The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สบู่เหลวล้างมือเปลือกมังคุดและคาโมมายล์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mysupawadee2545, 2022-03-16 00:42:19

สบู่เหลวล้างมือเปลือกมังคุดและคาโมมายล์

สบู่เหลวล้างมือเปลือกมังคุดและคาโมมายล์

สบูเ่ หลวล้างมือเปลอื กมงั คุดและคาโมมายล์

นางสาวธิรายุ แนวเกตุ รหัสนกั ศกึ ษา 116410301009-9
นางสาวสุภาวดี ชนะ รหสั นักศกึ ษา 116410301030-5

รายงานน้เี ป็นสว่ นหนึง่ ของการศึกษาวิชาการค้นควา้ และการเขยี นรายงานเชิงวิชาการ
ภาควิชาสารนเิ ทศและการเขียนรายงานทางวชิ าการ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564

สบูเ่ หลวล้างมือเปลอื กมงั คุดและคาโมมายล์

นางสาวธิรายุ แนวเกตุ รหัสนกั ศกึ ษา 116410301009-9
นางสาวสุภาวดี ชนะ รหสั นักศกึ ษา 116410301030-5

รายงานน้เี ป็นสว่ นหนึง่ ของการศึกษาวิชาการค้นควา้ และการเขยี นรายงานเชิงวิชาการ
ภาควิชาสารนเิ ทศและการเขียนรายงานทางวชิ าการ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564



คำนำ

รายงานฉบบั น้ี จัดทำขนึ้ เพอ่ื ปฏิบตั กิ ารเขยี นรายงานการค้นคว้าท่ีถูกตอ้ งอย่างเป็นระบบ อนั เปน็
ส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชา 01-210-001การคน้ คว้าและการเขียนรายงานเชงิ วิชาการ ซึ่งจะนำไปใชใ้ นการ
ทำรายงานคน้ ควา้ สำหรบั รายวิชาอนื่ ไดอ้ ีกตอ่ ไป การท่ผี ู้จัดทำเลือกทำเร่ือง “การทำสบ่เู หลวจากเปลอื กมังคดุ ”
ซ่ึงเป็นเนอื้ หาท่อี ธบิ ายใหเ้ ข้าใจถงึ การทำสบเู่ หลวจากเปลอื กมังคดุ ซึง่ มคี วามสอดคลอ้ งกบั วชิ าวิทยาศาสตร์
และยังสามารถนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ตนเองและแกส่ งั คมได้อีกดว้ ย ดงั น้ัน จงึ มคี วามจำเปน็
อย่างมากทีจ่ ะต้องนำเสนอความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกยี่ วกับการทำสบู่เหลวจากเปลอื กมงั คดุ

รายงานเลม่ น้ี กล่าวถงึ เนื้อหาเกยี่ วกับ ความหมายของสบู่สมุนไพร ประเภทของสบู่ ประโยชนข์ อง
สบู่ ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ของมังคดุ วธิ กี ารทำสบูเ่ หลวจากเปลอื กมงั คุด เหมาะสำหรบั ผู้ท่ีตอ้ งการรับความรู้
ความเข้าใจเกีย่ วกบั การทำสบู่ที่ถูกต้อง และทราบถึงความรู้เกีย่ วกบั เปลอื กมังคดุ

ขอขอบคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พนดิ า สมประจบ ทก่ี รุณาให้ความรู้และคำแนะนำโดยตลอด
และขอขอบคุณเจ้าของเวบ็ ไซตท์ ่ใี หค้ วามสะดวกในการค้นหาขอ้ มลู ที่ผูเ้ ขยี นใช้อ้างอิงทกุ ทา่ น หากมี
ขอ้ บกพร่องประการใดผู้เขียนขอน้อมรับไวเ้ พือ่ ปรบั ปรงุ ตอ่ ไป

ธริ ายุ แนวเกตุ
สุภาวดี ชนะ
14 มนี าคม 2565

สารบัญ ข
หน้า

คำนำ………………………………………………………………………………………………………………………………. ก
สารบญั ภาพประกอบ………………………………………………………………………………………………………… ข
บทที่
1
1 บทนำ……………………………………………………………………………………………………………. 1
1.1 ความหมายของสบสู่ มุนไพร……………………………………………………………………….. 1
1.2 ประโยชน์ของสบู่……………………………………………………………………………………… 2
1.3 ประเภทของสบู่……………………………………………………………………………………….. 3
1.4 ประโยชนข์ องเปลอื กมังคดุ ………………………………………………………………………… 5
5
2. รายละเอยี ดการปฏบิ ัตงิ านในสถานประกอบการ……………………………………………….… 8
2.1 รูปแบบการบริการห้องอาหาร บาร์ และ เลานจ์ ภายในโรงแรม……………………… 9
2.2 บริการทางด้านสขุ ภาพ………………………………………………………………………………. 11
2.3 ส่ิงอำนวยความสะดวกและบรกิ ารภายในโรงแรม (Service & Facilities)….…….. 11
14
3. ทบทวนเอกสาร / และวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง…………………………………………………..…. 14
3.1 ผลิตภัณฑท์ าความสะอาดผวิ ………………………………………………………………………. 15
3.2 การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด –19……………………………………………………………. 16
3.3 วิธกี ารป้องกันการตดิ เชอื้ ไวรสั โควิด – 19……………………………………………………. 19
3.4 ประโยชน์ของการลา้ งมอื …………………………………………………………………………….
3.5 สตู รและขน้ั ตอนการทา สบู่เหลวล้างมือจากธรรมชาติ…………………………………….
3.6 สรรพคณุ ของวัตถดุ ิบที่ใช้ในโครงงาน……………………………………………………………



สารบัญ (ต่อ) 24
4.วิธีการทำสบ่เู หลวล้างมือเปลอื กมงั คุดและคาโมมายล์……………………………………………………….. 24
24
4.1 ส่วนผสมท่ใี ช้ในการทำสบเู่ หลวล้างมือจากเปลือกมงั คุดและดอกคาโมมายล์….….. 25
4.2 วัสดุอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการทำสบเู่ หลวล้างมือจากเปลอื กมังคดุ และดอกคาโมมายล์... 29
4.3 ขั้นตอนและวธิ กี ารทำ……………………………………………………………………………….…. จ
5. สรุป………………………………………………………………………………….……………………………….
บรรณานุกรม……………………………………………………………………………………………………………………….



