The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานIS อาหารไทย ๔ ภาค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sachollada96, 2021-03-06 23:29:26

โครงงานIS อาหารไทย ๔ ภาค

โครงงานIS อาหารไทย ๔ ภาค

ช่อื กลุ่ม : ปา้ สมศรมี ณเี จ็ดแสง
โครงงาน : อาหารไทย 4 ภาค

จดั ทาโดย
1. ด.ช กฤษฎากรณ์ นีละวนั เลขท่ี 2 ม.2/8
2. ด.ช ธนกฤต พึ่งบญุ ยะ เลขที่ 8 ม.2/8
3. ด.ช ปรเมศ โอสถานนท์ เลขท่ี 12 ม.2/8
4. ด.ญ ชลดา พีชนาหรี เลขท่ี 23 ม.2/8
5. ด.ญ ณัฐธิชา รอดอินทร์ เลขที่ 26 ม.2/8
6. ด.ญ พมิ พม์ ณี โพธ์เิ ป่ียม เลขท่ี 30 ม.2/8
7. ด.ญ ธนกร กองแก้วกาเหรียญ เลขที่ 43 ม.2/8

ครทู ป่ี รึกษาโครงงาน
คุณครู ศริ ิรักษ์ สมพงษ์
โรงเรียน นวมนิ ทราชนิ ูทศิ เบญจมราชาลยั
วันทศ่ี ึกษาโครงงาน วัน องั คาร ท่ี 1 ธนั วาคม พ.ศ 2563

ช่อื เร่อื ง อาหารไทย 4 ภาค

ผู้ศึกษา 1. ด.ช กฤษฎากรณ์ นีละวนั เลขที่ 2 ม.2/8

2. ด.ช ธนกฤต พ่ึงบุญยะ เลขท่ี 8 ม.2/8

3. ด.ช ปรเมศ โอสถานนท์ เลขท่ี 12 ม.2/8

4. ด.ญ ชลดา พีชนาหรี เลขท่ี 23 ม.2/8

5. ด.ญ ณฐั ธิชา รอดอนิ ทร์ เลขที่ 26 ม.2/8

6. ด.ญ พมิ พม์ ณี โพธ์ิเปีย่ ม เลขที่ 30 ม.2/8

7. ด.ญ ธนกร กองแกว้ กาเหรียญ เลขท่ี 43 ม.2/8

ครูที่ปรึกษา คณุ ครู ศริ ิรกั ษ์ สมพงษ์

ระดบั การศกึ ษา นกั เรยี นระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2/8

โรงเรยี น นวมินทราชินูทศิ เบญจมราชาลยั

รายวชิ า การสือ่ สารและการนาเสนอ (independent Study : IS2)

ปีการศึกษา 2563

บทคัดย่อ

การศกึ ษาครั้งน้มี ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื ใหผ้ ู้อา่ นไดร้ ับความร้ไู มม่ ากก็นอ้ ยในการอ่าน
และศึกษาจากโครงงานช้นิ น้ี โครงงานชน้ิ น้ีศกึ ษาเกย่ี วกับอาหาร 4 ภาคของไทยเรา เพราะ ณ
ปัจจบุ นั แทบไม่มีใครศกึ ษาเก่ียวกบั อาหารของไทยเราแล้ว เราควรศกึ ษาไว้ให้รุ่นต่อๆไปได้รับ
ความรู้



กติ ติกรรมประกาศ

รายงานฉบับนี้สาเร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดี ต้องขอขอบพระคณุ คุณครู
ศริ ริ ักษ์ สมพงษ์ ครผู ู้สอนทีใ่ ห้ความร้แู ละคาแนะนา ตรวจทานและใหแ้ กไ้ ขข้อบกพร่องตา่ งๆ
และให้ความใส่ใจตา่ งๆและเอาใจใส่ทกุ ๆอย่าง เพื่อใหร้ ายงานฉบบั นี้สมบรู ณ์ เพอ่ื นๆทุกคนช่วยกนั
หาขอ้ มลู และเอาใจใส่ในงานนีเ้ ป็นอย่างย่ิง

