แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๔๓
ชุด พ้นื ฐานการเขียนการอา่ น
โดย ศกั ทาวุฒ โคตรชมภู
ตวั ธรรม คาอา่ น ฝกึ เขยี น
ก็ดี
กRี กม็ ี ______________________
กี, กม็ า ______________________
ค,า เสมอ ______________________
เส,ิ แท้แล ______________________
แท] คาถา ______________________
คา{ ______________________
คือวา่ ______________________
คnา; ______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอา่ น
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๔๔
ชดุ พ้นื ฐานการเขียนการอ่าน
โดย ศักทาวุฒ โคตรชมภู
ตวั ธรรม คาอา่ น ฝกึ เขยี น
คาวา่
ค;ำ เจา้ จง ______________________
เจQา' ชื่อว่า ______________________
ช;ืา แช้แล, ชะแล (แท้แล, จริงแท)้ ______________________
แช} เช}Q แช}ะ แชน่ า้ ______________________
แชาoY ดหี ลี ______________________
ด}ี ______________________
ได้ดี ______________________
ไดี ______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอา่ น
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๔๕
ชุด พื้นฐานการเขยี นการอา่ น
โดย ศักทาวฒุ โคตรชมภู
ตวั ธรรม คาอา่ น ฝกึ เขยี น
ไดด้ ู
ไดู กตู ีเตา่ ตาย ______________________
เตาูี p ถอื วา่ ______________________
ถ;ืา ท้งั หลาย ______________________
ท}ั า, ทา]ั เทสสนา (เทศนา) ______________________
เทฯoา แท้แล ______________________
แท} ______________________
นา ______________________
O ______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๔๖
ชดุ พื้นฐานการเขยี นการอ่าน
โดย ศักทาวุฒ โคตรชมภู
ตวั ธรรม คาอา่ น ฝกึ เขยี น
นาน
Oo นา ______________________
OY นอ้ ง ______________________
นๆv บม่ า ______________________
บ,า บม่ ี ______________________
บ,ื บ่ไดด้ าย ______________________
บYไดาp บ่ปาก ______________________
บำั ______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
______________________
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๔๗
ชดุ พืน้ ฐานการเขียนการอา่ น
โดย ศกั ทาวฒุ โคตรชมภู
บทท่ี ๗
ฝกึ อา่ น-เขยี นอกั ษรตวั ธรรมอสี าน
๑. บทสวดพระพทุ ธคณุ
อoตปิ เิ สา ภคว^ อรหY สมส, มุเ{ ท: วิชา: จรณสม[เOo สคุ เตา โลกวูิ
อนตุ (เรา บรุ สิ ทมส, ารถิ สตา{ เทวมนฯุ านY พเุ ท:า ภควาติ
อติ ปิ ิ โส ภความ อรหงั สมั มาสัมพุทโธ วชิ ชาจรณสมั ปนั โน สุคโต โลกวทิ ู
อนตุ ตโร ปรุ สิ ทมั มสารถิ สตั ถา เทวมนสุ สานัง พทุ โธ ภควาติ
๒. บทสวดพระธรรมคณุ
ส;าพ_าเตา ภคอตา ธเม,า สนิmฏิเ{ กา อกาลเิ กา
๓หิปฯเกา โอปนยเิ กา ปจ:ต(Y เวทติ เพ{า วิcหตี ิ
สวากขาโต ภควตา ธมั โม สนั ทิฏฐโิ ก อกาลอโก เอหิปสั สโิ ก โอปนยโิ ก
ปจั จตั ตงั เวทติ ัพโพ วิญญหู ตี ิ
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๔๘
ชุด พืน้ ฐานการเขียนการอ่าน
โดย ศักทาวุฒ โคตรชมภู
๓. บทสวดพระสงั ฆคณุ
สบุ ผิบเOo ภควเตา สาวกสเฆๆา ๅชุปฏบิ เOo ภควเตา สาวกสเฆาๆ
ญายปฏปิ เOo ภควเตา สาวกสเฆาๆ สามจี ิปฏบิ เOo ภควเตา สาวกสเฆๆา
ยททิ Y จต(าริ บรุ ิสยุทานิ อฏ{บรุ ิสบคุ *ลา ๓ส ภควเตา สาวกสเฆๆา
อาหุเนเยpา บาหเุ นเยpา ทพ_ิเนเยpา อญล: ีกรณเี ยา
อนุตร( Y บุcเก_ต(Y โลกฯติ
สุปฏปิ ันโน ภควโต สาวกสังโฆ อชุ ปุ ฏปิ ันโน ภควโต สาวกสังโฆ
ญายปฏปิ นั โน ภควโต สาวกสงั โฆ สามจี ปิ ฏปิ นั โน ภควโต สาวกสงั โฆ ยททิ งั จตั ตาริ
ปุริสยุคานิ อัฏฐปุริสปคุ คลา เอส ภควโต สาวกสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย
ทักขเิ นยโย อัญชลีกรณโี ย อนุตตรงั ปุญญกั เขตตัง โลกัสสาติ
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๔๙
ชุด พน้ื ฐานการเขียนการอา่ น
โดย ศักทาวฒุ โคตรชมภู
๔. บทผญา
\าสไุ ลลืถb, มูรม'eUสาเo กQ \าสเิ ผาQ มVดมpร เสepถบ,ิ เu, หn] บาfว^เทมิ หn oา สพิ าๅาQ ไหฮpงฮงุ
Uสาเo ฮาQ สิพุๆ ไปหาo กา; แต ห]งe
อยา่ สลุ ืมถ่ิม มลู มงั อสี านเกา่ อย่าสเิ ผามอดเม่ียน เสยี ถม่ิ บ่มีเหลือ บาดหว่าเท่อื มอ้ื หนา้
สิพาใหเ้ ฮอื งฮงุ่ อีสานเฮาสพิ ุง่ ไปหนา้ กวา่ แตห่ ลงั
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๐
ชดุ พน้ื ฐานการเขียนการอ่าน
โดย ศักทาวุฒ โคตรชมภู
บทที่ ๘
การจารใบลาน
การจารใบลานถอื เปน็ ภูมปิ ัญญาของคนทอ้ งถน่ิ ในการคดิ คน้ การบนั ทึกข้อมลู หรอื สรรพวทิ ยา
ตา่ ง ๆ เพ่ือถา่ ยทอดไปยังคนรนุ่ หลัง ก่องแก้ว วรี ะประจักษ์ (๒๕๓๐ : ๒๖-๓๙) ไดอ้ ธิบายขอ้ มลู
การจารใบลาน ดังนี้
ใบลานหรือหนังสือใบลาน เป็นหนงั สือโบราณประเภทหนงึ่ ซง่ึ จารลายลักาณอ์ ักษรลงบนใบ
ของต้นลาน ใบลานจงึ เปน้ วตั ถธุ รรมชาตอิ ย่างหนง่ึ ทนี่ ยิ มนามาใชจ้ ารหนงั สอื ท้ังนเ้ี พราะใบลานสามารถ
นามาจารหนงั สอื ได้รวดเรว็ งดงาม เบา และบาง จงึ นามาเคลอื่ นทไ่ี ปไดส้ ะดวกคล่องตวั อกี ทงั้ ยงั แขง็ แรง
ทนทานกว่าหนงั สอื ทท่ี าดว้ ยวตั ถุอย่างอ่ืน
ลานเปน็ ตน้ ไมป้ า่ ลกั ษณะลาตน้ และใบคลา้ ยต้นตาล หรือจะเรียกวา่ เปน็ ไมต้ ระกลู เดยี ว
กบั ตน้ ตาลก็ได้ ต้นลานมีอายนุ านประมาณ ๑๘-๒๐ ปี จงึ มีดอก เมอ่ื มีดอกและออกผลแลว้ ตน้ ก็ตาย
ผลของลานสีขาวใสเหมอื นลูกตาลอ่อนแตม่ ีขนาดเลก็ ลกั ษระคล้ายลกู ชิดหรอื ลกู จาก นามาเช่อื มใสน่ า้ แขง็
หรือไอศกรมี รบั ประทานเปน็ ของหวานไดด้
เนอ่ื งจากลานเปน้ ไมป้ า่ ผตู้ ดั ลานจงึ ตอ้ งเดนิ ทางไปหาลานในป่า ยิง่ เปน็ ปา่ ลกึ มาก ๆ กจ็ ะไดล้ าน
ท่ีมคี ณุ ภาพดี เชน่ ปา่ นในเขตจังหวัดสระบรุ ี ลพบรุ ี ขอนแกน่ และปราจนี บุรี เปน็ ตน้ การเดนิ ทางไปหาลาน
ในปา่ แตล่ ะครงั้ นั้น ผเู้ ดนิ ทางจะต้องทาพธิ ีเสน้ บวงสรวงบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาอยา่ งพสิ ดารกอ่ นออกเดินทาง
ทานองเดียวกบั การออกคล้องชา้ ง เพราะเป็นการเสยี่ งภยั และอาศยั โชคเคราะห์เปน็ เดิมพนั คราวใดโชคดี
กจ็ ะพบลานทไี่ ดข้ นาตามทต่ี ้องการ ถ้าโชคไม่ดพี บแตล่ านแกเ่ กินคราวกไ็ มไ่ ด้อะไรกลับมา ฉะน้ันผหู้ าลาน
จงึ ตอ้ งมีความรู้ มคี วามชานาญในการนพ้ี อสมควร
ภาพท่ี ๔ ภาพตน้ ลาน
ลักขณา แสงอุไรเพ็ญ และคณะ (ม.ป.ป. : ๑๑)
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอา่ น
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๑
ชดุ พื้นฐานการเขียนการอา่ น
โดย ศักทาวฒุ โคตรชมภู
๑. การตดั ใบลาน
ใบลานทีจ่ ะนามาใชจ้ ารหนังสอื ได้นน้ั ตอ้ งเปน็ ใบทไี่ ม่แกจ่ ดั อย่างทีเ่ รียกกนั วา่ เพสลาด คือใบอ่อน
ท่ีสองซ่งึ เริ่มจะคล่กี ลบี ใบออกมานนั่ เอง ฉะนนั้ การตดั ใบลานในปหี นึ่ง ๆ จะตดั เพียง ๒ ใบ คือตอนแรก
ทต่ี ดั ยอดทเี่ พิ่งคล่ีใบกอ่ น เมอื่ ทอนใบลานลงจากต้นแลว้ ตอ้ งตดั ปลายใบออกจะไดล้ านยาวประมาณ ๕๐-๗๕
เซนติเมตร แลว้ แยกลานออกจากกันดว้ ยการสาดขน้ึ ไปบนฟ้า ปล่อยใหใ้ บลานตกลงมาเกล่ือนพืน้
ท้งิ ใหถ้ กู แดดและน้าคา้ งบนพื้นนนั้ ๓ วัน ๓ คนื แลว้ จึงเกบ็ รวบรวมไว้ เมื่อตดั ยอดทห่ี น่งึ แล้วผตู้ ัดลาน
ก็จะเดนิ ทางตนั ตน้ ต่อ ๆ ไป ประมาณ ๑ เดอื น จงึ เดนิ ทางกลบั เทยี่ วกลบั กจ็ ะแวะตดั ลานยอดท่ีสอง
ซง่ึ เพงิ่ จะคล่ใี บออกได้ขนาดพอดี เม่ือได้ใบลานตามต้องการแล้ว กม็ ดั รวมกนั สง่ ไปดาเนนิ การให้เกดิ
