สัญญาซื้อขาย
จัดทาํ โดย
นายณรงค์เดช มุสิกสังข์ รหัสนิสิต 632081015
นางสาววภิ าวดี เสนชู รหัสนิสิต 632081064
นายเอกวฒั น์ รักคง รหัสนิสิต 632081089
นายพนั กร รัตนมนตรี รหัสนิสิต 632081106
นายอรรถพล ทองรอด รหัสนิสิต 632081109
เสนอ
อาจารย์ มาตา สินดาํ
เอกเทศสัญญา 1 (0801211)
มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ วทิ ยาเขตพทั ลุง
คาํ นํา
การจดั ทาํ คู่มือ ในการศึกษาเรียนรู้ดา้ นนิติกรรมและสญั ญา จดั ทาํ ข้ึนเพ่ือเป็นแนวทางใน
การศึกษาเรียนรู้ดา้ นนิติกรรมและสญั ญา การดาํ เนินของมหาวทิ ยาลยั ใหเ้ ป็นระบบเดียวกนั และอา้ งอิงได้
เพอื่ เอ้ืออาํ นวยในการปฏิบตั ิงานเป็นไปดว้ ยความสะดวก รวดเร็ว ประหยดั เวลา บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ และ
นโยบายของการเรียนการสอนรายวชิ าเอกเทศสญั ญา 1 ใหม้ ีประสิทธิภาพในการจดั การภาระงานและการ
บริหารนิติกรรมและสญั ญามีประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึน
ท้งั น้ีกลุม่ งานนิติกรรมและสญั ญา ในหวั ขอ้ สญั ญาซ้ือขาย ไดร้ วบรวมขอ้ มูล ระเบียบ ขอ้ ง
บงั คบั และกฎหมายอ่ืนท่ีเกี่ยวขอ้ งข้ึน จากคูม่ ือและเอกสารการใหค้ วามรู้ต่างๆ เพอ่ื ใหค้ ูม่ ือเล่มน้ี มีประโยชน์
และวตั ถุประสงคใ์ นการดาํ เนินงาน การปฏิบตั ิงานตามระเบียบวา่ ดว้ ยนิติกรรมและสญั ญา เพอื่ เป็นแนวทาง
อยา่ งเดียวกนั และพร้อมรับฟังความคิดเห็นอนั เป็นประโยชน์ต่อในการดาํ เนินงาน และนาํ มาปรับปรุงคู่มือน้ี
ใหเ้ หมาะสมยงิ่ ข้ึนต่อไป
คณะผจู้ ดั ทาํ
สารบญั หน้า
1
เรื่อง 2
สญั ญาขายฝากและลกั ษณะสาํ คญั ของสญั ญาขายฝาก 3-4
แบบของสญั ญาขายฝาก 5-6
ระยะเวลาไถท่ รัพยส์ ินท่ีขายฝากคืน 7
สินไถ่ 8
บุคคลผมู้ ีสิทธิไถ่ทรัพยส์ ินที่ขายฝากคืน 9-11
การใชส้ ิทธิไถ่ 12-13
บุคคลผมู้ ีหนา้ ที่รับไถท่ รัพยส์ ิน
สภาพของทรัพยส์ ินท่ีไถ่คืน
1
สัญญาขายฝาก
สัญญาขายฝากและลกั ษณะสําคญั ของสัญญาขายฝาก
1. แบบของสญั ญาขายฝาก
2. ระยะเวลาในการไถ่ทรัพยส์ ินที่ขายฝากคนื
3. บุคคลผมู้ ีสิทธิไถ่ทรัพยส์ ินที่ขายฝาก
4. บุคคลผมู้ ีหนา้ ท่ีรับไถ่
5. สภาพของทรัพยส์ ินที่ไถ่คืนมา
มาตรา 491
สัญญาขายฝาก คือ สัญญาซ้ือขายซ่ึงกรรมสิทธ์ิในทรัพยส์ ินตกไปยงั ผซู้ ้ือ โดยมีขอ้ ตกลงกนั วา่ ผขู้ ายอาจ
ไถ่ทรัพยน์ ้นั คืนได้
ไม่ใช่ การฝากขาย
แต่เป็ นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดประเภทหนึ่งโดยเป็ นการซ้ือขายซ่ึงมีการตกลงกนั ให้ฝ่ ายผูข้ าย
สามารถไถ่ทรัพยส์ ินที่ขายไปแลว้ คืนมาได้
สัญญาขายฝากเป็ นสัญญาซ้ือขายประเภทหน่ึง ดงั น้ันจึงตอ้ งนาํ บทบญั ญตั ิเรื่อง “ซ้ือขาย” (หลกั
ทวั่ ไป) มาใชบ้ งั คบั ดว้ ย
◦ แบบและหลกั ฐานของสญั ญาขายฝาก (มาตรา 456)
คําพิพากษาฎีกาที่ 788/2497 สัญญาซ้ือขายเรือนกนั โดยมีขอ้ สัญญาว่า ผูข้ ายอาจซ้ือกลบั คืนไดภ้ ายใน
กาํ หนดเวลา 2 เดือน ถา้ พน้ กาํ หนดแลว้ ไม่ซ้ือคืน ผซู้ ้ือจะร้ือเรือนไป ดงั น้ีเป็นสญั ญาขายฝากอสงั หาริมทรัพย์
เพราะเรื อนจะต้องคงสภาพเป็ นอสังหาริมทรัพย์อยู่จนกว่าผู้ขายฝากจะไม่ซ้ือคืน สัญญาขายฝาก
อสังหาริมทรัพย์ เม่ือไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็ นโมฆะ
คําพิพากษาฎีกาท่ี 5317/2538 สัญญาจะขายฝากที่ดินพร้อมบา้ นที่มีหลกั ฐานเป็ นหนงั สือลงลายมือชื่อ
ฝ่ ายท่ีตอ้ งรับผดิ เป็นสาํ คญั ยอ่ มฟ้องร้องบงั คบั คดีกนั ไดต้ ามมาตรา 456 วรรคสาม ไม่เป็นโมฆะ
คําพิพากษาฎีกาท่ี 6341/2535 จ. ขายฝากท่ีดินพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์รับซ้ือท่ีดินพิพาทโดยเสีย
ค่าตอบแทนและโดยสุจริตและไดจ้ ดทะเบียนโดยสุจริต กรรมสิทธ์ิในที่ดินพิพาทย่อมเป็นของโจทกต์ ้งั แต่
วนั ขายฝากตามมาตรา 491 แม้จะฟังได้ว่าจาํ เลยได้ครอบครองปรปักษ์ท่ีดินดังกล่าว เม่ือจาํ เลยมิได้จด
ทะเบียนการไดม้ าในท่ีดินพิพาท จาํ เลยจึงยกข้ึนต่อสู้โจทกไ์ ม่ไดต้ ามมาตรา 1299 วรรคสอง
2
ข้อสังเกต
ขอ้ ตกลงใหไ้ ถ่ทรัพยส์ ินคืนไดจ้ ะตอ้ งทาํ ต้งั แต่ขณะตกลงซ้ือขายกนั
การจะไถ่ทรัพยส์ ินคืนหรือไม่เป็นสิทธิของผขู้ ายฝาก ไม่ไดบ้ งั คบั ผขู้ ายฝากวา่ ตอ้ งไถค่ ืน
