1
2
แผนการจัดการเรียนรู้
วิชา วทิ ยาศาสตร์ ว14101
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 การเรียนรูส้ ิง่ ต่างๆ รอบตวั
ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรยี นสาธิตมหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี
นายชาญชัย นาผล
รหัสนักศึกษา 61100141127
สาขาวิชา วทิ ยาศาสตร์ (เคมี)
การฝึกปฏบิ ตั ิการสอนในสถานศกึ ษา 1
รหสั วชิ า ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
ก
คานา
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ว 14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 เล่มที่ 1 จัดทาข้ึนเพื่อ
ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธภิ าพ และให้นักเรียนบรรลตุ ามผลการเรียนรู้ ท่ีกาหนด
ไว้ในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐานพทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ผ้จู ดั ทาจึงได้ศึกษาสาระ
การเรยี นรเู้ พ่มิ เติม เทคนิค วิธกี ารสอน การวัดและประเมินผล มาจดั ทา แผนการจัดการเรียนรใู้ นคร้ังน้ี
แผนการจัดการเรียนรู้เล่มที่ 1 ประกอบไปด้วย ความสาคัญของวิทยาศาสตร์ เป้าหมายของการ
จัดการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ สาระวิทยาศาสตร์ คุณภาพผู้เรียน
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และผลการเรียนรู้ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 รายวิชา
วิทยาศาสตร์ คาอธิบายรายวิชา สัดส่วนคะแนน การวัด และประเมินผล โครงสร้างหลักสูตร โครงสร้าง
กาหนดการสอน และแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง การเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อให้
ผู้เรยี นบรรลมุ าตรฐานการเรยี นรไู้ ด้เต็ม ศักยภาพอย่างแท้จริง
จึงหวังเป็นอยา่ งยิ่งวา่ แผนการจัดการเรยี นร้ฉู บับนี้ จะสามารถนาไปใช้ประกอบการจัดการ เรยี นการ
สอนรายวซิ าเคมี นาไปส่กู ารพัฒนาทถี่ กู ตอ้ งและเกดิ ผลแกผ่ ู้เรยี นเปน็ อยา่ งดี
ชาญชยั นาผล
12 ตลุ าคม 2565
ข
สารบญั
เร่อื ง หน้า
คานา…………………………………………………………………………………………………………………………………… ก
สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………………… ข
เปา้ หมายการจัดการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์………………………………………………………………………………… ค
ตวั ช้ีวัด และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง…………………………………………………………………………………… ง
คาอธบิ ายรายวิชา………………………………………………………………………………………………………………… ฉ
ตารางโครงสรา้ งหลักสูตร……………………………………………………………………………………………………… ช
กาหนดการสอน………………………………………………………………………………………………………………….... ซ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเรียนรู้สิง่ ต่างๆ รอบตวั
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 กระบวนการสบื เสาะ...................................................................... 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 การวัด และการใช้จานวน.............................................................. 12
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 การทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์..................................................... 22
ค
เปา้ หมายของการจัดการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์เป็นเร่ืองของการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสังเกต สารวจ
ตรวจสอบ และการทดลองเก่ียวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและนาผลที่ได้มาจัดระบบหลักการ แนวคิด
และทฤษฎี ดังนั้นการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตรจ์ ึงมุ่งเน้นให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้และคน้ พบด้วยตนเองมากที่สุด
นั่นคือให้ได้ท้ังกระบวนการและองค์ความรู้ ……………………………………………………………………………………………
การจัดการเรยี นรู้วิทยาศาสตรใ์ นสถานศึกษามีเป้าหมายสาคัญ ดังน้ี ……………………………………………………
1. เพื่อให้เข้าใจแนวคิด หลักการ ทฤษฎี กฎและความรู้พ้ืนฐานในวิทยาศาสตร์ ……………………………….
2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์ และข้อจากดั ของวิทยาศาสตร์ …………………………
3. เพ่ือให้มีทักษะท่ีสาคัญในการสืบเสาะหาความรู้และพัฒนาเทคโนโลยี …………………………………………
4. เพ่ือให้ตระหนักการมีผลกระทบซ่ึงกันและกันระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์ และ
สภาพแวดล้อม …………………………………………………………………………………………………………………….
5. เพ่ือนาความรู้ในแนวคิดและทักษะต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สังคมและการดารงชีวิต …………………………………………………………………………………………………………..
6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ แก้ปัญหาและการจัดการ
ทกั ษะในการส่ือสาร และความสามารถใน การประเมินและตัดสินใจ ……………………………………………
7. เพอื่ ใหเ้ ปน็ ผู้ทมี่ ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อย่างสร้างสรรค์
ง
ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสงิ่ มีชวี ิต หน่วยพน้ื ฐานของสง่ิ มีชวี ิต การลาเลียงสารเขา้ และออกจาก
เซลล์ ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ งและหน้าท่ีของระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษยท์ ่ี
ทางานสมั พนั ธก์ นั ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ งและหน้าทขี่ องอวยั วะต่าง ๆ ของพืชที่
ทางานสัมพนั ธ์กนั รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ช้ัน ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ป.4 1. บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลาตน้ ใบ และ • ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอกทาหนา้ ท่แี ตกต่างกัน
ดอกของพชื ดอก โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ - รากทาหน้าท่ดี ูดน้าและธาตุอาหารขน้ึ ไปยังลาต้น
- ลาต้นทาหนา้ ทล่ี าเลียงนา้ ไปยงั ส่วนต่างๆ ของพชื
- ใบทาหน้าทีส่ ร้างอาหาร อาหารท่พี ชื สรา้ งข้ึน
คอื นา้ ตาลซง่ึ จะเปลยี่ นเป็นแป้ง
- ดอกทาหนา้ ทส่ี ืบพันธุ์ ประกอบดว้ ย
สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ได้แก่ กลีบเล้ยี ง กลบี ดอก
เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ซึง่ ส่วนประกอบ
แต่ละส่วนของดอกทาหน้าทีแ่ ตกต่างกนั
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม
สารพนั ธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพันธกุ รรมที่มผี ลตอ่ ส่งิ มีชีวติ ความหลากหลาย
ทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ชัน้ ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ป.4 1. จาแนกสงิ่ มชี วี ติ โดยใชค้ วามเหมอื น และ • ส่ิงมีชวี ิตมหี ลายชนดิ สามารถจดั กลมุ่ ได้ โดยใช้
ความแตกตา่ งของลกั ษณะของส่งิ มีชีวิต ความเหมอื นและความแตกตา่ งของลกั ษณะต่าง ๆ
ออกเปน็ กลมุ่ พืช กลุ่มสตั ว์ และกลมุ่ ทีไ่ ม่ใช่ เช่น กลมุ่ พชื สรา้ งอาหารเองได้ และเคลือ่ นที่ด้วย
ทง้ั พชื และสัตว์ ตนเองไมไ่ ด้ กลมุ่ สัตวก์ ินสิ่งมชี วี ิตอ่นื เป็นอาหารและ
เคลื่อนท่ไี ด้ กลุ่มท่ไี มใ่ ช่พชื และสัตว์ เชน่ เหด็ รา
จลุ ินทรีย์
2. จาแนกพชื ออกเปน็ พชื ดอกและพืชไมม่ ี • การจาแนกพืช สามารถใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์
ดอก โดยใช้การมีดอกเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ ในการจาแนก ไดเ้ ปน็ พชื ดอกและพืชไมม่ ดี อก
ขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้
3. จาแนกสัตวอ์ อกเป็นสัตว์มกี ระดกู สนั หลัง • การจาแนกสตั ว์ สามารถใชก้ ารมีกระดูกสันหลงั
และสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลงั โดยใชก้ ารมี เป็นเกณฑ์ในการจาแนก ไดเ้ ป็นสัตวม์ กี ระดกู สันหลัง
กระดูกสันหลังเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลท่ี และสัตว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลัง
รวบรวมได้
จ
4. บรรยายลักษณะเฉพาะท่สี งั เกตไดข้ อง • สตั วม์ กี ระดูกสนั หลังมีหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปลา
สตั ว์มีกระดูกสันหลงั ในกล่มุ ปลา กล่มุ สัตว์ กลุ่มสัตว์สะเทนิ นา้ สะเทนิ บก กลุ่มสตั วเ์ ล้อื ยคลาน
สะเทินนา้ สะเทนิ บก กลมุ่ สตั ว์เลื้อยคลาน กลุม่ นก และกลุ่มสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน้านม ซึ่งแต่ละ
กลมุ่ นก และกลมุ่ สตั วเ์ ลยี้ งลูกด้วยน้านม กล่มุ จะมลี ักษณะเฉพาะท่สี งั เกตได้
และยกตวั อยา่ งสิ่งมชี ีวติ ในแต่ละกลุม่
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุลกั ษณะ
การเคล่ือนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ช้นั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ป.4 1. ระบุผลของแรงโน้มถ่วงทีม่ ีต่อวัตถจุ าก
• แรงโนม้ ถ่วงของโลกเปน็ แรงดงึ ดูดท่ีโลกกระทาต่อ
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ วัตถุ มที ิศทางเขา้ สูศ่ ูนย์กลางโลก และเปน็ แรงไม่
2. ใช้เคร่อื งช่งั สปรงิ ในการวดั นา้ หนกั ของ สมั ผสั
วตั ถุ แรงดึงดูดทโ่ี ลกกระทากับวัตถหุ นึง่ ๆ ทาใหว้ ตั ถุตกลง
สู่พน้ื โลก และทาใหว้ ัตถุมีนา้ หนัก วดั นา้ หนักของวตั ถุ
3. บรรยายมวลของวตั ถุท่มี ผี ลต่อการ ไดจ้ ากเคร่ืองชั่งสปรงิ น้าหนักของวัตถุข้ึนกบั มวลของ
เปลี่ยนแปลงการเคลอื่ นทีข่ องวัตถจุ าก วตั ถุ โดยวัตถทุ ี่มีมวลมากจะมนี า้ หนักมาก วัตถุท่มี ี
หลักฐานเชงิ ประจักษ์ มวลนอ้ ยจะมีน้าหนกั นอ้ ย
• มวล คือ ปริมาณเนือ้ ของสสารทง้ั หมดทีป่ ระกอบกัน
เปน็ วัตถุ ซงึ่ มีผลตอ่ ความยากง่ายในการเปล่ียนแปลง
การเคล่อื นทขี่ องวัตถุ วตั ถทุ ีม่ ีมวลมากจะเปลย่ี นแปลง
การเคลอื่ นท่ีได้ยากกว่าวตั ถุทมี่ ีมวลนอ้ ย
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์
ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่
เก่ียวข้องกบั เสยี ง แสง และคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้ารวมทัง้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ช้ัน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.4 1. จาแนกวตั ถเุ ปน็ ตัวกลางโปร่งใส • เม่ือมองสิง่ ต่าง ๆ โดยมีวัตถุตา่ งชนดิ กนั มากั้นแสง
ตวั กลางโปร่งแสง และวตั ถุทึบแสง จาก จะทาใหล้ ักษณะการมองเห็นสิ่งนั้น ๆ ชดั เจนต่างกนั
ลกั ษณะการมองเหน็ ส่งิ ตา่ ง ๆ ผา่ นวัตถุน้นั จึงจาแนกวตั ถทุ ่ีมากน้ั ออกเป็นตัวกลางโปร่งใส ซง่ึ
เปน็ เกณฑ์โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ทาให้มองเหน็ ส่ิงตา่ ง ๆ ได้ชดั เจน ตัวกลางโปร่งแสง
ทาใหม้ องเห็นสงิ่ ตา่ ง ๆ ได้ไม่ชัดเจน และวัตถุทึบ
แสงทาใหม้ องไม่เห็นส่งิ ตา่ ง ๆ น้ัน
ฉ
คาอธบิ ายรายวิชา
กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 80 ชั่วโมง
ศกึ ษาการเรียนรู้แบบนกั วิทยาศาสตร์ การจาแนกส่ิงมีชีวิตเปน็ กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืช
และสัตว์ การจาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก การจาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและ
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลักษณะเฉพาะของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก
กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม หน้าท่ีของราก ลาต้น ใบและดอกของพืชดอก
สมบัตทิ างกายภาพ ดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความรอ้ นและการนาไฟฟ้าของวสั ดุ การนาสมบัตทิ าง
กายภาพของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาวัน สมบัตขิ องสสารท้ัง 3 สถานะ ผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุ การวัด
