The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-BOOK วัฒนธรรมไทย 4 ภาค

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chasinz, 2022-09-05 09:06:41

วัฒนธรรมไทย 4 ภาค

E-BOOK วัฒนธรรมไทย 4 ภาค

วัฒนธรรม 4 ภาค
ของประเทศไทย

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

คำนำ

หนังสือฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์
ความรู้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยมีจุดประสงค์ เพื่ อการศึกษาความรู้เรื่อง
วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย ทั้งนี้ ในหนังสือฉบับนี้มีเนื้อหา
ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย ตลอด
จนการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

คณะผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงาน เนื่องมาจากเป็นเรื่องที่
น่าสนใจ ผู้จัดทำต้องขอขอบคุณคุณครูพิ ริยา พั นธ์สวัสดิ์ ผู้ให้ความรู้
และแนวทางการศึกษา หวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็น
ประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน หากมีข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทำขอรับ
ไว้ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง

คณะผู้จัดทำ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

สารบัญ

ภาคเหนือ

อาหาร
ก า ร แ ต่ ง ก า ย
การดำเนินชีวิต ความเชื่อและประเพณี
ภ า ษ า ถิ่ น

ภาคกลาง

อาหาร
ก า ร แ ต่ ง ก า ย
การดำเนินชีวิต ความเชื่อและประเพณี
ภ า ษ า ถิ่ น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อาหาร
ก า ร แ ต่ ง ก า ย
การดำเนินชีวิต ความเชื่อและประเพณี
ภ า ษ า ถิ่ น

ภาคใต้

อาหาร
ก า ร แ ต่ ง ก า ย
การดำเนินชีวิต ความเชื่อและประเพณี
ภ า ษ า ถิ่ น

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ภาคเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

อาหารประจำถิ่น
ของภาคเหนือ

วัฒนธรรมการกินของภาคเหนือเป็นไปตามบรรพบุรุษ อาหารส่วน

ใหญ่ได้มาจากธรรมชาติ เช่นของป่าหรือสิ่งที่อยู่ภายในบริเวณบ้าน เช่น พืช

ผักและสัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง โดยรวมไปถึงอาหารที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเช่น หน่อ

ไม้ป่า เห็ดป่านานาชนิดเป็นต้น ชาวเหนือมีวัฒนธรรมการผลิตและการ

บริโภคข้าวเหนียวเป็นหลักคือ จะปั้นข้าวเหนียวแล้วจิ้มกินกับน้ำแกงหรือน้ำ

พริก โดยเฉพาะการกินข้าวเหนียวกับส้มตำ ซึ่งจะเป็นที่รู้จักกันดีทางภาค

เหนือและภาคอีสาน ชาวเหนือมีน้ำพริกรับประทานหลายชนิดเช่น น้ำพริก

หนุ่ม น้ำพริกอ่อง น้ำพริกน้ำปู น้ำพริกน้ำปู ฯลฯ ซึ่งผักที่เป็นเครื่องจิ้มและ

รับประทานคู่กันส่วนมากเป็นผักสดและผักนึ่ง สำหรับอาหารประเภทเครื่อง

แกงเช่น แกงขนุนอ่อน แกงแค แกงฮังเล แกงโฮะ แกงหน่อไม้ แกงอ่อม แกง

ผักหวาน แกงผักปั๋ง แกงผักกาดจอ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอยไก่ ฯลฯ และ

อาหารประเภททอด ยำหรือนึ่ง เช่น ยำหน่อไม้ ยำกบ ตำจิ๊นแห้ง ตำขนุน ตำ

มะม่วง ผักกาดส้ม ข้าวกั๊นจิ๊น ห่อนึ่งปลา แคบหมู ไส้อั่ว จิ๊นส้มหมก ฯลฯ

อาหารของชาวเหนือจะมีการจัดสำรับที่สวยงามและวิธีรับประทานที่

เป็นเอกลักษณ์ซึ่ง เรียกว่าการกินขันโตก เพราะด้วยนิสัยชาวเหนือจะมีกริยา

ที่แช่มช้อย จึงส่งผลต่ออาหารและทำให้อาหารรสชาติออกมาอย่างดีและ

ลงตัว

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างอาหารประจำถิ่นของภาคเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การแต่งกายของ
ภาคเหนือ

สำหรับในเขตภาคเหนือหรือดินแดนล้านนาในอดีต ปัจจุบันการ

แต่งกายแบบพื้นเมืองได้รับความสนใจมากขึ้น แต่เนื่องจากในท้องถิ่นนี้มี

ผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ เช่น ไทยวน ไทลื้อ ไทเขิน ไทใหญ่

และอิทธิพลจากละครโทรทัศน์ ทำให้การแต่งกายแบบพื้นเมืองมีความ

สับสนเกิดขึ้น ดังนั้นคณะทำงานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม กลุ่มสถาบัน

อุดมศึกษาภาคเหนือ จึงได้ระบุข้อไม่ควรกระทำในการแต่งกายชุดพื้น

เมือง ของ “แม่ญิงล้านนา” เอาไว้ว่า

1. ไม่ควรใช้ผ้าโพกศีรษะ ในกรณีที่ไม่ใช่ชุดแบบไทลื้อ
2. ไม่ควรเสียบดอกไม้ไหวจนเต็มศีรษะ
3. ไม่ควรใช้ผ้าพาดบ่าลากหางยาว หรือคาดเข็มขัดทับ และผ้า

พาดที่ประยุกต์มาจาก ผ้าตีนซิ่นและผ้า “ตุง” ไม่ควรนำมาพาด
4. ตัวซิ่นลายทางตั้งเป็นซิ่นแบบลาว ไม่ควรนำมาต่อกับตีนจก

ไทยวน

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการแต่งกายของภาคเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การดำเนินชีวิต ความเชื่อ

และประเพณีของภาคเหนือ

การดำเนินชีวิต
ภาคเหนือเป็นดินแดนที่มีอาณาเขตกว้างขวาง มีวัฒนธรรมและวิถี

ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ผู้คนอาศัยในดินแดนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

คนเมืองกับชาวเขา คนเมือง ใช้เรียกคนที่อาศัยในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำใน

เขตจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน

จากสภาพภูมิศาสตร์อันอุดมสมบูรณ์ คนเมืองในภาคเหนือมีอาชีพทางการ

เกษตรเป็นหลักมีวัฒนธรรมประเพณีหลายอย่างเกี่ยวข้องกับการเกษตร

และขนบธรรมเนียมเก่าแก่ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา แต่ครั้งปู่ย่าตายาย เช่น การ

นับถือผี เมื่อพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้น ทำให้เกิดประเพณีต่าง ๆ ตาม

ความเชื่อทางศาสนา เช่น ประเพณีสงกรานต์ งานปอย ทานขันข้าว

ตักบาตรเทโว
ชาวเขา เป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าต่าง ๆ ที่เคลื่อนย้ายเข้ามาและกระจาย

ตัวอยู่ทั่วไปตามพื้นที่สูงของภาคเหนือ ชนกลุ่มน้อยมีอยู่หลายเผ่า เช่น ม้ง

ลาหู่ อาข่า ลีซูหรือลีซอ เป็นต้น
ชนเผ่าต่าง ๆ มีความผูกพันกับป่าเขา ดำรงชีวิตด้วยการเพาะปลูกบน

ที่สูงและการเลี้ยงสัตว์ มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นของตนเอง ทั้งภาษา เครื่อง

แต่งกาย ศาสนา พิธีกรรมและความเป็นอยู่

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ความเชื่อ
ความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือผีของชาวเหนือหรือที่เรียกกันว่า "ชาว

ล้านนา" มีความเชื่อในเรื่องการนับถือผีตั้งแต่เดิมโดยเชื่อว่าสถานที่แทบทุก

แห่งมีผีให้ความคุ้มครองรักษาอยู่ ความเชื่อนี้จึงมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต

ประจำวัน เห็นได้จากขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ ของ

ชาวเหนือ เช่น ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวเหนือ (พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย) เมื่อไปวัดฟังธรรมก็จะ

ประกอบพิธีเลี้ยงผี คือ จัดหาอาหารคาวหวานเซ่นสังเวยผีปู่ย่าด้วย
ประเพณี
ประเพณีของภาคเหนือเกิดจากการผสมผสานการดำเนินชีวิต และ