สารบญั ภาพประกอบ หน้า

ภาพท่ี 5
5
1. ห้องอาหาร Chocolate Boutique…………………………………………………………………………….. 6
2. ห้องอาหาร VOLTI RESTAURANT & BAR………………………………………………………………….. 6
3. ห้องอาหาร SHANG PALACE…………………………………………………………………………………….. 7
4. ห้องอาหาร Next 2 Café…………………………………………………………………………………………... 7
5. หอ้ งอาหาร Salathip……………………………………………………………………………………………….… 8
6. บรกิ ารล่องเรือ Horizon Cruise…………………………………………………………….……………………. 8
7. ชิ ลกั ชูร่ี สปาทรีทเมนท์ (CHI Luxurious Spa Treatments)……………….………………………… 9
8. คลบั สุขภาพ (Healthy Club)……………………………………………………………………………………… 11
9. สระวา่ ยนา้ (Swimming Pool)…………………………………………………………………………………… 16
10. โครงสร้างของสารลดแรงตงึ ผวิ และการกา จัดไขมนั หรอื สง่ิ สกปรก…………………………………. 19
11. ประโยชน์ของการลา้ งมอื …………………………………………………………………………………………….. 20
12. เปลือกมงั คดุ ………………………………………………………………………………………………………………. 21
13. ดอกคาโมมายล์…………………………………………………………………………………………………………… 22
14. น้ำมนั มะพร้าว……………………………………………………………………………………………………………. 23
15. กลเี ซอรนี …………………………………………………………………………………………………………………… 24
16. เกลือ…………………………………………………………………………………………………………………………. 25
17. อุปกรณ์และวตั ถุดิบ………………………………………………………………………………………….…………. 26
18. แสดงรปู มงั คุด…………………………………………………………………………………………………….………. 26
19. เปลอื กมังคุดหั่นเปน็ ช้ินเลก็ ๆ………………………………………………………………………………………… 26
20. เปลือกมงั คุดตากแห้ง…………………………………………………………………………………………………… 27
21. เปลือกมังคุดเข้าตู้อบแลว้ พักทิง้ ไว้ 3 นาที………………………………………………………………………. 27
22. เปลือกมงั คดุ ใสล่ งไปในครกตา ให้ละเอยี ด……………………………………………………………………… 28
23. กรองผงมังคดุ …………………………………………………………………………………………………………….. 28
24. สว่ นผสมทัง้ หมดทใ่ี ส่ลงไป……………………………………………………………………………………………. 28
25. กรองสบเู่ หลว……………………………………………………………………………………………………………..
26. สบ่ใู ส่ภาชนะ………………………………………………………………………………………………………………

1

บทท่ี 1

บทนำ

ในทางเคมี สบู่คือเกลอื ของกรดไขมนั สบู่ในบา้ นเรอื นใช้ชะลา้ ง อาบ และใช้ในการทำความสะอาดบา้ น
โดยสบทู่ ำหนา้ ท่เี ปน็ สารลดแรงตึงผวิ และน้ำมนั อิมลั ซิไฟเออรเ์ พ่ือให้สบไู่ หลไปกบั นำ้ ได้ในอตุ สาหกรรม สบู่ยงั
ใชก้ บั การปั่นผ้า และเป็นสว่ นประกอบสำคญั ของสารหลอ่ ล่นื บางชนิด สบูส่ ำหรบั การชะลา้ งไดม้ าจากน้ำมนั พืช
หรือสัตว์ และไขมนั ที่มคี ่าเบสสงู เช่น โซดาไฟ หรอื โพแทสเซยี มไฮดรอกไซด์ในสารละลายในน้ำ ไขมนั และ
น้ำมันเป็นส่วนประกอบของไตรกลเี ซอไรด์ กล่าวคอื โมเลกุลของกรดไขมนั สามโมเลกลุ ติดกบั โมเลกลุ ของกลเี ซ
อรอลหนึ่งโมเลกุล[3] สารประกอบอัลคาไลน์ท่ีมกั ถูกเรยี กว่า ไล (lye) ชักนำใหเ้ กดิ กระบวนการการเปลี่ยนเปน็
สบู่ (saponification) ในปฏกิ ิรยิ านี้ ไขมนั ไตรกลเี ซอไรด์จะสลายดว้ ยน้ำ (hydrolyze) กลายเป็นกรดไขมนั
อิสระ และกรดไขมันอิสระจะรวมกบั อลั คาไลจนเกดิ เปน็ สบู่หยาบ หรือสว่ นผสมของเกลอื สบู่ ไขมันหรืออลั
คาไลท่เี กินมา น้ำ และกลเี ซอรอลอิสระ (กลีเซอรนี ) ผลพลอยได้คือกลเี ซอรนี สามารถคงอย่ใู นรปู ผลติ ภณั ฑ์สบู่
ทำหน้าทเี่ ปน็ สารที่ทำใหอ้ อ่ นโยน หรอื ถูกแยกออกเพอื่ นำไปใชป้ ระโยชน์อยา่ งอื่น

1.1 ความหมายของสบ่สู มุนไพร

สบสู่ มนุ ไพร คือ สบู่จากกลเี ซอรนี ธรรมชาตมิ ีสว่ นผสมทำมาจากธรรมชาติท้ังส้นิ คือ ทง้ั สมุนไพร ทั้งสบู่
และท้ังกลีเซอรนี ไมม่ สี ารเคมีปนเปือ้ นทำให้ไมม่ สี ารพิษตกคา้ งในร่างกายในระยะยาวและปลอดภยั สบู่
สมุนไพรท่ีเนน้ คณุ ภาพจะใช้นำ้ มันจากพชื เกรดพรีเมีย่ ม ซ่งึ จะมกี ลีเซอรนี เต็มทกุ กอ้ น กลเี ซอรนี ธรรมชาติเม่อื
นำมาผสมกบั สมุนไพรชนดิ ต่าง ๆ ก็จะไดส้ บูส่ มนุ ไพรที่หลากหลายสูตรท่ใี หค้ ณุ ประโยชนส์ ูงซึง่ สามารถเลอื กใช้
ได้ตามความเหมาะสมกบั ผิวของแต่ละคน สบ่สู มุนไพรจากกลเี ซอรีนนอกจากจะทำความสะอาดผิวไดด้ ีแล้ว ยงั
สามารถบำรุงผิวได้ดีอกี ดว้ ย

