1
ก คำนำ เอกสารเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการนำเสนอผลงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) “การเพิ่ม โอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา” ปีการศึกษา 2565 ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ เพื่อ ประกอบการพิจารณา การคัดเลือกและประเมินผลวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) “การเพิ่มโอกาสทาง การศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา” ระดับเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 ซึ่งโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้นำเสนอวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ชื่อ ผลงาน “การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอ ภาคทางการศึกษา” ได้นำเสนอครอบคลุมทุกงานที่ได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยการมีส่วนร่วมของทุก ภาคส่วน ได้แก่ คณะครูบุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา ชุมนุม ท้องถิ่น หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคีเครือข่าย ข้อมูลที่นำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทาง การศึกษาให้กับนักเรียน โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ขอขอบคุณคณะครู บุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร และขอขอบใจนักเรียนโรงเรียนวัด โพสพผลเจริญ ที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงาน การบริหารการบริหารสถานศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา จนประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดีไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2
ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข 1. ความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรม 1 2. จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน 5 3. กระบวนการผลิตผลและเป้าหมายของการดำเนินงาน 6 4. ผลการดำเนินการ / ผลสัมฤทธิ์ / ประโยชน์ที่จะได้รับ 19 5. ปัจจัยความสำเร็จ 24 6. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Leamed) 25 7. การเผยแพร่ / การได้รับการยอมรับ 26 ภาคผนวก 28
1 ชื่อผลงาน : การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความ เสมอภาคทางการศึกษา ชื่อผู้เสนอผลงาน : โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ 18 หมู่ที่ 18 ตำบลคูคต อำเภอ ลำลูกกา จังหวัด ปทุมธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โทรศัพท์/โทรสาร : 02-5237987 E-mail address : [email protected] ผู้บริหาร : นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ 1.1 ความเป็นมาและสภาพปัญหา ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) เป็นยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรกของไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่ง คั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ภายในช่วงเวลา ดังกล่าว เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน โดยยุทธศาสตร์ 20 ปี ประกอบด้วยยุทธศาสตร์สำคัญ 6 ด้าน ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง (2) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน (3) ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ (4) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอ ภาคทางสังคม (5) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (6) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ, 2561) ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580)” มาเป็นกรอบ ความคิดสำคัญในการจัดทำแผน “แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579” ตามแนวคิดการจัดการศึกษา (Conceptual Education Design) โดยยึดหลักการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) หลักการ จัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและทั่วถึง (Inclusive Education) หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) และหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคม (All for Education) อีกทั้งยึดตามเป้าหมายการ พัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals [UN SDGs]2030) และประเด็นสำคัญภายในประเทศ (Local Issues) อาทิคุณภาพของคนทุกช่วงวัย การเปลี่ยนแปลง โครงสร้างประชากรไทย ความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ และวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมของสังคมไทย (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560) สำนักงานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 ณ วันที่ 16 นวัตกรรม/กระบวนการ/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) “การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา” โครงการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 1. ความสำคัญของผลงาน หรือนวัตกรรม
2 ธันวาคม 2563 โดยมุ่งมั่นการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็น “การศึกษาขั้นพื้นฐานวิถีใหม่ วิถีคุณภาพ” ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านความปลอดภัย 2) ด้านโอกาส 3) ด้านคุณภาพ และ 4) ด้านประสิทธิภาพ และประกาศ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่องนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ประกาศ ณ วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นการต่อยอดพัฒนา การศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็น “วิถีอนาคต วิถีคุณภาพ” โดยยังคงกำหนดนโยบายใน 4 ด้าน พร้อมกับการกำหนด จุดเน้นที่สำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 9 ข้อ ดังนี้ จุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 1. เร่งแก้ปัญหากลุ่มผู้เรียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค -19 โดยเพิ่ม โอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ให้กับผู้เรียนทุก ระดับ รวมทั้งลดความเครียดและสุขภาพจิตของผู้เรียน 2. เสริมสร้างระบบและกลไกลในการดูแลความปลอดภัยนักเรียน ด้วยระบบมาตรฐานความปลอดภัย กระทรวงศึกษาธิการ (MOE Safety Platfrom) 3. ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุ 3 -6 ปี และผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าถึงโอกาสทางการ ศึกษา และป้องกันการหลุดออกจากระบบ รวมทั้งช่วยเหลือเด็กตกหล่น 4. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นสมรรถนะ และการจัดทำกรอบหลักสูตร รวมทั้งจัดกระบวนการ เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ให้เหมาะสมตามวัยของผู้เรียน 5. จัดการอบรมครูโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน พร้อมกับการเสริมทักษะการสอนแบบออนไลน์อย่างมี ประสิทธิภาพ และการจัดการให้ความรู้ด้านการวางแผนและการสร้างวินัยด้านการเงิน และการออมเพื่อแก้ไข ปัญหาหนี้สินครู 6. ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ ผ่านกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม และมีปฏิสัมพันธ์ กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลายรูปแบบ (Active Learning) มีการวัดและประเมินผลในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน (Assessment for Learning)ทุกระดับ 7. ยกระดับคุณภาพของนักเรียนประจำพักนอน สำหรับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่สูงห่างไกลและถิ่นทุรกันดาร 8. มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ทุกระดับ 9. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา โดยการกระจายอำนาจและใช้พื้นที่เป็นฐานเพื่อสร้างความ เข้มแข็ง โดยการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณ (Block Grant) ตามหลักธรรมาภิบาล ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา และสถานศึกษา สองปีที่ผ่านมาวิกฤติ COVID-19 ทำให้รายได้ครัวเรือนลดลง ภาระพึ่งพิงในครัวเรือนเพิ่มขึ้น นักเรียนเกิด ภาวการณ์เรียนรู้ถดถอย (Learning Loss) จากความไม่พร้อมในการเรียน Online นักเรียนยากจนหรือด้อยโอกาส 1.8 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา ความยากจนด้อยโอกาสทำให้เด็กไทยยังอยู่นอกระบบ การศึกษามากกว่า 430,000 คน เด็กและเยาวชนพิการ 264,651 คน กำลังอยู่ในระบบการศึกษา (สพฐ.) มีเด็ก ยากจนเพียง 5 ต่อรุ่นที่มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา (ที่มา: สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) อ้างอิงข้อมูล: ร่างแผนแม่บท กสศ. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 – 2567)
3 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ เป็นโรงเรียนที่ทำการเปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 - ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 สภาพชุมชนบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นชุมชนที่มีประชากรอยู่ค่อนข้างมาก มีประชากร ประมาณ 75,000 คน บริเวณใกล้เคียงโดยรอบโรงเรียนได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต วัดโพสพผลเจริญ สถานีตำรวจ คูคต โรงงาน ตลาด ศูนย์การแพทย์ ปั๊มน้ำมัน อู่ซ่อมรถ ธนาคาร เป็นต้น เด็กนักเรียนส่วนมากเป็นเด็กที่มาจาก นอกเขตบริการ ร้อยละ 69.19 ย้ายติดตามครอบครัวซึ่งอพยพย้ายถิ่นเข้ามาทำมาหากินในอาชีพรับจ้างชั่วคราว เมื่อหมดงานก็ต้องย้ายไปที่อื่น เด็กต้องติดตามไปด้วย โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ดำเนินการคัดกรองนักเรียน ผล ของการคัดกรองนักเรียน พบว่า นักเรียนกลุ่มเสี่ยงด้านการเรียน จำนวน 35 คน นักเรียนกลุ่มเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ จำนวน 33 คน กลุ่มเสี่ยงด้านการคุ้มครองนักเรียน จำนวน 7 คน กลุ่มเสี่ยงด้านการทะเลาะวิวาท 2 คน และกลุ่ม เสี่ยงด้านยาเสพติด จำนวน 1 คน และจากการไปเยี่ยมบ้านนักเรียน พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ประกอบ อาชีพ รับจ้าง ร้อยละ 47.62 ค้าขาย ร้อยละ 24.40 พนักงานบริษัท ร้อยละ 10.12 ทำงานก่อสร้าง ร้อยละ 4.76 ข้าราชการ ร้อยละ 1.79 รัฐวิสาหกิจ 0.60 และอาชีพอื่น ๆ ร้อยละ10.71 วุฒิการศึกษาของผู้ปกครอง ระดับชั้น ป.4 - ป.6 ร้อยละ 16.25 ระดับชั้น ม.3 - ม.6 ร้อยละ 58.26 ระดับ ปวช. ร้อยละ 8.96 ระดับ ปวส. ร้อยละ 5.60 ระดับปริญญาตรีขึ้นไป ร้อยละ 10.92 ครอบครัวของนักเรียนมีภาระพึ่งพิง ร้อยละ 85.12 ฐานะทางเศรษฐกิจ/ รายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัว ต่อปี 42,000 บาท จากข้อมูลดังกล่าว นักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ส่วนหนึ่งมี ฐานะยากจน ผู้ปกครองบางท่านต้องไปทำงานในช่วงเวลากลางคืน เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแล อีก ทั้งยังพลักภาระการเลี้ยงดูให้กับญาติ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย หรือคนอื่นที่ไม่ใช่บิดามารดา ดูแลนักเรียนไม่ได้ จึงทำให้ นักเรียนมีปัญหาการเข้าเรียน รวมถึงผู้ปกครองยังต้องทำงานหาเลี้ยงดู ซึ่งไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายจึงทำให้มีปัจจัย ส่งผลนักเรียนไม่มาเรียน โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ตระหนักและเห็นความสำคัญของการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอ ภาคทางการศึกษา ตามนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 สถานศึกษาดำเนินการให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนอยู่ในระบบ ครบ 100 ไม่มีนักเรียนออกกลางคัน โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ดำเนินงานตามกระบวนการ “การบริหาร สถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา” ใน การจะดำเนินงานไปสู่เป้าหมายหรือความสำเร็จ อาศัยความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะ บุคลากร ทางการศึกษาทุกคนในสถานศึกษา ซึ่งมีคุณครู บุคลกรทางการศึกษา ผู้ปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ หน่วยงานต่าง ๆ เป็นหลักสำคัญในการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียนให้เติบโตงดงามและเป็นบุคคลที่ มีคุณค่าของสังคม 1.2 แนวทางการแก้ปัญหา และพัฒนา ธนู ขวัญเดช (2565) ได้วิเคราะห์สังเคราะห์และนำเสนอว่า จากการศึกษาพบว่า ประเทศที่ดำเนิน นโยบายการจัดการศึกษาเพื่อการสร้างโอกาสความเสมอภาค และความเท่าเทียมที่ประสบความสำเร็จ จะมีการ กำหนดกฎหมาย และนโยบายทางด้านการจัดการศึกษา ที่ส่งเสริมหลักการความรับผิดชอบต่อหน้าที่ (Accountability) ความโปร่งใส (Transparency) การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของผู้เกี่ยวข้อง (Autonomy) ได้แก่ ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชนเครือข่าย และภาคเอกชน นอกจากนี้ ประเทศที่ดำเนินนโยบายการจัดการศึกษาเพื่อการสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่า เทียมที่ประสบความสำเร็จ จะกำหนดยุทธศาสตร์ทางด้านการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้น 1) การใช้ตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงโดยตรงกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเท่านั้น และการใช้หลักการความ รับผิดชอบต่อหน้าที่ (Accountability) และความโปร่งใส (Transparency) ในการประเมินผู้บริหารด้านการศึกษา ระดับสูง ผู้อำนวยการโรงเรียน และครู
4 2) การกำหนดนโยบายการกระจายอำนาจทางด้านการศึกษาที่ชัดเจน มีความเหมาะสม ตรงกับ บริบทและความต้องการของชุมชน โดยยังคงเน้นหลักสำคัญในการสร้างความเท่าเทียม ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และการพัฒนาศักยภาพชุมชนในพื้นที่ 3) การสร้างกลไกลเชิงสถาบันทั้งในด้านการปฏิรูปกฎหมาย การวางแผน และการกำกับดูแลการ จัดการศึกษาอย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 4) การจัดให้มีพื้นที่และเครื่องมือสำหรับผู้ปกครองและชุมชนในการจัดลำดับความสำคัญของ การจัดการศึกษาผ่านทางคณะกรรมการสมาคมผู้ปกครองและครู และคณะกรรมการสถานศึกษา 5) การบังคับใช้กฎหมายและการกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ที่ มุ่งเน้นการสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา 6) การกำหนดกรอบการกำกับดูแลความรับผิดชอบในการบริหารระบบการศึกษาในทุกระดับที่ เกี่ยวข้อง โดยเชื่อมโยงกับระบบการเงินและบัญชี (เช่น การตรวจสอบข้อมูลภาครัฐ จากภายนอก กระบวนการ มาตรฐานที่มีความโปร่งใส) 7) การสร้างความโปร่งใสโดยระบบตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐ 8) การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้นการศึกษาและการเงินของกระทรวง ต่าง ๆ รวมถึงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทางด้านการกำหนดนโยบายและการจัดการงบประมาณ 9) การขยายการใช้สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการรณรงค์ให้ความรู้และสร้างความ ตระหนัก เพื่อสร้างวัฒนธรรมของความรับผิดชอบและความโปร่งใส 10) การเพิ่มการศึกษาเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนใน หลักสูตรการสอน เพื่อกระตุ้นให้มีการเรียนการสอนที่มีคุณค่าทางจริยธรรม 11) การสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการในการ รับผิดชอบต่อการปฏิรูปสถาบัน การพัฒนาองค์กร และกระบวนการของภาครัฐ (ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย, 2560) เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐซึ่งมีองค์ประกอบหลายประการที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คือ การมีนโยบาย ระดับประเทศและระดับกระทรวง เป็นไปได้อย่างสะดวก ราบรื่น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเพื่อให้ สถานศึกษาได้เป็นแหล่งอ้างอิงในการปฏิบัติงาน (สำนักเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560) หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นศาสตร์พระราชที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอ ดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทย มา นานกว่า 40 ปีตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2540 “วิกฤต ต้มยำกุ้ง” เป็นศาสตร์ที่ ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการดำรงอยู่และการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจึง ถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมา จากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทยที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพันจากภัยและวิกฤติ เพื่อความมั่นคงและความยังยืนของการพัฒนา ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมี ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และต้องประกอบไปด้วยสองเงื่อนไข คือความรู้ เงื่อนไขคุณธรรม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ได้ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็น 1 ใน 5 เป้าหมายของหลักสูตร มีการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการ พัฒนาโรงเรียนให้ประเมินผ่านเป็นสถานศึกษาพอเพียง กรอบเนื้อหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยหลักความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี บนพื้นฐาน 2 เงื่อนไข ได้แก่การใช้ความรู้อย่างรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง และมีคุณธรรม เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรับต่อการ
5 เปลี่ยนแปลงทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม รัฐบาลได้อัญเชิญ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมา เป็นปรัชญาในการนำทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ (20ปี) รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ ที่ 12 พ.ศ. 2560 – 2564 โดยมุ่งเน้นที่จะน้อมนำไปสู่ความยั่งยืนได้ ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในก่อน ให้ เริ่มต้นจากการพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเอง และรวมกันเป็นกลุ่มอย่างมีพลังและเข้าใจถึงแนวทางการพัฒนาในวัน ข้างหน้า มีการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพตามลักษณะของ “คนไทย 4.0” จากที่ได้กล่าวมา แนวทางที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาการจัดการศึกษาให้ประสบความสำเร็จได้ย่างมี คุณภาพ คือ การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ “ศาสตร์พระราชา” ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่แสดงถึง ความเข้าใจ การเข้าถึงและการพัฒนา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษา ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับนักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผล เจริญ ได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืนนั้น โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้จัดระบบการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์ พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ในกระบวนการดำเนินงาน บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ จึงยึดหลักความเข้าใจ ความเข้าถึง (ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ นักเรียน) และมุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทุกด้าน พร้อมทั้งยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการดำเนินงาน ส่งผลให้เกิดการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาแก่นักเรียน โรงเรียนวัดโพสพผล เจริญ ได้ดำเนินการโดยใช้กระบวนการดังกล่าว ข้างต้นอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่กระบวนการหรือวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) นั่นคือ การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอ ภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายดังนี้ 2.1 เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ 2.2 เพื่อพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2.3 เพื่อลดปัญหานักเรียนออกกลางคัน 2.4 เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถานศึกษา เป้าหมายของการดำเนินงาน เชิงปริมาณ 1. นักเรียนมีผลการผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ระดับ ดี ขี้นไป ร้อยละ 72 2. นักเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ ดี ขึ้นไป ร้อยละ 81 3. นักเรียนมีปัญหาออกกลางคัน เป็น 0 เชิงคุณภาพ 1. โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่เลิศ (Best Practice) 2. กรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง และภาคีเครือข่ายให้การสนับสนุนและ ส่งเสริมกระบวนการดำเนินงานของสถานศึกษาให้มีกระบวนการที่เข้มแข็งต่อเนื่องและยั่งยืน 2. จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
