The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การศึกษาประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 264ed000067, 2021-08-22 05:06:33

การศึกษาประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย

การศึกษาประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย

หนังสือเรยี นวิชาเลือก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทัย(3) รหัส สค13014  40

กจิ กรรมท้ายบท
เรอื่ ง ศลิ าจารกึ
กจิ กรรมที่ 1

1. หลักศิลาจารกึ ท่ี 1 เก่ยี วข้องกบั พระมหากษตั ริย์พระองค์ใดมากทีส่ ุด
ก. พอ่ ขุนรามคําแหง
ข. พระมหาธรรมราชาที่ 1
ค. พอ่ ขนุ ศรีอินทราทติ ย์
ง. พอ่ ขนุ บานเมือง

2. ใครเปน็ ผู้คน้ พบหลักศิราจารกึ พ่อขุนรามคําแหง
ก. รชั กาลท่ี 3
ข. รชั กาลท่ี 2
ค. รัชกาลท่ี 4
ง. รัชกาลท่ี 1

3. หลักศลิ าจารกึ ท่ี 1 ด้านที่ 1 กลา่ วถึงส่ิงใดเป็นสาํ คญั
ก. พระราชประวตั ขิ องพ่อขุนรามคาํ แหง
ข. การพรรณนาถงึ เมอื งสโุ ขทยั สมยั พอ่ ขนุ รามคาํ แหง
ค. การกลา่ วสรุปสรรเสริญและยอพระเกยี รติพอ่ ขุนรามคาํ แหงมหาราช
ง. กลา่ วถงึ การขยายอาณาเขตสมยั พ่อขุนรามคาํ แหง

4. ขอ้ ความใดบง่ บอดถงึ ความกลา้ หาญของพ่อขุนรามคําแหงได้เปน็ อย่างดี
ก. กไู ปตีหนงั วังชา้ งได้ กเู อามาแก่พ่อกู
ข. ไพรฟ่ ้าหน้าใสพ่อกหู นญี ญ่ายพายจแจน้
ค. พ่อกไู ปรบขุนสามชน หวั ซา้ ยขุนสามชนขบั มา
ง. กู บ่ หนี กูขี่ชา้ งเบกพล กขู บั เข้ากอ่ นพ่อกู

5. หลักศลิ าจารึกที่ 1 ด้านท่ี 3 กลา่ วถึงสง่ิ ใดเปน็ สําคัญ
ก. การกลา่ วสรุปสรรเสรญิ และยอพระเกยี รตพิ ่อขุนรามคําแหงมหาราช
ข. พระราชประวัติของพอ่ ขุนรามคําแหง
ค. อาณาเขตของอาณาจกั รเมอื งสโุ ขทัย
ง. การพรรณนาถึงเมืองสโุ ขทยั สมัยพ่อขนุ รามคาํ แหง

 

หนังสอื เรยี นวชิ าเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหัส สค13014  41

6. ขอ้ ใดมใิ ชล่ กั ษณะอักษรสมัยของพอ่ ขุนรามคําแหง
ก. ตวั ม ท่ใี ช้เปน็ ตวั สะกดใช้นฤคหติ แทน เชน่ กลํ (กลม)
ข. สระอัว ทไี่ ม่มีตัวสะกดตามใช้ วว เชน่ ตวว อ่านว่า ตวั
ค. สระอะ เมือ่ มีตัวสะกดให้ใช้พยญั ชนะซอ้ นกัน เช่น น่งง (น่ัง) , ขบบ(ขบั )
ง. มกี ารใชว้ รรณยุกต์ 4 รปู คอื ไมเ้ อก ไม้โท ไมต้ รี ไมจ้ ัตวา

7. คําวา่ “กไู ปตีหนงั วังชา้ งได”้ มคี วามหมายตรงกับข้อใดท่สี ุด
ก. ไปทาํ ยทุ ธหตั ถี
ข. ไปชนช้าง
ค. ไปคล้องช้าง
ง. ไปปลน้ ชา้ งข้าศึกมาได้

8. หลักศิลาจารกึ พอ่ ขุนรามคําแหงมหาราชมีคณุ ค่าในดา้ นใดมากทีส่ ดุ
ก. อักษรศาสตรแ์ ละประวัตศิ าสตร์
ข. รฐั ศาสตรแ์ ละประวตั ิศาสตร์
ค. อักษรศาสตร์และรฐั ศาสตร์
ง. สงั คมศาสตรแ์ ละศึกษาศาสตร์

9. หลกั ศลิ าจารกึ หลกั ท่ี 1 สรา้ งขึ้นเมอ่ื พ.ศ.
ก. 1825
ข. 1835
ค. 1845
ง. 1855

10. เมอื่ อายุ 19 ปี พอ่ ขุนรามคาํ แหงได้ออกรบและตอ่ สกู้ ับใคร
ก. พระเจ้าตองตู
ข. ขุนสามชน
ค. พระเจา้ บเุ รงนอง
ง. พระเจ้าตะเบง็ ชะเวงตี้

11. ขอ้ ใดเปน็ ท่ีมาของพระนามวา่ พระรามคําแหง
ก. ขนุ สามชนเจา้ เมอื งฉอดมาท่เมอื งสอด
ข. กูไปตหี นงั วงั ช้างได้ กเู อามาแกพ่ อ่ กู
ค. ตนกพู งุ่ ชา้ งขุนสามชนตวั ช่ือมาสเมืองแพ้
ง. ไพรฟ่ า้ หน้าใสพอ่ กหู นีญญา่ ยพายจแจน้

 

หนังสอื เรยี นวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศกึ ษาประวัตศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหสั สค13014  42

กจิ กรรมทา้ ยบท
เร่อื ง ศลิ าจารกึ
กิจกรรมท่ี 2

คาํ ส่งั ให้นักศกึ ษาตอบคาํ ถามดงั ตอ่ ไปน้ี

ขอ้ ที่ 1 หลักศลิ าจารกึ มีความสาํ คญั อยา่ งไรบา้ ง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อท่ี 2 หลกั ศิลาจารกึ ในแตล่ ะด้านมคี วามสําคญั อยา่ งไร

2.1 ดา้ นท่ี 1 กลา่ วถึงเรื่องอะไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

 

หนังสอื เรียนวชิ าเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหัส สค13014  43

2.2 ดา้ นท่ี 2 กลา่ วถงึ เรอื่ งอะไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 ด้านที่ 3 กล่าวถงึ เรื่องอะไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2.4 ด้านที่ 4 กลา่ วถงึ เร่ืองอะไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

 

หนังสอื เรียนวิชาเลือก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหัส สค13014  44

บทท่ี 5

วรรณกรรมและตาํ นานสมัยสุโขทัย

1.วรรณกรรมเร่อื ง ไตรภูมิกถา หรอื ไตรภูมิพระรว่ ง
เป็นวรรณกรรมชน้ิ เอกสมยั กรุงสโุ ขทยั นบั เป็นวรรณคดเี รื่องแรกของไทย เป็นพระราช

นพิ นธ์ใน สมเดจ็ พระศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช หรอื พระมหาธรรมราชาลไิ ทย เปน็ วรรณคดี
ไทยท่ีมีอทิ ธพิ ลต่อสงั คมไทย ตั้งแต่สมัยกรงุ สุโขทยั กรุงศรอี ยธุ ยามาจนถงึ ปัจจบุ นั เพราะได้รวบรวมเอา
คตคิ วามเชื่อทกุ แงท่ ุกมุมของทุกชนชน้ั หลายเผ่าพนั ธุ์มารอ้ ยเรียงเป็นเร่ืองราวให้ผอู้ ่านผฟู้ งั ยําเกรงในการ
กระทําบาปทจุ ริต และเกดิ ความปติ ิยนิ ดีในการทาํ บญุ ทาํ กศุ ล อาจหาญมุ่งม่นั ในการกระทาํ คณุ งามความดี

พระมหาธรรมราชาลิไทย มีพระปรีชารอบรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก อรรถกถาฎกี าอนฏุ กี า และ
ปกรณ์พิเศษต่าง ๆ พระองคย์ งั เชย่ี วชาญในวิชาโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ และไสยศาสตรจ์ นถงึ ขั้นทรง
บญั ญตั ิคมั ภรี ์ศาสตราคมเป็นปฐมธรรมเนียมสืบตอ่ มา จนถึงปัจจบุ ัน

ในปี พ.ศ.1888 พระยาลิไท อุปราชผคู้ รองนครศรีสชั นาลยั ได้ทรงนิพนธ์ไตรภมู ิกถาขนึ้ มี
สาระสาํ คัญ คอื ทรงพรรณาถงึ เรื่องการเกิด การตาย ของสตั ว์ทั้งหลายวา่ การเวยี นว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิ
ทั้งสามคอื กามภมู ิ รปู ภูมิ และอรูปภูมิ ด้วยอํานาจของบุญและบาปที่ตนได้กระทําแลว้

กามภูมิ เปน็ ทีต่ ้งั แห่งความใคร่ แบง่ ออกเปน็ สองประเภท คือ อบายภูมิ และสุคตภิ ูมิ