น้าหนักของวัตถุ มวลของวัตถุท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุ และตัวกลางของแสง การข้ึน
และตกและรูปร่างดวงจันทร์ และองค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ การใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา การ
ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจหาข้อผิดพลาดในโปรแกรม การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
และการใชค้ าค้น การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมลู การรวบรวม นาเสนอข้อมลู และสารสนเทศ
ใช้การสืบเสาะหาความรู้ ต้ังคาถาม คาดคะเนคาตอบหรือสร้างสมมติฐาน วางแผนและสารวจ
ตรวจสอบโดยใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเหมาะสม ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
รวมรวมข้อมูล ประมวลผลอย่างง่าย วิเคราะห์ข้อมลู วิเคราะห์ผลและสรา้ งทางเลือกนาเสนอข้อมูล ลงความ
คิดเหน็ และสรุปผลการสารวจตรวจสอบ เพ่ือให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
และมีทักษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 ในด้านการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารเบือ้ งต้น มคี วามคิด
สร้างสรรค์ สามารถทางานร่วมกับผู้อื่น ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา และอธิบายการทางานหรือคาด
การผลลพั ธจ์ ากปัญหาอย่างงา่ ย ออกแบบและเขียนโปรแกรม ตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรม
ตระหนักถึงคุณค่าของความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และใช้ความรู้และกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต สามารถสื่อสารอย่างมีมารยาทและรู้กาลเทศะ รู้จักการปกป้องข้อมูลส่วนตัว
มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มทเ่ี หมาะสม
ตัวชว้ี ัดรวม 21 ตัวชี้วดั
ว 1.2 ป.4/1 ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป. 4/4
ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป. 4/4
ว 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3
ว 2.3 ป.4/1 ว 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3
ว 4.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป. 4/4, ป. 4/5
ช
ตารางโครงสร้างหลักสูตร รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ตามหลักสูตรโรงเรยี นบริบาลภมู เิ ขตต์
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ช่ัวโมง
ลาดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนกั
เรียนรู้/ตวั ช้ีวัด คะแนน
(ชว่ั โมง)
- 5
- ความรูทางวิทยาศาสตร์เกิดจากความ
ว 1.2 ป.4/1 15
ว 1.3 ป.4/1-4 สงสัยของมนุษย์เกี่ยวกับส่ิงต่าง ๆ
10
ว 2.2 ป.4/1-3 รอบตัว มนุษยจ์ ึงพยายามหาคาตอบด้วย
ว 2.3 ป.4/1
การสืบเสาะหาความรูทางวิทยาศาสตร์
โ ด ย ใ ช้ ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง
1 การเรยี นรู้ส่งิ ตา่ ง ๆ วิทยาศาสตร์ ซ่ึงมีทั้งที่เป็นทักษะขั้น 6
รอบตวั พ้ืนฐาน เช่น การสังเกต การวัด การใช้
จานวน และทักษะขั้นผสม เช่น การ
ตั้งสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชิง
ปฏิบัติการ การกาหนดและควบคุมตัว
แปร การทดลอง การตีความหมายข้อมูล
และลงขอ้ สรปุ
- สิ่งมีชีวิตจาแนกออกเป็น 2 ประเภท
ใหญ่ ๆ คือ สัตว์และพืชโดยสามารถได้
โดยใช้ความเหมือนและความแตกต่าง
ของลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิต เช่น
2 ส่ิงมชี วี ิต กลุ่มพชื สามารถใชด้ อกเป็นเกณฑ์ในการ 24
3 แรงและพลังงาน
จาแนกได้เป็นพืชมีดอกและพืชไม่มีดอก
ส่วนสัตว์สามารถใช้กระดูกสันหลังเป็น
เกณฑใ์ นการจาแนกได้เป็นสัตว์มีกระดูก
สนั หลงั และสตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลัง
- มวลและน้าหนักต่างกัน โดยมวลเป็น
เน้ือของวัตถุทั้งหมดหรือเป็นการต้าน
การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ 8
แต่น้าหนักคือ แรงโน้มถ่วงของโลกท่ี
กระทาต่อมวลของวัตถแุ ละทาให้วตั ถตุ ก
สพู่ ้นื โลก
ทดสอบกลางปี 2 20
รวมทั้งส้นิ 40 50
ซ
กาหนดการสอน
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4
จานวนชว่ั โมง 40 ชว่ั โมง/ภาคเรียน (2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์) ภาคเรยี นที่ 1/2564
สัปดาห์ สาระการเรียนรู/้ เนอ้ื หา จุดประสงค์การเรียนรู้ ช่ัวโมง
หน่วยท่ี 1 การเรยี นรสู้ ง่ิ ต่าง ๆรอบตัว เม่อื จบกิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรียนสามารถ
บทท่ี 1 การเรยี นรแู้ บบนักวิทยาศาสตร์ 1. อธบิ ายและใช้การสืบเสาะหาความร้ทู าง
1 เรื่องที่ 1 การสบื เสาะหาความรู้ทาง วิทยาศาสตรใ์ นการเรียนรสู้ ่งิ ต่าง ๆ ได้ 2
วทิ ยาศาสตร์ 2. สามารถสบื เสาะหาความรู้ทาง
วทิ ยาศาสตรใ์ นการเรยี นรู้สง่ิ ต่าง ๆ ได้
3. สนใจใฝ่ เรยี นรู้ และมีความกระตอื รือร้น
เรอ่ื งท่ี 2 การวดั และการใช้จานวนของ 1. อธบิ ายและใช้ทักษะการวดั การใช้
นกั วทิ ยาศาสตร์
จานวน การตั้งสมมตฐิ าน การกาหนดนิยาม
2
เชิงปฏิบตั กิ าร การกาหนดและควบคุมตัว
แปร 2
2. สามารถระบหุ น่วยของการวดั ได้อย่าง
ชัดเจนและคดิ คานวณโดยการบวก การลบ
การหาร หรอื การหาค่าเฉล่ียได้
3. สนใจใฝ่ เรียนรู้ และมคี วามกระตอื รือร้น
เร่อื งที่ 3 การทดลองของ 1. อธบิ ายการทดลองและการตีความหมาย
นกั วิทยาศาสตร์
ขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ ในการเรียนรูสง่ิ ตา่ ง ๆ
3
2. สามารถทดลองและการตีความหมาย 2
ขอ้ มูลและลงข้อสรปุ ในการเรียนรูสงิ่ ตา่ ง ๆ
3. สนใจใฝ่ เรียนรู้ มีข้อสงสยั และ
กระตือรือรน้ ทจี่ ะหาคาตอบ
หนว่ ยที่ 2 สิ่งมีชีวติ เม่ือจบกิจกรรมการเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ
4 บทที่ 1 สง่ิ มีชีวิตรอบตัว 1. อธิบายการจดั กลุ่มของส่งิ มีชีวติ ได้ 10
เรื่องท่ี 1 การจดั กลุ่มสิง่ มชี ีวิต 2. จาแนกส่งิ มีชวี ิตออกเปน็ กลมุ่ พืช กล่มุ
สตั ว์และกลุ่มทไี่ มใ่ ชพ่ ืชและสัตว์โดยใชก้ าร
5-7 เรื่องท่ี 2 การจาแนกพืช เคลอ่ื นท่แี ละการสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ 6
8
8-12 เรอ่ื งท่ี 3 การจาแนกสตั ว์ 3. สนใจใฝ่ เรียนรู้ มีข้อสงสัยและ
กระตอื รอื ร้นที่จะหาคาตอบ
บทท่ี 2 สว่ นตา่ ง ๆ ของพืชดอก
13-15 เรื่องท่ี 1 หน้าท่ีสว่ นต่าง ๆ ของพชื ดอก 1. อธิบายหนา้ ทสี่ ว่ นต่าง ๆ ของพชื ดอกได้
2. สงั เกตการทางานส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ดอก 6
3. สนใจใฝ่ เรียนรู้ มขี อ้ สงสัยและ
กระตอื รอื ร้นทจ่ี ะหาคาตอบ
ฌ
หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงาน เม่อื จบกจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรียนสามารถ
บทที่ 1 มวลและนา้ หนกั 1. บรรยายมวลของวัตถทุ ีม่ ผี ลตอ่ การ
เรอื่ งท่ี 1 มวลและแรงโน้มถว่ งของโลก เปล่ียนแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถไุ ด้
16-17 2. ระบผุ ลของแรงโน้มถว่ งท่มี ีต่อวัตถแุ ละใช้ 4
เครอื่ งชงั่ สปรงิ ในการวดั นา้ หนกั ของวตั ถุได้ 4
2
3. สนใจใฝ่ เรยี นรู้ มีข้อสงสัยและ 40
กระตือรือร้นทจี่ ะหาคาตอบ
บทท่ี 2 ตัวกลางของแสง 1. อธิบายลักษณะการมองเหน็ ส่งิ ตา่ ง ๆ
เร่อื งท่ี 1 การมองเห็นสิง่ ตา่ ง ๆ ผา่ นวตั ถุ ผ่านวตั ถนุ น้ั ได้
18-19 ท่ีนามาก้นั 2. จาแนกวตั ถุเปน็ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลาง
โปรง่ แสง และวัตถุทึบแสงได้
3. สนใจใฝ่ เรียนรู้ มขี อ้ สงสัยและ
กระตอื รอื รน้ ทจี่ ะหาคาตอบ
20 สอบกลางปี
รวมทัง้ สนิ้
1
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรยี นรู้ส่งิ ต่าง ๆ รอบตัว บทที่ 1 การเรยี นรแู้ บบนักวทิ ยาศาสตร์
เรื่อง การสบื เสาะหาความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง
ภาคเรียนท่ี 1/2565 ผสู้ อน นายชาญชัย นาผล
1. มาตรฐานและตัวชวี้ ัด
-
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
ความรูทางวิทยาศาสตรเ์ กิดจากความสงสยั ของมนุษย์เก่ียวกับส่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั มนุษย์จึงพยายามหา
คาตอบดว้ ยการสบื เสาะหาความรูทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีทัง้ ทเี่ ปน็
ทักษะขัน้ พ้นื ฐาน เชน่ การสังเกต การวัด การใช้จานวน และทกั ษะขน้ั ผสม เชน่ การตั้งสมมติฐาน การกาหนด
นยิ ามเชิงปฏิบัติการ การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร การทดลอง การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. นักเรียนสามารถอธบิ ายการสืบเสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ในการหาคาตอบทส่ี งสยั ได้
2. นกั เรยี นสามารถบอกความหมาย สมมติฐาน และตัวแปร ได้
3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
1. นกั เรียนสามารถกาหนดตวั แปร และตงั้ สมมติฐานได้
3.3 ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. สนใจใฝ่เรยี นรู้ มขี ้อสงสัยและกระตอื รอื รน้ ที่จะหาคาตอบ
4. สาระการเรยี นรู้
การสบื เสาะหาความร้ทู างวิทยาศาสตร์มลี กั ษณะสาคัญตา่ ง ๆ ดงั นี้ การมสี ่วนรว่ มในการตง้ั คาถาม
ทางวทิ ยาศาสตร์ การรวบรวมขอ้ มลู หรือหลักฐานที่เกย่ี วขอ้ ง การอธบิ ายสง่ิ ทีส่ งสยั ดว้ ยข้อมลู หรอื หลกั ฐาน
อยา่ งมีเหตุผล การอธิบายเช่อื มโยงสิ่งทีไ่ ดค้ น้ พบกบั ความรทู้ างวิทยาศาสตร์ การสอ่ื สารสิ่งทไี่ ดค้ น้ พบและ
ใหเ้ หตุผล การต้งั สมมติฐาน (Hypothesis) เป็นการคาดคะเนคาตอบไว้ล่วงหน้าอยา่ งมเี หตุผล อาจถูกหรือผิด
ก็ได้ ตวั แปร (Variable) คอื ส่งิ ทมี่ ีอทิ ธิพลต่อการทดลอง ตวั แปรแบง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ คอื ตัวแปรต้น (ตัวแปร
อสิ ระ) ตวั แปรตาม และตวั แปรควบคมุ
2
5. กจิ กรรมการเรียนรู้ : โดยใช้รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะแสวงหาความรู้ (5E)
ขั้นท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
1. ครถู ามนักเรยี นว่า “มใี ครรู้ไหมวา่ “นักวทิ ยาศาสตร์” มีลักษณะเป็นอยา่ งไร” (แนวคาตอบ เป็นคน
ชา่ งสงั เกต เป็นคนช่างคิดช่างสงสัย มีเหตมุ ผี ล มคี วามพยายามและอดทน มีความคิดรเิ ริ่ม และเป็นคนทางาน
อย่างมรี ะบบ)……………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ครูตง้ั ข้อคาถามเพื่อทจ่ี ะใหน้ ักเรยี นได้สอ่ื สารและให้เหตุผลดว้ ยสถานการณ์ทวี่ ่า “เดก็ ชายกล้วย
เจอมอด ในข้าวทอ่ี ยู่ในภาชนะปิดอยู่ จงึ เกิดข้อสงสยั ว่ามอดมาจากไหน” จากนั้นครูใชค้ าถาม ดังต่อไปนี้
- จากสถานการณน์ ้ี มีลกั ษณะของการสืบเสาะหาความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์หรือไม่ อย่างไร
(แนวคาตอบ มี คอื การมีส่วนรว่ มในการตง้ั คาถาม)…………………………………………………………………………………
- จากคาถามทีว่ ่า “มอดมาจากไหน” นกั เรียนคิดวา่ เดก็ ชายกล้วยจะใช้ลักษณะของ
การสบื เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตรอ์ ะไรบ้างในการหาคาตอบ (แนวคาตอบตอบ ต้องรวบรวมข้อมูลหรอื
หลักฐานท่ีเก่ยี วข้อง อธิบายสง่ิ ท่ีสงสัยด้วยขอ้ มูลหรือหลกั ฐานอย่างมเี หตผุ ล อธิบายเชื่อมโยงสง่ิ ทไ่ี ด้ค้นพบกับ
ความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ และการส่อื สารส่งิ ท่ไี ด้คน้ พบและใหเ้ หตุผล)
- การสบื เสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตรเ์ กย่ี วข้องกบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
บา้ งหรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
- สารวจความรู้กอ่ นเรยี น จากหนังสือเรียนหน้า 4-6
ขน้ั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา (Explanation)
3. นกั เรียนอา่ นเนอ้ื เรอ่ื งในหนงั สือหน้า 7-9 และตงั้ คาถามจากเนื้อเร่ืองดงั กลา่ วว่า..............................