6 การบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ โดยใช้รูปแบบวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอ ภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญนั้น ประกอบด้วยความสำคัญ ดังนี้ 3.1 ความสำคัญ 3.1.1 การบริหารสถานศึกษา หมายถึง กระบวนการในการทำงานโดยมีผู้บริหารสถานศึกษาปฏิบัติ ภารกิจอย่างเป็นระบบในสถานศึกษาที่ดำเนินการ การบริหารงานในสถานศึกษาเป็นกระบวนการดำเนินงานของ กลุ่มผู้บริหารเพื่อต้องการพัฒนาหรือให้บริการทางกรศึกษาแก่สมาชิกในสังคม ให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของ หลักสูตร ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทและมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการสถานศึกษาให้ บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่องค์การได้กำหนดไว้และสามารถบริการทางการศึกษาแก่สังคมได้เป็นอย่างดี 3.1.2 ศาสตร์พระราชา หมายถึง องค์ความรู้ที่รวบรวมจากแนวพระราชดำริ และมวลประสบการณ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ได้จากการทรงงานหรือทรงปฏิบัติจนเห็นผลตลอดระยะเวลาที่ทรง ครองราชย์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงนำมาเผยแพร่สู่ประชาชนชาวไทย เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานและการดำรงชีวิต ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ 1) วิธีการแห่งศาสตร์พระราชา คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา 2) ปรัชญาแห่งศาสตร์พระราชา คือ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3) บทประยุกต์แห่งศาสตร์พระราชาคือ โครงการในพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ จึง หมายถึงการประยุกต์ใช้ ความรู้หรือศาสตร์ต่าง ๆ จนเกิดเป็นวิธีการ กระบวนการ โครงการ กิจกรรม หรือผลลัพธ์ หลากหลายรูปแบบ 4) ผลลัพธ์ของศาสตร์พระราชา คือ แผ่นดินธรรม และประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม อันเป็นการพัฒนา อย่างยั่งยืน (อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์, 2560) 3.1.3 การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา หมายถึง การให้เด็กด้อย โอกาสทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมและหลากหลายรูปแบบโดยคำนึงถึงหลักการสิทธิเด็กและสิทธิ มนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยให้บริการการศึกษาที่มีความหลากหลายทั้งการศึกษาในระบบและนอก ระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้เหมาะสมกับเด็กด้อยโอกาสในแต่ละประเภทแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์การปกป้องคุ้มครองเด็ก ไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กทั้งทางร่างกาย อารมณ์และทางเพศ 3.2 การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม จากสภาพสังคมในปัจจุบัน เศรษฐกิจตกต่ำประชาชนฐานะยากจนเพิ่มขึ้นต่างต้องดิ้นรนในการทำ มาหากิน อีกทั้งยังมีบิดา มารดาที่ดูแลนักเรียนไม่ได้ ก็ผลักภาระการเลี้ยงดูให้กับญาติ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย หรือคน อื่นที่ไม่ใช่บิดามารดา จึงทำให้นักเรียนมีปัญหาการเข้าเรียน รวมถึงผู้ปกครองยังต้องทำงานหาเลี้ยงดู ซึ่งไม่เพียงพอ กับการใช้จ่าย จึงทำให้มีปัจจัยส่งผลนักเรียนไม่มาเรียนดังกล่าวมาแล้วข้างต้น จากสถานการณ์ปัญหาดังกล่าว โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ จึงร่วมกันกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของ การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ด้วยการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ เนื่อง ด้วยบริบทและสภาพทั่วไปของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญเป็นโรงเรียนประถมศึกษา ขนาดกลาง แม้ว่าเมื่อพิจารณา ด้านการเงินหรือการบริหารจัดการงบประมาณ การจัดสรรเงินอุดหนุนตามรายหัวตามจำนวนนักเรียน อาจส่งผล ให้โรงเรียนขนาดกลางขาดแคลนงบประมาณสำหรับบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี 3. ขั้นตอนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน
7 เพื่อการเรียนการสอนที่ต้องใช้ค่าสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาด้าน บุคลากร พบว่า ผู้บริหารและครูโรงเรียนขนาดกลางสามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งรู้จักครอบครัวนักเรียน เนื่องจากมี นักเรียนจำนวนน้อย อัตราส่วนครูต่อนักเรียนต่ำ กล่าวคือ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีนักเรียนจำนวน 340 คน คณะครูที่จัดการเรียนการสอนและดูแลนักเรียนมีจำนวน 24 คน นับว่าเป็นข้อได้เปรียบในการดูแลช่วยเหลือ นักเรียนได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทาง การศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีรายละเอียดดังนี้ 3.2.1 การบริหารงานสถานศึกษาตามศาตร์พระราชา ได้แก่ - การเข้าใจ คือ ความเข้าใจแจ่มชัดในประเด็น จุดมุ่งหมาย ทิศทางของงานที่ทำของโรงเรียน วัดโพสพผลเจริญ - เข้าถึง คือ เมื่อเข้าใจระหว่างกันทุกประการครบถ้วนแล้ว ต้องเข้าถึงการกระทำ สร้าง ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้อง เข้าถึงเครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ และความสามัคคีร่วมจิตร่วมใจของผู้ปฏิบัติงาน - พัฒนา คือ การพัฒนาไปอย่างยั่งยืน ไม่ส่งผลกระทบที่ติดลบต่อระบบการบริหาร สถานศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อมหากแต่นำไปสู่ความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน 3.2.2 กรอบการดำเนินงาน การบริหารสถานศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอ ภาคทางการศึกษา ได้แก่ 1) การแสวงหาความร่วมมือ 2) จัดประชุม 3) สำรวจและระบุพื้นที่ที่พบปัญหา 4) บริหารจัดการและปฏิบัติงาน “เชิงรุก” 5) มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ชัดเจน และมีช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครอง 6) ครูติดตามและรายงานการมาเรียนในทุกวัน 7) ประเมินเด็กในด้านพฤติกรรม อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา 8) ส่งต่อเด็กที่มีปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 9) การดูลาเอาใจใส่เด็กโดยใช้หลักการ “ดูแลดุจลูกหลาน” “เปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นบ้าน” 10) ปลูกฝังเด็ก และเยาวชนในโรงเรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติด บูรณาการหลักสูตร ครู D.A.R.E 11) ประสานปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนเพื่อถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านให้กับเด็ก 12) ประสานวัด เพื่อนิมนต์พระสงฆ์มาเทศ สอนศีลธรรม คุณธรรมในโรงเรียน 13) จัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ควบคู่กับการสร้างทักษะชีวิต ที่จำเป็นบนพื้นฐานแห่ง การสร้างสรรค์ # เปลี่ยนครูให้เป็นโค้ช 3.2.3 ในการดำเนินงาน การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาส ทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ นั้นมีจะยึดหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ประกอบกับการน้อมนำวิธีการแห่งศาสตร์พระราชา คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาในการ ดำเนินงานทุกขั้นตอนจึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ในการบริหารสถานศึกษาและได้ใช้วงจร PDCA หรือ Deming Cycle เป็นกระบวนที่ใช้ปรับปรุงเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในการออกแบบ การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และ ความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญนั้น มีรูปแบบโมเดล (Model) ดังแผนภาพที่ 1
8 แผนภาพที่ 1 แสดงโมเดลหรือรูปแบบของ การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาเพื่อเพิ่ม โอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ 3.3 ขั้นตอนการดำเนินงานตามกิจกรรม การดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ใช้รูปแบบวิธีการปฏิบัติที่ เป็นเลิศ (Best Practice) การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญนั้น ได้ดำเนินการตามกรอบที่ได้วางไว้ 3.3.1 การแสวงหาความร่วมมือ การสร้างภาคีเครือข่าย ซึ่งเป็นซึ่งเป็นองค์กรหรือหน่วยงาน ภายนอกสถานศึกษา ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และบุคคลหรือ องค์กรที่ร่วมดำเนินงานในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีภารกิจและเป้าหมายร่วมกัน คือ การดูแล ช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองนักเรียนทุกคน ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานทุกขั้นตอนตามระบบการดูแล ช่วยเหลือนักเรียน ที่เข้มแข็ง เพื่อประโยชน์ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน หรือส่งต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้สร้างภาคีเครือข่าย ร่วมกับ องค์กรปกครองท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต สถานพยาบาล ได้แก่ ศูนย์ การแพทย์ธรรมศาสตร์คูคต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถานีตำรวจภูธรคูคต เพื่อ ร่วมประสานงาน เฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ปัญหา รวมทั้งส่งเสริม คุ้มครองและสนับสนุนความประพฤติของนักเรียนให้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มีรายนาม ดังนี้ 1) นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ 2) นางสุภารมย์ โลทะกะ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคูคต 3) พันตำรวจโท สุรชา โคตรวงษ์ทอง สว.ป. สภ.คูคต 4) นางจีรนันท์ จิตมณี รักษาการหัวหน้างานบริการสุขภาพ ศูนย์การแพทย์ธรรมศาตร์คูคต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
9 5) นางปูชิตา ไกรวาส ประธานเครือข่ายผู้ปกครอง 6) เด็กหญิงรุจิรา ตาสว่าง ประธานนักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ 7) นายสมคะเน โตวัฒนา ครูประจำชั้น 8) นายเอกลักษณ์ อ่อนสำลี หัวหน้างานบริหารทั่วไป 3.3.2 จัดประชุม ชี้แจง คณะครู บุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นองค์กรหรือหน่วยงานภายนอก สถานศึกษา ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และบุคคลหรือ องค์กรที่ ร่วมดำเนินงานในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพื่อสร้างความตระหนัก ความเข้าใจ หารือ และร่วมกันหาแนว ทางแก้ไขปัญหา โดยมีการกำหนดบทบาทหน้าที่ และแนวทางในการดำเนินงานอย่างชัดเจนเป็นระบบ 3.3.3 สำรวจและระบุพื้นที่ที่พบปัญหา ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ เขตพื้นที่บริการของ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้แก่ หมู่ 3 4 5 11 17 18 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีเพื่อให้เด็ก ได้รับการช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน 3.3.4 บริหารจัดการและปฏิบัติงาน “เชิงรุก” โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ลงพื้นที่ติดตามเด็กใน ชุมชน ตามทะเบียนราษฎร พร้อมทั้งได้เจรจาสร้างความเข้าใจกับ ผู้ปกครอง กรณีที่ผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือ จึงจะบังคับใช้กฎหมาย โดยถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง 3.3.5 มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ชัดเจน การที่โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ดำเนินงาน ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ตาม 5 องค์ประกอบ ดังนี้ 1. การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล คณะครู และบุคลากรทางการศึกษาได้ออกเยี่ยมบ้าน และครูก็ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักเรียนให้มากที่สุด ซึ่งข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกบตัวนักเรียนที่ครูควรรู้ ประกอบด้วย 1) ด้านความสามารถทางการเรียนความสามารถพิเศษ 2) ด้านสุขภาพร่างกาย จิตใจ และ พฤติกรรม 3) ด้านครอบครัว เศรษฐกิจ การคุ้มครองสวัสดิภาพ 4) ด้านสารเสพติด 5) ด้านความปลอดภัย 6) พฤติกรรมทางเพศ และ 7) ด้านอื่น ๆ ที่ครูพบเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ครูควรทราบ เพื่อจะได้ให้การ ช่วยเหลือนักเรียนเป็นรายบุคคลได้ 2. การคัดกรองนักเรียน เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำผลที่ได้มาจำแนกตามเกณฑ์การคัดกรองที่สถานศึกษาได้กำหนด โดยในที่ประชุมของคณะครูโรงเรียนวัด โพสพผลเจริญได้กำหนดว่าจะใช้เครื่องมือต่าง ๆ บันการเยี่ยมบ้าน ระเบียนสะสมนักเรียนเป็นรายบุคคล แบบ ประเมินพฤติกรรม (SDQ) แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) คุณครูก็จะนำข้อมูลที่ได้ มาจัดกลุ่ม เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหา 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหา โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ดังนี้ - แก้ปัญหาด้านการเรียน ได้จัดกิจกรรมฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน, กิจกรรมการ อ่าน การเขียน เป็นต้น - แก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ได้จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน ที่มีฐานะ ยากจน หรือที่เป็นเด็กกำพร้าบิดา หรือมารดา โดยผู้มีใจเมตตาได้มามอบทุนการศึกษา และได้ดำเนินการส่งต่อ รายชื่อนักเรียนที่มีฐานะยากจนให้กับสำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี เพื่อขอรับ ความช่วยเหลือ 4. การพัฒนาและส่งเสริมนักเรียน โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาและ ส่งเสริมนักเรียนในความสามารถด้าน ต่าง ๆ ดังนี้
10 - ด้านการเรียน ได้แก่ โครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, โครงการพัฒนา ศักยภาพผู้เรียน, โครงการห้องสมุดมีชีวิต, โครงการแนะแนว เป็นต้น - ด้านดนตรี ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีไทย - นาฏศิลป์, การส่ง นักเรียนให้เข้าร่วมแข่งขันความสามารถด้านดนตรีไทย เป็นต้น - ด้านสุขภาพอนามัย ได้แก่ โครงการอาหารกลางวัน - อาหารเสริมนม กิจกรรรมออ กำลังกายทุกวันพุธ กิจกรรมทดสอบสมรรถภาพทาง เป็นต้น - ด้านสร้างภูมิคุ้มกัน และทักษะชีวิต ได้แก่ โครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด และอบายมุข, การอบรมให้ความรู้เรื่องยาเสพติด, อบรมให้ความรู้เรื่อง Stop Young Mom, อบรมเรื่องการปฐม พยาบาลเบื้องต้น เป็นต้น 5. การส่งต่อ ถ้าหากผลการคัดกรองพบนักเรียนที่มีปัญหา ก็จะส่งต่อให้กับครูบุคลากร ภายในโรงเรียนก่อน แล้วถ้าหากมีปัญหาหนักจนไม่สามารถแก้ไขได้ ก็จะส่งต่อให้กับหน่วยงานภายนอก การสร้างช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครอง โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้สร้างช่องทางการติดต่อกับผู้ปกครองไว้หลายช่องทาง เช่น โทรศัพท์02-5237987ทางเว็บไซต์ https://www.posopschool.ac.th และทางกลุ่มไลน์ห้องเรียน 3.3.6 ครูติดตามและรายงานการมาเรียนในทุกวัน โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ดำเนินการมา เรียนผ่านระบบ กลุ่มไลน์ของแต่ละห้องเรียน โดยถ้าหากป่วย หรือลากิจ ก็ให้ผู้ปกครองแจ้งทาง กลุ่มไลน์ห้องเรียน หรือ โทรแจ้งครูประจำชั้นได้เลย หากนักเรียนคนใดที่ขาดเรียนเกิน 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ครูจะโทรศัพท์ สอบถาม หากยังไม่มาเรียน ครูก็ลงพื้นที่ติดตามถึงที่บ้าน 3.3.7 ประเมินเด็กในด้านพฤติกรรม อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา ทางโรงเรียนวัดโพสพผล เจริญ ได้ดำเนินการคัดกรองโดยใช้แบบทดสอบ IQ, EQ, SDQ เป็นการคัดกรองเบื้องต้น หากพบนักเรียนที่มีความ เสี่ยง ก็จะพูดคุยกับผู้ปกครองเพื่อให้ผู้ปกครองพานักเรียนไปพบบุคลากรสารธสุขในการประเมินนด้านพฤติกรรม อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา อีกครั้ง ซึ่งถ้าหากคัดกรองแล้วปรากฎว่านักเรียนเป็นนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ทางโรงเรียนกะหาแนวทางในการช่วยเหลือและจัดการศึกษาที่เหมาะสมให้กับนักเรียนเป็นรายบุคคล 3.3.8 ส่งต่อเด็กที่มีปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน พื้นที่ซึ่งถ้าหากพบนักเรียนที่มีปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา ที่ไม่สามารถเรียนร่วมกับนักเรียนทั่วไปได้ ก็จะส่งต่อ สถานพยาบาลในพื้นที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเพื่อดูแลรักษา บำบัดฟื้นฟูสภาพเด็ก 3.3.9 การดูแลเอาใจใส่เด็กโดยใช้หลักการ “ดูแลดุจลูกหลาน” “เปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นบ้าน” โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ดำเนินกิจกรรม “หมู่บ้านคุณธรรมน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนา และ ต่อต้านยาเสพติดอบายมุขอย่างยั่งยืน” โดยการสร้างความรู้ความเข้าใจและความตระหนักให้แก่นักเรียนและจัด องค์กรภายในบ้าน (ห้องเรียน) ประกอบด้วยแกนนำนักเรียน ๔ ฝ่าย คือ - ฝ่ายการเรียน มีหน้าที่ช่วยเหลือในด้านวิชาการเกี่ยวกับการเรียน การบ้าน โครงงานหรือ ปัญหาการเรียน ต้อง รับผิดชอบแก้ไขช่วยเหลือ และให้คำแนะนำ คำอธิบาย ชี้แนะแหล่งเรียนรู้ และนำเสนอพ่อ แม่ (ครูที่ปรึกษา) - ฝ่ายการงาน มีหน้าที่ดูแลความสะอาดเรียบร้อยในห้องเรียน รักษาของมีค่า และทรัพย์ สมบัติของห้องเรียน วัสดุอุปกรณ์ที่ชำรุด ป้องกันอุบัติเหตุภายในห้องเรียน จัดสภาพสิ่งแวดล้อมในบ้าน(ห้องเรียน) ให้ น่าเรียน และป้องกันไม่ให้มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในบ้าน(ห้องเรียน) - ฝ่ายกิจกรรม มีหน้าที่จัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ทั้งในห้องเรียน และกิจกรรมในทุก ระดับชั้น เช่น การเล่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม และจัดกิจกรรมในกลุ่มสนใจของเพื่อน ๆ เพื่อใช้เวลาว่างให้ เป็นประโยชน์ ไม่ไปมั่วสุมหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
11 - ฝ่ายสารวัตรนักเรียน มีหน้าที่สอดส่องดูแลความเรียบร้อยทั้งในห้องเรียนและมุมอับ เช่น ห้องน้ำ หรือที่บริเวณอาคาร แหล่งที่ไปมั่วสุมสูบบุหรี่ ดูแลเพื่อน หากมีพฤติกรรมที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือ พฤติกรรมเสี่ยง รวมทั้งปัญหาส่วนตัวในด้านต่าง ๆ ให้คณะกรรมการห้องเรียนแก้ไข แต่หากไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ นักเรียนบอกพ่อแม่ (ครูที่ปรึกษา) เพื่อแก้ไขต่อไป 3.3.10 ปลูกฝังเด็ก และเยาวชนในโรงเรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติด บูรณาการหลักสูตร D.A.R.E โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ทำข้อตกลงกับสถานีตำรวจภูธรคูคต ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ครูแดร์) เข้า มาสอนในโรงเรียน นอกจากนี้ทางโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ยังได้จัดโครงการอบรมให้ความรู้เรื่องโทษ และพิษภัย ของยาเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และวิธีการปฏิเสธเมื่อมีคนมาชักชวนให้ทดลองเสพยาเสพติด เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ บุหรี่ 3.3.11 ประสานปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนเพื่อถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านให้กับเด็ก โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้เชิญวิทยากรมาสอนทำขนมไทยให้กับนักเรียนแต่ละชั้น และนอกจากนั้นได้จัด กิจกรรมเปิดบ้านขนมไทย (วันกินขนมไทย) โดยให้นักเรียนแต่ละชั้นได้นำเสนอเกี่ยวกับขนมไทยที่ตนได้เรียนรู้มา ให้กับแขกผู้มีเกียรติ ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้นอื่น ๆ ได้รับรู้ 3.3.12 ประสานวัด เพื่อนิมนต์พระสงฆ์มาเทศ สอนศีลธรรม คุณธรรมในโรงเรียน โรงเรียนวัด โพสพผลเจริญได้ดำเนินการ ดังนี้ - ได้นิมนต์พระอาจารย์จากวัดโพสพผลเจริญ ได้เข้ามาสอนศีลธรรม และคุณธรรมใน โรงเรียน เป็นรายชั่วโมง - จัดกิจกรรมค่ายคุณธรรมให้กับนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 – ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 โดยเชิญพระวิทยากรมาให้การอบรมแก่นักเรียน - จัดกิจกรรมวิถีพุทธ สวดมนต์ทุกวันศุกร์ ช่วงเวลาเช้า หลังจากทำกิจกรรมหน้าเสาธง - จัดกิจกรรมไปทำบุญตักบาตรในวันพระ โดยจัดตารางให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ไปทำบุญวันพระ ละ 1 ชั้นเรียน ซึ่งนักเรียนในแต่ละชั้นก็จะจัดเตรียมอาหารคาว หวานไปร่วมทำบุญที่วัดโพสพผลเจริญ - จัดกิจกรรม “ออมบุญปันสุข” โดยจะนิมนต์พระสงฆ์จากวัดโพสพผลเจริญเข้ามารับ บิณฑบาทอาหารแห้ง เดือนละ 1 ครั้ง หลังจากที่ตักบาตรเสร็จ พระสงฆ์จะบริจาคอาหารแห้งจากการรับ บิณฑบาตรเป็นทานให้กับนักเรียนที่ฐานะยากจน 3.3.13 จัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ควบคู่กับการสร้างทักษะชีวิต ที่จำเป็นบนพื้นฐานแห่ง การสร้างสรรค์ # เปลี่ยนครูให้เป็นโค้ช โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้จัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ควบคู่กับการสร้างทักษะชีวิต ที่จำเป็นบนพื้นฐานแห่งการสร้างสรรค์ ตามข้อมูลการจัดทำหน่วยและแผนการ เรียนรู้ผ่านกิจกรรมการปฏิบัติจริง ดังนี้
12 ข้อมูลการจัดทำหน่วยและแผนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการปฏิบัติจริง (Active Learning) ในการปีการศึกษา 2565 กลุ่มสาระ การเรียนรู้ จำนวนหน่วยและแผนการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรมปฏิบัติจริง (Active Learning) ชั้น ระบุชื่อหน่วยการเรียนรู้ ภาษาไทย 1 หน่วย 16 แผน ป.1 พูดเพราะ ภาษาไทย 1 หน่วย 7 แผน ป.2 ตัวอักษรไทย ภาษาไทย 1 หน่วย 7 แผน ป.3 มาตรา กง กม เกย เกอว...ตัวสะกด กำหนดเสียง ภาษาไทย 1 หน่วย 4 แผน ป.6 กลอนสุภาพ...ซาบซึ้งใจ คณิตศาสตร์ 1 หน่วย 19 แผน ป.1 การบวกการลบจำนวนนับไม่เกิน 20 วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี(วิทยาการ คำนวณ) 1 หน่วย 3 แผน ป.4 การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 7 หน่วย 53 แผน ตัวเรา, ชีวิตสัตว์, วัฏจักรชีวิตสัตว์, วัสดุ รอบตัวเรา, แรงกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ , แหล่งพลังงานไฟฟ้า, การเคลื่อนที่ของดวง อาทิตย์, อากาศรอบตัวเรา ภาษาอังกฤษ 1 หน่วย 15 แผน ป.1 My Favourite foods ภาษาอังกฤษ 2 หน่วย 2 แผน ป.6 On holiday, Season and Weather สังคมศึกษาฯ 1 หน่วย 15 แผน ป.2 ภูมิศาสตร์น่ารู้ สังคมศึกษาฯ 1 หน่วย 6 แผน ป.5 พระพุทธศาสนา สุขศึกษาฯ 1 หน่วย 8 แผน ป.4 กายดีใจเป็นสุข ศิลปะ (ดนตรี-นาฏศิลป์) 1 หน่วย 3 แผน ป.5 การแสดงนาฏศิลป์ไทย นอกจากนี้โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญยังได้จัดกิจกรรมพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับทักษะการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 ในรายวิชาเพิ่มเติมหรือโครงการ/กิจกรรมนอกหลักสูตร รายการ รายวิชาเพิ่มเติมที่ส่งเสริม (ระบุ) โครงการ/กิจกรรมที่ส่งเสริม (ระบุ) 1. ส่งเสริมให้ผู้เรียนมี หลักคิดที่ถูกต้อง - หน้าที่พลเมือง - โครงการโรงเรียนคุณธรรม - โครงการทัศนศึกษา - โครงการเปิดบ้านวิชาการ - โครงการลูกเสือ – เนตรนารี - โครงการสถานศึกษาสีขาว - โครงการการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร - โครงการการปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน (CPR) - กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ - กิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์
