The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เคมีอินทรีย์ ม.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pimporn pansri, 2020-04-15 02:17:59

เคมีอินทรีย์ ม.6

เคมีอินทรีย์ ม.6

เคมีอนิ ทรยี ์ (Organic Chemistry)

 อาหาร ยา เครือ่ งนงุ่ ห่ม รวมถงึ ร่างกายมนษุ ย์และสตั ว์ มีธาตุคารบ์ อนเป็นองค์ประกอบ
 เมอื่ ก่อนเชอ่ื วา่ สารที่มธี าตุคารบ์ อนเป็นองค์ประกอบ ต้องไดม้ าจากสงิ่ มีชีวิตเท่าน้ัน จงึ เรียกว่า
สารประกอบอนิ ทรยี ์ (organic compound)

 ปี ค.ศ. 1828 ฟรดี รซิ ์ เวอเลอร์ นักวิทยาศาสตรช์ าวเยอรมนั ได้เผาแอมโมเนยี ไซยาเนต ซ่ึงเป็นสารประกอบ
อนนิ ทรยี ์ ได้ยเู รีย ซ่ึงเป็นสารประกอบอินทรีย์ เขยี นสมการเคมีได้ดังน้ี

เผา

 สารประกอบอินทรีย์ หมายถึง สารที่มธี าตุคารบ์ อนเปน็ องค์ประกอบ เกิดจากส่ิงมีชวี ติ หรือการสงั เคราะห์กไ็ ด้
ยกเวน้
1. สารท่ีเป็นอญั รูปของคาร์บอน เช่น เพชร แกรไฟต์ ฟลเู ลอรนี
2. ออกไซด์ของคาร์บอน เชน่ คาร์บอนไดออกไซต์ (CO2)
3. กรดคารบ์ อนิก (H2CO3)
4. เกลอื บอเนตและไฮโดรเจนคาร์บอเนต เชน่ CaCO3 , NaHCO3
5. เกลอื ออกซาเลต เชน่ Na2C2O4
6. เกลือไซยาไนด์ เช่น KCN
7. เกลือไซยาเนต เชน่ NH4OCN
8. เกลือไทโอไซยาเนต เชน่ KSCN
9. เกลือคาร์ไบด์ เช่น CaC2
10. สารประกอบอื่นๆของคาร์บอน เช่น CS2 , CCl4 , COCL2
สารเหลา่ นจี้ ดั เปน็ สารประกอบอนนิ ทรยี ์

สารประกอบอนิ ทรยี ์ จะมคี าร์บอนและไฮโดรเจนเปน็ องค์ประกอบหลกั แต่ข้างบนคาร์บอนสร้างพนั ธะกับ
อะตอมกบั ธาตอุ ื่น ทไี่ ม่ใช่ไฮโดรเจน

1. พนั ธะของคารบ์ อน
 คาร์บอนเปน็ ธาตุที่อยใู่ นหมู่ 4A มเี วเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 4 จงึ เกิดพันธะโคเวเลนต์ได้ 4 พนั ธะ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พมิ พร พนั ธศ์ รี โรงเรียนราชวนิ ติ มัธยม

 คารบ์ อนสามารถใช้อิเลก็ ตรอนรว่ มกนั ตงั้ แต่ 1 คู่ 2 คู่ 3 คู่ เกดิ เป็นพันธะเดี่ยว Single bond
พนั ธะคู่ double bond พันธะสาม triple bond

ตาราง สูตรโมสเูตลรกลุลิวแอลิสะแโบคบรงจสดุ รา้ งลิวอสิ ของสารปสรูตะรกลอวิ บออิสินแบทบรยีเสบ์ น้ างชนิด สูตรแบบย่อ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พมิ พร พันธศ์ รี โรงเรยี นราชวนิ ติ มัธยม

ความสามารถในการสรา้ งพันธะของธาตอุ น่ื ๆ

ธาตุ หมู่ เวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอน จานวนขาด e- ทข่ี าด เพ่อื ครบ e- จานวนพนั ธะรอบตัว
3 3
N5 5 2 2
1 1
O6 6

H, F,I,Cl,Br 7 7

 สารประกอบอนิ ทรีย์สว่ นใหญ่เปน็ สารโคเวเลนต์ มธี าตุคาร์บอนและไฮโดรเจนเปน็ องค์ประกอบหลกั
 คาร์บอนสามารถสร้างพนั ธะโคเวเลนต์กบั คาร์บอนด้วย พันธะเดย่ี ว พันธะคู่และพนั ธะสาม

1.1 การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอนิ ทรีย์
สูตรโครงสร้าง (Condensed structural formula)

 แสดงเฉพาะพนั ธะคู่ หรือพันธะสามระหว่างอะตอมของคาร์บอน
 อะตอมอน่ื ทส่ี รา้ งพนั ธะกับคาร์บอน ใหเ้ ขียนไว้ข้างอะตอมของคารบ์ อน โดยไม่ต้องแสดงพันธะแลว้ เขยี นตวั เลข

แสดงจานวนอะตอมกากบั เอาไว้
 ถา้ มีกล่มุ อะตอมทีเ่ หมือนกนั มากกว่าหนึง่ หมู่ ใหเ้ ขียนไวใ้ นวงเล็บ แลว้ ระบจุ านวนกล่มุ อะตอมกากับไว้

 สตู รทแ่ี สดงการจัดเรยี งตวั ของอะตอมโดยการเขียนสตู รนัน้ อาจเขียนได้หลายแบบ เช่น
 สูตรโครงสร้างลิวอิสแบบจดุ (dot structure)
 สตู รโครงสร้างลวิ อิสแบบเส้น (dash structure)
 สตู รโครงสร้างแบบย่อ (condensed formula)
 สตู รโครงสร้างแบบเสน้ และมุม (bond – line formula)

== =

dot structure dash structure condensed formula bond – line formula

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ท่ี ร.ต.หญงิ พมิ พร พนั ธศ์ รี โรงเรยี นราชวนิ ิต มธั ยม

1.2 ไอโซเมอรซิ ึม (Isomerism)

 ปรากฏการณ์ท่สี ารประกอบอินทรยี ์มีสตู รโมเลกุลเหมือนกัน แต่สมบัตแิ ตกต่างกัน เรียกสารแต่ละชนิดวา่
ไอโซเมอร์

 ไอโซเมอรท์ ่ีมสี ูตรโมเลกลุ เหมือนกนั แต่จัดเรียงตัวของอะตอมในตาแหนง่ ต่างกนั หรือมีสูตรโครงสร้างตา่ งกนั
เรยี กวา่ ไอโซเมอร์โครงสร้าง

 ไอโซเมอริซึม คอื ปรากฏการณท์ ส่ี ารมีสตู รโมเลกุลเหมือนกนั แตม่ ีการจดั เรียงตัวของอะตอมในโมเลกลุ ตา่ งกัน
เช่น สารท่ีมีสตู รโมเลกลุ C4H10

โครงสร้าง จุดหลอมเหลว จุดเดือด ความหนาแนน่
-138.3 °C - 0.5 °C 0.573

- 159.4 °C - 11.7 °C 0.551

 เมอื่ พิจารณาโครงสร้างแบบแรกพบวา่ อะตอมคาร์บอนตอ่ กันเปน็ โซย่ าว เรยี กว่า โซ่ตรง (straight chain)
 โครงสร้างแบบทส่ี อง มหี ม่เู มทลิ (-CH3) ตอ่ กบั โซย่ าว เรียกวา่ โซก่ ิง่ (branched chain)
 ท้งั โครงสร้างแบบโซ่ตรงและโซ่กิ่ง เรยี กวา่ โซเ่ ปิด (open chain)
 สารทงั้ สองมสี มบัติตา่ งกัน โครงสรา้ งแบบโซต่ รงมี mp , bp และความหนาแนน่ สูงกว่าโซก่ ิง่
 เนื่องจากโมเลกุลก่งิ จะมคี วามเกะกะ ทาให้โมเลกุลไมส่ ามารถจดั เรียงตัวไดใ้ กล้ชิดเทา่ กับโซ่ตรงทาใหแ้ รงระหวา่ ง

โมเลกลุ นอ้ ยกว่า

จานวนพนั ธะคู่ / พันธะสาม / วง ในสูตรโมเลกลุ

DBE คอื จานวนพนั ธะคู่ + วง + (2x พนั ธะสาม)

EX.1 C5H12 มกี ี่แบบ

C5H12 = = = 5-6+1 = 0 ไมม่ ีพนั ธะคู่ / พนั ธะสาม / วง ในสตู รโมเลกุล

ซา

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พิมพร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ิต มัธยม

1 2 3 4 A ≈A 24

1 3 ซา

24 ≈ ซา
13A 3 แบบ

EX. C5H10 DBE = 5-(10/2) +1 = 1
อาจมวี ง 1 วง , 1 พันธะคู่

พนั ธะคู่ บอกไม่ได้วา่ มี Isomer ตอ้ งไลด่ ู

1. 1x =
2 x - Isomer ทาใหส้ ารนิ ทรยี ์ มีมหาศาล

ซา ซา

3. 4. 5.
.

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 ว่าท่ี ร.ต.หญิงพมิ พร พนั ธ์ศรี โรงเรียนราชวนิ ติ มัธยม

Note

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญิงพิมพร พันธ์ศรี โรงเรียนราชวนิ ิต มธั ยม

1.2 หมู่ฟังกช์ นั (Function Group)
หม่ฟู งั กช์ ัน คือ โครงสร้างหรอื หม่อู ะตอมท่ีแสดงสมบตั เิ ฉพาะตัวของสารประกอบอนิ ทรยี ์

สารอินทรีย์

ไฮโดรคาร์บอน (C , H) หมฟู่ ังกช์ ัน

- แอลเคน C - C  - OH แอลกอฮอล์
- แอลคนี C = C  - O – อีเทอร์
- แอลไคน์ C C  - CO – คโี ตน
- อะโรมาติก  - CHO – แอลดีไฮด์
 - COOH – กรดคาร์บอกซลิ ิก
 - COO – เอสเทอร์
 - NH2 – เอมีน
 - CONH2 – เอไมด์

1.3 สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน
 คอื สารท่ีมีเฉพาะธาตุคารบ์ อนและไฮโดรเจนเปน็ องค์ประกอบ เรียกว่า สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน
(hydrocarbon compound)
 ในธรรมชาตพิ บสารไฮโดรคาร์บอนในแหล่งตา่ งๆ เช่น ยางไม้ ถ่านหิน ปโิ ตรเลยี ม
 และมีจานวนมากไดจ้ ากการสงั เคราะห์

1.3.1 สมบตั ิบางประการของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน
 สารท่มี สี ูตรโมเลกุลเหมือนกนั แต่สตู รโครงสร้างต่างกนั มสี มบตั ติ า่ งกนั เชน่ จดุ เดือด จดุ หลอมเหลว
ความหนาแน่นตา่ งกัน
 สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน แมจ้ านวนอะตอมคารบ์ อนเหมอื นกัน แต่พนั ธะภายในโมเลกุลต่างกัน ก็มีสมบัติ
ต่างกัน

สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนแบ่งตามชนดิ ของพนั ธะ
1. สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประเภทอ่มิ ตัว (Saturated Hydrocarbon Compound)

เช่น แอลเคน และไซโคลแอลเคน

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าท่ี ร.ต.หญงิ พมิ พร พันธศ์ รี โรงเรียนราชวินิต มธั ยม

2. สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประเภทไม่อม่ิ ตวั (Unsaturated Hydrocarbon Compound)
พนั ธะระหวา่ งอะตอมของคารบ์ อนเป็นพันธะคู่ หรือพนั ธะสาม เชน่ แอลคนี ไซโคลแอลคีน แอลไคน์ ไซโคลแอลไคน์
และอะโรมาติกไฮโดรคารบ์ อน

แบ่งตามลักษณะทางโครงสร้าง
1. อะลิฟาตกิ ไฮโดรคาร์บอน (Aliphatic Hydrocarbon) คือ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนแบบโซ่เปดิ เช่น

2. อะลิไซตกิ ไฮโดรคาร์บอน (Alicyclic Hydrocarbon) คอื สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง เช่น

3. อะโรมาติไฮโดรคาร์บอน (Aromatic Hydrocarbon) คอื สารประกอบไฮโดรคาร์บอนท่ีมีวงเบนซิน เปน็
องคป์ ระกอบในโมเลกุล

1.3.2 ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน

การนับจานวนคารบ์ อนเป็นภาษากรกี ดงั นี

C1 = meth C2 = eth C3 = prop C4 = but C5 = pent
C6 = hex C7 = hept C8 = oct C9 = non C10 = dec

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญงิ พิมพร พันธศ์ รี โรงเรยี นราชวนิ ิต มัธยม

แอลเคน (Alkane)
 คาร์บอนทุกอะตอมสรา้ งพันธะเดี่ยว เรยี กวา่ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนประเภทอิ่มตวั (Saturated
Hydrocarbon Compound) และเรยี กสารประเภทน้วี า่ แอลเคน
 แอลเคนทาปฏกิ ริ ิยากบั โบรมีน ในทีส่ ว่าง เกิดแกส๊ ที่เปน็ กรด

สตู รทวั่ ไป
 แอลเคน มสี ตู รทว่ั ไป คือ CnH2n+2 โดย n เป็นจานวนอะตอมของคาร์บอนในโมเลกุลของแอลเคน
มคี า่ ต้งั แต่ 1 เปน็ ต้นไป

การเรยี กช่ือ นยิ มเรยี ก 2 แบบ
1. การเรียกช่อื แอลเคนแบบสามัญ (Common name)
2. การเรยี กช่อื แอลเคนตามระบบ IUPAC
(IUPAC = International Union of Pure and Apply Chemistry) ตามมาตรฐานสากล

การเรยี กชอ่ื แอลเคนแบบสามัญ (Common name)
แอลเคนที่มีรปู ร่างเป็นโซ่ตรงไม่มีกิง่ ใช้คาว่า normal (n-) นาหนา้ และลงทา้ ยดว้ ย (-ane) เช่น

ถ้ามีก่ิงสาขาให้พจิ ารณา ดังน้ี
อยู่ปลายสดุ โมเลกลุ ให้อ่าน iso นาหนา้ เช่น

อยปู่ ลายสดุ โมเลกุลใหอ้ ่าน neo นาหน้า เชน่

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 ว่าท่ี ร.ต.หญงิ พมิ พร พนั ธศ์ รี โรงเรยี นราชวินิต มธั ยม

การเรียกชื่อแอลเคนตามระบบ IUPAC **ข้อควรจา**
1. เลอื กคารบ์ อนต่อกนั ยาวที่สดุ เปน็ โซห่ ลัก  ตวั เลขกับตวั เลขใช้ “,” ค่ัน
 ตัวอกั ษรกับตัวเลขใช้ “-” คั่น
 ตวั อกั ษรกับตวั อักษรใหเ้ ขยี นตัว
กัน

2. กาหนดตัวเลขทตี่ าแหนง่ คารบ์ อนเปน็ เลขลงตวั 1,2,3,4,… ตาแหนง่ ท่ี 1 ใกลก้ บั โซก่ ิง่ มากทส่ี ดุ
89

1 23 4 5 76 54 3

21
3. บอกตาแหน่งโซ่กง่ิ แลว้ อ่านโซ่ก่ิงแบบแอลคิล โดยให้อา่ นลงทา้ ยด้วย “-yl”เช่น

1 23 4 5 2-methylpentane

4. ถ้าโซ่กง่ิ มหี มู่แอลคิลซ้ากันให้เตมิ di=2 , tri=3 , tetra=4
5. ถ้ามหี มแู่ ลคลิ มากกวา่ 1 ชนิดให้เรยี งตามตัวอักษรภาษาองั กฤษ ไมพ่ ิจารณา di , tri , tetra

1 23 4 5 89
76 54 3

2,2-dimethylpentane 21

3,7-dimethylnonane
6. ถา้ มหี มูแ่ ทนท่เี ปน็ ฮาโลเจนให้ใชค้ าว่า F=fluoro , Br=bromo , Cl=chloro , I= iodo

24 6 8 8 75 1
1 357 9 6 432

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พมิ พร พันธศ์ รี โรงเรียนราชวินิต มธั ยม

7. ถ้าเป็นโดรคารบ์ อนทอี่ ะตอมของคาร์บอนต่อกนั เปน็ วง (ไซโคลแอลเคน) ใหใ้ ช้ “cyclo” นาหน้าแลว้ ตามดว้ ย
จานวนคารบ์ อนของแอลเคน

note

ปฏิกิรยิ าที่สาคญั ของแอลเคนและไซโคลแอลเคน

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ท่ี ร.ต.หญงิ พมิ พร พนั ธศ์ รี โรงเรียนราชวินิต มธั ยม

1. ปฏิกริ ยิ าการเผาไหม้ (Combustion Reaction) เปน็ ปฏกิ ิรยิ าการเผาไหมส้ มบรู ณ์ไม่มเี ขมา่ และควนั ให้เปลวไฟสว่าง
และมีความรอ้ นเกดิ ขึ้น มสี มการดังนี้

2. ปฏิกริ ยิ าการแทนท่ีดว้ ยฮาโลเจน (halogenations reaction)
การแทนท่ีดว้ ยคลอรนี (Chlorination) เช่น
แสง

แสง
การแทนท่ีด้วยดว้ ยโบแรสมงนี (bromination) เช่น

สมบตั ขิ องแอลเคน
 แอลเคนและไซโคลแอลเคนเป็นโมเลกุลไมม่ ีขว้ั จึงไมล่ ะลายน้าแต่จะละลายในโมเลกุลที่ไมม่ ีขั้ว
 ทอ่ี ุณหภูมิ 25 °C แอลเคนทมี่ ีคารบ์ อน 1-4 อะตอมมสี ถานะเป็นแกส๊
 แอลเคนท่ีมคี าร์บอน 5-17 อะตอมมีสถานะเป็นของเหลว
 แอลเคนที่มีคาร์บอน 18 อะตอมขึ้นไปมสี ถานะเป็นของแข็ง
 จุดเดอื ดจดุ หลอมเหลวของแอลเคลโซต่ รงจะเพ่ิมขน้ึ ตามจานวนคาร์บอนอะตอม
 จุดเดือดจุดหลอมเหลวของแอลเคนโซ่ก่งิ จะมจี ุดเดือดจดุ หลอมเหลวต่ากว่าแอลเคนโซต่ รง เมอ่ื มจี านวน
อะตอมคาร์บอนเทา่ กนั

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญิงพิมพร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ติ มธั ยม

การใช้ประโยชน์แอลเคน

 มเี ทน ใช้เปน็ เชอ้ื เพลิงเพลงิ ในโรงงานต่างๆ โรงไฟฟา้ และเป็นวัตถุดบิ ในการผลิตเคมภี ณั ฑ์
 อีเทน โพนเพนใช้ผลิตเอทลิ ีนและโพรพลิ นี ซงึ่ เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเมด็ พลาสตกิ
 แก๊สผสมระหวา่ งโพรเพนและบวิ เทนใชเ้ ป็นแกส๊ หุงต้มตามบา้ นเรอื น
 เฮกเซนใชเ้ ปน็ ตวั ทาละลายในอุตสาหกรรมการสกัดน้ามันพืช และน้าหอม
 ไซโคลเฮกเซน ใช้เป็นตัวทาละลายในการทาเรซนิ และแล็กเกอร์ ใชล้ า้ งสี ใชผ้ ลิตเบนซีน
 แอลเคนโมเลกุลสูง เช่น พาราฟิน ใชเ้ คลือบผักและผลไม้เพื่อรักษาความชุม่ ชนื้ ป้องกนั เชื้อรา
 เป็นองคป์ ระกอบหลกั ของแก๊สธรรมชาตอิ ัด (Compressed natural gas , CNG) เป็นเชือ้ เพลงิ รถยนต์
 แอลเคนใช้เป็นสารตงั้ ตน้ ในอุตกรรม เชน่ ผลติ ผงซักฟอก เส้นใย สารกาจดั ศัตรูพชื สารเคมที างการเกษตร

โทษของแอลเคน

 การสดู ดมไอแอลเคนเปน็ อนั ตราย เพราะจะไม่ละลายไขมันในผนังเซลลป์ อด
 การสัมผัสกับแอลเคน เช่น เฮกเซน จะทาใหผ้ ิวหนังแห้งแตก เพราะน้ามันทผ่ี ิวหนังถูกชะลา้ งออกไป

แอลคนี (Alkene)

 แอลคนี สามารถทาปฏิกิริยากับโบรมีนทงั้ ทส่ี ว่างและทม่ี ืด ไม่เกิดแก๊สที่เปน็ กรด
 เปน็ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว (Unsaturated hydrocarbon compound)
 มพี ันธะคูภ่ ายในโมเลกลุ
 เรียกสารไฮโดรคาร์บอนไม่อิม่ ตวั ท่มี พี ันธะคอู่ ย่างน้อย 1 พันธะ เรียกว่า แอลคีน ไซโคลแอลคีน

(cycloalkene)
 แอลคนี ที่มลี กั ษณะเปน็ วง สมบตั ิคลา้ ยแอลคนี

สตู รทวั่ ไป

 แอลคนี มสี ูตรทั่วไป คือ CnH2n โดย n เป็นจานวนอะตอมของคาร์บอนในโมเลกุลของแอลคีน
มคี ่าตัง้ แต่ 2 เป็นต้นไป เพอื่ ที่จะทาใหโ้ มเลกุลมีพนั ธะคู่ระหวา่ งอะตอมของคาร์บอนอยา่ งน้อย 1 พนั ธะ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญงิ พิมพร พนั ธ์ศรี โรงเรียนราชวินติ มัธยม

การเรียกชอ่ื แอลคนี แบบสามัญ (Common name)
อ่านหมแู่ อลคิล แล้วลงท้ายด้วย “-ene”

การเรียกชอื่ แอลคีนตามระบบ IUPAC
1. คลา้ ยกับการอ่านชือ่ แอลเคนแต่การเลือกโซ่หลัก ตอ้ งมีพันธะค่อู ยู่ในโซ่หลกั ดว้ ย โดยกาหนดตาแหน่งพันธะค่เู ปน็ เลข

ลงตัวท่ีนอ้ ยท่ีสุด แลว้ ลงท้ายดว้ ย “-ene”

2. สาหรบั พนั ธะคู่ 2 ตาแหน่ง ให้ใช้คาวา่ (-adiene) พันธะคู่ 3 ตาแหน่ง ให้ใชค้ าวา่ (-atriene)

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญิงพิมพร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวินิต มัธยม

note

ปฏกิ ริ ิยาท่ีสาคญั ของแอลคีนและไซโคลแอลคนี
1. ปฏิกิรยิ าการเผาไหม้ (Combustion Reaction) แอลเคนทาปฏกิ ิริยากบั แก๊สออกซิเจน เกดิ การเผาไหม้ มคี วนั และ

เขมา่ เล็กน้อย ถา้ แก๊สออกซเิ จนมากเกนิ พอก็สามารถเกิดการเผาไหมท้ ส่ี มบูรณไ์ ด้

2. ปฏกิ ริ ยิ าการเตมิ (Addition Reaction)
ปฏกิ ริ ยิ าการเติมฮาโลเจน (halogenation) เช่น

ปฏิกิริยาการเตมิ ไฮโดรเจน (hydrogenation) โดยใช้ Ni , Pd , Pt เป็นตวั เรง่ ปฏกิ ิริยา เช่น
Ni

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญงิ พมิ พร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ติ มธั ยม

การเกดิ Cis , Trans isomer
Cis หมายถงึ อะตอมหรือกลุ่มอะตอมท่ีเหมือนกนั อยูด่ า้ นเดยี วกนั ของพันธะคู่

Trans หมายถึง อะตอมหรอื กลมุ่ อะตอมที่เหมือนกันอยูด่ ้านตรงข้ามของพนั ธะคู่

สมบัติของแอลคีน
 แอลคนี มีความว่องไวในการเกิดปฏิกริ ยิ ามากกวา่ แอลเคน
 การเผาไหม้เป็นการเผาไหมไ้ ม่สมบรู ณ์ จึงมีเขม่าควนั มากว่าแอลเคน
 ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั KMnO4

การใชป้ ระโยชน์แอลคีน
 ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลติ พอลเิ มอร์ เชน่ เอทิลนี ใชผ้ ลติ พอลีเอทลิ นี ซ่งึ เปน็ พลาสตกิ ชนดิ หนึง่ ใชท้ าภาชนะ
ต่างๆ ของเด็กเลน่ และฉนวนสายไฟ
 ใช้เปน็ สารตง้ั ต้นในการผลิตสารต่างๆในทางอตุ สาหกรรม เช่น เอทานอล ยางและเสน้ ใยสังเคราะห์
 แกส๊ เอทิลีน ใช้ในการเรง่ ออกดอกของพืช เรง่ ให้ผลไม้สุกเร็ว

แอลไคน์ (Alkyne)
 แอลไคน์เปน็ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนไม่อ่ิมตัว
 มพี ันธะสามระหว่างอะตอมคาร์บอน

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ท่ี ร.ต.หญิงพิมพร พันธ์ศรี โรงเรียนราชวินติ มัธยม

สูตรท่ัวไป
 แอลไคน์ มีสูตรทวั่ ไป คือ CnH2n-2 โดย n เปน็ จานวนอะตอมของคารบ์ อนในโมเลกุลของแอลไคน์
มีคา่ ต้ังแต่ 2 เป็นตน้ ไป

การเรียกชอื่ แอลไคน์แบบสามัญ (Common name)
อา่ นคารบ์ อนอะตอมตามภาษากรีก แลว้ ลงทา้ ยด้วย “-yne”

ส่วนมากใช้ชอ่ื เฉพาะเลย

การเรยี กช่อื แอลไคน์ตามระบบ IUPAC
1. คล้ายกับการอา่ นชอ่ื แอลคีนแต่การเลือกโซห่ ลกั ตอ้ งมีพันธะสามอยูใ่ นโซ่หลักดว้ ย โดยกาหนดตาแหน่งพนั ธะสาม

เปน็ เลขลงตวั ที่นอ้ ยที่สดุ แลว้ ลงทา้ ยด้วย “-yne”

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 วา่ ท่ี ร.ต.หญิงพมิ พร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ิต มัธยม

ความยาวพันธะ
C-C > C=C > C C
ความแขง็ แรงของพนั ธะ
C-C < C=C < C C

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญงิ พิมพร พันธ์ศรี โรงเรียนราชวินติ มธั ยม

ปฏกิ ิริยาทีส่ าคญั ของแอลไคน์
1. ปฏิกิรยิ าการเผาไหม้ (Combustion Reaction) แอลไคนท์ าปฏิกิรยิ ากับแกส๊ ออกซิเจน มีควนั และเขมา่ มากกวา่

แอลเคนและแอลคีน เนื่องจากมอี ัตราส่วนของคารบ์ อนต่อไฮโดรเจนสงู ขนึ้

2. ปฏกิ ิริยาการเติม (Addition Reaction)
ปฏิกิรยิ าการเตมิ ฮาโลเจน (halogenation) เช่น

ปฏิกริ ยิ าการเติมไฮโดรเจน (hydrogenation) โดยใช้ Ni , Pd , Pt เป็นตัวเรง่ ปฏิกิรยิ า เช่น

ปฏกิ ิรยิ าการเติมไฮดรอกซลิ (hydroxylation) เชน่
สมบตั ขิ องแอลไคน์

 จุดเดอื ดจุดลอมเหลวเรยี งจากมากไปนอ้ ยดงั นี้
แอลไคน์ > แอลเคน > แอลคีน

 การเผาไหม้เป็นการเผาไหม้ไมส่ มบูรณ์ จงึ มเี ขม่าควนั มากกว่าแอลคีนและแอลเคน
 มีความวอ่ งไวในการเกิดปฏิกิริยามากกวา่ แอลคีนและแอลเคน

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญิงพิมพร พนั ธศ์ รี โรงเรียนราชวินติ มัธยม

การใชป้ ระโยชน์แอลไคน์
 อีไทน์ มีชอื่ สามญั คอื อะเซทิลนี เตรยี มได้จากปฏิกริ ยิ าระหวา่ งแคลเซยี มคารไ์ บด์กับนา้
 เม่อื เผาแกส๊ ผสมของอะเซทิลีนกบั แกส๊ ออกซเิ จน จะได้เปลวไฟออกซีอะเซทลิ นี ซึ่งใหค้ วามรอ้ นสงู ใชเ้ ชื่อมและ
ตัดโลหะได้
 แก๊สอะเซทิลีน ใชเ้ ปน็ เชอื้ เพลิงในการให้แสงสวา่ ง เร่งการออกดอกของพืช เรง่ ใหผ้ ลไม้สุกเร็วขน้ึ

อะโรมาติกไฮโดรคารบ์ อน (Aromatic hydrocarbon)
 เบนซนี มีสมบตั ิท่ีแตกต่างไปจากสารไฮโดรคาร์บอนทผี่ ่านมา (หมฟู่ ังก์ชันแตกต่างกนั )
 เผาไดเ้ ปลวไฟสวา่ ง มีควนั และเขม่ามากคลา้ ยเฮกเซน
 แตไ่ ม่ทาปฏิกิรยิ ากบั KMnO4 และ Br2

โครงสร้างและสมบตั ิ
 โมเลกลุ เบนซนี ประกอบดว้ ยคารบ์ อน 6 อะตอมต่อกันเปน็ วง
 คาร์บอนทุกอะตอมอยู่ในระนาบเดียวกัน
 เปน็ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนไม่อ่ิมตัว มีพันธะค่สู ลบั พันธะเดี่ยว
 อิเล็กตรอนในวงเบนซนี ไม่ได้อยปู่ ระจาที่ คือ มีสมบัตกิ ารเรโซแนนซ์ เนอื่ งจากอเิ ล็กตรอนเคล่ือนท่ีไปมา

การเรยี กชอื่ อนพุ นั ธข์ องเบนซนี (Benzene Derivative)
1. กรณีมีหม่แู ทนท่ี 1 หมู่ จะเรียกหมู่แทนท่ีแลว้ ตามด้วย benzene

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าท่ี ร.ต.หญิงพิมพร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวินิต มธั ยม

2. กรณีมหี ม่แู ทนท่ีอื่นเช่น CH3 , OH , NO2 นิยมเรยี กเป็นชอ่ื เฉพาะ

3. กรณที ห่ี มแู่ ทนท่ี 2 หมูม่ าเกาะ จะใชต้ วั ระบุตาแหน่ง หรือจะใช้ (1,2 = ortho หรอื o), (1,3 = meta หรอื m),
(1,4 = para หรือ p)

4. กรณชี ่ือเฉพาะอ่นื ๆ

สมบัติของเบนซีน
 ไมล่ ะลายน้า และไมน่ าไฟฟา้
 ติดไฟให้เขม่าและควนั มาก
 ไมท่ าปฏิกริ ิยากบั ฮาโลเจนและไม่ฟอกจางสี KMnO4

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พมิ พร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ติ มัธยม