คณะผศู้ ึกษา
ธนั วาคม 2563



สารบัญ หนา้

บทคดั ย่อ ก
กติ ติกรรมประกาศ ข
สารบญั ค
บทที่ 1 บทนา 1
ท่มี าและความสาคัญของโครงงาน 1
วตั ถุประสงค์ของการศึกษา 1
สมมติฐานของการศกึ ษา 2
ขอบเขตของการศึกษา 2
ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รับ 2
บทท่ี 2 เอกสารท่ีเกย่ี วข้อง 3
เอกสารอ้างองิ 3
เครอ่ื งมอื และวัสดอุ ปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 4
บทที่ 3 วธิ กี ารดาเนินโครงงาน 5
เคร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา 5
วธิ ีการศึกษา 5
บทที่ 4 ผลการศกึ ษา 6
ผลการศึกษา 6
การศกึ ษาจากภมู ิปญั ญาท้องถ่ิน 6
บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา 9
สรปุ ผลการศกึ ษา 9
ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากโครงงาน 9
ข้อเสนอแนะ 9
ภาคผนวก 10
บรรณานุกรม 22



บทที 1 บทนา

ทมี่ าและความสาคัญของโครงงาน

ปจั จบุ นั น้ีอาหารไทยกาลงั ไดร้ บั ความนิยมอยา่ งสูงและแพร่หลายไปสูป่ ระเทศตา่ งๆทว่ั
โลกอยา่ งรวดเร็ว เอกลักษณท์ บี่ ง่ บอกถึงความเป็นอาหารไทยที่ชดั เจนก็คอื กล่นิ ฉุน และรสชาติที่
เผ็ดร้อน และท่ีสาคัญก็คอื มีการนา สมนุ ไพรและเคร่ืองเทศมาเปน็ ส่วนผสมในการปรุง อาหารไทย
ในยุคปจั จบุ นั ได้รับอิทธิพลจากวฒั นธรรมทาง ดา้ นอาหารจากนานาประเทศ

อาหารไทย เปน็ อาหารประจาของประเทศไทย ทม่ี กี ารสัง่ สมและถา่ ยทอดมาอย่าง
ต่อเน่ืองตัง้ แตอ่ ดตี จนเป็นเอกลักษณ์ประจาชาตถิ อื ไดว้ ่าอาหารไทยเป็นวฒั นธรรมประจาชาตทิ ี่
สาคญั ของไทย โครงงานนจี้ ึงทาข้นึ เพอื่ สง่ เสริมอาหารของวฒั นธรรมของแต่ละภาคพ้ืนท่ีว่าแต่ละ
พ้นื ทม่ี อี าหารและวฒั นธรรมอย่างไรและมรี สชาติอาหารและวฒั นธรรมแตกต่างกนั ไปอาหารแต่ละ
พื้นที่มาแตกตา่ งกันและมวี ัฒนธรรมการกินที่แตกตา่ งกัน

วัตถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา

1. เพอื่ ใหค้ นรนุ่ ตอ่ ไปได้เรียนรอู้ าหารเหล่านี้
2. เพอื่ ได้เรยี นรู้เก่ยี วกบั อาหารภาคตา่ ง ๆ
3. เพอ่ื ใหร้ ้วู ัตถุดิบของทอ้ งถ่ินภาคนั้น
4. เพอื่ เรียนรู้รสชาติต่าง ๆ ของอาหาร

1

สมมติฐานของการศึกษา

อาหารไทย ณ ปัจจุบันนัน้ สืบกนั มาตง้ั โบราณ อาหารไทยมเี สน่ห์ในรสชาติและวัตถุดบิ ใน
การทาอาหารน้ัน รสชาตขิ องอาหารไทยในแต่ละภาคก็มีความแตกตา่ งกนั ไป อาหารไทยไมแ่ พช้ าติ
ใดในโลก

ขอบเขตของการศกึ ษา

การศกึ ษาครัง้ นี้นั้นเป็นการศกึ ษาเกีย่ วกบั อาหารไทย 4 ภาค โดยเน้นไปทีอ่ าหารของ
ภาคตา่ งๆมดี ังนี้ 1.ภาคกลาง 2.ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 3.ภาคเหนือ 4.ภาคใต้

ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะไดร้ บั

ทาใหรูถ้ ึงวตั ถดุ ิบตา่ งๆของภาคต่างๆในประเทศไทย และรู้ถึงคุณค่าของอาหาร

2

บทท่ี 2 เอกสารที่เก่ียวข้อง
เอกสารอา้ งองิ

1. อาหารภาคเหนือ

ในอดีตบรเิ วณภาคเหนือเคยเปน็ ส่วนหน่งึ ของอาณาจักรลา้ นนามากอ่ น จึงได้รบั วัฒนธรรม
หลากหลายจากชนชาตติ า่ ง ๆ เข้ามาในชีวติ ประจาวันรวมท้ังอาหารการกนิ ดว้ ย อาหารในภาคน้ี
มกั จะทานคกู่ บั ข้าวเหนยี วเปน็ หลัก แตเ่ นอ่ื งจากเป็นภูมภิ าคท่มี ีสภาพอากาศหนาวเย็น จึงเป็นอีก
หนงึ่ เหตุผลทีอ่ าหารส่วนใหญ่ท่นี ี้มักจะมีไขมนั มาก ไมว่ ่าจะเป็น น้าพริกอ่อง แกงฮงั เล ไสอ้ ั่ว
แคบหมู เพอ่ื ชว่ ยให้ร่างกายอบอุ่น เปน็ ด้วยภมู ปิ ระเทศบางสว่ นที่ตงั้ อยู่ในหุบเขาและบนยอดดอย
ทสี่ งู ใกล้แหล่งป่าธรรมชาติ จึงนิยมนาพชื พันธใ์ุ นป่ามาปรงุ เปน็ อาหาร เชน่ กัน ไมว่ า่ จะเป็น ผกั แค
บอน หยวกกล้วย ผักหวาน ทาให้เกิดอาหารพ้ืนบ้าน ชอื่ ตา่ ง ๆ เช่น แกงแค แกงหยวกกลว้ ย แกง
บอน เป็นต้น

2. อาหารภาคกลาง

ถอื เปน็ อาหารที่มีรสชาตอิ ยา่ งหลากหลาย ลักษณะเดน่ ของอาหารภาคกลาง จะมีรสชาตคิ รบ
เปร้ยี ว หวาน มันเคม็ เผ็ด มีความปราณตี ในการตกแต่งจานอาหารสวยงาม และมกั ใช้พวก
เครื่องแกงชนิดตา่ งๆ หรอื กะทิ เป็นวัตถุดิบหลกั ในการประกอบอาหาร เช่น ต้มข่าไก่, ฉู่ฉ่ี, ข้าว
แช่, ผัดไทย เปน็ ตน้ อาหารภาคน้ีจงึ มกั จะเป็นที่ถูกปากในหม่ชู าวตา่ งชาติ เพราะมรี สชาติกลางๆ
ไมเ่ ผ็ดจนเกนิ ไป

3

3. อาหารภาคใต้

เนอ่ื งจากภาคใต้ของไทยเคยเป็นศนู ยก์ ลางการเดินเรือค้าขายของพ่อคา้ จากอนิ เดีย จีนและ
ชวาในอดีต ทาใหว้ ัฒนธรรมของชาวต่างชาติโดยเฉพาะอินเดยี ใต้ ซง่ึ เป็นต้นตารับในการใช้
เครื่องเทศปรงุ อาหารไดเ้ ขา้ มามีอิทธพิ ลอย่างมาก จึงจะเห็นได้ว่าอาหารใตส้ ่วนใหญ่มกั จะใช้
เครอ่ื งเทศท่เี ผ็ดร้อนมากกว่าภมู ิภาคอน่ื ๆ มีกลน่ิ ฉนุ อาจมาจากเปน็ บริเวณทมี่ สี ภาพอากาศรอ้ น
ชน้ื และฝนตกตลอดปี การทอ่ี าหารมีรสจดั จ้านกถ็ ือเป็นอกี หน่งึ ทางท่ชี ่วยในเรื่องเพิ่มความอบอุ่น
ให้ร่างกายและลดการเจบ็ ป่วยได้อกี ด้วย แตด่ ว้ ยอาหารทจี่ ดั จ้านน้นั จึงต้องมี “ผักเหนาะ” คือผัด
ชนดิ ตา่ งๆหลากหลายอย่างมาทานค่กู ันเพือ่ ชว่ ยลดความเผ็ดลง อาหารภาคใต้ทเี่ ลือ่ งชือ่ เชน่ แกง
ไตปลา, นา้ พรกิ กุ้งเสยี บ, ข้าวยานา้ บูดู, ผดั เผด็ สะตอ, ใบเหลียงผัดไข่, ขนมจีนแกงปู เปน็ ต้น