13 รายการ รายวิชาเพิ่มเติมที่ส่งเสริม (ระบุ) โครงการ/กิจกรรมที่ส่งเสริม (ระบุ) 2. ทักษะวิชาการ - ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร - โครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ - โครงการเปิดบ้านวิชาการ - โครงการห้องสมุดมีชีวิต - โครงการนิเทศภายใน - โครงการสร้างเสริมพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย - โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ห้องเรียนปฐมวัย - กิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์ 3. ทักษะชีวิต - หน้าที่พลเมือง - โครงการลูกเสือ – เนตรนารี - โครงการเปิดบ้านวิชาการ - โครงการสถานศึกษาสีขาว - โครงการวันสำคัญ - โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ - โครงการเศรษฐกิจพอเพียง - โครงการส่งเสริมประชาธิปไตย 4. ทักษะวิชาชีพ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (แนะ แนว) - โครงการเปิดบ้านวิชาการ - โครงการเศรษฐกิจพอเพียง - กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ 5. ทักษะในการป้องกัน ตนเองจากภัยคุกคาม รูปแบบใหม่ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรมลูกเสือ – เนตรนารี) - โครงการสถานศึกษาสีขาว - โครงการโรงเรียนสุจริต - โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ - โครงการระบบดูแลช่วยเหลือ - โครงการการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร - โครงการการปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน (CPR) โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้จัดกิจกรรม แนวทางการส่งเสริมทักษะอาชีพในหลักสูตรสถานศึกษา ระดับ ประถมศึกษา โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ดำเนินการจัดโครงเปิดบ้านวิชาการ สืบสาน อนุรักษ์ ขนมไทย ใส่ใจ เสริมสร้างทักษะอาชีพ (วันกินขนมไทย) โครงการสถานศึกษาสีขาว โครงการวันสำคัญ โครงการการป้องกันการ ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร โครงการการปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน (CPR) ให้นักเรียนสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ โดย ดำเนินการ ดังนี้ 1. จัดกิจกรรมอย่างหลากหลายให้ผู้เรียนได้เลือกปฏิบัติกิจกรรมตามความถนัดความสนใจ ปฏิบัติ กิจกรรมเป็นรายบุคคล หรือปฏิบัติเป็นรายกลุ่ม มีครูเป็นที่ปรึกษาเป็นแนวทางในการปฏิบัติกิจกรรมอย่างแท้จริง 2. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแต่ละคน หรือรวมกลุ่มกันนำเสนอกิจกรรมที่จะปฏิบัติ โดยผู้เรียนรวมเป็น กลุ่ม มาปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองและชุมชน การปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริม ทักษะอาชีพตามระดับชั้น ได้แก่ ซุ้มอนุบาล 2 วุ้นแฟนซี ซุ้มอนุบาล 3 กล้วยบวชชีไม้ ซุ้ม ป. 1 ขนมบัวลอย
14 ซุ้ม ป.2/1 ทับทิมกรอบ ซุ้ม ป.2/2 ขนมดอกบัว ซุ้ม ป.3/1 ตะโก้ข้าวโพด ซุ้ม ป.3/2 ขนมดอกจอก ซุ้ม ป.4 ขนมกุ้ยช่าย ซุ้ม ป.5/1 ขนมหม้อแกง ซุ้ม ป.5/2 ขนมฟักทอง ซุ้ม ป.6/1 ขนมต้ม ซุ้ม ป.6/2 ขนมชั้น 3.4 ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน จากการดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ที่ได้ใช้รูปแบบวิธีการ ปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทาง การศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญนั้น ทำให้เกิดประสิทธิภาพของการ ดำเนินงาน ดังนี้ 3.4.1 การแสวงหาความร่วมมือ การสร้างภาคีเครือข่าย โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้รับความ ร่วมมือจากภาคีเครือข่าย ในการดำเนินการตามโครงการ หรือกิจกรรมต่าง ๆ เป็นอย่างดียิ่ง เช่น เทศบาลเมืองคูคต ให้การสนับสนุนงบประมาณในการอบรมทักษะอาชีพให้กับนักเรียน การส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือในการปรับปรุงภูมิทัศน์ รวมทั้งเมื่อพบนักเรียนที่ได้รับความเดือนร้อนก็จะเข้ามาให้ การช่วยเหลือ ศูนย์การแพทย์ธรรมศาสตร์คูคต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้การ สนับสนุนด้านสุขภาพอนามัยนักเรียน เช่น การตรวจสุขภาพร่างกาย สุขภาพช่องปาก และการฉีดวัคซีนให้กับ นักเรียน เป็นต้น สถานีตำรวจภูธรคูคต ให้การสนับสนุนส่งเจ้าหน้าที่เป็นครู D.A.R.E. มาให้ความรู้เรื่องยา เสพติดในโรงเรียน ปราชญ์ชาวบ้านในชุมชน ได้เข้ามาถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านให้กับเด็ก โรงเรียน วัดโพสพผลเจริญได้เชิญวิทยากรมาสอนทำขนมไทย ทำให้นักเรียนมีความรู้เรื่องขนมไทยชนิดต่าง ๆ 3.4.2 สำรวจและระบุพื้นที่ที่พบปัญหา ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ ปฏิบัติงาน “เชิงรุก” โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ลงพื้นที่ติดตามเด็กในชุมชนตามทะเบียนราษฎร ได้แก่พื้นที่ หมู่ 3 4 5 11 17 18 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ผลปรากฏว่า จำนวนนักเรียนในเขตพื้นที่บริการมีจำนวน 326 คน เข้ามาเรียนที่ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ จำนวน 45 คน คิดเป็นร้อยละ 13.80 เข้าศึกษาโรงเรียนเอกชน จำนวน 114 คน คิดเป็นร้อยละ 34.97 ส่วนนักเรียนที่เหลือจำนวน 167 คน คิดเป็นร้อยละ 51.23 ได้ย้ายติดตาม ผู้ปกครองไปอยู่นอกเขตพื้นที่ 3.4.3 มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ชัดเจน โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ดำเนินงานระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียน ตาม 5 องค์ประกอบ ทำให้เกิดผลจากการดำเนินงาน ดังนี้ 1. การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล คณะครู และบุคลากรทางการศึกษาได้ออกเยี่ยมบ้าน ครบ 100% และรู้จักนักเรียนเป็นราย บุคคล ทำให้ได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง
15 2. การคัดกรองนักเรียน ผลปรากฏว่า นักเรียนกลุ่มเสี่ยงด้านการเรียน จำนวน 35 คน นักเรียนกลุ่มเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ จำนวน 33 คน กลุ่มเสียงด้านการคุ้มครองนักเรียน จำนวน 7 คน กลุ่มเสี่ยงด้าน การทะเลาะวิวาท 2 คน และกลุ่มเสี่ยงด้านยาเสพติด จำนวน 1 คน 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหา โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ดังนี้ แก้ปัญหาด้านการเรียน 1) การจัดกิจกรรมฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน มีผลการ ดำเนินงาน ดังนี้ สรุปผลการฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน “ความสามารถในการอ่าน ที่ ชื่อ - สกุล ชั้น การอ่าน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) การแปลผล* 1 เด็กชายชัยณรงค์ ทับทอง ป.1 0 ปรับปรุง 2 เด็กชายวรินธรณ์ หน่อแก้ว 7 ดี 3. เด็กหญิงสุภัสรา ผลภาคะ 7 ดี 4 เด็กชายธนภัทร ปาละกะวงค์ ณ อยุธยา 0 ปรับปรุง 5 เด็กชาย เกริกอักษร ศรีขาว ป.2 8 ดี 6 เด็กหญิงธิติมา รากพุด 8 ดี 7 เด็กหญิงแพรวา เวียนเปะ 7 ดี 8 เด็กหญิงสุพิชญา หาสุนทรี 7 ดี 9 เด็กชายณัฐกรณ์ สุขดี 7 ดี 10 เด็กหญิงฐิตินันท์ วงค์อุคะ 10 ดีมาก 11 เด็กหญิงสุกัญญา คงมิยา ป.3 15 ผ่าน 12 เด็กชายกฤตธนา พวงกุหลาบ 16 ผ่าน 13 เด็กหญิงสุธาสิณี นาคำแยก 14 ไม่ผ่าน 14 เด็กชายอภิชาติ บัวเรือง 13 ไม่ผ่าน 15 เด็กชายโชคชัย ผิวพรรณ์ 16 ผ่าน 16 เด็กหญิงธนพร แก้วเขียว 15 ผ่าน ข้อมูลจากตารางพบว่า หลังจากที่ได้ดำเนินกิจกรรมฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน นักเรียนมีผลการ ประเมินความสามารถด้านการอ่าน อยู่ในระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป จำนวน 12 คน อยู่ในระดับ “ไม่ผ่าน /ปรับปรุง” จำนวน 4 คน ซึ่งนักเรียนที่มีผลการประเมินไม่ผ่าน/ปรับปรุง ก็จะจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
16 สรุปผลการฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน “ความสามารถในการการเขียน ที่ ชื่อ - สกุล ชั้น การเขียน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) การแปลผล* 1 เด็กชายชัยณรงค์ ทับทอง ป.1 0 ปรับปรุง 2 เด็กชายวรินธรณ์ หน่อแก้ว 6 ดี 3 เด็กหญิงสุภัสรา ผลภาคะ 0 ปรับปรุง 4 เด็กชายธนภัทร ปาละกะวงค์ ณ อยุธยา 0 ปรับปรุง 5 เด็กชาย เกริกอักษร ศรีขาว ป.2 7 ดี 6 เด็กหญิงธิติมา รากพุด 6 ดี 7 เด็กหญิงแพรวา เวียนเปะ 7 ดี 8 เด็กหญิงสุพิชญา หาสุนทรี 6 ดี 9 เด็กชายณัฐกรณ์ สุขดี 6 ดี 10 เด็กหญิงฐิตินันท์ วงค์อุคะ 9 ดีมาก 11 เด็กหญิงสุกัญญา คงมิยา ป.3 6 ผ่าน 12 เด็กชายกฤตธนา พวงกุหลาบ 4 ไม่ผ่าน 13 เด็กหญิงสุธาสิณี นาคำแยก 4 ไม่ผ่าน 14 เด็กชายอภิชาติ บัวเรือง 4 ไม่ผ่าน 15 เด็กชายโชคชัย ผิวพรรณ์ 4 ไม่ผ่าน 16 เด็กหญิงธนพร แก้วเขียว 6 ผ่าน ข้อมูลจากตารางพบว่า หลังจากที่ได้ดำเนินกิจกรรมฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน นักเรียนมีผลการ ประเมินความสามารถด้านการเขียน อยู่ในระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป จำนวน 9 คน อยู่ในระดับ “ไม่ผ่าน /ปรับปรุง” จำนวน 7 คน ซึ่งนักเรียนที่มีผลการประเมินไม่ผ่าน/ปรับปรุง ก็จะจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป สรุปผลการฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน “ความสามารถในการคิดคำนวณ” ที่ ชื่อ - สกุล ชั้น การคิดคำนวณ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) การแปลผล* 1 เด็กชายชัยณรงค์ ทับทอง ป.1 0 ปรับปรุง 2 เด็กชายวรินธรณ์ หน่อแก้ว 6 ดี 3. เด็กหญิงสุภัสรา ผลภาคะ 4 พอใช้ 4 เด็กชายธนภัทร ปาละกะวงค์ ณ อยุธยา 0 ปรับปรุง 5 เด็กชาย เกริกอักษร ศรีขาว ป.2 7 ดี 6 เด็กหญิงธิติมา รากพุด 6 ดี