ประโยชน์ข้ันต่อไป
ลานรวมท่ีมัดรวมกนั เปน็ หอ่ ใหญ่ ๆ หอ่ หน่งึ เรียกว่า “ซองหนงึ่ ” ซ่งึ จะมจี านวนใบลานประมาณ
๒,๐๐๐ ใบ คนไทยโบราณจงึ ไดจ้ ัดลาดบั มาตราลานไว้ มลี าดบั ดังนค้ี อื
ใบลาน ๒ ใบ เทา่ กบั ๑ ก้าน
ใบลาน ๕๐ กา้ น เทา่ กบั ๑ แหนบ
ใบลาน ๒๐ แหนบ เทา่ กับ ๑ ซอง
ใบลานรวมทไ่ี ดม้ าทงั้ หมดมขี นาดเทา่ กัน กอ่ นทจี่ ะนาไปตกแตง่ เพื่อใชป้ ระโยชน์ ต้องคัดเลอื ก
ให้ได้ขนาดเทา่ ๆ กนั ทกุ ใบ ตามมาตรฐานท่ีกาหนดไว้กอ่ น แลว้ จงึ จะนาไปเจียนกา้ นลาน ขนาดของใบลาน
ทจ่ี ะใชม้ ชี อื่ เรยี กแตกตา่ งกัน เช่น ลานหนงั สือ ลานหนง่ึ ลานสอง ลานสาม ลานส่ี ลานหา้ ลานหก ลานจว๋ิ
ลานเส้น และลานตลาด เปน็ ตน้
ลานหนงั สอื มีขนาดหน้าลานกวา้ งกว่าลานชอื่ อน่ื ๆ โดยทวั่ ๆ ไปมีขนาดกว้างประมาณ ๖-๘
เซนตเิ มตร สว่ นลานหนงึ่ ลานสอง ลานสาม ลานส่ี ลานหา้ ลานหก และลานจิว๋ น้ัน จะมีขนาดของหล้าลาน
กวา้ งมากน้อยกว่ากนั ลดหลน่ั ลงมาตามลาดับ โดยเฉพาะลานจว๋ิ เปน็ ลานที่เลก็ ทส่ี ุด สว่ นลานเสน้ นนั้
คดั เลอื กแตล่ านท่มี สี ขี าวสะอาดแลว้ นามาตดั เป็นเสน้ กวา้ ง ๑-๒ เซนตเิ มตร เพือ่ นาไปใชส้ านเคร่ืองใช้ตา่ ง ๆ
ลานตลาดเปน็ ลานทีม่ ิใชจ้ ารหนงั สือ แตจ่ ะมีวธิ กี ารจดั เตรยี มเชน่ เดียวกบั ลานหนังสือ เว้นแตเ่ มอ่ื เวลาแทง
ลาน อาจจะเรยี งเปน็ ลานซ้อนกันหลาย ๆ ใบได้ การเตรยี มใบลานประเภทนจี้ งึ ไมต่ ้องใชค้ วามอะเอียด
พอถพี ิถันมากนกั ในการแทงลานนยิ มใช้ขนอบลานสองเปน็ แบบแทงลาน จากนน้ั จึงตัดลานให้เปน็ แผน่
เลก็ ๆ สาหรบั จาหนา่ ยใชป้ ระโยชนใ์ นการรองสผี ง้ึ เปน็ ต้น
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอา่ น
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๒
ชดุ พน้ื ฐานการเขยี นการอา่ น
โดย ศักทาวุฒ โคตรชมภู
ภาพที่ ๕ ภาพขนอบ
ก่องแกว้ วรี ะประจกั ษ์ (๒๕๕๐ : ๙๒)
๒. การแทงลาน
เมื่อคัดเลอื กลานตามขนาดทต่ี อ้ งการไดแ้ ล้ว นามาเจยี นก้านออก ลานท่ีเจยี นกา้ นแล้วจะมี
ลกั ษณะเปน็ แผ่นบาง ๆ รูปสี่เหลย่ี มผนื ผ้า มีความยาวมากกว่าความกว้างหลายเทา่ ตวั โดยเฉล่ยี กวา้ ง
ประมาณ ๔-๘ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๕๐-๗๕ เซนตเิ มตร เรียงใบลานทเี่ จยี นก้านแล้วซอ้ นกัน ๒๐-๓๐
ลาน ขดม้วนให้กลมใช้ก้านลานหรือเชอื กมดั ไว้ นาลานไปแชน่ ้านาน ๑ คืน หรอื ประมาณ ๒๔ ชวั่ โมง
แตใ่ นบางทอ้ งถิน่ โดยเฉพาะบรเิ วณภาคเหนอื ของประเทศไทย เชน่ จังหวดั ลาพนู เชียงใหม่ เป็นตน้
นิยมนาใบลานตม้ ในนา้ ซาวข้าวซงึ่ ชาวพน้ื เมือง เรยี กวา่ น้าข้าวมวก ต้มใหเ้ ดือดแลว้ จงึ นาออกผึ่งหรอื ตาก
ให้แหง้ ขณะตากใบลานต้องตั้งสนั ลานข้ึนเม่ือลานแหง้ แล้วหนา้ ลานจะไมบ่ ดิ งอ และควรตากใหถ้ กู แดด
และนา้ ค้าง ประมาณ ๑-๒ วนั วิธตี ้มและตากลานแบบนีไ้ มเ่ พยี งแต่จะทาใหเ้ น้อื ลานเหนยี วและน่มิ เท่านนั้
ยงั ทาให้ใบลานขาวขน้ึ อกี ดว้ ย ดงั น้ันจงึ นยิ มตม้ ลานในฤดหู นาว ซงึ่ เปน้ ฤดูที่มนี า้ ค้างมาก
ใบลานท่ีแห้งสนทิ ดแี ลว้ ตอ้ งคลอี่ อกจากมว้ น เช็ดทาความสะอาดทีละใบก่อนท่ีจะนามาแทงลาน
ซง่ึ ใชข้ นอบเปน็ พมิ พส์ าหรบั แทงลานโดยเฉพาะ ขนอบท่ีกลา่ วถึงน้ีมรี ปู ร่างและขนาดเทา่ กบั ลานชนิดตา่ ง ๆ
ทาดว้ ยไมใ้ ชป้ ระกบั เปน็ ขอบของใบลานด้านหนา้ และดา้ นหลงั รวม ๒ อนั เช่น ขนอบลานหนงั สอื
ขนอบลานหน่งึ ขนอบลานสอง ขนอบลานสาม เปน็ ตน้ นาใบลานท่แี ทงแลว้ ประมาณ ๑๐-๒๐ ใบ
เรียงซอ้ นกนั แลว้ ประกับดว้ ยขนอบตามขนาดทีต่ ้องการ ใช้มดี ทม่ี คี วามคมมาก ๆ ตัดลานให้เสมอ