4. ภาคอสี าน

พูดถึงภาคอสี านแน่นอนส่งิ แรกท่ที กุ คนมักจะนกึ ถึง คือ ส้มตา ด้วยสภาพภมู ิประเทศทแ่ี ห้ง
แล้ง ฝนตกนอ้ ย อาหารสว่ นใหญจ่ งึ มาจากการหมัก หรอื ตากแหง้ ซึง่ ในอาหารแตล่ ะจานมักจะมี
รสชาติเด่นของรสเคม็ จากนา้ ปลาร้า และรสเผด็ จากพรกิ สดหรอื แหง้ นั้นเอง คนอีสานมักจะนิยม
ทานอาหารคู่กบั ขา้ วเหนยี วเหมอื นกับภาคเหนือเน่ืองจากคนใน2ภาคนี้ มกั เป็นเกษตกรทานาทาไร่
การกนิ ขา้ วเหนยี วจะชว่ ยใหอ้ ม่ิ และอยทู่ อ้ งมากกว่าขา้ วสวย อาหารของภาคอีสานทเ่ี ปน็ ทน่ี ยิ มใน
หมนู่ ักท่องเทยี่ ว เชน่ ส้มตา ปลารา้ ลาบเปด็ ไส้กรอกอีสาน ตมั แซ่บ เปน็ ต้น

เคร่อื งมือและวัสดุอุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการศึกษา

1. คอมพิวเตอร์
2. โทรศัพท์มือถือ

4

บทท่ี 3 วิธีการดาเนินโครงงาน
เครอื่ งมือและวัสดุอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา

1. คอมพวิ เตอร์
2. โทรศัพท์มอื ถือ

วธิ กี ารศกึ ษา

1. ไปถามชาวบา้ นท้องถิน่ เกย่ี วกบั อาหาร
2. ไปถามจากแม่คา้ ขายอาหารว่าอาหารภาคนี้ทาอยา่ งไร
3. ดจู ากอินเทอร์เนต็ หรือเว็บไซต์
4. ไปศึกษาจากภาคนั้นๆ
5. ไปสอบถามจากผู้เก่ียวกับอาหาร
6. สอบถามจากผูป้ กครอง

5

บทท่ี 4 ผลการศึกษา
ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล

1. การทดลองทาอาหารไทย วา่ มีภาคไหนบ้างที่อาหารมีอาหารรสชาตเิ ผด็ จนเกนิ หรอื ไม่ค่อยเผ็ด
เท่าไหร่
2. การตกแตง่ ของจานอาหารแต่ละภาค

การศึกษาจากภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน

ภมู ปิ ัญญาไทยเป็นสติปญั ญาหรอื ความรอบรู้ ทีค่ นไทยสัง่ สมมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน
ดว้ ยการเช่อื มโยงและบรู ณาการวิทยาการด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน ใช้ในการแกป้ ัญหา การดารงชีวิต
การอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนเพื่อความบนั เทิงและสุนทรียภาพ เป็นเอกลักษณะ
ประจาชาตไิ ทย สืบทอดประเพณีไทยและวฒั นธรรมต่าง ๆ บางอย่างถือเป็นมรดกโลกไปแล้ว
บ่งบอกถงึ ศักด์ิศรีและเอกลกั ษณ์ประจาชาติ คนไทยทกุ คนควรภูมิใจในความเปน็ ไทย และควร
ดารงไว้ซง่ึ คุณคา่ ที่ควรหวงแหน ซึ่งสามารถสรปุ เป็นประเด็น ศิลปะ วัฒนาธรรม และ
ขนบธรรมเนยี ม แนวคิดหลักปฏบิ ตั ิและเทคโนโลยี

ลักษณะองคร์ วมของภมู ปิ ัญญามคี วามเดน่ ชดั ในหลายด้าน ดงั น้ี
๑. ดา้ นเกษตรกรรม ไดแ้ กค่ วามสามารถในการผสมผสานองคค์ วามรู้ ทกั ษะและเทคนคิ ด้าน

