21 EMULOV • 01 EUSSI • 9102 REBOTCO แ ผ น ห ลั ก เ พื อ ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้
วิ ช า ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ไ ท ย
ส 31103
น า ย ธ น วิ ช ญ์ ไ ร่ น า
ค รู
โ ร ง เ รี ย น พุ ท ไ ธ ส ง
สาํ นั ก ง า น เ ข ต พื น ที ก า ร ศึ ก ษ า มั ธ ย ม ศึ ก ษ า เ ข ต 3 2
คำอธบิ ำยรำยวชิ
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
รหสั วชิ า ส 31103
ศกึ ษา วเิ คราะห์ ความสาคัญของเวลา ยุคสมยั และศกั ราช ในประวัตศิ าสต
ประวัติศาสตรไ์ ทย วัฒนธรรมสมยั ก่อนประวตั ิศาสตรใ์ นดินแดนไทย แหล่งโบราณค
ประวัตศิ าสตร์ไทย แนวคิดเก่ียวกับความเป็นมาของชนชาตไิ ทย อาณาจกั รโบราณ
ไทย
โดยใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ กระบวนการคิด กระบวนการสบื ค้นขอ้ มลู
กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการกลมุ่
เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ ตะหนักในความสาคัญของการศกึ ษาประว
ทพ่ี งึ ประสงค์ในดา้ นรกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความ
รหัสตัวชว้ี ัด
ส 4.1 ม.4-6/1
ส 4.1 ม.4-6/2
ส 4.3 ม.4-6/1
ส 4.3 ม.4-6/2
ชำประวัตศิ ำสตร์ไทย
ภาคเรียนท่ี 1
เวลา 40 ชัว่ โมง/ภาคเรยี น
ตร์ไทย การแบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตรไ์ ทย วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ หลกั าานทาง
คดีทสี่ าคญั ของประเทศไทย การนาวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์มาใช้ในการศึกษา
ณในดินแดนไทยและอทิ ธิพลท่ีมีตอ่ สงั คมไทย ปจั จัยท่มี ผี ลตอ่ การสถาปนาอาณาจักร
ล กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์
วตั ิศาสตรช์ าติไทยเกดิ ความรกั ความภาคภูมิใจและธารงความเปน็ ไทย มคี ุณลักษณะ
มเป็นไทย มงุ่ มน่ั ในการทางาน
จดุ หมาย
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน มุ่งพฒั นาผเู้ รียนให้เปน็ คนดี มปี ญั ญา
เพอ่ื ใหเ้ กดิ กบั ผเู้ รียน เมื่อจบการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ดงั นี้
1. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมทพ่ี งึ ประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มวี นิ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. มีความรู้ ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโ
3. มีสุขภาพกายและสขุ ภาพจิตที่ดี รกั การออกกาลงั กาย
4. มีความรกั ชาติ มีจิตสานกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมน่ั ในวถิ
5. มีจติ สานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย และการอนรุ กั ษ์แล
และอยูร่ ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข
คุณลักษณะอ
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ม่งุ พฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีลกั ษณะอันพงึ ป
พลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
2. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
3. มวี ินยั
4. ใฝเ่ รยี นรู้
5. อยูอ่ ย่างพอเพียง
6. ม่งุ มัน่ ในการทางาน
7. รักความเป็นไทย
8. มจี ิตสาธารณะ
ยหลกั สตู ร
า มคี วามสขุ มศี ักยภาพในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี จึงกาหนดเป็นจุดหมาย
นัยและปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถือ ยดึ หลกั
โลยี และมที กั ษะชีวติ
ถีชวี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์เปน็ ประมุข
ละพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ ม มจี ิตสาธารณะที่มงุ่ ทาประโยชน์และสรา้ งสิง่ ทด่ี ีงามในสงั คม
อันพงึ ประสงค์
ประสงค์ เพ่ือให้สามารถอยรู่ ่วมกันกบั ผอู้ นื่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็น
สมรรถนะสำค
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน มุ่งพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีคุณภาพตามมาต
ชว่ ยให้ผูเ้ รียนเกนิ สมรรถน สาคญั 5 ปร การ นังน้ี
1. ความสามารถในการสื่อสาร เปน็ ความสามารถในการรับแล สง่ สาร มีวฒั น
ของตนเองเพอื่ แลกเปลีย่ นขอ้ มลู ขา่ วสารแล ปร สบการณ์อนั ะ เปน็ ปร โยชน์ต่อตนเอ
เลอื กรบั หรือไมร่ บั ขอ้ มลู ข่าวสารนัน้ นว้ ยหลกั เหตผุ ลแล ความถูกตอ้ ง ตลอนะนการเลอื
2. ความสามารถในการคิน เป็นความสามารถในการคินวิเครา ห์ การคินอยา่
องคค์ วามรู้หรอื สารสนเีศเพื่อการตันสินใะเกี่ยวกบั ตนเองแล สงั คมไนอ้ ย่างเหมา สม
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปญั หาแล อปุ ส
ข้อมูลสารสนเีศ เขา้ ใะความสมั พันธ์แล การเปลย่ี นแปลงของเหตกุ ารณต์ า่ งๆในสงั คม
อยา่ งมีปร สิีธภิ าพโยคานงึ ถงึ ผลกร ีบีเ่ี กินข้ึน ต่อตนเอง สังคม แล สิ่งแวนล้อม
4. ความสามารถในการใช้ีกั ษ ชีวิต เปน็ ความสามารถในการนาขบวนการต
การีางานแล การอยรู่ ่วมกันในสงั คมนว้ ยการสรา้ งเสรมิ ความสมั พันธ์อันนรี หว่างบคุ
เปลีย่ นแปลงของสงั คมแล สภาพแวนล้อม แล การร้หู ลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พงึ่ ปร สงค
5. ความสามารถในการใชเ้ ีคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือกแล ใช้เี
ในนา้ นการเรยี นรู้ การสือ่ สาร การีางาน การแกป้ ญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมา
คัญของผเู้ รยี น
ตรฐานการเรยี นรู้ ซงึ่ การพฒั นาผ้เู รียนให้บรรลมุ าตรฐานการเรียนร้ีู ก่ี าหนนนน้ั ะ
นธรรมในการใช้ภาษาถา่ ยีอนความคนิ ความรู้ ความเข้าใะ ความรูส้ กึ แล ีัศน
เองแล สงั คม รว่ มีง้ั การเะระาตอ่ รองเพอื่ ขะนั แล ลนปญั หาความขันแย้งต่างๆการ
อกใชว้ ธิ ีการสอ่ื สารีีม่ ปี ร สีิ ธภิ าพโนยคานึงถึงผลกร ีบีี่มีตอ่ ตนเองแล สังคม
างสรา้ งสรรค์ การคนิ อย่างมีวิะารณญาณแล การคินเป็นร บบ เพอ่ื นาไปสู่การสรา้ ง
ม
สรรคต์ า่ งๆีเี่ ผชญิ ไนอ้ ย่างถกู ต้องเหมา สมบนพืน้ ฐานของหลักเหตผุ ล คุณธรรมแล
ม แสวงหาความรู้ ปร ยกุ ต์ความรมู้ าใชป้ ้องกนั แล แก้ไขปัญหาแล มกี ารตนั สนิ ใะ
ตา่ งๆไปใช้ในการนาเนนิ ชวี ติ ปร ะาวัน การเรยี นรู้น้วยตนเอง การเรียนรอู้ ยา่ งตอ่ เนื่อง
คคล การะันการปญั หาแล ความขนั แยง้ ต่างๆอย่างเหมา สม การปรบั ตวั ให้ีนั กบั การ
ค์ีสี่ ่งผลกร ีบต่อตนเองแล ผู้อน่ื
ีคโนโลยีน้านตา่ งๆแล มีี กั ษ ขบวนการเีคโนโลยี เพ่อื การพฒั นาตนเองแล สงั คม
สมแล มีคณุ ธรรม
ผงั มโนทศั น์(Mind Map)ของการเรยี นรู้
วชิ า(Course วชิ า (Course )ประวัตศิ าสตรไ์ ทย รหัสวิชา(Course Code)ส31103
;วิวิธกี ารทางประวัติศาสตร์
เวลาและยุคสมัย
กานการสถาปนาราชธานี
อาณาจักรโบราณ ประวตั ิศาสตรไ์ ทย ปวัวัฒนธรรมสมัยก่อน
ระ ประวตั ศิ าสตร์
ความเป็นมาของ
ชนชาติไทย การตง้ั ถน่ิ ฐานใน แหล่งโบราณคดี
ดนิ แดนไทย
ตารางท่ี 1 ตารางวเิ คราะหม์ าตรฐาน ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี (Strand) ส 4.1
เข้าใจความหมาย ความสาคญั ของเวลา และยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ สามารถใชว้ ธิ ีการทางป
มาตรฐานร (Standard) และ พุทธิพสิ ยั
ตัวชว้ี ดั (Indicator) หรอื
ผลการเรยี นรรู้ (Learning คาสาคญั ความรู้/มติ ิของกระบวนรการทางสติปัญญา(Cogni
Outcome) (Key Word)
(Revised
การจา การเข้าใจ การประย
(Remembering) (Understanding) (Apply
๑.ตระหนรกั ถงึ ความสาคญั ของ ตระหนรัก /
เวลาและ ยคุ สมยั ทาง
ประวตั ิศาสตร์ทแี่ สดงถึงการ
เปลีย่ นรแปลงของมนรุษยชาติ
๒.สรา้ งองค์ความรใู้ หมท่ าง สร้าง /
ประวัตศิ าสตรโ์ ดยใชว้ ิธีการ
ทางประวตั ิศาสตรอ์ ยา่ งเป็นร
ระบบ
ดกบั พุทธิพสิ ัย ทกั ษะพสิ ัยและจิตพิสัย
ประวตั ศิ าสตรม์ าวเิ คราะหเ์ หตุการณต์ า่ ง ๆ อยา่ งเป็นรระบบ
ยCognitive Domain)/ ทักษะพสิ ยั จิตพสิ ัย
(Effective
itive Proceses Dimensions)ตามแนรวคดิ ของบลมู ฉบับปรบั ปรงุ ใหม่ (Psychomotor Domain)
Domain)
d Bloom’s Taxonomy) ด้านรคณุ ลักษณะ
ยกุ ต์ใช้ การวิเคราะห์ การประเมินรคา่ การสรา้ งสรรค์ ทักษะกระบวนรการ (Attribute)
ying) ( Analyzing) (Evaluating ) (Creating)
(Process skill)
/ //
///
สาระที่ (Strand) 4.3
เขา้ ใจความเป็นรมาของชาตไิ ทย วัฒนรธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย มคี วามรัก ความภมู ิใจและธารงคว
มาตรฐานร (Standard) และ พทุ ธิพิสยั
ตัวชี้วัด(Indicator) หรือ
ผลการเรยี นรรู้ (Learning คาสาคญั ความรู้/มิติของกระบวนรการทางสติปัญญา(Cogni
Outcome) (Key Word)
(Revised
การจา การเข้าใจ การประย
(Remembering) (Understanding) (Apply
๑.วิเคราะหป์ ระเด็นรสาคญั วเิ คราะห์
ของประวัติศาสตร์ไทย วิเคราะห์
๒. วิเคราะห์ความสาคญั ของ
สถาบันรพระมหากษตั ริยต์ อ่
ชาตไิ ทย
วามเป็นรไทย
ยCognitive Domain)/ ทักษะพสิ ัย จติ พิสยั
(Psychomotor (Effective
itive Proceses Dimensions)ตามแนรวคดิ ของบลูมฉบับปรบั ปรุงใหม่ Domain)
Domain)
d Bloom’s Taxonomy) ด้านรคุณลักษณะ
ทกั ษะกระบวนรการ
ยุกตใ์ ช้ การวเิ คราะห์ การประเมนิ รค่า การสร้างสรรค์ (Process skill) (Attribute)
ying) ( Analyzing) (Evaluating ) (Creating)
/ //
/ //
ตารางท่ี2 ตารางวเิ คราะห์ความเช่อื มโยงของมาตรฐาน
มาตรฐาน (Standard) คาสาคัญ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง (Core ดา้ นความรู้
และตัวชีว้ ดั (Indicator) (Key Word) Content) /สาระการเรยี นรู้ (Content) (Knowledge) ( K)
หรือผลการเรยี นรู้ ตะหนกั เวลาและยุคสมัยทาง (รูอ้ ะไร)
(Learning Outcome) ประวัติศาสตรท์ ีป่ รากฏใน
หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ทย ความสาคญั ของเวลาและย
๑.ตระหนกั ถงึ และประวตั ศิ าสตรส์ ากล ทางประวัติศาสตรบ์ ง่ บอก
ความสาคญั ของ เปลยี่ นแปลงมนษุ ยชาติ
เวลาและ ยคุ สมัย ตัวอยา่ งเวลาและยคุ สมยั ทาง
ทางประวตั ศิ าสตร์ที่ ประวตั ศิ าสตร์ของสงั คมมนุษย์
แสดงถึงการ ทมี่ ปี รากฏในหลักฐานทาง
เปลย่ี นแปลงของ ประวตั ิศาสตร์
มนุษยชาติ (เชอ่ื มโยงกบั มฐ. ส ๔.๓)
ความสาคัญของเวลาและยุค
สมยั ทางประวัติศาสตร์
นและตัวช้วี ดั หรอื ผลการเรียนรู้ กบั พฤติกรรมการเรียนรู้
พฤติกรรมการการเรียนรู้
ด้านทกั ษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลักสตู ร ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
(Attribute) ( A)
) (Process) (P) (Competencies) (C) (เปน็ คนอยา่ งไร)
ยุคสมัย (ทาอะไร) (เกดิ สมรรถนะใด) -ใฝเ่ รยี นรู้
กถงึ การ -รักความเป็นไทย
๑.เวลาและยุคสมยั ทาง ความสามารถในการคดิ
ประวตั ิศาสตร์ทีป่ รากฏใน
หลักฐาน
๒.ประวตั ศิ าสตร์แสดงถึงการ
เปล่ยี นแปลงของมนุษยชาติ
มาตรฐาน (Standard) คาสาคญั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง (Core ด้านความรู้
และตวั ชี้วดั (Indicator) (Key Word) Content) /สาระการเรยี นรู้ (Content) (Knowledge) ( K)
หรอื ผลการเรยี นรู้ สรา้ ง ขั้นตอนของวิธกี ารทาง (รอู้ ะไร)
(Learning Outcome) ประวตั ศิ าสตร์ โดยนาเสนอ
ตวั อย่างทีละข้นั ตอนอย่าง การศึกษาประวตั ศิ าสตร์ค
๒.สรา้ งองค์ความรู้ ชดั เจน วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์อ
ใหมท่ าง ระบบ
ประวัตศิ าสตร์โดยใช้ คุณคา่ และประโยชนข์ อง
วธิ ีการทาง วิธีการทางประวัตศิ าสตรท์ ม่ี ตี ่อ
ประวตั ิศาสตร์อยา่ ง การศึกษาทางประวตั ศิ าสตร์
เป็นระบบ
ผลการศกึ ษาหรอื โครงงานทาง
ประวตั ศิ าสตร์
พฤติกรรมการการเรยี นรู้
ดา้ นทักษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลกั สตู ร ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
(Attribute) ( A)
) (Process) (P) (Competencies) (C) (เปน็ คนอยา่ งไร)
(ทาอะไร) (เกิดสมรรถนะใด) -มงุ่ มน่ั ในการทางาน
-มวี ินยั
ควรใช้ การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์มี ความสามารถในการแก้ปัญหา
อยา่ งเป็น คุณค่าและประโยชน์ตอ่ ความสามารถในการใช้
การศกึ ษา ซึ่งทาใหท้ ราบ เทคโนโลยี
ความเป็นมาของมนุษยชาติ
มาตรฐาน (Standard) คาสาคัญ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง (Core ดา้ นความรู้
และตวั ชวี้ ดั (Indicator) (Key Word) Content) /สาระการเรยี นรู้ (Content) (Knowledge) ( K)
หรือผลการเรยี นรู้ (รอู้ ะไร)
