ก
ก
คำนำ
โคมล้านนากับงานประเพณยี ี่เปง็ ถอื ได้วา่ เปน็ ของคู่กนั ประเพณีการจดุ โคมไฟ แต่เดิมจงึ มัก
มีเฉพาะในพระราชสำนัก และบ้านเรือน ของเจ้านายใหญ่โต เท่าที่ผ่านมาชาวล้านนาใช้โคมไฟ
ในฐานะของเครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ในพิธีกรรมเท่านั้น โคมล้านนา ถูกนำมาใช้ ประดับ
ตกแต่ง เพือ่ ความสวยงาม อีกทงั้ ยงั เปน็ การเสริมสิริมงคลให้แก่เจ้าของบ้าน มีการประดิษฐ์รูปทรงที่
หลากหลาย แตกตา่ งกัน มีลวดลายเฉพาะทีถ่ ูกออกแบบขึ้นมาเอง เป็นลวดลายพื้นบ้านเฉพาะพื้นที่
เท่าน้ัน ซึง่ ไมเ่ หมือนใคร มีความแตกต่างเฉพาะตัว และตุงล้านนาเป็นสิ่งที่ทำขนึ้ เพื่อใช้ในงานพิธีทาง
พทุ ธศาสนา ทั้งในงานมงคลและอวมงคลตา่ ง ๆ โดยมีขนาด รูปทรงและรายละเอียดด้านวัสดุต่าง ๆ
แตกต่างกันไปตามความเชื่อและพิธีกรรมตลอดจนตามความนิยมในแต่ละท้องถิ่น ด้วยตุงล้านนา
สะท้อนถึงอิทธิพลวัฒนธรรมการเรียกตามภาษาถิ่นล้านนา ในปัจจุบันความนิยมประดับตกแต่ง
สถานท่ตี า่ งๆ โดยใช้โคมลา้ นนา และตุงล้านนาเกิดขนึ้ อยา่ งแพรห่ ลาย เช่น ตกแตง่ ตามโรงแรม หรือ
สถานทท่ี อ่ งเที่ยวต่างๆ เพื่อความสวยงาม ซึ่งโคมไฟลา้ นนาเองก็ได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทย
และต่างประเทศ มีหลากหลายรูปแบบ นอกจากนั้นการใช้ประดับตกแต่งแล้วในปัจจุบันการแขวน
โคมเพือ่ ความเปน็ สิริมงคล ได้รับความนิยมเพิม่ มากข้นึ โดยมีความเชือ่ ว่าเป็นการลอยเคราะห์ปลอ่ ย
เสนียดจัญไรตา่ งๆ เชื่อว่าชาตหิ น้าเกิดมาจะมีสติปัญญาดี เนือ่ งจากแสงสว่างเปน็ แสงที่สอ่ งเข้าไปยัง
ความมืด เปรยี บเสมอื นปัญญาทีจ่ ะมองเห็นส่ิงต่าง ๆ ได้
กศน.อำเภอดอกคำใต้ เลง็ เหน็ ถึงความสำคัญดงั กลา่ ว จึงดำเนินการจดั ทำหลักสูตร
วิชาชีพการทำโคมและตุงล้านนา หลักสูตร 35 ชั่วโมง ซึ่งมีขอบข่ายเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป
เกี่ยวกับการทำโคมและตุงล้านนา การบรหิ ารจัดการและการตลาด และคุณธรรม จริยธรรมในการ
ประกอบอาชีพ เพื่อนำไปใช้ในการจัดการศึกษาวิชาชีพให้กับผู้เรียน โดยศึกษาความต้องการของ
กลุ่มเป้าหมาย และชุมชน พร้อมทั้งเพื่อเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น มุ่งพัฒนาคนให้ได้รับ
การศึกษา เพือ่ พัฒนาอาชีพและการมีงานทำ สามารถสร้างรายได้อาชีพให้มีความมั่นคง สอดคล้อง
กับศักยภาพ พัฒนาตนเอง สังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อมและมีความพร้อมที่จะสามารถทำงานได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ
กศน.อำเภอดอกคำใต้ ขอขอบคุณอาจารย์อัญชลี ธรรมะวิธีกุลศึกษานิเทศก์เชีย่ วชาญสำนักงานกศน.
และคณะกรรมการสถานศึกษา กศน. อำเภอดอกคำใต้ ที่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ในการจัดทำ
หลักสตู รมา ณ โอกาสนี้ และหวังว่าเอกสารหลักสตู รวิชาชีพการทำโคมและตุงล้านนา ฉบบั นจี้ ะเป็น
ประโยชน์ต่อวิทยากรและผู้เกี่ยวข้องในการนำไปใช้ในการจัดการศึกษาต่อเนื่องรูปแบบ
ช้ันเรียนวิชาชีพให้กับกลมุ่ เป้าหมายตอ่ ไป
(นายถนอม โยวงั )
ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอดอกคำใต้
มกราคม 2564
สารบัญ ข
หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
หลกั สตู รวิชาชีพ การทำโคมและตงุ ล้านนา
ความสำคัญ…………………………………………………………………………………………………………. 2
จดุ มุง่ หมาย………………………………………………………………………………………………………….. 2
วัตถปุ ระสงค์………………………………………………………………………………………………………… 2
เนอื้ หาของหลักสูตร……………………………………………………………………………………………… 3
ระยะเวลาเรียน……………………………………………………………………………………………………. 3
สือ่ ประกอบการเรียนและแหล่งเรียนรู้……………………………………………………………………. 3
การวดั ผลประเมินผล……………………………………………………………………………………………. 3
ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะได้รบั ……………………………………………………………………………………. 3
โครงสร้างหลักสูตร……………………………………………………………………………………………….. 4
แผนการจดั การเรียนรู้…………………………………………………………………………………………… 30
บรรณานุกรม………………………………………………………………………………………………………. 35
คณะผจู้ ัดทำ………………………………………………………………………………………………………… 36
1
กจิ กรรมที่ 2 เขียนผงั หลกั สตู รวิชาชีพ ชื่อหลกั สตู ร การทำโคมและตงุ ลา้ นนา
หัวเรือ่ งหลกั หวั เรือ่ งย่อย หวั เรื่องย่อย หัวเรื่องย่อย
ความรู้ทั่วไปเกย่ี วกบั ความเปน็ มาและความสำคญั วัฒนธรรมและความเชื่อ การอนรุ กั ษด์ ้านภมู ิปญั ญา
การทำโคมและตงุ ล้านนา ของโคมและตงุ ล้านนา ของชาวล้านนา
การทำโคมแขวน ง การทำโคมและตุงล้านนา
หรอื โคมคา้ ง - การทำโคมแขวน
การทำโคมถือ - การทำโคมถือหรือโคมหกู ระต่าย
- การทำตงุ ไส้หมู
หรอื โคมหูกระตา่ ย
วัสด/ุ อุปกรณ์ ขั้นตอนการผลิต การบรรจภุ ัณฑ์ การดูแลรกั ษา
วสั ด/ุ อุปกรณ์ ข้ันตอนการผลิต การบรรจุภณั ฑ์ การดูแลรักษา
วสั ด/ุ อปุ กรณ์ ขั้นตอนการผลิต การบรรจุภัณฑ์ การดูแลรกั ษา
การทำตงุ ไสห้ มู การวางแผน การวางแผน การกำหนด การทำบัญชี
การบริหารจัดการและ การผลิต การจำหนา่ ย ราคาขาย รายรบั รายจา่ ย
การตลาด การค้าออนไลน์
คุณธรรม จริยธรรมใน ความหมายและ คณุ ธรรม และจริยธรรมในการ
การประกอบอาชีพ ความสำคญั ของคุณธรรม ประกอบอาชีพ
จริยธรรมในการประกอบ - ความขยนั
อาชีพ - ความอดทน
- ความซือ่ สัตย์
2
หลกั สูตรวิชาชีพ การทำโคมและตงุ ล้านนา
ความสำคญั
โคมแขวนหรือโคมไฟล้านนา เป็นงานหัตถกรรมพื้นเมืองจากภูมิปัญญา
ของบรรพบุรษุ ทีส่ บื ทอดตอ่ กนั มา และได้ถา่ ยทอดจากร่นุ สรู่ ุ่นเพือ่ ให้คงอย่สู บื ตอ่ กันมาจนถึงปัจจุบัน
ในภาคเหนือ ดว้ ยเหตทุ ี่การดำรงชีวิตผูกพนั กบั ศาสนา การสร้างผลงานทางศิลปะจึงมแี รงบันดาลใจ
จากความศรัทธา ปจั จบุ ันชาวลา้ นนานิยมนำมาใช้ในงานพิธีกรรมตา่ ง ๆ โดยเฉพาะในงานประเพณี
ยี่เป็งหรือประเพณีลอยกระทง นิยมจุดโคมค้าง หรือโคมที่ติดแขวนไว้บนที่สูง ทำด้วยไม้ไผ่
และกระดาษสร้างเป็นโคมทรงกลมหักมุมเรียกว่า "โคมรังมดส้ม" ใช้ประดับตกแต่งมีเทียน
และประทีปเพื่อเปน็ การสกั การะบูชาพระพุทธเจ้า ในคืนวนั เพญ็ เดอื นสบิ สอง (ยีเ่ ป็งล้านนา) และเชื่อ
ว่าเป็นการบวงสรวงพระเกษแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ซึ่งถือว่าเมื่อได้กระทำเช่นนี้แล้ว
แสงประทีปจากโคมจะช่วยส่งประกายให้การดำเนินชีวิตเจริญรุ่งเรือนอยู่เย็นเป็นสุข ชาวล้านนา
จึงนิยมปลอ่ ยโคมไฟขึ้นฟ้าและจุดประทีปตามบ้านเรือน สว่ นตุง เปน็ สิ่งทีท่ ำขึ้นเพื่อใช้ในงานพิธีทาง
พทุ ธศาสนา ท้ังในงานมงคลและอวมงคลตา่ ง ๆ โดยมีขนาด รูปทรงและรายละเอียดด้านวัสดุต่าง ๆ
แตกตา่ งกันไปตามความเชื่อและพิธกี รรมตลอดจนตามความนิยมในแตล่ ะท้องถิน่ ดว้ ย
ชาวบ้านในอำเภอดอกคำใต้ จังหวดั พะเยา จึงไดท้ ำโคมและตุงล้านนา สร้างสรรค์
เป็นงานหัตกรรมใช้ให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวเพื่อให้มีรายได้ที่มั่นคง
โดยสินค้าที่กำลังเป็นสินค้าที่นิยมในขณะนี้คือ โคมล้านนา และตุงล้านนา เนื่องจากมีรูปทรง
ที่ทันสมยั และเป็นที่ต้องการของตลาดภายในท้องถิ่นและระดับประเทศ
ดังนนั้ การพัฒนาหลกั สตู รวิชาชีพ การทำโคมและตุงล้านนา เพือ่ นำมาใช้ในการจัด
การศึกษาวิชาชีพให้กับผู้เรียน เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ และมีทักษะในการพัฒนาอาชีพการทำ
โคมและตุงล้านนา นำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพและนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั
จุดมุ่งหมาย
มงุ่ ให้มีความรคู้ วามเข้าใจ และมีทกั ษะในการพฒั นาอาชีพการทำโคมและตุงล้านนา
นำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
วตั ถุประสงค์
1. เพือ่ ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจและมีทกั ษะในการทำโคมและตุงล้านนา
2. เพื่อให้นำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพการทำโคมและตุงล้านนา
และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
3
เน้อื หาของหลักสูตร
1. ความรู้ทั่วไปเกีย่ วกับการทำโคมและตงุ ล้านนา
2. การทำโคมแขวนหรือโคมค้าง
3. การทำโคมถอื หรือโคมหูกระต่าย
4. การทำตุงไส้หมู
5. การบรหิ ารจดั การและการตลาด
6. คุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ
ระยะเวลาเรยี น จำนวน 5 ช่ัวโมง
จำนวน 35 ชั่วโมง จำนวน 30 ช่วั โมง
ภาคทฤษฎี
ภาคปฏิบัติ
สื่อประกอบการเรยี นและแหล่งเรียนรู้.