การเกษตรกับเทคโนโลยี โดยการพัฒนาบนพื้นฐานคุณค่าดง้ั เดมิ ซง่ึ คนสามารถ พงึ่ พาตนเอง ใน
สภาวะการณ์ตา่ ง ๆได้ เช่น การทาการเกษตรแบบผสมผสาน การแก้ ปญั หาการเกษตรดา้ น
การตลาดการแกป้ ญั หาดา้ นการผลิตและการรจู้ ักปรับใช้เทคโนโลยี ที่เหมาะสมกบั การเกษตร เปน็
ต้น

6

๒. ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ได้แก่ การร้จู ักประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสมยั ใหมใ่ นการแปร

รูปผลผลติ เพอ่ื การบรโิ ภคอยา่ งปลอดภัย ประหยดั และเปน็ ธรรม อนั เป็นกระบวนการใหช้ มุ ชน
ทอ้ งถ่นิ สามารถพง่ึ ตนเองทางเศรษฐกิจได้ ตลอดทงั้ การผลิตและการจาหน่าย ผลผลิตทาง
หตั ถกรรม เชน่ การรวมกลุ่มของกลุ่มโรงงานยางพารา กลมุ่ โรงสี กล่มุ หตั ถกรรม เป็นต้น

๓. ด้านการแพทยแ์ ผนไทย ไดแ้ ก่ ความสามารถในการจดั การป้องกันและรกั ษาสขุ ภาพของ

คนในชมุ ชนโดยเน้นใหช้ ุมชนสามารถพง่ึ พาตนเองทางดา้ นสขุ ภาพและอนามยั ได้ เช่น ยา จาก
สมนุ ไพร อนั มอี ยู่หลากหลาย การนวดแผนโบราณ การดแู ลและรักษาสขุ ภาพแบบพน้ื บ้าน เป็น
ต้น

๔. ด้านการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ได้แก่ ความสามารถ เกี่ยวกบั การ

จัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท้ังการอนรุ ักษ์พัฒนา และการใช้ประโยชนจ์ าก
ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมอย่างสมดลุ และยั่งยืน เชน่ การบวชป่า การสบื ชะตาแม่นา้
การทาแนวปะการังเทียม การอนุรกั ษป์ ่าชายเลน การจดั การป่าตน้ น้าและปา่ ชุมชน เป็นตน้

๕. ดา้ นกองทุนและธุรกจิ ชุมชน ได้แก่ ความสามารถในดา้ นการสะสมและบรหิ ารกองทนุ และ

สวสั ดิการ ชมุ ชน ความมน่ั คงให้แก่ชีวติ ความเป็นอยู่ของสมาชิกในกล่มุ เช่น การจัดการกองทนุ
ของชุมชนในรปู ของสหกรณอ์ อมทรพั ย์รวมถึงความสามารถในการจัดสวสั ดกิ ารในการประกนั
คณุ ภาพชีวิตของคนใหเ้ กิดความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรม โดยการจัดตัง้ กองทุน
สวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาลของชุมชน และการจดั ระบบสวสั ดกิ ารบริการชมุ ชน

๖. ดา้ นศิลปกรรม ได้แก่ ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านศลิ ปะสาขาตา่ ง ๆ เชน่

จิตรกรรมประตมิ ากรรมนาฏศิลป์ ดนตรี ทัศนศิลป์ คีตศลิ ป์ การละเลน่ พ้ืนบ้านและนนั ทนาการ

7

๗. ด้านภาษาและวรรณกรรม ไดแ้ ก่ ความสามารถในการอนุรักษ์และสรา้ งสรรคผ์ ลงานด้าน

ภาษา คอื ภาษาถ่นิ ภาษาไทยในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงด้านวรรณกรรมท้องถ่นิ และการจัดทา
สารานุกรมภาษาถิ่น การปรวิ รรตหนังสอื โบราณ การฟื้นฟูการเรยี นการสอนภาษาถิน่ ของทอ้ งถ่ิน
ต่างๆ

๘. ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี ไดแ้ ก่ ความสามารถประยกุ ตแ์ ละปรบั ใชห้ ลกั ธรรมคา

