กิจกรรม ส่ือ ๓๓
ผสู้ อนสรุปวา่ เทคโนโลยีมกี าร
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วัดผล
ผู้เรียนต้องพัฒนาตนเองให้
ร้เู ทา่ ทนั อาชญากรรมรปู แบบ
ต่าง ๆ
ใหผ้ เู้ รียนทำแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด
(Quiz)
คร้งั เนอื้ หา วตั ถุประสงค์
๖ บทที่ ๓ เมื่อเรยี นจบบทเรียนนี้แล้ว
ระบบสารสนเทศสถานตี ำรวจ
๑)ผเู้ รียนจะรู้จกั เคร่ืองมือเครื่องใ
๓.๑ หลกั การทำงานของ ระบบ ชแ้ ละอปุ กรณเ์ ทคโนโลยี
CRIMES สารสนเทศในระบบ CRIMES
๓.๒ อุปกรณท์ ใ่ี ช้ในระบบ ได้อยา่ งถูกต้อง
CRIMES และ
การบำรุงรกั ษา
๓.๓ ประโยชน์ของระบบ
CRIMES
๓.๔ การเชอ่ื มโยงกบั หน่วย ๒)ผ้เู รียนจะมีทักษะในการ
งานภายนอก คน้ หาขอ้ มูลผา่ นเครือขา่ ย
๓.๕ ฝกึ ปฏิบัตกิ ารเข้าใชง้ าน
ระบบบรหิ ารจัดการเรยี นรู้ ๓)สามารถฝึกปฏิบตั ิระบบ
LMS และบนั ทึกขอ้ มูลรบั
จำลองการเรยี นรู้ (Simulation)
แจง้ เหตุเบื้องตน้ ในระบบ
ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
CRIMES หวั ข้อแจ้งเอกสารหาย
, จราจร
๓๔
กิจกรรม ส่อื วัดผล
ผูส้ อนสาธติ (Demonstrate) ค่มู อื ตำรวจ การเข้าช้นั เรียน
การเขา้ สบื คน้ ในระบบ โปรแกรมนำเสนอ (Class attendance)
CRIMES Website
พรอ้ มทง้ั อธบิ ายขัน้ ตอนและวิ คอมพิวเตอร์และ การสังเกตพฤติกรรม
ธีการขอรหัสผู้ใช้ โปรแกรมสำเร็จรูป (Behavior
observation)
แบบบันทึกผลการ ผลการพฒั นา
พัฒนาคณุ ภาพ คุณภาพผ้เู รียน
ผู้เรียน
ให้ผเู้ รยี นฝึกปฏิบตั ิ การสังเกตพฤติกรรม
(Practice) (Behavior
โดยระบบจำลองการเรียนรู้ observation)
LMS ชอ่ื เว็บไซต์
crimespolice.com โดย
ให้ผ้สู อนกำหนดรหัสผู้ใช้
เปน็ เจ้าพนกั งานรบั แจง้ เหตุ
เบ้ืองต้น หวั ข้อเอกสารหาย,
จราจร
คร้งั เน้อื หา วตั ถปุ ระสงค์
กจิ กรรม ส่อื ๓๕
วัดผล
ผู้สอนอธบิ ายและแนะนำการ คอมพิวเตอร์และ
บนั ทึกข้อมูล รายละเอยี ด โปรแกรมสำเร็จรูป
ของเอกสารท่ีเกย่ี วข้องกับการ
รับแจ้งความ/ร้องทุกข์แต่ละ
ประเภท
ผเู้ รยี นซักถาม (Q&A) และ ประเมนิ ผลสำเร็จ
พิมพส์ ำเนาประจำวนั รับแจง้ ของงานท่ีมอบหมาย
พร้อมกบั ลงชือ่ ผรู้ บั แจ้งนำสง่ (Performance
ผู้สอน Assignment)
ผู้สอนบนั ทกึ ผลการประเมิน
ใบงาน
ครง้ั เนอื้ หา วัตถุประสงค์
๗ บทที่ ๓ เมอื่ เรยี นจบบทเรียนนี้แล้ว
ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ ๒)ผเู้ รยี นจะมีทักษะในการค้น
(ตอ่ ) หาขอ้ มูลผ่านเครอื ข่าย
ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเขา้ ใชง้ านระบบบ ๓)ผู้เรยี นจะ สามารถฝึกปฏิบัติ
ระบบจำลองการเรียนรู้
ริหารจัดการเรียนรู้ LMS
และบนั ทึกข้อมูลรับแจ้งเหตเุ บ้ื (Simulation)ได้อยา่ งถูกตอ้ ง
องต้นในระบบ CRIMES
หวั ขอ้ ลักทรัพย์
๓๖
กจิ กรรม สอ่ื วดั ผล
ให้ผู้เรยี นฝกึ ปฏบิ ัติ คอมพวิ เตอร์และ การเข้าชัน้ เรียน
(Practice) สญั ญาณ (Class attendance)
โดยระบบจำลองการเรยี นรู้ อินเทอร์เน็ต
LMS ชอื่ เวบ็ ไซต์ แบบบันทึกผลการ การสงั เกตพฤติกรรม
crimespolice.com พฒั นาคุณภาพ (Behavior
โดยผูส้ อนกำหนดรหัสผ้ใู ช้ ผู้เรยี น observation)
เป็นเจ้าพนกั งานรับแจง้ เหตุ
เบือ้ งตน้ หัวขอ้ ลักทรัพย์ โดย ประเมนิ ผลสำเรจ็
ผสู้ อนอธบิ ายและแนะนำการ ของงานท่ีมอบหมาย
บันทึกข้อมลู รายละเอียดของ (Performance
เอกสารทเ่ี ก่ียวข้องกับการรับ Assignment)
แจง้ ความรอ้ งทกุ ขป์ ระเภทนี้
ผเู้ รยี นซกั ถาม (Q&A) และ
พมิ พส์ ำเนาประจำวนั รับแจ้ง
พร้อมกบั ลงช่อื ผรู้ ับแจ้งนำส่ง
ผู้สอน
ผูส้ อนเกบ็ ใบงานและบันทกึ
ผลการประเมนิ
ครง้ั เน้อื หา วัตถปุ ระสงค์
๘ บทท่ี ๓ เมื่อเรยี นจบบทเรียนน้ีแล้ว
ระบบสารสนเทศสถานตี ำรวจ ๒)ผูเ้ รยี นจะมที ักษะในการค้น
(ต่อ) หาขอ้ มูลผ่านเครือขา่ ย
ฝึกปฏิบตั กิ ารเข้าใช้งานระบบบ ๓)ผเู้ รียนจะสามารถฝึกปฏบิ ตั ิ
ระบบจำลองการเรยี นรู้
ริหารจดั การเรยี นรู้ LMS
และบันทึกข้อมลู รับแจ้งเหตุเบ้ื (Simulation) ไดอ้ ย่างถูกต้อง
องต้นในระบบ CRIMES
หัวข้อการพนนั
๓๗
กิจกรรม สอื่ วดั ผล
ให้ผู้เรียนฝกึ ปฏิบัติ คอมพิวเตอร์และ การเข้าชน้ั เรียน
(Practice) สัญญาณ (Class attendance)
โดยระบบจำลองการเรียนรู้ อนิ เทอร์เน็ต
LMS ชือ่ เวบ็ ไซต์ แบบบนั ทึกผลการ การสงั เกตพฤติกรรม
crimespolice.com พัฒนาคุณภาพ (Behavior
โดยผสู้ อนกำหนดรหัสผใู้ ช้ ผเู้ รียน observation)
เป็นเจ้าพนกั งานรับแจ้งเหตุ
เบ้ืองตน้ หวั ขอ้ การพนนั โดย ประเมินผลสำเรจ็
ผ้สู อนอธบิ ายและแนะนำการ ของงานท่มี อบหมาย
บันทกึ ข้อมลู รายละเอียดของ (Performance
เอกสารท่ีเกยี่ วข้องกับการรบั Assignment)
แจง้ ความร้องทุกข์ประเภทนี้
ผูเ้ รียนซกั ถาม (Q&A) และ
พมิ พ์สำเนาประจำวนั รับแจ้ง
พรอ้ มกับลงช่อื ผูร้ ับแจ้งนำสง่
ผ้สู อน
ผู้สอนเก็บใบงานและบันทกึ
ผลการประเมิน
คร้งั เน้อื หา วัตถุประสงค์
๙ บทท่ี ๓ เมอื่ เรียนจบบทเรียนน้ีแลว้
ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ ๒)ผู้เรียนจะมที ักษะในการค้น
(ตอ่ ) หาข้อมูลผา่ นเครือขา่ ย
ฝึกปฏิบัตกิ ารเขา้ ใชง้ านระบบ ๓)ผู้เรยี นจะสามารถฝึกปฏิบตั ิ
บรหิ ารจัดการเรยี นรู้ LMS ระบบจำลองการเรียนรู้
และบันทึกข้อมูลรบั แจ้งเหตุเบ้ื (Simulation) ได้อย่างถูกตอ้ ง
องตน้ ในระบบ CRIMES
หวั ขอ้ ยาเสพติด
๓๘
กจิ กรรม ส่ือ วดั ผล
การเข้าช้นั เรียน
ใหผ้ ูเ้ รยี นฝึกปฏิบัติ คอมพวิ เตอร์และ (Class attendance)
(Practice) สัญญาณ การสงั เกตพฤติกรรม
(Behavior
โดยระบบจำลองการเรียนรู้ อนิ เทอร์เน็ต observation)
LMS ชอื่ เวบ็ ไซต์ แบบบันทึกผลการ ประเมนิ ผลสำเรจ็
ของงานทม่ี อบหมาย
crimespolice.com พัฒนาคุณภาพ (Performance
Assignment)
โดยผสู้ อนกำหนดรหัสผใู้ ช้เปน็ ผ้เู รียน
เจา้ พนักงานรบั แจง้ เหตเุ บ้ืองต้
น หัวขอ้ ยาเสพติด โดยผสู้ อน
อธิบายและแนะนำการบันทึก
ขอ้ มลู รายละเอยี ดของ
เอกสารท่ีเกี่ยวข้องกบั การรับ
แจง้ ความรอ้ งทุกขป์ ระเภทนี้
ผ้เู รียนซักถาม (Q&A) และ
พมิ พส์ ำเนาประจำวันรบั แจ้ง
พรอ้ มกับลงชอ่ื ผู้รับแจ้งนำส่ง
ผสู้ อน
ผูส้ อนเกบ็ ใบงานและบันทึก
ผลการประเมิน
ครง้ั เนอ้ื หา วัตถปุ ระสงค์
๑๐ บทที่ ๓ เมื่อเรียนจบบทเรยี นน้ีแล้ว
ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ ๒)ผูเ้ รียนจะมีทักษะในการคน้
(ตอ่ ) หาข้อมูลผา่ นเครอื ขา่ ย
ฝึกปฏิบัติการเข้าใชง้ านระบบบ ๓)ผ้เู รยี นจะสามารถฝึกปฏบิ ตั ิ
รหิ ารจัดการเรียนรู้ LMS ระบบจำลองการเรยี นรู้
และบนั ทึกข้อมูลท้องถน่ิ ใน (Simulation) ได้อย่างถูกต้อง
ระบบ CRIMES และวเิ คราะห์
นาฬกิ าอาชญากรรม
๓๙
กิจกรรม ส่อื วัดผล
ใหผ้ ้เู รียนฝึกปฏบิ ัติ คอมพิวเตอร์และ การเข้าช้ันเรยี น
(Practice) สญั ญาณ (Class attendance)
โดยระบบจำลองการเรยี นรู้ อินเทอร์เน็ต
LMS ชื่อเว็บไซต์ แบบบันทกึ ผลการ การสังเกตพฤติกรรม
crimespolice.com พัฒนาคณุ ภาพ (Behavior
โดยผู้สอนกำหนดรหัสผใู้ ช้ ผเู้ รียน observation)
เปน็ เจ้าพนกั งานรบั แจง้ เหตุ
เบอ้ื งต้น ประเมนิ ผลสำเรจ็
หัวขอ้ การบนั ทกึ ข้อมูล ของงานทม่ี อบหมาย
ท้องถ่นิ และนาฬิกาอาชญา (Performance
กรรม โดยผ้สู อนอธบิ ายและ Assignment)
แนะนำการบนั ทกึ ขอ้ มูล
รายละเอียดของเอกสารท่ี
เกีย่ วขอ้ งกับการบนั ทึกข้อมูล
ประเภทนี้ว่าสามารถนำไปใช้
ประโยชนใ์ นการวางแผนจดั
และควบคุม
สายตรวจ และวางแผนระดม
กวาดลา้ ง เพ่ือควบคุม
อาชญากรรมและลดสถิติ-
คร้งั เน้อื หา วตั ถปุ ระสงค์
กจิ กรรม ส่อื ๔๐
คดอี าญา ๔ กลุ่ม
วัดผล
เปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นซักถาม
(Q&A)และตอบคำถาม
ผูส้ อนสรปุ เพ่มิ เติมเนน้ ยำ้ เร่อื ง
ความสำคัญของการบนั ทึก
ข้อมูลท้องถน่ิ และการ
วิเคราะห์ข้อมูลนาฬกิ า
อาชญากรรมเพื่อใช้ประโยชน์
ในการวางแผนการจัดและ
ควบคุมสายตรวจ การระดม
กวาดลา้ งอาชญากรรมและ
การนำเสนอข้อมูลในรปู แบบ
บทสรุปผบู้ ริหาร
ครง้ั เนือ้ หา วตั ถปุ ระสงค์
๑๑ บทที่ ๓ เมื่อเรียนจบบทเรียนน้ีแล้ว
ระบบสารสนเทศสถานตี ำรวจ ๒)ผูเ้ รยี นจะมที ักษะในการคน้
(ตอ่ ) หาข้อมลู ผา่ นเครือขา่ ย
ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเขา้ ใชง้ านระบบบ ๓)ผเู้ รยี นจะสามารถฝึกปฏบิ ัติ
รหิ ารจดั การเรียนรู้ LMS ระบบจำลองการเรยี นรู้
และบนั ทึกข้อมลู คดีอาญาครบ (Simulation) ได้อยา่ งถูกตอ้ ง
ทกุ ขน้ั ตอน (วงแดง) :
จำหน่ายคดี
๔๑
กจิ กรรม สอื่ วัดผล
ให้ผู้เรียนฝึกปฏบิ ัติ คอมพิวเตอร์และ การเขา้ ช้ันเรียน
(Practice) โดยระบบจำลอง สัญญาณ (Class attendance)
การเรยี นรู้ LMS ชอ่ื เวบ็ ไซต์ อินเทอรเ์ นต็
crimespolice.com โดย การสังเกตพฤติกรรม
ให้ผ้สู อนกำหนดรหสั ผใู้ ช้ แบบบนั ทึกผลการ (Behavior
เป็นเจา้ พนักงานรบั แจ้งเหตุ พัฒนาคุณภาพ observation)
เบ้ืองตน้ ผเู้ รียน
โจทย์: การบันทกึ ข้อมูลคดี ประเมินผลสำเรจ็
อาญาครบทุกขั้นตอน ของงานท่มี อบหมาย
(วงแดง) : จำหน่ายคดี****** (Performance
Assignment)
เปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รียนซักถาม
(Q&A)และตอบคำถาม
ครง้ั เน้อื หา วัตถุประสงค์
๑๒ บทที่ ๓ เม่อื เรยี นจบบทเรียนน้ีแล้ว
๑)ผู้เรียนจะสามารถใช้งาน
ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ ระบบ CRIMES ได้อยา่ งมี
(ตอ่ ) ประสทิ ธิภาพ
๒)ผู้เรยี นจะมที ักษะความเข้าใจ
อภปิ รายกล่มุ และใช้งานเทคโนโลยดี ิจิทลั ๙
งานทีม่ อบหมายเม่อื ครัง้ ท่ี ๔ ดา้ น ดงั น้ี
ดา้ นท่ี ๑ การใชง้ านคอมพิวเตอร์
ด้านที่ ๒ การใช้งานอินเทอรเ์ นต็
ด้านท่ี ๓
การใช้งานเพ่ือความมั่นคง
ปลอดภัย
ด้านท่ี ๔
การใช้โปรแกรมนำเสนอผลงาน
ดา้ นท่ี ๕
การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ
๔๒
กิจกรรม สอื่ วัดผล
ใหผ้ ้เู รียนจบั สลากทงั้ ๑๐ คู่มือตำรวจ การเขา้ ช้ันเรยี น
กลุ่มเพื่ออภปิ รายกล่มุ โปรแกรมนำเสนอ (Class attendance)
(Discussion) Website
คอมพวิ เตอร์และ การประเมนิ กลุ่ม
ตรวจสอบและตดิ ตามการส่ง โปรแกรมสำเรจ็ รปู (Group
รายงาน (Report) ทาง Assessment)
โปรแกรมรับส่งเอกสาร
อิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Cop) ประเมินจากเอกสาร
203.114..122.133/new รายงาน (Report)
รหสั ผู้ใช้ “นสต.1-130” รปู แบบ เนอ้ื หาและ
ต้องเปน็ เลขอารบิคเท่านั้น ความตรงต่อเวลา
ใหผ้ ู้เรยี นทำแบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั
(Quiz)
สรปุ ใหผ้ ้เู รยี นเขา้ ใจและ การสงั เกตพฤติกรรม
ทบทวนระบบสารสนเทศของ (Behavior
สำนักงานตำรวจแห่งชาตแิ ละ observation)
แจง้ ช่องทางการสอบถาม
คะแนนเกบ็ ดว้ ยไลน์บอท
@989bxurz
คร้งั เน้อื หา วตั ถุประสงค์
ดา้ นที่ ๖
การใช้โปรแกรมตารางคำนวณ
ด้านท่ี ๗
การทำงานรว่ มกันแบบออนไลน์
ดา้ นที่ ๘
การใช้โปรแกรมสรา้ งส่ือดิจทิ ัล
ด้านที่ ๙
การใช้ดิจทิ ลั เพ่ือความมน่ั คง
ปลอดภัย
กจิ กรรม สื่อ ๔๓
ให้ผ้เู รยี นทำแบบทดสอบ แบบทดสอบหลัง
หลงั เรยี น (Post test) เรียน วดั ผล
ผู้สอนประเมนิ ผลเปรยี บเทยี บ แบบบนั ทกึ ผลการ ผลการวเิ คราะห์
การทดสอบก่อนเรยี นและ พัฒนาคณุ ภาพ ผเู้ รียนจาก LMS
หลังเรยี นแลว้ บนั ทกึ การ ผูเ้ รียน (www.thaipolice.o
เปล่ียนแปลงรายบุคคล nline)
๔๔
แผนคำสอน บทท่ี ๑
ความรพู้ ้นื ฐานเก่ียวกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร
วตั ถปุ ระสงค์
๑. ผู้เรยี นจะสามารถบอกความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้อย่างถูกต้อง
๒. ผู้เรียนจะสามารถอธิบายหลักการทำงานคอมพิวเตอร์และบทบาทสำคัญของเทคโนโลยที มี่ ี
ตอ่ ระบบสารสนเทศเพอ่ื ประยุกตใ์ ชส้ นบั สนุนการปฏิบัติงานของตำรวจได้
๓. ผู้เรียนจะรู้จักอปุ กรณ์ทางเทคโนโลยแี ละเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม
๔. ผูเ้ รียนจะสามารถจดจำคำศัพท์ในระบบเครอื ข่ายไดอ้ ย่างถูกต้อง
๕. ผูเ้ รยี นจะสามารถเลือกวิธีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการช่วยสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์
และสอ่ื สังคมออนไลนไ์ ด้อยา่ งเหมาะสม
๖. ผูเ้ รยี นจะสามารถใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรปู พ้นื ฐานไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
๗. ผู้เรียนจะสามารถสร้างสรรค์เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั เพ่ือการส่ือสารขั้นพ้นื ฐานได้ทั้งรูปแบบกราฟฟกิ
ภาพเคลื่อนไหว แถบเสียง ได้
๘. ผู้เรียนจะสามารถเลือกใชว้ ิธกี ารจัดเก็บข้อมูลด้วยระบบ Cloud storage ได้
๙. ผู้เรียนจะสามารถแกป้ ญั หาในการใช้คอมพิวเตอรโ์ ดยคำนึงถงึ ความปลอดภัยของข้อมูลและ
การรักษาความลับของข้อมูลข่าวสาร
๑๐. ผู้เรยี นจะมีจิตสำนึกในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีคณุ ธรรมและจริยธรรม
๑๑. ผู้เรยี นจะสามารถวเิ คราะหป์ ัญหาภัยรา้ ยอาชญากรรมออนไลนแ์ ละพฒั นาแนวคดิ ในการ
ปอ้ งกนั ภัยอันเกดิ จากการใชส้ อื่ สงั คมออนไลนไ์ ด้
๑๒. ผเู้ รียนมีความรเู้ ก่ียวกบั กฎหมายท่เี กย่ี วข้องกับการจัดการปัญหาการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
ที่ไม่เหมาะสม
๔๕
หวั ขอ้ เร่ือง
๑.๑ ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ
๑.๒ หลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์และเครือขา่ ย
๑.๓ อปุ กรณ์ในระบบเครือข่าย
๑.๔ คำศพั ทใ์ นการศึกษาเทคโนโลยีสารสนเทศกับการปฏิบัตงิ านของตำรวจ
๑.๕ การสบื คน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ
๑) Google search
๒) Google scholar
๓) Google trends
๑.๖ โปรแกรมสำเร็จรปู และการสร้างรูปแบบนำเข้าข้อมลู ประมวลผล การจัดเกบ็ และนำเสนอ
๑) โปรแกรมประมวลผลคำ
๒) โปรแกรมตารางคำนวณ
๓) โปรแกรมนำเสนอ
๔) โปรแกรมสำเร็จรูปและการสรา้ งรปู แบบนำเขา้ ข้อมลู ประมวลผล การจัดเก็บ
และนำเสนอ การสรา้ งเวบ็ ไซตด์ ้วย Google Site
๑.๗ ความปลอดภยั ของขอ้ มูลและจริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
๑) พ.ร.บ.วา่ ด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๖๐
๒) พ.ร.บ.คุ้มครองขอ้ มลู ส่วนบคุ คล พ.ศ.๒๕๖๒
กิจกรรมและวิธีสอน
๑) แนะนำรายวชิ า ช่วั โมงการเรียนการสอนและวธิ ีวดั ผล
๒) นำเข้าสบู่ ทเรยี นด้วยคำถามเกย่ี วกบั เทคโนโลยีในชวี ิตประจำวนั
๓) ใหผ้ ้เู รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน (Pretest)
๔) ผู้สอนเฉลยคำตอบบนกระดานหรอื จอภาพโดยให้ผ้เู รยี นแลกเปล่ยี นกันตรวจคำตอบ
๕) ผู้สอนเก็บแบบทดสอบกอ่ นเรียนเพื่อบันทึกผลคะแนน
๖) เริม่ ทำการสอนโดยวธิ ีบรรยาย
๔๖
๗) ให้ผเู้ รียนอา่ นเอกสารคำสอนบทที่ ๑ หวั ข้อท่ี ๑.๔ เรอื่ งคำศพั ท์ในการศกึ ษาเทคโนโลยี
สารสนเทศ เพ่ือใหจ้ ดจำคำศัพท์ภาษาองั กฤษ
๘) ใหผ้ เู้ รยี นทำใบงานอักษรปริศนา (Crossword puzzle) เกี่ยวกบั คำศัพทภ์ าษาองั กฤษ
๙) ผู้สอนนำภาพใบงานอักษรปริศนาขน้ึ แสดงบนกระดานหรือจอภาพแล้วร่วมกันหา
คำศัพท์กบั ผเู้ รยี นในหอ้ งเรียน โดยใหผ้ ูเ้ รยี นแลกเปลย่ี นกระดาษคำตอบกันตรวจแล้วนำสง่ ผู้สอนเพ่ือบันทึกผล
๑๐) ผสู้ อนเร่ิมทำการสอนโดยวิธีบรรยายเก่ียวกบั การสืบค้นข้อมูลและโปรแกรมสำเร็จรูป
๑๑) ใหผ้ เู้ รยี นทำใบงานพมิ พเ์ อกสารขา่ วจากการสบื ค้นโดยพมิ พ์ด้วยโปรแกรมประมวลผลคำ
สง่ ทางจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์
๑๒) ให้ผเู้ รียนสมคั รขอใช้บญั ชีอเี มลของ Google (Gmail) เพื่อใช้พ้ืนทเี่ กบ็ ขอ้ มูล Drive
staorage free
๑๓) ผู้สอนอธบิ ายวธิ กี ารสร้างเวบ็ ไซตฟ์ รดี ้วย Google Site จากนน้ั ใหผ้ ้เู รยี นฝึกการทำงาน
ร่วมกันด้วยโปรแกรมนำเสนอ (Google Slide)
๑๔) ใหผ้ ู้เรยี นอ่านเอกสารคำสอนเพื่อทบทวนบทเรียนแลว้ ติดตามงานที่มอบหมาย (สง่ ทาง
อเี มล) แล้วเร่ิมบรรยายเกีย่ วกับการสร้างฐานข้อมูลและนำเขา้ ข้อมูลด้วย Google Form ซงึ่ เก่ียวข้องกบั การ
จัดการข้อมูลดว้ ยโปรแกรมตารางคำนวณ (Spread sheet หรือ Google sheet)
๑๕) มอบหมายงานใหผ้ เู้ รยี นจดั การขอ้ มลู จัดเรียงแลว้ นำเสนอกราฟหรือแผนภาพดว้ ย
Google Slide หรือ Datastudio โดยสรา้ งสรรคส์ อ่ื นำเสนอด้วยแถบบันทึกภาพและเสยี ง กำหนดสง่ ในการเรยี น
ครัง้ ที่ ๑๒ (วันอภิปรายกลมุ่ )
๑๖) ผู้สอนเปิดคลปิ วดี โิ อเกยี่ วกับภัยรา้ ยออนไลน์แลว้ ใหผ้ ้เู รียนรว่ มกันวเิ คราะห์ทางคดเี พื่อ
เนน้ ใหเ้ ห็นความสำคญั ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม
๑๗) ใหผ้ ู้เรียนทำแบบฝึกหัดทา้ ยบท (Quiz)
ส่ือการสอน
๑. ค่มู อื ตำรวจ
๒. โปรแกรมนำเสนอ เช่น MS Power Point, Prezi, Canva, Google Slide เปน็ ต้น
๓. Website
๔. คอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูป
๔๗
๕. คลิปวีดิโอ
๖. สัญญาณอิสเตอร์เนต็
๗. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pretest)
๘. ใบงานอักษรปริศนา (Crossword puzzle)
๙. ใบงานสืบคน้ ขา่ วและพิมพ์เอกสารดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคำ
๑๐. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท (Quiz)
การวดั ผล
๑. การเข้าชั้นเรยี น (Class attendance)
๒. การสงั เกตพฤติกรรม (Behavior observation)-การมีส่วนร่วมในช้ันเรยี นและการทำ
แบบฝกึ หัด
๓. ประเมินผลแบบทดสอบโดยเพอื่ น (Peer assessment)-Pretest
๔. ประเมินผลใบงานโดยเพอ่ื น (Peer assessment)-Crossword puzzle
๕. ประเมนิ ผลจากใบงาน (Homework assessment)-Email
แหล่งค้นคว้าเพ่ิมเติม
กองบัญชาการศึกษา. (๒๕๖๔). ตำราเรยี นหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจ วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศกบั
การปฏิบตั ิงานตํารวจ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ตาํ รวจ.
จกั รพงศ์ เปรมจติ ต.์ (๒๕๕๔). จรยิ ธรรมการใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ ของกลุ่มนกั เรียนมัธยมศกึ ษา
โรงเรียนสวนกุหลาบวทิ ยาลัยรงั สิต. การศกึ ษาอสิ ระของหลักสูตรปรญิ ญาบรหิ ารธุรกจิ มหาบณั ฑติ
วิชาเอกระบบสารสนเทศ คณะบรหิ ารธุรกจิ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ .ี
นิตยา ศรีมกฎุ พันธ์. (๒๕๕๗). ความต้องการของผู้ปกครองเกย่ี วกับพฤติกรรมท่ีควรปลูกฝังและพฤติกรรม
ทปี่ รากฏด้านคณุ ธรรมพืน้ ฐาน ๘ ประการของเดก็ ปฐมวัย. งานวิจัยสาขาวชิ าปฐมวัย
คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรงุ เทพธนบรุ ี.
บุญมี แท่นแก้ว. (๒๕๓๒). จรยิ ศาสตร์. กรุงเทพฯ : คณะวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
วิทยาลัยครบู า้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา.,หน้า ๑๙๐ - ๑๙๒.
ปิยะ สมบุญสำราญ. (มปป.). ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ในการตดิ ตง้ั ระบบเครอื ข่ายช้ันเซียน ๑. กรงุ เทพฯ :
สำนกั พมิ พซ์ ีเอ็ดยูเคชนั่ .
๔๘
พนิดา พานชิ กลุ .(๒๕๕๓). จรยิ ธรรมทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เคทพี ี.
พนดิ า พานชิ กลุ . (๒๕๔๘). เทคโนโลยีสารสนเทศ. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พเ์ คทีพี.
พนู ศกั ด์ิ สกั กทตั ติยกุล. (๒๕๔๔). ผเู้ รยี นกบั ผสู้ อนหรืออาจเป็นลักษณะของหลกั สตู รที่เรียนผา่ นเวลิ ด์ไวดเ์ วบ็ .
สืบคน้ เมือ่ วันท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕, เข้าถึงได้จาก www.naraed1.org /ict/articles.php?lng=
th&pg=50.
มนตรี สีทอง. (๒๕๖๐).
ราชบณั ฑติ สถาน. (๒๕๕๘). พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. กรงุ เทพฯ: นานมบี ๊คุ ส์.
วัชรพงษ์ ตาไฝ. (๒๕๕๖). จรยิ ธรรมดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ.25th January 2013. [Online].Retrieved on
July 18, 2015.Available:http://ethicsininformationtechnology.blogspot.com/
วาสนา สขุ กระสานต.ิ (๒๕๔๐). โลกของคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ. กรงุ เทพ.: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
สชุ าติ ใจสถาน. (๒๕๕๓). การพัฒนาแบบวัดจริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร
สำหรับนักเรยี น.วารสารศึกษาศาสตร์.ปีที่ ๒๑, ฉบับที่ ๓, มิถุนายน ๒๕๕๓ – กนั ยายน ๒๕๕๓.
สชุ าติ ใจสถาน. (๒๕๒๘). ธรรมาภบิ าลเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร. กรุงเทพฯ. สำนกั พิมพ์ศนู ยส์ ่งเสริม
วชิ าการ.
สานิตย์ กายาผาด และคณะ .(๒๕๔๒). เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื ชีวติ . กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยเู คช่ัน.
สชุ าดา กรี ะนนั ท์. (๒๕๔๒). เทคโนโลยีสารสนเทศสถติ ิ: ขอ้ มลู ในระบบสารสนเทศ. (พมิ พค์ ร้ังท่ี ๒). กรงุ เทพฯ:
โรงพมิ พ์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
๔๙
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (Pretest)
เลอื กคำตอบทีถ่ กู ท่ีสดุ เพียงข้อเดียว
ข้อ ๑ เทคโนโลยสี ารสนเทศ หมายถงึ ข้อใด
ก. การนำเอาความร้ทู างเทคโนโลยดี ้านคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยดี ้านเครือข่ายโทรคมนาคมและการสื่อสารมาจดั การสารสนเทศให้ไดต้ ามวัตถุประสงค์
ข. โปรแกรมหรอื ชดุ คำสั่งท่ีเขียนขึ้นเพ่ือใหเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์ปฏิบัติตาม
ค. กระบวนการทำงานเพอื่ ใหไ้ ด้ผลลัพธต์ ามต้องการโดยใช้เคร่ืองคอมพวิ เตอร์
ง. สอ่ื กลางหรอื เส้นทางท่ีใชเ้ ป็นทางผ่าน ในการรบั ส่งขอ้ มูล ระหว่างผูร้ บั (Receiver)
และผสู้ ง่ ขอ้ มูล (Transmitter)
ข้อ ๒ เครอื ขา่ ยระบบสำนักงานตำรวจแหง่ ชาติ VPN-Polis ที่เช่ือมโยงกับหน่วยงานภายนอก
จดั เป็นเครือขา่ ยประเภทใด
ก. Internet
ข. Intranets
ค. Extranets
ง. Externet
ขอ้ ๓ ข้อใดไม่ใช่โปรแกรมท่มี ีจุดประสงค์ทำลายระบบหรือสร้างความเสยี หายใหก้ ับระบบคอมพิวเตอร์
ก. WannaCry
ข. Petya หรือ Petrwrap
ค. Cerber ransomware
ง. Corona Virus
ข้อ ๔ หากทา่ นได้รบั มอบหมายให้จัดทำบัญชีข้อมูลผู้มีอทิ ธิพลมอื ปนื รับจา้ งจากขอ้ มูลท้องถิ่นของท่าน
ควรจดั เก็บดว้ ยโปรแกรมสำเร็จรปู ใดทสี่ ามารถจัดเรยี งและกรองขอ้ มูลมาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ตามเป้าหมาย
ก. MS word/Google Document
ข. MS Exel/Google Sheet
ค. MS Power Point/Google Slide
ง. MS Project/Google Form
๕๐
ขอ้ ๕ ข้อใดไมใ่ ช่อุปกรณ์ทใ่ี ชง้ านในระบบ CRIMES
ก. Smart Card Readers
ข. Computer Thin Client
ค. Switch board
ง. Web Camera
ขอ้ ๖ ขอ้ ใดไมใ่ ช่ฐานข้อมลู ที่มีการเชอื่ มโยงกบั ระบบสารสนเทศสถานตี ำรวจ (CRIMES)
ก. ข้อมลู ผู้ประกันตน สำนักงานประกนั สังคม
ข. ขอ้ มลู ทะเบียนยานพาหนะ กรมการขนสง่ ทางบก
ค. ข้อมูลทะเบยี นราษฎร์ กรมการปกครอง
ง. ขอ้ มูลผดู้ ำรงตำแหน่งทางการเมอื ง กระทรวงยุตธิ รรม
ขอ้ ๗ ฐานขอ้ มลู ใดใช้ในการวางแผนควบคมุ อาชญากรรมหรือวางแผนการจัดและควบคุมสายตรวจ รวมท้ัง
วางแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรม
ก. นาฬกิ าอาชญากรรม
ข. บันทกึ ข้อมลู ท้องถ่นิ
ค. บนั ทกึ การรบั แจ้งเหตุเบื้องตน้
ง. รายงานสถติ คิ ดจี ราจร
ขอ้ ๘ การสบื คน้ ข้อมลู หมายจับสามารถตรวจสอบไดจ้ ากระบบใด
ก. Cyber Vaccinated
ข. Traffy Fondue
ค. CRIMES
ง. Police I lert you
ข้อ ๙ ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลักษณะของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์(Cyber Crime)
ก. การขโมยหมายเลขบตั รเครดิต (Credit card theft) จากการชำระเงินด้วยบตั รเครดิต
ผ่านทางอินเตอรเ์ นต็
ข. การแอบอา้ งตัว (Identity theft) ดว้ ยการแอบอา้ งตัวตอ่ บุคคลท่สี ามว่าตนเปน็ อกี คนหน่ึง
เพื่อใหไ้ ด้ข้อมลู ส่วนตวั
ค. การสแกมทางคอมพวิ เตอร์ (Computer scam) ด้วยการสง่ จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์
หลอกลวงใหก้ รอกขอ้ มูล
๕๑
ง. การแอบเปล่ยี นฮาร์ดแวรเ์ ครื่องคอมพวิ เตอร์ให้มคี ุณสมบัติเฉพาะต่ำลง (Lower specification)
ข้อ ๑๐ ขณะทท่ี ่านปฏิบตั ิหน้าทีเ่ ป็นเจ้าหนา้ ที่รบั แจ้งเหตุเบอ้ื งตน้ มีผูเ้ สยี หายมาร้องทุกข์โดยเลา่ พฤติการณ์แห่งคดี
วา่ ถูกนายดำซงึ่ เป็นแฟนเกา่ แอบเอาบตั รเอทีเอ็มไปถอนเงนิ สดของผเู้ สยี หายจากตเู้ อทเี อ็มของธนาคารได้เงนิ สดไป
จำนวนหน่งึ แล้วไปเลน่ การพนันออนไลนจ์ นหมด ทา่ นจะตอ้ งลงระบบรบั แจง้ เหตุเบื้องต้นใด
ก. แจง้ เอกสารหาย
ข. แจ้งเหตุลักทรัพย์
ค. แจ้งเหตุการณ์พนัน
ง. แจง้ เหตยุ าเสพติด
๕๒
บทที่ ๑
ความรพู้ ้นื ฐานเกย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทอย่างกว้างขวางในทุกวงการ เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ
กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของการทำงานทุกด้าน นับตั้งแต่ทางด้านการศึกษา พาณิชยกรรม เกษตรกรรม
อุตสาหกรรม สาธารณสุขการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนด้านการเมืองและงานบริหารราชการ
ซ่งึ เทคโนโลยสี ารสนเทศเข้าไปช่วยให้การทำงานน้ัน ๆ มีประสทิ ธภิ าพและ ประสิทธผิ ลย่งิ ขนึ้
๑.๑ ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT: Information Technology) หรอื ที่เรยี กกนั วา่ ไอที เป็นคำท่รี จู้ ักและคนุ้ เคยกัน
เป็นอย่างดีในสังคมยคุ ข่าวสารหรอื สังคมสารสนเทศทีไ่ ร้พรมแดน เทคโนโลยีสารสนเทศอาจได้รบั การยอมรบั ว่ามี
ศักยภาพสงู สดุ ในบรรดาทกุ ๆ ประเด็นทท่ี ำการศึกษาจะเห็นไดว้ า่ ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศไดร้ ับความสนใจจาก
ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมากต่ อ
ประเทศต่าง ๆ อย่างแนน่ อน เทคโนโลยีสารสนเทศไดม้ ผี ใู้ ห้ความหมายคำวา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศไว้หลากหลาย
วาสนา สุขกระสานติ (๒๕๔๐ : ๒๘) ได้ให้ความหมายของคำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง
กระบวนการต่าง ๆ และระบบงานที่ช่วยให้ได้สารสนเทศที่ต้องการรวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ กระบวนการ
จดั เก็บ ประมวลผลและแสดงผลลพั ธ์ในรูปแบบต่าง ๆ
ครรชิต มาลัยวงศ์ (๒๕๔๐ : ๓๕) ได้ให้ความหมายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีท่ี
เกีย่ วขอ้ งกับการจัดประมวลผล และการเผยแพร่สารสนเทศซ่ึงรวมหลกั แลว้ กค็ อื เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์
ครรชิต มาลัยวงศ์ (๒๕๓๙, น.๒๔) อธิบายว่า “เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย เทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถช่วยในการจัดเก็บ บันทึก ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง และเทคโนโลยีสื่อสาร
โทรคมนาคม ซึง่ สามารถสง่ ผลลพั ธจ์ ากการใชง้ านคอมพวิ เตอรไ์ ปให้ผูใ้ ชไ้ ดอ้ ย่าง รวดเรว็ และถกู ตอ้ ง”
วิทวัส วรินทรเวช (๒๕๔๕ : ๓๑) ให้ความหมายเทคโนโลยีสารสนเทศไว้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศเป็น
เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการดำเนินงานทั้งปวง เพื่อจัดทำสารสนเทศไว้ใช้งาน ซึ่งประกอบไปด้วยเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยโี ทรคมนาคม เปน็ หลัก และรวมถงึ เทคโนโลยอี ่ืน ๆ ท่ีเก่ยี วข้องกับการนำข้อมูลข่าวสารมา
ใช้ให้เป็นประโยชน์โดยคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือในการจัดการและจัดเก็บข้อมูล ส่วนการสื่อสารโทรคมนาคมใช้
๕๓
เป็นสื่อในการจัดส่งข้อมูลเผยแพร่และเสียงออกไปเพื่อสื่อสารกัน ตลอดจนถึงแนวความคิด ระบบ วิธี เครื่องมื
เครื่องใช้ทางการสื่อสารหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดเก็บประมวลผลค้นคืน และเผยแพร่ข้อ สนเทศ ไม่ว่าจะเป็น
อุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ระบบสอ่ื สาร ข้อมูลและโทรคมนาคม รวมทง้ั การประยุกต์ใช้เคร่ืองมือหรืออปุ กรณ์เหล่าน้ันใน
งานสารสนเทศและงานบรกิ ารดา้ นอื่น ๆ
กิตติ ภักดีวัฒนกุล และพฯดา พานิชกุล (๒๕๔๖: ๒๘๑ - ๒๘๒) ได้ให้ความหมายของระบบสารสนเทศ
ว่า หมายถึง การรวบรวมองค์ประกอบต่าง ๆ (ข้อมูลการประมวลผลการเชือ่ มโยงเครือขา่ ย) เพื่อนำเข้า (Input) สู่
รูปแบบใด ๆ แล้วนำมาผ่านกระบวนการบางอย่าง (Process) ที่อาจใช้คอมพิวเตอร์ช่วย เพื่อเรียบเรียง
เปลย่ี นแปลงและจัดเก็บ เพ่อื ให้ได้ผลลัพธ์ (Output) คือสารสนเทศที่สามารถใช้สนบั สนุนการตดั สนิ ใจได้
พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ ได้ใหค้ วามหมายไวด้ งั น้ี
สารสนเทศ (Information) หมายถงึ ข่าวสาร, การแสดงหรือช้ีแจงขา่ วสารข้อมลู ตา่ ง ๆ
เทคโนโลยี (Technology) หมายถงึ วทิ ยาการทนี่ ำเอาความรทู้ างวิทยาศาสตร์มาใช้ให้
เกดิ ประโยชน์ในทางปฏิบตั ิ
จากความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าว อาจสรุปได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ
(Information Technology : IT) หมายถึงการนำเอาความรูท้ างเทคโนโลยที กุ ดา้ นมาจดั การสารสนเทศ ทต่ี อ้ งการ
โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีด้านเครือข่าย
โทรคมนาคมและการสื่อสาร ตลอดจนอาศัยความรู้ในกระบวนการ ดำเนินงานสารสนเทศในขั้นตอนต่าง ๆ
ตั้งแต่การแสวงหา การวิเคราะห์ การจัดเก็บ รวมถึงการจัดการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนสารสนเทศ
มาเพิ่มประสิทธิภาพความถูกต้อง ความแม่นยำและความรวดเร็วให้ทันต่อการนำมาใช้ประโยชน์ และเม่ือ
มีการนำเครือข่ายโทรคมนาคมและการสื่อสารมาช่วยในการจัดการ โดยการสื่อสารนั้นมาจากคำว่า
Communication จึงเรียกว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication
Technology : ICT)
การศึกษาเก่ียวกบั ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การน้ันเก่ียวข้องกับการนำระบบสารสนเทศท่ีเหมาะสม
ม า ใ ช ้ ใ น อ ง ค ์ ก ร ใ ห ้ บ ร ร ล ุ เ ป ้ า ห ม า ย ต า ม ต ้ อ ง ก า ร โ ด ย ท ี ่ ส า ร ส น เ ท ศ เ ก ิ ด จ า ก ก า ร น ำ ข ้ อ มู ล
มาผ่านการประมว ลผล ร ะ บ บ ส า ร ส น เ ท ศ (Information System : IS) จึงหมายถึงระบบต่าง ๆ
ท ี ่ เ ก ี ่ ย ว ข ้ อ ง ก ั บ ส า ร ส น เ ท ศ ซ ึ ่ ง ม ั ก ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย ฐ า น ข ้ อ ม ู ล ท ี ่ น ำ ม า ใ ช ้ เ พ ื ่ อ ก า ร จ ั ด เ ก็ บ
ดว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์เพ่ือเป็นขอ้ มลู ในองค์กร และดว้ ยลำพังเพียงเทคโนโลยสี ารสนเทศ คงไมม่ ีความหมายใด ๆ
หรืออาจมีประโยชน์เพียงน้อยนิด หากผู้ใช้ไม่รู้จักนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในทางรูปธรรมได้ ดังนั้น สำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติจึงได้มีการจัดทำระบบสารสนเทศทั้งในส่วนของกำลังพลและพัสดุเพื่อใช้ในการวางแผนบริหาร
๕๔
จัดการภายในองค์กรและระบบที่เกีย่ วข้องกับคดี เช่น ขอ้ มูลหมายจบั ข้อมลู ผตู้ อ้ งหาในคดีอาญา เพื่อใช้สนับสนุน
สว่ นปฏบิ ัตกิ ารปอ้ งกนั ปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทให้บรรลเุ ป้าหมาย
๑.๒ หลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอรแ์ ละเครือข่าย
๑. ๒. ๑ ร ะ บ บ ค อ ม พ ิ ว เ ต อ ร์ (Computer System) หมายถึง องค์ประกอบ หลักที่ ท ำ ใ ห้
เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าขาดองค์ประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วคอมพิวเตอร์
จะไม่สามารถทำงานได้ ระบบของคอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ย ๕ ส่วนดังนี้
๑) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
สามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ เช่น จอภาพ แป้นพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซึ่งแบ่งลักษณะการทำงานได้ ๔
หน่วยคือ หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
หน่วยแสดงผล (Output Unit) และหน่วยความจำ (Memory Unit) ซึ่งรวมไปถึงหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง
(Secondary storage) โดยอปุ กรณแ์ ต่ละหนว่ ยมีหน้าท่กี ารทำงานแตกตา่ งกัน
๒) ซอฟแวร์ (Software) หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์
ปฏิบัติตาม แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทคือ ซอฟแวร์ระบบ (System software) ซอฟแวร์สำเร็จรูป (Package)
และซอฟแวรป์ ระยกุ ต์ (Application software)
๓) บุคลากร (People ware) หมายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ในหน้าที่ต่าง ๆ เช่น
นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) โปรแกรมเมอร์ (Programmer) วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software
Engineering) ผ้บู รหิ ารเครอื ข่าย (Network Administrator) และผู้ใช้ (User) เปน็ ต้น
๔) ข้อมูล (Data) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ที่จะต้องนำเข้า
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ซึ่งข้อมูลที่นำเข้าจะมีหน่วยที่เล็กที่สุดได้แก่ ตัวอักขระ (Character) ซึ่งจะประกอบ
ไปด้วยตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์ต่าง ๆ เมื่อนำตัวอักขระเหล่านี้มาประกอบกันจะทำให้ได้หน่วยข้อมูล
ที่ใหญ่ขึ้นคือ ฟิลด์ (Field) และการนำฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์มาประกอบกันจะเป็น เรกคอร์ด (Record) และถ้านำ
หลาย ๆ เรกคอร์ดมาประกอบกันก็จะเป็น ไฟล์ (File) และหากนำหลาย ๆ ไฟล์มารวมกันในลักษณะที่มี
ความสัมพันธ์กันในแต่ละไฟล์ด้วยจะกลายเป็น ฐานข้อมูล (Database) เช่น ฐานข้อมูลคดีอาญา-จราจร
ฐานขอ้ มลู หมายจบั ฐานข้อมูลทะเบยี นราษฎร์ ฐานขอ้ มูลทะเบียนยานพาหนะ
๕) กระบวนการทำงาน (Procedure) หมายถึงกระบวนการทำงาน
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จำเป็นต้องทราบขั้นตอนการทำงาน
๕๕
เพื่อให้ได้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะมีขั้นตอนสลับซับซ้อนหลายขั้นตอน
ดงั นั้นจงึ มคี วามจำเปน็ ตอ้ งมีคู่มือการปฏิบตั ิงาน เช่น คู่มือผู้ใช้ (User Manual) หรือค่มู ือผดู้ ูแลระบบ (Operation
Manual) ซึ่งในที่น้ีจะกล่าวถึงการทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปจะประกอบด้วยกระบวน
การทำงานอย่างนอ้ ย ๓ ขั้นตอนคอื
ขั้นตอนท่ี ๑ Input หรือกระบวนการนำเขา้ ข้อมลู
ขนั้ ตอนท่ี ๒ Process หรือกระบวนการประมวลผลขอ้ มลู
ขั้นตอนที่ ๓ Output หรอื กระบวนการแสดงผลลัพธ์
หารดว้ ยตวั เลข ๕ ชดุ
ูรูปูภูาูพู๑ููแสู ูดงู ูกูรูะูบูวูนูกูาูรูทูาูงูาูนูขูอูงูรูะูบูบูคูอูมูพูวูเูตูอูรู
ข้อมูลหรือตัวเลขจำนวน ๕ ชุด ได้แก่ ๑๔ ๓๒ ๘๕ ๑๖ ๒๓ ถูกป้อนเข้าสู่ระบบการทำงาน ซึ่งข้อมูล
ตัวเลขต่าง ๆ นี้จะถูกนำมาเก็บรวบรวมไว้เพื่อรอการประมวลผล เรียก Data ของระบบนี้ว่าเป็นขั้นตอนของ
Input และเมื่อต้องการหาคำตอบค่าเฉลี่ย ระบบจะต้องหาผลรวมของตัวเลขทั้งหมดโดยใช้หลักการหรือวิธีคิด
เพือ่ หาผลลัพธ์ อนั ได้แก่การหาผลรวมของตวั เลขทั้งหมดแล้วหารดว้ ยจำนวนสมาชิกทั้งหมดท่ีมีอยู่ จึงจะสามารถ
หาคำตอบได้ เรียกขั้นตอนน้ีว่า Process ซึ่งจะได้คำตอบค่าเฉลี่ยเป็นตัวเลข ๓๔ โดยผ่านการจัดเรียง วิเคราะห์
หรือแปรรูปด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ ตัวเลขค่าเฉลี่ย ๓๔ที่ได้แสดงผลลัพธ์ออกมาจึงเป็นขั้นตอน Output
ถือวา่ เป็นสารสนเทศท่ีสามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ หรอื แลกเปลย่ี นกันได้ต่อไป
๕๖
ข้อมูลสารสนเทศเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ เพราะข้อมูลสารสนเทศมีความหลากหลาย สามารถนำ
ไปใช้ ในการตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ของหน่วยงานได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หน่วยงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีภารกิจในการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
จึงมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลในการป้องกันปราบปราม การสืบสวนสอบสวน เช่น ข้อมูลบุคคล ข้อมูลยาน
พาหนะ ข้อมูลสถานที่ เป็นต้น ซึ่งการจะได้ข้อมูลมานั้นก็ต้องมีการจัดเก็บและรวบรวมอย่างเป็นระบบ และ
เมื่อระบบต่าง ๆ มีการเชื่อมต่อเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบร่วมกันได้ เรียกว่า
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
๑.๒.๒ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ ๒
เครื่องขึ้นไป เป็นระบบเข้าด้วยกัน โดยผ่านสื่อกลางสายเคเบิลหรือสื่ออื่นๆ ที่ทำให้คอมพิวเตอร์
สามารถรับส่งข้อมูลแก่กัน และกันได้ ดังเช่นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้นำระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เขา้ มาใชง้ านเพื่อจัดเกบ็ รวบรวมข้อมลู และการสืบค้นสามารถรองรบั การปฏบิ ัติงาน ทง้ั ดา้ นการสืบสวนสอบสวน
การป้องกันปราบปราม งานอำนวยการ เช่น ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ (CRIMES) ระบบสารสนเทศหลัก ตร.
(POLIS) เป็นต้น ซึ่งเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายชนิด สามารถใช้หลักเกณฑ์การแบ่งได้หลายวิธี
แต่ถ้าหากแบ่งตามกายภาพที่เกี่ยวข้องกับระยะทางระหว่างโหนดบนเครอื ข่ายและข้อกำหนดด้านการสือ่ สารและ
การบริการเป็นหลกั แล้ว สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ ๔ ชนดิ ดงั น้ี
๑) เครือข่ายระดับท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นเครือข่ายระยะใกล้ใช้กันอยู่ในบริเวณ
ไม่กว้างนัก อาจอยู่ในองค์กรเดียวกันหรืออาคารที่ใกล้กัน ซึ่งระยะไกลสุดที่สามารถรับส่งข้อมูล
แบบไม่ติดขัดนั้น อยู่ที่ประมาณ ๑๐๐ เมตร ตัวอย่างการใช้เครือข่ายเช่น เครือข่ายภายในสำนักงาน
ภายในโรงเรียนหรือ มหาวิทยาลัย ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกันและอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น
เครือ่ งพิมพ์ สแกนเนอร์ ทำให้สามารถแบ่งปนั การใช้ทรพั ยากรได้
๕๗
รู ูปูภูาูพู๒ููแสู ูดูงูกูาูรูเูชูอูมูตูอูเูคูรูอูขูาูยูรูะูดูบูทูอูงูถูนู(LAN)
ท่มี า : โครงการฝึกอบรมหลักสตู รผู้ใชง้ านเครอื ข่ายและดแู ลอปุ กรณเ์ ครอื ขา่ ย ศทก.
๒) เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN) เป็นเครือข่ายขนาดกลางที่ใช้
รับส่งข้อมูลกันได้ประมาณ ๖๐ กิโลเมตรหรือภายในเมืองหรือจังหวัดใกลเ้ คียงกัน เช่น ระดับเคเบิ้ลทีวีที่มีสมาชิก
ตามบา้ นท่วั ไป เปน็ ตน้
รูปภาพ ๓ แสดงการเช่อื มตอ่ เครอื ขา่ ยระดบั เมอื ง (MAN)
ที่มา : โครงการฝึกอบรมหลักสูตรผ้ใู ช้งานเครอื ขา่ ยและดูแลอปุ กรณเ์ ครอื ข่าย ศทก.
๕๘
๓) เครอื ขา่ ยระดบั ประเทศ (Wide Area Network : WAN) เป็นเครอื ข่ายขนาดใหญ่ ใช้ตดิ ต่อบริเวณกว้าง
จะเชื่อมต่อระยะทางไกลมาก จึงมีความเร็วในการสื่อสารไม่สูงมากนัก เช่น ธนาคารที่มีสาขาทั่วประเทศ
จะมีบริการรับผากถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม เป็นต้น ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ
หรือมีการเชื่อมโยงด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยแก้วนำแสง และการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็จัด ว่า
เปน็ การตดิ ตอ่ สอ่ื สารในระบบเครอื ขา่ ยระดบั ประเทศด้วย
รู ูปูภูาูพู๔ูแู ูสูดูงูกูาูรูเูชูอูมูตูอูเูคูรูอูขูาูยูรูะูดูบูปูรูะูเูทูศู(WAN)
ท่มี า : โครงการฝกึ อบรมหลกั สตู รผู้ใชง้ านเครอื ข่ายและดูแลอปุ กรณเ์ ครอื ข่าย ศทก.
๔) เครือข่ายส่วนบุคคล (Personal Area Network : PAN) เป็นเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย
ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดและวิธีการจัดการทางด้านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กรต่าง ๆ
ท้งั ในองค์กรเดิมทม่ี ีเครือข่ายคอมพิวเตอร์อยู่แล้วและองคก์ รท่เี กดิ ขึ้นใหม่ท่ีกำลงั วางแผนติดตงั้ ระบบเครือข่ายคอม
พิวเตอร์ ซึ่งเครือข่ายไร้สายนี้ไม่ใช่เทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มาทดแทนเครือขายแบบ
ใช้สัญญาณ Wired Network แต่เป็นเทคโนโลยีที่สามารถขยายเครือข่ายแบบใช้สั ญญาณได้
นอกจากนั้นยังถูกนำไปใช้ในบริเวณ ที่การติดตั้งสายสัญญาณมีอุปสรรคทางด้านภูมิศาสตร์
หรือในบริเวณที่ต้องการความรวดเร็วในการติดตั้งเครือข่ายใหม่สำหรับการทำงานแบบชั่วคราว
ซึ่งอาจเรียกว่าเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN : WLAN) มีความสะดวก รวดเร็วในการติดต้ัง
และรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์เครือข่ าย รัศมีการใช้งานระยะทางประมาณ ๓๓ ฟุต
สำหรับอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อสามารถเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค สมาร์ทโฟน เครื่องพีดีเอ เครื่องเล่นแบบพกพา
๕๙
ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหลายเหล่านี้ สามารถเชื่อมโยงและส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันแบบไร้สายได้ เช่น การถ่ายโอนหรือ
คดั ลอกข้อมูล การส่ังพมิ พง์ านผา่ นสอื่ ไร้สายอยา่ งบลทู ูธ เป็นต้น
ูรูปูภูาูพู๕ ูแูสูดูงูกูาูรูเูชูอูมูตูอูเูคูรูอูขูาูยูสูวูนูบูคูคูลู(PAN)
ทม่ี า : โครงการฝกึ อบรมหลกั สตู รผู้ใช้งานเครือข่ายและดูแลอปุ กรณเ์ ครอื ขา่ ย ศทก.
ปัจจุบันเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ถูกรวมเข้าด้วยกันกับเครือข่ายโทรศัพท์และเครือข่ายการสื่อสารท่ี
สามารถส่งผ่านได้ทั้งข้อมูลภาพและข้อมูลเสียง นอกจากนี้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็มีอยู่หลายขนาดด้วยกัน
ดังที่กล่าวมาแล้ว ตั้งแต่เครือข่ายขนาดเล็กที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งานส่วนตัว จนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่คือระบบ
อินเทอร์เน็ตทมี่ กี ารเชื่อมตอ่ เครอื ข่ายทั่วโลก
เมื่อเทคโนโลยีได้มีการพัฒนารูปแบบและการใช้งานให้ง่ายกับการดำรงชีวิตประจำวัน บทบาทของ
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ตก็เข้ามามีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดการด้านข้อมูล
ของหน่วยงานการศึกษาเรียนรู้ การสืบค้น การติดต่อสื่อสาร ซึ่งระบบการสื่อสารผ่านทางเครือข่าย
คอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันคืออินเทอร์เน็ต (Internet) ที่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่าย
คอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมเครือข่าย ภายใต้มาตรฐาน
การเชื่อมโยงด้วยภาษาเดียวกัน เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในอินเทอร์เน็ตสามารถสื่อสาร ระหว่างกันได้
๖๐
ที่เรียกว่าโปรโตคอลหรือ TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol)
นบั วา่ เปน็ เครอื ขา่ ยทีก่ ว้างขวางที่สดุ เนือ่ งจากมีผนู้ ิยมใชอ้ ินเทอร์เน็ตมากทสี่ ดุ
การเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพ่ือใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างซึ่งกันและกัน ในขั้นตอนแรก
ต้องมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเสียก่อน เพื่อให้แต่ละเครื่อง
ที่อยู่ในเครือข่ายสามารถที่จะติดต่อสื่อสารร่วมกันได้ โดยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้นทำได้หลายวิธี
ไม่ว่าจะเป็ นการเชื่อมต่อโ ดยตรงหรือการเชื่อมต่อผ่านทางผู้ให้บริการ และนอกจา กนั้น
ยังมีการพัฒนาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้ากับโทรศัพท์เคลื่อนที่(Smart Phone) โดยผ่านระบบ GPRS
ซึ่งสามารถเชือ่ มตอ่ ไดด้ ว้ ยระบบความเร็วสูงผา่ นระบบดาวเทียมตามอัตราค่าบริหารหรอื วิธกี ารอ่นื ๆ อีกมากมาย
อินเทอร์เน็ต (Internet) เป็นเครือข่ายสาธารณะที่ได้เข้ามามีบทบาทต่อการเนินชีวิตในยุคน้ีแทบจะ
เรียกว่าเป็นปัจจัย ๕ ของมนุษย์ จะเห็นได้ว่าธุรกรรมต่าง ๆ มากมายที่มีผู้ใช้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น
การโอนเงินระหว่างบัญชี การจ่ายค่าสาธารณูปโภค การใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การใช้โซเชียลมีเดีย
รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่องานสืบค้น ความรู้วิชาการ และด้านความบันเทิง เทคโนโลยีสารสนเทศ
น้ีถือกำเนิดเมื่อประมาณ ๕๐ กว่าปีที่แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยองค์กรทางทหาร
ของสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า ยู.เอส.ดีเฟนซ์ ดีพาร์ทเมนท์ ( U.S. Defence Department ) เป็นผู้คิดค้น
ระบบขึ้นมา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีระบบเครือข่ายที่ไม่หยุดชะงักแม้จะมีสงครามระบบการสื่อสารถูกทำลาย
หรือตัดขาดแต่ระบบเครือข่ายแบบนี้ยังทำงานได้ซึ่งระบบดังกล่าวจะใช้วิธีการส่งข้อมูลในรูปของคลื่นไมโครเวฟ
ฝ่ายวิจัยขององค์กรจึงได้จัดตั้งระบบเน็ตเวิร์กขึ้นมา เรียกว่า ARPAnet ย่อมาจากคำว่า Advance Research
Project Agency net ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมในหมู่ของหน่วยงานทหาร องค์กร รัฐบาล
และสถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ เปน็ อย่างมาก
การเชื่อมต่อในภาพแบบเดิมนั้นถ้าระบบเครือข่ายถูกตัดขาด ระบบก็จะเสียหายและทำให้การเชื่อมต่อ
ขาดออกจากกัน แต่ในเครือข่ายแบบใหม่ แม้ว่าระบบเครือข่ายหนึ่งถูกตัดขาด เครือข่ายก็ยังดำเนินไปได้โดย
ไมเ่ สียหาย เพราะโดยตัวระบบก็หาช่องทางอื่นเช่ือมโยงกนั จนได้ ในระยะแรก เม่ือ ARPAnet ประสบความสำเร็จ
ก็มีองคก์ รมหาวทิ ยาลัยตา่ งๆ ให้ความสนใจเข้ามาร่วมในโครงข่ายมากขนึ้ โดยเนน้ การรับส่งจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์
ระหว่างกันเป็นหลัก (Electronic Mail) ต่อมาก็ได้ขยายการบริการไปถึงการส่งแฟ้มข้อมูลข่าวสาร
และส่งขา่ วสารความรทู้ ัว่ ไป แต่ไม่ไดใ้ ชใ้ นเชงิ พาณิชย์ เน้นการใหบ้ ริการด้านวชิ าการเป็นหลัก ซงึ่ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓
๖๑
คนทั่วไปเริ่มสนใจอินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในเชิงพาณิชย์ มีการทำธุรกิจบน อินเทอร์เน็ต
บริษัท ห้างรา้ นต่างๆ กเ็ ข้ารว่ มเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ตมากขนึ้
ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ในลักษณะการใช้บริการ จดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์แบบแลกเปลี่ยนอีเมล์เป็นครั้งแรก โดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
(Prince of Songkla University) และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือสถาบันเอไอที (AIT) ภายใต้โครงการ
ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย (โครงการ IDP) ซึ่งเป็นการติดต่อเชื่อมโยงโดยสายโทรศัพท์
จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๓๑ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ได้ยื่นขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตใน
ประเทศไทย โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ต Sritrang.psu.th ซึ่งนับเป็นที่อยู่อินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย
ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๓๔ บริษัท DEC (Thailand) จำกัดได้ขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ประโยชน์ภายใน
ของบริษัท โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ตเป็น dect.co.th โดยที่คำ “th” เป็นส่วนที่เรียกว่า โดเมน (Domain)
ซ่ึงเป็นสว่ นทแ่ี สดงโซนของเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตในประเทศไทย โดยยอ่ มาจากคำวา่ Thailand
กล่าวได้ว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตชนิดเต็มรูปแบบตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในประเทศไทยเกิดข้ึน
เป็นครั้งแรก เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยสถาบันวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว ๙๖๐๐ บิตต่อวินาที จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเพื่อเชื่อมเข้าสู่
อนิ เทอร์เนต็ ท่บี ริษัท ยูยูเนต็ เทคโนโลยี (UUNET Technologies) ประเทศสหรัฐอเมรกิ า
ในปีเดียวกันได้มีหน่วยงานที่เชื่อมต่อแบบออนไลน์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านจุฬ าลงกรณ์
มหาวิทยาลัย หลายแห่งด้วยกัน ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยมหิดล
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัย
อัสสัมชัญบริหารธุรกิจ โดยเรียก เครือข่ายนี้ว่าเครือข่าย “ไทยเน็ต (THAInet)” ซึ่งนับเป็นเครือข่ายที่มี “เกตเวย์
(Gateway)”หรือประตูสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นแห่งแรกของประเทศไทย (ปัจจุบันเครือข่าย
ไทยเน็ตประกอบด้วยสถาบันการศึกษา ๔แห่งเท่านั้น ส่วนใหญ่ย้ายการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ต โดยผ่านเนคเทค
(NECTEC) หรือศนู ยเ์ ทคโนโลยี อเิ ล็กทรอนิกส์และคอมพวิ เตอร์แห่งชาติ)
๖๒
AU Internet
AIT Chula
CMU
ูรูปูภูาูพู๖ูแู ูสูดูงูภูาูพูเูคูรูอูขูาูยูไูทูยูเูนูตู(THAInet)
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นปีเริ่มต้นของการจัดตั้งกลุ่มจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการศึกษาและวิจัย
โดยมีชื่อว่า "เอ็นดับเบิลยูจี" ( NWG: NECTEC E-mail Working Group) โดยการดูแลของเนคเทค
และได้จัดตั้งเครือข่ายชื่อว่า "ไทยสาร" (ThaiSarn: Thai Social/Scientific Academic and Research
Network) เพื่อการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน โดยเริ่มแรกประกอบด้วยสถาบัน
การศึกษา ๘ แห่ง ปัจจุบันเครือข่ายไทยสารเชื่อมโยงกับสถาบันต่างๆ กว่า ๓๐ แห่ง ทั้งสถาบันการศึกษา
และหนว่ ยงานของรัฐ
NIDA
AIT MU
Internet
Other
Chula
KMITL TU
PSU KU
ูรูปูภูาูพู๗ ูแสู ูดูงูแูผูนูภูาูพูเูคูรูอูขูาูยูไูทูยูสูาูรู(ThaiSarn)
ปัจจุบันได้มีผู้รู้จักและใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยมีอัตราการเติบโตมากกว่า ๑๐๐ % สมาชิกของ
อินเทอร์เน็ตจึงได้ขยายวงกว้างจากกลุ่มอาจารย์และนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาไปสู่ประชาชนทั่วไป
เมื่ออินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีใหม่ในการสื่อสารสารสนเทศ จึงเปรียบเสมือนชุมชนแห่งใหม่ของโลก ซึ่งรวมคน
๖๓
ทั่วทุกมุมโลกเข้าด้วยกัน จึงทำให้มีบริการต่างๆ เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ซึ่งมีทั้งข้อดีที่เปน็ ประโยชน์ และข้อเสียใน
เรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเข้าเชื่อมกับอินเทอร์เน็ต สามารถ
กระทำได้ ๒ ลักษณะคือลักษณะแรกเป็นการเชื่อมต่อโดยตรง การเชื่อมต่อแบบนี้จะเป็นการนำระบบของเรา
เข้าเชื่อมต่อโดยตรง กับสายหลัก (Backbone) ของอินเทอร์เน็ต โดยผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า เกตเวย์ (Gateway)
หรือ เราเตอร์ (Router) ร่วมกับสายสัญญาณความเร็วสูง โดยเราจะต้องติดต่อโดยตรงกับ InterNIC
ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าท่ี เป็นตัวกลาง ในการรับสมัครเป็นสมาชิกของชุมชนอินเทอร์ เน็ต
เพ่ือขอชื่อโดเมนและติดตั้งเกตเวย์เข้ากับสายหลัก การเชื่อมต่อแบบนี้จะสามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ต
ได้ตลอดเวลา จึงเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการติดต่อส่ือสาร กับผู้อื่นในระบบ ๒๔ ชั่วโมง แต่เป็นดังที่กล่าวไว้ใน
เรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายแพงเพื่อบริการ ซึ่ง ค่าใช้จ่ายในการ เชื่อมต่อลักษณะนี้จะมีราคาแพงมากทั้งทาง
ด้านอุปกรณ์และการบำรุงรักษา ส่วนลักษณะที่สองที่เป็น การเชื่อมต่อผ่านทางผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการ
การเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ไอเอสพี (ISP)
จะเป็นองค์กรๆ หนึ่งที่ทำการติดตั้งและดูแลเครื่องสำหรับให้บริการ (Server) ที่ต่อตรงเข้ากับระบบ
อินเทอร์เน็ตซึ่งอนุญาตให้ผู้สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนำระบบของตนเข้ามาเชื่อมต่อได้ ISP จึงเปรียบ
เสมือนช่องทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งหลังจากที่เราเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้แล้ว เราก็สามารถ
จะเชื่อมต่อไปยังที่ใดก็ได้ในระบบ และในการเชื่อมต่อผ่านทาง ISP นี้ยังแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อ ออกเป็น ๒
ประเภท ตามความตอ้ งการใชง้ านของสมาชกิ ดังนี้
การเชื่อมต่อแบบองค์กร (Coorporate User Services) เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่าย
ใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้ว จะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นๆ เข้าเชื่อมกับ ISP
เพื่อเชอ่ื มโยง เขา้ สรู่ ะบบอินเทอรเ์ น็ตได้
การเชื่อมโยงส่วนบุคคล (Individual User Services) คือบุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถขอเชื่อมต่อ
เข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่เชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า
โมเด็ม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก โดยติดต่อขอใช้บริการผ่านการสมัครเป็นสมาชิกของ ISP
ซ่ึงอาจจะเป็น สมาชิกรายชั่วโมง รายเดือน หรือเป็นลักษณะสมาชิกสำเร็จรูป แล้วแต่ทาง ISP นั้นๆ จะให้บริการ
โดยทาง ISP จะให้ชื่อบัญชี (Internet Account Name) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับสมาชิกแต่ละคน
สำหรบั ใช้ ในการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอรเ์ น็ต
๖๔
รู ูปูภูาูพู๘ แู ูสูดูงูกูาูรูเูชูอูมูโูยูงูเูขูาูสูอูนูเูทูอูรูเูนูต
ที่มา : โครงการฝกึ อบรมหลกั สูตรผูใ้ ช้งานเครอื ข่ายและดแู ลอปุ กรณเ์ ครือขา่ ย ศทก.
เมื่ออินเทอร์เน็ตประกอบด้วยเครือข่ายที่หลากหลาย ดังนั้นจึงต้องมีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย
เข้าด้วยกัน เราเตอร์ (Router) จึงจัดเป็นอุปกรณ์สำคัญของเครือข่าย เพื่อใช้สำหรับกำหนดเส้ นทาง
บนเครือข่าย นอกจากน้ี ระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีค่อนข้างหลากหลาย
และอาจมีแพลตฟอร์มท่ีแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านสถาปัตยกรรมของฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ก็ตาม
เมื่อเป็นเช่นนี้ อุปกรณ์เกตเวย์ (Gateway) จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบแตกต่างกัน
อย่างสนิ้ เชิงสามารถสอื่ สารรว่ มกนั เป็นเครือขา่ ยเดียวกนั ได้
ด้วยโครงสร้างของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นระบบเปิดที่มีความยืดหยุ่นสูง จึงเป็นที่มาของ
การพัฒนาสู่เครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet) ซึ่งเป็นเครือข่ายระดับองค์กรที่มิใช่เครือข่ายสาธารณะอีกต่อไป
อีกทั้งยังเชื่อมโยงเครือข่ายอินทราเน็ตของแต่ละองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet)
ที่เปดิ โอกาสใหผ้ ไู้ ดร้ ับอนุญาตสามารถตดิ ต่อสื่อสารผา่ นเครอื ขา่ ยส่วนตัวได้ และด้วยอนิ ทราเนต็ และเอก็ ซ์ทราเน็ต
ได้ใชเ้ ทคโนโลยีเดยี วกันกับอินเทอร์เนต็ ดงั นนั้ ระบบสารสนเทศท่ีใช้งานกจ็ ะรันอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีเว็บ
ผ่านโปรแกรมเบราเซอร์ (Browser) ทำให้เกิดความสะดวกต่อการสื่อสารและการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือเอ็กซ์ทราเน็ต ทั้ งนี้คอมพิวเตอร์ที่ใช้สื่อสาร
๖๕
เพื่อการเข้าถึงเครือข่าย ก็สามารถเป็นได้ทั้ง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer :PC) Labtop
รวมถึงการเข้าถึงแบบไร้สายอย่างเครื่องพีดีเอและโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Smart Phone) ซึ่งเมื่อกล่าวถึงอินทราเน็ต
และเอ็กซ์ทราเน็ตแล้วจึงต้องมาทำความเข้าใจกันอีกว่า อินทราเน็ต (Intranet) เป็นเครือข่ายภายในองค์กร
ที่ถูกสร้างขึ้นมา ตามมาตรฐานเทคโนโลยีเดียวกันกับอินเทอร์เน็ตและเวิลด์ไวด์เว็บ เพียงแต่เป็นเครือข่าย
ส่วนบุคคล ดังนั้นพนักงานภายในองค์กรเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงสารสน เทศบนเครือข่ายได้
ในขณะเดียวกัน อินทราเน็ตยังสามารถเชื่อมโยงเข้ากับอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นเครือข่า ยสาธารณะได้
แต่ไม่ไดห้ มายความว่าผ้ใู ช้ภายนอกท่ีเช่ือมโยงผ่านเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ จะสามารถเขา้ ถึงอินทราเน็ตขององค์กรได้
เนื่องจากอินทราเน็ตมีระบบป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาใช้งาน โดยมีไฟร์วอลล์ (Firewall) ทำหน้าที่ป้องกัน
บุคคลภายนอกเขา้ ถงึ เครอื ขา่ ยสว่ นตวั
จากที่ได้กล่าวมาแล้วว่าอินทราเน็ตถูกสร้างด้วยมาตรฐานเทคโนโลยีเดียวกันกับอินเทอร์เน็ตและ
เวิร์ลไวด์เว็บ จึงทำให้การใช้งานแอปพลิเคชั่นจะดำเนินงานผ่านเว็บเบราเซอร์ ซึ่งเหมือนกับการใช้งาน
ผ่านเว็บทั่วไป ดังนั้นเครื่องมือการทำงานบนเว็บแอปพลิเคชั่นจึงสามารถนำม าใช้ร่วมกับอินทราเน็ตได้
และแอปพลิเคชั่นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานบนอินทราเน็ตก็สามารถนำไปรันใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์
หลากหลายชนิดหลากหลายแพลตฟอร์ม ส่วนเอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) จัดเป็นเครือข่ายส่วนบุคคลที่
พัฒนาขึ้น ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเช่นเดียวกับอินทราเน็ต โดยมีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงระหว่าง ๒
องค์กรขึ้นไป การเชื่อมโยงอินทราเน็ตระหว่างองค์กร จะสามารถสถาปนาการเชื่อมต่อถึงกัน
โดยผ่านลิงก์เอ็กซ์ทราเน็ต ด้วยเครือขา่ ยส่วนตัวที่เช่ือมโยงระหว่างกนั เรียกวา่ เครือข่ายเสมือนส่วนตัว (Virtual
Private Networks : VPN เป็นเครือขา่ ยทม่ี ีการเชอ่ื มต่อระหว่างอินเทอร์เน็ตภายนอก เขา้ สู่เครือขา่ ยภายในองค์กร
โดยการสร้าง Tunnel ที่เป็นท่อส่งข้อมูลร ะหว่า งกัน และแน่นอน เพื่อความปล อด ภั ย
จงึ มกี ารเข้ารหสั ในรปู แบบต่าง ๆ ซงึ่ VPN นั้นแบ่งประเภทตามรปู แบบการเขา้ รหสั ได้แก่ PPTP L2TP IPsec และ
S S L V P N ) ป ร ะ ก อ บ ก ั บ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ข อ ง ไ ฟ ร ์ ว อ ล ล ์ ( F i r e w a l l ) ท ี ่ ต ิ ด ต้ั ง
บนเครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet) ของแต่ละองค์กร ก็ถือเป็นระบบความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งท่ี
ทำหน้าทีค่ อยสกัดกัน้ หมายเลขไอพที ่ีไมเ่ กีย่ วขอ้ งของผู้ใช้ท่ีพยายามเขา้ ถงึ โดยไมม่ สี ิทธเ์ิ ขา้ ถึงสารสนเทศนนั้ ๆ
๑.๓ อปุ กรณ์ในระบบเครือขา่ ย
การทีค่ อมพิวเตอร์จะเช่ือมต่อกันเปน็ เครือข่ายได้นั้นควรต้องมีองค์ประกอบพนื้ ฐานดังต่อไปนี้
๖๖
๑.๓.๑ เครื่องคอมพิวเตอร์ หมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทรัพยากร
(Resources) ต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ หน่วยความจำสำรอง ฐานข้อมูล และ
โปรแกรมต่าง ๆ เป็นต้น โดยในระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ข่าย
ในระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือ มินิคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางของเครือข่าย
เรานิยมเรยี กวา่ Host Computer และเรยี กเครอ่ื งท่ีรอรับบรกิ ารว่าลูกขา่ ยหรอื สถานีงาน
๑.๓.๒ ช่องทางการสื่อสาร หมายถึง สื่อกลางหรือเส้นทางที่ใช้เป็นทางผ่าน ในการรับส่งข้อมูล
ระหว่างผูร้ ับ (Receiver) และผ้สู ่งข้อมลู (Transmitter) ปัจจุบนั มีชอ่ งทางการสื่อสาร สำหรบั การเชือ่ มต่อเครอื ข่าย
คอมพิวเตอร์มีหลายประเภทคือ สายโทรศัพท์แบบสายคู่ตีเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP) สายคู่ตีเกลียว
แบบมฉี นวนหุ้ม (STP) สายโคแอกเชียล สายใยแกว้ นำแสง คลนื่ ไมโครเวฟ และดาวเทยี ม เป็นตน้
๑.๓.๓ สถานีงาน (Workstation or Terminal) หมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
ที่เชื่อมต่อ กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ที่ได้รับการบริการจากเครื่อง
คอมพิวเตอร์แม่ข่าย เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครือข่ายระยะใกล้
มักมีหน่วยประมวลผล หรือซีพียูของตนเอง ในระบบที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นศูนย์กลาง
เรียกสถานีปลายทางว่าเทอร์มินอล ( Terminal) ประกอบด้วยจอภาพและแป้นพิมพ์เท่านั้น
ไมม่ ีหน่วยประมวลกลางของตัวเอง ต้องใชห้ น่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ศูนยก์ ลางหรือ Host
๑.๓.๔ อุปกรณ์ในเครือข่ายต่าง ๆ เช่น การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card :NIC)
หมายถึง แผงวงจรสำหรับ ใช้ในการเชื่อมต่อสายสัญญาณของเครือข่าย ติดตั้งไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่เป็นเครื่องแม่ข่าย และเครื่องที่เป็นลูกข่าย หน้าที่ของการ์ดนี้คือแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์
ส่งผ่านไปตามสายสัญญาณ ทำให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้ โมเด็ม ( Modem :
Modulator Demodulator) หมายถึง อุปกรณ์สำหรับการแปลงสัญญาณดิจิตอล (Digital) จากคอมพิวเตอร์
ด้านผู้ส่ง เพ่ือส่งไปตามสายสัญญาณข้อมูลแบบอนาลอก(Analog) เมื่อถึงคอมพิวเตอร์ด้านผู้รับ โมเด็มก็จะ
ทำหน้าที่แปลงสัญญาณอนาลอก ให้เป็นดิจิตอลนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการประมวลผล
โดยปกติจะใช้โมเด็มกับระบบเครือข่ายระยะไกล โดยการใช้สายโทรศัพท์เป็นสื่อกลาง เช่น เครือข่ายอินเทอร์เนต็
เป็นต้น ส่วน ฮับ ( Hub) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ใช้เป็นจุดรวม และ แยกสายสัญญาณ เพื่อให้เกิดความสะดวก
ในการเชอื่ มต่อของเครือขา่ ยแบบดาว (Star) โดยปกติใชเ้ ปน็ จุดรวมการเชื่อมต่อสายสญั ญาณระหวา่ ง File Server
กับ Workstation ต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เราเตอร์ (Router) , สวิตซ์ (Switch) , รีพีทเตอร์
(Repeater) และ บรดิ จ์ (Bridge) ซึง่ ปัจจุบันนอ้ี ปุ กรณเ์ ครอื ขา่ ยก็มีการพัฒนาขนึ้ โดยการรวมเอาคุณสมบตั ิของแต่
ละอุปกรณ์เขา้ ดว้ ยกนั อาทิ สวิทช่งิ ฮบั (SwitchingHub) เปน็ ต้น
๑.๓.๕ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่จัดการระบบเครือข่าย
ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้
๖๗
อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่จัดการด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบเครือข่าย
และยังมีหน้าที่ควบคุม การนำโปรแกรมประยุกต์ ด้านการติดต่อสื่อสาร มาทำงานในระบบเครื อข่ายอีกด้วย
นับว่าซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีความสำคัญต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างยิ่ง ตัวอย่าง
ซอฟตแ์ วรป์ ระเภทนไี้ ดแ้ ก่ ระบบปฏิบตั กิ าร Windows Sever, Unix และ Linux เป็นตน้
รู ูปูภูาูพู๙ูแู สู ูดูงูกูาูรูเูชูอูมูตูอูเูคูรูอูขูาูยูเูสูมูอูนู(Private Network)
ที่มา : โครงการฝกึ อบรมหลกั สตู รผใู้ ชง้ านเครือข่ายและดแู ลอปุ กรณเ์ ครือขา่ ย ศทก.
๑.๔ คาศพั ท์ในการศกึ ษาเทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การปฏิบตั ิงานของตารวจ
๑.๔.๑ โปรโตคอล (Protocol) หมายถึงกติกาหรือข้อตกลงที่สถาบันต่างๆ กำหนดขึ้นมา
เพอ่ื รองรับ การสอ่ื สารระหว่างเคร่ืองและอุปกรณต์ ่างๆ ให้สามารถสอ่ื สารและเขา้ ใจพูดคุยกันได้ เช่นที่นิยมใช้ คือ
TCP/IP เป็นต้น จากการสื่อสารระหว่างคนหนึ่งคนจะต้องใช้ภาษาในการสื่อสาร แต่ในโลกเราก็มี
อยู่หลายภาษาด้วยกันภาษาอังกฤษก็ถือได้ว่าเป็นภาษกลางและภาษาสากลที่สามารถสื่อสารได้กับคนทั้งโลก
คอมพิวเตอร์เองก็ต้องมี ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารและเป็นภาษาสากลเหมือนกับภาษาอังกฤษเช่นกัน
๖๘
ภาษาสากลที่คอมพิวเตอร์ใช้ ในการสื่อสารถึงกันก็คือ Protocol ซึ่งมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน
แต่ท่ีเห็นและใชง้ านกนั บอ่ ยและมีความสำคัญ กม็ ดี งั น้ี
Protocol HTTP หรือ Hypertext Transfer Protocol จะใช้เม่ือเรียกโปรแกรมบราวเซอร์
(Browser) ซึ่งเราจะพบเหน็ ไดท้ กุ ครั้งท่ีเราเวบ็ ไซต์ เวลาเราเข้าเว็บไซตเ์ ราจะพมิ พ์ http:// สว่ นนีเ้ องทีเ่ รยี กว่า
Protocol HTTP
Protocol TCP/IP หรือ Transfer Control Protocol/Internet Protocol คือเครือข่าย
โปรโตคอลท่ี สำคัญมากที่สุด เพราะว่าเป็น Protocol ที่ใช้ในระบบเครือข่ายอย่างอินเทอร์เน็ต ซึ่งโปรโตคอลนี้
แยกออกได้ มาเป็นโปรโตคอล TCP และโปรโตคอล IP
Protocol SMTP หรอื Simple Mail Transfer Protocol คือ โปรโตคอลท่ีใช้ในการสง่
E – mail ในระบบอินเตอรเ์ น็ต
Protocol FTP หรอื File Transfer Protocol คอื โปรโตคอลท่ีใชใ้ นการโอนย้ายแฟ้มระหว่างกนั
จะใช้งานบอ่ ยในการอัพโหลดไฟลข์ ้ึน Server
Protocol NNP หรือ Network News Transfer Protocol คือโปรโตคอลในการโอนย้าย
ข่าวสาร ระหว่างกนั
Protocol ICMP หรือ Internet Control Message Protocol คอื โปรโตคอลท่ใี ช้ในการ
สอบถามขอ้ มูล ขา่ วสารระหว่างกนั
Protocol POP๓ (Post Office Protocol ๓) คอื โปรโตคอลท่ใี ช้ในการรับอเี มลจากเซริ ์ฟเวอร์
ม่งุ เนน้ ให้ในการอ่านอีเมล์แบบ Offline เพือ่ ใหผ้ ู้ใช้โหลดอีเมลมาเกบ็ ไว้และอา่ นไดใ้ นภายหลัง โดยไม่ตอ้ ง
เชอื่ มตอ่ กับอนิ เทอร์เนต็
Protocol DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol) คอื โปรโตคอลทใ่ี ช้ในเครือข่าย
คอมพิวเตอร์ที่ทำงานแบบแม่ขา่ ย-ลูกข่าย
Protocol IMAP (Internet Message Access Protocol) คอื โปรโตคอลท่ีใช้ในการ
รับอเี มลจาก เซิร์ฟเวอร์ โดยมุ่งเนน้ ให้ในการอ่านอเี มล์แบบ Online ซง่ึ แตกต่างจาก Protocol POP๓
ท่มี ุ่งเน้นในการอ่านอเี มล์แบบ Offline
๖๙
๑.๔.๒ เวิล์ดไวดเ์ ว็บ (World-Wide Web : WWW)เป็นระบบการจัดส่งเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์
ผา่ นเครือข่าย พัฒนาขึน้ โดย CERN ในประเทศสวสิ เซอร์แลนด์ กำลงั ได้รับความนยิ มอย่างสงู สามารถทำการ
เชอื่ มตอ่ ไปยงั เอกสารอนื่ จากเอกสารหนึง่ ได้ ซ่งึ โกเฟอร์ไม่สามารถทำได้
๑.๔.๓ เว็บ (Web)คือชุดของเอกสารที่เกี่ยวข้องกันในเวิล์ดไวด์เว็บหรือในระบบไฮเพอร์เท็กซ์
(hypertext) ใดๆ ที่เอกสารเหล่านี้มารวมอยู่ด้วยกัน และมีการนำเสนอในลักษณะไฮเพอร์เท็กซ์หรือข้อความ
หลายมิติ โดยที่เอกสารเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเก็บอยู่ในระบบ คอมพิวเตอร์เดียวกันก็ได้ แต่จะมีการเชื่อมโยง
ระหว่างกันอย่างเห็นได้ชัด และมีการสำรวจภายในเอกสารด้วยปุ่มสำรวจ (navigation buttons) โดยปกติแล้ว
เว็บจะรวมเอาหน้าต้อนรับ (welcome page) ที่ให้บริการเหมือนกับเอกสารระดับบนที่เรียกว่า home page
ของเว็บไว้ด้วย Web browser การเลือกอ่านในเว็บ เป็นโปรแกรมสำหรับดำเนินการ
บนคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และจัดหาการเข้าถึงไปยังเวิล์ดไวด์เว็บ การเลือกอ่านในเว็บจะมีอยู่ ๒
ประเภท คือ การเลือกอ่านเฉพาะข้อความ (text-only browser) และการเลือกอ่านแบบกราฟฟิก (graphical
Web browsers) ดังเช่นการใช้ในโปรแกรมเอ็นซีเอสเอ มอเซอิก (NCSA Mosaic) และเน็ตสเคป นาวิเกเทอร์
(Netscape Navigator) การเลือกอ่านแบบกราฟฟิก จะเป็นที่นิยมใช้มากกว่า เนื่องจากเราสามารถเห็นภาพ
กราฟฟิก แบบอกั ษรและการจัดหาหนา้ เอกสารได้
Web server เครื่องบริการเว็บ เป็นโปรแกรมที่รับการร้องขอ (request) สำหรับสารสนเทศ
ที่เป็นไป ตามกฏเกณฑ์ในการส่งไฮเพอร์เท็กซ์ (HTTP) ในเวิล์ดไวด์เว็บ เครื่องบริการจะประมวลการร้องขอ
เหล่านี้และส่งเอกสารไปให้ตามที่ร้องขอเครื่องบริ การเว็บได้มีการพัฒนาไว้สำหรับระบบคอมพิวเตอร์เกือบทุก
ระบบ รวมถึงสถานียูนิกซ์, ระบบไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ๙๕, ไมโครซอฟต์ วินโดวส์ เอ็นทีและระบบ
แมคอินทอช
Web Page หมายถึง ข้อมูลที่เป็นอักษร เสียง และภาพต่างๆ ที่บรรจุในแฟ้มเอกสาร
แตล่ ะหน้าของ เวลิ ดไ์ วดเ์ วบ็ (WWW) ทเ่ี ปดิ อ่านจากโปรแกรม Browser
Web site หมายถึง สถานท่ที ี่ Web Page อาศยั อยู่ โดยเข้าถงึ ด้วยชอื่ Domain Name เชน่
www.royalthaipolice.go.th (เว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาต)ิ
Home Page หมายถึง Web Page ทอ่ี ยหู่ น้าแรกของ Web site ทใ่ี ช้แฟม้ ว่า index.html หรือ
index.htm เสมอ
๗๐
๑.๔.๔ TCP/IP (Transport Control Protocol/Internet Protocol) เปน็ Protocol ตาม
มาตรฐานอตุ สาหกรรมในการติดต่อส่ือสาร ทำให้ระบบเครือข่ายสามารถตดิ ต่อส่อื สารถึงกนั ได้
๑.๔.๕ ISP (Internet Service Provider) คือผใู้ ห้บรกิ ารเชือ่ มต่อเขา้ สเู่ ครือข่าย
อินเทอร์เน็ต
๑.๔.๖ ASP (Application Service Provider) คือผู้ใหบ้ ริการ Software หรือวิธีการใช้
ผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ โดยไม่จำเป็นตอ้ งมี Software ของผู้ใชเ้ อง
๑.๔.๗ IDC (Internet Data Center) คือผ้ใู หบ้ ริการรับฝากเคร่ือง Server และตระเตรียม
สาธารณูปโภค ในการทำธรุ กรรมให้พร้อมสรรพ
๑.๔.๘ Hypertext คอื เอกสารท่ที ำการเชื่อมโยงต่อไปยังเอกสารอ่นื ๆ ทำให้สามารถ
อา่ นไดห้ ลายมติ ิ
๑.๔.๙ POP (Post Office Protocal) ระบบท่ีทำให้สามารถรับและดาวนโ์ หลดจดหมาย
จากผใู้ หบ้ รกิ าร อินเทอร์เนต็ ไปยงั คอมพิวเตอร์ของเราเอง
๑.๔.๑๐ Internet Address คือที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต จะประกอบไปด้วยชื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์
(User Name) และชื่อของอินเทอร์เน็ต (Internet Name) โดยมีรูปแบบดังนี้ ชื่อผู้ใช้@ชื่ออินเทอร์เน็ต
ตัวอย่างเช่น [email protected] หมายถึงผู้ใช้ชื่อ webmaster เป็นสมาชิกของศูนย์เทคโนโลยี
สำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติทใ่ี ช้ชอ่ื ว่า police.go.th
๑.๔.๑๑ Accountใช้สำหรับการสมัครสมาชิก ต่างๆ เราจะเจอคำว่า Account
เพื่อเป็นการลงทะเบียน เป็นสมาชิก ผู้ให้บริการจะให้ user และ password เพื่อให้ใช้ในการเข้าสู่ระบบ
ของเวบ็ นน้ั ๆ เราเรียกการเปน็ สมาชกิ ระบบเครือข่ายนนั้ วา่ Account
๑.๔.๑๒ Anonymous คอื ผู้ใชง้ านทไี่ ม่มี Account ท่ีงานเครอื ขา่ ยไดห้ รือผใู้ ช้ท่ีไม่ได้
ลงทะเบียน (Not register) แตใ่ ช้ Username สากลโดยมี Password เปน็ อเี มลล์แอดเดรสของตวั เอง
๑.๔.๑๓ Bandwidth เป็นคำที่ใช้วัดความเร็วในการส่งข้อมูลของอินเทอร์เน็ต
ซึ่งโดยมากเรามักวัดความเร็วของการส่งข้อมูลเป็น bps (bit per second) , Mbp (bps*๑๐๐๐๐๐๐) เช่น
Bandwidth ของการใช้สายโทรศัพท์ในประเทศไทย เท่ากับ 14.4 Kbps, Bandwidth ของสายส่งข้อมลู ของ KSC
ทีใ่ ช้ในการเช่อื มต่อกบั อเมริกาเท่ากับ ๒ Mbps เปน็ ตน้
๗๑
๑.๔.๑๔ Browser เป็นซอฟต์แวร์ทใ่ี ช้ในการท่องโลกอนิ เทอรเ์ นต็ โดยโปรแกรม Browser
ที่รจู้ กั กนั ดีคอื Internet Explorer และ Google Chrome
๑.๔.๑๕ Gateway สำหรบั เครือขา่ ยที่ไม่ใช้ TCP/IP แต่ต้องการท่ีจะเชอ่ื มต่อเขา้ กับเครอื ขา่ ย
แบบ TCP/IP ซ่งึ เปน็ มาตรฐานของอินเทอรเ์ นต็ ต้องทำการเชือ่ มต่อผา่ น Gateway
๑.๔.๑๖ Hypertext ไฮเปอร์เท็กซ์ เป็นวิธีการสร้างการเชื่องโยงไปยังเอกสารอื่น
จากเอกสารหนึ่ง เมื่อผู้ใช้อ่านเอกสารที่มีการเชื่องดังกล่าว จะสามารถดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องขึ้นมาอ่านได้
อย่างรวดเร็ว วิธีนี้เรมิ่ ได้รบั ความนยิ มในโปรแกรม Hyper card ของเครอื่ งแมคอนิ ทอช
๑.๔.๑๗ Host Computer เป็นคอมพิวเตอร์ทเ่ี ชอื่ มต่อกบั เครอื ข่ายอินเทอร์เนต็
โดยทคี่ อมพิวเตอรใ์ นลักษณะน้ี จะมอี ยทู่ ผ่ี ใู้ ห้บรกิ ารอินเทอร์เน็ต
๑.๔.๑๘ HTTP ยอ่ มาจากคำว่า Hypertext Transfer Protocol เปน็ โปโตคอลทีจ่ ำเป็นใน www
โดยเรามกั พบในบราวเซอร์ เชน่ http://www.download.com
๑.๔.๑๙ Ping คือชดุ คำสั่งเพอื่ ใชท้ ดสอบการเข้าถงึ โฮสตบ์ น Internet Protocol (IP) เพื่อวัดเวลา
การเดนิ ทางไปกลับระหว่างขอ้ ความจากโฮสต์ต้นทางไปยังปลายทาง
๑.๔.๒๐ PPP ย่อมาจากคำว่า Point - to Point Protocol เป็นการเชื่อมต่อ PC
กับอนิ เทอรเ์ นต็ โดยที่ไม่ตอ้ งมี IP Address ที่ PC
๑.๔.๒๑ URL(Uniform Resource Locator) หมายถึง ที่อยู่ของข้อมูลบน WWW
ซงึ่ ถา้ เราจะหาข้อมลู
๑.๔.๒๒ IP Address และ DNS หมายถึงหมายเลขประจำเครื่องหรือที่อยู่ (Address)
ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต หรืออีกนัยหนึ่งคือชื่อของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับ อินเทอร์เน็ต แต่ละเครื่องจะมีที่อยู่
ประจำเครื่องโดยไม่ซ้ำกัน ซึ่งกำหนดเรียกตัวเลขระบุตำแหน่งเป็นตัวเลข ๔ ชุด แต่ละชุดมีค่าระหว่าง ๐ – ๒๕๕
คั่นด้วยจุด เช่น URL -www.crimespolice.com คือ ๑๗๒.๓๑.๑๙๑.๗๒ หรือ ๑๗๒.๑๗.๓.๗๒ เป็นต้น
แต่ระบบหมายเลขมีข้อบกพร่องคือ จำยากและไม่ได้สื่อความหมายให้ผู้ใช้งานทั่วไปทราบ ดังนั้น
จึงมีผู้คิดระบบตั้งชื่อให้ง่ายขึ้น เรียกว่า ระบบชื่ อของเครื่อง (Domain Name System-DNS)
ซ่งึ จะเปลีย่ นตวั เลขให้เป็นคำท่ีอ่านแล้วเข้าใจและจำไดง้ า่ ย เช่น chula.ac.th , moc.go.th หรือ microsoft.com
เป็นต้น ส่วนดีเอน็ เอส (Domain Name Server) มีหนา้ ทีแ่ ปลงชอื่ Domain name เป็นหมายเลข IP ของ Server
ปลายทาง และ ยังทำหน้าที่บังคับทิศทางของ Email ว่าให้ทำการส่งไปยัง Mail Hosting IP ใด หรือ เรียกง่าย ๆ
๗๒
ว่าแปลงชื่อไปเป็น IP Server นั่นเอง จะเรียงลำดับความสำคัญ ของชื่อจากขวาไปซ้าย โดยมีจุดค่ัน
ซ่ึงมหี ลกั การดังต่อไปนี้
ชอ่ื ทางขวาสุดจะบอกชือ่ ประเทศ เชน่
th = ประเทศไทย
uk = ประเทศองั กฤษ
ชอื่ ถดั มาจากชื่อประเทศจะบอกลักษณะของหนว่ ยงาน แบ่งออกเป็น ๕ กลุม่ คือ
ac หมายถึง Academic สถาบันการศกึ ษา
co หมายถงึ Commercial ภาคองคก์ ร ภาคเอกชน
go หมายถงึ Government หนว่ ยงานราชการ
or หมายถึง Organization องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
net หมายถงึ Network องค์กรท่ีให้บรกิ ารระบบเครือขา่ ย
นอกจากนใ้ี นสว่ นทางขวาสดุ อาจไม่แบ่งตามลกั ษณะของสองข้อท่ีผ่านมาแตใ่ ชเ้ พยี งแค่คำย่อ
คำเดียว โดยไมต่ ้องแยกออกเปน็ ชอ่ื ประเทศ และลักษณะหน่วยงาน ซึ่งได้แก่
com หมายถงึ Commercial ใชใ้ นธุรกิจ บริษัท หา้ งรา้ น
edu หมายถงึ Education ใช้ในสถาบันการศึกษา
gov หมายถึง Governmant ใช้ในหน่วยงานราชการ
net หมายถึง Network ใชใ้ นหน่วยงานทเ่ี ปน็ เครอื ขา่ ย
ส่วนทางซ้ายสุดจะเปน็ ชอ่ื หน่วยงานท่เี ปน็ เจ้าของ Address นน้ั ๆ
ตวั อย่างเวบ็ ไซต์ของสำนกั งานตำรวจแห่งชาตคิ ือ https://www.royalthaipolice.go.th
https:// คือ Protocol
www คือ Host computer name หรอื ช่อื บริการ
royalthaipolice คือ Domain name หรือชอ่ื เจา้ ของเว็บ
go.th คอื นามสกลุ ของ Domain name
index.php คือ File name