1. ใบความร/ู้ เอกสารคู่มือการทำโคมและตงุ แบบตา่ ง ๆ
2. แหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน
2.1 กลุม่ ผู้สงู อายบุ ้านคลองประปา หมู่ที่ 3 ตำบลดอนศรีชมุ
อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
3. ภมู ิปัญญาท้องถิน่ ตำบลดอนศรีชมุ
3.1 นางสพุ รรณี ปัญญาโสภา บ้านเลขที่ 211 หมู่ที่ 3 ตำบลดอนศรีชมุ
อำเภอดอกคำใต้ จงั หวดั พะเยา
4. ใบงาน
การวดั ผลประเมินผล
1. สงั เกตการเข้ารว่ มกิจกรรมของผู้เรยี น
2. การทำแบบฝึกหัด
3. การทำแบบทดสอบ
4. ประเมินจากชิน้ งาน
ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั
1. ผู้เรยี นมีความรู้ ความเข้าใจและมีทกั ษะในการทำโคมและตงุ ล้านนา
2. ผู้เรยี นนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพการทำโคมและตุงล้านนา
และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
4
โครงสร้างหลักสตู ร
1.ความรู้ทวั่ ไปเกย่ี วกับการทำโคมและตุงลา้ นนา จำนวน 3 ชั่วโมง
1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของโคมและตงุ ล้านนา
1.2 วัฒนธรรมและความเชือ่ ของชาวลา้ นนา
1.3 การอนรุ ักษด์ า้ นภูมิปญั ญา
1.4 การทำโคมและตุงล้านนา
1.4.1 การทำโคมแขวนหรือโคมค้าง
1.4.2 การทำโคมถอื หรือโคมหูกระต่าย
1.4.3 การทำตุงไส้หมู
2. การทำโคมแขวนหรือโคมค้าง จำนวน 25 ชั่วโมง
2.1 วสั ดแุ ละอุปกรณใ์ นการทำโคมแขวนหรือโคมค้าง (โคมรังมดส้มแบบใช้ผ้า)
2.2 ขั้นตอนในการผลติ
2.3 การบรรจภุ ัณฑ์
2.4 การดูแลรักษา
3. การทำโคมถือ หรอื โคมหกู ระต่าย จำนวน 3 ช่วั โมง
3.1 วัสดุและอปุ กรณใ์ นการทำโคมถอื (โคมหกู ระต่าย)
3.2 ข้ันตอนในการผลติ
3.3 การบรรจุภัณฑ์
3.4 การดแู ลรักษา
4. การทำตุงไส้หมู จำนวน 2 ชว่ั โมง
4.1 วสั ดแุ ละอปุ กรณใ์ นการทำตุงไส้หมู
4.2 ข้ันตอนในการผลิต
4.3 การบรรจภุ ัณฑ์
4.4 การดูแลรักษา
5.การบรหิ ารจดั การและการตลาด จำนวน 1 ชว่ั โมง
5.1 การวางแผนการผลิต
5.2 การวางแผนการจำหน่าย
5.3 การกำหนดราคาขาย
5.4 การทำบญั ชีรายรับ – รายจ่าย
5.5 การค้าออนไลน์
5
6.คุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ จำนวน 1 ชั่วโมง
6.1 ความหมายและความสำคัญของคณุ ธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ
6.2 คณธรรม และจริยธรรมในการประกอบอาชีพ
6.2.1. ความขยัน
6.2.2. ความอดทน
6.2.3. ความซื่อสตั ย์
6
ใบความรทู้ ี่ 1
ความรู้ทวั่ ไปเกีย่ วกับโคมและตุงล้านนา
ความเป็นมาและความสำคญั
โคมล้านนากับงานประเพณยี ีเ่ ป็ง ถอื ได้ว่าเปน็ ของคู่กนั แต่กอ่ นชาวลา้ นนามีโคมไฟ
ใช้ไม่แพร่หลาย จุดประสงค์ของการใช้สอยของโคมไฟโบราณทำขึ้นเพื่อใช้เป็น ตะเกียง หรือ
สง่ิ ประดิษฐ์ สำหรับจดุ ไฟให้สว่าง แตด่ ้วยเหตุผลที่น้ำมันมีราคาแพง ประเพณกี ารจุดโคมไฟแต่เดิม
จึงมักมเี ฉพาะในพระราชสำนัก และบ้านเรอื นของเจ้านายใหญ่โต เท่าที่ผา่ นมาชาวล้านนาใช้โคมไฟ
ในฐานะของเครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ในพิธีกรรมเท่านั้น โคมล้านนาถูกนำมาใช้ประดับ
ตกแต่ง เพื่อความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นการเสริมสิริมงคลให้แก่เจ้าของบ้าน มีการประดิษฐ์รูปทรง
ที่หลากหลาย แตกต่างกัน มีลวดลายเฉพาะที่ถูกออกแบบขึ้นมาเอง เป็นลวดลายพื้นบ้านเฉพาะ
พื้นที่เท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนใคร มีความแตกต่างเฉพาะตัว โดยความหมายของ โคม กล่าวว่า คนไทย
กล่มุ ภาคเหนือออกเสียงวา่ "โกม" คือ ออกเสียงตวั กะ๊ ตามภาษาลี และโคมน้ันมีความหมาย 2 อย่าง
คือ เปน็ เครือ่ งสกั การะ และเป็นเครื่องสอ่ งสว่าง (มณี พะยอมยงค์, 2538) นอกจากนั้นโคมล้านนา
ถือเป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ได้รับการถ่ายทอดจาก รุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่สืบต่อจนถึงปัจจุบัน
ด้วยเหตุที่การนอกดำรงชีวิตผูกพันกับศาสนา การสร้างผลงานทางศิลปะจึงมีแรงบันดาลใจจาก
ความศรทั ธา ปจั จบุ นั ชาวลา้ นนานยิ มนำมาใช้ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในงานประเพณียี่เป็ง
หรือประเพณีลอยกระทง นิยมจุดโคมค้าง หรือโคมที่ติดแขวนไว้บนที่สูง ทำด้วยไม้ไผ่และกระดาษ
สร้างเปน็ โคมทรงกลมหักมุมเรียกว่า "โคมรังมดส้ม" ใช้ประดับตกแต่งมีเทียนและประทีป เพื่อเป็น
การสักการะบูชาพระพทุ ธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดอื นสบิ สอง (ยี่เปง็ ล้านนา) และเชื่อวา่ เปน็ การบวงสรวง
พระเกษแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ซึ่งถือว่าเมือ่ ได้กระทำเช่นนแี้ ล้ว แสงประทีปจากโคมจะช่วงส่ง
ประกายให้การดำเนนิ ชีวิตเจริญรุ่งเรือนอยูเ่ ย็นเปน็ สุข ชาวลา้ นนาจึงนิยมปลอ่ ยโคมไฟขึ้นฟ้าและจุด
ประทีปตามบ้านเรือน ในภาคเหนือซึ่งชาวล้านนาใช้ในงานประเพณียี่เป็ง พึงสักการะบูชา
พระพุทธเจ้า คืนวันเพญ็ เดอื นสบิ สอง (ยีเ่ ปง็ ล้านนา) ถอื วา่ เมื่อได้กระทำเช่นนี้แล้ว และประทีปจาก
โคมจะชว่ ยสอ่ งประกายให้ดำเนนิ ชีวิตเจริญรุ่งเรืองอยเู่ ย็นเปน็ สขุ
ตงุ ล้านนา เป็นสิง่ ทีท่ ำขนึ้ เพือ่ ใช้ในงานพิธที างพทุ ธศาสนา ท้ังในงานมงคลและ
อวมงคลต่าง ๆ โดยมีขนาด รูปทรงและรายละเอียดด้านวัสดุต่าง ๆ แตกตา่ งกันไปตามความเชื่อและ
พิธีกรรมตลอดจนตามความนิยมในแต่ละท้องถิ่นด้วย ตุงล้านนา สะท้อนถึงอิทธิพลวัฒนธรรม
การเรียกตามภาษาถิ่นล้านนา จะอย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ในปัจจุบันมีการใช้ตุง
และตุงใยแมงมุม หรือแม้แต่ตุงล้านนา ในการแขวนตามงานบุญประเพณีต่างๆมากขึ้น ซึ่งอาจเป็น
จุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูการสร้างสรรค์งาน อันมีอยู่แล้วตามแต่ละท้องถิ่น รวมไปถึงการใช้ให้หมาะสม
ตามจารีตประเพณี และปัจจุบนั ได้มีการนำมาประยุกต์แปรรูปเปน็ ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรูปแบบ
7
เช่น ของที่ระลึกของฝาก ของชำร่วย ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งให้กับตนเองครอบครัว
และการสร้างอาชีพให้กับชมุ ชน และสามารถสืบสานความรู้ ภูมิปัญญาแกอ่ นุชนรุ่นหลังสบื ไป
วัฒนธรรรมและความเชื่อชาวล้านนา
จากความเชื่อในอดตี การปล่อยโคม ถอื ว่าเปน็ พุทธบชู า หรือ ปลอ่ ยเคราะหก์ รรม
ลำบาก เป็นการลอยเคราะห์ลอยนาม เป็นการให้ทานอีกลกั ษณะหนึ่ง โคมทีป่ ลอ่ ยขนึ้ ไปน้ันก็เพื่อจะ
ให้ลอยขนึ้ ไปบชู าพระเกศแก้วจฬุ ามณีบนสรวงสรรค์อันเปน็ ที่บรรจุพระธาตปุ ระจำปีของผู้ที่เกิดปีจอ
หรือเพื่อบูชาแก่เจ้าผู้ให้กำเนิดของตนบนสวรรค์ที่เรียกว่า "พ่อเกิดแม่เกิด" จินตนา มัธยมบุรุษ
(2539) กลา่ ววา่ ในประเพณพี ิธกี รรมของชาวลา้ นนามีความเชื่ออย่างหนึ่งที่ปฏิบตั ิสืบเนื่องกันมาช้า
นาน คือ การจุดประทีปโคมไฟให้ความสว่างไสวเป็นพุทธบูชา โดยแสงสว่างเริ่มจากไส้เทียนเล็กๆ
จะลุกโชติช่วงให้แสงงามตามบ้านเรือนในช่วงงานเทศกาลอันเปน็ มงคลต่างๆและสอ่ งแสงภายในใจ
ของพุทธศาสนิกชนถ้วนทุกตัวตนมาแต่ครั้งปู่ย่า ตายาย ประเพณีในภาคเหนือนั้นมักเป็นประเพณี