1.2 ประโยชน์ของสบู่

สบูย่ งั คงใช้เพ่อื ทำความสะอาดรา่ งกาย นำสบู่กอ้ นเล็กๆ มาหลอมใหก้ ลายเปน็ สบู่ก้อนใหมท่ ่ใี หญ่
กวา่ เดมิ ดว้ ยการนำเศษสบไู่ ปต้มกบั น้ำโดนความร้อนจนสบู่กอ้ นเล็กๆ หรือเศษสบู่มีเนือ้ เนยี นเข้ากัน แลว้ เติม
นำ้ มนั มะพร้าวสกัดเยน็ เพ่ิมเข้าไปหลงั จากได้นำ้ สบเู่ นียนๆ คุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวจะทำใหส้ บจู่ บั ตวั กนั ได้
ง่ายขึ้น แลว้ เทสว่ นผสมทีไ่ ด้ใส่ภาชนะท่เี ตรียมไว้ ก่อนจะนำไปแชต่ ู้เย็นและนำออกมาแกะเมื่อส่วนผสมทัง้ หมด
แข็งตวั

2

1.2.1 ทำความสะอาดเล็บ

เป็นเคล็ดลับทด่ี ีสำหรบั การปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ ศษผง เศษดนิ เข้าไปติดภายในเลบ็ โดยก่อนลงมือทำสวน
ปลกู ตน้ ไม้ หรอื ขุดดิน ฯลฯ คุณควรขูดเลบ็ กับกอ้ นสบเู่ พ่ือใหเ้ ศษสบู่เขา้ ไปติดในเลบ็ แทนเศษผง เศษดินต่างๆ ท่ี
จะต้องเข้าไปติดในระหว่างการทำสวน เพราะสบ่จู ะทำหน้าท่ีเป็นตัวกน้ั ไมใ่ หส้ งิ่ สกปรกตา่ งๆ เข้าไปในเล็บได้
เม่อื ทำสวนเสร็จแลว้ ก็ทำความสะอาดมอื และเล็บได้ทันที โดยไม่ตอ้ งกงั วลวา่ จะมีเศษดินตดิ ตามซอกเล็บ

1.2.2 กำจัดกล่ินในรองเท้า

คุณอาจไมเ่ ชือ่ ว่าสบูก่ อ้ นจะมีประโยชน์เรอ่ื งการลดกล่นิ เหม็นจากรองเท้า เพียงนำเศษสบู่ หรอื สบกู่ ้อน
เล็กๆ ใส่เขา้ ไปในรองเท้าท่มี กี ลน่ิ และทง้ิ ไวข้ ้ามคืน รองเท้ากจ็ ะไมม่ กี ลน่ิ เหมน็ อับ

1.2.3 ทำใหเ้ ส้อื ผา้ กลน่ิ หอมสดชื่น

สบกู่ ้อนสามารถชว่ ยดดู ซบั ความชื้นจากต้เู สือ้ ผ้าและล้นิ ชักต่างๆ ได้ เพยี งนำสบูก่ อ้ นหอ่ ใสใ่ นถุงเส้ือผ้า
หรือเศษผ้า จากนั้นนำมันใสไ่ ว้ในเส้ือผ้าของพวกคณุ นอกจากช่วยทำให้เสือ้ ผ้าไมม่ ีกลิน่ เหม็นอบั แลว้ ยงั ชว่ ย
กำจัดแมลงต่างๆ ได้

1.2.4บรรเทาอาการคนั จากแมลงกัดตอ่ ยได้

สบู่หน่ึงก้อนสามารถช่วยบรรเทาอาการคนั จากแมลงกัดต่อยได้อยา่ งรวดเรว็ เพยี งแคน่ ำสบจู่ มุ่ น้ำและ
ถูให้ท่ัวบรเิ วณทแี่ มลงกดั สบู่จะทำหนา้ ที่เปน็ ช้นั บาง ๆ เคลอื บผิวหนงั สว่ นทีโ่ ดนแมลงกดั

1.3 ประเภทของสบู่

1.3.1 สบู่ก้อนขนุ่

เปน็ ผลติ ภณั ฑ์สบู่ทรี่ จู้ ัก และใช้กันมานานจนถึงปจั จบุ นั มีลกั ษณะเปน็ ก้อนแขง็ สีขาวขุ่นหรือมีสีต่างๆ
ตามสีของสารเติมแต่ง เช่น สเี ขยี ว สชี มพู สมี ว่ ง เปน็ ต้น สบ่ชู นดิ นีใ้ ช้สารต้งั ต้น คอื เกล็ดสบู่ (soap)ท่ีผลิตได้
จากปฏกิ ริ ยิ าข้างตน้ เปน็ วตั ถดุ ิบสำคัญในการผลิต ที่ให้คุณสมบตั เิ ป็นก้อนแขง็ ขาวขุน่ ให้ฟองมาก

1.3.2 สบู่กอ้ นใส

เป็นผลิตภัณฑ์สบู่ที่มีลักษณะก้อนใสหรือค่อนข้างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรีนที่ผสม ก้อนสบู่จะมี
ลักษณะอ่อนกว่าสบู่ก้อนขุ่นและสามารถทำให้เกิดสีใสต่างๆตามสารให้สีที่เติมผสม สบู่ชนิดนี้จะให้ฟอง
ค่อนขา้ งนอ้ ยกว่าสบู่ก้อนขนุ่ เนอื่ งจากมีส่วนผสมของกลีเซอรนี เป็นส่วนใหญ่ สารตงั้ ต้นท่ีใช้อาจเป็นกลีเซอรีน
เหลวหรือกลเี ซอรีนก้อน (กลเี ซอรนี เหลว+เอทิลแอลกอฮอล์)ร่วมด้วยกบั สารเติมแตง่ ชนดิ ตา่ งๆ