- เน้ือเรอ่ื งท่ีอา่ นเกยี่ วกับอะไร (แนวคาตอบ เร่ืองทีอ่ า่ นเกย่ี วกับการเลีย้ งไกข่ องเด็กคนหนึง่ )
- แม่ของเดก็ คนนี้เล้ยี งไกด่ ว้ ยอาหารอะไรบา้ ง (ขา้ วเปลอื ก ราข้าว และหนอนแมลงวนั )
- เดก็ คนนี้มคี าถามสงสยั เกย่ี วกบั เร่อื งอะไร (ไกช่ อบกินอาหารชนดิ ใดมากท่ีสุด)
- จากคาถามทีส่ งสยั เด็กคนน้ตี งั้ สมมติฐานว่าอะไร (ไกช่ อบกนิ ข้าวเปลอื กมากที่สดุ )
- สมมติฐานหมายความวา่ อย่างไร (การคาดคะเนคาตอบลว่ งหนา้ )
- เด็กคนนีต้ รวจสอบสมมติฐานที่ตั้งไวด้ ว้ ยวิธกี ารใด (การทดลองเล้ียงไกด่ ้วยอาหาร 3 ชนิด
ได้แก่ ขา้ วเปลือก ราข้าวและหนอนแมลงวัน).......................................................................................................
- ตวั แปรต้นหมายถึงอะไร และในการทดลองน้ตี ัวแปรต้นคอื อะไร (ตวั แปรตน้ หมายถงึ สิ่งท่ี
จดั ใหต้ ่างกนั ในการทดลอง ได้แก่ อาหารที่ใช้เลีย้ งไก่ 3 ชนดิ )..
- ตวั แปรตามหมายถงึ อะไร และในการทดลองนต้ี ัวแปรตามคอื อะไร (ตัวแปรตาม หมายถึง
ผลมาจากตวั แปรต้น ได้แก่ ปริมาณอาหารที่ไกก่ ินทุกวัน).
3
- ตวั แปรทีต่ ้องควบคุมให้คงทีห่ มายถึงอะไร และในการทดลองน้ีคือตวั แปรท่ตี ้องควบคุมให้
คงท่อี ะไร (ตวั แปรท่ตี ้องควบคุมให้คงที่ หมายถึงสง่ิ ทจ่ี ดั ใหเ้ หมือนกันในการทดลอง ไดแ้ ก่ ปริมาณอาหาร
เวลาท่ีใหไ้ กก่ ินอาหาร ขนาดภาชนะ)..................................................................................................................
- เด็กคนนีอ้ ธิบายผลการทดลองว่าอยา่ งไร หลักฐานคอื อะไร (แนวคาตอบ ไกก่ ินหนอน
แมลงวันมากท่ีสุด เพราะทุกวนั จะเหลือปรมิ าณหนอนแมลงวนั นอ้ ยทีส่ ุด)
- จากเนือ้ เรอ่ื ง เด็กคนนี้ไดพ้ บคาตอบด้วยการสบื เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรอื ไม่ (ได)้
4. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 5-6 คน เพอ่ื ปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 1 ถั่วเต้นระบาได้อย่างไร...........................
5. นักเรียนเริม่ ทากจิ กรรมการทดลอง สังเกตผล และครูถามนกั เรยี นว่าลกั ษณะสาคัญของ
การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์จากกิจกรรมไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง (แนวคาตอบ การมีสว่ นร่วมในการ
ตั้งคาถามทางวทิ ยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลอย่างมีเหตุผล การอธิบายเชือ่ มโยงสงิ่ ท่ีไดค้ ้นพบกบั
ความรทู้ างวิทยาศาสตร์ และการส่ือสารส่งิ ที่ได้ค้นพบและใหเ้ หตุผล) พรอ้ มบนั ทึกผลการทดลองทไี่ ด้
และตอบคาถามจากการสงั เกตได้ลงในใบกจิ กรรม
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Exploration)
6. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายสรปุ เกีย่ วกับกจิ กรรมท่ี 1 ถ่ัวเตน้ ระบาไดอ้ ยา่ งไร ได้วา่ นกั เรียนได้
ฝึกเรียนรู้ลกั ษณะสาคญั 5 ลกั ษณะของการสืบเสาะหาความรูท้ างวทิ ยาศาสตรจ์ นไดค้ าตอบจากคาถามทส่ี งสยั
ไดแ้ ก่ การมสี ่วนรว่ มในการตั้งคาถามทางวทิ ยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมลู หรอื หลกั ฐานทเี่ ก่ียวข้อง การอธิบาย
สิ่งท่สี งสัยดว้ ยขอ้ มูลหรือหลักฐานอย่างมีเหตุผล การอธบิ ายเชอื่ มโยงส่ิงทีค่ น้ พบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์
และการสื่อสารสิง่ ทีค่ น้ พบและใหเ้ หตผุ ล
ข้นั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
7. ครูต้งั ประเดน็ คาถามหลังจากทาการทดลองวา่ “เพราะเหตใุ ด เมล็ดถัว่ เขยี วในน้าโซดาจงึ เต้นระบา
แต่เมล็ดถัว่ เขยี วนา้ เปลา่ ไม่เต้นระบา” (แนวคาตอบ นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง ครูยังไม่เฉลย
โดยใหน้ กั เรียนไปสบื ค้นขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ เพื่อหาคาอธบิ ายต่อจากผลการทดลอง)
ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation)
8. ครถู ามคาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียน ดงั นี้
- การสืบเสาะหาความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์คอื อะไร มอี ะไรบา้ ง
- สมมติฐาน และตวั แปร คอื อะไร
6. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ป.4 เล่ม 1
2. อุปกรณก์ จิ กรรมท่ี 1 ถั่วเตน้ ระบาไดอ้ ยา่ งไร
3. กิจกรรมที่ 1 ถวั่ เตน้ ระบาไดอ้ ย่างไร
4
7. การวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดแลประเมนิ ผล เครือ่ งมือวัดและประเมินผล เกณฑ์
ด้านความรู้ (K) - สังเกตจากการตอบคาถาม - ขอ้ คาถาม ผ่านเกณฑ์
- นกั เรียนสามารถอธิบายการสืบ รอ้ ยละ 70
เสาะหาความรทู้ างวิทยาศาสตร์ใน - ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 1 ถวั่ - ใบกิจกรรมท่ี 1 ถัว่ เตน้ ระบา
การหาคาตอบทสี่ งสยั ได้ ข้ึนไป
- นกั เรยี นสามารถบอกความหมาย เตน้ ระบาได้อย่างไร ไดอ้ ย่างไร
สมมตฐิ าน และตวั แปร ได้ ผ่านเกณฑ์
ระดบั ดี
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจใบกิจกรรมที่ 1 ถ่ัว - ใบกิจกรรมท่ี 1 ถ่วั เต้นระบา
- นักเรียนสามารถกาหนดตวั แปร
และต้ังสมมตฐิ านได้ เต้นระบาไดอ้ ย่างไร ไดอ้ ยา่ งไร
- สังเกตจากการตอบคาถาม - ขอ้ คาถาม
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - สงั เกตคุณลักษณะ - แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั
- สนใจใฝ่เรียนรู้ มีขอ้ สงสัยและ อันพึงประสงค์ พึงประสงค์
กระตือรอื ร้นทจ่ี ะหาคาตอบ
5
แบบสังเกตพฤติกรรม
ชนั้ ……………………………จานวน………………คน
สังเกตพฤติกรรมวนั ท่ี……………..เดอื น…………………….พ.ศ……………
พฤตกิ รรม
ชว่ ยเหลอื การ พยายาม ร่วมกนั สง่ งาน
หรือ
ดา้ นกาลงั แนะนา ชว่ ยเหลือ แกไ้ ข แบบฝกึ รวม
คะแนน
เลขที่ ชือ่ -สกลุ ความคดิ แนวทาง สมาชิกใน ปัญหา หดั ได้ (20)
(4) โดยการพดู กลมุ่ ไมน่ งิ่ พยายาม ตรงตาม
ในส่งิ ทีเ่ ปน็ ดูดาย ทางาน กาหนด
(4)
ประโยชน์ (4) ให้สาเรจ็
(4) (4)
1 เด็กชายกรกฎ ภมู ิพันธ์
2 เดก็ ชายกรวชิ ญ์ จุรมั ย์
3 เดก็ ชายกนั ต์ดนัย วิชาผง
4 เดก็ ชายกปั ตนั แกว้ สะอาด
5 เด็กชายก้าวชัย กิ่งม่งิ แฮ
6 เดก็ ชายกลุ วัชร แสนสอน
7 เดก็ ชายชนยั ธรณ์ แสนกลาง
8 เด็กชายโชตพิ ัฒน์ เวยี งแก
9 เดก็ ชายทนิ ภัทร มะโนมัย
10 เดก็ ชายธีทตั วรรักษ์
11 เด็กชายนภวัต สวุ รรณบตุ ร
12 เดก็ ชายปัณฑ์ ไม้พันธ์ุ
13 เด็กชายภูชิต รกั ษาภักดี
14 เดก็ ชายภูธนินทร์ ประสาร
15 เดก็ ชายภูรพิ ฒั น์ รอบรู้
16 เดก็ ชายวชิรทศั น์ ธรรมวงศ์
17 เด็กชายอภินนั ท์ เจริณสขุ
18 เด็กชายอชุ กุ ร กสิกรรม
19 เด็กชายเอกอนันต์ วอนอก
20 เด็กชายชยนั ตี คงธนกลุ บวร
21 เดก็ ชายปริยวจน์ ศรีหาบัติ
22 เดก็ ชายธญั ญวชิ ญ์ วรพิพฒั น์พร
23 เดก็ หญิงกวนิ ทิพย์ นัชธนรเศรษฐ์
24 เดก็ หญงิ ณัฏฐวรรณ ไชยศรี
25 เด็กหญงิ ธมลวรรณชนก เบา้ ทอง
26 เด็กหญิงธัญญน์ นั ตธ์ ร เวชชนินนาท
6
เลขท่ี ช่อื -สกลุ พฤตกิ รรม รว่ มกัน สง่ งาน รวม
แกไ้ ข หรอื
27 เดก็ หญงิ นัทธ์นิษฐด์ า เวชชนินนาท ช่วยเหลือ การ พยายาม ปัญหา แบบฝกึ คะแนน
28 เด็กหญิงปวริศา ไกยเดช ดา้ นกาลงั แนะนา ชว่ ยเหลอื พยายาม หดั ได้ (20)
29 เด็กหญิงปวณี ธ์ ิดา สีพัน ความคิด แนวทาง สมาชกิ ใน ทางาน ตรงตาม
30 เด็กหญิงพบพร พงศาปาน ใหส้ าเรจ็ กาหนด
31 เดก็ หญิงพรหมภรณ์ สอนผา (4) โดยการพดู กลุ่มไมน่ ิง่ (4) (4)
32 เดก็ หญงิ รมิตา นามสมบรู ณ์ ในส่ิงที่เปน็ ดดู าย
33 เด็กหญงิ รินลดา กลดั สอาด ประโยชน์ (4)
34 เดก็ หญิงวาสติ า กรีชัยศรี (4)
35 เดก็ หญิงศศิภา ปทมุ ทพิ ย์
36 เด็กหญิงปารมี ทองสมบตั ิ
37 เดก็ หญิงธรี นาฎ ศรสี ะอาด
38 เด็กหญงิ พรชีรา อดุ ชาชน
มเี กณฑ์ใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรม คือ
- เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 4 คะแนน เมื่อนักเรียนแสดงพฤติกรรมตามที่ต้องการเปน็ ประจา สม่าเสมอ
- เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3 คะแนน เมอ่ื นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตามท่ีตอ้ งการคอ่ นขา้ งสม่าเสมอ