สืบเนื่องจากศาสนา และความเชื่อของชุมชนในสังคมทั้งสิ้น และการจัดกิจกรรมต่างๆ ในประเพณี
แต่ละอย่าง นั้นมักจะสอดคล้องกับสภาพ ภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มีความเชื่อกันมาว่า
เดือนยี่ หรือเดือนสิบสองใต้ นี้เป็นฤดูกาลที่ลกู หลานจะได้ทำบญุ อทุ ิศกุศลกัลปนาแก่บรรพชนของ
ตน โดยชาวล้านนาเชื่อว่า การจุดโคมไฟ จะนำมาซึ่งความเจริญ และความสุขแก่คนภายใน
ครอบครัว อีกทง้ั ยังมีความเชื่อวา่ เมือ่ เกิดมาชาติหน้าจะเป็นบคุ คลท่มี ีความฉลาดเฉลียว เปรียบดั่ง
ความสว่างไสวของแสงโคม เป็นการให้แสงสว่างในยามค่ำคืน และยังถวายเป็นพุทธบูชา
ในประเพณสี ำคัญตา่ งๆ ทางพระพทุ ธศาสนา เช่น วนั วิสาขบชู า วันออกพรรษา เป็นต้น นอกจากน้ัน
ยังมีความเชื่อว่าการบูชาโคมล้านนา จะนำความสว่างไสวให้เกิดแก่ชีวิต สร้างความเป็นสิริมงคล
ความเจริญ ความสุข แสงของโคมนำทางสู่สติปัญญาให้แก่เจ้าของบ้านและคนในครอบครัว
เปรียบเสมือนแสงทางส่องชีวิตต่ออายุของผู้ถวายโคมไฟเพื่อเป็นพุทธบูชา และถ้าหากเกิดมาชาติ
หน้าจะเป็นบุคคลที่มีความฉลาดเฉลียว เปรียบดั่งแสงของเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงท่ามกลางความมืด
มืด ตอ่ มาในภายหลงั จึงมกี ารประดิษฐ์โคมในลกั ษณะรูปร่างต่างๆ ตามยุคตามสมยั แต่ยังคงเป็นการ
สบื สานงานศิลปวัฒนธรรมอนั ลำ้ ค่าของชาวลา้ นนาให้คงอยตู่ อ่ ไปอีกยาวนาน
ความเชือ่ เกี่ยวกบั ตุงล้านนา มนษุ ยก์ ่อนยคุ ประวัติศาสตร์ จะมีความเชื่อถอื ยึดแน่น
กับพระเจ้า ภตู ิ ผี ปีศาจ และส่งิ ศักดิส์ ิทธิ์ ตุงจึงไดถ้ กู ประดษิ ฐข์ นึ้ เป็นสอ่ื กลาง เพื่อใช้ติดต่อระหว่าง
คน กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย รวมทั้งคนกับคนด้วยกันเอง ต่อมารูปแบบของตุง ได้มีการพัฒนา
เปลี่ยนเเปลงไปตามความเชื่อดั้งเดิมของคนกลุ่มนั้นๆ อิทธิพลทางศาสนาการเมืองและการค้าได้
เข้ามามีบทบาทในการเปลย่ี นแปลงของตุงมากขนึ้ อีกด้วย
8
การอนุรกั ษ์ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น
งานหตั ถกรรมพืน้ เมือง เป็นงานที่เกิดจากภมู ิปัญญาของบรรพบรุ ุษที่สบื ทอดต่อกนั
มาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้คงอยู่สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่การดำรงชีวิตผูกพันกับศาสนา
การสร้างผลงานทางศิลปะจึงมีแรงบันดาลใจจากความศรัทธา ซึ่งจากความสำคัญดังกล่าวจึงทำให้
หน่วยงานต่างๆของภาครัฐให้การสนับสนุน จัดกิจกรรม โครงการต่างๆ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้ซึ่ง
งานหัตถกรรมพื้นเมือง โดยจัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนผู้ที่สนใจในเรื่องดังกล่าว มีการรักษา
ลวดลายและรูปแบบของโคมล้านนาและตุงล้านนา แบบดั้งเดิมไว้ ในขณะเดียวกันมีกรสร้างสรรค์
ลวดลายและรูปแบบทีห่ ลากหลายและแตกต่างให้เหมาะสมกับยุคสมัย เพื่อสร้างคุณคา่ และมลู คา่ ให้
เหมาะสมกับการนำไปใช้ในเทศกาล สถานท่ี พิธกี รรมตา่ ง ๆ ผ่านกระบวนการอนรุ ักษแ์ ละถ่ายทอด
จากภมู ิปญั ญาผา่ นการถา่ ยทอดด้วยการบอกเล่าดว้ ยวาจา การสาธติ การปฏิบัตจิ ริง
9
ใบความรูท้ ี่ 2
การทำโคมแขวนหรือโคมคา้ ง
วัสดแุ ละอปุ กรณ์ในการทำโคมแขวนหรือโคมคา้ ง
1. ไมไ้ ผ่ จกั สานแห้ง
2. ผ้าโทเร ใช้สำหรบั ติดกับตวั โครงสว่ นคอถึงส่วนก้นของโครง
3. กระดาษฟอยล์ (สีทอง สเี งิน) ใชส้ ำหรับตกแตง่ โคมโดยการตดั เปน็ ลาย
อาทิ ลายประจำยาม ลายแก้วชงิ ดวง ลายสร้อยดอกหมาก เปน็ ต้น
4. กาวรอ้ น ใช้สำหรับในงานไม้ทีต่ ้องการประกอบกัน
5. กาวลาเท็กซ์ ใช้สำหรับงานผ้าและกระดาษทีต่ ้องการเพิม่ ความเหนียว
และการยึดติดทีแ่ ข็งแรงขนึ้
6. กรรไกร ใช้ตดั ผา้ และตดั กระดาษฟอยล์เพื่อตดั ตกแต่งลวดลายต่าง ๆ
7. เชือกขาว นำมามดั ติดกับโครงโคมส่วนด้านบน
8. ตัวหนีบ ใช้สำหรับหนีบมมุ ทกุ มมุ เพือ่ งา่ ยต่อการลงกาวรอ้ น
9. ฐานสำหรบั การขึน้ โครงขนาด 7 เซนติเมตร และขนาด 8 เซนติเมตร
ขั้นตอนการผลิต
1. นำมีดผ่าไม้ไผแ่ ละเหลาไม้ไผ่ให้มรี ูปรา่ งเปน็ เสน้ บางและยาวขนาดประมาณ
1 เมตร 20 เซนติเมตร
2. นำไมม้ าหักตามแบบฐาน (Handmade) ที่ตั้งไว้ โดยส่วนประกอบของโครง
โคมล้านนานนั้ จะมีด้วยกนั 4 สว่ น ได้แก่
2.1 ส่วนโครงแนวตั้ง จำนวน 4 ชนิ้
2.2 สว่ นโครงแนวนอน จำนวน 2 ชนิ้
2.3 สว่ นฐาน จำนวน 1 ชนิ้
2.4 ส่วนหวั จำนวน 1 ชนิ้
3. การทำโครงสว่ นแนวต้ัง จำนวน 4 ชนิ้ นำไมม้ าหักตามแบบฐานทต่ี ั้งไว้มีขนาด
ยาว 7 เซนติเมตร และ ยาว 8 เซนติเมตร โดยหกั ชว่ ง
ขนาด 7 เซนติเมตร จำนวน 2 ครง้ั
ขนาด 8 เซนติเมตร จำนวน 1 ครง้ั
ขนาด 7 เซนติเมตร จำนวน 3 ครงั้
ขนาด 8 เซนติเมตร จำนวน 1 ครงั้
ขนาด 7 เซนติเมตร จำนวน 1 ครง้ั
เมื่อเสร็จแล้วกน็ ำมาประกบแลว้ หยอดกาวร้อนลงไปเพ่อื ยึดให้แนน่
10
4. การทำโครงส่วนแนวนอน 2 ชนิ้ นำไมม้ าหกั ตามแบบฐานทต่ี ้ังไว้มีขนาดยาว
7 เซนติเมตร จำนวน 8 ครง้ั เมื่อเสรจ็ แล้วกน็ ำมาประกบแลว้ หยอดกาวร้อนลงไปเพ่อื ยึดให้แน่น
5. การทำโครงส่วนฐานของโคม 1 ชนิ้ นำไมม้ าหกั ตามแบบฐานท่ตี ั้งไว้มีขนาดยาว
6.5 เซนติเมตร จำนวน 4 ครง้ั เมื่อเสรจ็ แล้วก็นำมาประกบแลว้ หยอดกาวร้อนลงไปเพ่อื ยึดให้แน่น
6. การทำโครงโคมสว่ นหวั 1 ชนิ้ ข้ันตอนเหมือนการทำโครงสว่ นฐาน 1 ชนิ้ นำไม้มา
หักตามแบบฐานที่ตั้งไว้มีขนาดยาว 8 เซนติเมตร ทั้ง 8 ครั้ง ให้เป็นทรงมงกุฎ นำโครงทั้ง 2 ส่วน
เมื่อเสรจ็ แล้วกน็ ำมาประกบแลว้ หยอดกาวร้อนลงไปเพ่อื ยึดให้แน่นมาประกบกนั ใช้ตัวหนีบยึด 4 มุม
แล้วนำไปผึง่ แดดจนแห้งสนิท
7. วิธีประกอบโคม นำสว่ นของโครงแนวต้ัง 4 ชนิ้ ประกอบกันโดยให้มุมทีห่ ักไว้
บรรจบกนั ใช้ตัวหนีบหนีบมุมทุกมุม นำสว่ นของโครงแนวนอน 2 ชนิ้ สอดเข้าไปในส่วนโครงแนวตั้ง
ใช้ตัวหนีบ หนีบทุกมมุ ตดิ กาวผึง่ แดดรอให้แห้งสนิท นำส่วนฐาน 1 ชนิ้ และส่วนหัว 1 ชนิ้ มาประกอบ
กนั ติดกาว ผึ่งแดดรอให้แห้ง นำเชือกมามดั ติดกับโครงโคมส่วนด้านบน
8. วิธีการตัดผา้ การตัดและตกแตง่ ผ้าโทเร ใช้กรรไกรตัดและตกแต่งผ้าโทเรให้เป็น
ตามแบบที่ต้องการ ในการตัดผ้าโทเรนั้นจะมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนตัว (ยาว) 4 ชิ้น
ขนาดประมาณ 7x32 เซนติเมตร ส่วนตัว (สั้น) 4 ชิ้น ขนาดประมาณ 8x24 เซนติเมตร ส่วนหาง
(ยาว) 4 ชิน้ ขนาดประมาณ 7x32 เซนติเมตร
9. การตดั ส่วนหาง นำแบบหางมาประกบกบั ผ้าสว่ นหางทีพ่ ับครึ่ง นำตวั หนีบยึด
แล้วใช้กรรไกรตดั ตามแบบ
10. การติดผ้าโทเร (ส่วนตัวและหาง) กับโครงโคม นำผ้าส่วนของตัวโคม(สั้น)
ติดกบั ตวั โครงส่วนคอถึงสว่ นก้นของโครง โดยใช้กาวลาเท็กซเ์ พื่อเพิ่มความเหนียว และการยึดติดที่
แข็งแรงขึ้น นำผ้าส่วนของตัว (ยาว) ใช้กาวติดกับตวั โครงส่วนหวั ถึงส่วนก้นของโครง ดึงให้ตึงเรยี บ
ใช้กาวติดส่วนหาง นำกระดาษทองลวดลายต่างๆ ติดตกแต่ง และตัดเป็นแนวเส้นยาวติดตามขอบ
โคมล้านนา
11. วิธีการพบั /ตัดลายประจำยาม
11.1 ตดั กระดาษทองให้เปน็ รปู ส่เี หลย่ี มจตั ุรสั ขนาด 7 x 7 เซนติเมตร
11.2 พับกระดาษทองเป็นแนวทแยงมมุ ครงั้ ที่ 1