3

1.3.3.สบูเ่ หลว

เปน็ ผลติ ภัณฑ์สบู่ท่ีมีนำ้ เปน็ ส่วนผสมทำให้เน้ือสบเู่ หลว สีสสี ันต่างๆตามสารเติมแต่ง สบู่ชนิดนี้ใช้สาร
ตั้งต้นจากเกล็ดสบู่(soap)ที่ได้จากปฏิกิริยาข้างต้นเหมือนชนิดสบู่ก้อนขุ่น แต่ต่างกันที่จะใช้ด่างเข้มข้น
โพแทสเซยี มไฮดรอกไซดแ์ ทนโซเดียมไฮดรอกไซด์เพราะจะใหเ้ นือ้ สบู่ออ่ นตัวดีกว่า

1.4 ประโยชนข์ องเปลอื กมงั คดุ

เป็นที่ทราบกนั ดีในสมยั โบราณว่า “มังคดุ ” เปน็ หนง่ึ ในภูมปิ ญั ญาพนื้ บา้ นและการแพทยแ์ ผนโบราณใน
หลายประเทศของเอเชีย ก่อนจะเริม่ รูจ้ ักไปทัว่ โลกในสมัยของราชินีวิคตอเรียในศตวรรษที่ 18 และได้รับการ
พิสูจน์ถึงสรรพคุณทางการแพทย์ของมงั คุดที่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเล่ากันปากต่อปากของคนโบราณเท่านั้น แต่
มังคุดเปน็ ผลไม้ทม่ี ีสารอาหารท่ีจำเป็นต่อการเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย และส่วนต่างๆ แถมยังสามารถใช้รักษา
โรคอีกด้วย และนี่ก็คือสรรพคุณของมงั คุดในการบำรุงผิวพรรณ สุขภาพ และรักษาโรคต่างๆ ที่ กอบุญเฮิรบ์
(Korboon Herbs)

1.4.1 สารตา้ นอนุมลู อิสระ

จากการวจิ ัยทางวิทยาศาสตร์ พบว่ามงั คุดมีสารประกอบโพลฟี ีนอล (Pholyphenols) ท่ีเกิดข้นึ ตาม
ธรรมชาตซิ ึ่งเรยี กว่า แซนโทน (Xanthone) แซนโทนในมงั คดุ มีอยสู่ องชนดิ คือ ชนดิ แกมมาและอลั ฟา่ ซงึ่
สรรพคุณของสารแซนโทนในเปลือกมนั คดุ น้ีมีอยู่หลายประการ ต้ังแตร่ ักษาอาการอกั เสบ รกั ษาโรคหัวใจและ
หลอดเลือดต่างๆ ไม่เพยี งเทา่ นน้ั สารต้านอนมุ ูลอิสระเหล่านี้ ยงั มีคณุ สมบัตใิ นการเยียวยารกั ษาเซลลท์ ี่ไดร้ บั
ความเสียหายจากอนมุ ลู อิสระ ชะลอการเกิดรว้ิ รอย และปอ้ งกนั อาการเส่ือมโทรมท้ังทางดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ

1.4.2 ตา้ นอาการอกั เสบ

มังคุดมีคุณสมบัติต่อต้านอาการอักเสบ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องทุกข์ทรมานจาก
อาการปวดสะโพก ซ่ึงไม่สามารถควบคุมหรอื รักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ การบริโภคมังคุดสองถึงสามคร้ัง
ต่อวนั จะชว่ ยบรรเทาอาการปวดได้ ด้วยสรรพคณุ ต้านการอักเสบของ Cox-2 inhibitor (คอก-ทู อินฮิบิเตอร์
เปน็ สารตา้ นอาการอักเสบชนดิ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) ท่ีมอี ยู่ในมังคดุ

1.4.3 ซอ่ มแซมเซลล์

สารแซนโทน (Xanthone) ท่ีมีอยูใ่ นเปลือกมังคุดมคี ่าสงู สดุ เมอ่ื เทยี บกับผลไมอ้ น่ื ๆ ทีพ่ บว่ามีแซนโทน
เช่นเดยี วกนั ซ่ึงสารแซนโทนน้สี ามารถรกั ษาโรคผิวหนงั และยังชว่ ยซ่อมแซมเซลลท์ ่ีเสยี หายในรา่ งกายอกี ด้วย

4

1.4.4 “Anti-Aging” หรอื การชะลอวยั
อาการสงู อายุเกดิ จากการเกิดปฏกิ ิรยิ าออกซเิ ดชนั (Oxidation)ซง่ึ เปลอื กมงั คดุ อดุ มไปดว้ ยสารที่
สามารถยับยัง้ หรือชะลอการเกิดปฏกิ ริ ิยาออกซิเดชนั (Oxidation) ที่เป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ (Free
Radical) ดังนั้นเราจึงนำสารสกัดจากเปลอื กมังคตุ มาผสมในเจลอาบน้ำเพอ่ื เปน็ Anti-Aging product
1.4.5 ฆา่ เช้ือไวรัส
แซนโทน (Xanthone) ทมี่ ีอยู่ในเปลือกมงั คุดมีความสามารถตามธรรมชาติในการโจมตีเชื้อราและเช้ือ
ไวรสั นอกจากน้ยี ังมีสรรพคุณในการกำจดั สารกอ่ มะเร็งบางชนิดบนผิวหนังได้อีกดว้ ย

5

บทที่ 2
รายละเอยี ดการปฏบิ ัตงิ านในสถานประกอบการ
2.1 รปู แบบการบรกิ ารห้องอาหาร บาร์ และ เลานจ์ ภายในโรงแรม
2.1.1 ห้องอาหาร Chocolate B

รปู ท่ี 1 หอ้ งอาหาร Chocolate Boutique
ท่มี า : http://www.shangri-la.com

เป็นห้องอาหารที่เนน้ นำเสนอเกยี่ วกบชอ็ กโกแลตชนิดตา่ งๆไวค้ อยบรกิ ารให้ลูกค้าท่ีมาเข้า พักไดเ้ ลือก
ทานตามความชอบ มีต้งั แต่ ดารก์ ช็อกโกแลต ไปจนถึงมิลค์ชอ็ กโกแลต ทง้ั นย้ี งั มเี ครื่องดืม่ ทสี่ ร้างสรรค์จากการ
นำช็อกโกแลตมาทาไปจนถงึ ขนมเคก้ เวลาเปิดและปิดของหอ้ งจัด เลีย้ งช็อกโกแลตเริม่ ให้บรกิ ารตง้ั แต่ เวลา
8:00 น. ถงึ 23:00 น. ห้องจัดเลีย้ งช็อกโกแลต จะอยใู่ น บริเวณ ชน้ั ล็อบบ้ี ของอาคาร แชงกรี–ลา วิง