- เกณฑ์การให้คะแนน 2 คะแนน เมอื่ นกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมตามท่ตี ้องการค่อนข้างน้อย
- เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 คะแนน เม่อื นกั เรียนแสดงพฤติกรรมตามทตี่ ้องการน้อย
เกณฑ์การประเมินในการสงั เกตพฤติกรรม มีดังนี้
ดมี าก = 4 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 90 - 100 %
ดี = 3 ประสทิ ธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 70 - 89 %
ปานกลาง = 2 ประสทิ ธิภาพอยูใ่ นเกณฑ์ 50 - 69 %
ปรับปรงุ = 1 ประสทิ ธิภาพต่ากวา่ เกณฑ์ 50 %
เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแตร่ ะดบั 3 ข้นึ ไป
สรุป ผ่าน ไมผ่ า่ น
7
แบบสงั เกตพฤติกรรมด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชน้ั ……………………………จานวน………………คน
วันที่……………..เดอื น…………………….พ.ศ……………
พฤตกิ รรม
เอาใจใส่ ต้ังใจและ ทมุ่ เท พยามยาม ชน่ื ชม
แก้ปัญหา ผลงาน
ต่อการ รับผดิ ชอบ ทางาน ในการ ด้วยความ รวม
คะแนน
เลขท่ี ชื่อ-สกลุ ปฏิบตั ิ ในหนา้ ที่ อดทนไม่ ทางาน (4) ภาคภูมใิ จ (20)
หนา้ ท่ี ที่ การงานให้ ยอ่ ทอ้ ต่อ (4)
ไดร้ บั สาเร็จ (4) ปญั หาใน
มอบหมาย การทางาน
(4) (4)
1 เด็กชายกรกฎ ภูมิพนั ธ์
2 เดก็ ชายกรวิชญ์ จุรัมย์
3 เดก็ ชายกันต์ดนัย วชิ าผง
4 เดก็ ชายกัปตนั แก้วสะอาด
5 เด็กชายก้าวชยั กิง่ มงิ่ แฮ
6 เด็กชายกุลวชั ร แสนสอน
7 เดก็ ชายชนัยธรณ์ แสนกลาง
8 เดก็ ชายโชติพัฒน์ เวียงแก
9 เด็กชายทินภัทร มะโนมยั
10 เด็กชายธีทัต วรรกั ษ์
11 เดก็ ชายนภวัต สุวรรณบุตร
12 เด็กชายปณั ฑ์ ไมพ้ ันธุ์
13 เด็กชายภชู ิต รักษาภกั ดี
14 เด็กชายภูธนินทร์ ประสาร
15 เด็กชายภรู ิพัฒน์ รอบรู้
16 เด็กชายวชิรทศั น์ ธรรมวงศ์
17 เดก็ ชายอภินันท์ เจริณสขุ
18 เดก็ ชายอชุ กุ ร กสกิ รรม
19 เด็กชายเอกอนันต์ วอนอก
20 เดก็ ชายชยนั ตี คงธนกุลบวร
21 เดก็ ชายปริยวจน์ ศรีหาบตั ิ
22 เด็กชายธัญญวชิ ญ์ วรพิพฒั น์พร
23 เด็กหญิงกวนิ ทิพย์ นชั ธนรเศรษฐ์
24 เดก็ หญงิ ณฏั ฐวรรณ ไชยศรี
25 เดก็ หญงิ ธมลวรรณชนก เบ้าทอง
26 เดก็ หญงิ ธัญญ์นันตธ์ ร เวชชนินนาท
8
พฤตกิ รรม
เลขท่ี ช่อื -สกุล เอาใจใส่ ต้งั ใจและ ทมุ่ เท พยามยาม ชน่ื ชม รวม
ตอ่ การ รบั ผดิ ชอบ แก้ปญั หา ผลงาน
27 เดก็ หญงิ นัทธ์นิษฐด์ า เวชชนนิ นาท ปฏิบตั ิ ในหนา้ ท่ี ทางาน ในการ ด้วยความ คะแนน
28 เดก็ หญงิ ปวริศา ไกยเดช อดทน ทางาน (4) (20)
29 เด็กหญิงปวณี ์ธิดา สพี ัน หน้าที่ การงานให้ ภาคภูมใิ จ
30 เด็กหญิงพบพร พงศาปาน ท่ไี ด้รับ สาเร็จ (4) ไม่ย่อทอ้ (4)
31 เดก็ หญงิ พรหมภรณ์ สอนผา มอบหมาย ต่อปัญหา
32 เด็กหญิงรมิตา นามสมบูรณ์
33 เดก็ หญิงรินลดา กลดั สอาด (4) ในการ
34 เด็กหญิงวาสติ า กรชี ัยศรี ทางาน
35 เดก็ หญิงศศภิ า ปทุมทิพย์
36 เด็กหญิงปารมี ทองสมบตั ิ (4)
37 เดก็ หญิงธีรนาฎ ศรสี ะอาด
38 เด็กหญงิ พรชีรา อุดชาชน
9
ประเด็นการประเมินและเกณฑก์ ารให้คะแนนแบบสังเกตพฤตกิ รรมด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ประเดน็ การประเมนิ ระดับเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
เอาใจใส่ตอ่ การปฏิบตั ิหนา้ ที่ 4 3 21
ที่ไดร้ ับมอบหมาย
- ตง้ั ใจและ - ตั้งใจและ - ต้งั ใจและ - ไมต่ ัง้ ใจปฏบิ ตั ิ
ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบในหน้าท่ี
การงานให้สาเรจ็ รับผดิ ชอบในการ รบั ผดิ ชอบในการ รับผิดชอบในการ หนา้ ทก่ี ารงาน
ปรับปรงุ และพัฒนา
การทางานดว้ ยตนเอง ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีทีไ่ ดร้ ับ ปฏิบตั หิ น้าท่ีท่ไี ดร้ บั ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีทไ่ี ด้รับ
ทมุ่ เททางานอดทน ไมย่ อ่ ทอ้
ต่อปัญหาในการทางาน มอบหมายให้สาเรจ็ มอบหมายให้สาเร็จ มอบหมายให้สาเรจ็
พยามยามแกป้ ัญหาใน
การทางาน มกี ารปรบั ปรงุ และ และมีการปรับปรงุ มีการปรบั ปรงุ การ
ชนื่ ชมผลงานด้วย
ความภาคภูมิใจ พฒั นาการทางาน และพฒั นาการ ทางานใหด้ ีขน้ึ
ให้ดขี น้ึ ด้วยตนเอง ทางานใหด้ ีขึน้
- ทางานดว้ ยความ - ทางานด้วยความ - ทางานดว้ ยความ - ไม่ขยัน อดทน
ขยัน อดทน และ ขยัน อดทน และ ขยัน อดทน และ ในการทางาน
พยายามให้งาน พยายามให้งาน พยายามให้งาน
สาเรจ็ ตาเปา้ หมาย สาเร็จตาเปา้ หมาย สาเร็จตาเปา้ หมาย
ภายในเวลาที่ ไมย่ ่อท้อต่อปัญหา และช่ืนชมผลงาน
กาหนด ไม่ย่อทอ้ ในการทางาน และ ด้วยความ
ต่อปัญหา ชน่ื ชมผลงานดว้ ย ภาคภูมใิ จ
แก้ปัญหาอปุ สรรค ความภาคภมู ิใจ
ในการทางานและ
ช่ืนชมผลงานดว้ ย
เกณฑก์ ารประเมินในการสงั เกตพฤติกรรม มดี ังนี้
ดีมาก = 4 ประสทิ ธิภาพอยูใ่ นเกณฑ์ 90 - 100 %
ดี = 3 ประสทิ ธิภาพอย่ใู นเกณฑ์ 80 - 89 %
ปานกลาง = 2 ประสิทธิภาพอย่ใู นเกณฑ์ 70 - 79 %
ปรบั ปรุง = 1 ประสทิ ธภิ าพอย่ใู นเกณฑต์ ่ากวา่ 60 %
เกณฑ์การผา่ น ตง้ั แตร่ ะดับ 3 ขนึ้ ไป
สรปุ ผา่ น ไมผ่ า่ น
10
แบบบนั ทกึ หลงั การสอน
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1
ผลการจดั การเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหาและอปุ สรรคในการจดั การเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่อื ..........................................ผูส้ อน
(นายชาญชัย นาผล)
ครูผู้สอน
วันท่ี......./........../..........
ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของครูพ่ีเลย้ี ง
( ) เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ดี ี
( ) เหน็ ควร อนุญาตให้ใช้จัดการเรยี นร้ไู ด้
( ) ไมเ่ หน็ ควรอนุญาต เน่ืองจาก...........................................................................................................
( ) อ่ืนๆ (ถา้ มี)......................................................................................................................................
ลงช่อื ...................................................
(นายภคพร จันดาหาร)
ครพู เี่ ลยี้ ง
วนั ท่.ี ....../........../..........
11
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์
( ) เหน็ ควร อนุญาตให้ใช้จดั การเรยี นรู้ได้
( ) ไมเ่ หน็ ควรอนุญาต เนือ่ งจาก...........................................................................................................
( ) อื่นๆ (ถา้ ม)ี ......................................................................................................................................
ลงชือ่ .....................................................
(นางสาวกรวรรณ แสนสอน)
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
วนั ที่......./........../..........
ความคดิ เห็นของกลุ่มบริหารวิชาการ
( ) อนญุ าตให้ใช้แผนการจดั การเรยี นรไู้ ด้
( ) ควรปรบั ปรงุ ....................................................................................................................................
( ) อ่ืนๆ (ถา้ มี)......................................................................................................................................
ลงช่อื .....................................................
(ผู้ช่วยศาสตร์ตราจารย์ ดร. ดวงสมร กจิ โกศล)
รองผอู้ านวยการโรงเรียน
กลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
วนั ท่.ี ....../........../..........
ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร
( ) อนุมตั ใิ หใ้ ช้แผนจัดการจัดการเรียนรูไ้ ด้
( ) ไมอ่ นุมัติ เนื่องจาก...........................................................................................................
( ) อืน่ ๆ (ถา้ ม)ี ......................................................................................................................................
ลงชือ่ ...................................................
(รองศาสตราจารย์ ดร.วรัญญา จรี ะวิพูลวรรณ)
ผอู้ านวยการ โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
วันที่......./........../..........
12
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 2
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การเรยี นรูส้ ง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว บทที่ 1 การเรียนรูแ้ บบนกั วทิ ยาศาสตร์
เรื่อง การวัดและการใช้จานวนของนกั วิทยาศาสตร์
ภาคเรียนท่ี 1/2565 เวลา 2 ช่วั โมง
ผู้สอน นายชาญชยั นาผล
1. มาตรฐานและตัวช้ีวัด
-
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การวดั เป็นการเลือกใช้เคร่อื งมือในการวดั อยา่ งเหมาะสมและวดั ปรมิ าตรตา่ งๆ ได้อยา่ งถกู ต้อง
ออกมาเปน็ ตวั เลข และระบุหน่วยของการวดั ได้อยา่ งชัดเจน
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1. นกั เรียนอธบิ ายทกั ษะการวดั ในการหามวลและปริมาตรของวตั ถุ รวมทัง้ ใชจ้ านวนใน
การคานวณปริมาณต่าง ๆ ของการวดั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง และระบหุ นว่ ยการวัดได้อยา่ งชัดเจน
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1. นกั เรียนใชเ้ ครอื่ งมอื ในวดั ปริมาณตา่ ง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
1. สนใจใฝ่เรียนรู้ มขี ้อสงสัยและกระตอื รอื รน้ ท่จี ะหาคาตอบ
4. สาระการเรยี นรู้
การวัดเป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นการหาปริมาณของส่ิงต่างๆ เป็นตัวเลขโดยใช้
เครื่องมอื ท่ีเหมาะสมในการวัด เช่นการวัดมวลของผลไม้โดยใช้เคร่ืองช่ัง และวัดปริมาตรของเคร่ืองดมื่ โดยใช้
กระบอกตวง การใชเ้ ครอื่ งมือในการวัดอย่างเหมาะสมจะทาใหก้ ารวัดมคี วามถกู ต้องและแม่นยามากย่ิงขน้ึ เช่น
การตวงน้าสีปริมาณเท่ากันใส่ในบีกเกอร์และกระบอกตวง ท้ังบีกเกอร์และกระบอกตวงเป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ตวง
สาร เชน่ เครอ่ื งดื่ม นา้ สีได้ แตก่ ารอา่ นปริมาตรของสารในกระบอกตวงจะอ่านค่าได้ตัวเลขที่มีความถกู ตอ้ งกว่า
เช่น ในการวัดน้าสี ปริมาตร 23 ลูกบาศก์เซนติเมตร โดยใช้กระบอกตวง จะถูกต้องมากกว่าการวัดปริมาตร
โดยใช้บกี เกอร์
5. กิจกรรมการเรยี นรู้ : โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะแสวงหาความรู้ (5E)
ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
1. นักเรียนศกึ ษาเนอ้ื หา จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 14-15 แลว้
ครตู งั้ ประเด็นถามนักเรียน ดังนี้....................................................................................................................
13
- การวดั อณุ หภมู ขิ องร่างกายทาได้อยา่ งไรบา้ ง (แนวคาตอบ ใชม้ ือแตะหน้าผาก หรือ
ใช้เทอรม์ อมเิ ตอร์)............................................................................................................................
- เพราะเหตใุ ด จงึ ตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งมอื ในการวดั อณุ หภูมิ (แนวคาตอบ เพราะจะได้ขอ้ มูล
ทถ่ี กู ต้อง และแมน่ ยามากกวา่ )........................................................................................................................
- หน่วยทีไ่ ดจ้ ากการวดั อณุ หภมู โิ ดยใช้เทอรม์ อมเิ ตอร์มีอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ องศาเซลเซยี ส
องศาฟาเรนไฮต์).............................................................................................................
- สงิ่ ท่ไี ดจ้ ากการวัดอุณหภูมดิ ว้ ยเทอรม์ อมเิ ตอรม์ อี ะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ตัวเลข
ทบ่ี อกปรมิ าณและหนว่ ยทีบ่ อกปริมาณ)..........................................................................................................
- ปริมาณยาท่หี มอส่ังใหค้ นไขพ้ ิจารณาจากสง่ิ ใด (แนวคาตอบ อาการของโรค อาย)ุ
- เด็กชายอายุ 10 ปี น้าหนัก 30 กโิ ลกรมั ควรรับประทานยาลดไข้ไมเ่ กนิ วันละเทา่ ใด
รูไ้ ดอ้ ยา่ งไร (แนวคาตอบ 2,250 กรมั จากการคานวณโดยนาน้าหนกั 30 กิโลกรมั มาคูณกับ 75 กรัม)
ขนั้ ที่ 2 สารวจและคน้ หา (Explanation)
2. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 5-6 คน เพือ่ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมท่ี 2.1 การวัดทาได้อย่างไร และกจิ กรรม
ที่ 2.2 การใชจ้ านวนทาได้อยา่ งไร
3. ครสู าธิตวิธีการทดลองกิจกรรมและกาชบั เก่ียวกบั การทดลองของกิจกรรมใหท้ าทลี ะขัน้ ตอน
4. ตัวแทนนักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมารบั อุปกรณพ์ ร้อมเริ่มปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
ขั้นที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (Exploration)
5. นกั เรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายสรุปเก่ยี วกบั กิจกรรมที่ 2.1 การวดั ทาได้อย่างไร ได้ว่า การวัดเป็น
การเลือกใช้เครื่องมือในการวัดอย่างเหมาะสมและวัดปริมาณต่างๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในการวัด
ไดอ้ อกมาเป็นตัวเลข และระบุหน่วยของการวัดได้อยา่ งชัดเจน ในการหาปริมาตรระหว่างบีกเกอร์กับกระบอก
ตวง กระบอกตวงจะมีความแม่นยาในการหาปริมาตรมากกว่าบีกเกอร์ เพราะว่ากระบอกตวงมีสเกลที่มี
ความละเอียดกว่าบีกเกอร์.........................................................................................................................
6. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุปเก่ียวกับกิจกรรมที่ 2.2 การใช้จานวนทาได้อย่างไร ได้ว่า
กิจกรรมน้ีเป็นการเรียนรู้ทักษะการใช้จานวนผ่านการทากิจกรรมชัง่ มวลของผลไม้ หาค่าเฉล่ียมวลของผลไม้
และหาจานวนผลไม้ที่ใส่ในถุงไม่เกิน 1 กิโลกรัม การใช้จานวนเป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
การนับจานวน การเปรียบเทียบของส่ิงต่าง ๆ จากการวัด การสังเกตหรือการทดลอง โดยนามาจัดกระทาให้
เกดิ ค่าใหม่ดว้ ยการคานวณ เชน่ การบวก การลบ การคูณ การหาร หรอื การหาค่าเฉลีย่ เป็นการใชจ้ านวน
ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
7. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ว่า ถ้าจะเปรียบเทียบมวลของมะนาว 2 ถุง ถุงหนึ่งมีมวล 5 กิโลกรัม
และอีกถุงหน่ึงมีมวล 20 กิโลกรัม พบว่ามะนาวที่มีมวล 20 กิโลกรัม มีมวลมากกว่ามะนาว 5 กิโลกรัมอยู่
กก่ี ิโลกรมั และต้องใช้เคร่ืองมอื ใดในการวดั มวลของมะนาว (แนวคาตอบ 15 กโิ ลกรมั )
ขน้ั ท่ี 5 ประเมิน (Evaluation)
8. ครถู ามคาถามเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น ดังน้ี
- ทกั ษะการวัดคอื อะไร
- การใช้จานวนในการคานวณปรมิ าณต่าง ๆ มีประโยชน์อยา่ งไรในชวี ติ ประจาวนั
14
6. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนงั สอื วทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน ป.4 เลม่ 1
2. อปุ กรณก์ จิ กรรมท่ี 2.1 การวดั ทาได้อย่างไร
3. ใบกจิ กรรมท่ี 2.1 การวดั ทาไดอ้ ยา่ งไร
4. อุปกรณ์กจิ กรรมที่ 2.2 การใช้จานวนทาไดอ้ ย่างไร
5. ใบกจิ กรรมที่ 2.2 การใช้จานวนทาไดอ้ ย่างไร
7. การวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัดแลประเมนิ ผล เครือ่ งมอื วัดและประเมินผล เกณฑ์
ด้านความรู้ (K) - สังเกตจากการตอบคาถาม - ขอ้ คาถาม ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรยี นอธบิ ายทักษะการวัดใน รอ้ ยละ 70
การหามวลและปริมาตรของวัตถุ - ตรวจใบกิจกรรมท่ี 2.1 - ใบกจิ กรรมท่ี 2.1 การวัดทา
ข้ึนไป
รวมท้ังใช้จานวนในการคานวณ การวดั ทาไดอ้ ยา่ งไร ไดอ้ ย่างไร
ปรมิ าณต่าง ๆ ของการวัดได้อยา่ ง ผ่านเกณฑ์
- ตรวจใบกิจกรรมที่ 2.2 - ใบกจิ กรรมที่ 2.2 การใช้ ระดับดี
ถกู ต้อง และระบหุ น่วยการวดั ได้
การใช้จานวนทาไดอ้ ยา่ งไร จานวนทาได้อย่างไร
อย่างชดั เจน
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - สงั เกตจากการปฏบิ ัติ - กิจกรรมการเรียนรู้
- นักเรียนใช้เคร่อื งมือในวัดปริมาณ กิจกรรม - ขอ้ คาถาม
ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม - สงั เกตจากการตอบคาถาม
ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - สงั เกตคุณลกั ษณะ - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอัน
- สนใจใฝเ่ รียนรู้ มขี อ้ สงสยั และ อนั พึงประสงค์ พึงประสงค์
กระตือรือร้นท่ีจะหาคาตอบ
15
แบบสังเกตพฤติกรรม
ช้นั ……………………………จานวน………………คน
สงั เกตพฤตกิ รรมวนั ท่ี……………..เดอื น…………………….พ.ศ……………
พฤตกิ รรม
ชว่ ยเหลอื การ พยายาม ร่วมกนั สง่ งาน
หรือ
ดา้ นกาลงั แนะนา ชว่ ยเหลือ แกไ้ ข แบบฝกึ รวม
คะแนน
เลขท่ี ชือ่ -สกุล ความคดิ แนวทาง สมาชิกใน ปัญหา หดั ได้ (20)
(4) โดยการพูด กลมุ่ ไมน่ งิ่ พยายาม ตรงตาม
ในส่งิ ทีเ่ ปน็ ดูดาย ทางาน กาหนด
(4)
ประโยชน์ (4) ให้สาเรจ็
(4) (4)
1 เดก็ ชายกรกฎ ภมู ิพนั ธ์
2 เดก็ ชายกรวชิ ญ์ จุรัมย์
3 เด็กชายกนั ต์ดนยั วิชาผง
4 เดก็ ชายกปั ตัน แก้วสะอาด
5 เด็กชายก้าวชยั กงิ่ มิ่งแฮ
6 เด็กชายกุลวัชร แสนสอน
7 เด็กชายชนัยธรณ์ แสนกลาง
8 เดก็ ชายโชติพฒั น์ เวียงแก
9 เดก็ ชายทนิ ภัทร มะโนมยั
10 เด็กชายธีทตั วรรกั ษ์
11 เดก็ ชายนภวัต สุวรรณบุตร
12 เด็กชายปณั ฑ์ ไมพ้ ันธุ์
13 เดก็ ชายภูชติ รักษาภกั ดี
14 เด็กชายภธู นินทร์ ประสาร
15 เด็กชายภรู พิ ฒั น์ รอบรู้
16 เด็กชายวชิรทัศน์ ธรรมวงศ์
17 เดก็ ชายอภนิ ันท์ เจริณสุข
18 เด็กชายอชุ กุ ร กสิกรรม
19 เด็กชายเอกอนันต์ วอนอก
20 เดก็ ชายชยันตี คงธนกุลบวร
21 เด็กชายปรยิ วจน์ ศรีหาบัติ
22 เด็กชายธญั ญวิชญ์ วรพพิ ัฒน์พร
23 เดก็ หญิงกวนิ ทิพย์ นชั ธนรเศรษฐ์
24 เดก็ หญิงณัฏฐวรรณ ไชยศรี
25 เด็กหญิงธมลวรรณชนก เบ้าทอง
26 เดก็ หญิงธญั ญน์ ันต์ธร เวชชนนิ นาท
16
เลขที่ ช่อื -สกลุ พฤติกรรม ร่วมกนั สง่ งาน รวม
แก้ไข หรอื
27 เดก็ หญิงนัทธ์นษิ ฐด์ า เวชชนินนาท ชว่ ยเหลอื การ พยายาม ปัญหา แบบฝกึ คะแนน
28 เดก็ หญงิ ปวริศา ไกยเดช ดา้ นกาลัง แนะนา ช่วยเหลือ พยายาม หดั ได้ (20)
29 เดก็ หญงิ ปวณี ธ์ ิดา สพี นั ความคิด แนวทาง สมาชิกใน ทางาน ตรงตาม
30 เดก็ หญงิ พบพร พงศาปาน ใหส้ าเร็จ กาหนด
31 เด็กหญิงพรหมภรณ์ สอนผา (4) โดยการพูด กล่มุ ไม่นิ่ง (4) (4)
32 เด็กหญงิ รมิตา นามสมบูรณ์ ในสงิ่ ทเ่ี ป็น ดูดาย
33 เดก็ หญงิ รินลดา กลดั สอาด ประโยชน์ (4)
34 เดก็ หญิงวาสติ า กรีชัยศรี (4)
35 เดก็ หญงิ ศศิภา ปทุมทพิ ย์
36 เดก็ หญิงปารมี ทองสมบตั ิ
37 เด็กหญงิ ธีรนาฎ ศรีสะอาด
38 เด็กหญงิ พรชรี า อดุ ชาชน
มีเกณฑ์ให้คะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรม คือ
- เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 4 คะแนน เมื่อนักเรยี นแสดงพฤติกรรมตามที่ตอ้ งการเปน็ ประจา สม่าเสมอ
- เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 3 คะแนน เม่ือนกั เรยี นแสดงพฤติกรรมตามที่ต้องการคอ่ นข้างสม่าเสมอ
- เกณฑ์การให้คะแนน 2 คะแนน เม่อื นกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมตามที่ตอ้ งการคอ่ นข้างนอ้ ย
- เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 คะแนน เมอ่ื นักเรียนแสดงพฤติกรรมตามทีต่ อ้ งการนอ้ ย
เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤติกรรม มดี ังนี้
ดีมาก = 4 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 90 - 100 %
ดี = 3 ประสทิ ธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 70 - 89 %
ปานกลาง = 2 ประสทิ ธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 50 - 69 %
ปรับปรุง = 1 ประสทิ ธภิ าพต่ากว่าเกณฑ์ 50 %
เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแต่ระดับ 3 ข้นึ ไป
สรุป ผ่าน ไม่ผ่าน
17
แบบสังเกตพฤติกรรมดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชั้น……………………………จานวน………………คน
วนั ที่……………..เดอื น…………………….พ.ศ……………
พฤตกิ รรม
เอาใจใส่ ต้ังใจและ ทมุ่ เท พยามยาม ชน่ื ชม
แก้ปัญหา ผลงาน
ต่อการ รบั ผดิ ชอบ ทางาน ในการ ด้วยความ รวม
คะแนน
เลขที่ ชือ่ -สกุล ปฏิบตั ิ ในหนา้ ที่ อดทนไม่ ทางาน (4) ภาคภูมิใจ (20)
หน้าที่ ท่ี การงานให้ ยอ่ ทอ้ ต่อ (4)
ไดร้ บั สาเร็จ (4) ปญั หาใน
มอบหมาย การทางาน
(4) (4)
1 เด็กชายกรกฎ ภูมิพันธ์
2 เดก็ ชายกรวิชญ์ จรุ ัมย์
3 เดก็ ชายกนั ต์ดนัย วิชาผง
4 เดก็ ชายกปั ตนั แก้วสะอาด
5 เดก็ ชายก้าวชัย ก่ิงมิ่งแฮ
6 เดก็ ชายกลุ วัชร แสนสอน
7 เด็กชายชนัยธรณ์ แสนกลาง
8 เด็กชายโชตพิ ฒั น์ เวยี งแก
9 เดก็ ชายทินภทั ร มะโนมัย
10 เดก็ ชายธีทตั วรรกั ษ์
11 เด็กชายนภวัต สวุ รรณบุตร
12 เด็กชายปัณฑ์ ไมพ้ ันธุ์
13 เด็กชายภชู ิต รักษาภกั ดี
14 เดก็ ชายภูธนินทร์ ประสาร
15 เดก็ ชายภูริพฒั น์ รอบรู้
16 เด็กชายวชิรทศั น์ ธรรมวงศ์
17 เดก็ ชายอภนิ นั ท์ เจริณสขุ
18 เดก็ ชายอุชุกร กสิกรรม
19 เดก็ ชายเอกอนันต์ วอนอก
20 เดก็ ชายชยนั ตี คงธนกุลบวร
21 เด็กชายปรยิ วจน์ ศรหี าบตั ิ
22 เด็กชายธัญญวชิ ญ์ วรพพิ ฒั น์พร
23 เดก็ หญิงกวนิ ทิพย์ นชั ธนรเศรษฐ์
24 เดก็ หญงิ ณฏั ฐวรรณ ไชยศรี
25 เด็กหญงิ ธมลวรรณชนก เบา้ ทอง
26 เดก็ หญงิ ธญั ญน์ นั ตธ์ ร เวชชนินนาท
18
พฤตกิ รรม
เลขท่ี ช่ือ-สกุล เอาใจใส่ ต้งั ใจและ ทมุ่ เท พยามยาม ชืน่ ชม รวม
ตอ่ การ รบั ผดิ ชอบ แกป้ ญั หา ผลงาน
27 เดก็ หญงิ นทั ธ์นษิ ฐด์ า เวชชนนิ นาท ปฏิบตั ิ ในหนา้ ที่ ทางาน ในการ ด้วยความ คะแนน
28 เดก็ หญิงปวรศิ า ไกยเดช อดทน ทางาน (4) (20)
29 เด็กหญงิ ปวณี ธ์ ิดา สีพนั หน้าที่ การงานให้ ภาคภูมิใจ
30 เด็กหญงิ พบพร พงศาปาน ท่ไี ด้รับ สาเร็จ (4) ไม่ย่อท้อ (4)
31 เดก็ หญงิ พรหมภรณ์ สอนผา มอบหมาย ตอ่ ปัญหา
32 เด็กหญงิ รมิตา นามสมบรู ณ์
33 เด็กหญิงรนิ ลดา กลัดสอาด (4) ในการ
34 เด็กหญิงวาสิตา กรชี ยั ศรี ทางาน
35 เด็กหญิงศศิภา ปทุมทพิ ย์
36 เด็กหญงิ ปารมี ทองสมบัติ (4)
37 เดก็ หญิงธีรนาฎ ศรสี ะอาด
38 เดก็ หญิงพรชีรา อดุ ชาชน
19
ประเดน็ การประเมนิ และเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบสงั เกตพฤติกรรมด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ประเดน็ การประเมิน ระดับเกณฑก์ ารให้คะแนน
เอาใจใส่ตอ่ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ี 4 3 21
ท่ไี ด้รับมอบหมาย
- ตง้ั ใจและ - ตั้งใจและ - ตัง้ ใจและ - ไม่ตง้ั ใจปฏิบัติ
ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบในหน้าที่
การงานใหส้ าเรจ็ รบั ผิดชอบในการ รับผดิ ชอบในการ รับผิดชอบในการ หนา้ ทก่ี ารงาน
ปรบั ปรุงและพัฒนา
การทางานด้วยตนเอง ปฏบิ ตั หิ น้าท่ีทไี่ ด้รับ ปฏบิ ัติหน้าท่ีทไี่ ด้รบั ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีทไ่ี ดร้ ับ
ท่มุ เททางานอดทน ไมย่ อ่ ทอ้
ต่อปญั หาในการทางาน มอบหมายให้สาเร็จ มอบหมายให้สาเร็จ มอบหมายให้สาเรจ็
พยามยามแกป้ ัญหาใน
การทางาน มีการปรับปรุงและ และมกี ารปรบั ปรุง มีการปรบั ปรงุ การ
ชื่นชมผลงานด้วย
ความภาคภูมิใจ พฒั นาการทางาน และพฒั นาการ ทางานใหด้ ขี นึ้
ใหด้ ีขึน้ ดว้ ยตนเอง ทางานให้ดีข้ึน
- ทางานดว้ ยความ - ทางานด้วยความ - ทางานด้วยความ - ไม่ขยัน อดทน
ขยัน อดทน และ ขยัน อดทน และ ขยนั อดทน และ ในการทางาน
พยายามใหง้ าน พยายามใหง้ าน พยายามใหง้ าน
สาเร็จตาเป้าหมาย สาเร็จตาเป้าหมาย สาเรจ็ ตาเป้าหมาย
ภายในเวลาท่ี ไมย่ ่อท้อต่อปัญหา และชน่ื ชมผลงาน
กาหนด ไม่ยอ่ ทอ้ ในการทางาน และ ด้วยความ
ต่อปัญหา ช่นื ชมผลงานด้วย ภาคภมู ิใจ
แก้ปัญหาอปุ สรรค ความภาคภมู ิใจ
ในการทางานและ
ชื่นชมผลงานด้วย
เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤตกิ รรม มดี ังนี้
ดมี าก = 4 ประสิทธิภาพอยูใ่ นเกณฑ์ 90 - 100 %
ดี = 3 ประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 80 - 89 %
ปานกลาง = 2 ประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 70 - 79 %
ปรบั ปรุง = 1 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑต์ า่ กวา่ 60 %
เกณฑก์ ารผา่ น ตง้ั แตร่ ะดับ 3 ข้ึนไป
สรุป ผ่าน ไมผ่ ่าน
20
แบบบนั ทกึ หลงั การสอน
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2
ผลการจดั การเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหาและอปุ สรรคในการจดั การเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่อื ..........................................ผูส้ อน
(นายชาญชัย นาผล)
ครูผู้สอน
วันท่ี......./........../..........
ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของครูพ่ีเลย้ี ง
( ) เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ดี ี
( ) เหน็ ควร อนุญาตให้ใช้จัดการเรยี นร้ไู ด้
( ) ไมเ่ หน็ ควรอนุญาต เน่ืองจาก...........................................................................................................
( ) อ่ืนๆ (ถา้ มี)......................................................................................................................................
ลงช่อื ...................................................
(นายภคพร จันดาหาร)
ครพู เี่ ลยี้ ง
วนั ท่.ี ....../........../..........
21
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์
( ) เหน็ ควร อนุญาตให้ใช้จดั การเรยี นรู้ได้
( ) ไมเ่ หน็ ควรอนุญาต เนือ่ งจาก...........................................................................................................
( ) อื่นๆ (ถา้ ม)ี ......................................................................................................................................
ลงชือ่ .....................................................
(นางสาวกรวรรณ แสนสอน)
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
วนั ที่......./........../..........
ความคดิ เห็นของกลุ่มบริหารวิชาการ
( ) อนญุ าตให้ใช้แผนการจดั การเรยี นรไู้ ด้
( ) ควรปรบั ปรงุ ....................................................................................................................................
( ) อ่ืนๆ (ถา้ มี)......................................................................................................................................
ลงช่อื .....................................................
(ผู้ช่วยศาสตร์ตราจารย์ ดร. ดวงสมร กจิ โกศล)
รองผอู้ านวยการโรงเรียน
กลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
วนั ท่.ี ....../........../..........
ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร
( ) อนุมตั ใิ หใ้ ช้แผนจัดการจัดการเรียนรูไ้ ด้
( ) ไมอ่ นุมัติ เนื่องจาก...........................................................................................................
( ) อืน่ ๆ (ถา้ ม)ี ......................................................................................................................................
ลงชือ่ ...................................................
(รองศาสตราจารย์ ดร.วรัญญา จรี ะวิพูลวรรณ)
ผอู้ านวยการ โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
วันที่......./........../..........
22
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การเรยี นรู้ส่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว บทท่ี 1 การเรียนรู้แบบนักวทิ ยาศาสตร์
เรอื่ ง การทดลองของนกั วทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชัว่ โมง
ภาคเรียนท่ี 1/2565 ผสู้ อน นายชาญชยั นาผล
1. มาตรฐานและตัวชวี้ ัด
-
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การทดลองเป็นกระบวนการที่มกี ารปฏิบัติอยา่ งต่อเนือ่ งมีแบบแผนเพอ่ื หาคาตอบจากสมมตฐิ าน
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายทักษะการทดลองเพอื่ รวบรวมข้อมูลในการสบื เสาะหาความรู้ได้
3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
1. นกั เรยี นมที กั ษะการทดลองเพอ่ื รวบรวมขอ้ มลู ในการสืบเสาะหาความรไู้ ด้
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
1. สนใจใฝเ่ รียนรู้ มีขอ้ สงสัยและกระตอื รอื ร้นที่จะหาคาตอบ
4. สาระการเรียนรู้
การทดลองเปน็ กระบวนการปฏบิ ัตกิ ารอยา่ งต่อเนอ่ื งมแี บบแผนเพือ่ รวบรวมข้อมลู ในการหาคาตอบ
จากสมมติฐานโดยมีขัน้ ตอนคอื การออกแบบการทดลองการลงมอื ทดลองและการบันทึกผลการทดลองในการ
ทดลองต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์อนื่ ๆ เช่นการสังเกตการวดั การใช้จานวนการตงั้ สมมตฐิ าน
การกาหนดและควบคุมตวั แปรการกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั ิการและทักษะการคิดเช่นการคิดอย่างสร้างสรรค์
การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ
5. กจิ กรรมการเรียนรู้ : โดยใช้รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะแสวงหาความรู้ (5E)
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
1. ครกู ระตนุ้ นกั เรียนโดยการถามคาถามดังตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นรไู้ หมว่าการทดลองคืออะไร (แนวคาตอบ นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของนักเรียนเอง)
- การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัติการคืออะไร (แนวคาตอบ นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ)
2. ครูนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น โดยนากระดาษ A4 แบบเรียบ จานวน 1 แผ่น และกระดาษ A4 ทข่ี ยาแล้วมา
ใหน้ ักเรียนดู แลว้ ถามนักเรียนว่า
- ถา้ เราปลอ่ ยกระดาษทั้ง 2 แบบให้ตกพ้ืนดว้ ยระยะความสงู เท่ากนั จบั เวลาปลอ่ ยกระดาษ
จนตกถึงพื้น นกั เรยี นคดิ วา่ กระดาษแบบใดจะตกถึงพนื้ เร็วกว่ากนั และเป็นเพราะเหตุใด
23
ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา (Explanation)
3. นกั เรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 5-6 คน เพือ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมท่ี 3 การทดลองทาอย่างไร............................
4. นักเรียนอา่ นสถานการณ์ในหนังสือเรยี นพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 27 แล้วครใู ช้คาถาม
เกย่ี วกบั ส่ิงที่จะเรียน ดงั น้ี...............................................................................................................................
- กิจกรรมน้นี กั เรยี นจะไดเ้ รียนเกยี่ วกบั เรอ่ื งอะไร (แนวคาตอบ ทักษะการทดลอง)
- นักเรียนจะเรยี นเรอื่ งน้ดี ว้ ยวิธใี ด (แนวคาตอบทดลอง)..........................................................
- เรื่องทอี่ ่านในสถานการณ์ เกี่ยวกบั อะไร (แนวคาตอบ เหตกุ ารณ์นา้ ทว่ มทาให้ผู้ประสบภัย
ขาดแคลนยาและอาหาร อาจชว่ ยเหลือโดยใช้เฮลิคอปเตอรส์ ่งยาและอาหารแก่ผู้ประสบภยั )
- จากสถานการณน์ ักเรยี นตอ้ งทาอย่างไรบา้ ง (แนวคาตอบ ออกแบบและวเิ คราะหร์ ม่
จานวน 2 แบบ และนาไปทดสอบโดยทเ่ี ม่ือปล่อยกลอ่ งอาหารกบั ร่มแล้วกล่องอาหารไมเ่ สียหาย)
- การทดลองนม้ี ีการกาหนดเงือ่ นไขอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ปล่อยรม่ จากความสูง 3 เมตร
กล่องอาหารคอื ถว้ ยพลาสตกิ และอาหารคอื ไข่ไก่ ตัวรม่ ทาจากถุงพลาสตกิ และเชอื กฟาง)
5. ตวั แทนนกั เรียนแต่ละกลมุ่ มารับอุปกรณ์การทากจิ กรรมกลุ่มละ 1 ชุด โดยแต่ละกลุ่ม จะได้
แก้วพลาสติก 2 ใบ เชอื กฟาง 4 เสน้ ถงุ พลาสติก (ขนาดต่างกัน) 2 ใบ ไขน่ กกระทา 1 ฟอง
กรรไกร 1 เล่ม จากนนั้ เร่ิมทากิจกรรม พรอ้ มบนั ทึกผลลงในใบกิจกรรม
ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Exploration)
6. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปราย โดยครใู ช้คาถาม ดงั นี้......................................................................
- คาถามการทดลองของแตล่ ะกลุ่มเป็นอยา่ งไร (คาตอบของนกั เรยี นขน้ึ อยกู่ บั นักเรยี น
แต่ละกลุม่ ทรี่ ะดมความคดิ ช่วยกัน นักเรยี นอาจตอบคาถามว่ารม่ ขนาดใหญจ่ ะทาให้ไข่ในรม่ แตกหรือไม่ หรอื
รม่ ขนาดเล็กจะทาให้ไข่ในรม่ แตกหรอื ไม่)................................................................................................
- สมมติฐานการทดลองของแตล่ ะกลุ่มเหมอื นหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร (อาจจะเหมอื นกนั
หรือไมเ่ หมือนกันขึ้นอยกู่ บั ความคดิ ของนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ว่าจะต้ังวา่ ขนาดรม่ เลก็ หรือใหญ่ท่จี ะทาให้ไขต่ กช้า
กว่ากนั )
- การทดลองนม้ี ตี ัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงทคี่ อื อะไร
(แนวคาตอบ ตัวแปรต้นคือ ขนาดของร่ม ตวั แปรตามคอื ระยะเวลาทรี่ ม่ ตกถึงพน้ื ตวั แปรที่ต้องควบคมุ ให้
คงท่ี ไดแ้ ก่ ชนดิ ของวสั ดุที่ทาร่ม ความยาวของเชือก จานวนเชอื ก จานวนไข่ไก่ ขนาดและชนิดวัสดุท่ีใช้ทา
ถว้ ย)
- ผลการทดลองแตล่ ะกลุ่มเปน็ อย่างไร เปน็ ไปตามสมมติฐานหรือไม่ (แนวคาตอบ
รม่ ขนาดใหญ่ตกชา้ กว่ารม่ ขนาดเลก็ )....................................................................................................
- การทดลองน้ี สรปุ ได้วา่ อยา่ งไร (แนวคาตอบ ร่มขนาดแตกต่างกันใช้เวลาถงึ พ้ืนตา่ งกนั )
7. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรปุ องคค์ วามรู้ ไดว้ า่ กจิ กรรมน้ีเป็นการเรยี นรทู้ กั ษะการทดลองโดยผ่าน
การทากจิ กรรมเปรียบเทยี บขนาดของรม่ มผี ลตอ่ การตกถงึ พื้นเรว็ ตา่ งกนั หรือไม่และไม่ทาให้สงิ่ ของเสยี หาย
ซึง่ การทดลองเปน็ การปฏิบัตเิ พ่อื ตรวจสอบสมมติฐานโดยเรม่ิ จากการตงั้ คาถามการทดลอง การตัง้ สมมตฐิ าน
การดาเนินการทดลอง บันทึกผลการทดลอง นาเสนอผลการทดลอง
24
ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
8. ครถู ามคาถามโดยการเชือ่ มโยงจากการทากิจกรรมวา่ “ถ้าเราอยากทราบว่าร่มท่ีทาจากวัสดชุ นดิ
ใดตกถึงพน้ื ช้าที่สุด จะมวี ิธีการทดลองอยา่ งไร และใหน้ ักเรียนพร้อมอธิบายเหตุผลประกอบด้วย” และ
นักเรยี นสามารถนากระบวนการสืบเสาะหาความรูท้ างวิทยาศาสตรแ์ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวนั ได้หรอื ไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของนกั เรียน)
ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation)
9. ครูถามคาถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี น ดังนี้
- การทดลองคอื อะไร
- การกาหนดนิยามเชิงปฏบิ ตั ิการคอื อะไร
6. สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนงั สือวทิ ยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ป.4 เล่ม 1
2. อุปกรณก์ จิ กรรมท่ี 3 การทดลองทาได้อยา่ งไร
3. ใบกจิ กรรมท่ี 3 การทดลองทาไดอ้ ยา่ งไร
7. การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั แลประเมนิ ผล เครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผล เกณฑ์
ดา้ นความรู้ (K) - สงั เกตจากการตอบคาถาม - ขอ้ คาถาม ผา่ นเกณฑ์
- นักเรยี นสามารถอธบิ ายทักษะการ - ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 3 การ - ใบกจิ กรรมที่ 3 การทดลอง รอ้ ยละ 70
ทดลองเพอ่ื รวบรวมข้อมลู ในการสบื ทดลองทาได้อยา่ งไร ทาไดอ้ ยา่ งไร ขน้ึ ไป
เสาะหาความรไู้ ด้
ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - สงั เกตจากการปฏบิ ัติ - กจิ กรรมการเรียนรู้
- นักเรยี นมีทักษะการทดลองเพือ่ กจิ กรรม - ใบกจิ กรรมท่ี 3 การทดลอง
รวบรวมข้อมูลในการสืบเสาะหา - ตรวจใบกิจกรรมท่ี 3 การ ทาได้อย่างไร
ความร้ไู ด้ ทดลองทาได้อย่างไร
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - สงั เกตคุณลักษณะ - แบบประเมินคุณลักษณะอนั ผา่ นเกณฑ์
- สนใจใฝเ่ รียนรู้ มีขอ้ สงสัยและ อนั พงึ ประสงค์ พึงประสงค์ ระดบั ดี
กระตือรอื ร้นทีจ่ ะหาคาตอบ
25
แบบสังเกตพฤติกรรม
ชนั้ ……………………………จานวน………………คน
สงั เกตพฤติกรรมวนั ท่ี……………..เดอื น…………………….พ.ศ……………
พฤตกิ รรม
ชว่ ยเหลอื การ พยายาม ร่วมกนั สง่ งาน
หรือ
ดา้ นกาลงั แนะนา ชว่ ยเหลือ แกไ้ ข แบบฝกึ รวม
คะแนน
เลขท่ี ชอ่ื -สกลุ ความคดิ แนวทาง สมาชิกใน ปัญหา หดั ได้ (20)
(4) โดยการพูด กลมุ่ ไมน่ งิ่ พยายาม ตรงตาม
ในส่งิ ทีเ่ ปน็ ดูดาย ทางาน กาหนด
(4)
ประโยชน์ (4) ให้สาเรจ็
(4) (4)
1 เดก็ ชายกรกฎ ภมู พิ ันธ์
2 เดก็ ชายกรวชิ ญ์ จุรัมย์
3 เด็กชายกนั ต์ดนัย วิชาผง
4 เดก็ ชายกปั ตนั แก้วสะอาด
5 เด็กชายก้าวชัย ก่งิ มง่ิ แฮ
6 เด็กชายกุลวชั ร แสนสอน
7 เด็กชายชนยั ธรณ์ แสนกลาง
8 เดก็ ชายโชตพิ ฒั น์ เวียงแก
9 เดก็ ชายทนิ ภัทร มะโนมยั
10 เด็กชายธีทัต วรรักษ์
11 เดก็ ชายนภวัต สุวรรณบตุ ร
12 เด็กชายปณั ฑ์ ไม้พันธุ์
13 เดก็ ชายภูชติ รักษาภกั ดี
14 เด็กชายภธู นินทร์ ประสาร
15 เด็กชายภรู พิ ัฒน์ รอบรู้
16 เด็กชายวชริ ทศั น์ ธรรมวงศ์
17 เดก็ ชายอภินันท์ เจรณิ สุข
18 เด็กชายอชุ กุ ร กสกิ รรม
19 เด็กชายเอกอนันต์ วอนอก
