1
2
Modal Verbs คือ กริยาช่วย ที่มีความพเิ ศษตรงท่ี มีความหมายในตวั มนั เอง เช่น ตวั อยา่ ง
ต่อไปน้ี
1. Can/Could = สามารถ
2. Will/Would = จะ
3. Shall/Should = ควรจะ
4. May/Might = อาจจะ
5. Must = ตอ้ ง
6. Ought to = ควรจะ
1. Modal Verbs ไม่ต้องเตมิ s ไม่ว่าประธานจะเป็ นตวั ไหน
Ex 1. I will visit Japan next year.
Ex 2. She can speak Italian.
2. สามารถทาเป็ นประโยคปฏิเสธหรือประโยคคาถามได้เลยโดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอ่ืน เช่น do,
does
Ex 1. Students can’t enter this room.
Ex 2. Can you pass me the sugar?
3
3. หลงั Modal Verbs ต้องตามด้วย infinitive verbs (verb รูปธรรมดาทไ่ี ม่เตมิ -
ing, -ed, to, s หรือ es)
Ex 1. I should arrive by lunch time.
Ex 2. You must study hard.
หลกั การใช้ Modal Verbs แต่ละตัว
Can/Could
คาวา่ can กบั could แปลวา่ สามารถทาได้ แต่can เป็นปัจจุบนั ส่วน could เป็นอดีต
ตัวอย่างการใช้ can บอกเล่า/เป็ นประโยคคาถาม/ตอบ
I CAN SWIM FAST.ฉนั สามารถวา่ ยน้าได้
CAN YOU SWIM? คุณวา่ ยน้าเป็นไหม
YES, I CAN. ใช่ ฉนั สามารถ (วา่ ยน้าเป็ น)
4
ตวั อย่างการใช้ Could บอกเล่า/เป็ นประโยคคาถาม/ตอบ
I COULD SPEAK CHINESE WHEN I WAS SEVEN.
ฉนั สามารถพดู จีนได้ ตอนฉนั อายุ 7 ขวบ
COULD YOU SWIM WHE YOU WAS SIX?
คุณวา่ ยน้าเป็นไหม ตอนคุณอายุ 6 ขวบ
NO, I COULDN’T. I COULD SWIM WHEN I WAS TEN.
ไม่ ไมไ่ ด้ ฉนั สามารถวา่ ยน้าไดต้ อนฉนั อายุ 10 ปี
ตัวอย่างประโยคจากนิทาน
- Mum, can dinosaurs fly? แม,่ ไดโนเสาร์บินไดไ้ หม? (เป็นประโยคคาถาม)
- Dinosaurs can’t fly. ไดโนเสาร์ไม่สามารถบินได้
- The three little dinosaurs couldn’t believe their eyes.
Will/Would
รูปปฏิเสธของ Will คือ Will not (Won’t)
รูปปฏิเสธของ Would คือ Would not (Wouldn’t)
- Will ใช้บอกสิ่งทค่ี าดการณ์ว่าจะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต, บอกความต้งั ใจ
Ex 1. I will visit Japan next year. (ฉนั จะไปญี่ป่ ุนปี หนา้ )
Ex 2. We will give you this book. (พวกเราจะใหห้ นงั สือเล่มน้ีแก่คุณ)
- Would ใช้พูดถึงเหตุการณ์ทจี่ ะเกดิ ขึน้ ในอดีต, ใช้ขอร้องอย่างสุภาพ, บอกความต้องการ และใช้ใน
ประโยคเง่ือนไข
Ex 3. Would you like some milk? (คุณตอ้ งการนมไหม?)
5
Shall/Should
รูปปฏิเสธของ Shall คือ Shall not (Shan’t)
รูปปฏิเสธของ Should คือ Should not (Shouldn’t)
- Shall ใช้ในการเสนอแนะ ชี้แนะ เสนอความช่วยเหลือ
Ex. Shall I carry your bags for you? (ฉนั ถือกระเป๋ าใหค้ ุณไหม?)