และไดร้ ะดบั กบั ขนอบท้ัง ๔ ดา้ น แบบขนอบท่ีใชต้ ัดลานในปัจจุบนั นิยมใช้ขนบิ ลานสองเปน็ แบบ
เม่อื ตัดลานแลว้ ใช้ก้านลานหรอื ทน่ี ิยมเรยี กกันวา่ “ไม้กลดั ” ซง่ึ ร้อยใบลานเข้าดว้ ยกนั ใหไ้ ดก้ ับหน่ึง
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๓
ชุด พน้ื ฐานการเขียนการอา่ น
โดย ศกั ทาวุฒ โคตรชมภู
ซ่ึงมีจานวนใบลานประมาณ ๕๐๐ ใบ จัดลานในกบั ใหเ้ รียบเสมอกนั ทัง้ ๔ ด้าน แลว้ มัดเปน็ ๓ ตอน
กอ่ นที่จะใชข้ นอบประกบั หนา้ หลังพร้อมท้งั มัดรวมใหแ้ นน่ อีกครัง้ หนึง่ ซึง่ อาจจะนาไปอดั ดว้ ยเคร่อื งอัด
เพอื่ ทาให้แนน่ มากขึน้ อกี กไ็ ด้
ภาพที่ ๖ ภาพขนอบประกบั หนา้ หลงั
ก่องแกว้ วรี ะประจกั ษ์ (๒๕๕๐ : ๙๒)
๓. การอบลาน
การอบลานเปน็ วธิ ปี ้องกนั ไม่ให้ใบลานขนึ้ รา ฉะน้ัน เม่ือมัดลานแนน่ ดีแลว้ ไมท่ ้งิ ไวใ้ หแ้ ห้งเอง
กต็ ้องนาเข้าเตาอบเพ่อื เร่งใหล้ านแหง้ เรว็ ขนึ้ เตาอบลานนยิ มกอ่ ด้วยอฐิ มีช่องใส่ไฟอยตู่ อนลา่ ง และมีทอ่ สง่
ความรอ้ นผ่านไปทวั่ เตาโดยใสไ่ ฟแกลบในเตาตอนเช้าเพยี งหนเดยี ว แลว้ ปล่อยทิง้ ไว้ใหแ้ กลบคุกรุ่นไปเรือ่ ย ๆ
จนกวา่ จะมอด ความร้อนจะระออุ ยูใ่ นเตาเรอ่ื ยไปจนรุ่งข้นึ อกี วนั หน่งึ จึงใสไ่ ฟเพิม่ ครัง้ หนึ่ง เม่อื ไฟดบั มอดจน
เตาเยน็ แล้วจงึ จะเปิดเตาเพื่อนาลานออก ในระหว่างการอบไมค่ วรเปดิ เตา ท้ังน้เี พอ่ื ใบลานจะได้แห้งสนทิ
ใบลานแตล่ ะกับทแ่ี หง้ แลว้ ขอบลานจะไมเ่ รียบเสมอกนั ทกุ ลาน ฉะนน้ั จงึ ตอ้ งนาลานท้ังกบั
มาไสดว้ ยกบ ใหข้ อบลานเรยี บเสมอกนั ทั้ง ๔ ดา้ น ก่อนที่จะแกะลานออกจากกบั แลว้ ทาความสะอาดลาน
ทีละใบโดยใชท้ รายละเอยี ดควั่ หรอื ตากแดดใหร้ ้อนจดั โรยลงบนใบลาน แลว้ ใชล้ กู ประคบลบู ไปมา
ให้ผวิ หน้าลานเรยี บ พร้อมท้งั ใชผ้ า้ แห้งเช็ดทาความสะอาดใบลานดีแลว้ จากนน้ั จึงใช้เหลก็ แหลมเผา
ไปเจาะตามชอ่ งทีแ่ ทงไว้ในตอนแรกแลว้ จัดใบลานเขา้ ผูก ใบลานผกู หนึ่งมลี านประมาณ ๒๔ ใบ ซึง่ เปน็ ลาน
ทีพ่ ร้อมจะใช้จารหนังสือไดท้ นั ที แต่ถา้ จะนาลานน้ไี ปพิมพ์ดว้ ยเครือ่ งพิมพ์สมยั ใหม่ ตอ้ นนาลานไปลนไฟ
เสยี ก่อน การลนไฟต้องใชล้ านดา้ นมนั วางบนถา่ นไปออ่ น ๆ ใหใ้ บลานผ่านไฟเพียงดา้ นเดียวตลอด
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๔
ชุด พนื้ ฐานการเขียนการอ่าน
โดย ศกั ทาวุฒ โคตรชมภู
ทง้ั หนา้ ลาน แลว้ ใชผ้ ้าเช็ดลานท้ังสองหนา้ ใหข้ นึ้ มนั ทว่ั กนั แลว้ เขา้ ผูกไว้ เตรยี มความพร้อมเพือ่ นาไปใช้
ตามความตอ้ งการตอ่ ไป
๔. การจารใบลาน
การจารใบลานมีกรรมวธิ พี เิ ศษโดยเฉพาะ เบ้ืองแรกก่อนจะจารใบลาน ตอ้ งตีเส้นบรรทัด
การตีเสน้ บรรทดั บนใบลานใชต้ ดี ้วยเสน้ ดา้ ยเหนยี วขึงตึงกับกรอบไม้ มขี นาดกว้างยาวกว่าหน้าลานเล็กน้อย
ลานหนา้ หน่งึ ๆ จะกาหนดใหม้ ีจานวนบรรทดั เทา่ ไร ต้องขนึ เสน้ ด้ายใหม้ จี านวนเทา่ กับบรรทดั ที่ตอ้ งการ
เทา่ น้นั โดยท่ัว ๆ ไปลานหน้าหนงึ่ มจี านวนบรรทัดระหว่าง ๔-๙ บรรทัด แต่ทน่ี ิยมมากทส่ี ดุ คือ ๕ บรรทัด
เมื่อจะดดี เสน้ บรรทัดต้องใชล้ ูกประคบชบุ ดินหม้อหรอื เขมา่ บดละเอยี ดผสมนา้ แลว้ ลบู ทเ่ี สน้ ด้าย
ท่ีใชเ้ ป็นบรรทดั ให้ทัว่ วางกรอบเชือกบรรทดั บนใบลาน พรอ้ มทง้ั กาหนดระยะใหไ้ ด้ขนาดกบั ลานเหมาะสม
ดีแลว้ ดุงเชอื กทข่ี ึงตงึ ข้ึนปลอ่ ยมอื ใหเ้ ชอื กดีดลงบนหน้าลาน ทาเช่นนีจ้ นครบจานวนบรรทัด เม่ือยกเครอื่ ง
ตเี สน้ บรรทัดออกจะได้เสน้ บรรทัดสดี าปรากฏบนหน้าลานตามต้องการ
เครื่องมือทใ่ี ชป้ ระกอบการจารใบลานที่นบั วา่ จาเปน็ อกี อย่างหนงึ่ คือหมอนรอง หมอนนท้ี าจาก
ใบลานยาวประมาณ ๑๕-๒๐ เซนติเมตร เรยี งซอ้ นกนั ๖-๗ ใบ เย็บลานนใ้ี หต้ ดิ กนั ใชผ้ า้ หมุ้ โดยรอบ
เย็บขอบใหเ้ รยี บร้อยสวยงาม ใช้ไมไ้ ผ่เหลาเล็ก ๆ ยาวประมาณ ๗-๑๐ เซนตเิ มตร จานวน ๔ อันเสย้ี มปลาย
ใหแ้ หลมสาหรับเสียบลงไปทหี่ มอนทางด้านยาว ตามร่องลานมมุ ละ ๒ อนั เพ่ือใชเ้ ป็นท่คี บี ลานซ่ึงใชเ้ ป็น
ต้นฉบับในขณะคดั ลอก
อุปกรณป์ ระกอบการจารใบลานอกี อย่างหนึง่ คือเหลก็ จารหนังสอื มลี ักาณะเหมอื นเหล็กหมาด
ปลายแหลมมดี ้ามถอื ทาด้วยไมห้ รือเขาสตั ว์ หรอื งา รปู กลมบ้าง เหลีย่ มบ้าง ใหญ่ เลก็ อว้ น ผอม
ตามความถนัดของผู้ใช้ สว่ นเหลก้ ที่ใช้จารตวั อักษรนน้ั จะโผลอ่ อกมาจากด้ามถอื ในขณะจารตวั หนังสือ
ต้องฝนเหล็กจารใหแ้ หลมคมตลอดเวลา ท้ังนเ้ี พอ่ื ชว่ ยใหเ้ ส้นอกั ษรเรียบและรปู ลายเสน้ อกั ษรงาม
ไม่เป็นเสี้ยน ในขณะจารหนังสอื อาลกั ษณห์ รอื ชา่ งจารหนงั สอื ควรนั่งในทา่ ทต่ี นเองรสู้ กึ สบายทส่ี ุด
สามารถจารหนงั สอื ไดค้ ล่องซึง่ สว่ นใหญน่ ยิ มนง่ั ชันเข่าขึ้นข้างหนง่ึ หลังพงิ เสาหรอื ฝาผนังหอ้ ง วางมือซา้ ย
บนเขา่ หงายมอื ขน้ึ ใช้ฝา่ มอื และน้วิ ทั้ง ๕ รองรบั หมอนทมี่ ีลาน ซง่ึ ดีดเสน้ บรรทัดไวแ้ ล้ววางอยขู่ า้ งบนหมอน
นนั้ ใหห้ วั มือวางทับบนใบลานนั้น ใช้มอื ขวาถือเหลก็ จารจรดปลายเหล้กจารลงทีเ่ สน้ บรรทดั ซง่ึ จารตัวอกั ษร
ใต้เสน้ บรรทดั เช่นเดียวกบั การเขียนสมุดไทย พรอ้ มกับใช้หวั แมม่ อื ซา้ ยรองและดนั เห,กจารใหเ้ คลอ่ื นไป
ทัง้ นีช้ ว่ ยใหเ้ หลก็ จารทีเ่ จาะลงบนเน้อื ลานนน้ั ลากเส้นหยกั ไปมาเปน็ รปู รอยเสน้ อักษรไดต้ ามความต้องการ
โดยรักษาน้าหนกั มือไมล่ งเหลก็ จารลกึ เกนิ ไป เพราะใบลานมคี วามบางมาก และต้องจารอกั ษรทง้ั ๒ หน้า
ซึ่งอาจจะทาใหล้ านทะลุ หรือเหน็ เป็นรอยอีกด้านหน่ึงไดน้ น่ั เอง
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอา่ น
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๕
ชุด พืน้ ฐานการเขยี นการอา่ น
โดย ศกั ทาวุฒ โคตรชมภู
ภาพที่ ๗ ภาพการจารใบลาน
กอ่ งแกว้ วีระประจกั ษ์ (๒๕๕๐ : ๙๓)
๕. การเรยี งลาดบั หนา้ หนงั สอื ใบลาน
หนังสือใบลานทจ่ี ารเสร็จแลว้ ทกุ ลานใช้ “องั กา” เปน็ เครอื่ งหมายบอกลาดับหนา้ ลาน
แทนเลขหนา้ เช่น หนงั สอื โดยทว่ั ไป เคร่อื งหมายอังกาน้ี คือตวั อกั ษรซงึ่ จารไวท้ บ่ี ริเวณกึ่งกลางริมซ้าย
ด้านหลังของใบลานแตล่ ะใบเพียงแห่งเดยี วเทา่ น้นั โดยรูปแบบอกั ษรทใ่ี ช้จารบอกอังกา นยิ มใช้แบบเดยี วกบั
อักษรที่ใช้จารเนอื้ เรื่อง เมอ่ื ครบ ๑๒ ลานแลว้ ลานที่ ๑๓ จะตอ้ งเปล่ยี นอักษรบอกอังกาใหม่ เปน็ อกั ษรตวั
ถัดไป ใบลานท่เี รยี งลาดบั อังกาครบ ๒ อักษรแลว้ จะมี ๒๔ ลาน เรยี กวา่ ๑ ผกู
เมอ่ื จารครบ ๑ ผกู และเรียงลาดบั องั กาถกู ต้องเรยี บร้อยแลว้ ใช้ไหมหรือเชอื กทาเป็นหูรอ้ ย
เรยี กวา่ “สายสนอง” ผูกหใู บลานตามชอ่ งทเ่ี จาะไว้ในตอนแรก การผูกหใู บลานจะผกู เฉพาะด้านซา้ ย
เพียงดา้ นเดยี วปลอ่ ยด้านขวาใหว้ ่างไว้ เพ่ือความสะดวกในการเปดิ พลกิ ใบลานนนั่ เอง เมือ่ ผกู หใู บลานนั้น
ปลายสายสนองข้างหนึ่งต้องผกู เป็นหว่ งไว้ แล้ววนปลายสายอกี ขา้ งหนง่ึ รอบกง่ึ ใบลานด้านบน พรอ้ มกบั สอด
สายสนองเขา้ ในห่วงที่ทาไวน้ ัน้ ทง้ั น้เี พื่อใชด้ งึ และมดั ใหล้ านแนน่ สนทิ เม่อื งต้องการจะเกบ็ และคลายสาย
สนองออกเมื่อจะคล่ีใบลาน
ใบลานผกู หนง่ึ มจี านวนใบลานประมาณ ๒๔ ลานน้ั โดยทว่ั ไปตอ้ งมีใบลานเปล่าไมจ่ ารอกั ษรเพ่มิ
ไปในผูกอีก ทัง้ ด้านหน้าและดา้ นหลังของผูก ดา้ นละประมาณ ๒-๕ ลาน ลานเปล่านจี้ ะทาหนา้ ทีเ่ ปน็
ปกหน้าปกหลัง และใบรองปก เพ่ือช่วยปอ้ งกันมิใหห้ นา้ ลานทจ่ี ารอกั ษรไวน้ นั้ ชารดุ ฉกี ขาดไดง้ ่าย
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๖
ชุด พ้นื ฐานการเขยี นการอา่ น
โดย ศักทาวุฒ โคตรชมภู
นอกจากนัน้ เรือ่ งทจ่ี ารลงในใบลานอาจมีเนอ้ื หาที่ยาวผกู เดยี วไม่จบ ตอ้ งจารต่อกนั หลาย ๆ ผูก
นบั เนอ่ื งเรยี งลาดับไปเปน็ ผกู ท่ี ๒ ผูกที่ ๓ และอาจมีจานวนถงึ ๓๐ ผกู หรือกว่านน้ั ก็ได้ อักษรที่ใช้บอกอังกา
ก็จะใช้พยญั ชนะเรยี งตามลาดบั ไปจนถึงพยญั ชนะตวั สดุ ทา้ ย ผุกต่อไปใหย้ อ้ นกลบั ไปใข้ตวั อกั ษรขนึ้ ตน้ ใหม่
โดยมตี วั “ย” เปน็ ตวั ควบตอ่ ทา้ ย เช่น กย ขย คย เปน็ ตน้ และเรียงลาดบั ไปทานองเดียวกบั อักษรบอกองั กา
ในรอบแรก สว่ นผกู สดุ ท้ายถา้ มจี านวนลานเกนิ กวา่ ๒๔ ลาน ตัง้ แต่ ๒๕ ลาน ถงึ ๔๐ ลาน กใ็ หน้ บั ๒๔ ลาน
เป็น ๑ ผูก เปน็ เกณฑเ์ สมอไป สว่ นหนงึ่ นั้นใหน้ บั เปน็ ลาน ๑, ๒, ๓ เรยี งลาดบั ไป เช่น มี ๓๐ ลาน เรยี กว่า
๑ ผูก ๖ ลาน เปน็ ต้น
๖. การลบใบลาน
เมือ่ จารข้อความลงลานจบแลว้ จะเห็นรปู ลายเสน้ อกั ษรสขี าว อ่านไดไ้ ม่ชัดเจน ฉะนั้นจงึ ตอ้ งลบ
หน้าลานเหลา่ ดว้ ยเขม่าไฟผสมกบั นา้ มนั ยางใหท้ วั่ เพอ่ื ให้สดี าของเม่าไปฝงั ลงไปในรอ่ งทเ่ี ปน็ รปู อักษร
โดยใช้ลกู ประคบชบุ เขมา่ ไฟผสมกับนา้ มนั ยางนน้ั ลบู ไปมาจนท่ัวหน้าลาน แลว้ ใชท้ รายละเอยี ด ซึ่งต้องทาให้
รอ้ นดว้ ยวธิ ีควั่ บนไฟ หรอื ผง่ึ แดดกไ็ ด้ โรยทรายรอ้ นบนหน้าลานนน้ั แลว้ ใชล้ ูบประคบสะอาดลบเขม่าไฟผสม
นา้ มนั ยางใหห้ มดจากหน้าลาน ดว้ ยการถูลูกประคบไปมาบนทรายหลาย ๆ ครัง้ ผวิ หนา้ ของลานจะขาว
และสะอาดเห็นลายเส้นอักษรผุดขนึ้ เปน็ สีดาอยา่ งเดน่ ชัด เหมือนอย่างที่คนไทยโบราณใช้เปน็ คาตอบของ
ปรศิ นาคาทายวา่ “อะไรเอ่ย ลบหายลายผดุ ”
ภาพที่ ๘ ภาพการลบใบลาน
ก่องแก้ว วรี ะประจกั ษ์ (๒๕๕๐ : ๙๖)
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๗
ชุด พ้ืนฐานการเขียนการอา่ น
โดย ศกั ทาวฒุ โคตรชมภู
๗. องคป์ ระกอบของหนงั สอื ใบลาน
เร่อื งทีจ่ ารลงในใบลานแตล่ ะเรอ่ื งมคี วามสน้ั ยาวของเนอ้ื เรอ่ื งไม่เท่ากนั จานวนผกู จงึ มมี ากนอ้ ย
ตา่ งกนั บางเร่ืองอาจารจบภายใน ๕ ผกู แตเ่ รอ่ื งอน่ื อาจมีถงึ ๒๐ ผูกก็ได้ หนงั สอื ใบลานเร่อื งหนงึ่ ๆ
จะมจี านวนผูกเทา่ ใดกต็ ามนบั รวมเปน็ คมั ภรี ห์ น่งึ หนังสอื ใบลานท่ีจดั เรยี งลาดบั เลขทผี่ กู ตั้งแต่ตน้ จนจบเร่ือง
แลว้ นามาเข้าประกบั มดั รวมกนั ใหแ้ นน่ ใช้กบไสขอบลานทัง้ ๔ ดา้ น ให้เรยี บเสมอกนั อกี ครง้ั หนงึ่
ถ้าจะตกแตง่ ขอบลานหรอื ปกลานก็ตอ้ งทาในตอนนี้ ถา้ ไมท่ าก็จัดวา่ เสรจ็ เร่อื งวธิ จี ารใบลาน
หนังสือใบลานแตล่ ะคมั ภรี จ์ ะตอ้ งประกอบดว้ ย ไดป้ ระกับคัมภีร์ ๒ อนั ขนาบอยหู่ นา้ หลังใบลาน
ทเ่ี รยี งลาดบั ผูกไว้แล้ว มเี ชือกมดั รอบไมป้ ระกับ ๒-๓ ตอน และเพ่ือปอ้ งกันมิใหค้ ัมภรี ใ์ บลานสกปรกได้งา่ ย
หรือชารดุ ฉกี ขาดเร็วขน้ึ จึงต้องมผี า้ หอ่ คมั ถรี ์อกี ช้ันหนึ่ง ซึ่งนยิ มใชผ้ ้าชัน้ ดี เช่น ผา้ ปมู ผา้ ตาด ผ้าไหม
และผ้าลาย เป็นตน้ ผา้ หอ่ คัมภรี น์ ม้ี ดั ไวด้ ว้ ยเชือกเสน้ เดียวยาวติดตอ่ กนั เชอื กน้ีทาดว้ ยปอหรอื ปา่ นก็มี
ทาด้วยเสน้ ไหมหรอื ผ้ากม็ ี และผ้มู ีศรทั ธามากท่สี ดุ นาผมของตนมาถกั เปน็ เปียยาว ๆ ใช้มดั คมั ภรี ์กม็ ี
การมัดนน้ั ต้องมดั ดา้ นขวางวนเชอื กรอบห่อคัมภีร์ โดยทว่ั ไปนิยมวนเชือกเวน้ ช่วงระยะ ๕ ช่วง แต่ละชว่ งวน
เชือก ๓ รอบ ท้งั นกี้ เ้ พอื่ ใหม้ คี วามหมายสอดคล้องกับหลกั ธรรมในพระพุทธศษสนา เชน่ เลข ๕ หมายถงึ
ขนั ธ์ ๕ และเลข ๓ หมายถงึ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เปน็ ตน้ เมื่อมดั คมั ภรี ค์ รบ ๕ ชว่ งแลว้ เหนบ็ ปลาย
เชอื กไว้ไม่ต้องผูกเง่อื น นอกผา้ ห่อคมั ภีรม์ ฉี ลากคอื ป้ายบอกช่อื คมั ภรี เ์ สยี บไวท้ ห่ี นา้ มดั คัมภรี ด์ ้วย ฉากนที้ า
ด้วยวัตถชุ นดิ ตา่ ง ๆ ซ่งึ ตกแต่งประดับหรือจาหลกั ลวดลายใหด้ งู ดงาม เช่น ทาดว้ ยไม้เรยี กวา่ ฉลากไม้
ทาดว้ ยทองเหลอื งเรียกวา่ “ฉลากทองเหลือง” ทอดว้ ยไหม เรยี กว่า “ฉลากทอ” เป็นต้น
การตกแต่งคมั ภรี ใ์ บลาน โดยทว่ั ๆ ไปผู้สร้างคมั ภีรใ์ บลานนยิ มตกแตง่ ใบลานบริเวณปกหนา้
ปกหลังขอบของคัมภีร์ (ดา้ นขา้ งหรอื ขอบลาน) และไมป้ ระกบั คัมภีร์ ดว้ ยกรรมวธิ ที างศลิ ปะหลายแบบ
ประกอบดว้ ยสีและลวดลายตา่ ง ๆ เช่น ปดิ ทองทบึ ปิดทองลอ่ งชาด ลายรดน้า ประดบั กระจก ประดบั มกุ
เปน็ ลักษณะฉพาะทน่ี ามาใชป้ ระกอบการเรียกชอ่ื ฉบบั ของคมั ภีรด์ ว้ ย ท้งั นี้เพราะเนื้อเรื่องในคมั ภรี ์ดว้ ย
ทั้งน้เี พราะเนอื้ เร่ืองใบคมั ภรี ์ใบลานเหลา่ นน้ั เพอ่ื ใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งกนั มเี ฉพาะส่วนท่เี ปน็ ปกคมั ภีร์เท่านนั้
เชน่ คัมภรี ์ใบลานฉบบั ทองทึบ ฉบับลานดบิ ฉบบั ลายรดนา้ เป็นตน้
เนื่องจากรูปลักษณะของคัมภีรใ์ บลานมคี วามยาวมากกวา่ ความกว้างและมีนา้ หนกั เบา อีกทง้ั เรือ่ ง
ท่ีจารลงในคัมภรี ส์ ว่ นใหญ่เปน็ เร่ืองในพระพุทธศาสนา ซ่ึงคนไทยผนู้ ับถอื พระพุทธศาสนาจดั ไว้เปน็ ของ
ศักด์สิ ิทธิท์ ต่ี ้องเคารพบชู า หวงแหน และทนถุ นอน ดังนั้น จงึ ไดม้ กี ารสร้างผา้ หอ่ คัมภรี ข์ นึ้ อีกแบบหนึง่
เป็นผา้ ทอดว้ ยเสน้ ด้ายหยาบ ๆ มไี มไ้ ผเ่ หลาแบบแบบเสน้ ตอกหรอื เหลากลมแบบเสน้ หวาย เปน็ แกนกลาง
และมดี ้ายทอหมุ้ ไวใ้ ช้เปน็ ผ้าหอ่ ใบลานผูกเดียวหรือหลายผกู ซง่ึ แยกจากไมป้ ระกบั เพ่อื การนาไปใชน้ อก
สถานทีซ่ ง่ึ จะชว่ ยใหล้ านไมห่ กั กลางหรอื ชารดุ นอกจากนน้ั ยงั มีการสร้างกล่องดว้ ยก็มี และใส่ได้เฉพาะผกู
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอา่ น
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๘
ชุด พื้นฐานการเขยี นการอา่ น
โดย ศักทาวฒุ โคตรชมภู
บรเิ วณหน้ากล่องและตวั กลอ่ งก็นิยม ตกแต่งดว้ ยสแี ละลวดลายตา่ ง ๆ ตามแบบบอย่างงานสลิ ปกรรมไทย
มีท้งั ลายรดนา้ ประดับกระจก และประดบั มุก เปน็ ตน้
อุปกรณท์ ใ่ี ช้คกู่ บั คมั ภีรใ์ บลานอกี อย่างหนงึ่ คือ “กากะเยยี ” คนไทยโบราณไดส้ ร้างกากะเยยี
ขึน้ ไว้ สาหรบั ใชเ้ ปน็ ทว่ี างคัมภรี ใ์ บลานเพือ่ การอ่านและแปลหนังสือใบลานโดยเฉพาะ กากะเยยี
ทาดว้ ยไมก้ ลงึ เปน็ แท่งกลม ๆ เส้นรอบวงประมาณ ๔-๗ เซนตเิ มตร ยาวประมาณ ๔๕-๕๐ เซนตเิ มตร
จานวน ๘ อนั ไมอ้ นั เจาะรทู ป่ี ลายดา้ นหน่งึ และตอนกลางอกี ที่หนง่ึ ใช้เชอื กหรอื ด้ายรอ้ ยไม้ท้ัง ๘ อนั
ให้เรยี งไขวก้ ัน เสน้ เชือกหรอื ดา้ ยทป่ี ลายไมน้ ั้นจะขึงตึงเป็นทรี่ องรับใบลาน
คมั ภีร์ใบลานที่มอี ยใู่ นหอสมดุ แห่งชาตปิ จั จบุ ัน มิใชจ่ ะมีแต่เรอ่ื งทางพระพทุ ธศาสนาเทา่ นน้ั
เร่อื งอน่ื ๆ ที่เกี่ยวกบั วิชาการตา่ ง ๆ กม็ ี เชน่ เรอ่ื งกฎหมาย ตานาน วรรณกรรม และศาสตรต์ า่ ง ๆ เป็นต้น
หนงั สอื ใบลานเหล่าน้จี ารดว้ ยอกั ษรและภาษาตา่ ง ๆ กนั เชน่ ฉบบั ทจี่ ารดว้ ยอกั ษรขอมภาษาบาลี
อักษรขอมภาษาไทย อกั ษรธรรมภาษาบาลี อกั ษรธรรมภาษาไทย อักษรมอญภาษามอญ อักษรไทย
ภาษาไทย เปน็ ต้น คัมภรี ์ใบลานเก่าท่ีสดุ ซึ่งพบอยู่ในปจั จบุ ันน้ี จารขนึ้ เม่อื พ.ศ. ๒๐๑๔ ใชร้ ูปอกั ษรธรรม
ลา้ นนาภาษาบาลี เรือ่ งตงิ สนบิ าต เป็นสมบตั ขิ องวดั ไหลห่ นิ อาเภอเกาะคา จงั หวดั ลาปาง สว่ นคัมภรี ์ใบลาน
จารอกั ษรขอมภาษาบาลี เกา่ ทส่ี ุดเท่าที่พบอย่ใู นหอสมดุ แหง่ ชาติปจั จุบนั ไดแ้ ก่ คัมภรี ส์ มนตฺ ปาสาทิกา
วินยฏฐฺ กถา (ทตุ ยิ ) ปาจิตตฺ ิยวณฺณนา ฉบับชาดทบึ จารในสมยั สมเดจ็ พระเอกาทศรถ เม่อื พ.ศ. ๒๑๕๘
ภาพท่ี ๙ ภาพคมั ภรี ใ์ บลาน ฉบับชาดทึบ
ก่องแกว้ วีระประจกั ษ์ (๒๕๕๐ : ๙๘)
ภาพท่ี ๑๐ ภาพคัมภรี ์ใบลาน ฉบับลอ่ งชาด
ก่องแก้ว วีระประจักษ์ (๒๕๕๐ : ๙๘)
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ียนการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๕๙
ชดุ พ้ืนฐานการเขยี นการอ่าน
โดย ศกั ทาวฒุ โคตรชมภู
ภาพท่ี ๑๑ ภาพคัมภรี ์ใบลาน ฉบบั ทองทึบ
ก่องแกว้ วีระประจกั ษ์ (๒๕๕๐ : ๙๘)
ภาพท่ี ๑๒ ภาพการใช้ผา้ หอ่ คมั ภีรใ์ บลาน
ก่องแก้ว วีระประจกั ษ์ (๒๕๕๐ : ๙๙)
ภาพท่ี ๑๓ ภาพคมั ภรี ใ์ บลานทหี่ ่อดว้ ยผ้า
ก่องแก้ว วีระประจักษ์ (๒๕๕๐ : ๙๙)
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชุด พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอ่าน
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน ๖๐
ชุด พื้นฐานการเขยี นการอ่าน
โดย ศกั ทาวฒุ โคตรชมภู
บรรณานกุ รม
กรมศลิ ปากร. (๒๕๖๐). คมู่ อื การอา่ นถา่ ยถอดเอกสารโบราณ : อกั ษรธรรมอสี าน. กรุงเทพ ฯ :
กรมศิลปากร.
กลุ่มงานอนรุ กั ษ์เอกสารโบราณ สถาบนั วจิ ัยศลิ ปะและวฒั นธรรมอสี าน มหาวิทยาลยั มหาสารคาม.
แบบเรยี นอกั ษรธรรมโบราณอสี าน (ฉบบั จดุ ประกาย). มหาสารคาม : อภชิ าติการพิมพ.์
ก่องแก้ว วรี ะประจักษ.์ (๒๕๕๐). สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน ฯ เลม่ ๓๒. กรงุ เทพ ฯ : สารานุกรมไทย
สาหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร.
________________. (๒๕๓๐). การทาสมดุ ไทย และการเตรยี มใบลาน. พมิ พ์คร้ังที่ ๒. กรงุ เทพ ฯ :
หอสมดุ แหง่ ชาติ กรมศลิ ปากร.
ก่องแกว้ วรี ะประจกั ษ์. (๒๕๒๖). ๗๐๐ ปลี ายสอื ไทย (อกั ขรวทิ ยาไทย ฉบบั ยอ่ ). กรงุ เทพ ฯ : กรมศลิ ปากร.
ธวัช ปณุ โณทก. (๒๕๔๐). อกั ษรโบราณอสี าน : อกั ขรวทิ ยาอกั ษรตวั ธรรมและไทยนอ้ ย. กรงุ เทพ ฯ :
สยามเพรส แมนเจเมน้ ท.์
เพ็ญพักตร์ ลิม้ สมั พนั ธ.์ (๒๕๒๗). อกั ษรธรรมอสี าน. พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒. นครปฐม : มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร.
ลักขณา แสงอุไรเพญ็ และคณะ. (ม.ป.ป.). “ลาน” พชื พนื้ เมอื งของไทย. กรงุ เทพ ฯ : กรมอุทยาน.
ศนู ย์มานุษยวิทยาสิรนิ ธร. (๒๕๕๕). จารกึ วดั ถา้ สวุ รรณคหู า ๒ ดา้ นที่ ๑. สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี ๖ สงิ หาคม
๒๕๖๕, จาก https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/2464.
สมัย วรรณอุดม. (ม.ป.ป.). แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน (ฉบั ปรบั ปรงุ ). มหาสารคาม : กล่มุ งานอนุรกั ษ์
เอกสารโบราณ สถาบันวจิ ยั ศิลปะและวฒั นธรรมอสี าน มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม.
หอสมดุ แห่งชาตจิ ังหวดั สพุ รรณบุรี เฉลมิ พระเกียรต.ิ (๒๕๖๓). ปญญฺ าบารมี (ปญั ญาบารม)ี สพ.บ.๒๒๗/๑.
สืบคน้ เมือ่ วนั ท่ี ๖ สงิ หาคม ๒๕๖๕, จาก https://www.finearts.go.th.
อธริ าชย์ นนั ขนั ต.ี (๒๕๖๑). แบบเรยี นอกั ษรธรรม. นครพนม : มหาวทิ ยาลัยนครพนม.
อรทัย เลยี งจนิ ดาถาวร. (๒๕๔๕). รายงานการดาเนนิ งาน โครงการการศกึ ษา รวบรวม
และจดั สรา้ งฐานขอ้ มลู หนงั สอื ใบลาน จงั หวดั อบุ ลราชธานี. อบุ ลราชธานี :
มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี.
แบบเรยี นอกั ษรธรรมอสี าน
ชดุ พภื ฐานก๒า๕ร๖เข๕ยี นการอ่าน