17 ที่ ชื่อ - สกุล ชั้น การคิดคำนวณ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) การแปลผล* 7 เด็กหญิงแพรวา เวียนเปะ 6 ดี 8 เด็กหญิงสุพิชญา หาสุนทรี 6 ดี 9 เด็กชายณัฐกรณ์ สุขดี 6 ดี 10 เด็กหญิงฐิตินันท์ วงค์อุคะ 8 ดี 11 เด็กหญิงสุกัญญา คงมิยา ป.3 6 ผ่าน 12 เด็กชายกฤตธนา พวงกุหลาบ 4 ไม่ผ่าน 13 เด็กหญิงสุธาสิณี นาคำแยก 6 ผ่าน 14 เด็กชายอภิชาติ บัวเรือง 4 ไม่ผ่าน 15 เด็กชายโชคชัย ผิวพรรณ์ 5 ผ่าน 16 เด็กหญิงธนพร แก้วเขียว 7 ผ่าน ข้อมูลจากตารางพบว่า หลังจากที่ได้ดำเนินกิจกรรมฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน นักเรียนมีผลการ ประเมินความสามารถด้านการคิดคำนวณ อยู่ในระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป จำนวน 12 คน อยู่ในระดับ “ไม่ผ่าน / ปรับปรุง” จำนวน 4 คน ซึ่งนักเรียนที่มีผลการประเมินไม่ผ่าน/ปรับปรุง ก็จะจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป การให้ความช่วยเหลือปัญหาด้านเศรษฐกิจ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ดำเนินกิจกรรม มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีฐานะยากจน หรือที่เป็นเด็กกำพร้าบิดา หรือมารดา โดยผู้มีใจเมตตาได้มามอบ ทุนการศึกษา และได้ดำเนินการส่งต่อรายชื่อนักเรียนที่มีฐานะยากจนให้กับสำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคง ของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี เพื่อขอรับความช่วยเหลือ มีผลการดำเนินกิจกรรม ดังนี้ สรุปการได้รับทุนการศึกษาจากผู้มีอุปการะคุณ และหน่วยงานต่าง ๆ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ปีการศึกษา 2565 ที่ รายนามผู้บริจาค ทุนละ จำนวน ทุน รวมเป็นจำนวน เงิน 1 คุณธมลวรรณ วงค์วรรณคำ 500 1 ทุน 500 บาท 2 คุณพรทิพย์ ทองวัฒน์ 500 50 ทุน 25,000 บาท 3 วัดสายไหม (พระครูโสภณภัทรเวทย์, ดร.) 500 10 ทุน 5,000 บาท 4 คุณอัมพร ทิมเจริญ ผู่ใหญ่ประเสริฐหมุดทอง และผองเพื่อน 1,670 17 ทุน 28,390 บาท 5 พระครูปลัด ประภัสสร ปญฺญาวุโธ(เจ้าอาวาสวัดโพสพ) 500 341 ทุน 170,500 บาท 6 มูลนิธิฟ้าช่วยการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส 2,000 24 ทุน 48,000 บาท 7 ครูรุ่งฟ้า ทรงศิล (งานมุทิตตาจิตเกษียณอายุราชการ 60ปี) 500 14 ทุน 7,000 บาท 8 พล.อ.ท.เรวัต - อ.เพลินพิศ สกุลวิวรรธน์ 500 10 ทุน 5,000บาท
18 ที่ รายนามผู้บริจาค ทุนละ จำนวน ทุน รวมเป็นจำนวน เงิน 9 ครูบุญเสริม ดิษฐ์จันทร์ และบุตรชาย 500 10 ทุน 5,000บาท 10 ครูอัมพร ศรีหรั่งไพโรจน์ 500 4 ทุน 2,000 บาท 11 มูลนิธิสแตนเลย์ประเทศไทย 2,500 2 ทุน 5,000 บาท 12 ทุนนิธิเพื่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา วัดซอยสามัคคี (ธรรมสุข ใจ) รังสิต 1,000 1 ทุน 1,000 บาท 13 บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด 1,000 6 ทุน 6,000 บาท รวมทั้งสิ้น 308,390 บาท ข้อมูลจากตาราง พบว่า ในปีการศึกษา 2565 นักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีผู้ใจบุญได้มอบ ทุนการศึกษา เป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 308,390 บาท และนักเรียนได้รับทุนการศึกษา ครบ 100 4. การพัฒนาและส่งเสริมนักเรียน โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาและ ส่งเสริมนักเรียนในความสามารถด้านต่าง ๆ และส่งเสริมให้นักเรียนที่มีความสามารถเข้าร่วมแข่งขันกิจกรรมที่ หน่วยงานต่าง ๆ ได้จัดขึ้น ผลงานความสำเร็จจากการส่งนักเรียนเข้าร่วมแข่งข้นกิจกรรมต่าง ๆ มีดังนี้ - ด.ช. ณัฐนนท์ สีกาแก้ว และ ด.ญ.อรินทร์พร จรัสกุลชัย ได้คะแนนสอบ O-NET วิชาภาษาอังกฤษ เต็ม 100 คะแนน - ด.ญ. รัชต์ธร เปียนขุนทด ได้รับรางวัลระดับเหรียญเงิน ประเภทการบรรเลงเดี่ยว จะเข้การประกวดเดี่ยวเครื่องดนตรีไทยและขับร้องระดับชาติ ระดับประถมศึกษา “เสริมประสบการณ์ สืบสาน สังคีตศิลป์ไทย” ประจำปีการศึกษา 2565 ณ วิทยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา - ด.ญ. พิชามญชุ์ ไวยะ ได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง กิจกรรมการแข่งขันขับร้องเพลง ไทย ระดับ ป.1 - ป.6 งานศิลปหัตกรรมนักเรียน ครั้งที่ 70 ประจำปีการศึกษา 2565 ระดับชาติ ภาคกลางและ ภาคตะวันออก ณ จังหวัดราชบุรี - ด.ญ. อรุณรัตน์ สุริปะ ได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง รองชนะเลิศอันดับที่ 1 กิจกรรมการแข่งขันเดี่ยวซออู้ ระดับ ป.1 - ป.6 งานศิลปหัตกรรมนักเรียน ครั้งที่ 70 ประจำปีการศึกษา 2565 ระดับเขตพื้นที่ - ด.ช. ณัฐวัฒน์ แสงเงินอ่อน ได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง รองชนะเลิศอันดับที่ 1 กิจกรรมการแข่งขันเดี่ยวจะเข้ ระดับ ป.1 - ป.6 งานศิลปะหัตกรรมนักเรียน ครั้งที่ 70 ประจำปีการศึกษา 2565 ระดับเขตพื้นที่ - ด.ญ. กัณฐมณี บุญสวรรณ์ ได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง รองชนะเลิศอันดับที่ 1 กิจกรรมการแข่งขันเดี่ยวขิม 7 หย่อง ระดับ ป.1 - ป.6 งานศิลปหัตกรรมนักเรียน ครั้งที่ 70 ประจำปีการศึกษา 2565 ระดับเขตพื้นที่ - ด.ญ. พิชามญชุ์ ไวยะ ได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ กิจกรรมการแข่งขันขับ ร้องเพลงไทย ระดับ ป.1 - ป.6 งานศิลปหัตกรรมนักเรียน ครั้งที่ 70 ประจำปีการศึกษา 2565 ระดับเขตพื้นที่ - ด.ญ.อรุณรัตน์ สุริปะ ได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ การประกวดบรรเลงดนตรีไทยศร ทอง ชิงถ้วยพระราชทาน เครื่องมือ ซออู้ ประจำปีการศึกษา 2565 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
19 ทำให้นักเรียนได้รับการพัฒนาตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ส่งผลให้นักเรียนมี ภูมิคุ้มกัน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ครบ 100% 5. การส่งต่อ ในปีการศึกษาที่ผ่านมา ในปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ นักเรียนไม่มีปัญหารุนแรงถึงขั้นส่งต่อภายนอก ดังนั้นผลการส่งต่อภายนอก เป็น 0% 3.4.4 ปลูกฝังเด็ก และเยาวชนในโรงเรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติด บูรณาการหลักสูตร D.A.R.E โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้ทำข้อตกลง กับสถานีตำรวจภูธรคูคต ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ครูแดร์) เข้ามาสอนใน โรงเรียน นอกจากนี้ทางโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ยังได้จัดโครงการอบรมให้ความรู้เรื่องโทษ และพิษภัยของยาเสพ ติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และวิธีการปฏิเสธเมื่อมีคนมาชักชวนให้ทดลองเสพยาเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ผลจากการดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ส่งผลให้ในปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้ส่งประกวด “สถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด และอบายมุข” ระดับเพชร ณ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประเมินผล ระดับ สพฐ. 3.4.5 จัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ควบคู่กับการสร้างทักษะชีวิต ที่จำเป็นบนพื้นฐานแห่งการ สร้างสรรค์ # เปลี่ยนครูให้เป็นโค้ช โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้จัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ควบคู่กับการสร้างทักษะชีวิตที่จำเป็นบนพื้นฐานแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาให้นักเรียนได้รับความรู้ ควบคู่ คุณธรรม มีความสามารถในการอ่าน การเขียน การสื่อสาร การคิดคำนวณ รวมทั้งการมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ตามหลักสูตรสถานศึกษา มีความสามารถในการวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ มีความสามารถในการสร้าง นวัตกรรม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และมีความรู้ ทักษะพื้นฐาน เจตคติที่ดีต่องานอาชีพ เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข 4.1 ผลการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ จากการกำหนดวัตถุประสงค์ในดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีผลการ ดำเนินงานสอดคล้องตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ดังนี้ • วัตถุประสงค์ข้อที่ ๑ เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ที่เป็นเลิศ (Best Practice) โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีนวัตกรรม เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตาม ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาเพื่อพัฒนา สถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศ เป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานอื่น • วัตถุประสงค์ข้อที่ ๒ เพื่อพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาสูงกว่าค่า เป้าหมาย ซึ่งทางโรงเรียนได้กำหนดค่าเป้าหมาย ไว้ดังนี้ 1) นักเรียนมีผลการผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ระดับ ดี ขี้นไป ร้อยละ 72 2) นักเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ระดับ ดี ขึ้นไป ร้อยละ 81 นักเรียนระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีเกรดเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแต่ละรายวิชาในระดับ 3 ขึ้นไป ระดับชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 ถึง ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 4. ผลการดำเนินงาน / ผลสัมฤทธิ์ / ประโยชน์ที่ได้รับ
20 ระดับชั้น จำนวน นักเรียน ทั้งหมด ปี 2565 (10 พ.ย 65) จำนวน นักเรียนที่ จบ หลักสูตร (31 มี.ค. 66) รายวิชา(พื้นฐาน) ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี สังคมศึกษาฯ ประวัติศาสตร์ สุขศึกษาฯ ศิลปะ การงานอาชีพฯ ภาษาอังกฤษ หน้าที่พลเมือง ป.1 32 30 23 24 25 27 24 30 30 26 25 25 ป.2 55 51 32 39 44 33 33 51 51 40 35 44 ป.3 52 50 38 31 41 46 41 49 49 45 44 42 ป.4 43 44 21 28 23 26 29 44 40 43 18 40 ป.5 47 45 31 44 32 37 43 45 43 41 27 45 ป.6 47 47 21 37 31 38 39 47 44 44 18 47 รวม 276 267 166 203 196 207 209 266 257 239 167 243 เฉลี่ย 62.17 76.03 73.41 77.53 78.27 99.62 96.25 89.51 62.54 91.01 ข้อมูลจากตารางจะพบว่า วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ฯ สังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ฯ สุข ศึกษา การงานอาชีพ และหน้าที่พลเมือง มีผลสัมฤทธิ์ระดับ ดี ขึ้นไป เกินกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ ร้อยละ 72 ส่วนวิชาภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษยังมีผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าค่าเป้าหมาย ทางโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญก็จะนำไป หาแนวทางทางที่จะพัฒนาให้สูงขึ้น นักเรียนที่มีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับดีขึ้นไป ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 ระดับชั้น จำนวนนักเรียน ทั้งหมด ปี 2565 (10 พ.ย 65) จำนวนนักเรียน ที่จบหลักสูตร (31 มี.ค. 66) จำนวนนักเรียนที่มีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน จำแนกตามระดับคุณภาพ ผ่าน ดี ดีเยี่ยม ระดับดีขึ้นไปร้อย ละ ป.1 32 30 5 6 19 83.33 ป.2 55 51 6 24 21 88.23 ป.3 52 50 7 14 28 84.00 ป.4 43 44 5 21 18 88.64 ป.5 47 45 13 14 18 71.11 ป.6 47 47 26 7 14 44.68 รวม 276 267 62 86 118 76.67