อบายภูมิ ยังแบง่ ออกเปน็ สี่ภูมไิ ดแ้ ก่ นรกภมู ิ ตริ ัจฉานภมู ิ เปรตภมู ิ และอสรู กายภมู ิ

นรกภูมิ เป็นทต่ี ัง้ ของสัตวท์ ท่ี าํ บาป ต้องไปรับทัณฑท์ รมานนานาประการ แบง่ ออกเปน็ ขุม

ใหญ่ ๆ ได้ แปดขุมด้วยกนั คอื

- สญั ชพี นรก มอี ายุ 500 ปี นรก (1 วันเทา่ กับ 9 ล้านปขี องมนษุ ย)์

- กาฬสุตตนรก มีอายุ 1,000 ปีนรก (1 วันเท่ากับ 36 ลา้ นปขี องมนุษย)์

- สังฆาฏนรก มอี ายุ 2,000 ปีนรก (1 วนั เทา่ กับ 145 ลา้ นปีของมนษุ ย์)

- โรรุวะนรก มอี ายุ 4,000 ปีนรก (1 วันเท่ากบั 576 ล้านปีของมนษุ ย์)

- มหาโรรุวะนรก มีอายุ 8,000 ปีนรก (1 วันเท่ากับ 2,304 ลา้ นปขี องมนษุ ย์)

- ตาปนรก มอี ายุ 16,000 ปีนรก (1 วนั เท่ากัย 9,236 ลา้ นปขี องมนษุ ย์)

- มหาตาปนรก มอี ายุยาวนานนบั ไมถ่ ว้ น

- อวีจีนรก หรือ อเวจนี รก มีอายุนับได้กัลป์หนง่ึ

ในแตล่ ะนรกยงั มนี รกบริวาร เช่น นรกขมุ ทีช่ ื่อโลหสมิ พลี เปน็ นรกบรวิ ารของสญั ชพี นรก ผ้ทู ีเ่ ปน็ ชู้กับ

สามหี รือภริยาผูอ้ ื่น จามาตกนรกขมุ น้ี จะถูกนายนิรบาลไล่ตอ้ นใหข้ ้ึนตน้ งิว้ ทส่ี งู ตน้ ละหนงึ่ โยชน์ มหี นาม

 

หนังสอื เรยี นวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศกึ ษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหัส สค13014  45

เป็นเหลก็ รอ้ นจนเป็นสแี ดงมเี ปลวไฟลุกโชนยาว 16 น้วิ ชายหญิงท่ีเปน็ ชกู้ ันต้องปนี ข้ึนลง โดยมนี ายนิร
บาลเอาหอกแหลมทม่ิ แทงใหข้ ึน้ ลงวนเวียนอยู่เช่นนนี้ บั รอ้ ยปนี รก

สาํ หรบั ผทู้ ที่ าํ บาป แตไ่ มห่ นกั พอทจี่ ะตกนรก กไ็ ปเกดิ ในท่ีอนั หาความเจรญิ มไิ ด้ อน่ื ๆ เชน่ เกดิ เป็น
เปรต อสรู กาย สตั วเ์ ดรจั ฉาน พวกที่พน้ โทษจากนรกแลว้ ยงั มเี ศษบาปติดอยกู่ ไ็ ปเกดิ เปน็ เดรจั ฉานบ้าง เป็นเปรต
บา้ ง เปน็ อสูรกายบา้ ง เป็นมนษุ ยท์ ที่ พุ พลภาพพิกลพิการ ตามความหนักเบาของบาปทตี่ นได้ทําไว้

สุคตภิ ูมิ เปน็ สว่ นของกามาพจรภูมิ หรือ กามสคุ ติภมู ิ แบง่ ออกเปน็ เจด็ ชน้ั คือ มนุษยภ์ มู ิ สวรรค์ช้นั
จตมุ หาราชิกาภมู ิ สวรรคช์ ั้นตาวตงิ สาภมู ิ (ดาวดงึ ส์ - ไตรตรงึ ษ)์ สวรรค์ชัน้ ยามาภมู ิ สวรรค์ชนั้ ตสุ ิตาภูมิ (ดสุ ิต)
สวรรค์ชน้ั นมิ มานรดภี มู ิ และสวรรคช์ ั้นปรนมิ มิตวสวัตดภี มู ิ

กามาพจรภมู ทิ ้งั เจ็ดชัน้ เป็นท่ตี งั้ อนั เต็มไปด้วยกาม เปน็ ที่ทอ่ งเทยี่ วของสัตวท์ ่ีลมุ่ หลงอย่ใู น รปู เสยี ง
กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ อนั เป็นอารมณอ์ นั พึงปรารถนา เมอื่ รวมกบั อบายภมู อิ ีกสชี่ ้นั เรียกว่า กามภมู ิสบิ เอด็ ชนั้

รปู ภมู ิ หรือรปู าวจรภูมิ ไดแ้ ก่ รปู พรหมสบิ หกช้ัน เรมิ่ ต้งั แต่พรหมปริสัชชาภูมิ ทอ่ี ยูส่ ูงกวา่
สวรรค์ช้นั หก คอื ปรนมิ มติ วสวตั ดี มากจนนับระยะทางไมไ่ ด้ ระยะทางดังกลา่ วอุปมาไว้วา่ สมมติมหี นิ
กอ้ นใหญเ่ ท่าโลหะปราสาทในลังกาทวปี หินก้อนนที้ ง้ิ ลงมาจากชน้ั พรหมปรสิ ชั ชาภมู ิ หนิ ก้อนนน้ั ใช้เวลา
ถงึ ส่เี ดือนจงึ จะตกลงถึงพนื้

จากพรหมปริสชั ชาภูมขิ น้ึ ไปถงึ ชั้นที่สบิ เอด็ ช่อื ชั้นอสญั ญภี ูมิ เป็นรปู พรหมทม่ี ีรูปแปลกออกไปจากพรหม
ชนั้ อื่น ๆ คอื พรหมชน้ั อ่ืน ๆ มีรูป มีความรูส้ กึ เคลอ่ื นไหวได้ แต่พรหมชั้นอสญั ญมี รี ปู ท่ี ไมไ่ หวตงิ ไร้อริยาบท
โบราณเรียกว่า พรหมลูกฟักครั้นหมดอายุ ฌานเสือ่ มแลว้ ก็ไปเกิดตามกรรมต่อไป

รูปพรหมทสี่ ูงขึน้ ไปจากอสัญญพี รหมอีกห้าชนั้ เรียกว่า ช้นั สทุ ธาวาส หมายถงึ ที่อยู่ของผ้บู รสิ ทุ ธิ ผู้ที่จะไป
เกดิ ในพรหมช้ันสุทธาวาสคอื ผทู้ ส่ี าํ เรจ็ เป็นพระอริยบุคคลช้นั พระอนาคามี คือเป็นผูท้ ่ไี มก่ ลับมาสโู่ ลกน้ตี ่อไป ทกุ
ทา่ นจะสําเรจ็ เป็นพระอรหันต์แล้วนิพพานในช้ันสุทธาวาสนี้

อรปู ภูมิ หรืออรูปาพาจรภมู ิ มีสช่ี น้ั เป็นพรหมที่ไมม่ ีรปู ปรากฏ ผู้ทไ่ี ปเกดิ ในภมู ิน้ีคอื ผ้ทู ีบ่ ําเพ็ญ
เพียรจนได้บรรลฌุ านโลกยี ์ชนั้ สงู สดุ เรยี กว่าอรูปฌานซง่ึ มีอยสู่ ่รี ะดับได้แกผ่ ทู้ บ่ี รรลุอากาสานญั จายตนะฌาน
(ยึดหน่วงเอาอากาศเป็นอารมณ์) จะไปเกิดในอากาสานญั จายตะภมู ิ ผู้ทีบ่ รรลวุ ญิ ญาณญั จายตนะฌาน (ยึด
หนว่ งเอาวญิ ญาณเปน็ อารมณ)์ จะไปเกดิ ในวิญญาณญั จายตะภูมิ ผู้ทบ่ี รรลอุ ากิญจัญญายตนะฌาน (ยึดหน่วง
เอาความไม่มเี ป็นอารมณ)์ จะไปเกิดในอากิญจญั ญาตนะภมู ิ และผทู้ ีบ่ รรลเุ นวสญั ญานสสญั ญายตนะฌาน (ยดึ
หน่วงเอาฌานที่สามใหล้ ะเอียดลงจนเป็นผมู้ สี ัญญากม็ ใิ ช่ ไม่มีญากม็ ใิ ช)่ จะไปเกิดในแนวสัญญานาสัญญายต
นะภูมิ พรหมเหล่านเี้ ม่อื เส่อื มจากฌานกจ็ ะกลบั มาเกิดในรูปพรหมภูมิ หรอื ภมู ิอนื่ ๆ ไดเ้ ช่นกนั

 

หนังสือเรียนวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหัส สค13014  46

การกาํ เนิดของสตั ว์ การเกิดของสัตวใ์ นสามภมู มิ อี ย่สู ีอ่ ยา่ งด้วยกันคอื
- ชลาพชุ ะ เกดิ ในครรภ์ เชน่ มนุษยแ์ ละสัตว์เดรจั ฉานบางชนิดทเี่ ลีย้ งลูกด้วยนม
- อัณฑชะ เกิดในไข่ ได้แกส่ ัตวเ์ ดรจั ฉานบางชนิด เช่น นก สัตว์เลอื้ ยคลานบางชนดิ ปลา เป็นต้น
- สงั เสทชะ เกดิ ในเถ้าไคล ได้แกส่ ตั วช์ ้ันตาํ่ บางชนิดท่ใี ชก้ ารแบง่ ตัวออกไป เชน่ ไฮดรา อมบิ า เปน็ ตน้
- โอปาติกะ เกดิ ขน้ึ เอง เม่อื เกดิ แลว้ กจ็ ะสมบรู ณเ์ ต็มท่ี เมือ่ ตายไปจะไมม่ ซี าก ไดแ้ ก่ เปรต อสูรกาย
เทวดา และพรหม เปน็ ต้น
การตายของสัตว์ การตายมีสาเหตสุ ีป่ ระการด้วยกันคือ
- อายขุ ยะ เป็นการตายเพราะสิ้นอายุ
- กรรมขยะ เป็นการตายเพราะสิ้นกรรม
- อภุ ยขยะ เปน็ การตายเพราะสิ้นทัง้ อายุ และส้นิ ทงั้ กรรม
- อปุ จั เฉทกรรมขยะ เปน็ การตายเพราะอุบัติเหตุ
นอกจากน้ันแลว้ มกี ารกล่าวถงึ สง่ิ ตา่ ง ๆ ในโลกและในจักรวาล มีภูเขาพระสเุ มรรุ าชเปน็
แกนกลาง แวดล้อมดว้ ยกาํ แพงนํา้ สที ันดรสมุทร และภเู ขาสตั ตบรรพต อนั ประกอบด้วย ภูเขายุคนธร อิ
นมิ ธร กรวกิ สทุ ัศนะ เนมินธร วนิ นั ตกะ และอสั สกณั ณะ กลา่ วถงึ พระอาทติ ย์ พระจันทร์ ดาวนพเคราะห์
และดารากรทง้ั หลายในจักรวาล เปน็ เครอ่ื งบง่ บอกใหร้ ู้วันเวลาฤดกู าล และเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ กล่าวถึงทวีป
ทั้งสที่ ี่ตัง้ อยรู่ อบภูเขาพระเมรุมาศ ชมพูทวีปอยู่ทางทิศใต้กว้าง 10,000 โยชน์ มีปรมิ ณฑล 300,000 โยชน์
มแี ผ่นดินเลก็ ลอ้ มรอบได้ 500 มีแผ่นดนิ เลก็ อยูก่ ลางทวีปใหญส่ ี่ผนื เรยี กว่า สวุ รรณทวปี กวา้ งได้ 1,000
โยชน์ มีประมณฑล 30,000 โยชน์ เป็นเมืองที่อยู่ของพญาครฑุ
การกาํ หนดอายขุ องสตั ว์และโลกทง้ั สามภูมิ มี กัลป์ มหากลั ป์ การวินาศ การอบัติ การสร้างโลก
สร้างแผน่ ดนิ ตามคติของพราหมณ์
ท้ายสุดของภูมิกถา เป็นนิพพานคถาว่าด้วยนพิ พานสมบัติของพระอรยิ ะเจา้ ท้ังหลาย วธิ ปี ฏบิ ัติ
เพอื่ บรรลุพระนพิ พาน อันเป็นวธิ ีตามแนวทางของพระพุทธศาสนา

2. วรรณกรรมเรอ่ื ง สภุ าษติ พระรว่ ง เป็นวรรณกรรมจารึกลงในแผ่นศลิ ารูปสเ่ี หลี่ยมจตุรสั
ตดิ ไวก้ บั ผนงั ด้านใน ของศาลาหนา้ พระมหาเจดยี ห์ ลังเหนอื วัดพระเชตุพน ฯ กรุงเทพ ฯ และจดไวใ้ น
สมดุ ไทยอกี หลายเลม่ กรมศลิ ปากรจดั พิมพเ์ ปน็ ครัง้ แรก เมอ่ื ปี พ.ศ.2472 มชี ่อื เรยี กอีกอยา่ งหนึง่ วา่
บัญญัตพิ ระรว่ ง เป็นภาษติ ไทยแท้ ๆ ใช้ถอ้ ยคําอย่างพ้นื ๆ เปน็ ภาษติ ไทยเก่าแก่ท่ตี ดิ ปากคนไทยสบื
มา และมากลายรูปไปในลักษณะกวนี พิ นธ์แบบต่าง ๆ แทรกอยใู่ นวรรณคดไี ทยในเวลาต่อมา เมื่อ
พิจารณาตามรปู ของวลจี ะพบว่า คล้ายคลึงใกล้เคยี งกบั จารึกพอ่ ขุนรามคาํ แหงอาจเปน็ ไปไดว้ า่ สภุ าษติ
พระรว่ งเดิมเป็นพระบรมราโชวาท ซงึ่ พระร่วง พอ่ ขนุ รามคาํ แหง ทรงแสดงสง่ั สอนประชาชนชาวไทยใน
ครง้ั น้นั

สภุ าษิตพระรว่ งเขียนเปน็ รา่ ยสภุ าพ มรี ูปแบบทกี่ าํ หนดไวต้ ายตัววา่ ในวรรคหน่งึ ๆ ใหใ้ ชค้ าํ ได้

 

หนังสือเรียนวิชาเลือก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหัส สค13014  47

วรรคละห้าคาํ คาํ สง่ สมั ผสั มีรปู วรรณยกุ ต์ใด คาํ รบั สัมผัสตอ้ งมรี ูปวรรณยุกตน์ น้ั เช่น ภายในอย่านําออก
ภายนอกอยา่ นําเข้า เป็นต้น

วรรณกรรมเร่อื งสภุ าษติ พระร่วงเปน็ วรรณกรรมมุขปาฐะของสโุ ขทัย ได้รบั การเรยี บเรียงเป็น
ร่ายสภุ าพ และจารึกเป็นวรรณกรรมลายลกั ษณ์

3. ตํานานเรอ่ื ง ไม้ชาํ ระพระรว่ ง เป็นเรอื่ งเล่าครั้งหนึ่งพระรว่ งประพาสป่าเสด็จไปลงพระ
บังคน เสรจ็ แลว้ ทรงหยิบไม้ใกล้ ๆ พระองค์มาชําระแลว้ โยนท้ิงไป ไมน้ น้ั ก็เกดิ เปน็ ต้น มีพรรณแพรห่ ลายมา
จนทกุ วนั น้ี

ไมช้ ําระพระรว่ ง หรอื แกง้ ขีพ้ ระรว่ ง ช่ืออ่นื กล้วย(จนั ทบุรี) ขพ้ี ระรว่ ง มันปลาไหล
(นครราชสมี า) เชด็ กน้ พระเจ้า (นา่ น) เชด็ ข้พี ระเจา้ (เชยี งใหม)่ ตะคาย มะหาดนาํ้ เย้ือง หมอ่ น
ดง ตายไม่ทนั เฒา่ (ภาคใต)้

แกงข้ีพระร่วงเป็นต้นไม้ สูง 5 - 20 ม. เรือนยอดเป็นพุ่มสูงถึงค่อนข้างกลมเปลือกสีเทา
เรียบเปลือกชั้นในสีนํ้าตาลคล้ํา ก่ิงอ่อน ก้านใบ และช่อดอกมีขนนุ่มสั้นคลุม ใบ เด่ียว เรียงเวียน
สลับรูปไข่แกมรูปใบหอก กว้าง 5-8 ซ.ม. ยาว 8-15 ซ.ม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเบ้ียว มน
ถงึ สอบกวา้ ง ขอบใบเรียบถึงหยัก ผวิ ใบเกล้ยี ง ถงึ มีขนเลก็ น้อยตามเส้นใบ มีเส้นใบหลัก 3 เสน้ จาก
โคนใบ ก้านใบยาว 0.5-1 ซ.ม. ดอก เล็ก ออกเป็นชอ่ สน้ั ๆ ตามง่ามใบ ผล รูปไข่ กว้างประมาณ
0.5 ซ.ม. ยาวประมาณ 0.7 ซ.ม. ปลายผลเป็นติ่งคล้ายง่ามหนังสต๊ิก ซ่ึงเจริญมาจากปลายก้านเกสร
เพศเมีย เมือ่ สุกสแี ดง

แก้งขี้พระร่วงมีการกระจายพันธุ์ในป่าเบญจพรรณและป่าดิบทางภาคเหนือ ตะวันออก ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ท่ีความสูงระดับทะเลปานกลาง 150 – 600 ม. ในต่างประเทศพบท่ี
ศรลี งั กา บงั คลาเทศ พมา่ ลาว กัมพชู า เวยี ดนาม มาเลเซยี อนิ โดนเี ซีย และฟลิ ิปปนิ ส์

เนื้อไม้ของแก้งขี้พระร่วงกล่ินเหม็น ไม่ได้นํามาใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง แต่มักนํามาปรุงเป็น
ยาขบั ถา่ ยพยาธไิ ส้เดือนในเด็ก

 