ศาสนาพุทธความเชื่อเรื่องการนับถือผี ส่งผลทำให้มีประเพณีที่เป็น

เอกลักษณ์ของประเพณีที่จะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ทั้งนี้ ภาคเหนือจะมี

งานประเพณีในรอบปีแทบทุกเดือน จึงขอยกตัวอย่างประเพณีภาคเหนือ

บางส่วนมา ดังนี้
- สงกรานต์งานประเพณี ถือเป็นช่วงแรกของการเริ่มต้นปี๋ใหม่

เมือง หรือสงกรานต์งานประเพณี
- แห่นางแมว ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม เป็นช่วงของ

การเพาะปลูก หากปีใดฝนแล้งไม่มีน้ำ จะทำให้นาข้าวเสียหาย ชาวบ้านจึง

พึ่งพาสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น ทำพิธีขอฝนโดยการแห่นางแมว โดยมีความ

เชื่อกันว่าหากกระทำเช่นนั้นแล้วจะช่วยให้ฝนตก
- ประเพณีปอยน้อย/บวชลูกแก้ว/แหล่ส่างลองเป็นประเพณี

บวช หรือการบรรพชาของชาวเหนือ นิยมจัดภายในเดือนกุมภาพันธ์

มีนาคม หรือเมษายน ตอนช่วงเช้า ซึ่งเก็บเกี่ยวพืชผลเสร็จแล้ว ในพิธีบวช

จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

- ประเพณีปอยหลวง หรืองานบุญปอยหลวง เป็นเอกลักษณ์ของชาว

ล้านนาซึ่งเป็นผลดีต่อสภาพทางสังคม ถือว่าเป็นการให้ชาวบ้านได้มาทำบุญ

ร่วมกัน ร่วมกันจัดงานทำให้เกิดความสามัคคีในการทำงาน

- ประเพณียี่เป็ง (วันเพ็ญเดือนยี่) หรืองานลอยกระทง โดยจะมีงาน

"ตามผางผะติ้ป" (จุดประทีป) ซึ่งชาวภาคเหนือตอนล่างจะเรียกประเพณีนี้ว่า

"พิธีจองเปรียง" หรือ "ลอยโขมด" เป็นงานที่ขึ้นชื่อที่จังหวัดสุโขทัย

- ประเพณีลอยกระทงสายหรือประทีปพันดวง ที่จังหวัดตาก ใน

เทศกาลเดียวกันด้วยในเดือน 3 หรือประมาณเดือนธันวาคม มีประเพณีตั้ง

ธรรมหลวง (เทศน์มหาชาติ) และทอดผ้าป่า ในธันวาคมจะมีการเกี่ยว "ข้าว

ดอ" (คือข้าวสุกก่อนข้าวปี) พอถึงข้างแรมจึงจะมีการเกี่ยว "ข้าวปี"

- ประเพณีลอยโคม ชาวล้านนาจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความเชื่อในการ

ปล่อย โคมลอยซึ่งทำด้วยกระดาษสาติดบนโครงไม้ไผ่แล้วจุดตะเกียงไฟตรง

กลางเพื่อให้ไอความร้อนพาโคมลอยขึ้นไปในอากาศเป็นการปล่อยเคราะห์

ปล่อยโศกและเรื่องร้าย ๆ ต่าง ๆ ให้ไปพ้นจากตัว

- ประเพณีตานตุง ในภาษาถิ่นล้านนา ตุง หมายถึง "ธง" จุดประสงค์
ของการทำตุงในล้านนาก็คือ การทำถวายเป็นพุทธบูชา ชาวล้านนาถือว่า

เป็นการทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หรือถวายเพื่อเป็นปัจจัยส่งกุศลให้

แก่ตนไปในชาติหน้า ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อตายไปแล้วก็จะได้เกาะยึดชายตุง
ขึ้นสวรรค์พ้นจากขุมนรก วันที่ถวายตุงนั้นนิยมกระทำในวันพญาวันซึ่งเป็นวัน

สุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์

- ประเพณีกรวยสลาก หรือตานก๋วยสลาก เป็นประเพณีของชาว

พุทธที่มีการทำบุญให้ทานรับพรจากพระ จะทำให้เกิดสิริมงคลแก่ตนและอุทิศ

ส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นการระลึกถึงบุญคุณของผู้มีพระคุณ และ

เป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีของคนในชุมชน

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

- ประเพณีขึ้นขันดอกอินทขิล บูชาเสาหลักเมืองเชียงใหม่
- ประเพณีงานประเพณีนบพระเล่นเพลง ในแผ่นดินพระเจ้าลิไท วัด

พระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
- ประเพณีงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ เพื่อเป็นการ

เคารพสักการะเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ
- ประเพณีลอยกระทงสาย เพื่อบูชาแม่คงคา ขอขมาที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูล

ลงในน้ำและอธิษฐานบูชารอยพระพุทธบาท
- ประเพณีแล้อุ๊ป๊ะดะก่า เป็นการเตรียมอาหารเพื่อนำไปถวาย (ทำบุญ)

ข้าวพระพุทธในวันพระของชาวไทยใหญ่
- ประเพณีทอดผ้าป่าแถว เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนจะได้ถวายเครื่องนุ่ง

ห่มและไทยธรรม เป็นเครื่องบูชาแด่พระสงฆ์ก่อนจะทำพิธีลอยกระทงบูชา

พระพุทธบาทตามคติความเชื่อแต่โบราณ กระทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

(วันลอยกระทง)
- ประเพณีขึ้นธาตุเดือนเก้า ประมาณเดือนมิถุนายน (หรือปลายเดือน

พฤษภาคม) เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ประเพณีทานหลัวผิงไฟ คือประเพณีการถวายฟืนแก่พระสงฆ์เพื่อใช้

จุดไฟในช่วงฤดูหนาว จะกระทำในเดือน 4 เหนือหรือตรงกับเดือนมกราคม
- ประเพณีอู้สาว คำว่า "อู้" เป็นภาษาไทยภาคเหนือแปลว่า "พุดกัน คุย

กัน สนทนากัน สนทนากัน" ดังนั้น "อู้สาว" ก็คือ พูดกับสาว คุยกับสาว หรือ

แอ่วสาวการอู้สาวเป็นการพดคุยกันเป็นทำนองหรือเป็นกวีโวหาร
นอกจากงานเทศกาลประจำท้องถิ่นแล้ว ยังมีประเพณีความเชื่อดั้งเดิม
ของชนชาติไทยเผ่าต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ไทยยวน ไทยลื้อ ไทยใหญ่ ไทยพวน

ลัวะ และพวกแมง ได้แก่ ประเพณีกินวอของชาวไทยภูเขาเผ่าลีซอ ประเพณี

บุญกำฟ้าของชาวไทยพวนหรือไทยโข่ง

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการดำเนินชีวิต ความเชื่อและ

ประเพณีของภาคเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ภาษาถิ่นของ

ภาคเหนือ

ภาษาไทยถิ่นเหนือ หรือคำเมืองหรือกำเมือง ภาษาราชการไทยเรียก

ภาษาถิ่นภาคพายัพ เป็นภาษาถิ่นของชาวไทยวนทางภาคเหนือตอนบนของ

ประเทศไทย ซึ่งเป็น อาณาจักรล้านนาเดิม ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย,

อุตรดิตถ์, แพร่, น่าน, แม่ฮ่องสอน, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา และยังมีการ

พูดและการผสมภาษากันในบางพื้นที่ของจังหวัดตาก, สุโขทัย และ

เพชรบูรณ์ ปัจจุบันกลุ่มคนไทยวนได้กระจัดกระจายและมีถิ่นที่อยู่ใน

จังหวัดสระบุรี, จังหวัดนครปฐม, จังหวัดราชบุรี และอำเภอของจังหวัดอื่น

ที่ใกล้เคียงกับราชบุรีอีกด้วย

การพูดคำเมืองที่เป็นประโยคแบบดังเดิมนั้นหายากแล้วเนื่องจากมี

การรับอิทธิพลภาษาไทยภาคกลาง ทั้งในสำเนียงและคำศัพท์ ส่วนนี้จะเป็น

ส่วนรวบรวม ประโยคกำเมือง ดั้งเดิม

กิ๋นข้าวแล้วก๋า = กินข้าวแล้วใช่ไหม
ยะอะหยั๋งกิ๋นก๋า = ทำอะไรกินหรอ
ไปตังใดมา = ไปแถว(ที่)ไหนมา

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การพูดคำเมืองผสมกับภาษาไทยนั้น คำเมืองจะเรียกว่า ปะแล้ด