20 เดก็ ชายชยนั ตี คงธนกลุ บวร
21 เด็กชายปริยวจน์ ศรหี าบตั ิ
22 เด็กชายธญั ญวชิ ญ์ วรพพิ ฒั น์พร
23 เดก็ หญิงกวินทิพย์ นชั ธนรเศรษฐ์
24 เดก็ หญิงณัฏฐวรรณ ไชยศรี
25 เด็กหญิงธมลวรรณชนก เบ้าทอง
26 เดก็ หญิงธญั ญน์ ันต์ธร เวชชนนิ นาท
26
เลขที่ ช่อื -สกลุ พฤตกิ รรม ร่วมกนั สง่ งาน รวม
แก้ไข หรอื
27 เดก็ หญิงนัทธ์นษิ ฐด์ า เวชชนินนาท ชว่ ยเหลอื การ พยายาม ปัญหา แบบฝกึ คะแนน
28 เดก็ หญงิ ปวริศา ไกยเดช ดา้ นกาลัง แนะนา ช่วยเหลือ พยายาม หดั ได้ (20)
29 เดก็ หญงิ ปวณี ธ์ ิดา สพี นั ความคิด แนวทาง สมาชกิ ใน ทางาน ตรงตาม
30 เดก็ หญงิ พบพร พงศาปาน ใหส้ าเร็จ กาหนด
31 เด็กหญิงพรหมภรณ์ สอนผา (4) โดยการพดู กลมุ่ ไมน่ ิง่ (4) (4)
32 เด็กหญงิ รมิตา นามสมบูรณ์ ในสงิ่ ทีเ่ ปน็ ดดู าย
33 เดก็ หญงิ รินลดา กลดั สอาด ประโยชน์ (4)
34 เดก็ หญิงวาสติ า กรีชัยศรี (4)
35 เดก็ หญงิ ศศิภา ปทุมทพิ ย์
36 เดก็ หญิงปารมี ทองสมบตั ิ
37 เด็กหญงิ ธีรนาฎ ศรีสะอาด
38 เด็กหญงิ พรชรี า อดุ ชาชน
มีเกณฑ์ให้คะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรม คือ
- เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 4 คะแนน เมื่อนักเรยี นแสดงพฤติกรรมตามที่ตอ้ งการเป็นประจา สม่าเสมอ
- เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 3 คะแนน เม่ือนกั เรยี นแสดงพฤติกรรมตามทีต่ อ้ งการค่อนขา้ งสม่าเสมอ
- เกณฑ์การให้คะแนน 2 คะแนน เม่อื นกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมตามที่ต้องการคอ่ นขา้ งนอ้ ย
- เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 คะแนน เมอ่ื นักเรียนแสดงพฤติกรรมตามทีต่ ้องการนอ้ ย
เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤติกรรม มดี ังนี้
ดีมาก = 4 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 90 - 100 %
ดี = 3 ประสทิ ธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 70 - 89 %
ปานกลาง = 2 ประสทิ ธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 50 - 69 %
ปรับปรุง = 1 ประสทิ ธภิ าพต่ากว่าเกณฑ์ 50 %
เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแต่ระดับ 3 ข้นึ ไป
สรุป ผ่าน ไม่ผ่าน
27
แบบสังเกตพฤติกรรมดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชั้น……………………………จานวน………………คน
วนั ที่……………..เดอื น…………………….พ.ศ……………
พฤตกิ รรม
เอาใจใส่ ต้ังใจและ ทมุ่ เท พยามยาม ชน่ื ชม
แก้ปัญหา ผลงาน
ต่อการ รบั ผดิ ชอบ ทางาน ในการ ด้วยความ รวม
คะแนน
เลขที่ ชือ่ -สกุล ปฏิบตั ิ ในหนา้ ที่ อดทนไม่ ทางาน (4) ภาคภูมิใจ (20)
หน้าที่ ท่ี การงานให้ ยอ่ ทอ้ ต่อ (4)
ไดร้ บั สาเร็จ (4) ปญั หาใน
มอบหมาย การทางาน
(4) (4)
1 เด็กชายกรกฎ ภูมิพันธ์
2 เดก็ ชายกรวิชญ์ จรุ ัมย์
3 เดก็ ชายกนั ต์ดนัย วิชาผง
4 เดก็ ชายกปั ตนั แก้วสะอาด
5 เดก็ ชายก้าวชัย ก่ิงมิ่งแฮ
6 เดก็ ชายกลุ วัชร แสนสอน
7 เด็กชายชนัยธรณ์ แสนกลาง
8 เด็กชายโชตพิ ฒั น์ เวยี งแก
9 เดก็ ชายทินภทั ร มะโนมัย
10 เดก็ ชายธีทตั วรรกั ษ์
11 เด็กชายนภวัต สวุ รรณบุตร
12 เด็กชายปัณฑ์ ไมพ้ ันธุ์
13 เด็กชายภชู ิต รักษาภกั ดี
14 เดก็ ชายภูธนินทร์ ประสาร
15 เดก็ ชายภูริพฒั น์ รอบรู้
16 เด็กชายวชิรทศั น์ ธรรมวงศ์
17 เดก็ ชายอภนิ นั ท์ เจริณสขุ
18 เดก็ ชายอุชุกร กสิกรรม
19 เดก็ ชายเอกอนันต์ วอนอก
20 เดก็ ชายชยนั ตี คงธนกุลบวร
21 เด็กชายปรยิ วจน์ ศรหี าบตั ิ
22 เด็กชายธัญญวชิ ญ์ วรพพิ ฒั น์พร
23 เดก็ หญิงกวนิ ทิพย์ นชั ธนรเศรษฐ์
24 เดก็ หญงิ ณฏั ฐวรรณ ไชยศรี
25 เด็กหญงิ ธมลวรรณชนก เบา้ ทอง
26 เดก็ หญงิ ธญั ญน์ นั ตธ์ ร เวชชนินนาท
28
พฤตกิ รรม
เลขท่ี ช่ือ-สกุล เอาใจใส่ ต้งั ใจและ ทมุ่ เท พยามยาม ชืน่ ชม รวม
ตอ่ การ รบั ผดิ ชอบ แกป้ ญั หา ผลงาน
27 เดก็ หญงิ นทั ธ์นษิ ฐด์ า เวชชนนิ นาท ปฏิบตั ิ ในหนา้ ที่ ทางาน ในการ ด้วยความ คะแนน
28 เดก็ หญิงปวรศิ า ไกยเดช อดทน ทางาน (4) (20)
29 เด็กหญงิ ปวณี ธ์ ิดา สีพนั หน้าที่ การงานให้ ภาคภูมิใจ
30 เด็กหญงิ พบพร พงศาปาน ท่ไี ด้รับ สาเร็จ (4) ไม่ย่อท้อ (4)
31 เดก็ หญงิ พรหมภรณ์ สอนผา มอบหมาย ตอ่ ปัญหา
32 เด็กหญงิ รมิตา นามสมบรู ณ์
33 เด็กหญิงรนิ ลดา กลัดสอาด (4) ในการ
34 เด็กหญิงวาสิตา กรชี ยั ศรี ทางาน
35 เด็กหญิงศศิภา ปทุมทพิ ย์
36 เด็กหญงิ ปารมี ทองสมบัติ (4)
37 เดก็ หญิงธีรนาฎ ศรสี ะอาด
38 เดก็ หญิงพรชีรา อดุ ชาชน
29
ประเดน็ การประเมนิ และเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบสงั เกตพฤติกรรมด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ประเดน็ การประเมิน ระดับเกณฑก์ ารให้คะแนน
เอาใจใส่ตอ่ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ี 4 3 21
ท่ไี ด้รับมอบหมาย
- ตง้ั ใจและ - ตั้งใจและ - ตัง้ ใจและ - ไม่ตง้ั ใจปฏิบัติ
ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบในหน้าที่
การงานใหส้ าเรจ็ รบั ผิดชอบในการ รับผดิ ชอบในการ รับผิดชอบในการ หนา้ ทก่ี ารงาน
ปรบั ปรุงและพัฒนา
การทางานด้วยตนเอง ปฏบิ ตั หิ น้าท่ีทไี่ ด้รับ ปฏบิ ัติหน้าท่ีทไี่ ด้รบั ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีทไ่ี ดร้ ับ
ท่มุ เททางานอดทน ไมย่ อ่ ทอ้
ต่อปญั หาในการทางาน มอบหมายให้สาเร็จ มอบหมายให้สาเร็จ มอบหมายให้สาเรจ็
พยามยามแกป้ ัญหาใน
การทางาน มีการปรับปรุงและ และมกี ารปรบั ปรุง มีการปรบั ปรงุ การ
ชื่นชมผลงานด้วย
ความภาคภูมิใจ พฒั นาการทางาน และพฒั นาการ ทางานใหด้ ขี นึ้
ใหด้ ีขึน้ ดว้ ยตนเอง ทางานให้ดีข้ึน
- ทางานดว้ ยความ - ทางานด้วยความ - ทางานด้วยความ - ไม่ขยัน อดทน
ขยัน อดทน และ ขยัน อดทน และ ขยนั อดทน และ ในการทางาน
พยายามใหง้ าน พยายามใหง้ าน พยายามใหง้ าน
สาเร็จตาเป้าหมาย สาเร็จตาเป้าหมาย สาเรจ็ ตาเป้าหมาย
ภายในเวลาท่ี ไมย่ ่อท้อต่อปัญหา และชน่ื ชมผลงาน
กาหนด ไม่ยอ่ ทอ้ ในการทางาน และ ด้วยความ
ต่อปัญหา ช่นื ชมผลงานด้วย ภาคภมู ิใจ
แก้ปัญหาอปุ สรรค ความภาคภมู ิใจ
ในการทางานและ
ชื่นชมผลงานด้วย
เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤตกิ รรม มดี ังนี้
ดมี าก = 4 ประสิทธิภาพอยูใ่ นเกณฑ์ 90 - 100 %
ดี = 3 ประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 80 - 89 %
ปานกลาง = 2 ประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 70 - 79 %
ปรบั ปรุง = 1 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑต์ า่ กวา่ 60 %
เกณฑก์ ารผา่ น ตง้ั แตร่ ะดับ 3 ข้ึนไป
สรุป ผ่าน ไมผ่ ่าน
30
แบบบันทึกหลงั การสอน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3
ผลการจัดการเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหาและอปุ สรรคในการจดั การเรยี นการสอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ..........................................ผู้สอน
(นายชาญชัย นาผล)
ครูผสู้ อน
วนั ท่ี......./........../..........
ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของครพู ่ีเล้ยี ง
( ) เป็นแผนการจัดการเรียนรทู้ ด่ี ี
( ) เห็นควร อนุญาตใหใ้ ช้จดั การเรียนรู้ได้
( ) ไมเ่ ห็นควรอนญุ าต เน่อื งจาก...........................................................................................................
( ) อ่นื ๆ (ถ้าม)ี ......................................................................................................................................
ลงช่อื ...................................................
(นายภคพร จันดาหาร)
ครูพเี่ ลีย้ ง
วันท.่ี ....../........../..........
31
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์
( ) เหน็ ควร อนุญาตให้ใช้จดั การเรยี นรู้ได้
( ) ไมเ่ หน็ ควรอนุญาต เนือ่ งจาก...........................................................................................................
( ) อื่นๆ (ถา้ ม)ี ......................................................................................................................................
ลงชือ่ .....................................................
(นางสาวกรวรรณ แสนสอน)
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
วนั ที่......./........../..........
ความคดิ เห็นของกลุ่มบริหารวิชาการ
( ) อนญุ าตให้ใช้แผนการจดั การเรยี นรไู้ ด้
( ) ควรปรบั ปรงุ ....................................................................................................................................
( ) อ่ืนๆ (ถา้ มี)......................................................................................................................................
ลงช่อื .....................................................
(ผู้ช่วยศาสตร์ตราจารย์ ดร. ดวงสมร กจิ โกศล)
รองผอู้ านวยการโรงเรียน
กลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
วนั ท่.ี ....../........../..........
ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร
( ) อนุมตั ใิ หใ้ ช้แผนจัดการจัดการเรียนรูไ้ ด้
( ) ไมอ่ นุมัติ เนื่องจาก...........................................................................................................
( ) อืน่ ๆ (ถา้ ม)ี ......................................................................................................................................
ลงชือ่ ...................................................
(รองศาสตราจารย์ ดร.วรัญญา จรี ะวิพูลวรรณ)
ผอู้ านวยการ โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
วันที่......./........../..........