หนังสอื เรียนวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหัส สค13014  48

ภาพจิตรกรรมฝาผนงั ดา้ นในอโุ บสถวัดศรมี งคล บา้ นนาทราย ตําบลวังบาล อําเภอหลม่ เกา่

จังหวดั เพชรบรู ณเ์ ป็นรูปสตรกี าํ ลงั นั่งถ่ายอุจจาระ ถอื ไม้อยใู่ นมือขวา มหี มากาํ ลงั นัง่ คอยกาํ จดั ปฏกิ ูลอยใู่ กล้ ๆ

หมู่ จดหมายเหตุ ร.4 จ.ศ.1228

ช่อื ร่างสารตราถึงพระยาสุโขทยั พระยากําแพงเพชร ว่าด้วยต้องพระราชประสงค์หอยก้นตัดไมช้ าํ ระ

พระร่วง ให้แตง่ กรมการไปส่งโดยเร็ว

เลขที่ 51 สมุดไทยดาํ พ.ศ. 2409

ประวัติ ได้มาจากกระทรวงมหาดไทย

หนังสอื เจา้ พระยาภธู ราภัยฯ มาถึง พระยากาํ แพงเพชร พระยาสโุ ขทยั กรมการเมอื งกําแพงเพชร
กรมการเมอื งสโุ ขทัย ดว้ ยจะตอ้ งพระราชประสงค์หอยกน้ ตัดสกั 9 ชะลอม ไมช้ ําระพระรว่ ง 30 ต้น 40 ตน้ และ
หอยก้นตดั ทีเ่ มอื งกาํ แพงเพชรชุกชุม ไมช้ าํ ระพระรว่ งที่เมืองสุโขทยั มมี ากนน้ั ใหพ้ ระยากาํ แพงเพชร พระยาสุโขทยั
กรมการ แตง่ หลวงขุนหมืน่ กรมการไปเท่ยี วหาหอยก้นตดั ท่แี ขวงเมอื งกําแพงเพชร ไมช้ าํ ระพระร่วงทแี่ ขวงเมอื ง
สุโขทยั ใหไ้ ด้ เรง่ แต่งกรมการคมุ ลงไปสง่ ณ กรงุ เทพฯ โดยเร็ว

สารตรามา ณ วนั อาทติ ย์ ขนึ้ 8 คาํ่ เดือน 6 ปีขาลอฐั ศก

ต้นฉบบั จดหมายเหตฉุ บับน้ี เกบ็ อยู่ท่งี านบรกิ ารภาษาโบราณ หอสมดุ แห่งชาติ กรงุ เทพมหานคร.

คาํ อธบิ ายไมช้ ําระพระรว่ งและตน้ ชําระพระรว่ ง ณ อุทยานแห่งชาตริ ามคําแหง อาํ เภอคีรีมาศ

 

หนงั สือเรยี นวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหสั สค13014  49

4. ตาํ นานเรือ่ ง ปลากา้ งพระรว่ ง มตี ํานานเลา่ ว่า ณ เมอื งศรีสัชนาลัย เจา้ เมืองมลี ูกชายชื่อว่า
รว่ ง เมือ่ เหน็ วา่ ลูกของตนไมม่ เี พ่ือนเล่น พ่อจงึ ไปขอเพ่อื นเลน่ ใหล้ ูกท่ศี าลเทพารกั ษ์แห่งหนึง่ ร่งุ เช้าปรากฏ
ว่ามีไม้แกะเป็นรปู เดก็ วางไว้ท่ศี าล ตกกลางคนื พอเดือนตกแล้วพ่อของรว่ งซึง่ กลับไปท่ศี าลอีกครัง้ ไดย้ นิ
เสียงเด็กไมพ้ ดู ทักทาย จงึ ดใี จนาํ มาเปน็ เพือ่ นเลน่ กับลูก โดยตง้ั ช่อื ให้วา่ ลอื

ต่อมาในวนั มาฆบชู า พอ่ ได้ถามรว่ งและลอื ว่าลูกท้ังสองต้องการจะสรา้ งอะไรในศาสนาบ้าง รว่ ง
และลอื จงึ บอกพอ่ ว่าจะสรา้ งเจดีย์ พอ่ จึงใหช้ ่างสร้างเจดยี ์ข้นึ สององค์ ซงึ่ เจดียข์ องร่วงแต่แรกนน้ั สวยกว่า
ของลือ ลือจึงให้สรา้ งเจดยี ข์ องตนสูงกวา่ ของร่วง ร่วงเหน็ เขา้ ไม่พอใจจึงเตะยอดเจดยี ์ของลอื หักกระเดน็ ไป
ตกทีจ่ ังหวัดลพบุรี (กลายเปน็ ยอดเจดีย์หักในจงั หวัดลพบุรี ส่วนเจดยี ์ของรว่ งกับลอื ยงั อยใู่ นจังหวดั สโุ ขทยั )

ปลาก้างพระรว่ งปลาท่ีพระรว่ งใช้วาจาสทิ ธ์ปิ ลาเหลา่ นชี้ าวเมืองสุโขทยั ไม่กินและไมท่ ําร้ายถือเป็นปลา
ศกั ด์ิสทิ ธ์ขิ องพระรว่ งเจา้

วันหนง่ึ รว่ งเกบ็ มะขามเทศใสย่ ่ามเดนิ กนิ ท้ิงเมล็ดไปตลอดทางในระยะสี่กิโลเมตร ตอ่ มาเกดิ เปน็
ต้นมะขามเทศงอกและโตข้ึน ณ สองฟากถนนและมีช่องวา่ งเป็นทางสําหรับเลน่ วา่ ว พ่อจึงทาํ วา่ วจฬุ าให้
ร่วงและทําวา่ วปักเป้าใหล้ อื วา่ วของรว่ งมักจะตกอย่เู สมอ ร่วงพูดขนึ้ ว่าขอให้วา่ วของลือสายขาดซง่ึ กเ็ ปน็ ไป
ตามนนั้ รว่ งจงึ ใหล้ อื มาเปน็ คนคอยส่งว่าวให้ ต่อมารว่ งได้ท้าแขง่ กบั คนต่างอาํ เภอและต้องรอคูแ่ ขง่ อยจู่ น
เย็น ขณะทาํ การแขง่ ขัน ร่วงวิ่งสะดดุ หนิ ลม้ ลง เขา่ ท้ังสองข้างจึงกระแทกพืน้ ดินอย่างแรงเกิดเป็นรอยดนิ
ยบุ ลงไปเป็นรูปวงกลมสองบ่อ ร่วงจงึ บอกว่าขอให้บ่อท้ังสองนจี้ งมีนา้ํ ซึมอยู่ตลอดปี แมจ้ ะมีคนมาตกั กไ็ ม่
แหง้ ชาวสโุ ขทัยจงึ ถือกนั วา่ เป็นบอ่ นํ้าศักด์ิสิทธิ์

หลังจากเลิกแข่งวา่ ว ร่วงกับลือก็เดินทางกลบั บ้าน พอดีพบพ่อค้าปลา ร่วงหวิ ขา้ วจงึ ขอปลามาปิ้ง
กนิ พ่อค้าบอกวา่ จะเอาปลาไปเลยี้ ง ร่วงว่าขอแต่เน้ือเท่าน้ัน สว่ นตวั ปลาจะเอาไปเล้ยี งกต็ ามใจเถดิ แล้ว
เอามีดเหลาโครงวา่ วปาดแกม้ ปลาจนถึงหางทั้งสองข้าง สว่ นหวั กับกา้ งนั้นโยนลงไปในบอ่ นํ้าท่ีอยู่ใกลๆ้ นั้น
พรอ้ มสั่งให้ปลามชี วี ติ ข้นึ มา กลายเปน็ ปลากา้ งตามทเ่ี ลา่ มาในตอนตน้ พ่อค้าสอบถามรู้ว่าเป็นผมู้ ีบุญก็ยก
ปลาให้กินทง้ั หมด รว่ งกินอิ่มแลว้ จึงคืนให้พอ่ ค้าปลาไปหน่ึงกระป๋อง และสั่งว่าเมอ่ื กลับถงึ บา้ นค่อยเปิดออก
ดูจะไดข้ องดเี ป็นส่ิงท่ที กุ คนตอ้ งการ คร้ันถึงบ้านเมื่อพ่อคา้ ปลาเปดิ กระป๋องออกดกู เ็ ห็นมที องคาํ อยเู่ ต็ม
กระป๋อง จงึ นําเร่อื งน้ีไปบอกกับเพอื่ นบ้าน ชาวบ้านจึงตา่ งออกตามหาร่วงแต่กไ็ มพ่ บ

 

หนังสอื เรยี นวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหสั สค13014  50