(ไทยปะแล้ดเมือง) ซึ่งโดยมากแล้วมักจะพบใน คนที่พูดคำเมืองมานาน

แล้วพยายามจะพูดไทย หรือ คนพูดภาษาไทยพยายามจะพูดคำเมือง เผลอ

พูดคำทั้ง 2 ภาษามาประสมกัน อนึ่งการพูดคำเมืองมีการแยกระดับของ

ความสุภาพอยู่หลายระดับ ผู้พูดต้องเข้าใจในบริบทการพูดว่าใน

สถานการณ์นั้น ๆ ต้องพูดระดับภาษาอย่างไรให้เหมาะสมและมีความ

สุภาพ เพราะมีระบบการนับถือผู้ใหญ่ คนสูงวัยกว่า เช่น

ลำ (อร่อย)
ลำแต๊ ๆ (สุภาพที่สุด)
ลำขนาด (สุภาพรองลงมา)
ลำแมะฮาก (เริ่มไม่สุภาพ ใช้ในหมู่คนที่สนิทกัน)
ลำใบ้ลำง่าว (เริ่มไม่สุภาพ ใช้ในหมู่คนที่สนิทกัน)
ลำง่าวลำเซอะ (เริ่มไม่สุภาพ ใช้ในหมู่คนที่สนิทกันมาก ๆ) เป็นต้น

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ภาคกลาง

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

อาหารประจำถิ่น

ของภาคกลาง

พื้นที่ส่วนใหญ่ชองภาคกลางเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายไหล

ผ่าน ข้าวปลาอาหารจึงอุดมสมบูรณ์เกือบตลอดทั้งปี รวมทั้งมีพืชผัก ผลไม้

นานาชนิด ด้วยเหตุนี้อาหารภาคกลางจึงเป็นอาหารที่มีความหลากหลาย

ทำให้รสชาติของอาหารภาคกลางไม่เน้นไปทางรสใดรสหนึ่งโดยเฉพาะ คือ

มีทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว และหวานคลุกเคล้าไปตามชนิดต่างๆของอาหาร

นอกจากนี้มักมีการใช้เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น เครื่องเทศ และมักใช้

กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหาร อาหารภาคกลางเป็นอาหารที่มักจะมี

เครื่องเคียงของแนมร่วม รับประทานด้วย เช่น น้ำพริกลงเรือ แนมด้วยหมู

หวาน น้ำปลาหวานทานกับสะเดา เป็นต้น จุดเด่นคืออาหารภาคกลางมัก

จะมีการประดิษฐ์ สร้างสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง ผักและผลไม้มีการแกะ

สลักอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มี

ศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงาม

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างอาหารประจำถิ่นของภาคกลาง

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การแต่งกายของภาคกลาง

การแต่งกายภาคกลาง การแต่งกายในชีวิตประจำวันทั่วไป ชายนุ่ง

กางเกงครึ่งน่อง สวมเสื้อแขนสั้น คาดผ้าขาวม้า ส่วนหญิง จะนุ่งซิ่นยาว

สวมเสื้อแขนสั้นหรือยาว ลักษณะการแต่งกาย ผู้ชาย สมัยก่อนการ

เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง นิยมสวมใส่โจงกระเบนสวมเสื้อสีขาว ติด

กระดุม 5 เม็ด ที่เรียกว่า "ราชประแตน" ไว้ผมสั้นข้างๆตัดเกรียนถึงหนัง

ศีรษะข้างบนหวีแสกกลาง ผู้หญิง สมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงระบอบการ

ปกครอง นิยมสวมใส่ผ้าซิ่นยาวครึ่งแข้ง ห่มสไบเฉียงตามสมัยอยุธยา ทรง

ผมเกล้าเป็นมวย และสวมใส่เครื่องประดับเพื่อความสวยงาม

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการแต่งกายของภาคกลาง

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การดำเนินชีวิต ความเชื่อ

และประเพณีของภาคกลาง

การดำเนินชีวิต
ภาคกลางมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่อุดมสมบูรณ์ เอื้อ

อำนวยต่อการทำการเกษตรกรรม ภาคกลางเป็นที่ตั้งเมืองหลวงของประเทศ

เป็นศูนย์กลางของการบริหารราชการ การศึกษา กิจกรรมทางเศรษฐกิจและ

การคมนาคม จึงเป็นชุมชนที่มีประชากรหนาแน่น มีหลายเชื้อชาติ เช่น คน

ไทยเชื้อสายมอญ คนไทยเชื้อสายจีน คนไทยเชื้อสายญวน คนไทยเชื้อสาย

ลาว
การทำมาหากิน ผู้คนในภาคกลางประกอบอาชีพทางการเกษตรเป็น

หลัก โดยเฉพาะการปลูกข้าว บริเวณภาคกลางมีแม่น้ำลำคลองหนองบึงอยู่

ทั่วไปและอยู่ใกล้อ่าวไทย จึงมีการทำการประมง ทั้งประมงน้ำจืด ประมงน้ำ

กร่อยและประมงน้ำเค็ม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาการเติบโตเป็นศูนย์กลาง

ทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่โดยทั่วไป เช่น โรง

สีข้าว โรงงานผลิตน้ำตาล โรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานประกอบรถยนต์

โรงงานประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ภาคกลางจึงเป็นภูมิภาคที่มีผู้คนตั้ง

ถิ่นฐานและเป็นแหล่งงานของผู้คนที่อยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ที่อยู่อาศัย บ้านเรือนในภาคกลางแต่เดิมมีลักษณะที่สอดคล้องกับ

สภาพแวดล้อมอย่างชัดเจน ภาคกลางอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำ ฝนตกชุกและ

อากาศร้อน จึงปลูกสร้างบ้านเรือนเพื่อให้อยู่อาศัยอย่างสบายในภูมิประเทศ

มีแม่น้ำลำคลองมากก็ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ หรือปลูกเรือนลอยอยู่ในน้ำเรียก

ว่า เรือนแพ สำหรับที่อยู่อาศัยปลูกสร้างอย่างเรียบง่าย มีลักษณะหลังคา

ทรงจั่วเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกและทำให้ฝนที่ตกลงมาไหลลงได้รวดเร็ว

ไม่ค้างอยู่บนหลังคา มีใต้ถุนสูงเพื่อให้พ้นน้ำท่วมและใช้เก็บเครื่องมือเครื่อง

ใช้และผลิตผลทางการเกษตร สำหรับผู้ที่มีฐานะดีก็จะปลูกในลักษณะที่

คงทนถาวรมากกว่า

ความเชื่อ
ชาวภาคกลางมีความเชื่อดั้งเดิมเรื่อง ผีสางเทวดา ชีวิตประจ าวันที่

ผูกพันอยู่กับ อาชีพชาวนา ชาวนาจึงเชื่อว่า ในข้าวมี วิญญาณแม่โพสพ มี

การปฏิบัติพิธีกรรม เพื ่อระลึกถึงแม ่โพสพ พร้อมนับถือ พระพุทธศาสนา
ประเพณี
- ประเพณีรับบัว ถือเป็นประเพณีเก่าแก่อย่างหนึ่งของชาวบ้าน

อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พบหลักฐานตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2467 ว่า

เดิมทีเคยจัดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ซึ่งในสมัยก่อนที่แห่งนี้

เป็นที่อาศัยของคน 3 กลุ่ม คือ คนไทย ลาว และรามัญ (ชาวมอญ

พระประแดง) ที่มีความสัมพันธ์อันดีฉันท์พี่น้อง

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

- ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ จัดขึ้นในช่วงแรม 15 ค่ำเดือน 10 จุดเริ่ม
ต้นของประเพณีมีมาเมื่อประมาณ 400 ที่แล้ว โดยมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
ประกอบอาชีพหาปลาขาย และได้ไปหาปลาที่แม่น้ำป่าสักทุกปี แต่แล้ววัน
หนึ่งบริเวณดังกล่าวกลับหาปลาไม่ได้เลยสักตัว จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์
ประหลาดขึ้นบริเวณวังมะขามแฟบ น้ำที่ไหลเชี่ยวมากกลับหยุดนิ่ง และมี
พลายน้ำโผล่ขึ้นมาพร้อมพระพุทธรูป ชาวบ้านจึงได้มีการอัญเชิญพระพุทธ
รูปไปประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ เมื่อถึงวันสารทไทยพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว
กลับหายไป ชาวบ้านจึงออกตามหาและพบพระพุทธรูปอยู่ในจุดเดิม (วัง
มะขามแฟบ) จากนั้นเป็นต้นมา ทุกวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 จึงมีประเพณี
อุ้มพระดำน้ำเกิดขึ้น