การใช้ประโยชน์เบนซีน
 ใชเ้ ปน็ สารตงั้ ต้นการผลติ ยา สียอ้ ย พลาสติก และใชเ้ ป็นตวั ทาละลาย
 เมทิลเบนซีน ชอ่ื สามญั คอื โทลอู ีน ใชเ้ ป็นตัวทาละลายและใชเ้ ปน็ สารต้ังต้นในการผลติ สารอะโรมาติกอน่ื ทม่ี ี
มลู ค่าสงู กวา่ เชน่ พาราไซลนี (วัตถุดบิ ในโรงงานอตุ สหกรรม)
 แนฟทาลีน หรอื ลูกเหมน็ ใชเ้ ป็นสารไล่แมลง

4. สารประกอบอนิ ทรียท์ ่ีมหี มู่ฟังก์ชัน

< ชนิดของหม่ฟู ังกช์ นั >

สัญลักษณ์ ชื่อสารประกอบ ชอ่ื หมฟู่ ังกช์ ัน สูตรโมเลกุล
-O- อเี ทอร์ ออกซี
- OH CnH2n+2O
- COOH แอลกอฮอล์ ไฮดรอกซลิ CnH2n+2O
- CHO กรดอนิ ทรีย์ (คารบ์ อนซลิ กิ ) คาร์บอกซลิ CnH2nO2
- CO คารบ์ อกซาดีไฮด์ CnH2nO
- COO แอลดไี ฮด์ คารบ์ อนิล CnH2nO
- NH2 คโี ตน แอลคอกซีคาร์บอนลิ CnH2nO2
- CONH2 เอสเทอร์
เอมีน อะมโิ น -
เอไมด์ เอไมด์ -

การอา่ นช่อื สารประกอบที่มีหมฟู่ ังกช์ นั

1. แอลกอฮอล์ (Alcohol)

 แอลกอฮอล์มีหมู่ hydroxyl (-OH) เปน็ หมู่ฟงั ก์ชนั มสี ูตรเปน็ R-OH จดั เป็นอนพุ ันธ์ของนา้

การเรียกช่ือแอลกอฮอล์แบบสามญั (Common name)
อา่ นช่ือแอลกอฮอล์โซ่ตรงให้อ่านเปน็ ช่ือหมแู่ อลคลิ แล้วลงท้ายดว้ ย alcohol เช่น

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พิมพร พนั ธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ิต มธั ยม

การเรียกชือ่ แอลกอฮอล์ตามระบบ IUPAC
1. เลอื กโซท่ ี่ยาวทีส่ ดุ ท่ีมหี มู่ –OH เกาะอยู่บนโซ่หลกั แลว้ อ่านแบบแอลเคนแตต่ ดั “e”ออกแล้วลงท้ายด้วย “ol” แทน

โดยใหต้ าแหนง่ ทใ่ี กลห้ มู่ –OH ใกล้ที่สุดเป็นตาแหน่งท่ี 1
2. ระบุตาแหนง่ ของหมู่ –OH ท่ีเกาะบนโซ่หลัก
การใชป้ ระโยชน์แอลกอฮอล์

 เมทานอน (CH3OH) ใชเ้ ป็นเช้ือเพลงิ และตวั ทาละลายอินทรยี ์ แตเ่ ป็นสารที่เปน็ อนั ตราย ถา้ เขา้ สรู่ า่ งกาย
จะถกู ออกซิไดส์เปน็ ฟอรม์ าลดไี ฮด์ ทาใหป้ วดศรี ษะ ตาบอด หรอื อาจถึงข้นั เสียชีวติ ได้

 เอทานอน (C2H5OH) นามาใชป้ ระโยชน์หลายด้าน เชน่ อุตสาหกรรมเคร่ืองดม่ื ได้แก่ เหล้า เบยี ร์ ไวน์
ซ่งึ อาจมผี ลต่อระบบประสาท ระบบหวั ใจ และเป็นอยั ตรายตอ่ ตับได้

 การใช้เอทานอลทาความสะอาดและฆ่าเชือ้ โรคบางนิด ใชใ้ นการผลติ ยาและนา้ หอมได้
 ปัจจุบันยงั มีการนาเอทานอลมาเปน็ สว่ นผสมในการผลิตเชอ้ื เพลงิ สาหรบั ยานพาหนะทีเ่ รยี กว่า “แกส๊ โซฮอล์”

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 วา่ ท่ี ร.ต.หญงิ พิมพร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวินิต มัธยม

2. อีเทอร์ (ether)
 มหี มู่ออกซี (- O -) เป็นหมูฟ่ ังกช์ นั มสี ูตรเปน็ R-O-R

การเรียกชือ่ อีเทอร์แบบสามัญ (Common name)
ให้อา่ นเป็น alkyl alkyl ether

การเรยี กชอ่ื อเี ทอร์ตามระบบ IUPAC
1. หมแู่ อลคลิ ใดที่มาเกาะกับออกซเิ จนในอีเทอร์มจี านวนคารบ์ อนอะตอมมากกวา่ ใหเ้ ปน็ โครงสรา้ งหลักของแอลเคน
2. หมู่แอลคิลท่ีมคี ารบ์ อนอะตอมน้อยกว่าใหร้ วมกับออกซิเจนเปน็ หมู่ alkoxy แล้วใหอ้ ่านเปน็ alkoxy alkane
3. ให้ระบตุ าแหนง่ หมู่ออกซีท่ีมาเกาะบนโซ่หลกั

4. อเี ทอร์ชนิดวง (epoxide) อา่ น epoxyalkane และระบุตาแหนง่ epoxy ที่ไปเกาะ
การใช้ประโยชน์อเี ทอร์

 เอทอกซีอเี ทอร์ (CH3CH2OCH2CH3) หรือ อีเทอร์ ในอดตี นยิ มนามาใชเ้ ปน็ ยาสลบ แต่มีผลขา้ งเคยี งต่อระบบ
ทางเดนิ หายใจ ทาใหค้ ล่นื ไส้ และอาเจยี นหลงั จากฟ้นื ข้นึ มา

 เมทอกซีมีเทน (CH3OCH3) หรอื ไดเมทิลอีเทอร์ เป็นเชอ้ื เพลงิ ใหค้ วามรอ้ นและใช้ในเครอื่ งยนตด์ ีเซลได้ดี
เนอ่ื งจากสามารถจุดติดไฟได้ง่าย เกิดการเผาไหม้ได้อยา่ งสมบูรณแ์ ละไมเ่ กิดเขม่า

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 วา่ ท่ี ร.ต.หญงิ พมิ พร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวินิต มัธยม

3. แอลดีไฮด์ (Aldehyde)
 แอลดไี ฮดม์ ีหมคู่ าร์บอกซาลดีไฮด์ เปน็ หมู่ฟงั กช์ นั มสี ูตร

การเรยี กชื่ออเี ทอร์ตามระบบ IUPAC
1. เลอื กคาร์บอนโซ่ท่ียาวทส่ี ุด และใหม้ หี มู่ -CHO เปน็ โครงสร้างหลกั
2. กาหนดตัวเลขเปน็ เลขลงตัวท่นี อ้ ยท่ีสุดโดย C ที่ –CHO ใหน้ บั เปน็ ตาแหนง่ ที่ 1
3. อา่ นชื่อเป็น Alkanal โดยตดั e ของแอลเคนออกแล้วลงทา้ ยด้วย –al พร้อมทั้งระบหุ มู่แอลคิลทมี่ าเกาะอยู่บน

โซห่ ลัก

note

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ที่ ร.ต.หญิงพิมพร พันธ์ศรี โรงเรียนราชวนิ ิต มธั ยม

4. คีโตน (Ketone)
 คีโตนมหี มู่คารบ์ อนลิ เป็นหมู่ฟงั กช์ นั มีสูตรเป็น

การเรยี กชื่อคีโตนตามระบบ IUPAC
1. เลือกคารบ์ อนโซ่ท่ยี าวทสี่ ุด และใหม้ หี มู่ –C=O เปน็ โครงสรา้ งหลัก
2. กาหนดตวั เลขเปน็ เลขลงตัวทีน่ อ้ ยทส่ี ดุ โดย พร้อมระบตุ าแหนง่ ของ –C=O
3. อา่ นชื่อเป็น Alkanone โดยตดั e ของแอลเคนออกแล้วลงท้ายดว้ ย –one พรอ้ มทั้งระบหุ มแู่ อลคิลที่มาเกาะอยบู่ น

โซห่ ลัก

การใช้ประโยชน์คีโตน
 แอซีโตน (Acetone) เป็นชอ่ื สามญั ของโพรพาโนนซง่ึ เป็นคีโตนทมี่ ีโมเลกลุ เล็กที่สดุ เป็นตวั ทาละลาย
อนิ ทรีย์ทีด่ ี
 การบูร เป็นคีโตนชนดิ หนึ่ง ใช้เป็นสว่ นผสมของยาสมุนไพรและเครื่องสาอาง

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 วา่ ท่ี ร.ต.หญิงพมิ พร พนั ธ์ศรี โรงเรียนราชวินิต มธั ยม

note

5. กรดคารบ์ อกซิลิก (Carboxylic Acid)
 มีหมูค่ ารบ์ อกซลิ เป็นหมู่ฟงั ก์ชัน มีสูตรเปน็

การเรียกช่ือกรดคาร์บอกซลิ ิกตามระบบ IUPAC
1. เลือกคาร์บอนโซท่ ยี่ าวทส่ี ดุ และใหม้ ีหมู่ –COOH เปน็ โครงสรา้ งหลัก
2. กาหนดตวั เลขเป็นเลขลงตัวท่ีนอ้ ยท่ีสุดโดย C ท่ี –COOH เกาะเป็นตาแหน่งท่ี 1
3. อา่ นชอื่ เป็น Alkanoic acid โดยตัด e ของแอลเคนออกแลว้ ลงทา้ ยดว้ ย –oic acid

4. กรณีท่เี ปน็ วง ให้ลงทา้ ยด้วย carboxylic acid

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พิมพร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวินติ มธั ยม

5. ในกรณีทเ่ี ปน็ วงอะโรมาติก ใหล้ งทา้ ยดว้ ย benzoic acid

การใชป้ ระโยชน์กรดคาร์บอกซลิ ิก
 กรดแอซตี กิ เปน็ ชือ่ สามัญของกรดเอทาโนอิก เป็นองคป์ ระกอบทส่ี าคญั ในน้าส้มสายชู และใชใ้ นการผลิต
พลาสตกิ และเสน้ ใยสังเคราะห์
 กรดแอลฟาไฮดรอกซี หรือ เอเอชเอ (AHA) พบในธรรมชาติสามารถนามารับประทานได้และมปี ระโยชนต์ ่อ
สขุ ภาพ นามาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑด์ แู ลผวิ
 กรดฟอร์มกิ มีความแรงของกรดมากทส่ี ดุ เป็นของเหลวที่ขับออกมาจากมดหรือผงึ้ เมื่อสัมผัสจะเกดิ อาการคัน
และบวม ในทางอตุ สาหกรรมใชใ้ นการย้อมหนังและผ้า
 กรดออกซาลกิ ใชเ้ ปน็ สารฟอกขาว
 กรดแลกติก นิยมเติมในอาหารที่มรี สเปร้ยี ว เช่น ไสก้ รอก เพอื่ ป้องกนั แบคทีเรยี

6. เอสเทอร์ (Ester)
 เปน็ อนุพันธข์ องคาร์บอกซลิ ิก มสี ตู รเปน็

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าท่ี ร.ต.หญงิ พิมพร พันธ์ศรี โรงเรียนราชวนิ ิต มธั ยม

การเรยี กชอ่ื เอสเทอร์ตามระบบ IUPAC
1. แบ่งเอสเทอร์ออกเปน็ 2 ส่วน คือส่วนทีม่ าจากแอลกอฮอล์ และส่วนทีม่ าจากกรดคาร์บอกซลิ ิก

ส่วนทีม่ าจาก ส่วนทีม่ าจาก
กรดคาร์บอกซิลิก แอลกอฮอล์

2. อ่านสว่ นทม่ี าจากแอลกอฮอลเ์ ปน็ แอลคิล
3. อา่ นส่วนที่มาจากกรดคาร์บอกซลิ ิกคลา้ ยกับกรดคาร์บอกซิลิกแตเ่ ปล่ียนคาลงท้ายจาก –ic acid เป็น –anoate แทน

สมบัตขิ องเอสเทอร์
 ไมล่ ะลายน้า และเบากวา่ นา้ ยกเว้น HCOOCH3 , CH3COOCH3
 มกี ล่นิ เฉพาะตวั เช่น กลน่ิ ดอกไม้ ผลไม้ กลิ่นฉุนจากสัตว์
 จดุ เดือดจดุ หลอมเหลวตา่ กวา่ แอลกอฮอล์และกรดคารบ์ อกซิลกิ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าท่ี ร.ต.หญิงพมิ พร พันธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ติ มธั ยม

การใช้ประโยชน์เอสเทอร์
 ใช้เปน็ หัวน้าหอมและแตง่ กลิ่น เชน่ ออกทลิ แอซิเตตในส้ม เบนซิลแอซเิ ตตในดอกมะลิ
และเอทิลบวิ ทาโนเอตในสับปะรด
 ใชเ้ ป็นตัวทาละลาย
 ใช้เป็นส่วนผสมในนา้ ยาลา้ งเลบ็
 ใช้เปน็ ยา เชน่ แอสไพริน
 พอลิเมอร์ของเอสเทอรบ์ ้างชนิดใช้ทาพลาสติก และยางสงั เคราะห์

7. เอมนี (Amine)
 เอมีนเป็นอนุพนั ธข์ องแอมโมเนยี มสี ูตรเป็น R – NH2

การเรยี กชื่อเอมนี แบบสามัญ (Common name)
ใหอ้ า่ นช่อื เปน็ หมูแ่ อลคลิ แล้วลงท้ายดว้ ย amine โดยอ่านเปน็ alkylamine

การเรียกชือ่ เอมนี ตามระบบ IUPAC
1. เลือกโซค่ ารบ์ อนท่ียาวที่สดุ และใหต้ าแหนง่ หมู่ –NH2 เปน็ ตาแหน่งลงตวั ทน่ี ้อยท่สี ุด
2. อา่ นช่อื เป็น Alkanamine โดยตัด e ของแอลเคนออก แล้วลงทา้ ยด้วย –amine ระบุหม่แู อลคลิ

และหมู่ –NH2 ท่เี กาะอยู่บนโซ่หลัก

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าท่ี ร.ต.หญงิ พมิ พร พนั ธ์ศรี โรงเรียนราชวินิต มธั ยม

การใชป้ ระโยชนเ์ อมีน
 มอรฟ์ นี สกดั ได้จากดอกฝิน่ ใช้เปน็ ยาบรรเทาอาการปวด
 นโิ คตนิ เปน็ สารเสพติดท่ีพบในยาสบู ทาให้ความดันโลหติ และการเตน้ หวั ใจเพม่ิ ขนึ้
 โคเคน พบในใบโคคาใช้เปน็ ยาทาท่ีผิวหนัง ใชเ้ ปน็ ยาสลบรักษาไขม้ าลาเรีย การไดร้ บั โคเคนมากเกิน
ไปจะทาใหเ้ กดิ อาการหลอน
 ควนิ ิน ใช้เป็นยารักษาโรคมาลาเรยี
 เฮโรอีน เป็นอนุพนั ธข์ องมอร์ฟีนไม่มีคุณค่าทางยา จัดเปน็ ยาเสพตดิ ทรี่ า้ ยแรงทสี่ ุด
 แอมเฟตามนี มีฤทธิ์กระต้นุ ประสาทสว่ นกลาง มผี ลทาให้ต่ืนตัว
 อะดรนี าลนี เปน็ โฮมโมนชนิดหน่ึงในร่างกาย มผี ลต่อการเพ่ิมอตั ราการเต้นของหัวใจและนา้ ตาลในเลือด

8. เอไมด์ (Amide)
 เอไมดเ์ ปน็ อนุพันธ์ของกรดคารบ์ อกซลิ ิก มีสตู รดงั นี้

การเรียกช่ือเอไมด์แบบสามัญ (IUPAC)
ใหอ้ ่านชือ่ เป็นหมู่แอลคิล แล้วลงท้ายดว้ ย amide โดยอ่านเปน็ -anamide

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พมิ พร พนั ธ์ศรี โรงเรยี นราชวนิ ิต มัธยม

การใช้ประโยชน์เอไมด์
 ยูเรยี ใช้ในอตุ สาหกรรมป๋ยุ นอกจากนี้ยังใชใ้ นอุตสาหกรรมผลติ ยาและพลาสติก
 พาราเซตามอล ช่วยลดไขแ้ ละบรรเทาปวด แต่มีผลข้างเคยี งต่อตบั หากรบั ประทานตดิ ต่อกนั นาน
 แซกคารนิ เปน็ สารให้ความหวานแทนนา้ ตาล มีผลขา้ งเคยี งต่อการเกดิ มะเรง็ กระเพาะปัสสาวะ

สมบตั ิทัว่ ไปของสารประกอบอนิ ทรีย์ท่ีมีหมู่ฟงั ก์ชนั
 มคี ารบ์ อนน้อยๆละลายน้าได้ (C1-C3)
 จุดเดือดผกผันกบั มวลโมเลกุล / เอไมด์ > คารบ์ อกซิลิก > H – C
 คารบ์ อกซลิ กิ กรด / ฟีนอล จดุ เดือด จดุ หลอมเหลวสูง ละลายนา้ สมบตั เิ ป็นกรด

การเขยี นปฏกิ ริ ิยาท่เี ก่ียวข้องกบั สารประกอบที่มีหมู่ฟงั ก์ชัน
1. แอลกอฮอล์ + Na

2. แอลกอฮอล์ + NaHCO3

3. คารบ์ อกซลิ ิก + Na

4. คารบ์ อกซลิ ิก + NaHCO3

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พมิ พร พันธศ์ รี โรงเรยี นราชวนิ ิต มธั ยม

สารประกอบ Na NaHCO3
แอลกอฮอล์  
คาร์บอกซลิ กิ  

5. เอสเทอริฟิเคชัน (แอลกอฮอล์ + คาร์บอกซลิ ิก เอสเทอร์ + น้า)

6. ไฮโดรลซิ สิ
สรุปปฏิกิริยาที่สาคัญของสารประกอบอินทรยี ์

เอสเทอริฟเิ คชนั Ester + H2O
Alcohol + Carboxylic Alcohol + Carboxylic
ไอโดรลิซิส
Ester + H2O

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา เคมี 5 ว่าที่ ร.ต.หญงิ พิมพร พนั ธ์ศรี โรงเรียนราชวินติ มัธยม


Click to View FlipBook Version