11.3 พบั กระดาษทองเปน็ แนวทแยงมุมครงั้ ที่ 2
11.4 พับกระดาษทองเปน็ แนวทแยงมุมครง้ั ที่ 3
11.5 แล้วตัดตามแบบ
12. วิธีการพับ/ตัดกระดาษตัดลายแก้วชงิ ดวง
12.1 ตัดกระดาษให้เป็นรปู ส่เี หล่ยี มจัตุรัสขนาด 16 x 16 เซนติเมตร
12.2 พับกระดาษทองเป็นแนวทแยงมุมครง้ั ที่ 1
12.3 พบั กระดาษทองเปน็ แนวทแยงมมุ ครง้ั ที่ 2
11
12.4 พบั กระดาษทองเป็นแนวทแยงมมุ ครง้ั ที่ 3
12.5 พบั กระดาษทองเป็นแนวทแยงมุมครง้ั ที่ 4
12.6 ตัดสว่ นชายของกระดาษทองออก
12.5 แล้วตัดตามแบบ
13. วิธีการพับ/ตัดกระดาษตดั ลายสร้อยดอกหมาก
13.1 ตดั กระดาษทองให้เป็นรปู สเ่ี หลย่ี มผืนผ้าขนาด 10 x 15 เซนติเมตร
13.2 พับกระดาษทองเปน็ แนวทแยงมุมครงั้ ที่ 1
13.3 พบั กระดาษทองเป็นแนวทแยงมุมครงั้ ที่ 2
13.4 พับกระดาษทองเปน็ แนวทแยงมมุ ครงั้ ที่ 3
13.5 แล้วตัดตามแบบ
การบรรจุภัณฑ์
1. กล่องคราฟทฝ์ าครอบพลาสติก ขนาด 9 x 10 นวิ้ เพื่อใช้ในการบรรจุโคมแขวน
หรือโคมค้าง (โคมรงั มดส้มแบบใช้ผ้า)ทีม่ ีขนาด 7 x 8 นวิ้ จำนวน 1 ชนิ้
การดแู ลรกั ษา
1. นำไมไ้ ผเ่ ปน็ ท่อนชุบนำ้ ยาเชนไดรท์ผสมน้ำ (เชนไดรท์ครึ่งกระป๋องเลก็
ตอ่ น้ำ 1 ถงั ) เพือ่ ป้องกนั ปลวกและมอดนำมาผึง่ แดดให้แห้ง
2. นำโคมใส่ถุงขนาด 24 x 43 นวิ้ เป็นคู่ตามแนว ถงุ ละ 10 ลูก ม้วนพบั เกบ็ ปลายถุง
ให้แนน่ ตึง
12
ใบความรทู้ ี่ 3
การทำโคมถือหรอื โคมหูกระต่าย
วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ในการทำโคมถือหรอื โคมหูกระตา่ ย
1. กระดาษสา สำหรับทำเป็นกลบี ดอกบวั
2. กระดาษฟอยล์ ใช้สำหรับประดับตกแตง่
3. ไมไ้ ผ่ หนาประมาณ 5 มิลลเิ มตร ทำเปน็ ฐานส่เี หล่ยี มจัตุรสั ขนาด 10 เซนติเมตร
4. ไมไ้ ผเ่ หลา ขนาดประมาณครง่ึ เซนติเมตร ยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร
5. กาวลาเทก็ ซ์ ใช้สำหรับตดิ กระดาษ
ข้นั ตอนการผลิต
1. ประดิษฐฐ์ านโคมเปน็ ไม้หนาประมาณ 5 มิลลเิ มตร ทำเปน็ ฐานสี่เหล่ยี มจตั รุ สั
ขนาดประมาณ 10 เซนติเมตร เจาะรูตรงมมุ ท้ังสี่มมุ
2. ใช้ไม้ไผ่ยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร เหลาให้มขี นาดประมาณครง่ึ เชนติเมตร
ดัดไมไ้ ผ่ เหลาเป็นรปู โค้งคล้ายหกู ระตา่ ยปักลงไปในมุมทั้งสี่มมุ ให้ส่วนบนผายออกกว้างประมาณ
15 เซนติเมตร จะได้ตวั โคมที่มปี ากบานคลา้ ยหกู ระตา่ ย
3. ตัดกระดาษสาให้มขี นาดเทา่ กบั กลบี โคมทั้ง 4 ดา้ น
4. ขั้นตอนการประกอบทากาวลาเทก็ ซ์ทีโ่ ครงของโคมท้ัง 4 ดา้ น นำกระดาษสา
ที่ตัดไว้แล้วนำมาทาบบรเิ วณที่ติดกาว ตกแตง่ ให้สวยงามและเก็บรายละเอียดให้เรยี บรอ้ ย
5. ถ้าใช้ถอื ให้ใสด่ า้ มตามต้องการ โดยมีความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร
6. วิธีการพับ/ตดั ลายประจำยาม
6.1 ตัดกระดาษทองให้เปน็ รปู ส่เี หลย่ี มจัตุรัสขนาด 7 x 7 เซนติเมตร
6.2 พับกระดาษทองเป็นแนวทแยงมมุ ครง้ั ที่ 1
6.3 พบั กระดาษทองเปน็ แนวทแยงมมุ ครงั้ ที่ 2
6.4 พับกระดาษทองเปน็ แนวทแยงมุมครงั้ ที่ 3
6.5 แล้วตดั ตามแบบ
7. วิธีการพับ/ตดั กระดาษตดั ลายแก้วชงิ ดวง
7.1 ตัดกระดาษให้เปน็ รปู ส่เี หล่ยี มจตั ุรสั ขนาด 16 x 16 เซนติเมตร
7.2 พบั กระดาษทองเป็นแนวทแยงมุมครงั้ ที่ 1
7.3 พบั กระดาษทองเป็นแนวทแยงมมุ ครงั้ ที่ 2
7.4 พบั กระดาษทองเป็นแนวทแยงมมุ ครง้ั ที่ 3
7.5 พับกระดาษทองเปน็ แนวทแยงมมุ ครง้ั ที่ 4
7.6 ตัดสว่ นชายของกระดาษทองออก แล้วตดั ตามแบบ
13
8. วิธีการพบั /ตดั กระดาษตัดลายสร้อยดอกหมาก
8.1 ตัดกระดาษทองให้เปน็ รปู ส่เี หล่ยี มผืนผ้าขนาด 10 x 15 เซนติเมตร
8.2 พับกระดาษทองเปน็ แนวทแยงมมุ ครง้ั ที่ 1
8.3 พับกระดาษทองเปน็ แนวทแยงมมุ ครง้ั ที่ 2
8.4 พบั กระดาษทองเปน็ แนวทแยงมมุ ครงั้ ที่ 3
8.5 แล้วตัดตามแบบ
การบรรภุ ณั ฑ์
1. กล่องคราฟท์ฝาครอบพลาสติก ขนาด 8 x 12 นวิ้ เพื่อใช้ในการบรรจุโคมถอื
หรือโคมหกู ระตา่ ย ที่มีขนาด 15 x 30 เซนติเมตร จำนวน 2 ชนิ้
การดแู ลรกั ษา
1. นำไมไ้ ผ่เปน็ ทอ่ นชุบนำ้ ยาเชนไดรท์ผสมน้ำ (เชนไดรทค์ รึ่งกระป๋องเล็ก
ต่อน้ำ 1 ถัง) เพื่อป้องกันปลวกและมอดนำมาผึง่ แดดให้แห้ง
2. นำโคมถอื หรือโคมหกู ระตา่ ย ใสถ่ งุ พลาสติกขนาด 8 x 2 นวิ้ เปน็ คู่ตามแนว
ถงุ ละ 2 อัน ม้วนพบั เก็บปลายถงุ ให้แน่นตึง
14
ใบความร้ทู ี่ 4
การทำตุงไสห้ มู
วัสดุและอปุ กรณ์ในการทำตงุ ไส้หมู
1. กระดาษวา่ ว
2. กรรไกร
3. กระดาษแข็ง
4. เชือก
5. เขม็
6. ไมไ้ ผ่
ข้ันตอนการผลิต
1. นำกระดาษว่าว 2 แผน่ ๆ คละสีมาซ้อนกนั พับให้เป็นสามเหล่ยี มดา้ นเทา่
ตัดสว่ นปลายที่เหลอื ออก
2. พับครึง่ รปู สามเหลย่ี มอีก 2 ครงั้ ตดั ชายดา้ นท่ไี มเ่ ทา่ กันให้เป็นลวดลายสวยงาม
ตามตอ้ งการ
3. ใช้กรรไกรตัดเส้นตรงจากด้านที่เปิดได้เข้าไปลึกเหลือช่องว่างไม่ให้ขาดไว้
พอประมาณ กลบั ดา้ นแล้วตัดเสน้ ตรงขนานกบั เสน้ แรก จากน้ันตดั สลับกนั ไปตลอดความกว้างจนถึง
ปลาย เหลอื ปลายไว้ประมาณ 4 เซนติเมตร เพื่อทำหวั ตงุ
4. ตัดเสร็จแล้ววางลงให้เหมือนเดิม แล้วเปิดด้านข้างที่ซ้อนกันออกจนเป็น
สามเหลย่ี มดา้ นเทา่ จบั ปลายดา้ นท่ซี ้อนกนั เปิดเป็นสี่เหล่ยี มท้ังสองแผน่ จับตรงกลางกระดาษยกข้ึน
5. ตดั กระดาษแขง็ เส้นผา่ ศนู ย์กลางประมาณหนึง่ นวิ้ ทากาวตดิ ด้านในของหวั ตุง
ใช้ด้ายร้อยด้านบน นำไปผูกติดกบั ปลายไมไ้ ผ่ เป็นอนั เสรจ็ นำไปใช้งานได้
6. การพับและตดั กระดาษ
6.1 พบั ครึง่ ด้านที่หนึง่ และพบั ครึง่ ด้านทีส่ อง เพือ่ ให้เปน็ รูปสามเหลย่ี ม
พับกระดาษอีกด้านให้เปน็ รปู เหมือนจรวด
6.2 ตัดขอบดา้ นทแยงให้เปน็ รูปหยกั หรือลวดลายตามแตถ่ นดั หลงั จากน้ัน
ตัดขอบอีกด้าน ตัดส่วนสามเหลย่ี มดา้ นบนโดยตัดสลบั
6.3 คลีก่ ระดาษทีพ่ ับออกมา ให้เป็นลักษณะส่เี หลย่ี ม
6.4 ตดั กระดาษแผ่นเลก็ และสอยด้ายเพื่อนาํ ไปผูกมัดกับกิ่งไม้จะไดต้ ุงไส้หมู
การบรรจภุ ัณฑ์
1. กลอ่ งคราฟท์ฝาครอบพลาสติก ขนาด 12.5 x 8.5 x 1.5 เซนติเมตร เพือ่ ใช้ในการ
บรรจตุ ุงไส้หมูทีม่ ีขนาด 15 x 30 เซนติเมตร จำนวน 2 ชนิ้
15
การดแู ลรักษา
1. เก็บไว้ในทีแ่ ห้ง นำไปใส่ในถุงพลาสติกเพื่อป้องกันการฉีกขาด
และยืดอายกุ ารใช้งาน
16
ใบความรทู้ ี่ 5
การบรหิ ารจดั การและการตลาด
การวางแผนการผลิต
ก่อนที่จะตัดสนิ ใจดำเนินธรุ กิจการทำโคมและตงุ ลา้ นนาจะต้องคำนึงถึงส่งิ ตอ่ ไปนี้ คือ
1. เงินทุน ก่อนเริ่มดำเนินการทำธุรกิจ ควรพิจารณาวางแผนเงินทุนในการ
ดำเนินการ ถ้าไม่มีทุนเป็นของตนเองแล้วต้องพิจารณาอาศัยแหล่งเงินกู้ จะต้องพิจารณาว่าแหลง่
เงินกู้น้ันมาจากไหน การกู้จากเอกชนทีม่ ีดอกเบยี้ แพง จะคุ้มคา่ กบั การลงทุนหรือไม่
2. แรงงาน พิจารณาการใช้แรงงานภายในครอบครวั เป็นอนั ดบั แรก เพื่อเป็นการลด
รายจ่ายในการดำเนนิ การธุรกิจ
3. วัตถุดิบ พิจารณาวตั ถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่น เพือ่ เปน็ การลดค่าใช้จ่าย
ในการขนส่ง หากไมม่ ใี นท้องถิน่ จะมีปัญหาเรื่องราคาและการขนสง่ หรือไม่
4. การจัดการ หมายถึง การจัดการด้านตลาด การจัดจำหน่าย โดยก่อนอื่นต้อง
คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่จะนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย การกำหนดราคาขาย ราคาต้นทุน กำไรและ
การลงบัญชีเบือ้ งต้น สง่ิ เหลา่ นีจ้ ำเปน็ อยา่ งยิง่ ในการประกอบธุรกิจ
การวางแผนการจำหน่าย
การจัดจำหน่าย (Distribution) หมายถึง โครงสร้างของช่องทางที่ใช้เพื่อเคลื่อนย้าย
สนิ ค้าจากธุรกิจไปยังตลาด ตัวกลางทางการตลาดเปน็ ธรุ กิจที่ชว่ ยเสริมชว่ ยขายและจำหน่ายสินค้า
ไปยงั ผู้ซ้ือข้ันสุดท้าย ประกอบดว้ ย
1. คนกลาง (Middleman)
- พอ่ ค้าคนกลาง (Merchant Middlemen)
- ตวั แทนคนกลาง (Agent Middlemen)
2. ธุรกิจทีท่ ำหน้าทีก่ ระจายสินค้า
3. ธรุ กิจที่ให้บริการทางการตลาด
4. สถาบันการเงิน
ช่องทางการจัดจำหน่าย (Channel of Distribution) หมายถึง “กระบวนการในการ
จัดการเกี่ยวกับการเคลือ่ นย้าย สิทธิในตัวผลิตภัณฑ์ (และอาจรวมถึงตัวผลิตภัณฑ์) จากผู้ผลิตไป
จนถึงผู้บริโภค
จำนวนระดับของช่องทางการจัดจำหน่าย หมายถึง จำนวนระดับคนกลางภายใน
เส้นทางที่ผลิตภัณฑ์และ/หรือกรรมสิทธิ์ในผลิตภัณฑ์เคลื่อนย้ายจากผู้ผลิตไปยังตลาด มีด้วยกัน
2 ประเภท คือ
17
1. ชอ่ งทางการจดั จำหนา่ ยทางตรง
ช่องทางการจัดจำหน่ายทางตรง หมายถึง การขายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปยัง
ผู้บริโภคหรือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรมโดยไม่มคี นกลาง หรือชอ่ งทางศนู ยร์ ะดับ
ผู้ผลติ > ผู้บริโภค
ผู้ผลติ > ผู้ใช้ทางอุตสาหกรรม
2. ชอ่ งทางการจัดจำหน่ายทางอ้อม
ช่องทางการจัดจำหน่ายทางอ้อม หมายถึง เส้นทางที่สินค้าเคลื่อนย้ายจากผู้ผลิตโดยต้องผ่านคน
กลางไปยงั ผู้บรโิ ภค
ช่องทางการจดั จำหนา่ ยหนึง่ ระดบั ผู้ผลติ > ผู้ค้าปลีก > ผู้บริโภค
ชอ่ งทางการจัดจำหน่ายสองระดับ ผู้ผลติ > ผู้ค้าส่ง > ผู้ค้าปลีก > ผู้บริโภค
ช่องทางการจัดจำหน่ายสามระดับ ผู้ผลิต > ตัวแทน > ผู้ค้าส่ง > ผู้ค้าปลีก >
ผู้บริโภค
นอกจากนีย้ งั มีวิธกี ารส่งเสริมการจำหน่ายทีไ่ ด้ผลอีก 2 ประการ คือ
1. การให้ข้อมูลจงู ใจผู้ซ้ือและภาพพจนข์ องสินค้าทีผ่ ู้ซือ้ ต้องการ
2. ภาพพจน์ของสินค้าที่ผู้ซอื้ ต้องการ และพอใจทำให้สนิ ค้านน้ั มีคา่ และมรี าคา
ในตัวเองมากกว่า
การกำหนดราคาขาย
เมือ่ ทำการพัฒนาผลิตภณั ฑ์โคมและตงุ ลา้ นนาขึ้นมาเพื่อการจำหน่าย ส่งิ แรกที่ต้อง
ทำคือการกำหนดราคาขายที่ผู้ซื้อสามารถซื้อได้ในราคาไม่แพงจนเกินไปและผู้ขายก็พอใจที่จะขาย
เพราะได้กำไรตามที่ต้องการ การกำหนดราคาขายทำได้ดังนี้
1. ติดตามความต้องการของลกู ค้า ลูกค้าเปน็ ผกู้ ำหนดราคาขาย ถ้าลกู ค้ามีความ
ต้องการและสนใจมากกจ็ ะสามารถตั้งราคาได้สงู
2. ตั้งราคาขายโดยบวกราคาต้นทุนกับกำไรที่ต้องการก็จะเป็นราคาขาย ในกรณี
เช่นนี้จะต้องรู้ราคาต้นทุนมาก่อนจึงจะสามารถบวกกำไรลงไปได้ การตั้งราคาขายนี้ จะมีผลต่อ
ปริมาณการขาย ถ้าตั้งราคาขายไม่แพง หรือต่ำกว่าราคาตลาดก็สามารถขายได้จำนวนมาก
ผลที่ได้รับคือ ได้กำไรเพิ่มมากขึ้นด้วยการกำหนด ราคาขายมีหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่สำคัญคือ
ต้องคำนงึ ถึงราคาทีส่ ูงที่สุดที่ผู้ซ้ือสามารถซอื้ ได้และราคาตำ่ สดุ ทจ่ี ะได้เงินทนุ คืน
18
หลกั เกณฑ์ในการกำหนดราคาขาย มีดงั น้ี
1. ได้ผลตอบแทนจากการลงทนุ ตามเป้าหมาย
2. เพือ่ รกั ษาเสถียรภาพดา้ นราคาไม่ถกู หรือแพงจนเกินไป
3. เพื่อรักษาหรือปรบั ปรงุ สว่ นแบง่ ของการตลาด กลา่ วคือต้ังราคาขายส่งถูกกวา่
ราคาขายปลกี เพื่อให้ผู้รบั ซือ้ ไปจำหน่ายปลกี จะได้บวกกำไรได้ด้วย
4. เพื่อแขง่ ขนั หรือป้องกันคู่แข่งขันหรือผู้ผลติ รายอืน่
5. เพื่อผลกำไรสูงสดุ
การกำหนดราคาขาย มีหลักสำคัญ คือ ราคาต้นทุน + กำไรที่ต้องการ
ดงั นั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาเรือ่ งราวการคิดราคาตน้ ทุนให้เข้าใจก่อน
การคิดราคาต้นทนุ
การคิดราคาตน้ ทุน หมายถึง การคิดคำนวณราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต มีคา่ แรง
ค่าใช้จา่ ยในการผลติ ประกอบดว้ ย คา่ เช่าสถานท่ี คา่ ไฟฟ้า คา่ ขนส่ง ฯลฯ การคิดราคาตน้ ทุนมี
ประโยชน์ คือ
1. สามารถตั้งราคาขายได้โดยรู้ว่าจะได้กำไรเท่าไร
2. สามารถรู้ว่ารายการใดที่ก่อให้เกิดต้นทุนสูง หากต้องการกำไรมากก็สามารถลดต้นทุน
น้ัน ๆ ลงได้
3. รู้ถงึ การลดต้นทุนในการผลติ แล้วนำไปปรับปรงุ และวางแผนการผลิตเพิ่มข้นึ ได้
ต้นทนุ การผลิตมี 2 อยา่ ง คือ
1. ต้นทุนทางตรง หมายถึง ต้นทุนในการซือ้ วัตถดุ ิบรวมท้ังคา่ ขนส่ง
2. ต้นทุนทางอ้อม หมายถึง ต้นทุนที่จ่ายเป็นค่าบริการต่าง ๆ เช่น ค่าแรงงาน
ค่าไฟฟ้า ค่าเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ให้คิดเฉพาะส่วนที่เกีย่ วกับการผลิตโดยตรง แล้วนำต้นทนุ ทั้งสองอย่าง
มาคิดรวมกันกจ็ ะได้เปน็ ราคาตน้ ทนุ รวม
การกำหนดราคาขาย จะต้องคำนงึ ถึง
1. ต้นทนุ ทางตรง + ต้นทุนทางอ้อม คือ ต้นทนุ รวม
2. การหากำไรทีเ่ หมาะสม ทำได้โดยเพิ่มต้นทุนรวมขึ้นอีก 20-30%
ตัวอยา่ ง ต้นทุนรวมในการทำโคม ตอ่ 1 ลกู 80 บาท
บวกกำไร 25% ของ 80 จะได้ = 20 บาท
ฉะนั้น ราคาขาย คือ ต้นทุน + กำไร
คือ 80 + 20 เทา่ กบั 100 บาท
19
โดยทั่วไปร้านค้าปลีกจะกำหนดราคาขาย โดยการบวกกำไรที่ต้องการเข้ากับราคา
ต้นทนุ การผลิตสินค้าน้ัน ๆ แตบ่ างรายก็กำหนดราคาสูง สำหรบั การผลิตระยะเริ่มแรก เพราะความ
ต้องการของตลาดค่อนข้างสงู ในระยะเวลาอนั สนั้ การเปล่ยี นแปลงราคาขายอาจมีผลให้ยอดลดหรือ
เพิ่มขึ้นแล้วแต่ภาวะแวดล้อม จึงต้องคำนึงถึงเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงสามารถคิดราคาขายได้ง่าย ๆ
ดงั นี้ ราคาขาย = ราคาทุน (ต้นทนุ + ค่าแรง) + กำไรที่ต้องการ
การทำบญั ชีรายรับ – รายจา่ ย
หมายถึง การจดบันทึกรายการข้อมูลด้านการเงินของการปฏิบตั ิงาน ทั้งที่เกี่ยวกับ
รายการที่รับเข้ามาและรายการที่ต้องจ่ายออกไป เพื่อให้มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงิน
ตลอดจนผลของการดำเนินงานนั้นไว้ว่าคงเหลือเงินหรือไม่ จำนวนเท่าไร และเปรียบเทียบผลการ
ดำเนนิ กิจการวา่ ได้กำไร หรือขาดทุนเพียงไร
ประโยชนข์ องการทำบญั ชีรายรับ-รายจา่ ย
1. ทำให้ทราบฐานะทางการเงินในการปฏิบตั งิ าน
2. ใช้ประกอบการวางแผนในการทำงานหรอื ในการใช้จา่ ยเงิน
3. ใช้ในการติดตามการทำงานด้านตา่ ง ๆ
4. ทำให้ทราบปัญหาในการทำงานและแก้ไขทนั
5. ใช้รายงานผลการดำเนนิ งาน
6. ใช้เปน็ ข้อมูลรายจ่ายปรับลดคา่ ใช้จา่ ยเพื่อให้เหลอื เงินหรือได้กำไรเพิม่ ข้นึ
7. นำวิธกี ารจดั ทำบัญชีไปใช้ในชีวิตประจำวัน
หลกั การจดั ทำบญั ชีรายรับ-รายจา่ ย มีดังนี้
1. รายรับ เป็นข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับเงินเข้ามา เช่น ค่าหุ้น เงินกู้ ค่าขายของ
คา่ ขายผลผลิต
2. รายจ่าย เป็นข้อมูลรายจ่ายทั้งหมดในการประกอบกิจการนั้น ๆ เช่น ค่าขนส่ง
คา่ ซือ้ วตั ถดุ ิบ คา่ จ้างแรงงาน
3. เงินคงเหลอื ได้ ผลต่างระหว่างรายรบั กับรายจา่ ยท้ังหมด
20
การคา้ ออนไลน์
E-Commerce คือ การประยุกต์สื่ออินเตอร์เน็ตมาใช้ในการดำเนินธุรกิจการค้า
หรือเรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่นิยมกันมาก ณ ปัจจุบันคือ การซื้อขายสินค้าผ่านทาง
อินเตอร์เน็ต การหันมาใช้เว็บสื่อกลางทางการค้ามากยิ่งขึ้น เป็นสื่อกลางในการรวบรวมสินค้าและผู้ซื้อ
ผู้ขายไว้ในเวบ็ ไซตเ์ ดยี ว เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อซือ้ -ขาย ทำให้การค้นหาข้อมลู เปน็ เรอ่ื งที่
งา่ ยและสามารถจำกัดขอบเขตข้อมูลให้ตรงตามความตอ้ งการมากยิ่งข้ึน ตามการจัดกลมุ่ สินค้าของ
ผู้ให้บริการแหล่งข้อมลู ออนไลน์น้ัน ๆ
E-Commerce จึงเป็นเสมือนสื่อกลางในการโฆษณาและเชื่อมโยงข้อมูล หรือความ
ต้องการของผู้ใช้งาน ไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายโดยตรง พร้อมทั้งสามารตอบสนองต่อความ
ต้องการของตลาด ย่นเวลาในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาด ทำให้สามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว
ทวีคณู
ประโยชน์ของ E-commerce
1. เพ่ิมโอกาสทางการตลาด
ขยายโอกาสในการเข้าถึงตลาด เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากยิ่งขึ้นสนองความ
ต้องการของตลาด และขยายตลาดไดอ้ ย่างรวดเร็วนำเทคโนโลยีมาใช้ สร้างผลกำไรแก่องค์กร ตาม
ทันสื่อการตลาดยุคใหมเ่ พิม่ โอกาสโลกตลาดออนไลน์ รู้ทันพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน สามารถ
เก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อการทำการตลาดทางตรง สร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว ย่นระยะเวลาการนำ
สนิ ค้าเข้าสูต่ ลาดเปิดบรกิ ารตลอด 24 ชวั่ โมง 7 วนั สะดวกในการค้นหาข้อมูล และติดต่อซือ้ - ขาย
นำเสนอข้อมูลสินค้าได้เป็นจำนวนมาก และสามารถสื่อสารกับลูกค้า ได้ในลักษณะ Interactive
Market (การตลาดเชิงตอบโต้)เพิ่มโอกาสทางการตลาดในการบริหารข้อมูลลูกค้าจากระบบ
อิเล็กทรอนิกสป์ รับปรุงหรือ Update ข้อมลู เกีย่ วกบั สนิ ค้าและบริการได้ตลอดเวลา
2. ลดต้นทุนในการจัดซื้อ
ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้า
ตลอดจนค่าใช้จ่ายในกระบวนการซอื้ ทีล่ ดลงสามารถควบคุมข้ันตอนการจัดซอื้ จดั จ้างได้ ข้ันตอนไม่
ซบั ซ้อนสะดวกและรวดเร็วขนึ้ สามารถเลอื ก ผู้ผลติ /ผู้จำหนา่ ยสนิ ค้าและบรกิ ารได้อย่างหลากหลาย
ประหยัดเวลาในการเปรียบเทียบสินค้าและผู้ขายเป็นผลให้ได้สินค้าคุณภาพดี และราคาเป็นที่น่า
พอใจ ตรงกับความต้องการทีส่ ดุ
21
3. สนับสนุนการซื้อ - ขาย
มีระบบค้นหาสินค้าจาก “คำค้นหาสินค้า” และช่องทางการเข้าถึงข้อมูลทาง
“สารบญั ขอ้ มลู ” แบง่ ออกเปน็ หมวดหมแู่ ละประเภทอย่างชัดเจน เพือ่ ความสะดวกในการค้นหาเลอื ก
ดูสินค้า หรือบริษัท ได้ตามความต้องการระบบผู้ติดต่อ และระบบข้อความทางหน้าเว็บไซต์
เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลของผู้เข้าชม
เว็บไซต์จำนวนมาก สามารถมองเห็นสินค้าและบริษัทของคุณได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางหน้า
เว็บไซต์ สามารถทำกำไรได้มากกวา่ ระบบการซือ้ - ขายแบบเดมิ เนื่องจากต้นทนุ การจัดซื้อและจัด
จำหนา่ ยต่ำกว่าทำให้ต้นทนุ ตอ่ หนว่ ยลดลงและ กำไรจากการขายตอ่ หน่วยเพิม่ ข้นึ
4. ส่งเสริมการขายการโฆษณาและประชาสัมพันธ์
ลดต้นทุนการส่งเสริมการตลาด โฆษณาและประชาสัมพันธ์ เช่น ลดต้นทุนการ
โฆษณาผ่านสื่อปกติอืน่ ๆ ลดต้นทุนการจัดกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งสามารถใช้สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์
บริหารจัดการได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจหรือองค์กร ในเรื่องของความทันสมัย
และเปน็ โอกาสที่จะทำให้สินค้าหรือบริการเปน็ ที่รู้จักอย่างรวดเร็วในวงกว้าง
5. ลดการใช้ทรัพยากร
ลดเวลาในการหาข้อมูลสินค้าหรือผู้ขาย และย่นเวลาในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดลด
ข้ันตอนทางการตลาดลดพลังงานในการเดนิ ทางลดการใช้ทรัพยากรดา้ นองค์ประกอบทางธุรกิจ เชน่
พืน้ ทีก่ ารขาย อาคารประกอบการ ทำเลท่ตี ั้ง โกดงั เกบ็ สนิ ค้า เปน็ ต้นลดต้นทุนด้านช่องทางจำหน่าย
ในรูปแบบร้านค้า, ค่าใช้จ่ายในการขายและบรหิ าร รวมทั้งค่าเช่าพืน้ ทีข่ ายหรือการลงทุนในการสร้าง
ร้าน ซึ่งจะชว่ ยให้ต้นทุนของธรุ กิจต่ำลง
Credit : ศูนยพ์ ฒั นากลยุทธ์ทางธรุ กิจ
Credit : ขอบคุณที่มา https://www.sbdc.co.th/public-training-calendar/584/channel-strategy-
in-the-digital-era/
22
ใบความรู้ที่ 6
คุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ
ความสำคญั ของคุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ
จริยธรรมเป็นมาตรฐานความประพฤติของมนุษย์จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัย
ความสัมพันธ์ระหว่างจรรยาคือความประพฤติ และธรรม คือเครื่องรักษาความประพฤติ
การประกอบอาชีพใด ๆ กต็ าม ผู้ประกอบอาชีพจะต้องคำนกึ ถึงผลกระทบต่อสังคมภายนอกเสมอ
ทั้งนี้ก็คือจะต้องไม่ใช้ความรู้ความสามารถในทางที่ผิด หากประกอบอาชีพโดยไร้จริยธรรมผล
เสยี หายจะตกอยู่กบั สังคมและประเทศชาตฉิ ะนั้นจริยธรรมจึงมบี ทบาทสำคัญอย่างยิ่งทีจ่ ะลดปัญหา
ที่อาจจะเกิดขนึ้ ความสำคัญของจรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพ มีดงั นี้
1. ช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพแต่ละสาขาได้ใช้วิชาชีพในทางที่ถูกต้องเหมาะสม
และเปน็ ประโยชน์ต่อสงั คมและประเทศชาติ
2. ช่วยควบคุมและส่งเสริมให้ผู้ประกอบอาชีพทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีความสำนึกในหน้าที่และมีความรบั ผิดชอบในงานของตน
3. ช่วยส่งเสริมและควบคุมการผลิต และการปฏิบัติงานให้มีคุณภาพเป็นที่เชื่อถือ
และไว้วางใจไดใ้ นเรื่องของความปลอดภัยและการบรกิ ารทีด่ ี
4. ช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบอาชีพไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค และไม่เห็นแก่ตัว
ทั้งนตี้ ้องยดึ หลกั โดยคำนึกถึงผลกระทบที่จะเกิดแกผ่ ู้บรโิ ภคเสมอ
5. ช่วยให้วงการธุรกิจของผู้ประกอบอาชีพมีความซื่อสัตย์ ยุติธรรม และมีความ
เออื้ เฟอื้ ต่อสังคมสว่ นรวมมากขนึ้
หลักในการยึดถอื ปฏิบัตขิ องผู้ประกอบอาชีพท่ัวไปพึงกระทำเพือ่ ความ
เจริญก้าวหน้าในอาชีพของตนและร่วมรบั ผิดชอบในสงั คม ควรมีดงั นี้
1. ความซื่อสัตยส์ จุ ริต และมีความรับผิดชอบตอ่ สังคม
2. การมีจริยธรรมต่อส่งิ แวดล้อม
3. ความนา่ เชอ่ื ถอื และความปลอดภัยในบรกิ าร
4. การมีจรรยาอาชีพและดำเนนิ กิจการอย่างมีคณุ ภาพ
5. การสร้างสมั พนั ธภาพที่ดีตอ่ ลกู ค้า
6. การเคารพสทิ ธิและรักษาผลประโยชน์ของผู้อืน่
7. การใช้จริยธรรมในการติดต่อส่อื สาร
8. การสร้างสัมพนั ธภาพกับชมุ ชน
9. การสร้างวินยั ในการประกอบอาชีพ
10. การดำเนนิ งานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
23
11. การให้แหลง่ ข้อมูลขา่ วสารอย่างถูกต้อง
12. การประกอบอาชีพดว้ ยความขยันหม่นั เพียร
ผู้ประกอบการจะตอ้ งมีคุณธรรมประจำใจทีส่ ำคญั 7 ประการ
1. ซือ่ สัตย์สจุ ริต
2. ขยันหมน่ั เพียร
3. มีความรบั ผิดชอบ
4. มีความละเอียดรอบคอบ
5. ตดั สินใจอย่างฉลาดและมีเหตผุ ล
6. ตรงต่อเวลา
7. เห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวม
ผ้ทู ี่มีคณุ ลักษณะทีด่ ีเหมาะสมกบั การประกอบอาชีพ ต้องมีจริยธรรมดังน้ี
1. ทำงานเตม็ ความรู้ความสามารถและอทุ ิศเวลาให้กับงาน
2. ไม่แก่งแยง่ ชงิ ดีชิงเดน่
3. ไม่คดโกงเอาเปรยี บเพื่อนรว่ มงานและผู้บรโิ ภค
4. ไม่หลอกลวงโดยการโฆษณาชวนเชอ่ื
5. เลอื กประกอบอาชีพที่ไมข่ ดั กับกฎหมายและศีลธรรม
6. เสยี ภาษีอากร ภาษีเงินได้จากการประกอบอาชีพตามความเป็นจริง
24
ใบงานที่ 1
เรอ่ื ง ความรู้ทัว่ ไปเกี่ยวกับโคมและตุงลา้ นนา
จงตอบคำถามต่อไปน้ี
1. จงบอกประวตั ิความเปน็ มาของโคมและตงุ ล้านนา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………......……………………………………
………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………………
…………………………………………………………………………………...………………………………………………………………………
………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………………
………………………………………………………...…………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
2. ให้อธิบายวัฒนธรรมและความเชือ่ ของชาวลา้ นนา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………...…………………………………………………………
……………………………………………………………………………………...……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………...………………………………………………………………………………
…………………………………………………...………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
3.จงบอกประโยชน์การอนรุ กั ษ์ดา้ นภูมิปญั ญา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………......……………………………………
………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………………
…………………………………………………………………………………………...………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
25
ใบงานที่ 2
เร่อื ง การทำโคมแขวนหรือโคมค้าง
คำชีแ้ จง ให้ผู้เรยี นศกึ ษาการทำโคมแขวนหรอื โคมคา้ ง ตอ่ ไปนี้
1. ศึกษาใบความรู้เรอ่ื งการทำโคมแขวนหรือโคมค้าง (โคมรังมดส้มแบบใช้ผ้า)
2. ศึกษาการทำโคมแขวนหรือโคมค้าง (โคมรงั มดส้มแบบใช้ผ้า) จากภมู ิปัญญา
ท้องถิน่ ตำบลดอนศรีชมุ นางสุพรรณี ปญั ญาโสภา และแหลง่ เรียนรู้กลุ่มผู้สูงอายุบ้านคลองประปา
หมู่ 3 ตำบลดอนศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา แล้วให้ฝึกทักษะการทำโคมแขวน
หรือโคมค้าง
3. ให้ผู้เรยี นเตรียมวสั ดุ อุปกรณ์ในการทำโคมแขวนหรอื โคมค้าง
(โคมรังมดส้มแบบใช้ผ้า) ดงั นี้
3.1 ไมไ้ ผ่ จกั สานแห้ง
3.2 ผ้าโทเร ใช้สำหรบั ติดกับตัวโครงส่วนคอถึงส่วนก้นของโครง
3.3 กระดาษฟอยล์ (สีทอง สเี งิน) ใช้สำหรบั ตกแต่งโคมโดยการตดั เป็นลาย
อาทิ ลายประจำยาม ลายแก้วชงิ ดวง ลายสร้อยดอกหมาก เปน็ ต้น
3.4 กาวรอ้ น ใช้สำหรบั ในงานไม้ที่ต้องการประกอบกัน
3.5 กาวลาเทก็ ซ์ ใช้สำหรบั งานผ้าและกระดาษที่ต้องการเพิม่ ความเหนียว
และการยึดติดทีแ่ ขง็ แรงขนึ้
3.6 กรรไกร ใช้ตดั ผา้ และตัดกระดาษฟอยล์เพือ่ ตดั ตกแตง่ ลวดลายตา่ ง ๆ
3.7 เชือกขาว นำมามดั ติดกบั โครงโคมส่วนด้านบน
3.8 ตัวหนีบ ใช้สำหรบั หนีบมมุ ทุกมุมเพื่อง่ายตอ่ การลงกาวรอ้ น
3.9 ฐานสำหรบั การขนึ้ โครงขนาด 7 เซนติเมตร และขนาด 8 เซนติเมตร
4. ให้ผู้เรยี นทำโคมแขวนหรือโคมค้างตามขั้นตอนในใบความรู้
26
ใบงานที่ 3
เร่อื ง การทำโคมถือหรอื โคมหกู ระต่าย
คำชี้แจง ให้ผู้เรยี นศกึ ษาการทำโคมถือหรอื โคมหกู ระต่าย ต่อไปนี้
1. ศึกษาใบความรู้เร่อื งการทำโคมถอื หรือโคมหกู ระต่าย
2. ศึกษาการทำโคมถอื หรือโคมหูกระตา่ ย จากภูมิปัญญาท้องถิ่นตำบลดอนศรีชมุ
นางสุพรรณี ปัญญาโสภา และแหลง่ เรียนรู้กลมุ่ ผู้สงู อายบุ ้านคลองประปา หมู่ที่ 3 ตำบลดอนศรีชมุ
อำเภอดอกคำใต้ จังหวดั พะเยา แล้วให้ฝึกทักษะการทำโคมถอื หรือโคมหูกระตา่ ย
3. ให้ผู้เรยี นเตรียมวสั ดุ อปุ กรณใ์ นการทำโคมถอื หรือโคมหกู ระต่าย ดังนี้
3.1 กระดาษสา สำหรบั ทำเป็นกลบี ดอกบวั
3.2 กระดาษฟอยล์ ใช้สำหรบั ประดบั ตกแต่ง
3.3 ไมไ้ ผ่ หนาประมาณ 5 มิลลเิ มตร ทำเปน็ ฐานสี่เหลย่ี มจตั รุ สั
ขนาด 10 เซนติเมตร
3.4 ไมไ้ ผเ่ หลา ขนาดประมาณครง่ึ เซนติเมตร ยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร
3.5 กาวลาเทก็ ซ์ ใช้สำหรับตดิ กระดาษ
4. ให้ผู้เรยี นทำโคมถอื หรือโคมหกู ระตา่ ยตามขั้นตอนในใบความรู้
27
ใบงานที่ 4
เร่อื ง การทำตุงไส้หมู
คำชี้แจง ใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาการทำตุงไสห้ มู ตอ่ ไปนี้
1. ศึกษาใบความรู้เร่อื งการทำตุงไส้หมู
2. ศึกษาการทำตงุ ไส้หมู จากภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ตำบลดอนศรีชมุ
นางสุพรรณี ปัญญาโสภา /นางกัลยา ศรีชัย และจากแหล่งเรียนรู้กลุ่มผู้สูงอายุบ้านคลองประปา
หมู่ 3 ตำบลดอนศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา แล้วให้ฝึกทกั ษะการทำตุงไส้หมู
3. ให้ผู้เรยี นเตรียมวัสดุ อุปกรณใ์ นการทำตงุ ไสห้ มู ดังนี้
3.1 กระดาษว่าว
3.2 กรรไกร
3.3 กระดาษแขง็
3.4 เชือก
3.5 เข็ม
3.6 ไมไ้ ผ่
4. ให้ผู้เรยี นทำตงุ ไส้หมูตามขั้นตอนในใบความรู้
28
ใบงานที่ 5
เรอ่ื ง การบรหิ ารจัดการและการตลาด
จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
1. จงบอกความหมายของการวางแผนการผลติ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
2. จงบอกประเภทของการจดั จำหนา่ ย
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
3. จงบอกประโยชนข์ องการทำบัญชีรายรบั – รายจ่าย
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
4. จงบอกความหมายของการค้าออนไลน์
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
5. จงบอกประโยชน์ของ E – Commerce
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
29
ใบงานที่ 6
เรอ่ื ง คณุ ธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ
จงตอบคำถามต่อไปน้ี
1. ความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม ในการประกอบอาชีพ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
2. คณุ ธรรมสำหรบั ผู้ประกอบการ 7 ประการ คือ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
30
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ กศ.ตน.12
วิทยากร..........................................................................................................................................
หลักสูตร.....การทำโคมและตุงลา้ นนา.....จำนวน ...35...ชว่ั โมง (เรียนวันละ.......................ชว่ั โมง)
ระหว่างวันที่............................................................................เวลาเรียน .................................. น.
สถานท่จี ดั การเรียน.........................................................................................................................