- ประเพณีวิ่งควาย เป็นประเพณีขึ้นชื่อของจังหวัดชลบุรี ที่มีมา
มากกว่า 100 ปี จัดขึ้นในช่วงวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 หรือช่วงก่อนออก
พรรษา 1 วัน เพื่อเป็นการทำขวัญควายและให้ควายได้พักผ่อนหลังจาก
ตรากตรำจากการทำนามานาน อีกทั้งยังเหมือนเป็นการให้ประชาชนได้มา
ร่วมสังสรรค์และสัมพันธไมตรีกันในงานอีกด้วย

- ประเพณีกวนข้าวทิพย์ เป็นประเพณีพระราชทานที่ทำกันในเดือน
10 มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาเป็นราขธานี แต่เพิ่งได้รับการ
ฟื้นฟูในช่วงรัชกาล 4 เป็นต้นมา แต่ในปัจจุบันจะทำกันในช่วงเดือน 12 บาง
แห่งก็อาจจะเป็นเดือนที่ 1 แล้วแต่พื้นที่

- ประเพณีการทำบุญโคนไม้ เป็นประเพณีพื้นบ้านอย่างหนึ่งของ
จังหวัดตราด ที่จะทำกันในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี สะท้อนให้เห็นถึง
ความสามัคคี การช่วยเหลือเกื้อกูลของคนในชุมชน ซึ่งนอกจากเหตุผลที่
กล่าวมาแล้วยังเหมือนเป็นการปลูกฝังลูกหลานให้รู้จักรักผืนป่า ต้นไม้ และ
น้ำ ไม่คิดทำลายธรรมชาติที่ตนต้องพึ่งอาศัย

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการดำเนินชีวิต ความเชื่อและ

ประเพณีของภาคกลาง

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ภาษาถิ่นของ

ภาคกลาง

ภาษาถิ่นแตกต่างจากภาษากลางหรือภาษามาตรฐาน เพราะความ

แตกต่างของเสียงต่าง ๆ อาทิ เสียงสระ เสียงพยัญชนะ และเสียงวรรณยุกต์

ต่างกัน เช่น ความแตกต่างด้านความหมาย คำในภาษาถิ่นต่างๆ อาจมีเสียง

ตรงกันหรือใกล้เคียงกัน แต่มีความหมายของคำไม่ตรงกัน ซึ่งแบ่งออกได้

เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1. ภาษามาตรฐานมีความหมายกว้างกว่าภาษาถิ่น เช่น คำว่า

น้ำตาล ในภาษามาตรฐาน หมายถึง วัตถุที่มีรสหวาน โดมาจากอ้อย ตาล

มะพร้าว ส่วนในภาษาถิ่นใต้ หมายถึง น้ำตาลสดเท่านั้น

2. ภาษาถิ่นมีความหมายกว้างกว่าภาษามาตรฐาน เช่น คำว่า ชมพู่

ในภาษามาตรฐาน หมายถึง ผลชมพู่ แต่ในภาษาถิ่นใต้จะหมายถึง ผลชมพู่

หรือผลฝรั่งก็ได้ เป็นต้น

ระดับภาษา
ระดับภาษาแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ภาษาแบบเป็นทางการและไม่

เป็นทางการ
1. ภาษาแบบเป็นทางการ ภาษาแบบนี้ใช้ในโอกาสำคัญๆ ทั้งที่เป็น

พิธีการ ภาษาแบบเป็นทางการอาจจัดเป็น 2 ระดับคือ ภาษาระดับพิธีการ

และภาษาระดับมาตรฐานราชการหรือภาษาระดับทางการ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

1.1 ภาษาระดับพิธีการ มีลักษณะเป็นภาษาที่สมบูรณ์แบบและมีรูป

ประโยคความซ้อนในความหมายขายค่อนข้างมาก ถ้อยคำที่ใช้ก็เป็นภาษา

ระดับสูง จึงงดงามไพเราะและประณีต ผู้ใช้ภาษาระดับนี้จะต้องระมัดระวัง

อย่างยิ่ง นอกจากใช้ในโอกาสสำคัญ เช่น ในงานพราชพิธีแล้ว ภาษาระดับ

พิธีการยังใช้ในวรรณกรรมชั้นสูงอีกด้วย

1.2 ภาษาระดับมาตรฐานราชการ แม้ภาษาระดับนี้จะไม่อลังการเท่า

ภาษาระดับพิธีการ แต่ก็เป็นภาษาระดับสูงที่มีลักษณะสมบูรณ์แบบและถูก

หลักไวยากรณ์ มีความชัดเจน สละสลวย สุภาพ ผู้ใช้ภาษาจึงต้องใช้ราย

ละเอียดประณีตและระมัดระวัง ต้องมีการร่าง แก้ไข และเรียบเรียงไว้ล่วง

หน้า เพื่อให้ในโอกาสสำคัญที่เป็นทางการในการกล่าวคำปราศรัย การ
กล่าวเปิดการประชุม การกล่าวคำประกาศเกียรติคุณ นอกจากนี้ยังใช้ใน

การเขียนผลงานวิชาการ เรียงความ บทความวิชาการ หนังสือราชการ และ

คำนำหนังสือต่าง ๆ เป็นต้น

2. ภาษาแบบไม่เป็นทางการ เป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันโดยทั่วไปใน

ชีวิตประจำวัน สามาจัดเป็น 3 ระดับ คือภาษากึ่งทางการ ภาษาระดับกึ่ง

ทางกลาง ภาษาระดับสนทนา และภาษากันเองหรือภาษาปาก

2.1 ภาษาระดับกึ่งทางราชการ มีลักษณะที่ยังคงความสุภาพอยู่ แต่

ผู้ใช้ภาษาก็ไม่ระมัดระวังมากเท่าการใช้ภาษาเป็นทางการ เพราะอาจใช้รูป

ประโยคง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ถ้อยคำที่ใช้เป็นระดับสามัญ บางครั้งมีภาษา

ระดับสนทนาเข้ามาปะปนด้วย ภาษาระดับกึ่งทางการในการติดต่อธุรกิจ

การงาน หรือใช้สื่อสารกับบุคคลที่ไม่สนิทสนมคุ้นเคยกัน และใช้ในการ

เขียนเรื่องที่ผู้เขียนต้องให้อ่ารู้สึกเหมือนกำลังฟังผู้เขียนเล่าเรื่องหรือเสนอ

ความคิดเห็น อย่างไม่เคร่งเครียด เช่น การเขียนสารคดีท่องบทความแสดง

ความคิดเห็น หรือการเล่าเรื่องต่าง ๆ เช่น ชีวประวัติ เป็นต้น

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

2.2 ภาษาระดับสนทนา มีลักษณะของภาษาพูดที่เป็น

กลางๆ สำหรับใช้ในการสนทนากันในชีวิตประจำวัน ระหว่างผู้ส่ง

สารที่รู้จักคุ้นเคยกัน นอกจากนั้นยังใช้ในการเจรจาซื้อขายทั่วไป

รวมทั้งในการประชุมที่ไม่เป็นทางการ มีลักษณะรูปประโยคไม่ซับ

ซ้อน ถ้อยคำที่ใช้อยู่ในระดับคำที่มีคำสแลง คำตัด คำย่อปะปนอยู่

แต่ตามปรกติจะไม่ใช้คำหยาบ ภาษาระดับสนทนาใช้ในการเขียน

นวนิยาย บทความบทภาพยนตร์สารคดีบางเรื่อง และรายงาน

ข่าว เป็นต้น

2.3 ภาษาระดับกันเองหรือภาษาปาก เป็นภาษาที่ใช้

สนทนากับผู้ที่สนิทสนมคุ้นเคยกันมาก ๆ เช่น ในหมู่เพื่อนฝูง

หรือในครอบครัว ละมักใช้พูดกันในสถานที่ที่เป็นส่วนตัว ใน

โอกาสที่ต้องการความสนุกสนานครื้นเครง หรือในการทะเลาะ

ด่าทอทอกัน ลักษณะของภาษาระดับกันเองหรือภาษาปากนี้มีคำ

ตัด คำสแลง คำต่ำ คำหยาบ ปะปนอยู่มาก ตามปรกติจึงไม่ใช้ใน

การเขียนทั่วไป นอกจากในงานเขียนบางประเภท เช่น นวนิยาย

หรือเรื่องสั้น บทละคร ข่าวกีฬา เป็นต้น

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ภาคตะวันออก

เฉียงเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

อาหารประจำถิ่นของ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

หากจะกล่าวถึงอาหารการกินของคนอีสาน หลายคนคงรู้จักคุ้นเคย

และได้ลิ้มชิมรสกันมาบ้างแล้ว ชาวอีสานมีวิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายเช่น

เดียวกับการที่รับประทานอาหาร อย่างง่าย ๆ มักจะรับประทานได้ทุกอย่าง

เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของภาคอีสาน ชาวอีสานจึง

รู้จักแสวงหาสิ่งต่างๆที่สามารถรับประทานได้ในท้องถิ่น มาดัดแปลงเป็น

อาหารรับประทาน อาหารอีสานเป็นอาหารที่มีความแตกต่างจากอาหาร

ของภาคอื่นๆ และเข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายของชาวอีสาน

อาหารของชาวอีสานในแต่ละมื้อจะเป็นอาหารง่ายๆเพียง 2-3 จาน ซึ่งทุก

มื้อจะต้องมีผักเป็นส่วนประกอบหลักพวกเนื้อส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อปลา หรือ

เนื้อวัวเนื้อควาย ความพึงพอใจในรสชาติอาหารของชาวอีสานนั้นไม่มี

ตายตัวแล้วแต่ความชอบของ บุคคล แต่อาหารพื้นบ้านอีสานส่วนใหญ่แล้ว

จะออกรสชาติไปทางเผ็ด เค็ม และเปรี้ยว เครื่องปรุงอาหารอีสานที่สำคัญ

และแทบขาดไม่ได้เลย คือ ปลาร้า ซึ่งที่เกิดจากภูมิปัญญาด้านการถนอม

อาหารของบรรพบุรุษของชาวอีสาน ถ้าจะกล่าวว่าชาวอีสานทุกครัวเรือน

ต้องมีปลาร้าไว้ประจำครัวก็คงไม่ผิดนัก ปลาร้าใช้เป็นส่วนประกอบหลัก
ของอาหารได้ทุกประเภท เหมือนกับที่ชาวไทยภาคกลางใช้น้ำปลา

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

อาหารพื้นเมืองอีสาน
ลาบ เป็นอาหารประเภทยำที่มีเนื้อมาสับละเอียดหรือหั่นเป็นชิ้น
เล็ก ๆ บาง ๆ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า พริก ข้าวคั่ว ต้นหอม ผักชี รับประทาน

กับ ผักพื้นเมือง นิยมใช้กับเนื้อปลาหมูวัวควายและไก่
ก้อย เป็นอาหารประเภทยำที่จะนำเนื้อย่างมาหั่นเป็นชิ้นๆผสมกับ

ผักพื้นเมืองนิยมใช้กับเนื้อปลาหมูวัวควายและไก่ ทานกับผักสดนานาชนิด
ส่า เป็นอาหารประเภทยำ ที่นำหนังหมู เนื้อหมูย่างสับมาผสมกับ

หัวปลี วุ้นเส้น
แซ หรือ แซ่ เป็นอาหารประเภทยำที่นำเนื้อสด ๆ มาปรุงนิยมใช้กับ

เนื้อวัวและหมู คล้าย ๆ ลาบแต่มักใส่เลือดสด ๆ ด้วย กินกับผักสดตามชอบ

คนโบราณนิยมกินเพราะเชื่อว่าเป็นยาชูกำลัง ปัจจุบันได้รับความนิยม

เฉพาะในชนบทที่ห่างไกล
อ่อม เป็นอาหารประเภทแกงแต่มีน้ำน้อยมีผัก พื้นเมืองหลายชนิด

นิยมใช้กับเนื้อ ไก่และปลาหรือเนื้อกบเนื้อเขียดหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ แต่เน้นที่

ปริมาณผัก
อ๋อ ลักษณะคล้ายอ่อมแต่ไม่ใส่ผัก (ใส่เพียงต้นหอม ใบมะกรูด

ตะไคร้ ใบแมงลัก) นิยมใช้ปลาตัวเล็ก กุ้ง หรือไข่มดแดงปรุง ใส่น้ำพอให้

อาหารสุก
หมก เป็นอาหารประเภทหนึ่งที่ใช้ใบตองห่อนิยม ใช้กับเนื้อปลา ไก่

แมลง กบ เขียด ผักและหน่อไม้ หมกหรือห่อหมกของภาคอีสานจะไม่ใส่

กะทิ
อู๋ คล้ายหมกแต่ไม่ใช้ใบตอง นิยมใช้กับเนื้อปลาโดยเฉพาะปลาตัว

เล็ก ๆ กับพวกลูกอ๊อดกบ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

หม่ำ คือ ไส้กรอกเนื้อวัวผสมตับ ตะไคร้และเครื่องเทศอื่น ๆ
หม่ำขี้ปลา มีลักษณะคล้ายปลาร้าชนิดหนึ่งรสชาติค่อนข้างเปรี้ยว

หมักกับข้าวเหนียว
แจ่ว คือ น้ำพริกของชาวอีสานนิยมใส่ปลาร้าสับหรือน้ำปลาร้า บาง

ครั้งใส่มะกอกพื้นบ้านก็เป็นแจ่วมะกอก รับประทานกับผักสด ลวก หรือนึ่ง

เป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันทุกบ้านในภาคอีสาน เพราะมีขั้นตอนการ

ทำที่ไม่ยุ่งยาก
ตำซั่ว เป็นอาหารประเภทส้มตำชนิดหนึ่ง แต่ใส่ส่วนประกอบ

มากกว่า คือ ใส่ขนมจีน ผักดอง ผัก (เหมือนที่ใส่ขนมจีน) และมะเขือลาย

หรือผักอื่น ๆ ตามต้องการลงไปในตำมะละกอ

“ส้มตำ” เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย (อาจจะรวบถึงชาวต่าง

ชาติอีกมากมายที่รู้จักประเทศไทยจากส้มตำ) ในทุก ๆ ภาคในปัจุบันโดย

เฉพาะคนอีสานพบได้ทุกสถาน ที่โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

เช่น ทะเล ภูเขา น้ำตก ฯลฯ จะพบอาหารนี้ได้ทุกซอกทุกมุม ซึ่งหารับ

ประทานได้ง่ายตามสถานที่ทั่วไป แม้แต่ตามซอกซอย ตามภัตตาคารหรือ

ตามห้างต่าง ๆ เรียกว่า ส้มตำเป็นอาหารจานโปรดของทุกคนเลยก็ได้

ทำเอาพ่อค้าแม่ขายอาชีพนี้รวยไปตาม ๆ กัน ส้มตำมีหลายประเภท ได้แก่

ส้มตำไทย, ส้มตำไทยใส่ปู, ส้มตำปูใส่ปลาร้า, ส้มตำลาวใส่มะกอก ส้มตำมัก

รับประทานกับข้าวเหนียว และแกล้มกับผักชนิดต่าง ๆ และที่ขาดไม่ค่อยได้

เลยคือไก่ย่าง ซึ่งจะพบว่าร้านส้มตำเกือบทุกร้านจะต้องขายไก่ย่างควบคู่กัน

ไปด้วย

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

“ส้มตำ” เป็นภาษากลางที่ใช้เรียกกันทั่วไป ชาวอีสานเรียก ตำบัก

หุ่ง หรือตำส้ม ส้มตำของชาวอีสานมีความหลากหลายมาก พืชผัก ผลไม้

ชนิดต่างๆ ก็สามารถนำมาตำรับประทานได้ทั้งสิ้น เช่น ตำมะละกอ ตำ

ถั่วฝักยาว ตำกล้วยดิบ ตำหัวปลี ตำมะยม ตำลูกยอ ตำแตง ตำสับปะรด

ตำมะขาม ตำมะม่วง เป็นต้น ซึ่งจะมีรสชาติที่แตกต่างกันไปในแต่ละประ

เภทฃ แต่โดยรวม ๆ แล้วจะเน้นที่ความมีรสจัดจ้านถึงใจและเน้นที่ความ

เปรี้ยวนำ

ส้มตำลาวของชาวอีสานบางครั้งจะใส่ผลมะกอกพื้นบ้าน (เฉพาะฤดู

ที่มีผลมะกอกพื้นบ้าน) เข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ โดยฝานเป็นชิ้นรวมกับ

ส้มตำมะละกอ ช่วยให้รสชาติอร่อยขึ้น ส้มตำลาวเป็นเมนูอาหารหลักของ

ชาวอีสานรองจากข้าวเหนียว สามารถรับประทานกันได้ทุกวันและทุกมื้อ

วัฒนธรรมการกินอาหารอย่างหนึ่งของชาวอีสาน คือหากมื้อใดมีการทำ

ส้มตำรับประทานก็มักจะเรียกเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงมาร่วม สังสรรค์ รับ

ประทานส้มตำด้วย บางคนถึงกับบอกว่า ทานคนเดียวไม่อร่อย ต้องทาน

หลาย ๆ คน หรือแย่งกันทาน เรียกว่าส้มตำรวยเพื่อนก็ไม่ผิดนัก และตาม

งานบุญต่าง ๆ ของชาวอีสานจะขาดส้มตำไม่ได้เลย ถ้าขาดส้มตำอาจจะ

ทำให้งานนั้นกร่อยเลยทีเดียว

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างอาหารประจำถิ่นของ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การแต่งกายของภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือ

การแต่งกายส่วนใหญ่ใช้ผ้าทอมือ ซึ่งทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น

ผ้าฝ้าย และผ้าไหม ผ้าพื้นเมืองอีสาน ชาวอีสานถือว่าการทอผ้าเป็น

กิจกรรมยามว่างหลังจากฤดูการทำนาหรือว่างจากงานประจำอื่น ๆ

ใต้ถุนบ้านแต่ละบ้านจะกางหูกทอผ้ากันแทบทุกครัวเรือน โดยผู้หญิงใน

วัยต่าง ๆ จะสืบทอดกันมาผ่านการจดจำและปฏิบัติจากวัยเด็ก ทั้ง

ลวดลายสีสัน การย้อมและการทอ ผ้าที่ทอด้วยมือจะนำไปใช้ตัดเย็บทำ

เป็นเครื่องนุ่งห่ม หมอน ที่นอน ผ้าห่ม และการทอผ้ายังเป็นการเตรียม
ผ้าสำหรับการออกเรือนสำหรับหญิงวัยสาว ทั้งการเตรียมสำหรับตนเอง

และเจ้าบ่าว ทั้งยังเป็นการวัดถึงความเป็นกุลสตรี เป็นแม่เหย้าแม่เรือน

ของหญิงชาวอีสานอีกด้วย ผ้าที่ทอขึ้นจำแนกออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. ผ้าทอสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน จะเป็นผ้าพื้นไม่มีลวดลาย

เพราะต้องการความทนทานจึงทอด้วยฝ้ายย้อมสีตามต้องการ

2. ผ้าทอสำหรับโอกาสพิเศษ เช่น ใช้ในงานบุญประเพณีต่าง ๆ

งานแต่งงาน งานฟ้อนรำ ผ้าที่ทอจึงมักมีลวดลายที่สวยงามวิจิตรพิสดาร

มีหลากหลายสีสัน

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการแต่งกายของ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การดำเนินชีวิต ความเชื่อ

และประเพณีของ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

การดำเนินชีวิต
ชีวิตความเป็นอยู่ของคนอีสานในอดีตนั้นเรียบง่าย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่น

กัน มีศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีชีวิตที่พึงพาอาศัยซึ่งกันและกันกับ

ทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย จนเกิดเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่สวยงาม
ดินแดนอีสาน มีวัฒนธรรม ประเพณี เฉพาะตน มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่

ที่เรียบง่าย ท่ามกลางความแร้นแค้น ชาวอีสาน มีความเป็นอยู่เช่นไร ใช้ชีวิต

อยู่เช่นไร สร้างศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีเช่นไรขึ้นมา แต่ละจังหวัด แต่ละ

สถานที่ อาจมีวิถีชิวิต ความเป็นอยู่ ที่แตกต่าง ตามลักษณะพื้นที่ หรือธรรม

ชาิติที่มีอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมด ล้วนคือวิถีชิวิตแห่งชาวอีสาน การ

สร้างบ้านของชุมชนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่สมัยโบราณมักเลือก

ทำเลที่ตั้งอยู่ตามที่ราบลุ่มที่มีแม่สำคัญ ๆ ไหลผ่าน เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล

แม่น้ำชี แม่น้ำสงคราม ฯลฯ รวมทั้งอาศัยอยู่ตามริมหนองบึง ถ้าตอนใดน้ำ

ท่วมถึงก็จะขยับไปตั้งอยู่บนโคกหรือเนินสูง ดังนั้นชื่อหมู่บ้านในภาคอีสานจึง

มักข้นต้นด้วยคำว่า "โคก โนน หนอง" เป็นส่วนใหญ่ลักษณะหมู่บ้านทางภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานนั้นมักจะอยู่รวมกันเป็นกระจุก ส่วนที่ตั้ง

บ้านเรือนตามทางยาวของลำน้ำนั้นมีน้อย ผิดกับทางภาคกลางที่มักตั้งบ้าน

เรือนตามทางยาว ทั้งนี้เพราะมีแม่น้ำลำคลองมากกว่า

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ความเชื่อ
ความเชื่อของสังคมชาวบ้าน ส่วนใหญ่เป็นความเชื่อที่ผสมผสาน

ระหว่างผีบรรพบุรุษ และความเชื่อที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเชื่อที่

เกี่ยวเนื่องต่อกันมา เชื่อว่าผีบรรพบุรุษเป็นผู้คุ้มครอง ลูกหลาน ในครอบครัว

ให้อยู่เย็นเป็นสุข
- ความเชื่อเกี่ยวกับผีพระยาแถน พระยาแถนถือว่าเป็นผู้สร้างโลก

จากความเชื่อดังกล่าวทำให้เกิดพิธีกรรม การแห่บั้งไฟ เพื่อให้พระยาแถนส่ง

ฝนลงมาให้พิธีกรรมเกี่ยวกับการลำผีฟ้า ผีแถน (เพื่อรักษาโรค เชื่อว่า

สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการกระทำของภูติผีได้)
- ความเชื่อเรื่องวิญญาณบรรพบุรุษประจำหมู่บ้าน หรือเรียกว่าผีปู่ตา

ในหมู่บ้านจะมีการตั้งศาลที่เรียกว่า "ศาลปู่ตา" เชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองลูกบ้าน

และบนบานศาลกล่าว ขอในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้
- ความเชื่อ พ่อเชื้อ แม่เชื้อ ผีประจำตระกูล หรือเรียกว่า ผีพ่อ ผีแม่

ที่อยู่ประจำบ้าน เมื่อลูกหลานแยกครอบครัวไปสร้างบ้าน ครัว ใหม่แล้วก็

ต้องกลับมากราบ ไหว้ จนเกิดพิธีกรรมบวงสรวง หรือ บูชา บ้านที่เป็นต้น

ตระกูลจะมีหิ้งบูชาพ่อเชื้อ แม่เชื้อ หรือ "ผีพ่อ ผีแม่"
ประเพณี
ประเพณีอีสานและพิธีกรรมตามประเพณีของชาวอีสาน เกี่ยวข้องทั้ง

กับความเชื่อในอำนาจนอกเหนือธรรมชาติและพุทธศาสนาเถรวาท มีทั้ง

พิธีกรรมอันเป็นประเพณีที่เป็นสิ่งปฏิบัติและจารีตที่ยึดถือสืบต่อกันมา

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

- ฮีตสิบสอง หมายถึงประเพณี 12 เดือนที่เกี่ยวเนื่องกับหลักทาง

พุทธศาสนา ความเชื่อและการดำรงชีวิตทางเกษตรกรรมซึ่งชาวอีสานยึดถือ

ปฏิบัติกันมาแต่โบราณ มีแนวปฏิบัติแตกต่างกันไปในแต่ละเดือนเพื่อให้เกิด

สิริมงคลในการดำเนินชีวิต เรียกอย่างท้องถิ่นว่างานบุญ ชาวอีสานให้ความ

สำคัญกับประเพณีฮีตสิบสองเป็นอย่างมากและยึดถือปฏิบัติมาอย่าง

สม่ำเสมอนับเป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสานอย่างแท้จริง
คำว่า “ฮีตสิบสอง” มาจากคำว่า “ฮีต” อันหมายถึงจารีต การปฏิบัติที่สืบ

ต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณี “สิบสอง” คือประเพณีที่ปฏิบัติตามเดือน

ทางจันทรคติทั้งสิบสองเดือน

- ขึ้นเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างด้วยศิลา

แลงและหินทรายสีชมพูอย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีการออกแบบผังปราสาทตาม

ความเชื่อที่สอดคล้องกับลักษณภูมิประเทศ ศาสนสถานแต่ละส่วนประดับ

และแกะสลักลวดลายเป็นรูปเทพเจ้าและเรื่องราวทางศาสนาวิจิตรงามตา

และทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนประมาณเดือนเมษายน จะมีเทศกาลขึ้น

เขาพนมรุ้ง เพื่อชมปรากฎการณ์อันน่าอัศจรรย์ นั่นคือพระอาทิตย์จะสาด

แสงตรงเป็นลำทะลุช่องประตูปราสาททั้ง 15 บาน และพิธีบวงสรวงองค์

พระศิวะและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาพนมรุ้ง การแสดง แสง สี เสียง สุดตระการ

ตา

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

- เทศกาลผีตาโขน เทศกาลผีตาโขน เป็นการรวมประเพณีทั้ง 4 ตาม

ปฏิทินโบราณ ได้แก่ บุญเผวสในเดือน 4, บุญสงกรานต์ ในเดือน 5, บุญ

บั้งไฟ ในเดือน 6 และบุญซำฮะ ในเดือน 7 มาจัดพร้อมกันในเดือน 8 ของ
ทุกปี ซึ่งไม่มีการอ้างอิงถึงที่มาแต่มีการจัดขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึง

ปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อบูชาบวงสรวงหลักเมืองและดวงวิญญานสิ่ง

ศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศภายในงานจะเต็มผู้คนทั้งชายและหญิงนำหวดนึ่งข้าว

เหนียวมาทำเป็นลวดลายคล้ายภูผีปีศาจ

- ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี เป็นประเพณี

สำคัญมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนมาถึงปัจจุบัน รวมเวลากว่า 116 ปี ซึ่งแต่เดิม

เป็นการขุดบั้งไฟแต่เห็นว่าเป็นอันตรายต่อผู้คน โดยภายในงานมีการจัด

ขบวนเทียนแกะการสลักขี้ผึ้งเป็นลวดลายต่าง ๆ ส่วนมากเป็นเรื่องราวเกี่ยว

กับประวัติศาสตร์เกือบทั้งหมดเทศกาลไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม

- ประเพณีไหลเรือไฟ จัดขึ้นทุกปีหลังช่วงออกพรรษา วัตถุประสงค์

เพื่อเพื่อบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พญานาค และการขอ

ขมาพระแม่คงคา จุดเด่นของงานนอกจากเรือไฟแล้ว ยังมีการรำบูชาองค์

พระธาตุพนม รวมถึงมีการจัดงานกาชาด เพื่อจำหน่ายสินค้านานาชนิด สิน

ค้าโอท็อป และการแสดงพื้นเมือง จากเจ็ดชนเผ่าของจังหวัดนครพนม

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการดำเนินชีวิต ความเชื่อและ

ประเพณีของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ภาษาถิ่นของภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาษาถิ่นอีสานของประเทศไทยมีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาที่พูดที่ใช้

กันในประเทศลาว แต่ภาษาอีสานก็ยังถือว่าเป็นภาษาถิ่นของภาษาไทย

ภาษาถิ่นอีสานมีภาษาถิ่นย่อยหลายภาษา ได้แก่ ภาษาที่ชนกลุ่มใหญ่ใน

ภาคอีสานใช้พูดจากัน ซึ่งใช้สื่อสารอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ของภาคอีสาน หรือ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น สกลนคร หนองคาย นครพนม ขอนแก่น

อุดรธานี อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด เลย ชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ เป็นต้น

ตัวอย่างคำในภาษาอีสาน
กะปอม = กิ้งก่า
เกิบ = รองเท้า
ข่อย = ฉัน, ผม
ข้อง = ติด, คา
คึดฮอด, คิดฮอด = คิดถึง
จังซั่น = อย่างนั้น
จังซี่ = อย่างนี้
จังได๋ = อย่างไร
จั๊ก = รู้
จือ, จือจำ = จำ, จดจำ
แซบอีหลี = อร่อยจริง ๆ
เซา = หยุด

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ภาคใต้

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

อาหารประจำถิ่น
ของภาคใต้

อาหารพื้นบ้านภาคใต้มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สืบ

เนื่องจากดินแดนภาคใต้ เคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือค้าขายของพ่อค้า

จากอินเดีย จีน และชวาในอดีต ทำให้วัฒนธรรมของชาวต่างชาติโดย

เฉพาะอินเดียใต้ ซึ่งเป็นต้นตำรับในการใช้เครื่องเทศปรุงอาหารได้เข้ามามี

อิทธิพลเป็นอย่างมาก

อาหารพื้นบ้านภาคใต้ทั่วไป มีลักษณะผสมผสานระหว่างอาหารพื้น

บ้านกับอาหารอินเดียใต้ เช่น น้ำบูดู ซึ่งได้มาจากการหมักปลาทะเลสดผสม

กับเม็ดเกลือ และมีความคล้ายคลึงกับอาหารมาเลเซีย อาหารของภาคใต้

จึงมีรสชาติที่เผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ และด้วยสภาพภูมิศาสตร์อยู่ติดทะเลทั้ง

สองด้าน มีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ

ทำการประมง เพราะมีทรัพยากรในท้องทะเลมากมาย อาหารทะเลจึงเป็น

อาหารหลักในการดำรงชีวิตส่วนใหญ่ของคนภาคใต้ และจะมีกลิ่นคาวจัด

อาหารภาคใต้จึงนำเครื่องเทศเข้ามาช่วยดับกลิ่นคาว อาหารภาคใต้จะมีสี

ออกเหลืองๆ จากขมิ้น แทบทุกอย่างไม่ว่า จะเป็น แกงไตปลา แกงส้ม แกง

พริก ปลาทอด ไก่ทอด และด้วยอาหารรสจัดดังกล่าว จึงมีผักรับประทาน

ควบคู่ไปด้วย เพื่อลดความเผ็ดร้อนลง ซึ่งภาคใต้ เรียกว่า ผักเหนาะ หรือ

บางจังหวัดอาจเรียกว่า ผักเกร็ด

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างอาหารประจำถิ่นของภาคใต้

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การแต่งกายของภาคใต้

การแต่งกายภาคใต้ ภาคนี้มีการแต่งกายต่างกันตามเชื้อชาติ ถ้าเชื้อสาย

จีนจะแต่งแบบจีน ถ้าเป็นชาวมุสลิม ก็จะแต่งคล้ายกับชาวมาเลเซีย ปัจจุบัน

แหล่งทำผ้าแบบดั้งเดิมนั้นเกือบจะสูญหาย ไป คงพบได้เฉพาะ 4 แหล่งเท่านั้น

คือ ที่ตำบลพุมเรี้ยง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช,

เกาะยอ จังหวัดสงขลา และตำบลนาหมื่นศรี จังหวัดตรัง

เนื่องจากภาคใต้ตั้งอยู่แถบศูนย์สูตร มีผลให้อุณหภูมิไม่แตกต่างกันนัก

ชาวใต้นิยมแต่งกายแบบเรียบง่าย หลวม ๆ ส่วนมากใช้ผ้าฝ้าย รูปแบบเครื่อง

นุ่งห่มส่วนใหญ่คล้ายกับของมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพราะอยู่ในลักษณะ

อากาศแบบเดียวกัน ผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ ผ้ายก ผ้าจวน ผ้า

ไหมพุมเรียง และผ้าปาเต๊ะ ซึ่งเป็นผ้าที่นิยมกัน ในภาคใต้ตอนล่าง เป็นต้น ดิน

แดนทางภาคใต้ของประเทศไทย อันประกอบด้วย 14 จังหวัด นั้น แต่เดิมมี

ผู้คนอาศัยอยู่ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนต่อมาได้พัฒนา เกิดเป็นชุมชน

และกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญ อันเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง ดินแดนตะวันออก