2.1.2 ห้องอาหาร Volti Restaurant & Bar

รปู ที่ 2 หอ้ งอาหาร VOLTI RESTAURANT & BAR
ท่มี า :https://www.shangri-la.com

6
ห้องอาหารวอลติ แอนด์ บาร์ (VOLTI RESTAURANT & BAR) เป็นห้องอาหารสัญชาติอิตาลี มี
ลักษณะเป็นห้องอาหารที่มีการเปิดโล่ง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้อยางเต็มที่ผู้เข้าพักจะถูกนำเสนอ
เมนูอาหารโดยหัวหน้าเชฟที่มีความชำนาญห้องอาหารนีจ้ ะมีทั้งอาหารคาว และอาหารหวานห้องอาหารวอล
ติอยภู ายในบรเิ วณชน้ั ลอ็ บบีอ้ าคารแชงกรี –ลาวิง เวลาเปิด และปดิ ของห้องอาหารวอลติ เร่ิมให้บริการต้ังแต่
เวลา 18:00 น. ถงึ 22:30 น.
2.1.3 หอ้ งอาหาร SHANG PALACE

รูปที่ 3 ห้องอาหาร SHANG PALACE
ทม่ี า : https://www.shangri-la.com
ห้องอาหารแชงพาเลท ( Shang Palace ) ต้ังอยทู ่บี รเิ วณ ชนั้ 3 อาคารแชงกรี -ลา วงิ เป็นหอ้ งอาหาร
สญั ชาตจิ ีน ทุกเมนจู ะถูกรงั สรรคข์ ้นึ มาโดยหวั หน้าเชฟจากเมืองจนี ท่มี ีฝีมอื เวลาเปิด และปดิ ชว่ งกลางวัน (วัน
พุธ-วันอาทติ ย)์ ตั้งแต่เวลา 11:30น.ถึง14: 00น. ช่วงเย็น วันจันทร์และ วันอังคารจะเปิ ดให้บริการ เวลา 18
:00 น.ถึง เวลา 22 : 30 น.
2.1.4 ห้องอาหาร Next 2 Café

รปู ที่ 4 หอ้ งอาหาร Next 2 Café
ท่มี า :https://www.shangri-la.com

7
หอ้ งอาหาร Next 2 Café เป็ นหอ้ งอาหารทม่ี อี าหารนานาชาติไว้ใหบ้ ริการลูกค้าสามารถ มองเหน็ ววิ
แมน่ ถา้ รบั ลมธรรมชาติ เพราะเป็นโซนที่อยตู ิดกับแม่น้ำเจา้ พระยา เวลา เปิด และ ปดิ ของ ห้องอาหารเปิด
ทกุ วนั ตงั้ แต่06 : 00 น. ถึง เทีย่ งคนื
2.1.5 ห้องอาหาร Salathip

รปู ที่ 5 หอ้ งอาหารSalathip
ทมี่ า : https://www.shangri-la.com
หอ้ งอาหารSalathip เปน็ หอ้ งอาหารเรือนไทยที่เป็นเอกลักษณ์ท่ีโดดเด่นและชัดเจนมี บริการอาหาร
ไทยประจำภาคต่างๆ ท้ัง 4 ภาค และยังมกี ารแสดงรำไทยในแต่ละภาคเพ่อื เพิม่ อรรถรส และความเพลิดเพลิน
ในระหว่างการทานอาหารเวลาเปิด และ ปิด เปิดใหบ้ ริการทกุ วนั ตงั้ แต่ 18:00 น.ถึง 22 :30 น.
2.1.6 บรกิ ารลอ่ งเรือ Horizon Cruise

รปู ท่ี 6 บริการลอ่ งเรือ Horizon Cruise
ทมี่ า :https://www.shangri-la.com
บรกิ ารล่องเรือ Horizon Cruise ชมทศั นยี ภาพตลอดแนวแม่น้ำเจา้ พระยาด่ืมด่ำบรรยากาศแสงสียาม
ค่ำคืน และสามารถมองเห็นสถานที่สำคัญๆของกรุงเทพฯ เช่น ห้างสรรพสินค้าไอคอน สยาม
พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณฯ เป็นต้น โดยเรือจะจอดรอรอบผู้โดยสารที่ บริเวณโซน ห้องอาหาร Next 2
เริม่ ต้นออกจาก โรงแรม เวลาประมาณ 19:00 น. ไปจนถึงบริเวณ สะพาน พระราม 8 และจะวนกลบั มาจอดท่ี

8
ท่าของโรงแรม เวลาประมาน 21: 30 น. มีบริการอาหารท่ีเป็น บุฟเฟต์ ไว้ให้ลูกค้าที่ทำการจอง ได้เลือกทาน
ตามอธั ยาศัย มีบริการ Wellcome Drink ไวต้ ้อนรับ
2.2 บรกิ ารทางดา้ นสขุ ภาพ

2.2.1 ชิ ลักชรู ่ี สปาทรที เมนท์ (CHI Luxurious Spa Treatments)

รูปท่ี 7 ชิ ลกั ชูร่ี สปาทรที เมนท์ (CHI Luxurious Spa Treatments)
ทมี่ า : https://www.shangri-la.com

เป็นการให้บริการ สปา สุดหรู ท่ีจะทา ให้ลกู ค้าท่ีเขา้ มาใช้บรกิ าร ไดร้ ับความผ่อนคลายจากการทา
สปาทรีทเมนท์อย่างท่ีสุด

2.2.2 คลับสุขภาพ (Healty Club)

รปู ที่ 8 คลบั สขุ ภาพ (Healthy Club)
ท่ีมา : https://www.shangri-la.com
เป็นศนู ยอ์ อกกำลงั กายทมี่ พี ืน้ ที่ถึง 10,000 ตารางเมตร มีตัวเลอื กกีฬา และการออกกำลังกายใน
รูปแบบตา่ งๆ ใหก้ ับลูกค้าทตี่ ้องการดูแลสุขภาพรา่ งกายของตนเองมากกว่า 40 ประเภทด้วยกัน

9

2.2.3 สระว่ายนา้ (Swimming Pool)