(Learning Outcome)
ประเดน็ ทางประวตั ิศาส
๓.วเิ คราะห์ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยมคี ว
ประเด็นสาคัญของ เป็นมายาวนาน บรรพบ
ประวัติศาสตร์ไทย สรา้ งไวค้ วรแกก่ ารศึกษ
ภูมใิ จในการเกดิ เป็นคน
พฤติกรรมการการเรยี นรู้
ดา้ นทักษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลกั สูตร ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
(Attribute) ( A)
) (Process) (P) (Competencies) (C) (เป็นคนอย่างไร)
สตร์ (ทาอะไร) (เกดิ สมรรถนะใด) รกั ความเป็นไทย
วาม
บรุ ุษ วเิ คราะหป์ ระเด็นสาคญั ความสามารถในการคิด
ษาและ
นไทย ของประวัติศาสตรไ์ ทย
มาตรฐาน (Standard)
และตวั ชว้ี ดั (Indicator) คาสาคญั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง (Core ด้านความรู้
Content) /สาระการเรียนรู้ (Content) (Knowledge) ( K)
หรือผลการเรยี นรู้ (Key Word)
(รอู้ ะไร)
(Learning Outcome)
พระมหากษตั ริยก์ ับปว
๔.วิเคราะห์ วเิ คราะห์
ความสาคญั ของ
สถาบนั
พระมหากษัตริย์
ตอ่ ชาติไทย
พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้
ด้านทักษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลกั สตู ร ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
(Attribute) ( A)
) (Process) (P) (Competencies) (C) (เปน็ คนอย่างไร)
(ทาอะไร) (เกดิ สมรรถนะใด) ใฝ่เรียนรู้
วงชน สถาบนั พระมหา กษตั รยิ ์ ความสามารถในการคดิ
มบี ทบาทสาคัญในการ
พฒั นาชาติไทย
ตารางที่ 3 กาหนดห
วชิ า (Course )ประวัติศาสตร์ไทย
ชอ่ื หน่วยการเรยี นร(ู้ Unit ) ตวั ชี้วัด(Indicator)
เวลาและยุคสมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ไทย ส 4.1 ม.4-6/1
ส 4.1 ม.4-6/2
การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทาง
ประวตั ิศาสตร์ไทย ส 4.3 ม.4-6/๑
วเิ คราะหป์ ระเดน็ สาคญั ทาง
ประวัตศิ าสตรไ์ ทย
หนว่ ยการเรยี นรู้ (Unit) จานวนชว่ั โมง
๙
รหัสวิชา(Course Code) ส31103 ๙
สาระการเรียนรู้ (Content) ๑๒
เวลาและยุคสมัย ๔๐
วธิ ีการทางประวัติศาสตร์
การสถาปนาราชธานขี องไทย
รวม
ตารางที่ 4 การออกแบบ/การวางแผนการวดั และป
หนว่ ย หลักฐานการเรียนร(ู้ Evidence of le
ที่
ตวั ช้วี ดั (Indicator) พฤตกิ รรมการเรียนรู้ แนวทา
กจิ กรรมเ
1 ส 4.1 ม.4-6/1 เวลาและยุคสมยั ทาง ทาแ
ประวตั ศิ าสตร์ไทย
2 ส 4.1 ม.4-6/2 การสรา้ งองค์ความรใู้ หม่ทาง ทาแ
ประวตั ิศาสตรไ์ ทย
3 ส 4.3 ม.4-6/๑ วเิ คราะหป์ ระเด็นสาคญั ทาง ทาแ
ประวตั ศิ าสตร์ไทย
ประเมินผลการเรยี นร(ู้ Learning Assessment Plan)
earning)และวิธกี ารวดั และประเมินผลการเรยี นร(ู้ Learning Assessment)
างการประเมิน/ หลักฐานการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล
มเพ่ือการประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมือ
แบบทดสอบ แบบฝกึ หดั ทดสอบ แบบทดสอบ
แบบทดสอบ โครงงานประวัตศิ าสตร์ นาเสนอ แบบคะแนน
แบบทดสอบ แบบฝกึ หดั ทดสอบ แบบทดสอบ
ตารางที่ ๕ ตารางกา้ หนดน้าหน
รายวิชา ประวัติศาสตรไ์ ทย