เน่ืองจากการขายฝากน้นั ผซู้ ้ือฝากไม่มีทางท่ีจะบงั คบั ใหผ้ ูข้ ายฝากใชส้ ิทธิไถ่ทรัพยส์ ินที่ขายฝากได้
แต่หากผูซ้ ้ือฝากบางรายอาจกังวลว่า หากผูข้ ายฝากไม่ตอ้ งการทรัพยส์ ินที่ขายฝากน้ันแลว้ หรือเกรงว่า
ทรัพยส์ ินท่ีขายฝากหลุดเป็ นสิทธิแก่ผูซ้ ้ือฝากและผูซ้ ้ือฝากนาํ ทรัพยส์ ินน้นั ออกขายอาจไดเ้ งินไม่ครบตาม
จาํ นวนที่ขายฝาก ในวนั ทาํ สญั ญาขายฝากน้นั ผซู้ ้ือฝากอาจตอ้ งทาํ สญั ญากบั ผขู้ ายฝากโดยกาํ หนดเงื่อนไขใน
สญั ญาวา่
“ผู้ขายฝากต้องผูกพนั ทจ่ี ะต้องซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืนไป หรือตกลงกบั ผู้ขายฝากว่า ถ้าผู้ซื้อฝาก
ขายทรัพย์ที่ขายฝากได้เงินไม่ครบจํานวนท่ีขายฝาก ยงั ขาดอยู่เท่าใดผู้ขายฝากยอมใช้ให้ผู้ซื้อฝากจนครบ”
การกาํ หนดเง่ือนไขเช่นน้ีมีลกั ษณะคลา้ ยกบั “สญั ญาจาํ นาํ ” หรือ “สญั ญาจาํ นอง” แต่อยา่ งไรกต็ ามก็
มิไดท้ าํ ใหส้ ัญญาขายฝากดงั กล่าวเปล่ียนลกั ษณะเป็นสัญญาจาํ นาํ หรือจาํ นอง เพราะโดยเจตนาของคู่สัญญา
ยงั คงเป็นการขายฝากเป็นสาํ คญั เพียงแต่คู่สัญญาไดต้ กลงกนั เองดว้ ยเง่ือนไขบางประการเพิ่มเติมในสัญญา
เท่าน้นั
แบบของสัญญาขายฝาก
เน่ืองจากบทบญั ญตั ิเร่ือง “ขายฝาก” ในมาตรา 491-502 มิไดบ้ ญั ญตั ิเร่ือง “แบบของสญั ญาขายฝาก”
ไวเ้ ป็นการเฉพาะ ดงั น้นั จึงตอ้ งนาํ บทบญั ญตั ิในมาตรา 456 เก่ียวกบั เรื่องแบบของสัญญาซ้ือขายมาบงั คบั ใช้
เพราะตามที่ไดก้ ลา่ วแลว้ ขา้ งตน้ วา่ “สญั ญาขายฝาก” คือ สญั ญาซ้ือขายเสร็จเดด็ ขาด โดยมีเง่ือนไขดงั น้ีคือ
การขายฝากอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพยช์ นิดพิเศษ จะตอ้ งทาํ สัญญาเป็ นหนังสือและจด
ทะเบียนต่อเจา้ พนกั งาน
การขายฝากสงั หาริมทรัพยช์ นิดธรรมดา กฎหมายไม่ไดก้ าํ หนด “แบบของนิติกรรม” เอาไว้ จึงอาจ
ทําเป็ นหนังสือหรือปากเปล่าก็ได้แต่ถ้าตกลงราคากันต้ังแต่ 20,000 บาท หรือกว่าน้ันข้ึนไปจะต้องมี
หลกั ฐานสาํ หรับฟ้องร้องใหบ้ งั คบั คดี
สญั ญาจะขายฝากในอสงั หาริมทรัพย์ หรือสงั หาริมทรัพยช์ นิดพิเศษมีไดห้ รือไม่ ?
คาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี 1075/2507 นอ้ งชายของจาํ เลยถูกโจทกก์ ล่าวหาวา่ ฉอ้ โกงและถูกจบั จาํ เลยไดต้ ก
ลงกบั โจทก์เพื่อเลิกคดี แลว้ ไปหาพนกั งานสอบสวนเพ่ือให้ทาํ สัญญาไวเ้ ป็นหลกั ฐาน พนกั งานสอบสวน
ร่างสัญญาจะขายฝากเพื่อปลดหน้ีนอ้ งชายจาํ เลย โจทกจ์ าํ เลยไดล้ งลายมือชื่อไว้ มีขอ้ ความวา่ จาํ เลยจะขาย
ฝากที่ดินให้โจทก์เป็ นเงิน 10,000 บาท แลว้ พนักงานสอบสวนเอาสัญญากูก้ บั สัญญาขายฝากท่ีน้องชาย
จาํ เลยทาํ ให้โจทกไ์ วม้ าฉีกทิ้งแมส้ ัญญาน้ีจะไม่มีขอ้ กาํ หนดวา่ จะไปทาํ หนงั สือและจดทะเบียนเม่ือใด แต่
ไดร้ ะบุว่าค่าธรรมเนียมต่างๆผูร้ ับซ้ือฝากตอ้ งออกเอง แสดงว่าคู่สัญญามิไดม้ ีเจตนาทาํ สัญญาขายฝากแต่
3
ตอ้ งการใหเ้ ป็นเพียงสัญญาจะขายฝากซ่ึงจะตอ้ งมีการทาํ หนงั สือจดทะเบียนกนั ให้ถูกตอ้ งอีกคร้ังหน่ึง เม่ือ
เป็ นสัญญาจะขายฝากซ่ึงมีหลกั ฐานเป็ นหนังสือลงลายมือช่ือฝ่ ายท่ีต้องรับผิดเป็ นสําคัญแลว้ โจทก์ก็
ฟ้องร้องบงั คบั คดีไดต้ าม ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง ไม่เป็นโมฆะ
ระยะเวลาไถ่ทรัพย์สินทขี่ ายฝากคืน
หลัก คูส่ ญั ญาจะกาํ หนดระยะเวลาในการไถ่ทรัพยส์ ินคืนไวน้ านเท่าไรกไ็ ด้ ภายใตเ้ ง่ือนไข ดงั น้ี
ก. อสงั หาริมทรัพย์ จะกาํ หนดเกินกวา่ 10 ปี ไม่ได้
ข. สงั หาริมทรัพย์ จะกาํ หนดเกินกวา่ 3 ปี ไม่ได้
ค. ถา้ กาํ หนดไวน้ านกวา่ ก,ข ใหล้ ดเวลาลงมาเหลือตาม ก,ข
ง. ถ้ากําหนดเวลาไว้ต่ํากว่า ก, ข ก็ให้เป็ นไปตามที่กําหนด แต่คู่สัญญาอาจตกลงกันขยาย
กาํ หนดเวลาไถ่ (กี่คร้ังกไ็ ด)้ โดยเมื่อขยายแลว้ กาํ หนดเวลาตอ้ งไม่เกินกวา่ ก,ข
การขยายเวลาไถ่ จะต้องมีหลกั ฐานเป็ นหนังสือลงลายมือช่ือผู้รับไถ่
กฎหมายมิไดบ้ งั คบั ว่าสัญญาขายฝากจะตอ้ งกาํ หนดระยะเวลาไถ่ทรัพยส์ ินคืนไวใ้ นสัญญา แมใ้ น
สัญญาไม่ไดก้ าํ หนดเวลาไถ่คืนไวก้ ็เป็ นสัญญาขายฝากได้ เพราะหากไม่กาํ หนดระยะเวลาไถ่ทรัพยส์ ินไวก้ ็
จะตอ้ งบงั คบั ไปตามมาตรา 494 คือ ตอ้ งไถ่ทรัพยส์ ินคืนภายใน 10 ปี หรือ 3 ปี นบั แต่เวลาซ้ือขายฝาก
การใชส้ ิทธิไถท่ รัพยส์ ินภายในกาํ หนดระยะเวลา หมายถึง ผขู้ ายฝากสามารถใชส้ ิทธิไถ่ทรัพยส์ ินคืน
ไดต้ ้งั แต่วนั แรกจนถึงวนั ครบกาํ หนดระยะเวลาไถ่น้นั เอง
กาํ หนดเวลาไถ่น้นั อาจทาํ สัญญาขยายกาํ หนดเวลาไถ่ได้ แต่กาํ หนดเวลาไถ่รวมกนั ท้งั หมดถา้ เกิน
กาํ หนดเวลาตามมาตรา 494 ใหล้ ดลงมาเป็นกาํ หนดเวลาตามมาตรา 494
การขยายกาํ หนดเวลาไถต่ ามวรรคหน่ึงอยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีหลกั ฐานเป็ นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับไถ่
ถา้ เป็นทรัพยซ์ ่ึงการซ้ือขายกนั จะตอ้ งทาํ เป็นหนงั สือและจดทะเบียนต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ ห้ามมิให้ยกการ
ขยายเวลาข้ึนเป็ นขอ้ ต่อสู้บุคคลภายนอกผูไ้ ด้รับสิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จด
ทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแลว้ เว้นแต่จะได้นําหนังสือหรือหลกั ฐานเป็ นหนังสือดงั กล่าวไปจดทะเบียน หรือจด
แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี
การขยายกาํ หนดเวลาไถ่ มาตรา 496 วรรคสองบงั คบั ใหม้ ีหลกั ฐานเป็นหนงั สือลงลายมือช่ือผรู้ ับไถ่
น้นั ใชบ้ งั คบั กบั การขายฝากทรัพยท์ ุกประเภทไม่วา่ จะเป็น
◦ สัญญาขายฝากสังหาริมทรัพยท์ ่ีมีราคาไม่ถึง 20,000 บาท ซ่ึงไม่ตอ้ งการหลกั ฐานฟ้องร้อง
บงั คบั คดี
4
◦ สญั ญาขายฝากสังหาริมทรัพยท์ ่ีมีราคาต้งั แต่ 20,000 บาท ซ่ึงตอ้ งการหลกั ฐานการฟ้องร้อง
บงั คบั คดีอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ตามมาตรา 456 วรรคสามประกอบวรรคสอง
◦ สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์พิเศษท่ีได้ทําเป็ นหนังสือและจด
ทะเบียนต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ ตามมาตรา 456 วรรคแรก (บุคคลสิทธิเท่าน้นั )
ตวั อย่าง
ก. ขายฝากท่ีดินไวก้ บั ข. ราคา 1,000,000 บาท กาํ หนดไถ่ภายใน 5 ปี ระหวา่ งยงั ไม่ครบกาํ หนดขาย
ฝาก หาก ก. กบั ข. ตกลงขยายกาํ หนดเวลาไถ่เป็น 10 ปี การตกลงขยายกาํ หนดเวลาไถ่จะผกู พนั ข. ต่อเมื่อมี
หลกั ฐานเป็นหนงั สือลงลายมือช่ือ ข. ผรู้ ับไถ่
แต่ถา้ ข. ขายที่ดินแปลงน้ันต่อไปให้กบั ค. โดย ค. ไม่รู้ในขณะที่ทาํ สัญญาซ้ือขายและขณะจด
ทะเบียนวา่ มีการขยายกาํ หนดเวลาไถ่ การขยายเวลาที่ ก. และ ข. ไดท้ าํ กนั ไวโ้ ดยมีหลกั ฐานเป็นหนงั สือ แม้
จะผกู พนั ข. กไ็ ม่ผกู พนั ค. การขยายเวลาจะผกู พนั ค. กต็ ่อเมื่อ ก. ไดน้ าํ หนงั สือหรือหลกั ฐานการขยายกาํ หน
เวลาไถ่ที่ ข. ลงลายมือช่ือไวไ้ ปจดทะเบียนต่อพนักงานเจา้ หน้าท่ีก่อนที่จะมีการจดทะเบียนโอนขายท่ีดิน
ดงั กล่าว
หากมีการขยายกําหนดเวลาการไถ่ตามมาตรา 496 แล้วอาจมีการตกลงเพิ่มสินไถ่ให้มากขึ้นตาม
ระยะเวลาไถ่ทเ่ี พมิ่ ขนึ้ กไ็ ด้ ท้งั นีเ้ ป็ นไปตามมาตรา 499
การขยายระยะเวลาในการไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝาก ต้องได้กระทํากนั ให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นกาํ หนดเวลา
ในการไถ่ การที่ผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝากตกลงทํานิติกรรมหลังจากพ้นกาํ หนดไถ่ตามสัญญาขายฝากเพ่ือให้
ผู้ขายฝากซื้อ หรือมีสิทธิซื้อทรัพย์สินท่ีขายฝากคืนได้ โดยปกติแล้วจะไม่ใช่เร่ืองการขยายกําหนดเวลาไถ่
เพราะไม่มกี าํ หนดเวลาไถ่ให้ขยายได้เน่ืองจากกาํ หนดเวลาไถ่ได้สิ้นสุดลงแล้ว
5
ตวั อย่าง
ก. ขายฝากท่ีดินไวก้ ับ ข. เป็ นเงิน 40,000 บาท พน้ กาํ หนดไถ่คืนแลว้ ข. จึงเขียนหนังสือให้ ก. ไว้ 1
ฉบับว่า “ถ้า ก. จะซื้อคืน ข. ก็จะยอมให้ ก. ซื้อท่ีดินน้ันคืนได้” หนังสือที่ ข. เขียนให้ ก. น้ันมิใช่ความ
ยนิ ยอมขยายเวลาไถ่ทรัพย์ แต่เป็น “คาํ มั่นจะขายชนิดไม่มีกาํ หนดเวลาสนองตอบ”
คําพิพากษาฎีกาท่ี 601/2535 หลังจากครบกาํ หนดการขายฝาก ส.ผูซ้ ้ือฝากกับ บ. ผูข้ ายฝากทาํ
หนงั สือสัญญากนั มีขอ้ ความวา่ “บ.ไดใ้ หเ้ งิน ส. ค่าไถ่ถอนท่ีพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 30,000 บาท ส. ขาย
คืนที่พร้อมส่ิงปลูกสร้างให้ บ.”
ในวนั ท่ี ส. รับเงินจาก บ. น้นั ส.และ บ. ไดพ้ ากนั ไปท่ีสาํ นกั งานท่ีดินเพอ่ื โอนที่ดินและบา้ นพิพาทให้ บ.
แต่ยงั ไม่ไดโ้ อนกนั เพราะ บ. ไม่มีเงินค่าธรรมเนียมการโอน ไดต้ กลงกนั วา่ ก่อนปี ใหม่ 2-3 วนั จะไปโอนกนั
ใหม่ แต่ ส. ถึงแก่ความตายไปก่อน แสดงว่า ส. จะไปจดทะเบียนโอนที่ดินและบา้ นให้ บ. ภายหลงั จึงมี
ลกั ษณะเป็นสญั ญาจะซ้ือจะขายที่ดินและบา้ นพิพาท มิใช่เป็นการซ้ือขายเสร็จเดด็ ขาด และขอ้ ตกลงดงั กล่าว
ก็มิใช่เป็นการขยายเวลาการขายฝาก เน่ืองจากครบกาํ หนดการขายฝากและ บ. หมดสิทธิไถ่คืนการขายฝาก
ไปก่อนแลว้
สินไถ่
เงินที่ผู้ขายฝากจะต้องชําระแก่ผู้ซื้อฝากเพื่อไถ่เอาทรัพย์สินท่ีขายฝากคืนและสินไถ่ต้องเป็ นเงิน
เสมอ
มาตรา 499
สินไถ่น้นั ถา้ ไม่ไดก้ าํ หนดกนั ไวว้ า่ เท่าใดไซร้ ท่านใหไ้ ถต่ ามราคาที่ขายฝาก
ถา้ ปรากฏในเวลาไถ่ว่าสินไถ่ หรือราคาขายฝากที่กาํ หนดไวส้ ูงกว่า ราคาขายฝากท่ีแทจ้ ริงเกินอตั รา
ร้อยละ 15 ต่อปี ใหไ้ ถไ่ ดต้ าม ราคาขายฝากท่ีแทจ้ ริงรวมประโยชนต์ อบแทนร้อยละ 15 ต่อปี
ข้อสังเกต
ราคาขายฝากที่กําหนดไว้ คือ จาํ นวนเงินที่ปรากฏในสัญญาว่าเป็ นราคาขายฝาก ซ่ึงถา้ ไม่มีการ
กาํ หนดสินไถ่ไวใ้ นสญั ญา ซ่ึงหากตอ้ งการไถ่ทรัพยส์ ินที่ขายฝากคืนผขู้ ายฝากจะตอ้ งชาํ ระเงินเท่ากบั จาํ นวน
น้ีแก่ผซู้ ้ือฝาก
ราคาขายฝากท่ีแท้จริง คือ จาํ นวนเงินที่ผูข้ ายฝากรับไวจ้ ริงจากผูซ้ ้ือฝาก ซ่ึงอาจมีจาํ นวนเท่ากบั
หรือ นอ้ ยกวา่ ราคาขายฝากที่กาํ หนดไวใ้ นสญั ญา
6
หลกั เกณฑ์
สินไถ่จะกาํ หนดกนั จํานวนเท่าใดขนึ้ อย่กู บั คู่สัญญาจะตกลงกนั ได้
แต่จะกาํ หนดสินไถ่ไว้สูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริง รวมประโยชน์ตอบแทนเกนิ อตั ราร้อยละสิบห้า
ต่อปี ไม่ได้
ถ้าไม่ได้กาํ หนดสินไถ่ไว้ ให้ไถ่ตามราคาที่ได้ขายฝากไว้
ตัวอย่าง
ก. จดทะเบียนขายฝากท่ีดินไว้กบั ข. ในราคา 1,000,000 บาท กาํ หนดไถ่คืนภายใน 1 ปี โดยคดิ สินไถ่ไว้
1,200,000 บาท ข. ได้รับเงินจาก ก. ไปในการขายฝากเพยี ง 1,000,000 บาท
คาํ ถาม : การกาํ หนดสินไถ่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร
ตัวอย่าง
ก. จดทะเบยี นขายฝากที่ดินไว้กบั ข. ในราคา 1,000,000 บาท กาํ หนดไถ่ 1 ปี ไม่ได้กาํ หนดสินไถ่ไว้ ซึ่ง
ในกรณีท่ีไม่ได้กําหนดค่าสินไถ่ไว้นี้ แต่หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า “ ก. รับเงินค่าขายฝากไปเพียง
800,000 บาท กรณเี ช่นนี้ ก. จะต้องใช้สินไถ่เท่าใดเพื่อไถ่ที่ดนิ ที่ขายฝากในคร้ังนี้
คาํ ถาม : การกาํ หนดสินไถ่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร
ธงคําตอบตัวอย่างแรก สินไถ่ที่กาํ หนดสูงกว่าราคาขายฝากท่ีแทจ้ ริงรวมกบั ผลประโยชน์อตั ราร้อย
ละ 15 ต่อปี (เกิน 50,000) กรณีน้ี ถา้ ก. ตอ้ งการจะไถ่ทรัพยท์ ่ีขายฝากคืน ก. มีสิทธิไถ่คืนไดใ้ นราคาเพียง
1,150,000 บาท โดยไม่จาํ ตอ้ งไถค่ ืนในถึง 1,200,000 บาท ตามท่ีตกลง
ธงคําตอบตัวอย่างสอง กรณีไม่ไดก้ าํ หนดค่าสินไถ่ไว้ มาตรา 499 กาํ หนดให้ไถ่ไดต้ ามราคาที่ขาย
ฝากไว้ (1,000,000 บาท) แต่อย่างไรก็ตามราคาที่ขายฝากจะตอ้ งไม่เกินกว่า “ราคาขายฝากท่ีแทจ้ ริงรวมกบั
ผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี ” ซ่ึงกรณีน้ี ราคาขายฝากที่แทจ้ ริงรับไปเพียง 800,000 บาท เม่ือรวม
กับผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี จึงเป็ นเงินเพียง 920,000 บาทเท่าน้ัน ดังน้ันราคาขายฝากท่ี
กาํ หนดในสัญญาจึงเกินกว่าที่กฎหมายกาํ หนด ในกรณีน้ีหาก ก. ตอ้ งการจะไถ่ทรัพยค์ ืนสามารถไถ่คืนได้
ดว้ ยเงินเพียง 920,000 ไม่จาํ ตอ้ งไถ่ตามราคาท่ีขายฝากท่ีกาํ หนดในสญั ญา
7
ข้อสังเกต
มาตรา 499 วรรคสอง ได้มีการแก้ไขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ (ฉบับที่ 12) มาตรา
6 โดยมีประเดน็ ที่สําคญั คือ
“มาตรา 499 วรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่สัญญาขายฝากที่ได้ทําไว้ก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้
บังคบั ” คือ วัน 10 เมษายน 2541
หลกั เดมิ : สินไถ่อาจกาํ หนดมากกว่าราคาขายฝากเท่าใดกไ็ ด้
บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์สินทข่ี ายฝากคืน
มาตรา 497
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินน้ัน จะพงึ ใช้ได้แต่บุคคลเหล่านี้ คือ
(1) ผู้ขายเดมิ หรือ ทายาทของผู้ขายเดิม
(2) บุคคลผู้รับโอนสิทธิไถ่
(3) บุคคลซ่ึงในสัญญาขายฝากยอมไว้โดยเฉพาะว่าให้เป็ นผู้ไถ่ได้
คาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี 2018/2530 มาตรา 497 บุคคลท่ีจะใชส้ ิทธิไถ่ทรัพยส์ ินที่ขายฝากตอ้ งเป็น
ผูข้ ายเดิม ทายาทของผูข้ ายเดิม ผูร้ ับโอนสิทธิ หรือ บุคคลซ่ึงในสัญญายอมไวโ้ ดยเฉพาะว่าให้เป็ นผูไ้ ถ่ได้
เป็ นการกาํ หนดตวั ผูม้ ิสิทธิไถ่ทรัพยส์ ินไวโ้ ดยเฉพาะเจาะจงแลว้ โจทกม์ ิใช่บุคคลที่มีสิทธิในการไถ่ที่ดิน
พิพาทตามที่กฎหมายบญั ญตั ิไว้ ดังน้ันแม้โจทก์จะเป็ นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจําเลยที่ 2 ผู้ขายฝาก
หรือไม่กต็ าม โจทก์จะอ้างเหตุว่าทพ่ี พิ าทเป็ นสินสมรสและขอใช้สิทธิไถ่ทีพ่ พิ าทหาได้ไม่
ตวั อย่าง
ก. ขายฝากแหวนเพชรราคา 1,000,000 บาทไวก้ บั ข. ในราคา 200,000 บาท กาํ หนดไถ่ใน 3 ปี สิน
ไถ่ 290,000 บาท การขายฝากคร้ังน้ี ข. ไดป้ ระโยชน์ท้งั สองทางไม่ว่าจะมาไถ่คืนหรือไม่ หากใกลค้ รบ
กาํ หนดไถ่ ก. ไม่มีเงินพอจะไถ่แหวนคืน เม่ือ ค. ทราบเรื่องจึงเกิดอยากไดแ้ หวนเพชร จึงขอซ้ือสิทธิไถจ่ าก
ก. โดย ค. จ่ายเงินให้ ก. 200,000 บาท และ ก. ทาํ หนงั สือโอนสิทธิในการไถใ่ หก้ บั ค. ดงั น้ี ค. กลายเป็นผรู้ ับ
โอนสิทธิน้ันตามมาตรา 497 (2) ไปไถ่แหวนเพชรคืนจาก ข. ไดใ้ นราคา 290,000 บาท ซ่ึงเท่ากบั ว่า ค. ได้
กาํ ไร 510,000 บาท เพราะไดแ้ หวนเพชรราคา 1,000,000 บาท มาเป็ นกรรมสิทธ์ิโดยใช้เงินเพียง 490,000
บาท
8
การใช้สิทธิไถ่
ขณะใชส้ ิทธิไถ่ ผมู้ ีสิทธิไถ่จะตอ้ งอยใู่ นฐานะท่ีจะชาํ ระหน้ีได(้ จริง) คือ มีเงินสินไถ่พร้อมท่ีจะชาํ ระ
หน้ีให้ผซู้ ้ือฝาก หรือผูอ้ ่ืนซ่ึงมีหนา้ ที่รับไถ่ เพียงแต่การแสดงเจตนาหรือพูดขอใชส้ ิทธิไถ่ แต่ไม่มีเงินค่าสิน
ไถ่ หรือไม่พร้อมจะใชส้ ิทธิไถ่ กรณีเช่นน้ีจะอา้ งวา่ ผขู้ ายไดใ้ ชส้ ิทธิไถโ่ ดยชอบแลว้ ไม่ได้
ข้อสังเกต
การชําระค่าสินไถ่แต่เพียงบางส่วน กว่าจะชําระหมดเกินกาํ หนดระยะเวลาไถ่แล้ว ไม่ถือว่าเป็ นการ
ใช้สิทธิไถ่โดยชอบ
คําพิพากษาฎีกาที่ 407/2540 การใช้สิทธิไถ่ทรัพยท์ ี่ขายฝากน้ันโจทก์ท้ังสองผูข้ ายฝากจะตอ้ งแสดง
เจตนาเพื่อขอไถ่ต่อจาํ เลยผรู้ ับซ้ือฝากและจะตอ้ งนาํ สินไถ่ตามราคาท่ีขายฝากพร้อมท้งั ค่าฤชาธรรมเนียมการ
ไถ่ไปพร้อมในวนั ไถ่การขายฝากดว้ ย ตามมาตรา 499 และมาตรา 500 ฉะน้ันแมโ้ จทก์ท้งั สองจะยืนยนั ว่า
โจทกท์ ้งั สองมีเงินพร้อมที่จะไถ่การขายฝากท่ีดินจากจาํ เลยกต็ าม แต่ไม่ปรากฏวา่ โจทกท์ ้งั สองไดแ้ สดงสิน
ไถ่ให้แก่เจา้ พนกั งานท่ีดินดูและให้บนั ทึกไวเ้ ป็นหลกั ฐานวา่ โจทกท์ ้งั สองมีเงินเพียงพอท่ีจะไถ่การขายฝาก
แต่กลบั ไดค้ วามจาก ว. พยานจาํ เลยซ่ึงเป็นสมุห์บญั ชีธนาคารวา่ ไดร้ ับการติดต่อจากจาํ เลยให้มารับเงินจาก
การไถ่การขายฝากท่ีดิน แต่โจทก์ท้งั สองบอกให้รอนายทุนนาํ เงินมาไถ่ ซ่ึงในวนั น้นั ก็ไม่มีผูใ้ ดมาไถ่ที่ดิน
แสดงวา่ โจทกไ์ ม่มีเงินสินไถ่จาํ นวนเพียงพอ จึงถือไม่ไดว้ า่ โจทกท์ ้งั สองใชส้ ิทธิไถโ่ ดยชอบแลว้
มาตรา 492
ในกรณี...ผู้ไถ่ได้วางทรัพย์อนั เป็ นสินไถ่ต่อสํานักงานวางทรัพย์ภายในกาํ หนดเวลาไถ่โดยสละสิทธิ
ถอนทรัพย์ท่ีวางไว้ ให้ทรัพย์สินซ่ึงขายฝากตกเป็ นกรรมสิทธ์ิของผู้ไถ่ต้งั แต่เวลาทีผ่ ู้ไถ่ได้...