รูปท่ี 9 สระวา่ ยนา้ (Swimming Pool)
ทม่ี า : https://www.shangri-la.com
มไี ว้บรกิ ารสาหรับลกู คา้ ที่ต้องการจะพาลูกหลานทมี่ าพักดว้ ย มาวา่ ยนา้ เล่นทส่ี ระว่ายน้าของโรงแรม
โดยมีเจ้าหน้าที่ Life Gard คอยสอดส่องดูแล เฝ้าระวังอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เพือ่ เข้าช่วยเหลือได้อยา่ งทนั ท่วงที
2.3 สิ่งอานวยความสะดวกและบริการภายในโรงแรม (Service & Facilities)
2.3.1 สิง่ อานวยความสะดวก
- คลินกิ
- หอ้ งประชุม
- สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พกิ าร
- ร้านทำผม / ความงาม
- หอ้ งปลอดบุหร่ี
- ท่จี อดรถ
- ตู้เซฟ
- ลานจอดเฮลคิ อปเตอร์
2.3.2 การบริการ
- บริการขัดรองเท้า
- บรกิ ารซักรดี และรบั จอดรถ

10

2.3.4 ทอ่ งเท่ยี วและขนส่ง
- รบั สง่ สนามบิน
- บริการรถเช่า
- บรกิ ารแทก็ ซี่และลีมซู นี
- ฟรบี ริการเรือรับสง่ ไปยงั ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM (รายชว่ั โมง)

11

บทที่ 3
ทบทวนเอกสาร/และวรรณกรรมทเ่ี กย่ี วข้อง

3.1 ผลติ ภณั ฑ์ทำความสะอาดผวิ

รูปท่ี 10 โครงสรา้ งของสารลดแรงตงึ ผิว และการกา จดั ไขมนั หรอื ส่ิงสกปรก

ท่ีมา : https://pharmacy.mahidol.ac.th/

ดร. ดวงดาว ฉันทศาสตร์(2562)ผลิตภัณฑ์ทา ความสะอาด (Cleansers) ในทางเครอ่ื งสาอางผลิตขึ้น
เพ่อื จุดประสงค์สา หรบั ทา ความสะอาดผิวหนงั และเสน้ ผม ได้แก่ แชมพู (shampoo)สบูเ่ หลว(liquid soap)
ครีมอาบนา้ (Shower gel) มอี งคป์ ระกอบในตา รับท่สี ำคัญท่ีสดุ คือ สารลดแรงตึงผิว(Surfactants) โมเลกุล
ของสารลดแรงตึงผิว ประกอบด้วยสองส่วน คือ ส่วนที่ชอบน้ำ (hydrophilicgroup) และส่วนที่ไม่ชอบน้ำ
(hydrophobic group) สว่ นที่ไม่ชอบน้ำ มักจะเป็นสายไฮโดรคารบ์ อนเปน็ ส่วนใหญ่ลกั ษณะสำคญั ของสารลด
แรงตึงผิวคือ เมื่อใส่สารลดแรงตึงผิวลงในน้า สารลดแรงตึงผิวจะไปลดแรงตึงผิวของน้า จะทา ให้เกิด
กระบวนการตา่ งๆ เช่น การเกดิ ฟอง การทา ใหเ้ ปี ยก และกระบวนการทา ความสะอาด เปน็ ต้น โดยสว่ นท่ีไม่
ชอบน้ำ จะเกาะติดกับไขมัน หรือสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวหนังหรือเส้นผม ส่วนที่ชอบน้ำ จะหันไปสัมผัสกับ
โมเลกุลของน้ำ ซึ่งสารลดแรงตึงผิวจะเกาะกันจำนวนมาก เกิดเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ละลายตัวในน้ำ ได้
เรียกว่า ไมเซลล์ (Micelle)

3.1.1 สารลดแรงตึงผวิ แบ่งเปน็ ตามลักษณะ หรือ ประจขุ องสว่ นทช่ี อบนำ้ (Hydrophilic group)

เปน็ 4 ประเภทดังนี้

1. สารลดแรงตึงผิวท่ีมปี ระจุลบ (Anionic Surfactant) ได้แก่สารในกลุ่ม Fatty acid soap
หรือที่เรียกว่า สบู่ ซึ่งเกิดจากกรดไขมันทำปฏิกิริยากับด่าง เช่น Potassium laurateและ Potassium

12

Myristateเปน็ ต้น และยงั มีสารในกลุ่ม Alkyl Sulphate เชน่ Sodium lauryl sulfate (SLS) ซ่งึ มสี ูตรโมเลกลุ
คอื

CH3(CH2)11 SO4-Na+ มอี า นาจในการชะลา้ งทีด่ ี แตก่ ารใชใ้ นความเขม้ ขน้ สูง อาจกำจัดไขมนั ในผวิ หนงั มาก
เกนิ ไป ทำใหผ้ วิ แหง้ และสารในกล่มุ Alkyl ethersulfate เชน่ sodium laurethsulphate SLES) ซง่ึ มโี มเลกลุ

2. สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุบวก ( cationic Surfactant) ได้แก่ Certyltrimethyl
ammonium bromide ซง่ึ มโี มเลกุล คือ สารลดแรงตึงผวิ ท่มี ีประจุบวกมักพบในผลิตภัณฑ์ ยาสีฟัน และครีม
นวดผม นอกจากนี้สารลดแรงตึงผิวประจุบวกยังมีการนาไปใช้ทาความสะอาดแผลเปิด แปลไฟไหม้ ได้แก่
benzalkonium chloride solution เข้มข้น 0.1 % - 1 % และ certrimide solution เข้มข้น 0.5% - 2%
ใช้เป็นสารกันเสียในผลิตภัณฑ์ยารักษาดวงตา อย่างไรก็ตามสารลดแรงตึงผิวกลุ่มนี้มักใช้เป็นสารต้านการ
เจรญิ เติบโตของเชอ้ื จุลนิ ทรีย์มากกวา่ ใชเ้ ปน็ สารลดแรงตงึ ผวิ ในตำรบั เครอ่ื งสำอาง