ต่อมาไดม้ ีการประกาศคน้ หาผูม้ ีบุญใหเ้ ป็นเจ้าเมืองครองกรุงสุโขทยั ร่วงจึงไดร้ บั คัดเลือกเป็น
พระเจ้าแผ่นดนิ ทรงพระนามว่า “พระร่วง” แตบ่ างตาํ นานเรยี กพระนามว่า พระเจา้ ศรีจนั ทราธบิ ดี
ปลาก้างพระรว่ ง
ช่ือไทย กา้ งพระรว่ ง ผี กระจก
ชือ่ องั กฤษ Glass cat fish
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Kryptopterus Bieirshis (Cuv. and Val.)
ถิน่ ทอี่ าศยั ธารน้ําไหล บรเิ วณเชงิ เขาในภาคตะวันออกและภาคใต้ แม่นํ้าบางแหง่ ในภาคกลางของ
ประเทศไทย อนิ โดนเี ซียทีเ่ กาะบอรเ์ นยี วและ สุมาตรา ลักษณะลําตัวยาวแบน ขา้ งคล้ายกับปลาเนือ้ ออ่ น
แต่มขี นาดเลก็ ลําตัวมีลกั ษณะโปร่งใสจนสามารถมองเห็นโครงกระดูกภายใน มหี นวด 2 คู่ หนวดคูแ่ รก
บนขากรรไกรบนมขี นาดยาดและชี้ไปทาง สว่ นด้านหน้า ส่วนคู่ท่ี 2 อยบู่ นขากรรไกรลา่ งมขี นาดสัน้ ครบี
หลงั มีขนาดเลก็ และส้ันมากแทบมองไมเ่ ห็น ครบี กา้ นยาวจนถงึ ครีบหางเป็น

ปลาทีช่ อบลอยตวั อย่กู ับทแี่ ละรวมตวั กันเปน็ ฝงู จัดเป็นปลาท่ีเหมาะจนนาํ มาเลยี้ งเปน็ ปลา

สวยงามมาก เน่ืองจากเป็นปลาลักษณะแปลกเล้ยี งงา่ ย และขนาดพอเหมาะกล่าวคือขนาดโดยท่วั ไปเฉลย่ี

ประมาณ 8-10 เซ็นตเิ มตร สูงสดุ ไมเ่ กิน 15 เซนตเิ มตรและยงั เป็นปลาที่สามารถรวบรวมได้จากธรรมชาติ

ปัจจุบันไดม้ ีผรู้ วบรวมปลาชนิดน้สี ่งไปจําหน่ายต่างประเทศเปน็ จํานวนมาก อาหารทีเ่ หมาะสมของปลา

ชนดิ น้ีคอื แพลงค์ตอนสัตวแ์ ละตัวออ่ นแมลงนํา้ ทีม่ ชี วี ิต ทมี่ า : วันเพญ็ มีนกาญจน.์ ปลาไทยในสถานแสดง

พนั ธ์ปลานํ้าจืด.กรงุ เทพมหานคร.ศิวพร.2528 หนา้ ที่ 53. ผเู้ รียนจะดูปลาชนิดนี้ได้ท่ตี ้เู ล้ียงปลาก้างพระรว่ ง

ของพพิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติรามคําแหง

5. ตาํ นานเร่ือง พระรว่ งนางคาํ เป็นตํานานรักของหนุ่มสาวในสมยั พระร่วงเจ้า กลา่ วตาม

ประวตั คิ วามเป็นมา ระหว่างพระรว่ งเจ้าและสาวงามเรียกว่า นางคาํ ซง่ึ เป็นสาวงามในสมัยนน้ั ได้พบรัก

กันในเวลาตอ่ มา พอพระรว่ งเจ้ารวู้ ่านางคําหนมี า พระรว่ งจึงรีบเรง่ ติดตามนางคาํ มา ด้วยความรีบร้อน

และขาดความระมดั ระวงั พระรว่ งเจ้าเกดิ ตกหลมุ จงึ เกิดบ้านสามหลมุ ในปจั จุบนั และเม่ือเดนิ ทางตอ่ มา

ไดเ้ กิดสะดุดตอ ในสถานทีเ่ ดนิ ผา่ น ได้เกดิ บา้ นแสนตอ ไดเ้ สยี จติ เสียใจ ท่สี ะดดุ ตอและหกลม้ ทาํ ใหเ้ กดิ

เป็นชือ่ บ้านเสียจิต ในปัจจบุ ันได้เปลยี่ นเป็น บ้านสารจิตร เมอื่ พระรว่ งเจ้าเกดิ ความเหน่อื ยออ่ นเพราะ

ตามนางคําไม่ทนั จึงได้นงั่ คุกเข่าที่บ้านคกุ ตั้งแต่น้ันมา ปู่ ยา่ ตา ยาย จงึ ได้เลา่ ขานเป็นตาํ นานชอื่ หมู่บ้าน

ตงั้ แตน่ ้ันมาและเมื่อประชากรเพมิ่ มากขึ้นจงึ ไดม้ ีการแยกหมูบ่ า้ น เป็น 14 หมู่บา้ นในปัจจบุ นั และพฒั นา

มาสู่ความเจรญิ

คําขวญั ตาํ บลสารจติ ร

จติ รเป็นแกน่ สาร ตาํ นานพระรว่ งนางคํา

อุดมดว้ ยนา้ํ ลาํ ห้วยแมท่ า่ แพ งามแท้หนองจระเข้

พืน้ เพวัฒนธรรมโบราณ ลกู หลานหา่ งไกลยาเสพตดิ

 

หนงั สอื เรยี นวชิ าเลือก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศกึ ษาประวัตศิ าสตรส์ ุโขทยั (3) รหสั สค13014  51

6. ตาํ นานเรื่อง พระร่วงพระลือ จากคําบอกเลา่ สบื ต่อกนั มาว่า เดมิ จําหลกั จากงาดําของ
ช้างเผือกเป็นศิลปะสโุ ขทัย ตอ่ มามีการหลอ่ ด้วยสาํ ริดศิลปะอยธุ ยา ลักษณะประทบั ยนื ตรง ยกพระหตั ถ์
ทงั้ สองตั้งเสมอพระอุระ ทรงพระมาลาทีช่ าวบ้านเรยี กวา่ หมวกชโี บ ครองจีวรคลมุ ยาวถงึ พระชงฆ์ องค์
พระรว่ งสงู 38 เซนติเมตร กว้าง 8 เซนติเมตร องคพ์ ระลือสงู 34 เซนติเมตร กว้าง 7 เซนติเมตร ปัจจุบัน
ตงั้ แสดงอยู่ทพ่ี ิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาตริ ามคําแหง

พงศาวดารเหนือกล่าวประวัติพระรว่ งกษัตรยิ ผ์ ู้ครองกรุงสุโขทัยวา่ พระบดิ าเป็นมนุษยพ์ ระ
มารดาเปน็ นางนาค พระบิดาเดมิ ครองนครหรภิ ญุ ไชย ทรงพระนามว่าอภัยคามมะนี ท่านได้ไปจําศลี
ภาวนาอย่บู นภูเขาแหง่ หน่งึ ไดม้ ีนางนาคจําแลงกายเปน็ มนษุ ยข์ น้ึ มาเทยี่ วเลน่ ได้พบพระยาอภยั คามมะนี
แล้วเกดิ รกั ใครก่ นั ไดอ้ ยู่รว่ มกันเปน็ เวลาเจด็ วนั นางนาคกก็ ลบั สู่เมอื งบาดาล เมอื่ ใกลค้ ลอดบตุ รจงึ ได้ขน้ึ
จากบาดาลไปยังภเู ขาท่เี คยพบพระยาอภัยคามมะนี และคลอดบตุ รชาย ณ ท่ีน้นั แลว้ วางบุตรบนผ้า
กัมพล พรอ้ มท้งั วางพระธํามรงคท์ ี่ได้รับประทานจากพระยาอภัยคามมะนี อธิษฐานขอให้พ่อลูกพบกนั
แลว้ กลับไปบาดาล

มพี รานป่าผู้หน่งึ มาพบทารกจึงนําไปเล้ยี ง เมอ่ื กุมารเจริญวัย เป็นผมู้ บี ุญญาธกิ าร มีวาจาสิทธิ์
วนั หน่งึ พระยาอภัยคามมะนี มพี ระราชประสงคจ์ ะสร้างพระราชนเิ วศน์เพ่ิมเตมิ จงึ ประกาศใหร้ าษฎรไป
ชว่ ยกนั ตดั ไม้มาสรา้ งถวาย พรานป่ากไ็ ดพ้ าบุตรบุญธรรมไปร่วมตดั ไม้ดว้ ย กมุ ารกแ็ สดงฤทธิ์ด้วยการใช้
วาจาสิทธิ์ให้ไดไ้ มม้ าโดยไม่ตอ้ งลงแรงตัด ความทราบถงึ พระยาอภัยคามมะนี จงึ รบั ส่ังใหล้ กู นางนาคเขา้
เฝา้ เมอื่ ไดซ้ ักถามประวตั ิจนทราบว่า เปน็ พระโอรสจึงรบั เขา้ ไว้ในเศวตฉตั ร และทรงต้ังพระนามว่า อรณุ
กมุ าร พระยาอภัย ฯ มีโอรสกับพระมเหสีอกี องคห์ น่งึ มพี ระนามวา่ ฤทธิกุมาร เม่ือโอรสทัง้ สองเจริญวัย
ก็ไดท้ รงสขู่ อพระธดิ าผคู้ รองนครศรีสัชนาลยั มาอภเิ ษกสมรสกับอรุณกมุ าร เมอื่ พระยาอภยั ฯ สวรรคต
อรณุ กมุ าร กไ็ ด้ครองนครศรสี ัชนาลยั ควบคู่กับนครสุโขทยั ทรงพระนามวา่ พระรว่ งพระองคไ์ ดท้ รงสขู่ อ
พระธดิ าเจา้ เมืองเชียงใหม่ ให้อภเิ ษกสมรสกบั ฤทธิกมุ าร และหลังจากเจา้ เมืองเชยี งใหมส่ วรรคตแลว้
เจ้าฤทธิกุมารกไ็ ดค้ รองเมอื งเชียงใหมไ่ ดพ้ ระนามใหมว่ ่า พระลอื