หนว่ ย รหสั ตวั ช้วี ัด / ตัวชวี้ ัด น้ำห
ที่ คะแ
1 ส 4.1 ม.4-6/2 2
2 ส 4.1 ม.4-6/1 1
3 ส 4.1 ม.4-6/1 9
4 ส 4.1 ม.4-6/1 1
5 ส 4.1 ม.4-6/1 7
6 ส 4.3 ม.4-6/1 1
7 ส 4.3 ม.4-6/1 1
8 ส 4.3 ม.4-6/2 1
รวม 10
นักคะแนนการวดั และประเมนิ ผล
รหัสวชิ า ส๓๑๑๐๓
คะแนนตำมชว่ งเวลำกำรวดั และประเมินผล
หนัก คะแนนตำมพิสัย ระหวำ่ งเรยี น กลำง ปลำย
แนน (F) ภำค ภำค
(S1) (S2) รวม
KPA
KPA K K
27 21 4 2 9 4 2 10 2 27
2 12
12 10 1 1 3 1 1 5 29
2 10
97 23 - 2 2 27
5 10
10 9 14 - 1 3 5 10
10 15
76 14 - 1 - 30 100
10 8 1 1 3 1 1 -
10 8 1 1 3 1 1 -
15 13 1 1 3 1 1 -
00 82 8 10 32 8 10 20
ตารางที่ 6 โครงสรา้ งข้อสอบระหวา่ ง
หน่วย คำสำคญั คะแนน จำนวนข้อสอบจำ
ที่ รหสั ตัวช้ีวัด (Key Word)
ระหวำ่ ง ด้ำนควำมรู้(K)แ
1 ส 4.1 ม.4-6/2 สรำ้ ง
เรยี น จำ เขำ้ ใจ ประยกุ ต
15
2 ส 4.1 ม.4-6/1 ตะหนกั 5
3 ส 4.1 ม.4-6/1 ตะหนกั 5
4 ส 4.1 ม.4-6/2 สรำ้ ง 5
5 ส 4.3 ม.4-6/1 ตะหนัก 5
6 ส 4.3 ม.4-6/2 วิเครำะห์ 5
7 ส 4.3 ม.4-6/1 วิเครำะห์ 5
8 ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ ครำะห์ 5
รวมคะแนนและจำนวนขอ้ สอบ
หมายเหตุ ตัวช้ีวัดใดจะออกขอ้ สอบ วัด จา /ใจ/ใช/้ วิ/ประ/สร้าง ใหด้ ู ผลการวเิ คราะห์เชอื่ มโยงของต
หลายคาตอบ/ CM=แบบเชิงซ้อน/Rr=แบบกล่มุ คาสมั พนั ธ์/rr=แบบจากัดคาตอบ/er=แบบขยายคาตอ
งเรียน(Formative Assessment) (F)
ำแนกตำมกระบวนกำรทำงสติปัญญำ รวม จำนวนข้อสอบ
จำนวน จำแนกตำมรปู แบบข้อสอบ
และดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรคิด
ตใ์ ช้ วเิ ครำะห์ ประเมินค่ำ สร้ำงสรรค์ ข้อสอบ MC MC Rr rr er รวม
SM
10 10 10 30 20 10 30
55 10 10 10
55 10 5 5 10
5 5 10 5 5 10
55 10 5 5 10
55 10 5 5 10
55 10 5 5 10
55 10 5 5 10
45 40 15 100 60 40 100
ตาราง 1 ตาราง 4 และตาราง 5 และจะวัดด้วยข้อสอบแบบใด(MC=แบบคาตอบเดยี ว/MS=แบบ
อบหรือไมจ่ ากัดคาตอบ)แบบละกขี่ ้อในแต่ละตวั ชวี้ ัดหรอื ผลการเรยี นรู้
ตารางท่ี 7 โครงสรา้ งขอ้ สอบกลางภ
หนว่ ย จานวนขอ้ สอบจา
ที่ รหสั ตวั ช้ีวดั
คำสำคัญ คะแนน ด้ำนควำมรู้(K)แ
(Key Word)
กลำงภำค จำ เขำ้ ใจ ประยกุ ต
1 ส 4.1 ม.4-6/2 สร้ำง 10
2 ส 4.1 ม.4-6/1 ตะหนัก 5
3 ส 4.1 ม.4-6/1 ตะหนกั 2
4 ส 4.1 ม.4-6/2 สรำ้ ง 3
5 ส 4.3 ม.4-6/1 ตะหนัก -
6 ส 4.3 ม.4-6/2 วิเครำะห์ -
7 ส 4.3 ม.4-6/1 วิเครำะห์ -
8 ส 4.3 ม.4-6/2 วิเครำะห์ -
รวมคะแนนและจานวนขอ้ สอบ
หมายเหตุ ตวั ชีว้ ัดใดจะออกขอ้ สอบ วัด จา /ใจ/ใช้/ว/ิ ประ/สรา้ ง ใหด้ ู ผลการวเิ คราะห์เช่อื มโยงของต
หลายคาตอบ/ CM=แบบเชิงซอ้ น/Rr=แบบกลุ่มคาสมั พันธ์/rr=แบบจากัดคาตอบ/er=แบบขยายคาตอ
ภาค(Summative Assessment)(S1) รวม จานวนขอ้ สอบ
จานวน จาแนกตามรูปแบบขอ้ สอบ
าแนกตามกระบวนการทางสติปัญญา ข้อสอบ
MC M CM Rr rr e รวม
และด้ำนทกั ษะกระบวนกำรคดิ 30 S r
ตใ์ ช้ วเิ ครำะห์ ประเมินค่ำ สรำ้ งสรรค์
69 15 30 30
10 5 15 15 15
6 66 6
33 3 99 9
60 60 60