ในกรณที ีไ่ ด้วางทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานของสํานักงานวางทรัพย์แจ้งให้ผู้รับไถ่ทราบถงึ
การวางทรัพย์โดยพลัน โดยผู้ไถ่ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 333 วรรค 3 (คือ ผู้วางต้องบอกกล่าวให้เจ้าหนี้
ทราบถึงการวางทรัพย์โดยพลนั เอง)
การใช้สิทธิไถ่ต้องทําภายในกาํ หนดระยะเวลาไถ่ตามสัญญาขายฝาก ถ้าใช้สิทธิไถ่หลงั จากน้ันถือว่า
สิทธิไถ่เป็ นอันระงับไป แต่ถ้าผู้ขายฝากได้ขอใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินซ่ึงขายฝากไว้ภายในกําหนดเวลาตาม
สัญญาขายฝาก
แต่ผู้ซื้อขอผัดผ่อน หรือประวิงเวลาไปเรื่อย ๆจนพ้นกําหนดไถ่ถอนคืน ต้องถือว่ามีการใช้สิทธิไถ่
ภายในกาํ หนดระยะเวลาไถ่แล้ว ผู้ซื้อมีหน้าทต่ี ้องให้ผู้ขายไถ่ทรัพย์สินคืน
คําพิพากษาฎีกาที่ 128/2516 โจทก์ขายฝากที่นาไวก้ ับจาํ เลย ต่อมาโจทก์ขอไถ่การขายฝากภายใน
กาํ หนดเวลา จาํ เลยไม่ยอมโดยเกี่ยงจะให้โจทก์ชาํ ระค่าเช่านาที่คา้ งดว้ ย โจทกจ์ ึงไม่ยอมวางเงินค่าขายฝาก
เช่นน้ียอมเห็นไดว้ า่ จาํ เลยเป็นฝ่ายไม่ยอมรับค่าขายฝากจากโจทก์ ถือไดว้ า่ โจทกไ์ ดข้ อไถ่ทรัพยส์ ินจากจาํ เลย
ภายในกาํ หนดเวลาขายฝากแลว้
9
คําพิพากษาฎีกาท่ี 3372/2536 บนั ทึกดา้ นหลงั ของสัญญาขายฝากท่ีดินพิพาทกาํ หนดเงื่อนไขว่า โจทก์
ผูข้ ายตอ้ งนาํ เงินค่าไถ่ถอนไปวางไว้ ณ สํานักงานวางทรัพยภ์ ายในกาํ หนดเวลาขายฝาก หากไม่สามารถ
ติดตามตัวจาํ เลยผูซ้ ้ือฝากเพื่อขอไถ่ถอนได้น้ัน หากปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนท่ีดินพิพาทตาม
กาํ หนดเวลาแลว้ แต่จาํ เลยหลีกเลี่ยงประวิงเวลาเอาไวไ้ ม่ให้ไถ่ถอน โจทก์จึงหาจาํ ตอ้ งปฏิบตั ิตามเง่ือนไข
ดงั กลา่ วไม่
บุคคลผู้มีหน้าทร่ี ับไถ่ทรัพย์สิน
มาตรา 498
สิทธิในการไถท่ รัพยส์ ินน้นั จะพงึ ใชไ้ ดเ้ ฉพาะต่อบุคคลเหล่าน้ี คือ
1. ผซู้ ้ือเดิม หรือทายาทของผซู้ ้ือเดิม
2. ผูร้ ับโอนทรัพยส์ ิน หรือผูร้ ับโอนสิทธิเหนือทรัพยส์ ินน้นั แต่ในขอ้ น้ีถา้ เป็นสังหาริมทรัพยจ์ ะ
ใชส้ ิทธิไดต้ ่อเม่ือผรู้ ับโอนไดร้ ู้ในเวลาโอน วา่ ทรัพยส์ ินตกอยใู่ นบงั คบั แห่งสิทธิไถ่คืน
ผู้ซื้อเดิม หมายถงึ บุคคลท่ไี ด้ซื้อฝากทรัพย์สินไว้ตามสัญญาขายฝาก
เช่น ก. ขายฝากแหวนเพชรไวก้ บั ข. ก. คือ ผูข้ ายเดิม และ ข. คือ ผูซ้ ้ือเดิม ถา้ ข. ขายแหวนเพชร
ต่อไปใหก้ บั ค. แลว้ ก.จะไปไถ่แหวนเพชรคืนจาก ค. ในฐานะท่ี ค. เป็นผซู้ ้ือเดิมไม่ได้ เพราะแม้ ค. จะเป็นผู้
ซ้ือเหมือนกนั แต่ไม่ใช่ผซู้ ้ือเดิมตามความหมายของมาตรา 498 (1)
ทายาทของผู้ซื้อเดมิ หมายถึง
ทายาทโดยธรรม และทายาทโดยพนิ ยั กรรมตามความในมาตรา 1603
เช่น ก. ขายฝากแหวนเพชรไวก้ บั ข. กาํ หนดไถ่คนื ภายใน 3 ปี เวลาไถ่น้นั ก. ตอ้ งไปไถ่คืนจาก ข. ผู้
ซ้ือเดิม แต่ถา้ ภายในกาํ หนดเวลา 3 ปี ดงั กล่าว ข. เกิดตายไปเสียก่อนและแหวนเพชรตกเป็นมรดกของภริยา
ข. หรือบุตรของ ข. ซ่ึงเป็ นทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย ดงั น้นั ท้งั ภริยา และ/หรือ บุตรของ ข. ต่างก็เป็ น
ทายาทของผซู้ ้ือเดิมท้งั สิ้น
ข้อสังเกต
มาตรา 498 (2)
ผูร้ ับโอนทรัพยส์ ิน หรือผูร้ ับโอนสิทธิเหนือทรัพยส์ ินน้ัน แต่ในขอ้ น้ีถา้ เป็ นสังหาริมทรัพยจ์ ะใช้
สิทธิไดต้ ่อเม่ือผรู้ ับโอนไดร้ ู้ในเวลาโอนวา่ ทรัพยส์ ินตกอยใู่ นบงั คบั แห่งสิทธิไถค่ ืน
ผู้รับโอนทรัพย์สิน หมายถึง ผูร้ ับโอนกรรมสิทธ์ิ เช่น ซ้ือขาย แลกเปล่ียน ให้ แต่ไม่หมายถึง ผูร้ ับโอน
สิทธิครอบครอง
10
ผู้รับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สิน หมายถึง ผูร้ ับโอนสิทธิใด ๆ ก็ตามท่ีอาจโอนกนั ไดต้ ามกฎหมาย เช่น
สิทธิรับจาํ นาํ จาํ นอง สิทธิเหนือพ้ืนดิน สิทธิอาศยั สิทธิเกบ็ กิน หรือภาระติดพนั ในอสงั หาริมทรัพย์
ขอ้ พิจารณา
มาตรา 502 บญั ญตั ิเก่ียวกบั สภาพของทรัพยส์ ินท่ีผูข้ ายฝากจะไดร้ ับคืนเมื่อมีการไถ่ทรัพยน์ ้นั โดย
ชอบแลว้ ดงั น้ีคือ ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินท่ีขายฝากที่ได้สิทธินี้มาก่อนเวลาไถ่จาก ผู้ซื้อเดิม ทายาท หรือ
ผู้รับโอน(กรรมสิทธ์ิ)จากผู้ซื้อเดมิ จะต้องยอมให้ผ้ไู ถ่ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินทีข่ ายฝากโดยปลอดจากสิทธิเหนือ
ทรัพย์สินนั้นของตน
แต่มิไดบ้ ญั ญตั ิถึงกรณีที่ผูม้ ีสิทธิเหนือทรัพยส์ ินท่ีขายฝากโอนสิทธิเหนือทรัพยส์ ินน้ันให้แก่ผูอ้ ื่น
ต่อไปว่า ผูร้ ับโอนสิทธิเหนือทรัพยส์ ินที่ขายฝากน้นั ตอ้ งยอมให้ผูม้ ีสิทธิไถ่ใชส้ ิทธิไถ่โดยปลอดสิทธิใด ๆ
เช่นกนั ดว้ ยหรือไม่
ในประเดน็ นีม้ ขี ้อสรุปได้ดงั นีค้ ือ แมม้ าตรา 502 จะมิไดบ้ ญั ญตั ิรวมถึง แต่มาตรา 498 บญั ญตั ิให้ ผมู้ ี
สิทธิไถ่ใชส้ ิทธิไถ่ต่อผูร้ ับโอนสิทธิเหนือทรัพยส์ ินน้ัน ย่อมหมายความว่า ผูร้ ับโอนสิทธิเหนือทรัพยส์ ินที่
ขายฝากจะตอ้ งยอมสูญเสียสิทธิที่ตนรับมา ทาํ นองเดียวกบั “ผมู้ ีสิทธิเหนือทรัพยส์ ินท่ีขายฝาก”
ตัวอย่าง
ก. เอาท่ีดินไปขายฝาก ข. มีกาํ หนดเวลา 3 ปี ต่อมาระหวา่ งท่ียงั ไม่มีการไถ่ถอนกนั ข. เอาที่ดินแปลงน้นั ไป
ก่อสิทธิเหนือพ้ืนดินข้ึนกบั ค. โดย ค. มีสิทธิปลูกเรือนในท่ีดินท่ีซ้ือฝากมาน้นั และ ค. เป็นเจา้ ของเรือน
เมื่อ ก. นาํ เงินมาเพื่อใชส้ ิทธิไถแ่ ลว้ ก. ยอ่ มไดก้ รรมสิทธ์ิคืนไปโดยปลอดจากสิทธิเหนือพ้ืนดิน
โดยที่ ค. จะอา้ งวา่ ตนมีสิทธิเหนือพ้ืนดินข้ึนยนั ต่อ ก. และไม่ยอมส่งคืนที่ดินน้นั ไม่ได้ (มาตรา
502)
11
ถึงแมต้ ่อมา ค. จะโอนสิทธิเหนือพ้ืนดินน้ีให้แก่ ง. ก่อนมีการไถ่ท่ีดิน ต่อมา ก. ก็ใชส้ ิทธิไถ่
โดยชอบแลว้ ง. กไ็ ม่มีสิทธิเหนือพ้ืนดินน้นั อีกต่อไป
มาตรา 498 (2) (พจิ ารณาต่อ)
ผรู้ ับโอนทรัพยส์ ิน หรือผรู้ ับโอนสิทธิเหนือทรัพยส์ ินน้นั แตใ่ นขอ้ น้ีถา้ เป็นสงั หาริมทรัพยจ์ ะใชส้ ิทธิได้
ต่อเม่ือผรู้ ับโอนไดร้ ู้ในเวลาโอนวา่ ทรัพยส์ ินตกอยใู่ นบงั คบั แห่งสิทธิไถ่คืน
ดงั น้ันกรณีที่ตอ้ งมาพิจารณาว่า “ผูร้ ับโอนรู้หรือไม่รู้ในเวลาโอนกนั ว่า ทรัพยส์ ินตกอยู่ในบงั คบั
แห่งสิทธิไถ่คืนหรือไม่ให้ใชพ้ ิจารณาเฉพาะการโอนสังหาริมทรัพย์เท่าน้ัน และไม่ตอ้ งพิจารณาประเด็นว่า
“เสียคา่ ตอบแทน” หรือไม่
ถา้ เป็นการโอนอสังหาริมทรัพยไ์ ม่ตอ้ งพิจารณาวา่ ผรู้ ับโอนรู้หรือไม่รู้ในเวลาโอน ผูม้ ีสิทธิไถ่ยอ่ ม
สามารถไถ่คืนไดเ้ สมอ (โดยปลอดจากสิทธิผกู พนั ท้งั ปวง) เนื่องจากกฎหมายเห็นวา่ “อสงั หาริมทรัพย”์ เป็น
กรณีที่มีทะเบียนควบคุม
ก. ทาํ หนังสือและจดทะเบียนขายฝากแพให้แก่ ข. เป็ นเงิน 10,000 บาท กาํ หนดไถ่คืนภายใน 1 ปี มี
ขอ้ ตกลงกนั วา่ “ผซู้ ้ือจะโอนจาํ หน่ายแพต่อไปไม่ได”้
อีก 8 เดือนต่อมา ข. เสนอขายแพน้ันให้ ค. โดยหลอกว่า ตนรับซ้ือฝากแพจาก ก. กาํ หนดไถ่ถอนคืน
ภายใน 6 เดือน และขาดการไถ่ถอนแลว้ ค. อ่านหนงั สือไม่ออก และหลงเช่ือวา่ เป็นเรื่องจริง จึงรับซ้ือไวโ้ ดย
ทาํ หนงั สือและจดทะเบียน
ต่อมาอีก 2 เดือน ก. ทราบเรื่องจึงขอไถถ่ อนการขายฝากต่อ ค.
กรณีน้ี โดยที่แพเป็ นสังหาริมทรัพยแ์ ละไม่ปรากฏว่า ค. ผูร้ ับโอนรู้อยู่ในเวลาโอนว่าแพน้ันตกอยู่ใน
บงั คบั แห่งสิทธิไถค่ ืน ก. จึงไถถ่ อนแพไม่ได้ แต่ ก. มีสิทธิเรียกคา่ เสียหายจาก ข. ได้ (มาตรา 493)
ข้อสังเกต
แม้ผู้รับโอนจะไม่ได้รู้ในเวลาโอนว่าทรัพย์สินน้ันตกอยู่ในบังคบั แห่งสิทธิไถ่ถอนคืนได้ แต่หากเป็ น
การโอนให้โดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทน แต่มีข้อเท็จจริงอ่ืนอันเข้าลักษณะเป็ น “การฉ้อฉล” นิติกรรมการ
โอนคร้ังนีก้ อ็ าจถูกร้องขอให้ศาลส่ังเพกิ ถอนการให้ได้ 1
ผลของการใช่สิทธิไถ่โดยชอบดว้ ยกฎหมาย
1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 เจ้าหน้ีชอบท่ีจะรอ้ งขอให้ศาลเพกิ ถอน นิติกรรมใด ๆ
อนั ลูกหน้ีได้กระทําลงทงั้ รูอ้ ยู่ว่าเป็นทางให้เจ้าหน้ีเสยี เปรยี บ...แต่หากกรณีเป็นการทําให้โดยเสน่หา
ทา่ นวา่ เพยี งแต่ลกู หน้เี ป็นผรู้ ฝู้ ่ายเดยี วเทา่ นนั้ กพ็ อแลว้ ทจ่ี ะขอเพกิ ถอนได้ ...
12
ในกรณที ่ีมกี ารไถ่ทรัพย์สินซ่ึงขายฝาก
ก. ภายในเวลาที่กาํ หนดไวใ้ นสญั ญา หรือ
ข. ภายในเวลาที่กฎหมายกาํ หนด หรือ
ค. ผูไ้ ถ่ไดว้ างทรัพยอ์ นั เป็ นสินไถ่ต่อสํานักงานวางทรัพยภ์ ายในกาํ หนดเวลาไถ่ โดย
สละสิทธิถอนทรัพยท์ ่ีไดว้ างไว้
ผล: ให้ทรัพยส์ ินซ่ึงขายฝากตกเป็ นกรรมสิทธ์ิ(ท้งั สังหาริมทรัพยแ์ ละอสังหาริมทรัพยท์ ี่ขายฝาก)
ของผไู้ ถต่ ้งั แต่เวลาท่ีผไู้ ถ่ไดช้ าํ ระสินไถ่ หรือวางทรัพยส์ ินอนั เป็น สินไถ่ แลว้ แต่กรณี
สภาพของทรัพย์สินท่ไี ถ่คืน
ก. กฎหมายกาํ หนดให้ผู้ซื้อส่งคืนทรัพย์สินตามสภาพท่ีเป็ นอยู่ในเวลาท่ีผู้ขายฝากใช้
สิทธิไถ่ทรัพย์สินคืน (มาตรา 501) แต่ถ้าทรัพย์สินได้ถูกทําลายหรือทําให้เสื่อมเสียไป เพราะความผิดของผู้
ซื้อฝาก(จงใจหรือประมาทเลนิ เล่อ และไม่จํากดั ว่าทรัพย์น้ันจะถูกทําลาย หรือเสียหายก่อนหรือหลงั การไถ่)
ผ้ซู ื้อฝากจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
แมก้ ารขายฝากจะบญั ญตั ิให้ “กรรมสิทธ์ิ” ในทรัพยส์ ินที่ขายฝากตกเป็นของผซู้ ้ือฝากเม่ือไดซ้ ้ือขาย
ฝากกนั เสร็จเดด็ ขาดกต็ าม แต่กม็ ิไดใ้ หส้ ิทธิผซู้ ้ือฝากจะใชส้ อยทรัพยส์ ินท่ีนาํ มาขายฝากไปในทางใหเ้ สียหาย
อยา่ งจงใจ หรือประมาทเลินเล่อโดยคิดวา่ ตนเองเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิ (ลา้ นเปอร์เซ็นต)์
หากแต่การใช้สอยทรัพย์สินในระหว่างท่ีขายฝากน้ันต้องมีความระมัดระวังดูแลรักษาเช่น “วิญญู
ชน” จะพงึ กระทํา เพราะ “กรรมสิทธ์ิ”ท่ีได้จากสัญญาขายฝาก มีความหมายเพิ่มเติมว่า “ผู้ซื้อสัญญา(รู้อยู่
แก่ใจ)ว่าผู้ขายสามารถมาไถ่คืนได้(กลบั มาเป็ นเจ้าของได้เหมือนเดมิ )”
ข. ทรัพย์สินซึ่งไถ่คืน ผู้ไถ่ย่อมรับคืนไปโดยปลอดจากสิทธิใดๆซึ่งผู้ซื้อเดมิ หรือทายาท หรือผู้รับ
โอนจากผู้ซื้อเดมิ ได้ก่อให้เกดิ ขึน้ ก่อนเวลาไถ่
ยกเว้น การเช่าทรัพยส์ ินท่ีขายฝาก
1. ไดจ้ ดทะเบียนต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี
2. การเช่าไดท้ าํ ข้ึนในอายกุ ารไถ่ถอนทรัพยส์ ินที่ขายฝาก
3. การเช่ามิไดท้ าํ ข้ึนเพื่อตอ้ งการก่อความเสียหายแก่ผขู้ าย
แต่ การเช่าทรัพย์สินนี้ เหลือเวลาเช่าอยู่เพยี งใด กใ็ ห้สมบูรณ์อยู่เพยี งน้ัน แต่ไม่เกนิ กว่าหนึ่งปี
ก. ขายฝากเรือนแห่งหน่ึงไวก้ บั ข. มีกาํ หนดไถ่ถอนภายใน 8 ปี ต่อมา ข. ให้ ค. เช่าเรือนน้ันเปิ ด
ร้านคา้ โดยจดทะเบียนการเช่าไว้ 5ปี หลงั จากที่ขายฝากผา่ นมาได้ 2 ปี ปรากฏวา่ ก. มีเงินและมาไถถ่ อนบา้ น
ท่ีขายฝากไว้ แต่ปรากฏวา่ สญั ญาเช่าระหวา่ ง ข. กบั ค. ยงั คงเหลือบงั คบั กนั อีก 3 ปี
13
กรณีน้ี ตามมาตรา 502 วรรคสอง เม่ือ ก. ไถ่ถอนการขายฝากแลว้ หากการเช่าระหวา่ ง ข. กบั ค. มีเจตนา
ทาํ ข้ึนเพอื่ จะสร้างความเสียหายให้ ก. สญั ญาเช่าที่เหลืออยเู่ ช่นน้นั มิอาจยกข้ึนมายนั ก. ได้
แต่ถา้ มิไดท้ าํ ข้ึนเพื่อการเช่นน้นั ใหก้ ารเช่ายงั คงมีผลบงั คบั ต่อไปไดอ้ ีกเพียง 1 ปี เท่าน้นั ตามมาตรา 5o2
วรรคสอง
บรรณานุกรม
ที่ปรึกษาการเงิน บญั ชี กฏหมาย และอสงั หาริมทรัพย.์ /(2019)./ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกบั การขายฝาก/10
ตุลาคม 2564./จากเวบ็ ไซต:์ http://thaiaccandlaw.com/knowledge-sale/