7. ตํานานเร่อื ง พระร่วงส่วยนา้ํ มีตาํ นานเรอ่ื งพระรว่ งอกี เรือ่ งหนง่ึ กล่าววา่ พระรว่ งเป็นบุตร
ของนายคงเครา นายกองสง่ ส่วยนา้ํ เมืองลพบรุ ี ในครงั้ นัน้ พระเจา้ แผ่นดนิ ขอมแห่งกรงุ กมั พูชามเี มืองข้นึ ที่
ต้องสง่ เครอ่ื งบรรณาการเป็นจํานวนมาก ในจํานวนดังกล่าวมีเมอื งลพบรุ อี ยู่ด้วย เมืองลพบรุ ตี ้องส่งสว่ ย
นํา้ เป็นเครื่องบรรณาการเป็นประจําทกุ ปี นายคงเครามบี ตุ รคนหนึ่งชอ่ื นายร่วง เปน็ คนมบี ญุ ญาธิการ มี
วาจาสทิ ธ์ิ เมอ่ื ตอนที่มีอายุสบิ เอ็ดปี เขาพายเรอื ทวนนา้ํ นานเข้าจึงเหน็ดเหนอ่ื ยมากถึงกับออกปากว่า
"ทําไมนา้ํ จงึ ไม่ไหลไปทางโน้นบา้ ง" พอพดู ขาดคาํ ก็ปรากฏว่าสายน้าํ ได้ไหลย้อนกลบั ไปในทางทจี่ ะไปทนั ที
นายรว่ งเม่ือรูว้ ่าตนมีวาจาสิทธกิ์ ็เกบ็ เรอ่ื งไว้เปน็ ความลับไม่บอกให้ใครรู้

เมื่อนายคงเคราชราภาพลง นายร่วงจึงรับหนา้ ที่ส่งส่วยน้ําแทนบดิ า เขาคดิ หาวิธกี ารทาํ ภาชนะ
ใส่นาํ้ ส่งเจ้ากรงุ กัมพูชา เปน็ ภาชนะทีเ่ บาและจนุ ํา้ ได้มากโดยใช้ไมไ้ ผ่มาจกั สานเปน็ ชะลอม (คร)ุ ขน้ึ เป็น
จํานวนมาก แลว้ นําไปตกั นํ้าในทะเลชบุ ศร ลนั่ วาจาสิทธิใ์ ห้นา้ํ ไมร่ ัว่ ออกจากชะลอม น้าํ ก็อยใู่ นชะลอมไม่

 

หนงั สอื เรียนวชิ าเลือก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหัส สค13014  52

รัว่ ไหลออกมา เมอื่ นาํ ไปถวายพระเจ้ากรุงกมั พชู าทรงเห็นเป็นท่อี ัศจรรย์ และทรงวิตกวา่ บดั นีม้ คี นมบี ญุ
เกิดข้นึ แล้ว ถ้าปล่อยไว้จะเป็นอนั ตรายต่อกรุงกัมพูชา ควรทีจ่ ะกาํ จดั นายร่วงเสยี โดยเร็ว จงึ ได้ตรัสสงั่ ให้
นายเดโชชยั นายทหารคู่พระทยั ดําเนินการกําจดั นายร่วงเสยี

ฝ่ายนายร่วงเมอื่ ได้ทราบวา่ พระเจา้ กรงุ กมั พชู าคิดกําจดั ตน จงึ หลบหนจี ากเมอื งลพบรุ ีข้ึนมา
บวชเปน็ พระภิกษทุ ี่วดั มหาธาตุ เมอื งสโุ ขทัย นายเดโชชัย เป็นผู้มวี ิชาอาคมแกก่ ลา้ ก็ไดต้ ดิ ตามนายร่วง
มาถึงเมืองสุโขทัย เม่อื มาถึงกาํ แพงเมอื งสุโขทยั กใ็ ชอ้ ทิ ธิฤทธด์ิ ําดินลอดใต้กาํ แพงเมืองเขา้ มาโผลข่ นึ้ ใน
ลานวัดมหาธาตุ ขณะนั้นพระภกิ ษพุ ระรว่ งกาํ ลังกวาดลานวดั อยู่ นายเดโชชยั จึงเข้าไปถามวา่ รไู้ หมวา่
นายรว่ งท่ีมาจากเมืองลพบรุ ีน้ันขณะน้ีอยู่ทไ่ี หน พระภิกษรุ ่วงก็ร้ทู นั ทวี ่าคนผูน้ ้ีตามมาทําร้ายตน จงึ ได้
กลา่ ววาจาออกไปว่า "สจู งอยู่ทีน่ ี่เถดิ รปู จะไปบอกนายร่วงให้" พอพดู ขาดคาํ ร่างของนายเดโชชัยก็
กลายเปน็ หนิ ไปทันที เมอ่ื ชาวบ้านเมืองสุโขทยั รู้วา่ พระภิกษรุ ่วงมีวาจาสิทธ์ิ สาปขอมให้กลายเป็นหินได้
จงึ มีความเคารพศรัทธาเปน็ อย่างย่งิ เม่อื เจ้าเมืองสุโขทัยสน้ิ แล้ว จึงไดพ้ ากนั อาราธนาให้พระภกิ ษุรว่ งลา
สิกขา แลว้ ข้ึนครองเมอื งสโุ ขทยั ทรงพระนามว่า พระเจา้ ศรจี ันทราธิบดี ทรงปกครองบ้านเมืองด้วย
ทศพธิ ราชธรรม นําความรม่ เย็นเป็นสุขมาสปู่ ระชาชน และบา้ นเมอื งกเ็ จรญิ รงุ่ เรืองสบื ตอ่ มา

สาํ หรบั รปู คนที่เปน็ หินนน้ั ชาวบ้านเรยี กว่า ขอมดําดิน ปัจจบุ ันถกู คนทบุ ตจี นแตกหักเป็นเศษ
เล็กเศษนอ้ ย ทางราชการได้นําไปไว้ท่ีศาลพระแมย่ า่ หน้าศาลากลางจงั หวัดสุโขทยั

 

หนงั สือเรียนวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหสั สค13014  53

กจิ กรรมทา้ ยบท
เร่ืองวรรณกรรมและตาํ นานสมยั สโุ ขทยั

กจิ กรรมท่ี 1

คาํ ชแ้ี จง : ใหน้ ักศกึ ษาเลอื กคาํ ตอบที่ถูกทส่ี ดุ เพยี งคาํ ตอบเดียว

1. เรอื่ งไตรภูมิพระรว่ ง มีลักษณะการแตง่ เปน็ แบบใด

ก. ร้อยแก้ว ข. โคลงส่ีสภุ าพ

ค. กลอนสภุ าพ ง. รา่ ยสภุ าพ

2. จุดประสงคข์ องการแตง่ เร่ืองไตรภูมพิ ระร่วงคือขอ้ ใด

ก. เพ่ืออธิบายพระอภธิ รรม ข. เพ่ือส่ังสอนพระพทุ ธศาสนา

ค. เพ่ือเทศนาโปรดพระราชมารดา ง. ถกู เฉพาะขอ้ ข และ ค

3. บคุ คลในข้อใดเป็นผ้เู ปล่ียนชื่อจากเตภูมิกถา มาเป็น ไตรภูมิพระรว่ ง

ก. เจ้าพระยาธรรมศกั ดมิ์ นตรี ข. สมเด็จฯกรมพระยาดาํ รงราชานภุ าพ

ค. พระมหานาค วดั ทา่ ทราย ง. พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว

4. เร่ือง ไตรภูมิพระรว่ ง ผูท้ รงพระราชนพิ นธไ์ ดศ้ ึกษาคน้ ควา้ จากคัมภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาเป็นจาํ นวนทงั้ สนิ้ ก่ี

คัมภรี ์

ก. ๒๐ คมั ภีร์ ข. ๒๔ คมั ภรี ์

ค. ๒๘ คัมภรี ์ ง. ๓๐ คมั ภีร์

5. คาํ วา่ ไตรภูมิ หมายถึงข้อใด

ก. นรก มนุษย์ สวรรค์ ข. อดีต ปัจจุบนั อนาคต

ค. กามภมู ิ รูปภมู ิ อรูปภมู ิ ง. บาดาล มนษุ ย์ สวรรค

6. ถ้อยคําหรอื ขอ้ ความทีม่ คี วามหมายเป็นคติ เราเรยี กวา่ อะไร

ก. โวหาร ข. สนุ ทรพจน์

ค. สภุ าษติ ง. คาํ พังเพย

7. ถอ้ ยคําหรอื ข้อความทกี่ ล่าวสบื ตอ่ กนั มาเพือ่ ตีความใหเ้ ขา้ กบั เรอื่ ง เราเรยี กวา่ อะไร