ตาราง 1 ตาราง 4 และตาราง 5 และจะวดั ดว้ ยขอ้ สอบแบบใด(MC=แบบคาตอบเดียว/MS=แบบ
อบหรอื ไมจ่ ากัดคาตอบ)แบบละกีข่ ้อในแตล่ ะตัวชวี้ ดั หรอื ผลการเรียนรู้
ตารางที่ 8 โครงสร้างขอ้ สอบปลายภ
หน่วย จานวนขอ้ สอบจา
ท่ี รหสั ตัวช้วี ดั
คำสำคญั คะแนน ด้ำนควำมรู้(K)แ
(Key Word)
ปลำยภำค จำ เข้ำใจ ประยุกต
1 ส 4.1 ม.4-6/2 สรำ้ ง 2
2 ส 4.1 ม.4-6/1 ตะหนัก 2
3 ส 4.1 ม.4-6/1 ตะหนกั 2
4 ส 4.1 ม.4-6/2 สร้ำง 2
5 ส 4.3 ม.4-6/1 ตะหนกั 2
6 ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ ครำะห์ 5
7 ส 4.3 ม.4-6/1 วเิ ครำะห์ 5
8 ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ ครำะห์ 10
รวมคะแนนและจานวนข้อสอบ
หมายเหตุ ตวั ชวี้ ัดใดจะออกข้อสอบ วัด จา /ใจ/ใช้/วิ/ประ/สร้าง ให้ดู ผลการวเิ คราะห์เช่อื มโยงของต
หลายคาตอบ/ CM=แบบเชงิ ซอ้ น/Rr=แบบกลมุ่ คาสัมพันธ/์ rr=แบบจากดั คาตอบ/er=แบบขยายคาตอ
ภาค(Summative Assessment)(S2)
าแนกตามกระบวนการทางสตปิ ัญญา จานวนข้อสอบ
รวม จาแนกตามรูปแบบข้อสอบ
และดำ้ นทักษะกระบวนกำรคดิ จานวน
ขอ้ สอบ
ต์ใช้ วเิ ครำะห์ ประเมนิ ค่ำ สร้ำงสรรค์ MC M CM Rr rr e รวม
S r
4 44 4
4 44 4
4 44 4
4 44 4
4 44 4
10 10 10 10
10 10 10 10
20 20 20 20
40 12 8 60 60 60
ตาราง 1 ตาราง 4 และตาราง 5 และจะวัดด้วยข้อสอบแบบใด(MC=แบบคาตอบเดียว/MS=แบบ
อบหรอื ไมจ่ ากดั คาตอบ)แบบละกข่ี ้อในแต่ละตวั ชวี้ ัดหรือผลการเรยี นรู้
สรุป การวัดและประเมินผล วิชาประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ส 31103 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4
1.เป้าหมายการจดั การเรยี นรู้
1.1. ผูเ้ รียนมีผลการเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 50
1.2. มผี ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นเฉล่ยี 2.0
2. การใหค้ ะแนน 100 คะแนน
2.1 อตั ราส่วนคะแนน ระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30
2.2 คะแนนระหวา่ งเรียน
2.2.1 ประเมนิ วัดความรู.้ ..............................32...........................................คะแนน
2.2.2 ประเมนิ ด้านทกั ษะ............................…8………………….............คะแนน
2.2.3 ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค…์ ……10……………………..คะแนน
2.3 สอบกลางภาค ....................................20............................................คะแนน
2.4 สอบปลายภาค ..................................... 30...........................................คะแนน
3. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ทป่ี ระเมนิ คอื
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2. ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต
3. มีวินัย
4. ใฝเ่ รียนรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. มงุ่ มนั่ ในการทางาน
7. รักความเปน็ ไทย
8. มีจิตสาธารณะ
4. สมรรถนะทไ่ี ด้รบั การพฒั นาจากการเรยี นรรู้ ายวิชาน้ีคอื
1.ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี