บทเรียนสำเรจ็ รูป
มนษุ ยก์ ับสงั คม
เล่มที่ 1 สังคมมนษุ ย์
หน้ำทีพ่ ลเมือง วฒั นธรรม และกำรดำเนินชวี ติ ในสังคม
กล่มุ สำระสงั คมศึกษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม
รหสั วิชำ ส31101 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 4
นำงสนุ ทรำ เชยกลิ่นเทศ
ครูชำนำญกำรพิเศษ
โรงเรียนทรำยมลู วทิ ยำ
อำเภอทรำยมลู จงั หวัดยโสธร
สำนกั งำนเขตพนื้ ที่กำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำ เขต 28
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพ้ืนฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร
กก
คำนำ
บทเรียนสำเรจ็ รปู เล่มน้ี จดั ทำข้นึ เพื่อพัฒนำกระบวนกำรเรียนรทู้ ม่ี คี ณุ ภำพให้กับนกั เรยี นตำม
หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน พุทธศักรำช 2551 โดยมเี ปำ้ หมำยสำหรับนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ี่
4 ซ่งึ เปน็ กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ทีย่ ดึ ผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ในบทเรยี นสำเรจ็ รปู เลม่ นี้มีกจิ กรรมปฏบิ ตั ิเป็น
ข้นั ตอน มวี ธิ ีวัดผลประเมินผลท่ีสอดคล้องกับหลักกำรของหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้นื ฐำน พทุ ธศักรำช
2551 และหลกั สูตรสถำนศึกษำโรงเรียนทรำยมลู วิทยำ นักเรียนสำมำรถศึกษำดว้ ยตนเองและมีกระบวนกำร
เรียนรูใ้ หเ้ ข้ำใจง่ำยได้รับประสบกำรณ์และมปี ระโยชนต์ ่อกำรดำรงชีวิต
ผู้จดั ทำหวงั เปน็ อยำ่ งยิ่งว่ำ บทเรียนสำเรจ็ รปู เล่มที่ 1 ซ่ึงมีเน้ือหำเก่ยี วกบั “สังคมมนษุ ย์” จะมี
ประโยชนเ์ สมอื นคมู่ ือของกำรศกึ ษำ สำมำรถพัฒนำบคุ คล พฒั นำสังคม พฒั นำชมุ ชน ให้บรรลสุ ำเร็จตำม
เป้ำหมำยและวัตถปุ ระสงคต์ อ่ ไป
สนุ ทรำ เชยกลิ่นเทศ
สำรบญั ข
ข
เร่อื ง
หน้ำ
คำนำ
สำรบัญ ก
แผนภูมิแสดงลำดับข้นั ตอนของกำรเรียนรู้ ข
คำแนะนำกำรใช้บทเรยี นสำเร็จรปู สำหรับครู 1
คำแนะนำกำรใชบ้ ทเรยี นสำเร็จรปู สำหรับนักเรียน 2
มำตรฐำน/ตวั ช้วี ดั 3
จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 4
แบบทดสอบกอ่ นเรียน 4
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 5
กรอบที่ 1 เรื่อง ควำมหมำยของสังคม 7
กรอบท่ี 2 เรื่อง กำรอย่รู ่วมกนั เป็นสังคม 8
กรอบที่ 3 เรื่อง ควำมต้องกำรขัน้ พื้นฐำนของมนษุ ย์ 9
กรอบที่ 4 เร่ือง องค์ประกอบของสงั คม 10
กรอบท่ี 5 เรื่อง หน้ำทขี่ องสังคม 11
แบบทดสอบหลังเรยี น 12
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 14
เอกสำรอ้ำงองิ 16
17
1
แผนภูมแิ สดงขัน้ ตอนของการเรยี นรู้
อา่ นคาช้ีแจง
ทดสอบก่อนเรียน
ไม่ผ่านการทดสอบ ศึกษาบทเรียน
ทดสอบหลงั เรยี น
นกั เรียนอยา่ ข้าม ผ่านการทดสอบ
ขนั้ ตอนนะคะ ศกึ ษาเร่ืองใหม่
2
คาแนะนาการใชบ้ ทเรยี นสาเรจ็ รปู สาหรับครู
1. บทเรยี นสาเร็จรูปนใี้ ช้ในการเสรมิ บทเรยี น หรือเพอื่ สอนซ่อมเสริมตามสภาพของนักเรยี น
2. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาบทเรยี นน้ดี ้วยตนเอง โดยกาหนดเวลาให้เหมาะสมตามความสามารถของ
นกั เรยี น
3. แนะนาวิธีการใช้บทเรยี นใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจกอ่ นนาไปใช้
4. คอยให้คาปรึกษาแกน่ ักเรียนเมอ่ื มีปัญหา
ไปดูคาแนะนาสาหรับนักเรียน
กนั ต่อเลยคะ่
3
คาแนะนาการใช้บทเรยี นสาเรจ็ รูปสาหรับนักเรียน
1. บทเรียนสาเร็จรูปเล่มนี้ เปน็ เลม่ ท่ี 1 เรือ่ ง สงั คมมนษุ ย์ มคี วามยาวท้งั หมด 5 กรอบ
ประกอบด้วยเนอ้ื หาและแบบฝึกหดั
2. นักเรียนศกึ ษาสาระสาคัญและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้เขา้ ใจ
3. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นดว้ ยตนเอง จานวน 10 ข้อ แลว้ ตรวจคาตอบจากเฉลย
4. นกั เรียนทากิจกรรมในแตล่ ะกรอบให้ครบทุกข้อ ถ้าตอบไมไ่ ด้อย่าดูแบบเฉลย ใหศ้ กึ ษา
เนอื้ หาใหมอ่ ีกคร้ัง
5. นกั เรียนตรวจคาตอบจากแบบเฉลย ถ้าตอบไมต่ รงกบั เฉลยให้ทบทวนเนอื้ หาเดมิ อกี ครั้ง
ถา้ ไม่เขา้ ใจใหถ้ ามครู
6. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน นกั เรียนตรวจคาตอบจากเฉลยเพ่อื เปรียบเทยี บ
ความก้าวหนา้ ของการเรียน
4
บทเรียนสาเรจ็ รูป เล่มที่ 1
เรอื่ ง สังคมมนุษย์
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
ส 2.1 ม.4-6/2 วเิ คราะหค์ วามสาคัญของโครงสร้างทางสงั คม การขดั เกลาทาง
สังคม และการเปล่ยี นแปลงทางสงั คม
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. มีความร้คู วามเข้าใจ และอธิบายความหมายของสังคมได้
2. มีความรคู้ วามเขา้ ใจ และอธิบายความสาคญั ของของสงั คมได้
3. มคี วามรู้ความเข้าใจ และอธิบายการอยู่รว่ มกันเปน็ สงั คมได้
4. มคี วามรูค้ วามเข้าใจ และบอกองค์ประกอบของสังคมได้
5. มคี วามรู้ความเขา้ ใจ และบอกหนา้ ทข่ี องสงั คมได้
5
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
เรอ่ื ง สังคมมนษุ ย์
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบทีถ่ ูกทส่ี ุดเพยี งคำตอบเดียว
1. เพราะเหตุใด มนุษยจ์ ึงตอ้ งอยู่รวมกันเปน็ สงั คม
ก. เพ่ือถา่ ยทอดวัฒนธรรม
ข. เพอ่ื สร้างความเจริญให้กับสงั คม
ค. เพื่อสนองความต้องการพ้ืนฐานของมนุษย์
ง. เพอ่ื สร้างความเป็นอนั หนึ่งอนั เดียวกันในสงั คม
2. การดารงชีวติ อยู่ในกลมุ่ ของสัตวส์ งั คมมีลักษณะอย่างไร
ก. เปน็ การสงั สรรค์ระหว่างวัฒนธรรม
ข. เป็นการกระทาระหวา่ งกันทางสงั คม
ค. เปน็ การผสมกลมกลนื ทางวฒั นธรรม
ง. เป็นการผ่อนปรนเขา้ หากันทางสังคม
3. ข้อใดสอดคล้องกับคากล่าวท่วี ่า “มนษุ ย์เป็นสัตว์สงั คม”
ก. มนษุ ย์สามารถใช้สมองและร่วมมอื กันได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ข. มนษุ ยต์ อ้ งด้นิ รนเพ่ือตอ่ สู้กับความอยรู่ อดของชีวติ
ค. มนุษย์ตอ้ งอยู่รวมกนั เป็นกลุ่มเพ่ือพึ่งพาอาศัยกนั
ง. มนษุ ย์สามารถปรบั ตัวเขา้ กับสภาพแวดลอ้ มได้ดี
4. ข้อใดเปน็ ลักษณะความสัมพนั ธ์ทางออ้ มในสังคมมนุษย์
ก. ครูสอนหนังสือในชน้ั เรียน
ข. หวั หนา้ มอบหมายงานให้ลกู นอ้ งทา
ค. แมบ่ า้ นฟังละครวิทยุที่ออกอากาศตอนบา่ ย
ง. พอ่ แม่อบรมลกู เกย่ี วกบั มารยาทบนโต๊ะอาหาร
5. พฤตกิ รรมส่วนใหญ่ของมนษุ ย์มีท่ีมาอยา่ งไร
ก. เกิดจากธรรมชาติ
ข. เกิดจากการเรยี นรู้
ค. เกิดจากพันธุกรรม
ง. เกิดจากสญั ชาติญาณ
6. ขอ้ ใดเป็นลักษณะพเิ ศษของมนุษย์ท่ตี า่ งจากสัตว์ชั้นสงู อื่น ๆ
ก. มสี ตปิ ญั ญาเฉลียวฉลาดเพราะสมองใหญ่
ข. เป็นสัตวเ์ ลอื กอุ่นที่มีมือและเทา้ ใช้ประโยชน์ไดม้ าก
ค. สามารถออกเสียงแบบตา่ ง ๆ ได้มาก
ง. สามารถสร้างสื่อท่ีมีความหมายขึน้ มาใช้ตดิ ต่อกัน
6
7. สังคมมคี วามสาคัญอย่างไร
ก. สงั คมช่วนใหม้ นุษย์ดารงชวี ติ อย่ไู ดย้ าวนาน
ข. สังคมทาให้มนษุ ย์แตกต่างจากสัตวอ์ นื่ เพราะสมารถทาหน้าท่อี บรมสมาชิกใหมไ่ ด้
ค. สังคมทำหนำ้ ท่ีผลิตสมำชิกใหมพ่ ร้อมกบั ถ่ำยทอดระเบียบแบบแผนกำรดำรงชีวิตร่วมกนั
ง. สังคมช่วยให้มนษุ ย์มีเอกละกษณท์ างสัฒนธรรมตา่ ง ๆ กัน
8. การรวมกลมุ่ ในลกั ษณะใดเรยี กวา่ สงั คม
ก. มีประชากรจานวนหน่ึทง้ั หญิงและชาย
ข. มวี ิถีชีวิตเปน็ ของตนเอง
ค. มคี นส่วนใหญ่พดู ภาษาเดยี วกนั
ง. มกี ารปกครองเป็นของตนเอง
9. มนษุ ยอ์ ยู่รวมกันเปน็ สังคมดว้ ยสาเหตุในขอ้ ใดน้อยทส่ี ดุ
ก. เพอ่ื แบงงานกนั ทาในลักษระการพง่ึ พา
ข. เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มตน
ค. เพือ่ ตอบสนองความต้องการด้านจติ ใจ
ง. เพื่อทาใหม้ ีความเป็นมนษุ ยอ์ ย่างสมบูรณ์
10. พฤติกรรมสว่ นใหญข่ องมนษุ ยม์ ที ี่มาอย่างไร
ก. เกดิ จากธรรมชาติ
ข. เกดิ จากการเรยี นรู้
ค. เกิดจากพันธุกรรม
ง. เกิดจากสัญชาตญาณ
7
เฉลยแบบทดสอบ
เร่ือง สังคมมนษุ ย์
1. ค
2. ข
3. ค
4. ค
5. ข
6. ง
7. ต
ข. ข
9. ข
10. ข
8
กรอบท่ี 1
เรอื่ ง ควำมหมำยของสังคมมนุษย์
ควำมหมำยของสังคม
“สงั คม” คือกลุม่ คนอย่างน้อยสองคนข้ึนไปมาอาศัยอยรู่ ่วมกันในบรเิ วณหน่งึ ซึ่งคนเหล่านจี้ ะมี
ความสัมพนั ธ์ หรอื การกระทาตอบโตก้ ันและกันทง้ั ทางตรงและทางอ้อม
ความสมั พันธท์ างตรง เชน่ การพูดจาทักทาย การทางานร่วมกัน การซื้อของขายของ และใหค้ วามเอ้ือ
อาทรต่อกัน เปน็ ตน้
ความสัมพนั ธ์ทางอ้อม ได้แก่ การดนิ ผา่ นผคู้ นทเี่ ราไมร่ จู้ ัก แตเ่ ขาก็เป็นคนจงั หวดั เดียวกัน หรอื ชาติ
เดยี วกัน การใชส้ ่งิ ของทีผ่ ลติ ข้ึนโดยคนท่ีไม่เคยพบปะเห็นหน้ากนั มาก่อน คนเหลา่ นี้จะเป็นกลุ่มท่ีเราสมั พันธ์
กับพวกเขาโดยผ่านบุคคลอน่ื ผ่านเอกสารหนงั สือท่ีเขาเขยี น หรือผา่ นทางวทิ ยุ และโทรทศั น์ที่พวกเขาจดั และ
ออกรายการ
ควำมสำคญั ของสังคม
มนุษย์จาเปน็ ต้องอยู่กนั เป็นกล่มุ มกี ารพงึ่ พาอาศยั ซึง่ กนั และกัน การเปน็ มนุษย์ทสี่ มบรูณ์นัน้ มิได้มีมาแต่
กาเนดิ แต่เกิด จากการท่มี นุษย์ได้เป็นสมาชิกของสงั คม ทาให้มนษุ ย์เรียนรู้แบบแผนตา่ ง ๆ โดยเฉพาะสังคม
มนษุ ย์คือ ครอบครวั ความรจู้ ากแบบแผนมนุษย์ รนุ่ ก่อนจากสภาพแวดลอ้ มครอบครัว จากสถาบนั ท่ตี นได้
สัมผสั สิ่งเหลา่ น้ี ลว้ นมอี ิทธิพล และมสี ว่ นทาให้มนุษย์ทีส่ มบรณู ส์ ามารถยงั ชีพอยสู่ งั คมได้อยา่ งมนั่ คง
ครอบครัวสถาบันแรกของครอบครวั
คำถำม กรอบที่ 1
สงั คม หมายถึง ................................................................................................................
คำตอบ กรอบที่ 1 9
สงั คม หมายถึง คนท่ีอยรู่ วมกันสองคนข้ึนไป อาศยั อยูร่ วมกัน และมีความสัมพันธก์ ัน
กรอบท่ี 2
เร่อื ง กำรอย่รู ่วมกันเปน็ สงั คม
อริสโตเตลิ (Aristotle) นกั ปราชญช์ าวกรีกไดก้ ล่าวไว้วา่ มนษุ ย์เปน็ “สตั ว์สังคม” (Social animal)
ซ่งึ หมายความว่า มนุษยจ์ ะมชี ีวิตโดยอยู่รว่ มกันเปน็ หมู่เหลา่ มีความเกย่ี วข้องกันและกนั และมคี วามสัมพนั ธ์
กันในหม่มู วลสมาชกิ โดยสาเหตุท่มี นษุ ย์อยรู่ ่วมกันเปน็ สังคม เพราะมีความจาเปน็ ดงั น้ี
1. มนุษย์มีระยะเวลาของการเป็นทารกยาวนาน และไม่สามารถชว่ ยเหลือตัวเองไดใ้ นระยะเริ่มต้น
ของชวี ิต ทาใหม้ นุษย์แตกต่างไปจากสัตวอ์ น่ื และด้วยความจาเปน็ ทจี่ ะต้องมีการเลีย้ งดทู ารกเป็นระยะ
เวลานานนเ้ี อง ทาให้มนษุ ยจ์ าเป็นตอ้ งใชช้ วี ติ อยู่ร่วมกัน สร้างแบบแผนความสัมพนั ธก์ นั เปน็ ครอบครวั เปน็
เพอ่ื นบ้าน และมีความสมั พนั ธ์กับคนในสังคมอื่น ๆ
นอกจากมนุษยเ์ ป็นสตั วส์ ังคมแล้ว ยังมสี ตั ว์ประเภทอืน่ ที่มีพฤติกรรมการใช้ชวี ติ ร่วมกัน ซ่งึ จดั อยู่ในกลมุ่ สัตว์
สงั คม เชน่ มด ผ้งึ หมาปา่ สิงโต โลมา ลงิ ชมิ แปนซี เป็นต้น
2. มนุษย์มีความสามารถทางสมอง เพราะสามารถคดิ คน้ วธิ กี ารในการควบคมุ ธรรมชาติ เพื่อนามาใช้
ในการตอบสนองความต้องการ ทาใหช้ วี ิตดาเนินไปอย่างมีความสขุ ซง่ึ การควบคมุ ธรรมชาตจิ าเปน็ ต้องอาศัย
การแบง่ งาน และความร่วมมือจากบุคคลอ่ืน เพื่อใหง้ านบรรลุผลสาเร็จ จงึ มีความจาเป็นทจ่ี ะต้องอยู่รว่ มกันกับ
คนหลาย ๆ คน เชน่ การแสวงหาอาหาร ผลติ ส่งิ ของเคร่ืองนงุ่ หม่ ยารกั ษาโรค การสรา้ งท่ีอยู่อาศัย เป็นต้น
3. มนษุ ย์มคี วามสามารถในการทีจ่ ะสร้างวัฒนธรรมและสง่ ผา่ นวัฒนธรรมไปสู่คนรนุ่ หลังใหไ้ ดร้ บั รู้
เพ่อื นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน วัฒนธรรมเหลา่ น้ีมีท้ังทเี่ ป็นปัจจัยพน้ื ฐานในการดาเนนิ ชีวติ และวฒั นธรรมที่
เก่ียวขอ้ งกับความตอ้ งการอื่น ๆ เช่น ต้องการความรัก ความอบอุน่ การจัดระเบียบสังคม ความเชอ่ื ศาสนา
ศลิ ปะ เปน็ ต้น
คำถำมกรอบท่ี 2
เพราะเหตุใดจึงกลา่ วว่ามนุษย์เป็นสัตว์สงั คม …………………………………………………………
คำตอบ กรอบที่ 2 10
มนุษยเ์ ป็นสัตวส์ ังคม เพราะ โดยธรรมชาติของมนุษย์จาเปน็ ตอ้ งอยรู่ ว่ มกนั เป็นกลุ่ม มีการพ่ึงพาอาศยั
กนั และตอบสนองความต้องการท่เี ปน็ ปจั จยั พนื้ ฐานในการดารงชีวติ เชน่ ต้องการความรักความ
กรอบที่ 3
ควำมตอ้ งกำรขน้ั พ้ืนฐำนของมนษุ ย์
ควำมต้องกำรข้ันพืน้ ฐำนของมนษุ ย์
สาเหตทุ ีม่ นุษยต์ ้องการร่วมกนั ในสังคม มีดังน้ี
1. เพื่อสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ธรรมชาตขิ องมนษุ ย์น้ันต้องการหลายอยา่ ง แต่พืน้ ฐาน
จรงิ ๆ ก็คือปัจจยั ส่ี ได้แก่ อาหาร เครอ่ื งนุ่งห่ม ทอี่ ยู่อาศัย และยารกั ษาโรค นอกจากวตั ถุน้นั แล้วมนุษยต์ ้องการ
ความรกั ความอบอนุ่ ความเข้าใจ ความปลอดภยั สิ่งเหลา่ นี้ล้วนเปน็ ส่ิงที่พ่ึงพาอาศยั กนั และกนั
2. เพอ่ื เปน็ ท่ียอมรับของสงั คม การเปน็ ท่ียอมรับทาให้มนุษย์เกดิ ความมัน่ ใจ ความภูมใิ จ ความเขา้ ใจท่จี ะ
ทากิจกรรม ให้กบั สังคมทาให้เกิดความสุข แตถ่ า้ ไม่ยอมรับ ธรรมชาตขิ องมนุษย์จะหลีกเลย่ี ง จากสังคมนน้ั ทา
ให้เกิดทุกข์ ไม่ประสบความสาเรจ็ ในชีวติ และไม่มคี วามสุขท่ีจะอยู่ในสงั คมนัน้ ๆ
3. เพ่ือสรา้ งความเจริญก้าวหนา้ ใหก้ บั ตนเองและกลุ่ม มนุษยจ์ ะรู้สกึ ว่ามีความปลอดภยั มคี วามเอ้ืออาทร
ต่อกนั เม่ือมกี ารทากจิ กรรมร่วมกนั และเกดิ ความเต็มใจ ก็จะชว่ ยกันสร้างสรรค์ผลงานเมื่อผลงานนั้นเกิด
ความสาเรจ็ จะกลายเป็นความภาคภมู ใิ จ สงั คมกจ็ ะเจริญกว้าหนา้
คาถามกรอบที่ 3
เพราะเหตุใดมนุษยถ์ งึ อยูร่ วมกนั เป็นสังคม .....................................................
คาตอบกรอบท่ี 3 11
เพื่อตอบสนองความต้องการข้ันพนื้ ฐานของมนุษย์ดว้ ยกัน
กรอบท่ี 4
เรื่อง องค์ประกอบของสงั คม
สังคมมนุษย์ มอี งค์ประกอบท่ีสาคญั ดงั น้ี
1. ประชากร หรอื สมาชกิ ของสังคม ส่งิ ที่เรียกวา่ “สงั คม” จะตอ้ งมจี านวนประชากรอยา่ งน้อย 2 คน
ข้ึนไป สังคมทม่ี ขี นาดเล็กทส่ี ุด คอื ครอบครวั อาจจะมสี มาชกิ เพียง 2 คนเท่าน้นั
2. พ้ืนที่ หรอื อาณาเขต ผูค้ นอาศัยอยู่ร่วมกนั เป็นครอบครวั หมู่บา้ น ชมุ ชน ฯลฯ ในบรเิ วณพื้นที่แหง่
ใดแหง่ หน่ึง
3. ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมาชิกในสังคม สมาชกิ ในสงั คมจะต้องมีความสมั พนั ธต์ ่อกัน มีการพบปะ
พดู คุยกนั และทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ร่วมกนั
4. การจดั ระเบียบทางสังคม สงั คมจะต้องมีการวางระเบยี บกฎเกณฑ์ เพ่อื ให้สมาชกิ อยู่ร่วมกนั อยา่ ง
สงบสขุ และเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย สง่ิ ทีช่ ว่ ยจัดระเบยี บสังคม คอื บรรทัดฐานทางสงั คม (Social Norms) ไดแ้ ก่
กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณีตา่ ง ๆ เปน็ ตน้
5. การมีวฒั นธรรมของตนเอง เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันเป็นหมเู่ หลา่ ภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกนั จงึ มี
การสร้างวัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณีขึ้นเพอ่ื ตอบสนองความต้องการ ก่อให้เกิดเปน็ วัฒนธรรมเฉพาะ
ของตนเองทีแ่ ตกต่างจากวฒั นธรรมของชนกลมุ่ อื่น
คำถำม กรอบท่ี 4
คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นกำเคร่อื งหมำย / หนำ้ ขอ้ ควำมที่ถูกต้อง
โรงเรยี นกาหนดให้นกั เรียนแต่งกายด้วยเคร่อื งแบบนกั เรยี นท่ถี กู ตอ้ ง เป็นลักษณะขององคป์ ระกอบของสงั คมขอ้ ใด
( ) ประชากร ( ) อาณาเขต ( ) ความสัมพันธ์ ( ) การจดั ระเบยี บสังคม
คำตอบ กรอบท่ี 4 12
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นกำเครอื่ งหมำย / หนำ้ ขอ้ ควำมท่ถี กู ตอ้ ง
โรงเรยี นกาหนดใหน้ ักเรียนแตง่ กายดว้ ยเครอื่ งแบบนกั เรยี นทีถ่ กู ตอ้ ง เป็นลักษณะขององค์ประกอบของสังคมข้อใด
( ) ประชากร ( ) อาณาเขต ( ) ความสมั พนั ธ์ ( / ) การจดั ระเบียบสังคม
กรอบที่ 5
เรือ่ ง หน้ำทข่ี องสงั คม
หน้ำท่ขี องสงั คม
สังคมประกอบด้วยมนุษย์ทุกเพศทุกวัย มคี วามรับผดิ ชอบ อย่ภู ายใต้กฎเกณฑเ์ ดียวกนั ดังนนั้
หน้าทขี่ องคน
ในสังคมท่ีจะตามมามดี ังนี้
1. ผลติ สมาชิกใหม่ ธารงไว้ซ่ึงหนา้ ทท่ี างชีวะ คอื การใหก้ าเนิดลุกหลานเพ่ือทดแทนสมาชิกใหม่
เดก็ ในวนั นี้ คือสมาชิกทด่ี ีของสังคมในวนั ขา้ งหน้าจากการเรียนรู้และการปฏิบัติดี
2. อบรมสมาชกิ ใหม่ ให้สามารถเรียนร้แู ละปฏิบัตติ ามกฎระเบยี บของสังคมดารงอยู่และมคี วาม
เจรญิ กา้ วหน้าของสงั คม
3. รักษากฎระเบยี บของสังคม ปกป้องคุ้มครองคนดี รักษากฎหมาย เพ่ือความสงบสขุ ของสังคม
4. สง่ เสรมิ เศรษฐกิจให้เจรญิ ก้าวหน้า เช่น ผลติ จาหนา่ ย แจกจา่ ยส้ินค้าและบริการให้ขวญั กาลังใจ
ร่วมกลุ่มชว่ ยกันทา แบ่งงานตามความชานาญ ก่อให้เกดิ กาลงั ใจ ทาให้สงั คมแข็งแรง เศรษฐกจิ เข้มแขง็
คนในสังคมกินดีอยู่ดกี ็มีความสุข
คำถำม กรอบที่ 5
หน้าทีส่ าคญั ทส่ี ดุ ของสงั คม คือ ………………………………………………………………………………………
13
คำตอบกรอบที่ 5
หน้าที่สาคัญที่สดุ ของสงั คม คือ สังคมมีหน้าท่ดี แู ลสมาชิกในสังคมให้เกิดความสงบสขุ สรา้ ง
ความสามคั คีปรองดอง พฒั นาสังคมใหเ้ จรญิ กา้ วหน้า
14
แบบทดสอบหลงั เรยี น
เรอื่ ง สังคมมนษุ ย์
คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบทถ่ี ูกท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดยี ว
1. ข้อใดสอดคล้องกับคากลา่ วท่วี ่า “มนษุ ยเ์ ปน็ สตั วส์ งั คม”
ก. มนุษยส์ ามารถใช้สมองและรว่ มมือกนั ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ข. มนุษย์ตอ้ งดนิ้ รนเพ่ือตอ่ สู้กับความอยู่รอดของชีวิต
ค.มนุษยต์ ้องอยูร่ วมกนั เปน็ กลุ่มเพ่ือพงึ่ พาอาศัยกัน
ง. มนุษย์สามารถปรบั ตวั เข้ากับสภาพแวดลอ้ มได้ดี
2. เพราะเหตุใด มนษุ ยจ์ ึงต้องอยู่รวมกันเป็นสังคม
ก. เพือ่ ถ่ายทอดวฒั นธรรม
ข. เพอ่ื สร้างความเจรญิ ให้กบั สังคม
ค. เพ่ือสนองความต้องการพืน้ ฐานของมนุษย์
ง. เพื่อสร้างความเปน็ อันหน่ึงอันเดียวกนั ในสังคม
3. การดารงชวี ติ อยูใ่ นกลุม่ ของสัตว์สังคมมีลกั ษณะอย่างไร
ก. เป็นการสงั สรรคร์ ะหวา่ งวัฒนธรรม
ข. เปน็ การกระทาระหว่างกันทางสงั คม
ค. เปน็ การผสมกลมกลนื ทางวฒั นธรรม
ง. เปน็ การผ่อนปรนเข้าหากันทางสังคม
4. พฤตกิ รรมส่วนใหญ่ของมนุษยม์ ที ี่มาอย่างไร
ก. เกดิ จากธรรมชาติ
ข. เกดิ จากการเรยี นรู้
ค. เกิดจากพันธุกรรม
ง. เกดิ จากสัญชาติญาณ
5. ข้อใดเปน็ ลักษณะพิเศษของมนุษย์ท่ีต่างจากสัตว์ชนั้ สงู อื่น ๆ
ก. มสี ตปิ ญั ญาเฉลยี วฉลาดเพราะสมองใหญ่
ข. เป็นสตั ว์เลอื กอุน่ ท่ีมีมือและเทา้ ใช้ประโยชน์ได้มาก
ค. สามารถออกเสียงแบบต่าง ๆ ได้มาก
ง. สามารถสรา้ งสอื่ ทมี่ ีความหมายขึ้นมาใช้ตดิ ตอ่ กัน
6. ข้อใดเปน็ ลักษณะความสัมพนั ธท์ างออ้ มในสงั คมมนุษย์
ก. ครสู อนหนังสอื ในชั้นเรยี น
ข. หัวหน้ามอบหมายงานให้ลูกนอ้ งทา
ค. แมบ่ ้านฟังละครวทิ ยุท่ีออกอากาศตอนบา่ ย
ง. พอ่ แม่อบรมลูกเกยี่ วกบั มารยาทบนโต๊ะอาหาร
15
7. สังคมมคี วามสาคัญอย่างไร
ก. สังคมชว่ นใหม้ นุษยด์ ารงชวี ติ อย่ไู ดย้ าวนาน
ข. สังคมทาใหม้ นษุ ยแ์ ตกต่างจากสัตวอ์ น่ื เพราะสมารถทาหน้าท่อี บรมสมาชิกใหมไ่ ด้
ค. สงั คมทาหน้าท่ีผลิตสมาชกิ ใหม่พรอ้ มกบั ถ่ายทอดระเบียบแบบแผนการดารงชีวิตรว่ มกนั
ง. สงั คมช่วยให้มนษุ ย์มีเอกละกษณท์ างสฒั นธรรมตา่ ง ๆ กนั
8. มนษุ ยอ์ ยู่รวมกนั เปน็ สังคมดว้ ยสาเหตุในข้อใดน้อยที่สดุ
ก. เพ่ือแบงงานกันทาในลักษระการพึง่ พา
ข. เพอ่ื สร้างเอกลักษณเ์ ฉพาะของกลมุ่ ตน
ค. เพื่อตอบสนองความต้องการด้านจติ ใจ
ง. เพอ่ื ทาใหม้ คี วามเป็นมนษุ ย์อยา่ งสมบรู ณ์
9. พฤตกิ รรมส่วนใหญ่ของมนษุ ย์มีท่มี าอยา่ งไร
ก. เกดิ จากธรรมชาติ
ข. เกดิ จากการเรียนรู้
ค. เกิดจากพันธุกรรม
ง. เกิดจากสญั ชาตญาณ
10. การรวมกลมุ่ ในลักษณะใดเรียกว่าสงั คม
ก. มปี ระชากรจานวนหนึ่ทง้ั หญิงและชาย
ข. มีวิถชี ีวติ เป็นของตนเอง
ค. มคี นส่วนใหญพ่ ดู ภาษาเดียวกนั
ง. มกี ารปกครองเปน็ ของตนเอง
16
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
เร่อื ง สังคมมนษุ ย์
1. ก
2. ค
3. ข
4. ข
5. ง
6. ค
7. ค
8. ข
9. ข
10. ข
17
เอกสำรอ้ำงองิ
กระมล ทองธรรมชาติ และคณะ.หนำ้ ท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และกำรดำเนินชวี ติ ในสงั คม ม.4-6.กรงุ เทพฯ :
สานกั พมิ พ์อักษรเจริญทศั น์ อจท.จากดั ,
ชยั ลาภเพม่ิ ทวี.หัวใจสงั คม มธั ยมปลำย.กรุงเทพฯ : ซเี อ็ดยูเคช่นั .2561.
ธวชั ทันโตภาส และคณะ.หนำ้ ท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และกำรดำเนนิ ชีวติ ในสังคม ม.4-6.กรงุ เทพฯ :
สานักพิมพว์ ัฒนาพานชิ (วพ),
ปิง เจริญศิริวัฒน.์ คลังขอ้ สอบสังคมศกึ ษำ.กรุงเทพฯ : โรงเรยี นกวดวิชาอาจารยป์ ิง.2559.
สถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.). คูม่ อื ครหู นำ้ ทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรมและกำรดำเนนิ ชีวติ ในสังคม ม.4-6.
สานักพิมพ์บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)จากัด,2559.
https://docs.google.com
http://work-m4.blogspot.com