สอน ทางศาสนาปรัชญาความเชอื่ และประเพณีที่มคี ุณค่าให้เหมาะสมตอ่ บริบททางเศรษฐกิจสังคม
เช่น การถ่ายทอดวรรณกรรมคาสอน การบวชป่า การประยุกตป์ ระเพณบี ญุ ประทายขา้ ว

๙. ด้านโภชนาการ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการเลอื กสรรประดิษฐแ์ ละปรุงแต่งอาหารและยาได้

เหมาะสมกับความตอ้ งการของรา่ งกายในสภาวะการณ์ต่างๆ ตลอดจนผลติ เป็นสินค้าและบรกิ าร
ส่งออกทไ่ี ด้รบั ความนยิ มแพรห่ ลายมากรวมถงึ การขยายคุณค่าเพ่ิมของทรพั ยากร

๑๐. ดา้ นองคก์ รชมุ ชน ได้แก่ รา้ นค้าชุมชนศนู ยส์ าธติ การตลาดกลุ่มออมทรัพยอ์ งค์กรดา้ นการ

ตดั เยบ็ เสื้อผ้า

8

บทท่ี 5 สรุปผลการศึกษา

สรปุ ผลการศกึ ษา

จากการศึกษาครั้งนี้ ทาให้พวกเราไดร้ ับรู้ความเปน็ มาเพ่ิมมากขึ้น ทาใหไ้ ด้รู้ภมู ปิ ัญญา
ท้องถ่นิ ของชาวบา้ นจากภาคตา่ งๆ ทาใหร้ ูค้ ุณค่าของอาหารเพมิ่ มากขนึ้ การศึกษาของอาหารครั้ง
นี้ทาให้พวกเรามีความร้เู พิ่มมากข้ึน

ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากโครงงาน

1. ไดศ้ กึ ษาได้ความรเู้ พิ่มขนึ้
2. ได้รเู้ กย่ี วกับอาหารทงั้ หมด 4 ภาค
3. ควรมีอาหารหลาย ๆ อย่าง

ข้อเสนอแนะ

1. ควรศกึ ษาหาความรู้เพ่ิมเติมและฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป โดย

สอบถามจากชาวบา้ นที่ปรึกษาโดยตรง ให้ชาวบ้านเปน็ ผสู้ อนและใหค้ าแนะนา

2. ควรตรวจสอบเอกสารก่อนทา การบนั ทกึ เอกสารเพื่อตรวจสอบว่า เอกสารมีความ

ถกู ต้องและครบถว้ นหรอื หากมีความผดิ พลาดควรรีบแก้ไขอยา่ งรวดเรว็

3. ควรขอคาปรกึ ษาจากชาวบ้านเมื่อเกิดข้อสงสยั หรือไมเ่ ข้าใจในงานท่ี

ไดร้ บั มอบหมาย เพือ่ ไมใ่ ห้เกดิ ข้อผดิ พลาดและเพือ่ เรียนร้วู ิธกี ารปฏบิ ัติงานท่ีถกู ต้องท่ีสุด

9

ภาคผนวก

1. ภาคกลาง = ตม้ ข่าไก่ 6 ออนซ์
11/2 ถว้ ย
ส่วนผสมในการทา 3-4 แวน่
3-4 ตน้
1. เน้ืออกไกห่ ่นั เตา๋ 2 ใบ
2. น้าซปุ ไก่ หรือน้าเปล่า 1/3 ถ้วย
3. ข่าหั่นเปน็ แวน่ 31/2 ชอ้ นโต๊ะ
4. ตะไครซ้ อยบาง ๆ 11/2 ถ้วย
5. ใบมะกรดู 1/2 ถว้ ย
6. นา้ ปลา 1/3 ถว้ ย
7. น้าตาลทราย 1-2 ชอ้ นโต๊ะ
8. กะทิ 4 เมด็
9. เหด็ (ตามชอบ) 1 ตน้
10. น้ามะนาว (หรือน้าเลมอน) 1/2 ถว้ ย
11. น้ามนั น้าพรกิ เผา
12. พรกิ ขี้หนูสด
13. ต้นหอม
14. ผกั ชี

10

ขน้ั ตอนการทา

1. ใส่น้าซปุ ไก่ (หรอื นา้ เปล่า) ลงในหมอ้ ตามด้วยขา่ ตะไคร้ ใบมะกรดู และกา้ นผักชีท่ซี อยเตรียม
ไว้ลงไป นาขนึ้ ตง้ั ไฟปานกลาง ต้มนานประมาณ 5-6 นาทจี นน้าเดือดและหอม
2. ใส่เนอ้ื อกไก่ลงไป ปรุงรสดว้ ยน้าปลาและน้าตาลทราย (จะยงั ไมใ่ ส่กะทิลงไปในข้ันตอนนี้ เพราะ
ถ้าตม้ กะทินาน ๆ กะทิจะแตกมนั และไมส่ วยงาม) ต้มจนเดือด ประมาณ 5-6 นาที
3. เมื่อตม้ จนไกส่ กุ ขาวแล้ว ใส่กะทลิ งไป
4. ใส่เห็ดทเี่ ตรียมไวล้ งไป รอจนเดอื ดอกี ครงั้
5. ใส่น้ามะนาวลงในหมอ้ หรอื ชาม ตามด้วยพรกิ ท่ีทุบไว้ นา้ มันน้าพรกิ เผา พริกขหี้ นูสด และ
ตน้ หอมผกั ชซี อย
6. จากนั้นตกั ส่วนผสมต้มข่าไกล่ งไป ตกแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ

1. ตม้ ขา่ ไก่

11

2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ = แกงออ่ มหมู 1 หอ่
สว่ นผสมในการทา 1 ชอ้ นโตะ๊
3 ชอ้ นโตะ๊
1. ซ่โี ครงอ่อนหมู ตราซีพี (500กรมั )(ห่อ) 3 ถว้ ย
2. น้าปลา 10 เม็ด
3. นา้ ปลาร้า 3 ลูก
4. นา้ เปล่า (ถ้วย) 3 ลูก
5. พรกิ แดงจนิ ดา 1 มัด
6. มะเขอื เปราะหนั่ เส้ียว 3 ราก
7. ต้นหอมหัน่ เป็นทอ่ น (ต้น) 3 ตน้
8. ผักชลี าวเดด็ ใบ 5 หวั
9. รากผักชบี บุ (ราก) 3 ชอ้ นโตะ๊
10. ตะไคร้บบุ พอแตก 1 หวั
11. หอมแดง (หวั )
12. ข้าวเบอื ตา
13. กะหล่าปลี

12

ขนั้ ตอนการทา

1. โขลกเคร่ือง : นาตะไครม้ าซอยแลว้ ใสล่ งในครก ตามด้วยหอมแดง พริกแดงจนิ ดา รากผกั ชี
จากน้นั โขลกให้ละเอยี ดก่อนนาไปพกั ไวเ้ พอ่ื นาไปคั่ว
2. ตม้ : ต้งั หม้อบนเตาแก๊สโดยใชไ้ ฟกลางคอ่ นออ่ น จากน้นั สันคอหมู ตราซีพี ตามด้วยเครอ่ื งแกง
ทีโ่ ขลกเอาไว้ นามาค่ัวใหพ้ ริกแกงหอม ใส่ปลาร้า น้าข้าวเบือ และนา้ เปลา่ แลว้ คนให้เขา้ กัน เมอื่ นา้
เร่มิ เดือดใหใ้ สม่ ะเขือเปราะหน่ั เสยี้ วลงไป เม่อื มะเขอื เปราะใกลส้ ุกให้ใส่น้าปลาลงไป ปรงุ รสตาม
ชอบได้เลย ใสต่ ้นหอมห่ันทอ่ นและผักชลี าวเดด็ ลงไปรอใหผ้ กั สกุ แลว้ ปิดไฟยกลงจากเตา
3. จดั เสิรฟ์ : ตกั แกงอ่อมหมใู สล่ งในถ้วย เสิร์ฟพรอ้ มข้าวเหนยี ว

2. แกงออ่ มหมู

13

3. ภาคเหนือ = น้าพรกิ ออ่ ง 1 กามอื
1 ชอ้ นชา
สว่ นผสมในการทา 5-8 กลบี
5 หวั
1. พรกิ แห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
2. เกลอื 1 ชอ้ นชา
3. กระเทยี ม 1 ชอ้ นโต๊ะ
4. หอมแดง 1 ถว้ ย
5. รากผักชี 500 กรัม
6. กะปิ 1-2 ช้อนโตะ๊
7. เต้าเจย้ี ว 2-3 ชอ้ นโตะ๊
8. มะเขือเทศหัน่ ช้ิน 1 ชอ้ นโต๊ะ
9. หมสู บั 2 ชอ้ นโต๊ะ
10. น้ามะขามเปยี ก
11. น้าปลา
12. น้าตาลปบ๊ี
13. น้ามนั พืช

14

ขนั้ ตอนการทา

1. ทาน้าพรกิ อ่อง โดยเอาพรกิ ไปปั่น จากนนั้ นามาใส่ครก ใส่เกลือนิดหน่อย ตามดว้ ยกระเทยี ม
หอมแดง และรากผักชี หรือก้านผกั ชี ตาพอแหลกใส่กะปิ ใสเ่ ตา้ เจี้ยวแทนถวั่ เน่า ตารวมกับ
น้าพริก ตาละเอียดแล้วแตช่ อบ
2. เริม่ ผัดโดยใสน่ ้ามันในกระทะ เปิดไฟกลางค่อนไปออ่ น ใส่นา้ พรกิ ท่ตี าไว้ลงผัดใหห้ อม ใส่หมสู บั
ถ้าติดมันจะอร่อยมาก ผดั ให้หมูสุกดี ปรุงรสดว้ ยนา้ ปลา น้าตาลป๊บี และนา้ มะขามเปียก ผดั ให้เข้า
กนั พอมะเขอื เทศสุกเป่ือยแลว้ ชมิ รสตามชอบ
3. ตกั ใส่ถว้ ยพร้อมผักสด ๆ ตามชอบ กนิ กบั ขา้ วเหนยี ว หรือข้าวสวยร้อน ๆ

3. น้าพรกิ ออ่ ง

15

4. ภาคใต้ = แกงไตปลา ½ ถว้ ย
ส่วนผสมในการทา ¼ ถ้วย
¼ ถว้ ย
1. เนื้อปลาทแู กะ เอาก้างออก
2. ไตปลา สาเร็จรปู 3 ถ้วย
3. พรกิ แกงไตปลา 50 กรัม
4. น้าซปุ 50 กรมั
5. ฟกั ทองหน่ั เปน็ ชนิ้ เลก็ พอดีคา 30 กรมั
6. หน่อไม้ตม้ สุกหนั่ เปน็ ชิ้นเล็ก 20 กรัม
7. มะเขอื เปราะ 20 กรัม
8. ถ่วั ฝักยาว 10 กรัม
9. มะเขือพวง 10 กรัม
10. ขา่ หั่นแวน่ 5 กรัม
11. ตะไครท้ บุ 1 ชอ้ นชา
12. ใบมะกรูด
13. กะปิ

16

ข้ันตอนในการทา

1. ตม้ ตะไคร้ ใบมะกรูด และ ขา่ ใสห่ มอ้ ท่ีมีนา้ ซปุ รอให้น้าเดอื ด แลว้ ใส่ไตปลา
2. ปลอ่ ยให้เดอื ดก่อนคนใหเ้ ข้ากัน ใส่น้าพริกแกงไตปลา และเนื้อปลาททู ี่แกะไว้ ใส่ผกั ทีละอยา่ ง
และรอจนเดือด ปรุงรสดว้ ยกะปิ
3. รับประทานกบั ข้าวสวยรอ้ น ๆ ตะกรา้ ผักสด และขนมจีน

4. แกงไตปลา

17

อาหารภาคกลาง

18

อาหารภาคอสี าน

19

อาหารภาคเหนอื

20

อาหารภาคใต้

21

บรรณานุกรม

1. https://quarter.rtaf.mi.th/wp-
content/uploads/2019/05/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%
B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8
%B5%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84-1.pdf

2. https://www.happyfresh.co.th/blog/recipe/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B
8%A1%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2-
%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88/

3. https://www.knorr.com/th/recipe-
ideas/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0
%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9.html

4. https://food.mthai.com/food-recipe/96772.html
5. https://www.suaheew.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8

%B5%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B
9%84%E0%B8%95%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2/

22


Click to View FlipBook Version