถูกสาปให้ลงมาเกิดเป็นควายและเมื่อใดที่ถูกลูกฆ่าตายจึงจะพ้นโทษ เมื่อกำเนิดเป็น ควายทรพาจำคำสาปได้จึงเที่ยวฆ่าลูกให้ตายเสมอ จนนางนิลากาสรแอบไปคลอดในถ้ำ พอทรพีโตขึ้นก็มีความ อาฆาตแค้นพ่อ คอยวัดรอยเท้าทรพาอยู่เป็นประจำ จนเห็ว่าขนาดรอยเท่ากันแปลว่าไม่เสียเปรียบกันแล้ว จึง ไปท้าสู้และได้ฆ่าต่อของตนตาย วัดรอยเท้า ใช้เปรียบในกรณีที่ผู้เยาว์หรือผู้น้อยแอบฝึกตัวเพื่อหาทางเอาชนะผู้อาวุโสหรือผู้ใหญ่


เสริมบทเรียน ๑. รามเกียรติ์เป็นวรรณคดีมรดก ชาติที่เจริญแล้วย่อมมีวรรณคดีของชาติตน รามเกียรติ์เป็นวรรณคดีเก่าแก่ของไทยซึ่งสูญหาย กระจายไปในสมัยที่กรุงศรีอยุธยาแตกเป็นครั้งที่ 2 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวไว้ในหนังสือสมาคมวรรณคดีปีที่ 1 ฉบับที่ 2 ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แต่งขึ้นไว้สำหรับพระนครให้ครบตามจำนวนที่เคยมีมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ทั้ง 4 เรื่อง คือ รามเกียรติ์ อุณรุท อิเหนา และดาหลัง ดังนั้นจึงนับได้ว่า พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ เป็นวรรณคดีมรดกของชาติ และเป็นวัฒนธรรมทางวรรณกรรมของชาติไทย รามเกียรติ์เป็นวรรณคดีมรดก ของชาติ และเป็นวัฒนธรรมทางวรรณกรรมของไทยที่ควรอนุรักษ์และหวงแหน ๒. รามเกียรติ์เป็นบ่อเกิดและศูนย์รวมของศิลปะแขนงต่าง ๆ ดังนี้ ๒.๑ การแสดงโขน หนัง และหุ่น พระยาอนุมานราชธนเขียนไว้ว่า โขน จะเล่นแต่เรื่องรามเกียรติ์ เท่านั้น การแสดงโขนถือกันว่าเป็นศิลปะชั้นสูง เป็นที่นิยมว่าถ้าได้แสดงในงานใดก็เป็นการแสดงที่ให้เกียรติใน ศิลปะการแสดงโขนนี้ มีทั้งศิลปะการละคร การฟ้อนรำ การดนตรี การขับร้อง การพากย์ การประดิษฐ์ เครื่องแต่งตัว การประดิษฐ์หัวโขน การจัดฉาก การล้อการเมือง การแสดงหนังสดหรือโขนสด เป็นศิลปะที่ชาวบ้านเคยชื่นชอบ แต่ปัจจุบันต้องหลีกทางให้แก่ ภาพยนตร์ การแสดงหนัง ซึ่งได้แก่หนังใหญ่และหนังตะลุง ได้ก่อให้เกิดศิลปะการแกะหนังให้เป็นตัว ละคร ฉลุลวดลายวิจิตรบรรจง เพื่อให้เกิดความงดงามและสื่อลักษณะของตัวละคร หนังกลางคืนจะใช้สีดำ เพื่อให้เงาคมชัด ส่วนหนังกลางวันจะมีการระบายสีอย่างงดงามเป็นสีเขียว สีแดงและสีเหลือง การแสดงหุ่นเรื่องรามเกียรติ์ ก่อให้เกิดศิลปะการสร้างและเชิดหุ่น หุ่นที่ใช้เล่นเรื่อง รามเกียรติ์ เดิมมี 2 ชนิด คือหุ่นหลวงและหุ่นเล็ก โดยหุ่นหลวงจะใช้เล่นในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ทำขึ้นตามแบบคนจริง แต่งตัวเหมือนเครื่องโขนทุกอย่าง หัวโขนก็ถอดได้ ส่วนหุ่นเล็กมีขนาดเล็กลง เป็นหุ่นเต็มตัว ต่อมามีการทำหุ่นกระบอกใช้เล่นเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นหุ่นเป็นชนิดมีแต่หัวกับมือและเสื้อ นอกจากนั้นยังมีหุ่นแบบละครเล็กอีกด้วย ทั้งตัวหุ่นชนิดต่าง ๆ และการเชิดหุ่นล้วนเป็นศิลปะที่ให้ ความสุนทรีย์และต้องการความเชี่ยวชาญอย่างมาก ๒.๒ จิตรกรรม ความประทับใจในเรื่องรามเกียรติ์ก่อให้เกิดจิตรกรรม เพื่อแสดงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในรามเกียรติ์ เช่น จิตรกรรมฝาผนังที่ระเบียงรอบโบสถ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) นั้นได้เล่า เรื่องราวรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ในภาพมีทั้งจินตนาการและภาพขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย ภาพปราสาทราชวังซึ่งอยู่ในเรื่องและภาพชีวิตชาวไทยสมัยก่อนแฝงอยู่ ๒.๓ ประติมากรรม ภาพสลักนูนแสดงตัวละครตามเนื้อเรื่องรามเกียรติ์ ที่วัดพระเชตุพน จัดเป็น ประติมากรรมประเภทไม่ลอยตัวที่งดงามด้วยคุณค่าทางศิลปะ นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมลอยตัวรูปตัวละคร ยักษ์ในวัดพระศรีรัตนศาสดารามและวัดอรุณราชวรารามและตุ๊กตาหินรูปหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉาในวัด พระศรีรัตนศาสดาราม เป็นต้น ๒.๕ ศิลปกรรม มีการนำเรื่องรามเกียรติ์มาเป็นศิลปกรรมประดับอาคารต่าง ๆ เช่น ในวัดพระเชตุ พนฯ ลวดลายแถวไม้ปิดทองที่หน้าบรรณของวิหารทิศ และบานประตูลายมุกของพระอุโบสถ ล้วนประดิษฐ์ ตามเรื่องรามเกียรติ์ทั้งสิ้น ๒.๔ วรรณกรรม เรื่องรามเกียรติ์เป็นแบบฉบับทางวรรณคดี เป็นแรงบันดาลใจแก่กวีและ มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมในสมัยต่อมา ความประทับใจในรามเกียรติ์ได้ก่อให้เกิดวรรณกรรมรามเกียรติ์มากกว่า สิบฉบับในประเทศไทย


นอกจากนี้เรื่องรามเกียรติ์ยังก่อให้เกิดนิยายพื้นบ้านมากมาย เช่น เรื่องท้าวกกกะหนากที่ จังหวัดลพบุรี เรื่องเขาสรรพยาที่จังหวัดชัยนาท เรื่องตำนานเขาช่องกระจกที่ลพบุรี และตำนานเขาขาดที่ จังหวัดสระบุรี เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเรื่องรามเกียรติ์เป็นที่มาของศิลปะและเป็นศูนย์รวมของศิลปะแขนง ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะ ประวัติและลักษณะนิสัยของตัวละคร 1. ทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์ เป็นกษัตริย์แห่งกรุงลงกา นับว่าเป็นตัวเอกของเรื่องรามเกียรติ์ มีกายสีเขียว มี ๑๐ พักตร์ ๒๐ กรทรงมงกุฏชัย ลักษณะปากแสยะ ตาโพลงทศกัณฐ์ เดิมเป็นยักษ์นนทกกลับชาติมาเกิด เพื่อรบกับ พระนารายณ์ ซึ่งอวตารมาเกิดเป็นมนุษย์ ไม่มีใครฆ่าให้ตายได้ เพราะทศกัณฐ์ถอดดวงใจ ใส่กล่องฝากไว้กับ พระฤๅษีโคบุตรผู้เป็นอาจารย์ ทศกัณฐ์มีนิสัยเจ้าชู้ มีชายาและนางสนมมากมาย แต่ถึงกระนั้นเมื่อรู้ว่านางสีดา เป็นหญิงที่มีความงดงามมาก แม้นางจะมีพระสวามีอยู่แล้ว ก็ยังลักพาตัวไป จึงเป็นสาเหตุให้ต้องทำศึกกับ พระรามจนญาติมิตรล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และในที่สุดตนเองก็ถูกพระรามฆ่าตาย 2. นางมณโฑ เมื่อเอ่ยถึง “นางมณโฑ” ในเรื่อง “รามเกียรติ์” เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้ไม่น้อยไป กว่านามของนางสีดา นางเบญกาย หรือนางสุพรรณมัจฉา แต่ประวัตินางมณโฑเป็นมาอย่างไร คนส่วนใหญ่ อาจจะยังไม่รู้ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวของนางก็น่าสนใจไม่น้อย ข้อสำคัญ แม้เธอจะมิใช่สาวแรงสูงผู้ไขว่คว้าหา ความรักแต่เชื่อไหมว่าในเรื่องเธอต้องมี “สามี” ถึงสี่คน จากพระราชนิพนธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าหน้าตาของนาง มณโฑเลิศล้ำสวยงามเพียงใด และจากที่นางมีกำเนิดมาจากกบ พระฤๅษีจึงตั้งชื่อให้ว่า “นางมณโฑ” ที่แปลว่า “กบ” อันเป็นสถานภาพเดิมของนาง และเนื่องจากพระฤๅษีเห็นว่านางเป็นหญิงสาวไม่เหมาะจะอยู่ด้วย เกรง เป็นที่ติฉินนินทาได้ จึงพร้อมใจกันพานางไปถวายพระอิศวร (พระศิวะ) พระอิศวรก็รับนางไว้ และให้ไปอยู่กับ พระแม่อุมา พระชายาของพระองค์ นับตั้งแต่ไปอยู่กับพระอุมา นางมณโฑก็ตั้งใจปรนนิบัติรับใช้พระแม่เป็น อย่างดี จนเป็นที่เมตตาและพระแม่อุมา 3. พระราม พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของท้าวทศรถ กับนางเกาสุริยา เพื่อจะปราบทศกัณฐ์ พระรามมีพระอนุชาต่างพระมารดา ๓ พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต ซึ่งต่างก็มีความรักใคร่กันอย่างมาก พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระราม มีกายสีเขียวสามารถปรากฏร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจำพระองค์ คือ ศรซึ่งเป็นอาวุธวิเศษ ที่ได้ ประทานมาจากพระอิศวร บทบาทที่สำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่ - เมื่อเยาว์วัยพระรามได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์ กับสำนักฤๅษีสวามิตรหรือวิศวามิตร มีความ เก่งกล้า ถึงกับฆ่ากากนาสูร และสวาหุ ซึ่งมารบกวนเหล่า ฤๅษีชีไพร - ท้าวชนกจักรวรรดิ์(ฤๅษีชนก) ได้ให้หมู่กษัตริย์มาประลองยกศรรัตนธนู เพื่ออภิเษกกับนางสีดา พระรามก็สามารถยกรัตนธนูได้สำเร็จ และได้อภิเษกกับนางสีดาระหว่างเดินทางกลับกรุงอโยธยา สามารถ ปราบรามสูร(ยักษ์ผู้ถือขวาน)และได้รับศรจากรามสูร - ได้ฆ่าพระยาขร และพระยาทูษณ์ พี่ชายของนางสำมนักขา - ระหว่างออกเดินป่า ได้ปราบพิราบยักษ์ - ได้ช่วยสุครีพปราบพาลี - ไปรบกับทศกัณฐ์ และได้ฆ่าทศกัณฐ์ได้สำเร็จ - สถาปนาพิเภกให้ครองกรุงลงกา


4. นางสีดา นางสีดา คือ พระลักษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตารลงมาเกิด เพื่อเป็นคู่ครองของพระราม ตามบัญชาของพระอิศวร นางสีดา เป็นพระธิดาของทศกัณฐ์ กับนางมณโฑ แต่เมื่อประสูติแล้ว พิเภกได้ทำนาย ว่า นางเป็นกาลกิณีแก่พระบิดาและบ้านเมือง ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นำนางใส่ผอบลอยน้ำไป พระฤๅษีชนกพบเข้า จึงเก็บไปเลี้ยงเป็นลูก โดยฝังดินฝากแม่พระธรณีไว้ เวลาผ่านไปถึง ๑๖ ปีพระฤๅษีชนกเบื่อหน่ายการบำเพ็ญ พรต คิดกลับไปครองกรุงมิถิลาเช่นเดิม จึงลาเพศพรหมจรรย์ไปขุดนางขึ้นมาแล้วตั้งชื่อให้ว่า สีดา (แปลว่ารอย ไถ) จากนั้นพานางพานางเข้าเมืองมิถิลา จัดพิธียกศรคู่บ้าน คู่เมืองเพื่อเสี่ยงทายหาคู่ครองให้นางสีดา พระรามยกศรได้ จึงได้อภิเษกสมรสกับนางสีดา 5. พระลักษมณ์ พระลักษมณ์ คือ พญาอนันตนาคราชที่ประทับของพระนารายณ์มาเกิด มีกายสีทอง เป็นพระโอรส ของท้าวทศรถกับนางสมุทรเทวี มีพระอนุชาร่วมพระมารดาคือ พระสัตรุต พระลักษมณ์มีความจงรักภักดีต่อ พระรามมาก เมื่อพระรามต้องออกเดินป่าถึง ๑๔ ปี พระลักษมณ์ก็ได้ติดตามไปด้วยและยังช่วยออกรบกับ กองทัพของกรุงลงกาอย่างกล้าหาญ 6. องคต องคต เป็นลิงมีกายสีเขียว เป็นบุตรของพาลี กับนางมณโฑเมื่อพาลีแย่งนางมณโฑมาจากทศกัณฐ์ แล้ว นางต้องเป็นภรรยาของพาลีจนกระทั่งตั้งครรภ์ ทศกัณฐ์ไปฟ้องฤๅษีอังคัตอาจารย์ของพาลี จนพาลียอมคืน นางมณโฑให้แต่ขอลูกไว้ ฤๅษีอังคัตจึงทำพิธีเอาลูกออกจากท้องนางมณโฑไปใส่ในท้องแพะ เมื่อครบกำหนด คลอด พระฤๅษีก็ทำพิธีให้ออกจากท้องแพะ ให้ชื่อว่า องคต ส่วนทศกัณฐ์ยังผูกใจเจ็บจึงแปลงกายเป็นปูยักษ์ คอยอยู่ก้นแม่น้ำ เพื่อจะฆ่าองคตขณะทำพิธีลงสรง แต่ถูกพาลีจับได้ แล้วเอามาผูกไว้ให้ลูกลากเล่นอยู่เจ็ดวันจึง ปล่อยไป เมื่อสุครีพขอให้พระรามมาช่วยปราบพาลี ก่อนที่พาลีจะสิ้นใจตาย ได้สำนึกตนว่าทำผิดต่อสุครีพ ทั้งไม่รักษาคำสัตย์สาบาน จึงได้ทูลฝากฝังสุครีพและองคตไว้กับพระราม องคตได้ช่วยทำศึกกับกองทัพ ของทศกัณฐ์อย่างเต็มความสามารถ พระรามเคยส่งองคตเป็นทูตไปเจรจากับทศกัณฐ์ เพื่อทวงนางสีดาคืน แม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็ได้แสดงความเฉลียวฉลาด และความกล้าหาญ ให้ประจักษ์แก่ตาของทศกัณฐ์ 7. หนุมาน หนุมาน เป็นลิงเผือก (กายสีขาว) มีลักษณะพิเศษ คือมีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑล ขนเพชรสามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ แลหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธ ประจำตัว (จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญ ๆ) มีความเก่งกล้ามากสามารถแปลงกาย หายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยง คงกระพันแม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตาย เมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นขึ้นได้อีก เมื่อนางสวาหะถูกมารดาสาปให้ไปยืน ตีนเดียวเหนี่ยวกินลม พระอิศวรจึงบัญชา ให้พระพายนำเทพอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากของนาง นางจึง ตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นลิงเผือกเหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่าหนุมาน หนุมานจึงถือว่าพระพายเป็นพ่อ ของตน หนุมานได้ถวายตัวเป็นทหารเอกของพระราม ช่วยทำการรบจนสิ้นสงคราม 8. สุครีพ สุครีพ เป็นลิงมีกายสีแดง เป็นลูกของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา สุครีพมีศักดิ์เป็นน้าของ หนุมานเมื่อพระฤๅษีโคดมรู้ความจริงจากนางสวาหะว่าสุครีพไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกชู้ จึงสาปให้กลายเป็น ลิงพร้อมกับพาลีผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกของพระอินทร์แล้วไล่ให้เข้าป่าไป ต่อมาสุครีพได้เป็นทหารเอกของ พระราม ได้รับความไว้วางพระทัยจากพระราม ให้เป็นผู้คุมกองทัพ ออกสู้รบกับกองทัพของกรุงลงกาอยู่เสมอ 9. กุมภกรรณ กุมภกรรณ เป็นยักษ์มีกายสีเขียว มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธได้ชื่อว่า กุมภกรรณ (หูหม้อ) เพราะมี ร่างกายใหญ่โตจนเอาหม้อใส่ไว้ในหูได้ กุมภกรรณ เป็นน้องร่วมมารดาของทศกัณฐ์ โดยเป็นพี่ของพิเภก


ครั้งหนึ่ง กุมภกรรณออกรบกับพระลักษมณ์ ได้พุ่งหอกโมกขศักดิ์ไปถูกพระลักษมณ์จนสลบ แต่พิเภกและ หนุมานช่วยแก้ไขให้ฟื้นได้ ต่อมา กุมภกรรณได้ทำพิธีทดน้ำ โดยเนรมิตรกายให้ใหญ่โตขวางทางน้ำไว้ เพื่อให้ กองทัพของพระรามอดน้ำตาย แต่ถูกหนุมานทำลายพิธีครั้งสุดท้าย กุมภกรรณออกรบกับพระราม ถูกศรของ พระรามจนเสียชีวิต 10. พิเภก พิเภก คือ เทพบุตรเวสสุญาณ จุติลงมาเกิดเพื่อช่วยพระรามปราบทศกัณฐ์ มีกายสีเขียว เป็นน้อง ของทศกัณฐ์ มีความรู้ทางโหราศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อทศกัณฐ์ลักพานางสีดามาพิเภกได้ทูลตักเตือน และแนะนำให้ส่งนางสีดาคืนไปทำให้ทศกัณฐ์โกรธมาก จนขับไล่พิเภกออกไปจากเมืองพิเภกจึงไปสวามิภักดิ์กับพระราม ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ จนกระทั่ง พระรามชนะสงคราม หลังจากเสร็จศึกแล้ว พระรามได้สถาปนาให้พิเภกเป็นกษัตริย์ครองกรุงลงกา มีพระนามว่า ท้าวทศคีรีวงศ์


ช้างเอราวัณ


Click to View FlipBook Version