*** หมายเหตุ: ในปัจจุบนั ไม่ค่อยใช้ Shall กนั แลว้ แตบ่ างคร้ังอาจเจอไดใ้ นการพดู อยา่ งเป็นทางการ
และบางเอกสารทางกฎหมาย สาหรับภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั จะเจอ Shall มากที่สุดในประโยค
คาถามยน่ื ขอ้ เสนอ หรือเสนอแนะ ชกั ชวน วา่ Shall I…? / Shall we…?
- Should แปลว่า ควรจะ... ใช้ในการแนะนา
Ex 1. Should we take a taxi? (พวกเราควรจะข้ึนแทก็ ซ่ีนะ?)
Ex 2. I think you should stop smoking. (ฉนั คิดวา่ คุณควรเลิกสูบบุหรี่นะ)
May/Might
May และ Might แปลวา่ อาจจะ สามารถใชแ้ ทนกนั ได้ แต่ Might จะสื่อวา่ มีโอกาส
เกิดข้ึนไดน้ อ้ ยกวา่
รูปปฏิเสธของ May คือ May not
รูปปฏิเสธของ Might คือ Might not (Mightn’t)
- ใช้บอกความเป็ นไปได้ หรือส่ิงทอ่ี าจจะเกดิ ขึน้
Ex. She may be in danger. (เธออาจจะตกอยใู่ นอนั ตราย)
- ใช้ในการให้อนุญาต, ขออนุญาต
Ex 1. May I borrow your phone? (ฉนั ขอยมื โทรศพั ทค์ ุณไดไ้ หม?)
Ex 2. You may call me anytime. (คุณโทรหาฉนั ไดท้ ุกเวลานะ)
6
Must
- แปลว่า ต้อง ใช้พูดถงึ สิ่งท่ตี ้องทา สิ่งจาเป็ นทขี่ าดไม่ได้
Ex 1. I must finish my work. (ฉนั ตอ้ งทางานใหเ้ สร็จ)
Ex 2. Plants must have light and water to grow. (พืชตอ้ งมีแสงและน้าเพ่ือ
การเจริญเติบโต)
Ex 3. The show must go on. (ชีวติ ตอ้ งดาเนินตอ่ ไป)
- เม่ือเป็ นรูปปฏเิ สธ Must not (Mustn’t) จะหมายถึง ข้อห้าม, ไม่อนุญาตให้ทา
Ex. You mustn’t drink that. (คุณหา้ มดื่มสิ่งน้นั นะ)
Ought to / have to
Ought to แปลวา่ ควรจะ เป็นคาที่คนสมยั ก่อนใชก้ นั ปัจจุบนั น้ีไม่คอ่ ยใชก้ นั แลว้ จะใช้
Should มากกวา่
Ex. We ought to help the poor. = We should help the poor. (เราควรจะ
ช่วยเหลือคนจน)
7
Three little Dinosaurs
ผจญภยั กบั สามไดโนเสาร์เพ่ือนรัก
Scratch, Lofty and Sniff were the best of friends. They spent
their days playing hide-and-seek in the forest, or splashing about in
the lake. Sometimes they did cave-paintings but most of all they liked
pretending to fly. One day Mrs. Brachiosaurus was picking pinecones
for her famous pinecone pie, when Lofty asked, “Mum, can dinosaurs
fly?” Mrs. Brachiosaurus thought for a moment, “My friend Terry
Dactyl can.” “How?” asked Lofty, excitedly. “Well, he finds
somewhere high up, then he spreads his wings and tales off, said Mrs.
B.” I know a really high place, thought Lofty, and she rushed off to
tell her friends. It was the volcano! In no time, they were scrambling
up the rocky slope. “What if it goes bang?” worried Sniff. “Well,”
said Scratch, “We’ll just fly away!” Come on! At the top, the three
little dinosaurs began to flap with all their might. “Altogether now,
one, two, three…” They couldn’t fly! Instead they tumbled head-over-
heels and landed in a crumpled head. Ouch! “Dinosaurs can’t fly!”
moaned Sniff. “Oh yes, they can!” came a loud voice. “Who said
that?” gasped Sniff. “Not me!” said Lofty and Scratch. “I’m up here!”
the voice chuckled. The three little dinosaurs couldn’t believe their
eyes. Above them, an enormous winged creature circled in the sky.
8
“Wh-h-ho are you?” asked Sniff. “I’m Terry Dactyl!” the creature
replied. “Do you need a lift home?” The friends grinned at each other.
“YES, PLEASE!” So, one at a time, Terry picked them up and placed
them carefully on his back and they were off! Up and up, through the
clouds, high above the volcano. “We’re flying,” they cried, “we really
are flying!” “There’s Mum!” yelled Lofty. Mrs. B stretched up her
long neck, and one by one, Terry passed the little dinosaurs down to
her. They slid down her neck….whee! Over the hump of her
back….whoosh! and zip! Right off the end of her tail. Mrs. B thanked
Terry for his kindness and gave him a large slice of pinecone pie.
That evening, three little dinosaurs munched on pinecone pie and
watched Terry and his friends swoop and glide over the volcano.
Then off to be to dream of flying.
สแครทช์ ลอ็ ฟต้ี และสนิฟ เป็นเพอื่ นรักกนั พวกเขาใชเ้ วลาในแต่ละวนั ไปกบั การเล่นซ่อนหาใน
ป่ าหรือไมก่ ็เล่นน้ากนั ในทะเลสาบ บางคร้ังพวกเขาก็วาดรูปเล่นกนั บนผนงั ถ้า แต่สิ่งท่ีพวกเขาชอบมาก
ที่สุดคือการสมมติวา่ ตวั เองบินได้ วนั หน่ึงขณะที่คุณนายแบรกคิโอซอรัสกาลงั เกบ็ ลูกสนเพื่อนาไปทาพาย
ลูกสนอนั ข้ึนชื่อของเธออยนู่ ้นั ลอ็ ฟต้ีกถ็ ามข้ึนมาวา่ “แม่คะ ไดโนเสาร์บินไดห้ รือเปล่า” คุณนายแบรกคิ
โอซอรัสนิ่งคิดอยคู่ รู่หน่ึง “เพ่อื ของแม่ที่ชื่อ เทอรร่ี แด็คทิล บินไดน้ ะ” “บินไดย้ งั ไงคะ” ลอ็ ฟต้ีถามอยา่ ง
ตื่นเตน้ “อืม เขาก็หาสถานที่สูงๆสกั แห่งหน่ึง จากน้นั เขาก็กางปี กท้งั สองขา้ งออแลว้ กพ็ งุ่ ตวั ออกไป”
คุณนายแบรกคิโอซอรัสเล่า ฉนั รู้จกั สถานท่ีที่สูงมากๆอยแู่ ห่งหน่ึงนี่นา ลอ็ ฟต้ีคิดในใจ แลว้ เธอก็รีบไปบอก
เพ่อื นๆในทนั ที และท่ีสูงๆท่ีวา่ น้นั ก็คือภูเขาไฟนน่ั เอง! พวกเขากาลงั ปี นข้ึนไปบนเนินหินอยา่ งไมร่ ีรอ “ถา้
มนั เกิดระเบิดข้ึนมาจะทายงั ไง” สนิฟรู้สึกเป็นกงั วล “อืม พวกเรากจ็ ะบินหนีไปไงล่ะ” มาเร็วเขา้ ! สแค
รทชพ์ ูด และเม่ือถึงยอดเขา ไดโนเสาร์นอ้ ยท้งั สามตวั กเ็ ริ่มกระพือขาหนา้ ข้ึนลงอยา่ งุดกาลงั “ทีน้ีกพ็ ร้อมๆ
กนั นะ หน่ึง สอง สาม…” บินเลย! พวกเขาบินไมไ่ ด้ แตก่ ลบั หกคะเมนตีลงั กา กลิ้งหลุนๆลงมากอง
รวมกนั อยา่ งไม่เป็ นทา่ แทน โอย๊ ! ไดโนเสาร์บินไม่ไดห้ รอกนะ สนิฟโอดครวญ “โอ้ ไดส้ ิ ไดโนเสาร์บิน
ไดน้ ะ” มีเสียงหน่ึงดงั ข้ึน “ใครพดู น่ะ” สนิฟพดู อยา่ งกระหืดกระหอบ “ฉนั เปล่านะ” ลอ็ ฟต้ีและสแค
รทช์พดู “ฉนั อยขู่ า้ งบนน้ีไง” เสียงหวั เราะเบาๆ ไดโนเสาร์นอ้ ยท้งั สามแทบไมเ่ ชื่อสายตาตวั เอง เพราเหนือ
ข้ึนไปบนหวั ของพวกเขา มีสิ่งมีชีวติ ท่ีมีปี กขนาดมหึมาตวั หน่ึง กาลงั บินวนเวยี นอยบู่ นทอ้ งฟ้า “คะ-คะ-
คุณเป็นใครครับ” สนิฟถาม “ฉนั ชือเทอร์รี่ แดค็ ทิลจะ้ ” ส่ิงมีชีวติ ตวั น้นั ตอบ “พวกเธออยากใหฉ้ นั พาไป
ส่งบา้ นไหมล่ะ” ไดโนเสาร์ท้งั สามสหายยมิ้ แฉ่งใหก้ นั แลว้ พูดวา่ “อยากค่ะ/ครับ ช่วยพาไปหน่อยนะคะ/
ครับ” แลว้ เทอร์ร่ีก็รับพวกเขาข้ึนมา และใหน้ งั่ ตรงที่ท่ีปลอดภยั บนกลงั ของเขาทีละตวั แลว้ พวกเขาก็
9
ทะยานข้ึนไป สูงข้ึนและสูงข้ึนเรื่อยๆ ทะลุผา่ นกลุ่มกอ้ นเมฆ และสูงข้ึนไปเหนือภูเขาไฟ “พวกเรากาลงั
บินอย”ู่ พวกเขาร้องตะโกน “พวกราลงั บินอยจู่ ริงๆ” “แมอ่ ยนู่ ่ีไง” ล็อฟต้ีตะโกน คุณนายแบรกคิโอ
ซอรัสยดื คอยาวๆของเธอข้ึนมาและเทอร์รี่ก็ส่งไดโนเสาร์นอ้ ยลงมาใหเ้ ธอทีละตวั พวกเขาลื่นไถลลงมาจา
กกคอของเธอ “ยะฮู”้ ผา่ รลงมาบนหลงั โคง้ ๆของเธอ “ฟิ้วว” และ “ฟ้าว” พงุ่ ทะยานผา่ นปลายหางของ
เธอออกไป คุณนายแบรกคิโอซอรัสขอบคุณเทอร์ร่ีสาหรับความมีน้าใจของเขาและใหพ้ ายลูกสนชิ้นใหญ่
ชิ้นหน่ึงกบั เขาเป็นการตอบแทน เยน็ วนั น้นั ไดโนเสาร์นอ้ ยท้งั สามตวั นงั่ เค้ียวพายลูกสนตุย้ ๆ พร้อมกบั เฝ้า
มองเทอร์ร่ีและผองเพ่ือนบินฉวดั เฉวยี นและร่อนอยเู่ หนือภูเขาไฟ จากน้นั ก็เขา้ นอนเพื่อท่ีจะไดฝ้ ันถึงการ
โบยบิน
Moral : Aim the goal and do the best. ฝันให้ไกลไปให้ถึง
Vocab
Hide and seek = การเล่นซ่อนหา
Rush off = รีบเร่ง
Scramble = ไตป่ ี น
Tumble head-over-heels = หกคะเมนตีลงั กา
Enormous = มหึมา
Off to bed = เขา้ นอน
ตัวอย่างประโยคจากนิทาน
- Mum, can dinosaurs fly? แม,่ ไดโนเสาร์บินไดไ้ หม? (เป็นประโยคคาถาม)
- Dinosaurs can’t fly. ไดโนเสาร์ไม่สามารถบินได้
- The three little dinosaurs couldn’t believe their eyes. ไดโนเสาร์
นอ้ ยสามตวั แทบไมเ่ ชื่อ สายตาตวั เอง
10
The Fox and the Stork
สุนัขจิง้ จอกกบั นกกระสา
At one time the Fox and the Stork were on visiting terms and
seemed very good friends.
So the Fox invited the Stork to dinner, and for a joke put nothing
before her but some soup in a very shallow dish. This the Fox could
easily lap up, but the Stork could only wet the end of her long bill in
it, and left the meal as hungry as when she began.
“I am sorry the soup is not to your liking”, said the Fox.
“Please do not apologize,” said the Stork. “I hope you will return this
visit, and come and dine with me soon.” So a day was appointed
when the Fox should visit the Stork; but when they were seated at
table all that was for their dinner was contained in a very long-necked
jar with a narrow mouth, in which the Fox could not insert his snout,
so all he could manage to do was to lick the outside of the jar.
“I will not apologize for the dinner,” said the Stork
11
กาลคร้ังหน่ึงหมาจิง้ จอกและนกกระสาต่างไปมาหาสู่กนั เป็นประจาและดูเหมือนวา่ พวกมนั เป็น
เพอื่ นที่ดีต่อกนั จนกระทงั่ หมาจิง้ จอกไดเ้ ชิญนกกระสาใหม้ าร่วมรับประทานอาหารเยน็ ดว้ ยกนั และแกลง้
นกกระสาดว้ ยการไมม่ ีสิ่งใดมาเล้ียงตอ้ นรับเลย นอกจากน้าซุปท่ีใส่ไวใ้ นจานทรงต้ืนเทา่ น้นั สุนขั จิง้ จอก
สามารถใชล้ ิ้นตะหวดั กินซุปไดอ้ ยา่ งง่ายดาย ในทางกลบั กนั นกกระสาไดเ้ พยี งแต่จุ่มปากจงอยของมนั ลงไป
ในซุปเท่าน้นั และปล่อยอาหารมือน้นั เหลือไวเ้ หมือนกบั ความหิวของมนั ท่ียงั คงอยู่ “ฉนั ขอโทษดว้ ย เธอ
คงไมช่ อบซุป” สุนขั จิ้งจอกเอย่ “เธอไม่จาเป็ นตอ้ งขอโทษหรอก” นกกระสากล่าว “ฉนั หวงั วา่ เธอจะมา
กลบั มาเยอื นอีกคร้ังและร่วมรับประทานอาหารกบั ฉนั ในเร็ว ๆน้ี” จนกระทง่ั ถึงวนั นดั หมายท่ีสุนขั จิง้ จอก
มาเยอื นนกกระสาบา้ ง แตเ่ ม่ือท้งั สองนงั่ ลงที่โตะ๊ อาหารท่ีนามาท้งั หมดในม้ือน้นั ถูกใส่ไวใ้ นเหยอื กท่ีมีคอ
ยาวและปากแคบใบหน่ึง ซ่ึงหมาจิง้ จอกไม่สามารถเอาแมแ้ ตจ่ มูกของมนั ใส่ลงไปได้ ส่ิงเดียวท่ีมนั สามารถ
ทาไดค้ ือ การเลียที่ดา้ นนอกของเหยอื ก “ฉนั จะไม่ขอโทษสาหรับอาหารม้ือน้ีหรอกนะ” นกกระสากล่าว
Moral :
One bad turn deserves another.
การกระทาสิ่งใดท่ีไม่ดีตอ่ ผอู้ ื่น สกั วนั หน่ึงเราอาจไดร้ ับสิ่งน้นั กลบั มา
Vocabulary
joke = มุขตลก
shallow = ต้ืน
bill = ในท่ีน้ีแปลวา่ ปากของนกกระสา
apologize = ขอโทษ
narrow = แคบ
ตวั อย่างประโยคในนิทาน
- but the Stork could only wet the end of her long bill in it
- so all he could manage to do was to lick the outside of the jar.
12