และตะวันตกของโลก ซึ่งเป็นแหล่งแลกเปลี่ยน วัฒนธรรมที่สำคัญโดยเฉพาะ

ประเทศจีน อินเดีย และหมู่เกาะสุมาตรา เรียกดินแดนแห่งนี้กันว่าอาณาจักร

ศรีวิชัย อิทธิพลในการทอผ้าจากอินเดีย ที่มีการสอดผสมดิ้นเงินดิ้นทอง ลงใน

ผืนผ้าสร้างรูปแบบแก่ผ้าในภาคใต้ โดยซื้อหาวัสดุส่วนใหญ่จากอินเดีย ต่อมา

เนื่องจากศึกสงครามบ้านเมือง ล่มสลายลง การทอผ้าอันวิจิตรก็สูญหายไปด้วย

โดยต่อมาภายหลังหันมา นำเข้าผ้าพิมพ์ และผ้าแพรจากจีนรวมถึงผ้าบาติก

จากเกาะชวาและ ผ้ายุโรปมาสวมใส่ จากการที่ชาวใต้มิได้มีการปลูกฝ้ายหรือ

ไหมขึ้นใช้เอง เนื่องจากข้อจ ากัดของพื้นที่ จึงทำการสั่งซื้อผ้าสำเร็จรูปโดย

เฉพาะ ผ้าบาติกหรือปาเต๊ะมาใช้กันจนภายหลังเป็นเครื่องแต่งกายประจ าภาค

ไปในที่สุด ปัจจุบันแหล่งทำผ้าแบบดั้งเดิมนั้นเกือบจะสูญหายไป คงพบได้

เฉพาะ 4 แหล่งเท่านั้นคือ ที่ตำบลพุมเรียง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการแต่งกายของภาคใต้

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

การดำเนินชีวิต ความเชื่อ

และประเพณีของภาคใต้

การดำเนินชีวิต
ที่อยู่อาศัย จะตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ใกล้

ท่าน้ำ ลำคลอง อ่าว และทะเล เพื่อสะดวกในการสัญจรและการทำมาหากิน

คนไทยภาคใต้จะมีคติในการตั้งบ้านเรือน เช่น ปลูกบ้านโดยมีตีนเสารองรับ

เสาเรือนแทนการขุดหลุมฝังเสา เพื่อสะดวกในการโยกย้ายและเป็นการ
ป้องกันมด ปลวก มีคติห้ามปลูกเรือนขวางตะวัน เพราะจะขวางเส้นทางลม

มรสุมซึ่งอาจทำให้หลังคาปลิวและถูกพายุพัดพังได้ง่าย วัสดุที่นำมาสร้างคือ

สิ่งที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น บ้านเรือนมีหลายลักษณะ มีทั้งบ้านเรือนเครื่องผูก

หลังคาทรงจั่วและทรงปั้นหยา มีใต้ถุนเตี้ยเพราะมีลมพายุเกือบทั้งปี หาก
ปลูกเรือนสูงอาจต้านทานแรงลม ทำให้เรือนเสียหายได้
ชาวภาคใต้ส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม คือ ทำนา ทำไร่ ทำ

สวน จับสัตว์น้ำ และทำประมงชายฝั่งทะเล ทั้งนี้แล้วแต่ทำเลที่ตั้งบ้านเรือน

ด้วย เช่น ผู้ที่อยู่ที่ราบเชิงเขา ที่ราบระหว่างเขา จะมีอาชีพทำสวนยางพารา
และทำสวนผลไม้ ทำไร่ยาสูบ (ยากลาย) ส่วนผู้ที่อยู่ที่ราบลุ่ม มีอาชีพทำนา

จับสัตว์น้ำ และพวกที่อยู่ริมชายฝั่งทะเล ก็จะทำนา จับสัตว์น้ำ และทำ

ประมงชายฝั่ง เป็นต้น

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ความเชื่อ
ชาวไทยถิ่นใต้เชื่อว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ยังมีจิตผูกพันและ

ห่วงใยลูกหลาน ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าดวงวิญญาณจะเดินทางไปยังภพ

ภูมิใดแล้วก็ตาม จะหวนกลับมา อยู่ใกล้ชิดลูกหลานของตนจนได้ เพื่อ

บันดาลสิ่งดีให้เกิดขึ้นแก่ลูกหลานเป็นการให้พร หรือ ให้รางวัลกับลูกหลาน

ที่มีความประพฤติ หมั่นทำความดี เคารพบูชาบรรพบุรุษอย่างสม่ำเสมอ

หรือบันดาลสิ่งเลวร้ายเพื่อตักเตือนลูกหลานที่มีความประพฤติชั่ว หรือไม่

เคารพบูชาตน ซึ่งวิญญาณบรรพบุรุษเหล่านี้สามารถปรากฏรูปได้หลาก

หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ปรากฏใน รูปคน สัตว์ หรือสิ่งไม่ปรากฏรูปแน่ชัด
ประเพณี
ภาคใต้ ดินแดนแห่งหมู่เกาะและท้องทะเลอันงดงาม อีกทั้งยังมีอุดม

สมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติมากมาย นอกจากนี้ศิลปวัฒนธรรมและวิถี

ชีวิตของชาวใต้ยังโดดเด่นมีเอกลักษณ์ และเปี่ยมเสน่ห์ชวนให้เข้าไปสัมผัส

และเรียนรู้อย่างใกล้ชิด
- ประเพณีลอยเรือชาวเล เป็นงานประเพณีเก่าแก่ที่หาดูได้ยากของ

ชาวเลเกาะลันตา งานนี้จัดขึ้นตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 และเดือน 11 โดยกลุ่ม

ชาวเลที่เกาะลันตาและเกาะใกล้เคียง จะมาชุมนุมกันทำพิธีลอยเรือ เพื่อ

สะเดาะเคราะห์ บริเวณชายหาดใกล้กับบ้านศาลาด่าน มีการร้องรำทำเพลง

และการร่ายรำรอบลำเรือด้วยจังหวะและทำนองเพลงรองเง็ง

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

- ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ชาวนครฯ เชื่อมั่นว่าระบรมธาตุเจดีย์เป็น

เสมือนตัวแทนของพระพุทธศาสนา ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

ทุกปีหนึ่งๆ จะมีการบูชาบวงสรวง ปีละ 2 ครั้ง คือวันมาฆบูชา และในวัน

วิสาขบูชา โดยนำผ้ามาห่อหุ้มองค์เจดีย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล มีการจัด

ขบวนแห่ผ้าพระบฏนำขึ้นไปถวายสักการะ ในเวลากลางคืน จะเวียนเทียน

- ประเพณีชิงเปรต เป็นประเพณีเนื่องในเทศกาลวันสารท เดือนสิบ

ของชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ จัดทำในวัดทุกวัดในวันแรม 14 หรือ 15

ค่ำ เดือนสิบ โดยทำร้านจัดสำรับอาหารคาวหวานไปวางอุทิศส่วนกุศลให้

เปรตชน (ปู่ ย่า ตา ยาย และบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว) ร้านที่วางอาหาร

เรียกว่า ร้านเปรต ซึ่งสร้างไว้กลางวัด ยกเสาสูง มีสี่เสาบ้าง เสาเดียวบ้าง บน

ร้านเปรตจะมีสายสิญจ์วงไว้รอบและต่อยาวไปถึงที่พระสงฆ์นั่งทำพิธีกรรม

พิธีเสร็จบรรดาผู้มาร่วมทำบุญก็จะเข้าไปรุมแย่งอาหารสิ่งของ อาหารคาว

หวาน ที่อยู่บนร้านเปรตอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็จะจัดอาหารถวายเพลแก่

พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปที่อยู่ในวัด ต่อจากนั้นผู้มาร่วมงานทุกคนก็จะกินอาหาร

ร่วมกัน

- ประเพณีแห่พระแข่งเรือ เป็นประเพณีเก่าแก่ของอำเภอหลังสวน

จัดในช่วงแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี หรือเดือนตุลาคม โดยจะมีเรือพระ

จากวัดต่าง ๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามมาร่วมแห่ง และการแข่งขัน

เรือพายในแม่น้ำหลังสวน

- ประเพณีชักพระ วันออกพรรษา แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านกับ

วัดจะร่วมกัน จัดให้มีการชักพระ โดยสมมุติได้ไปต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จ

กลับจากดาวดึงส์ ประทับ บุษบกแห่เป็นขบวนไปยังสถานที่ต่างๆ วัดใดจะ

ชักพระบกหรือชักพระน้ำขึ้นอยู่กับความสะดวกของท้องถิ่น

วัฒนธรรม 4 ภาคของประเทศไทย

ตัวอย่างการดำเนินชีวิต ความเชื่อ
และประเพณีของภาคใต้


Click to View FlipBook Version