วนั เดอื น ปี เวลา กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายเหตุ
1. วิทยากรบรรยายความเป็นมาและความสำคญั 3 ชัว่ โมง
ของโคมและตุงล้านนา วัฒนธรรมและความเชือ่
ของชาวลา้ นนา การอนุรกั ษ์ดา้ นภมู ิปัญญา
2. วิทยากรชแี้ จงฝึกปฏิบัติการทำโคมและตงุ
ลา้ นนา
2.1 การทำโคมแขวนหรือโคมค้าง
2.2 การทำโคมถอื หรือโคมหกู ระตา่ ย
2.3 การทำตุงไส้หมู
3. วิทยากรให้ผู้เรยี นเตรียม
วัสดุ - อปุ กรณ์ เพือ่ ใช้ในการทำโคมล้านนา
1. นำไมไ้ ผเ่ ป็นท่อนชบุ นำ้ ยาเชนไดรทผ์ สมน้ำ 2 ช่ัวโมง
(เชนไดรท์ครึง่ กระป๋องเลก็ ต่อน้ำ 1 ถงั ) เพือ่
ป้องกันปลวกและมอดนำมาผึง่ แดดให้แห้งการ
เตรียมไม้ไผ่
4. ผา่ ไม้ไผ่และเหลาไม้ไผใ่ ห้มรี ูปรา่ งเป็นเสน้ บาง
และยาว
วิทยากรให้ผู้เรยี นลงมือปฏิบตั ิการทำโครงโคมรงั 23 ชั่วโมง
มดสม้ แบบใช้ผ้า
1. นำไม้ไผท่ ีเ่ หลานำมาหกั ตามแบบฐานที่ต้ังไว้
1.1 การทำโครงส่วนแนวต้ัง จำนวน 4 ชนิ้ นำไม้
มาหักตามแบบฐานที่ตั้งไว้มีขนาดยาว 7
เซนติเมตร และ ยาว 8 เซนติเมตร
1.2 การทำโครงสว่ นแนวนอน 2 ชนิ้
นำไม้มาหักตามแบบฐานที่ตั้งไว้มีขนาดยาว 7
เซนติเมตร
31
วนั เดอื น ปี เวลา กระบวนการจดั การเรียนรู้ หมายเหตุ
1.3 การทำโครงส่วนฐานของโคม 1 ชนิ้
นำไมม้ าหักตามแบบฐานท่ตี ั้งไว้มีขนาดยาว
6.5 เซนติเมตร จำนวน 4 เสน้
1.4 การทำโครงโคมส่วนหัว 1 ชิ้น นำไม้มาหัก
ตามแบบฐานทต่ี ้ังไว้มีขนาดยาว 8 เซนติเมตร ท้ัง
8 ครั้ง ให้เป็นทรงมงกุฎ นำโครงทั้ง 2 ส่วน เมื่อ
เสร็จแล้วก็นำมาประกบแล้วหยอดกาวร้อนลงไป
เพื่อยึดให้แน่นมาประกบกัน ใช้ตัวหนีบยึด 4 มุม
แล้วนำไปผึง่ แดดจนแห้งสนิท
2. วิธีประกอบโคม นำส่วนของโครงแนวตั้ง 4 ชิ้น
ประกอบกันโดยให้มุมที่หักไว้บรรจบกัน ใช้ตัว
หนีบหนีบมุมทุกมุม นำส่วนของโครงแนวนอน 2
ชิน้ สอดเข้าไปในสว่ นโครงแนวต้ัง ใช้ตวั หนีบหนีบ
ทุกมมุ ติดกาวผึ่งแดดรอให้แห้งสนิท นำส่วนฐาน
1 ชนิ้ และสว่ นหวั 1 ชนิ้ มาประกอบกนั ติดกาวผึ่ง
แดดรอให้แห้ง นำเชือกมามัดติดกบั โครงโคมส่วน
ดา้ นบน
3. วิธีการตัดผา้ การตดั และตกแต่งผ้าโทเร
ใช้กรรไกรตัดและตกแต่งผ้าโทเรให้เป็นตามแบบ
ทีต่ ้องการ ในการตดั ผา้ โทเรน้ันจะมีส่วนประกอบ
อยู่ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนตัว (ยาว) 4 ชิ้น ขนาด
ประมาณ 7x32 เซนติเมตร ส่วนตัว (สั้น) 4 ชิ้น
ขนาดประมาณ 8x24 เซนติเมตร ส่วนหาง (ยาว)
4 ชนิ้ ขนาดประมาณ 7x32 เซนติเมตร
4. การตัดส่วนหาง นำแบบหางมาประกบกับผ้า
ส่วนหางที่พบั ครึง่ นำตวั หนีบยึด แลว้ ใช้กรรไกร
ตดั ตามแบบ
5. การติดผ้าโทเร (ส่วนตัวและหาง) กบั โครงโคม
นำผ้าสว่ นของตวั โคม(ส้ัน) ติดกบั ตวั โครงส่วนคอ
ถึงส่วนก้นของโครง โดยใช้กาวลาเทก็ ซ์เพอ่ื เพิม่
ความเหนียว และการยึดติดทีแ่ ข็งแรงขนึ้ นำผ้า
สว่ นของตวั (ยาว) ใช้กาวติดกับตวั โครงสว่ นหัว
32
วนั เดอื น ปี เวลา กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายเหตุ
ถึงสว่ นก้นของโครง ดงึ ให้ตึงเรยี บ ใช้กาวติดสว่ น
หาง นำกระดาษทองลวดลายต่างๆ ติดตกแต่ง
และตัดเปน็ แนวเสน้ ยาวติดตามขอบโคมลา้ นนา
6. วิทยากรสอนให้ผู้เรียนพับและตัดกระดาษ
ฟอยลเ์ พื่อตกแตง่ โคม อาทิ ลายประจำยาม
ลายแก้วชงิ ดวง ลายสร้อยดอกหมาก เป็นต้น
1. วิทยากรสาธติ และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติ 3 ชัว่ โมง
การทำโคมถอื หรือโคมหกู ระต่าย
1. วัสดุและอุปกรณ์ในการทำโคมถือหรือโคมหู
กระตา่ ย
2. ข้ันตอนการผลติ
2.1 การเตรียมไมไ้ ผ่ การดดั ไมไ้ ผเ่ หลาเปน็
รปู โค้งคล้ายหกู ระต่าย
2.2 ตัดกระดาษสาให้มขี นาดเทา่ กับกลบี
โคมทั้ง 4 ดา้ น
2.3 ข้ันตอนการประกอบทากาวลาเท็กซ์ที่โครง
ของโคมท้ัง 4 ดา้ น
2.4 การใส่ดา้ มจับ
2.5 วิธีการพบั /ตดั ลายประจำลาย เพื่อใช้ในการ
ตกแต่งโคม
3. การบรรภุ ณั ฑ์
4. การดแู ลรักษา
วิทยากรสาธติ และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบตั ิ 2 ชว่ั โมง
การทำตงุ ไส้หมู
1. นำกระดาษว่าว 2 แผ่นๆ คละสีมาซ้อนกันพับ
ให้เปน็ สามเหลย่ี มดา้ นเทา่
ตัดส่วนปลายที่เหลอื ออก
2. พบั ครึง่ รูปสามเหล่ยี มอีก 2 ครง้ั
ตัดชายด้านที่ไม่เท่ากันให้เป็นลวดลายสวยงาม
ตามตอ้ งการ
3. ใช้กรรไกรตัดเส้นตรงจากด้านที่เปิดได้เข้าไป
ลกึ เหลอื ช่องว่างไม่ให้ขาดไว้พอประมาณ
33
วนั เดอื น ปี เวลา กระบวนการจดั การเรียนรู้ หมายเหตุ
กลับดา้ นแล้วตัดเสน้ ตรงขนานกบั เสน้ แรก
จากนั้นตัดสลับกันไปตลอดความกว้างจนถึง
ปลาย เหลอื ปลายไว้ประมาณ 4 เซนติเมตร
เพือ่ ทำหัวตงุ
4. ตัดเสร็จแล้ววางลงให้เหมือนเดิม แล้วเปิด
ดา้ นข้างที่ซ้อนกันออกจนเปน็ สามเหล่ยี มด้านเท่า
จับปลายด้านที่ซ้อนกันเปิดเป็นสี่เหลี่ยมทั้ง สอง
แผน่ จบั ตรงกลางกระดาษยกข้นึ
5. ตัดกระดาษแข็งเส้นผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณหนึ่ง
นิ้ว ทากาวติดด้านในของหัวตุง ใช้ด้ายร้อย
ด้านบน นำไปผูกติดกับปลายไม้ไผ่ เป็นอันเสร็จ
สามารถนำไปใช้งานได้
6. การพบั และตัดกระดาษ
6.1 พับครึ่งด้านที่หนึ่ง และพับครึ่งด้านที่สอง
เพื่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม พับกระดาษอีกด้านให้
เปน็ รูปเหมือนจรวด
6.2 ตัดขอบด้านทแยงให้เป็นรูปหยักหรือ
ลวดลายตามแตถ่ นัด หลังจากนั้นตดั ขอบอีกด้าน
ตดั ส่วนสามเหลย่ี มดา้ นบนโดยตดั สลบั
6.3 คลี่กระดาษที่พับออกมา ให้เป็นลักษณะ
สเ่ี หล่ยี ม
6.4 ตดั กระดาษแผน่ เล็กและสอยดา้ ยเพื่อนําไป
ผกู มัดกบั กิ่งไม้จะไดต้ งุ ไส้หมู
วิทยากรบรรยายการบริหารจัดการแ ละ 1 ชั่วโมง
การตลาดการทำโคมและตุงล้านนา
1. การวางแผนการผลิต พิจารณา เงินทุน
แรงงาน วตั ถุดิบ และการจดั การ
2. การวางแผนการจำหน่าย ประกอบด้วย การ
จดั จำหนา่ ย ชอ่ งทางการจัดจำหน่าย การสง่ เสริม
การจำหนา่ ย
3. การกำหนดราคาขาย ประกอบดว้ ยหลกั เกณฑ์
ในการกำหนดราคาขาย การคิดราคาตน้ ทุน
34
วนั เดอื น ปี เวลา กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายเหตุ
4. การทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย ประกอบด้วย
ประโยชน์ของการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
หลักการจดั ทำบญั ชีรายรบั -รายจา่ ย
5. การค้าออนไลน์ ประกอบดว้ ย
E-Commerce ประโยชน์ของE-commerce
วิทยากรบรรยายคุณธรรม จริยธรรมในการ 1 ช่ัวโมง
ประกอบอาชีพ
1. ความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรมในการ
ประกอบอาชีพ หลักในการยึดถือปฏิบัติของผู้
ประกอบอาชีพ
2.คุณธรรมประจำใจของผู้ประกอบการ ผู้ที่มี
คุณลกั ษณะทีด่ ีเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ
ลงชื่อ.................................................วิทยากร
(..........................................)
วันที่......../............../...........
หมายเหตุ สถานศึกษาสามารถปรบั เปล่ยี นได้ตามความเหมาะสม
35
บรรณานุกรม
มณี พยอมยงค์. (2538). เครือ่ งสักการะในล้านนาไทย. เชียงใหม่: ส.ทรัพย์การพิมพ.์
จินตนา มธั ยมบรุ ุษ. (2539). สรรพชา่ ง : ภมู ิปัญญาท้องถิ่นเชยี งใหม่. เชยี งใหม่:
โรงพิมพ์ดาว.
36
คณะผจู้ ัดทำ
ทีป่ รึกษา
นางมีนา กิติชานนท์ ผู้อำนวยการสำนกั งาน กศน. จงั หวดั พะเยา
นางอญั ชลี ธรรมะวิธกี ลุ ศึกษานิเทศก์เชย่ี วชาญ สำนักงาน กศน.
นายถนอม โยวัง ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอดอกคำใต้
คณะกรรมการสถานศึกษา กศน. อำเภอดอกคำใต้
ผจู้ ัดทำ
นายถนอม โยวงั ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอดอกคำใต้
นางอารยี า ไชยชนะ ครผู ู้ช่วย
นางสาวอรุณศรี นามสาร ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
นางสนธยา กาศสนกุ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
นางวันทนา โยวัง ครู กศน. ตำบล
นางสาวละอองดาว วรรณสมพร ครู กศน. ตำบล
นางสาวภคั นนั ท์ ปัญโญ ครู กศน. ตำบล
นางสาวสวุ ิมล สมวงค์ ครู กศน. ตำบล
นายมงคล แก้วเทพ ครู กศน. ตำบล
นางสาวนนั ทนา ใจสมคั ร ครู กศน. ตำบล
นางสาวอัญชลี วรรณชัย ครู กศน. ตำบล
นายกฤษกร พรหมมา ครู กศน. ตำบล
นางสาวกนกกาญจน์ บตุ รดี ครู กศน. ตำบล
นางสาวดวงดาว อุปพรรณ์ ครู กศน. ตำบล
นายคมสัน แปงศรี ครผู ู้สอนคนพิการ
นางสาวเพชรรัตน์ ใชสงคราม บรรณารักษ์
นางสาวปิยากร ปักษา นกั วิชาการศึกษา
บรรณาธิการ ครู กศน.ตำบล
นางวนั ทนา โยวัง บรรณารกั ษ์
นางสาวเพชรรัตน์ ใชสงคราม
ผ้รู ับผดิ ชอบ ครู กศน.ตำบล
นางวนั ทนา โยวงั บรรณารกั ษ์
นางสาวเพชรรัตน์ ใชสงคราม
37