ก. โวหาร ข. สนุ ทรพจน์

ค. สภุ าษิต ง. คาํ พงั เพย

 

หนังสอื เรยี นวชิ าเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหสั สค13014  54

8. สํานวนในขอ้ ใดไม่ไดม้ าจากธรรมชาติ

ก. กระต่ายตืน่ ตูม ข. ฝนตกไมท่ ่วั ฟา้

ค. ไมง้ ามกระรอกเจาะ ง. ปลาหมอตามเพราะปาก

9. สํานวนในขอ้ ใดท่มี ีความหมายไปในทางสั่งสอนใหร้ ะมดั ระวังในการดํารงชีวิต

ก. เกยี่ วแฝกมงุ ปา่ ข. จับงขู า้ งหาง

ค. กนิ น้าํ ไม่เผอ่ื แลง้ ง. ไมด่ ตู าม้าตาเรอื

10. "อยู่ดไี มว่ า่ ดี ไปเอาลกู เขามาเลี้ยง เปน็ การ ...............แท้ ๆ"

ก. แกว่งเท้าหาเสี้ยน ข. หาเหาใส่หัว

ค. เอามือซกุ หบี ง. พุ่งหอกเขา้ รก

11. ขอ้ ใดมีเนอื้ หาคาํ สอนตา่ งจากพวก

ก. อยา่ ใฝ่ตนให้เกิน ข. มสี นิ อยา่ อวดมงั่

ค. รักตนกวา่ รกั ทรัพย์ ง. จงยงิ่ ย่งิ ผูม้ ศี กั ด์ิ

12. .ใครเปน็ ผมู้ ีสว่ นเกี่ยวขอ้ งในการชําระภาษาถ้อยคาํ ในสุภาษิตพระร่วงฉบับท่ีนักเรยี นอา่ น

ก. พ่อขนุ รามคาํ แหง ข. ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

ค. สมเดจ็ กรมพระปรมานชุ ติ ชิโนรส ง. ราชบัณฑิตยสถานของไทย

13. คาํ สอนใดบอกให้ปฏบิ ัติ

ก. อย่ามัวเมาเนืองนิตย์ ข. คบขุนนางอยา่ โหด

ค. อยา่ ใฝ่เอาทรพั ยท์ า่ น ง. สร้างกุศลอย่ารู้โรย

 

หนงั สือเรยี นวชิ าเลือก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหสั สค13014  55

กิจกรรมท้ายบท
เรอ่ื งวรรณกรรมและตํานานสมยั สโุ ขทัย

กิจกรรมที่ 2

คําชแ้ี จง ใหน้ กั ศกึ ษาตอบคาํ ถามให้ถูกตอ้ ง
1. นรกภูมิ มที งั้ หมดกข่ี มุ อะไรบ้าง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ไตรภูมพิ ระร่วง มีลักษณะการแตง่ พเิ ศษอย่างไร 
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

หนังสือเรยี นวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหัส สค13014  56

ตอนท่ี 2 ตอบคาํ ถามตอ่ ไปน้ี
1. คาํ สอนในสภุ าษติ พระรว่ งมีจดุ มุง่ หมายทจ่ี ะสอนใครบา้ ง
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
2. ตรับตรติ รองปฏบิ ตั ิ หมายถึง
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
3. ผิจะจบั จบั จงม่ัน หมายถงึ
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
4. อยา่ ต่นื ยกยอตน หมายถงึ
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
5. เข้าเถื่อนอย่าลืมพรา้ หมายถึง
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
6. อาสาเจ้าจนตัวตาย อาสานายจงพอแรง หมายถึง
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
7. อย่าใจเบาจงหนกั หมายถึง
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
8. ภกั ดีจงอย่าเกยี จ หมายถงึ
.................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

 

หนังสอื เรยี นวิชาเลือก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศกึ ษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทัย(3) รหสั สค13014  57

9. ถา้ รวู้ ่ามีกําลังน้อย กอ็ ย่าอาจหาญไปแขง่ กบั คนทม่ี กี าํ ลงั มาก ตรงกบั สุภาษิตว่า
.......................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
10. สภุ าษิตทส่ี อนใหเ้ ราอย่าหาเรื่องใสต่ ัวจนเกดิ ฟอ้ งร้องเปน็ คดคี วาม คือ
.................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

 

หนังสือเรยี นวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหัส สค13014  58

แนวการตอบกิจกรรมทา้ ยบท
เรอื่ งวรรณกรรมและตํานานสมัยสโุ ขทัย

เฉลย
1.ก 2. ค 3. ข 4.ง 5.ค 6.ค 7. ง 8. ก 9.ค 10.ข 11.ง 12.ค 13.ง

เฉลย ยา
ขอ้ ที่ 1. 6 ขมุ
1. นรกภูมิ เปน็ แดนของสตั ว์นรก
2. ดริ ัจแนภมู ิ เป็นแดนของสัตว์ท่ีเจรญิ ตามขวาง
3. เปตภูมิ เปน็ แดนของเปรตทเ่ี คยเปน็ มนุษย์และทําความช่ัว เกดิ เปน็ เปรต
4. อสรุ กายภมู ิ เปน็ แดนของยกั ษม์ ารหรอื ผีทห่ี ลอกมนษุ ยใ์ ห้ตกใจกลวั
5. มนสุ สภูมิ เปน็ แดนของมนษุ ย์
6. ฉกามาพจร เป็นแดนของเทวดาที่ยงั เกีย่ วขอ้ งในกาม มี ๖ ช้ัน คือ จาตมุ หาราชิกา ดาวดึงส์
มะ ดสุ ิต นิมมานรดี ปรนมิ มิตวสวดี

 

หนงั สอื เรียนวิชาเลือก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหสั สค13014  59

เฉลยทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรยี น

1. ค
2. ง
3. ค
4. ก
5. ข
6. ค
7. ง
8. ค
9. ง
10. ค
11. ก
12. ค
13. ง
14. ข
15. ก
16. ค
17. ง

 

หนังสือเรียนวชิ าเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวิชาการศึกษาประวตั ศิ าสตรส์ ุโขทัย(3) รหัส สค13014  60

แนวการตอบกจิ กรรมท้ายบท
เรื่อง ความเปน็ มาของประวัตศิ าสตร์สมยั สโุ ขทัย

1. ยคุ ก่อนอาณาจกั รสโุ ขทยั (กอ่ นปี พ.ศ. 1761)
ในระยะกอ่ นปี พ.ศ. 1761 อาํ นาจของอาณาจกั รเขมรรงุ่ เรืองมากในดนิ แดนสวุ รรณภูมิ โดยมี

ศูนยก์ ลางอํานาจทางล่มุ แมน่ าํ้ เจ้าพระยาอยู่ท่เี มืองละโว้ (ลพบุรี) เขมรมกี ารปกครองแบบราชาธปิ ไตย
กษตั ริยจ์ ะสง่ ขนุ นางมาปกครองเมืองบริวาร โดยเมอื งบริวารจะสง่ ส่วยเป็นบรรณาการให้แกพ่ ระนครหลวง
ขณะเดียวกนั บางถนิ่ อาจเปน็ อสิ ระมอี าํ นาจปกครองตวั เองแบบนครรัฐ กลมุ่ ชนคงไม่ใหญโ่ ต ผ้ปู กครองเป็น
ผู้ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งจากกลุ่มชนใหเ้ ปน็ ผูป้ กครองบริเวณทีม่ คี วามสําคัญไดแ้ ก่ เมืองศรเี ทพ บรเิ วณวดั จฬุ า
มณี และบริเวณเมอื งสโุ ขทัย และเมืองศรสี ชั นาลัย

2. ยุคอาณาจกั รสโุ ขทัยตอนตน้ (พ.ศ.1761-1921)
การปกครองในยคุ น้ีวางรากบานลงแบบการปกครองครัวเรือน จุดเร่มิ ตน้ เริ่มท่ี “พ่อครวั ” ทําหนา้ ที่

ปกครอง ครอบครัวหลาย ๆ ครอบครวั รวมกนั เปน็ “เรือน” หัวหนา้ กค็ อื “พ่อเรือน” หลาย ๆ เรอื นรวมกันเป็น
หมบู่ า้ นมหี วั หนา้ เรยี กว่า “พอ่ บ้าน” หลาย ๆ หม่บู ้านรวมกันเรียกวา่ “เมือง” หัวหนา้ คอื “พ่อเมือง” และพอ่ ขุน
คือผปู้ กครองประเทศ หรือผปู้ กครองทกุ เมอื งน่ันเอง

แม้ว่าอํานาจสงู สุดและเดขาดจะรวมอยู่ที่พอ่ ขุนเพียงคนเดยี ว แตด่ ว้ ยการจาํ ลองลักษณะ
ครอบครัวมาใช้ในการปกครอง พ่อขนุ ปกครองประชาชนในลกั ษณะบิดาปกครองบุตร คือ ถอื ตนเองเปน็ พ่อของ
ราษฎร พ่อขนุ เกอื บทกุ พระองค์ใช้อํานาจในลกั ษณะใหค้ วามเมตตาและเสรีภาพแก่ราษฎรตามสมควร

3. อาณาจกั รสุโขทัยตอนปลาย(พ.ศ.1921-1981)
ในปี พ.ศ. 1921 ซ่งึ ตรงกับสมัยของพระมหาธรรมราชาท่ี 2 ของพาราจกั รสโุ ขทยั ได้ยอมอยู่ใต้

อาํ นาจการปกครองของอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรบทีเมอื งชากงั ราวท่ีกระมหาธรรมราชาออกถวาย
บังคมตอ่ พระบรมราชาธิราชท่ี 1 แหง่ อาณาจักรอยธุ ยาการเปลีย่ นแปลงในทอ้ งถ่ินครั้งนท้ี ีส่ ําคัญ คอื การ
ทอี่ ยุธยาพยายามทําลายศูนยก์ ลางของอาณาจกั รสุโขทยั คอื แบ่งแยกอาณาจกั สโุ ขทัยเปน็ 2 สว่ น คอื

1. บรเิ วณลุ่มแมน่ ํ้ายม แม่นา้ํ นา่ น ใหม้ ศี ูนยก์ ลางอยทู่ เ่ี มอื งสองแคว ใหก้ ษตั ริย์ของสุโขทัย
ปกครองตอ่ ไป และอยูใ่ นอาํ นาจของอยุธยาในฐานะประเทศราช

2. บริเวณลมุ่ แมน่ ํา้ ปงิ ใหม้ ศี ูนย์กลางที่เมอื งชากงั ราว และข้ึนตรงตอ่ อยุธยาขณะเดียวกัน
อยธุ ยากพ็ ยายามผนวกอาณาจักรสุโขทยั เขา้ เปน็ ส่วนหนึง่ ของอยธุ ยา และประสบความสาํ เรจ็ ในสมยั พระ
บรมราชาธิราชท่ี 2 (เจา้ สามพระยา) สําหรบั ลกั ษณะการปกครองทีป่ รากฏในระยะน้ี เป็นแบบผสม
ระหว่างสุโขทยั และรับอิทธพิ ลการปกครองแบบราชาธปิ ไตยของอยุธยาเขา้ ไปด้วย ในระยะน้นี บั วา่ เมือง
สองแควมีความสําคญั ทีส่ ดุ ขณะเดยี วกนั เมอื งสโุ ขทยั เกา่ ก็ค่อย ๆ ลดความสาํ คญั ลง

 

หนงั สือเรยี นวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทัย(3) รหสั สค13014  61

1. ค แนวการตอบกจิ กรรมทา้ ยบท
3. ง เร่อื ง พระมหากษัตรยิ ส์ มัยสุโขทัย
5. ก
7. ข กจิ กรรมที่ 1
9. ข
11. ค 2. ก
13. ก 4. ง
15. ค 6. ง
17. ข 8. ก
19. ข 10. ข
12. ก
14. ง
16. ง
18. ง
20. ค

แนวการตอบกิจกรรมทา้ ยบท
เรอื่ ง กําเนิดลายสือไทย
กิจกรรมที่ 2

1. ค 2. ก 3. ง 4. ค 5. ข 6. ง 7. ข 8. ง 9. ข 10. ค

ลกั ษณะพิเศษของลายสือไทย

1. พ่อขุนรามคําแหงมหาราชทรงประดษิ ฐต์ วั พยญั ชนะสระอกี ทัง้ วรรณยกุ ต์ขนึ้ เปน็ ต้นว่าได้เพิ่ม ฃ ฅ ซ ฎ
ด บ ฝ ฟ อ สระอึ อือ แอ เออื ฯลฯ ไม้เอก ไมโ้ ท (ในรูปกากะบาท) จนทาํ ให้สามารถเขยี นคําไทยได้ทุกคํา
2. อักขรวิธีทใี่ ช้ สามารถเขยี น ตาก-ลม แยกออกไปจากตา-กลม ทําให้อา่ นข้อความได้ถูกตอ้ งไม่กาํ กวม
3. สระมาเรยี งอยู่ระดบั เดยี วกับพยัญชนะแบบเดียวกบั ตัวหนังสอื
พยญั ชนะทุกตวั เขยี นเรียงอยู่บรรทดั เดยี วกัน
4. ตัวอกั ษรทุกตัวสูงเทา่ กัน
5. เขียนไดง้ า่ ยและรวดเรว็
6. ทาํ ใหส้ ามารถอา่ นความหมายของคาํ ได้ถูกต้องโดยไม่ต้องดขู ้อความประกอบทัง้ ประโยค

 

หนังสอื เรยี นวิชาเลือก สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าการศึกษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหัส สค13014  62

คณะผู้จดั ทํา

ที่ปรกึ ษา ชาญพิชิต ผอ.สาํ นกั งาน กศน.จังหวัดสโุ ขทัย

1. นายสังวาลย์ มเี จรญิ รอง ผอ.สํานกั งาน กศน.จงั หวัดสุโขทัย
2. นางสาวศรีโสภา
3. นายกิตติศักด์ิ พันธุโ์ อภาส ผอ. กศน.อําเภอสวรรคโลก
4. นายแฉลม้
5. นายชนญั ธนาทิพยกุล ผอ. กศน.อาํ เภอกงไกรลาศ
6. นายสําอางค์
7. นายสมมาตร คงเมอื ง ผอ. กศน.อําเภอทุ่งเสลี่ยม
8. นายรามณรงค์
9. นายธรรมรตั น์ บญุ เกิด ผอ. กศน.อําเภอครี มี าศ
10. นายสาํ ราญ
11. นายจิรพงศ์ คงเรอื ง ผอ. กศน.อําเภอเมืองสโุ ขทัย

โตนชยั ภูมิ ผอ. กศน.อําเภอศรสี ัชนาลัย

เตชะบญุ บันดาล ผอ. กศน.อําเภอศรีนคร

ใจดา ผอ. กศน.อําเภอบ้านดา่ นลานหอย

ผลนาค ผอ. กศน.อาํ เภอศรสี าํ โรง

ผเู้ ช่ยี วชาญเนือ้ หา

1. นางทองเจือ สบื ชมพู ผู้ทรงคุณวุฒดิ า้ นประวัติศาสตรส์ โุ ขทัย
ผทู้ รงคณุ วฒุ ดิ า้ นประวตั ศิ าสตร์สุโขทัย
2. นายสมชาย เดอื นเพญ็ นกั วิชาการกรมศิลปากร
ผ้อู ํานวยการสาํ นกั งานการทอ่ งเท่ียวแห่งประเทศไทย จงั หวัดสโุ ขทัย
3. นายชยั วัฒน์ ทองศกั ดิ์

4. นางสาวจิตตมิ า สุขผลิน

ผู้จัดทาํ เนื้อหา ผลนาค ผอ. กศน.อาํ เภอศรสี ําโรง
ชยั วรรณ์ ครู กศน.ตาํ บล
1. นายจริ พงศ์ วันจันทร์ ครู กศน.ตาํ บล
2. นางพชั รพร
3. นายพนม

 

หนังสอื เรียนวิชาเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศกึ ษาประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทัย(3) รหสั สค13014  63

คณะกรรมการบรรณาธกิ าร

1. นายจริ พงศ์ ผลนาค ผอ. กศน.อาํ เภอศรสี าํ โรง
ครอู าสาสมคั ร กศน.
2. นางบาํ เพญ็ อิสระไพจิตร ครู กศน.ตาํ บล
ครู กศน.ตาํ บล
3. นางวนิดา ออมสิน ครู กศน.ตาํ บล
ครู กศน.ตาํ บล
4. นางสาวสุรินทร์ ออ่ นใจ ครู กศน.ตาํ บล
ครู กศน.ตาํ บล
5. นางสาวนงค์นุช บวั เพง็ ครู กศน.ตําบล
ครู กศน.ตําบล
6. นางสาวขวัญนภา ภูทวี ครู กศน.ตําบล
ครู กศน.ตาํ บล
7. นางสาวยุพนิ อยเู่ ปยี ครู กศน.ตําบล
ครูชํานาญการ
8. นางสาวจุฑามาศ ลว้ นงาม ครู กศน.ตําบล
ครูอาสา กศน.
9. นางสาวปิยวรรณ สุวรรณวงศ์ ครู กศน.ตําบล

10. นางสาวสาํ เนียง หยอมแหยม

11. นายคริเมศย์ แสงบุญ

12. นายสุรชัย ประยูร

13. นางมชั ฌมิ า ชา่ งผาสุก

14. นางยณุ รี ัตน์ เปล่ียนทอง

15. นางสาวอุมาพร ชมกลิ่น

16. นางสาวกัลญารตั น์ ถาแก้ว

17. นายประเสรฐิ ศักดิ์ เดชศรวี ศิ ัลย์

ผู้ออกแบบปก ครู กศน.ตาํ บล

นางสาวนงค์นุช บวั เพง็

 

หนงั สอื เรียนวชิ าเลอื ก สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั (3) รหัส สค13014  64

 


Click to View FlipBook Version