21 นักเรียนที่มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับดีขึ้นไป ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 ระดับชั้น จำนวนนักเรียน ทั้งหมด ปี 2565 (10 พ.ย 65) จำนวนนักเรียน ที่จบหลักสูตร (31 มี.ค. 66) จำนวนนักเรียนที่มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์จำแนกตามระดับคุณภาพ ผ่าน ดี ดีเยี่ยม ระดับดีขึ้นไปร้อย ละ ป.1 32 30 - 2 28 100 ป.2 55 51 - 17 34 100 ป.3 52 50 - 15 34 98 ป.4 43 44 5 21 18 88.63 ป.5 47 45 13 14 18 71.11 ป.6 47 47 26 7 14 44.68 ข้อมูลจากตารางผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ปรากฏ ว่า ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 4 มีผลการประเมินอยู่ในระดับ ดี ขึ้นไป สูงกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือร้อยละ 81 ส่วนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 – 6 ผลการประเมินระดับ ดี ขึ้นไป ยังต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทางโรงเรียนก็จะ นำไปพัฒนาให้มีผลการประเมินสูงขึ้นในปีการศึกษาถัดไป และจากการดำเนินการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์ พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผล เจริญ ส่งผลให้ในปีการศึกษา 2565 นักเรียนจบหลักสูตรครบ 100% และนักเรียนที่จบการศึกษาระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น หรือประกอบอาชีพ ดังนี้ ผลการศึกษาต่อของนักเรียนที่จบการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ปีการศึกษา จำนวนนักเรียนทั้งหมด จำนวนนักเรียนที่ได้ศึกษาต่อ คิดเป็นร้อยละ 2564 44 ศึกษาต่อ 44 คน 100 ไม่ได้ศึกษาต่อ - คน 0 2565 47 ศึกษาต่อ 45 คน 95.74 ไม่ได้ศึกษาต่อ 2 คน 4.26 จากข้อมูลพบว่า ในปีการศึกษา 2564 นักเรียนที่จบการศึกษาได้เข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ร้อยละ 100 ส่วนปีการศึกษา 2565 นักเรียนที่จบการศึกษาได้เข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ร้อยละ 95.74 ไม่ได้ศึกษาต่อ 2 คน คิดเป็นร้อยละ 4.26 เนื่องจาก เด็ก 2 คนนี้เป็นพี่น้องกัน เป็นเด็กต่างด้าว คนพี่อายุ 18 ปี ตัวนักเรียนก็เลยเลือกที่จะทำงานประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนคนน้อง อายุ 15 ก็อยากช่วยทำงาน หารายได้เลี้ยงดูครอบครัว คุณครูประจำชั้นก็ให้คำแนะนำว่า ให้ไปเรียนศึกษาผู้ใหญ่ ตัวนักเรียนจึงตัดสินใจไปเรียน ศึกษาผู้ใหญ่
22 • วัตถุประสงค์ข้อที่ 3 เพื่อลดปัญหานักเรียนออกกลางคัน ให้เป็น 0 จากการดำเนินการบริหาร สถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีผลการดำเนินการ ดังนี้ การดำเนินการติดตามโครงการพาน้องกลับมาเรียน ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ อำเภอลำลูกกา 1. นักเรียนกลุ่มเสี่ยงออกกลางคัน จำนวน - คน 2. เด็กออกกลางคัน จำนวน - คน 2.1 พบตัวและได้รับการติดตามช่วยเหลือ จำนวน - คน 1) กลับมาเรียน จำนวน - คน 2) ไม่กลับมาเรียน จำนวน - คน 3) จบการศึกษาภาคบังคับ ไม่ประสงค์จะเรียนต่อ จำนวน - คน 4) จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน - คน 5) ประกอบอาชีพ จำนวน - คน 6) อื่น ๆ ระบุ ……………………………. จำนวน - คน 2.2 ไม่พบตัว จำนวน - คน ภาพถ่าย การลงพื้นที่เชิงรุก เพื่อติดตามพาน้องกลับมาเรียน • วัตถุประสงค์ข้อที่ ๔ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถานศึกษา โรงเรียนวัดโพสพผล เจริญได้รับความร่วมมือในการสร้างภาคีเครือข่าย ร่วมกับ องค์กรปกครองท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต สถานพยาบาล ได้แก่ ศูนย์การแพทย์ธรรมศาสตร์คูคต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสถานี ตำรวจภูธรคูคต เพื่อร่วมประสานงาน เฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ปัญหา รวมทั้งส่งเสริม คุ้มครองและสนับสนุนความ ประพฤติของนักเรียน รวมทั้งการขับเคลื่อนการดำเนินงานทุกขั้นตอนของการบริหารงานสถานศึกษา ส่งผลให้การ ดำเนินงานกิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปด้วยดี
23 4.2 ผลสัมฤทธิ์ จากการดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทาง การศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมกันเพิ่ม โอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา ลดอัตรานักเรียนออกกลางคัน พร้อมทั้งได้ร่วมกันวาง กำหนดค่าเป้าหมาย ร่วมกันวางแผนการดำเนินงาน (P) ดำเนินกิจกรรม (D) ตรวจสอบ (C) และนำผลการประเมิน มาปรับปรุง (A) ส่งผลให้การดำเนินงานบริหารสถานศึกษาเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และสอดคล้องกับแนวทาง ของโครงการพาน้องกลับมาเรียนจะเห็นได้ว่าโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ทั้ง สถานศึกษา ผู้บริหาร ครูและนักเรียน มีผลการประเมินที่เป็นเลิศ (Best Practice) ที่ปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ อันส่งผลให้ผู้ปกครองไว้วางใจส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนในทุกปีการศึกษา และได้รับการรับรองการประกันคุณภาพ ภายนอก (พ.ศ. 2566 – 2570) จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) การศึกษาปฐมวัย และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
24 4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ 1. ได้รับความร่วมมือและเป็นเครือข่ายจากระดับต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กร ปกครองส่วน ท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองนักเรียน ในการร่วมกันบริหารสถานศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสทาง การศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษา 2. นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีคุณภาพตามมาตฐานการศึกษา ระดับการศึกษาขั้น พื้นฐาน 3. โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญดำเนินการบริหารสถานศึกษาเพื่อลดปัญหาอัตราการออกกลางคันให้ เป็น 0 ได้ 4. ครูและนักเรียนโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้น ครูเปลี่ยนบทบาทจากผู้ สั่งการ ผู้สอน เป็นผู้คอยชี้แนะ ให้ความรักความเข้าใจแก่นักเรียน ส่งผลให้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความ เข้มแข็งขึ้น 5. โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีการบริหารงานสถานศึกษาที่เพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความ เสมอภาคทางการศึกษา การดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และ ความเสมอภาคทางการศึกษา ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ดำเนินการสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ เนื่องด้วย ปัจจัยความสำเร็จ ดังนี้ 1. โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญมีภาคีเครือข่ายมีความเข้มแข็งช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนอย่างเต็มที่ 2. ครูทุกคนเปิดใจและพร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลนักเรียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระ และ รู้จักหาวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการทำโครงงานและกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ ด้วยมีแนวคิดตามที่กล่าวไว้ว่า “ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ซึ่งกระบวนการจัด การศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ” 3. การยึดหลักวิธีการแห่งศาสตร์พระราชานั่นคือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ทำให้สามารถดูแลช่วยเหลือ นักเรียนได้อย่างทั่วถึง 4. การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปในการดำเนินการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์ พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผล เจริญ 5. ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นแบบอย่างที่ดี และให้การสนับสนุน งบประมาณในการจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม สื่อการเรียนรู้และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ และมีความรอบรู้ และให้ความสำคัญกับเด็กที่ด้อยโอกาส เด็กที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษด้วยวิธีการ ประสานงานกับบุคลากรภายในสถานศึกษา หรือองค์กร หน่วยงานภายนอกมาให้ความช่วยเหลือ 6. นักเรียนปฏิบัติหน้าที่ตามความสามารถของตนได้เต็มที่ มีแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะที่ ปฏิบัติหน้าที่ และมีความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามธรรมชาติและราบรื่น ต่อไป 5. ปัจจัยความสำเร็จ
25 7. มีการติดตาม ประเมินผล วิเคราะห์และอภิปรายผล การนำข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ มา วิเคราะห์และอภิปรายผู้สอนและผู้เรียนร่วมมือกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสรุป เมื่อได้วิเคราะห์และอภิปราย ผลของการแสดงแล้ว ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้มีแนวคิดกว้างขวางขึ้น 8. โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญนำผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาในปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมาใช้ เป็นฐานข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาวิธีปฏิบัตินำไปสู่วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) โรงเรียนวัดโพสพผล เจริญขอขอบพระคุณผู้ช่วยเหลือและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเป็นอย่างสูงที่มีส่วนร่วมให้การดำเนินโครงการมีผล การเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น บทเรียนที่ได้รับจากการดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่ม โอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ประกอบด้วยประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1. การออกแบบการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ คือ การใช้ข้อมูลที่ได้จากการดำเนินงานในปีการศึกษาที่ ผ่านมามาร่วมกันวิเคราะห์จุดแข็งที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้หรือดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องในปีการศึกษาปัจจุบัน และวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนที่ควรปรับปรุงก่อนดำเนินการตามกระบวนการในวงรอบถัดไป คณะครู และบุคลากรใน โรงเรียนทุกคนควรใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ เพื่อค้นคิดหาวิธีการใหม่ ๆ ตามหลักวิชาการ หรือแม้แต่การลองผิด ลอง ถูกเพื่อมาปรับปรุงและพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น การพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ที่ใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ ต้องอ่านให้มาก ฟังให้มาก จดให้มาก และคิดให้มาก มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และไม่ย่อท้อ เมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรค ปรับปรุง พัฒนาการดำเนินงานอยู่เสมอ พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ มีวินัยไม่ทอดทิ้งก่อนที่จะดำเนินงานให้บรรลุผลสำเร็จ 2. การแก้ปัญหายาเสพติดและอบายมุข ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง อาศัยความร่วมมือ ร่วมใจจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน โรงเรียนหรือสถานศึกษาต้องมีภาคีเครือข่ายที่ เข้มแข็ง เพื่อร่วมกันดูแล สอดส่อง ปกป้อง คุ้มครองนักเรียน รวมทั้งให้การสนับสนุนนักเรียนในการทำกิจกรรม ด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ที่เกิดแก่ผู้เรียนเป็นสำคัญ ยึดหลักวิธีการแห่งศาสตร์พระราชา คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา 3. เด็กทุกคนต้องได้รับโอกาสที่จะได้รับการศึกษา ดังนั้นสถานศึกษาต้องตระหนักและดำเนินการติดตาม เด็กในพื้นที่รับผิดชอบให้มีสิทธิในการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาค ทางการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส 4. นักเรียนเปรียบเสมือนต้นกล้าที่มีการเจริญเติบโต ต้องมีการดูแลรักษาอย่างพอเหมาะ และใช้ ระยะเวลาในการดูแลรักษายาวนานต่อเนื่องกันหลายปี ดังนั้นในการดำเนินงานบริหารสถานศึกษาต้องดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และโรงเรียนเปิดโอกาสให้นักเรียนเติบโตได้อย่างที่อยากเป็นภายใต้ความเป็นพลเมืองที่ดี และมีคุณภาพ โดยการส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมหรือเรียนรู้ตามความถนัดและความสนใจ • ข้อเสนอแนะและข้อควรระวังในการนำผลงานไปประยุกต์ใช้ การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชา คือ วิธีการแห่งศาสตร์พระราชา คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้กับการบริหารงานในหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ได้ เพราะถ้าบุคลากรใน หน่วยงาน หรือองค์กรมีความเข้าใจ เข้าถึง และร่วมกันพัฒนาหน่วยงาน หรือองค์กรนั้นก็จะมีคุณภาพ และมีการ พัฒนาที่ยั่งยืน 6. บทเรียนที่ได้รับ
26 • แนวทางการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ มีแนวทางการพัฒนาการดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์ พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผล เจริญในปีการศึกษาต่อไป ดังนี้ 1. ผู้บริหารมีภาวะผู้นำ บริหารงานแบบการมีส่วนร่วม มีการสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้บุคลากรใน โรงเรียนทำงานเป็นทีมร่วมกันปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มศักยภาพ เพื่อให้เกิดผลการดำเนินงาน ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้ และสามารถเป็นแบบอย่างให้โรงเรียนอื่นเพื่อนำไปปรับใช้ในการดำเนินงาน การบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทาง การศึกษาได้ 2. โรงเรียนกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน มีการกำหนดปฏิทินดำเนินงาน การทำงานตาม ขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้ และมีการตรวจสอบเพื่อติดตามการดำเนินงานและเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และนำผลนั้นไป ปรับปรุงการดำเนินการให้เหมาะสมตามวงจร PDCA หรือ Deming Cycle 3. การสร้างประสานความร่วมมือ สร้างเครือข่ายจากเดิมที่ได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น เทศบาลเมืองคูคต สภ.คูคต ศูนย์การแพทย์ธรรมศาสตร์คูคต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายผู้ปกครอง นักเรียนและโรงเรียนต่าง ๆ ในปีการศึกษาต่อไปมุ่งสร้างความ ร่วมมือและเป็นแบบอย่างให้กับโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น 4. ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท มีการทำงานเป็นทีม มีความรู้ความ เข้าใจ มีความรับผิดชอบในหน้าที่ก็จะส่งผลให้สามารถดำเนินงานการบริหารสถานศึกษาตามศาสตร์พระราชาสู่ การพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และความเสมอภาคทางการศึกษาของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ เป็นไป ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ และผลการดำเนินงานก็จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5. โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญได้น้อมนำศาสตร์พระราชา นั่นคือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และนำหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการบริหารงาน และพัฒนาการจัดการศึกษาของโรงเรียนอีกด้วย 7.1 การเผยแพร่ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้เผยแพร่วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ผ่าน ช่องทางต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ได้แก่ 1. ทางเอกสาร ได้จัดทำเอกสารแผ่นพับนำเสนอการดำเนินงานผลงาน เพื่อบริการแก่ผู้ที่สนใจ นำไปศึกษาและปรับใช้ 2. ดำเนินการเผยแพร่โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ผ่านเว็บไซต์ของโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ http://www.posop.ac.th/และผ่านทางกลุ่มไลน์ห้องเรียน 7.2 การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ • ได้รับเกียรติบัตร สถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข ประเภทดีเด่น ระดับเงิน ปีการศึกษา 2560 ของ ป.ป.ส.ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการ • ได้รับคัดเลือกเป็นโรงเรียนคุณธรรม ระดับ 3 ดาว ประจำปีการศึกษา 2561 • ได้รับคัดเลือกเป็นโรงเรียนคุณภาพดีประจำตำบล ปีการศึกษา 2561 • โรงเรียนต้นแบบห้องเรียนศีล 5 ระดับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 7. การเผยแพร่ / การได้รับยอมรับ
27 • โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้รับรางวัลเสมา ป.ป.ส.ประเภทผลงานดีเด่น ระดับทอง โครงการ สถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา 2561 • สถานีตำรวจภูธรคูคต มอบประกาศเกียรติคุณไว้เพื่อแสดงว่า นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ เป็นบุคคลที่ให้การสนับสนุนในด้านการรณรงค์ป้องกันปราบปรามยาเสพ ติดในเด็กนักเรียนตามโครงการ การศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.ประเทศไทย) • นายเอกลักษณ์ อ่อนสำลี ครู โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ รับเกียรติบัตรให้เป็นครูดีไม่มีอบายมุข ประจำปีการศึกษา 2562 • สถานีตำรวจภูธรคูคต มอบประกาศเกียรติคุณไว้เพื่อแสดงว่า นายสุเนตร ซาวจำปา ครูประจำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ เป็นบุคคลที่ให้การสนับสนุนในด้านการรณรงค์ป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดในเด็กนักเรียนตามโครงการ การศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.ประเทศไทย) • ได้รับการประเมินโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุขระดับเพชร ปี การศึกษา 2565
28 ภาคผนวก
29 โรงเรียนต้นแบบห้องเรียนศีล 5 ระดับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ปทุมธานี เขต 2 สถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข ระดับเงิน ปีการศึกษา 2560 ผลงาน รางวัลที่โรงเรียนได้รับ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้รับรางวัลเสมา ป.ป.ส. ประเภทผลงานดีเด่น ระดับทอง โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา 2561
30 ผลงาน รางวัลที่ผู้บริหารสถานศึกษาได้รับ นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้รับใบประกาศบุคคลที่ให้การสนับสนุนในด้านการรณรงค์ป้องกันยาเสพติดในเด็กนักเรียนตามโครงการ การศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E ประเทศไทย) นางสาวชุตินันท์ พั่วนะคุณมี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ รับเกียรติบัตรเป็นผู้วิจัยและพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์คนดี ด้านการบริหารโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ระดับประเทศ (ระดับดี) ประจำปีการศึกษา 2564
31 นายเอกลักษณ์ อ่อนสำลี ครู โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ รับเกียรติบัตรให้เป็นครูดีไม่มีอบายมุข ประจำปีการศึกษา 2562 ผลงาน รางวัลที่ครูบุคลากรได้รับ นางสาวมณสิกานต์ ล้านแปง ครูชำนาญการ โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ รับเกียรติบัตรรางวัล คุรุชนคนคุณธรรม โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประจำปีการศึกษา 2565
32 ผลงาน รางวัลที่ครูบุคลากรได้รับ นายสมคะเน โตวัฒนา ครู โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้รับใบประกาศบุคคลที่ให้การสนับสนุนในด้านการรณรงค์ป้องกันยาเสพติดในเด็กนักเรียนตามโครงการ การศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E ประเทศไทย) นายสุเนตร ซาวจำปา ครู โรงเรียนวัดโพสพผลเจริญ ได้รับใบประกาศบุคคลที่ให้การสนับสนุนในด้านการรณรงค์ป้องกันยาเสพติดในเด็กนักเรียนตามโครงการ การศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E ประเทศไทย)
33 ประชุมสร้างความรู้ความเข้าใจ นโยบาย ประสานความร่วมมือ กับคณะครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน
34 ประสานความร่วมมือ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถานศึกษากับภาคีเครือข่าย
35 บริหารจัดการและปฏิบัติงาน “เชิงรุก”
36 กิจกรรมการเยี่ยมบ้านนักเรียน เป็นการรู้จักข้อมูลพื้นฐานนักเรียนเป็นรายบุคคล
37 กิจกรรมมอบทุนการศึกษา ช่วยเหลือนักเรียนแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ
38 กิจกรรมฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียน แก้ปัญหาด้านการเรียน
39 จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning
40 กิจกรรมฝึกทักษะอาชีพ เปิดบ้านขนมไทย
41 กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างนักเรียนแกนนำ หมู่บ้านคุณธรรม น้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาและต่อต้านยาเสพติด อบายมุขอย่างยั่งยืน
42 นักเรียนแกนนำฝ่ายการเรียน ช่วยเหลือเพื่อนด้านการเรียน
43 นักเรียนแกนนำฝ่ายการงาน ดูแลความสะอาดของห้องเรียน
44 นักเรียนแกนนำฝ่ายสารวัตรนักเรียน ดูแลความปลอดภัยภายในห้องเรียนและมุมอับ
45 กิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมสร้างสรรค์
46 กิจกรรมกีฬาสี
47 เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันภายนอกโรงเรียน