The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-book การลำเลียงของพืช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wongsakron Ainchan, 2020-09-30 10:16:21

E-book การลำเลียงของพืช

E-book การลำเลียงของพืช

E -BOOK

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 10 การลาเลียงของพชื

จดั ทำโดย
นำยวงศกร อนิ จนั ทร์

เสนอ
ครูนิชำภำ พฒั น์วชิ ัยโชติ

โรงเรียนอยธุ ยาวทิ ยาลยั

Water potential

ชลศักย์

พลงั งานอิสระของน้า ต่อหน่ึงหน่วยปริมาตร โดยน้า จะมีการเคลื่อนที่สุทธิจากบริเวณ ที่มีชลศักย์
สูงไปบริเวณที่มีชลศักย์ต่า ชลศักย์จะเปล่ียนแปลงไดจ้ ากปัจจยั ตา่ ง ๆ ท่ีกระทา ต่อโมเลกุล

1

Symplast pathway

ซิมพลำสต์

คือการท่ีน้าและแร่ธาตผุ า่ นจากเซลลห์ น่ึงไปยงั อีกเซลลห์ น่ึง โดยผา่ นทางไซโทพลาซึมที่
เช่ือมต่อกนั และทะลุไปอีกเซลลห์ น่ึงโดยผา่ นทางPlasmodesmata

2

C Apoplast pathway

อโพพลำสต์

เป็นการลาเลียงน้า ผา่ นช่องวา่ งระหวา่ งเซลล์ (intercellular space) . แต่เมื่อน้าผา่ น
แถบแคสพาเรียน (casparian strip) ตอ้ งเปลี่ยนรูปแบบเป็นซิมพลาสต์ หรือทรานส์เมมเบรน

เพราะแถบแคสพาเรียนจะก้นั ไม่ใหน้ ้าผา่ น

3

Transmembrane pathway

ทรำนส์เมมเบรน

เป็นการลาเลียงน้าผา่ นเยอ่ื หุม้ เซลลแ์ ละผนงั เซลล์ จากเซลลห์ น่ึงสู่อีกเซลลห์ น่ึงไปเร่ือย ๆ
โดยไมผ่ า่ นช่องพลาสโมเดสมาตา (plasmodesmata)

4

Capillary action

กำรซึมตำมรูเลก็

การเคล่ือนท่ีของของเหลวข้ึนไปตามหลอดเลก็ ๆ เช่น การเคลื่อนท่ีของน้าไปตามทอ่ เลก็ ๆ
ในรากเพื่อลาเลียงไปตามส่วนตา่ งๆ ของพืช

5

Transpiration pull

แรงดงึ จำกกำรคลำยนำ้

แรงดึงโมเลกุลของน้าใหเ้ คล่ือนท่ีตอ่ เนื่องกนั โดยตลอดจากปลายสุด ขอรากข้ึนสู่ส่วนตา่ งๆ
ของพชื ผา่ นไซเลม อนั เป็นผลมาจากการคายน้า

6

Root pressure

ควำมดันรำก

เป็นแรงดนั ที่เกิดในไซเล็มของราก สามารถดนั น้าข้ึนสู่ส่วนบนของพชื แต่การลาเลียงน้า
วธิ ีน้ีจะเกิดไดง้ า่ ย ก็ต่อเมื่อดินมีน้าอุดมสมบูรณ์ และจะเกิดข้ึนกบั พชื บางชนิดเทา่ น้นั

7

transpiration

กำรคลำยนำ้

เป็นการแพร่ของน้าออกไปทางปากใบ ซ่ึงจะเกิดมากในตอนกลางวนั ท่ีอณุ หภูมิ
อากาศมีความช้ืนนอ้ ย การคายน้าจะส่งผลใหเ้ กิดแรงดึงน้าจากส่วนล่างของลาตน้ ข้ึนไปสู่ส่วนท่ี
อยสู่ ูงกวา่ ช่วยลดอุณหภมู ิท่ีใบ พืชถา้ คายน้ามากเกินไปจะทาใหใ้ บเห่ียว ทาใหพ้ ชื เจริญชา้ ลง

8

hydathode

รูหยำดนำ้

รูเปิ ดเล็ก ๆ ที่ปลายใบหรือขอบใบ เป็นทางคายน้าของพืชออกมารวมตวั เป็นหยดน้า

9

guttation

กตั เตชัน

เป็นการเสียน้าในรูปของหยดน้าของพชื ซ่ึงเกิดในกรณีที่ในอากาศอิ่มตวั ดว้ ยน้า
มีความช้ืนสูง การคายน้าเกิดข้ึนไดน้ อ้ ย แต่การดูดน้าของรากยงั เป็นปกติ เกิดข้ึนโดยน้าถกู ดนั

ผา่ นไซเลมเขา้ สู่เทรคีดที่เลก็ ท่ีสุดในใบ

10

lenticel

เลนทิเซล

รอยแตกหรือช่องเลก็ ๆ ท่ีผิวของลาตน้ หรือรากในอากาศ ซ่ึงเป็นบริเวณท่ีมีการคาย
น้าและแลกเปลี่ยนแกส๊ ระหวา่ งเน้ือเยอ่ื ของพืชกบั บรรยากาศ

11

Stomata

ปำกใบ

คือรูท่ีอยรู่ ะหวา่ งเซลลค์ ุม (guard cell) ท่ีควบคุมการเปิ ดปิ ดของปากใบ ปากใบมีหนา้ ท่ีเป็นทางเขา้
ออกของน้าและคาร์บอนไดออกไซดซ์ ่ึงปากใบของพชื ส่วนใหญ่อยลู่ ่างผิวใบเพราะพืช

สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงไดด้ ีในช่วงที่มีแสงแดดมาก ปากใบจึงตอ้ งอยดู่ า้ นล่างเพื่อป้องกนั การสูญเสีย
น้าออกทางปากใบ นอกจากน้ี ผิวใบดา้ นบนยงั มี ไขมนั เคลือบอยหู่ นาแน่นซ่ึงช่วยลดการคาย

น้าออกจากทางปากใบได้

12

Xylem

ไซเลม็

มีหนา้ ที่ลาเลียงน้าจากรากข้ึนไปยอด ประกอบดว้ ย - เซลลล์ าเลียงน้า คือ เทรคีต (tracheid)
เซลลย์ าวเรียว รูปกระสวย มีรูพรุนดา้ นขา้ ง เเต่ละเซลลจ์ ะต่อกนั โดยใหร้ ูพรุน ดา้ นขา้ งอยตู่ รงกนั

เเละ เวสเซล (vessel) เซลลอ์ ว้ นส้ันรูปทรงกระบอกหวั ทา้ ยมีรูทะลตุ ่อกนั เหมือนทอ่ ประปา

13

phloem

โฟลเอม

เป็นกลมุ่ ท่ีลาเลียงสารอาหารท่ีสังเคราะห์ข้ึนท่ีใบไปยงั ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื จนถึงราก เซลลท์ ี่สาคญั
มี 2 ชนิด คือ เซลลห์ ลอดตะแกรง (sieve tube member) เป็นเซลลท์ ่ีเป็นแทง่ ยาว ยงั มีชีวติ อยู่

แตไ่ ม่มีนิวเคลียส หวั และทา้ ยเป็นรูพรุน เป็นเซลลท์ ี่ทาหนา้ ที่ลาเลียงสารอาหาร และเซลลข์ า้ งเคียง
(companion cell) เป็นเซลลท์ ี่มีนิวเคลียส อยใู่ กลเ้ ซลลห์ ลอดตะแกรงและคอยควบคุมการทางาน

ของเซลลห์ ลอดตะแกรง

14

Plastmodesmata

พลำสโมเดสมำตำ

เป็นช่องวา่ งเล็กจานวนมาก (ในรูปเอกพจนเ์ รียกวา่ พลาสโมเดสมา : plasmodesma) ที่อยบู่ นผนงั เซลล์
มีขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 50-60 นาโนเมตร ช่วยทาหนา้ ท่ีเชื่อมเซลลท์ ่ีอยใู่ กลเ้ คียงกนั
เพอื่ ช่วยในการขนถ่ายสิ่งๆตา่ งๆระหวา่ งเซลลพ์ ชื

15


Click to View FlipBook Version