3. สาร ลดแร ง ตึง ผิว ที่ไ ม่มีประจุ ( nonionic surfactant) ไ ด้แก ่สาร ชาร ะ ล้าง
polyoxyethylene fatty alcohol แ ล ะ polyoxyethylene sorbitol ester ไ ด ้ แ ก ่ polysorbate
20polysorbate 80 เปน็ ตน้ สารลดแรงตึงผิวท่ไี มม่ ีประจุนี้มักจะนาไปผสมในสบเู่ หลวล้างหนา้ นอกจากนีย้ งั มี
สารในกลุ่ม alkyl glucoside ได้แก่ decylglucoside, lauryl glucoside แมว้ ่าเป็นสารลดแรงตึงผิวที่อ่อนให้
ฟองนอ้ ยแตข่ อ้ ดีคือ สารกลุ่มนม้ี ีความเป็นพษิ มีอำนาจในการชำระล้างสูงให้ความอ่อนโยนต่อผิวหนังและเส้น
ผม ดงั นัน้ สารในกล่มุ น้จี ึงนยิ มใชร้ ว่ มกับสารชาระล้างอ่นื ๆ เพื่อช่วยเพมิ่ อำนาจในการทาความสะอาด และสาร
ลดแรงตงึ ผวิ ทีไ่ มม่ ีประจยุ ังนยิ มใช้ในการเพิ่มการละลายของสารอ่ืนๆ ในตา รับ ไดแ้ กน่ ำ้ หอมอยา่ งไรก็ตามสาร
ลดแรงตงึ ผิวกลมุ่ ท่ีไมม่ ีประจุนม้ี รี าคาแพงมากท่สี ุดเมื่อเปรียบเทียบกับสารลดแรงตึงผวิ กลุม่ อน่ื ๆ

4. สารลดแรงตึงผิวที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ (Amphoteric surfactant)แม้ว่าสารลด
แรงตงึ ผวิ ในผลิตภัณฑท์ าความสะอาดจะชว่ ยกาจัดไขมันและส่ิงสกปรกทไี่ ม่ต้องการจากผวิ หนังและเส้นผม แต่
ปัญหาท่ีพบคอื สารลดแรงตึงผวิ ในผลิตภณั ฑ์ยังมีผลกาจัดสารให้ความชมุ่ ช้ืน โปรตีน ไขมัน ที่เป็นองค์ประกอบ
สำคัญของผิวหนัง ตลอดจนเปลี่ยนแปลงการจัดเรียงตัวของไขมันและรบกวนการทา งานของเอนไซม์ท่ีมีใน
ผวิ หนัง ทา ให้ผิวหนงั แห้ง และ อาจทาให้เกิดการอกั เสบไดอ้ ีกด้วย ท้ังนี้ความแรงของสารลดแรงตึงผิวในการ
ทา ความสะอาดผิวหนังหรือเสน้ ผม ขึน้ อยชู่ นิดของสารลดแรงตงึ ผิวในตา รับ โดยท่ัวไปความแรงในการกาจัด
ไขมนั ออกจากผิวเรยี งจากมากไปน้อย คอื สารลดแรงตึงผิวทมี่ ีประจุลบ มากกว่าสารลดแรงตึงผิวท่ีมีทั้งประจุ
บวกและประจุลบ มากกว่า สารลดแรงตงึ ผวิ ทไ่ี ม่มีประจอุ ยา่ งไรก็ตาม SLS เปน็ สารทาความสะอาดทก่ี ่อให้เกิด
อาการระคายเคืองผิวหนังได้มากที่สุดตัวหนึ่ง ซึ่งมักพบได้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสาอางหลายชนิด เนื่องจาก
คณุ สมบตั ิในการเกิดฟองได้ดี สารตัวน้ถี กู นามาใช้เป็ นสารมาตรฐานในการทดสอบระดับการระคายเคืองของ
ผิวหนัง(positive control) โดยใช้ที่ความเข้มข้น 2 - 5% ในการศึกษาการระคายเคืองทางผิวหนัง และ
สามารถก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ในคนกลุ่มใหญ่ SLES มีโครงสร้างคล้าย SLS ต่างกันท่ี SLES มี

13

โครงสร้างที่เป็น ether แทรกในส่วนโครงสร้างที่ไม่ชอบน้า ทา ให้สมบัติของ SLES ต่างจาก SLS อย่างมาก
โดย SLES ได้รบั การพจิ ารณาว่ามีความอ่อนโยนเม่ือเทียบกบั SLS จงึ นิยมใช้เปน็ ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่อง
สา อางทา ความสะอาดผวิ หนังและเสน้ ผม SLES เป็นสารทา ความสะอาดท่ีอ่อนโยนกวา่ SLS เนื่องจากเปน็
สารประกอบที่เกิดจากไขมันแอลกอฮอล์หลาย ๆ ชนิดในการตั้งตา รับผลิตภัณฑ์ทา ความสะอาดสาหรับ
ผิวหนังและเส้นผมนิยมใช้สารลดลงแรงตึงผิวหลายชนิดร่วมกัน เช่น การใช้สารลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ
รว่ มกบั สารลดแรงตึงผวิ ที่มที ้งั ประจุบวกและประจุลบ หรือ สารลดแรงตงึ ผิวชนิดประจุลบ รว่ มกับสารลดแรง
ตึงผิวที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ และสารลดแรงตึงผิวที่ไม่มีประจุ เพื่อทา ให้ตา รับมีความอ่อนโยนต่อ
ผวิ หนังและเส้นผมซึ่งการที่ใชส้ ารลดแรงตึงผิวหลายกลุม่ ร่วมกนั โมเลกุลของสารลดแรงตึงผวิ จะเรยี งตัวเป็นไม
เซลล์ ท่มี ีขนาดอนุภาคใหญ่ ส่งผลให้อา นาจในการกา จัดไขมนั ออกจากผิวลดลงในการตัง้ ตา รบั ผลิตภัณฑ์ทา
ความสะอาดผวิ หนังและเสน้ ผม องคป์ ระกอบหลักที่มใี นตารบั คือ สารลดแรงตึงผวิ (15-30%) สารเพิม่ ฟอง (1-
4%) สารเพิ่มความหนืด (0-5%) สารกนั เสีย(0.1-1%) สารเพม่ิ ความชุ่มชื้น (1-5%) สาร คีเลต (0-0.02%) และ
สารปรับความเป็นกรดด่างให้ได้ pH 5.5 -6 โดยสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ผสมกัน จะมีตัวหนึ่งทา หน้าที่เป็ นสา
รลดแรงตึงผิวหลัก(principle surfactant) มีหน้าที่สาคัญในการทาความสะอาด และสารลดแรงตึงผิวเสริม
(auxillary surfactant หรือ secondary surfactant) มหี นา้ ท่ีในการลดการระคายเคอื งต่อผวิ หนงั และเส้นผม
ของสารลดแรงตงึ ผิวหลกั ช่วยเพม่ิ ความคงตัวให้กับฟอง และทา ให้ฟองทเี่ กิดขึ้นมีลักษณะแนน่ รวมถึงลดจุด
ด้อยของสารลดแรงตึงผิวหลักตัวอย่างสารที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ทา ความสะอาดผิวหนังและเส้นผมที่พบใน
ท้องตลาดคอื

1. ส า ร ล ด แ ร ง ต ึ ง ผ ิว ห ล ัก ไ ด ้ แ ก ่ SLES, ammonium lauryl sulfate, α-olefin sulfosuccinate
2. สารลดแรงตงึ ผิวเสรมิ ได้แก่ cocamidopropylbetaine, disodium oleamidosulfocuccinate,

Decylglucoside

3. การเพ่ิมฟอง sodium cocaminopropionate, coconut

4. สารเพิม่ ความหนืด ได้แก่sodium chloride, PEG 600 distearate

5. สารปรับสภาพผิว ไดแ้ ก่ สารกล่มุ ซิลิโคน, พอลิเมอรป์ ระจุบวก และสารจาพวกไขมนั

นา้ มนั glycerin

6. สารกนั เสีย parabens (methyl paraben, ethyl paraben, propyl paraben)

สำหรับผลิตภัณฑ์สาหรับเด็ก และ สาหรับผิวแพ้ง่าย อาจต้องหลีกเลี่ยงสารลดแรงตึงผิวหลัก ได้แก่
SLES และ SLS ในผลิตภณั ฑท์ า ความสะอาดผวิ หนงั และเสน้ ผม โดยแนะนำ ใหใ้ ช้สารลดแรงตงึ ผวิ ในกลุม่ มีทั้ง
ประจุบวกและประจุลบ เช่น sodium lauroamphoacetateซ่ึงสารน้ีเป็นต้นกำเนิดของผลติ ภณั ฑ์ศีรษะจรด
เท้า (head to tole) และไม่ระคายเคืองต่อดวงตาสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม นอกจากนี้ยังมีสารลด

14

แรงตงึ ผวิ ในกลมุ่ ทไี่ มม่ ีประจุ เช่น กลุ่มที่ทำมาจากน้ำตาล ได้แก่ decylglucoside, lauryl glucosideแต่ต้อง
ยอมรับว่า กลุ่มที่มีทั้งประจุบวกและประจลุ บ และกลุ่มไม่มีประจุ ประสิทธิภาพการทำ ความสะอาดต่ำ กว่า
SLES และราคาแพงกว่ามากโดยเฉพาะกลุม่ ท่ไี มม่ ีประจุท่ที ำมาจากน้ำตาล

3.2 การแพร่ระบาดของไวรสั โควิด –19

กรมควบคุมโรค (2562) ไวรัสโควิด – 19 หรือ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เริ่มต้นในเดือนธันวาคม
พ.ศ.2562 โดยพบครั้งแรกใน นครอู่ฮั่น เมืองหลวงของ มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน องค์การอนามัยโลกได้
ประกาศให้การระบาดนเ้ี ป็นภาวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในวันที่ 30มกราคม พ.ศ.2563 และ
ประกาศให้เป็ น การระบาดของโรคติดเชื้อที่แพร่กระจายในประชากรมนุษย์ในบริเวณกว้าง ในวันที่ 11
มนี าคม พ.ศ.2563 และเม่อื วันท่ี 1 กรกฎาคมพ.ศ. 2563 ตามเวลามาตรฐาน 02.18 น. มกี ารยนื ยันแล้วว่า พบ
ผู้ติดเชื้อมากกว่า 10,585,152 คนใน 210 ประเทศลามถึงประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดน้ีแล้ว
มากกว่า 513,913 คน และมีผู้ที่รักษาหายแล้วมากกว่า5,795,009 คน ไวรัสมีการแพร่เชื้อระหว่างคนใน
ลักษณะเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่ โดยตดิ เช้อื ผ่านจากละอองเสมหะ จะการไอ หรอื จาม ระยะเวลาระหว่างการ
ฟักตัวของโรค 2 – 14 วัน โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มมีอาการที่ 5 วัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ มีไข้ ไอ และหายใจ
ลำบาก มภี าวะแทรกซอ้ นอาจจะรวมไปถงึ มีอาการปอดบวม และหายใจลา บากเฉียบพลัน โดยทป่ี จั จุบันยังไม่
มวี คั ซนี ที่ได้รับอนุญาต หรือกลุม่ ยาต้านไวรัสชนดิ นี้โดยเฉพาะ แต่องคก์ รอนามัยโลกกา ลงั ทา การวิจัยในการ
ผลิตวัคซีน เพื่อที่จะมารักษาคนที่ตดิ เชื้อไวรสั ตัวนี้การรักษาจึงพยายามพุ่งเป้าไปท่ีการจัดการกับอาหารและ
การรักษาแบบประคับประคอง ให้ยารักษาตามอาการ มีการออกมาตรการป้องกันมาแนะนารณรงค์ให้
ประชาชน ได้ปฏิบัติ คือ การล้างมือ การอยู่ห่างจากบุคคลอื่น การไม่อยู่ในทีแ่ ออัด(โดยเฉพาะคนท่ีป่วย) ทา
การติดตามอาการ และกักตัวเป็นเวลา 14วัน สาธารณสุขทั่วโลกได้มีการเฝ้าระวัง และมีมาตรการป้ องกัน
ต่างๆ โดยประกอบด้วย การจา กัดการทอ่ งเทยี่ ว การกักดา่ น การยกเลิกการจดั งานเล้ยี งสงั สรรค์ และการปิด
สถานศึกษา การคดั กรองตามท่าอากาศยาน และสถานีรถไฟ นอกจากนเ้ี ชื้อไวรสั โคโรน่า หรือ โควิด – 19 ยัง
กอ่ ใหเ้ กิดอบุ ตั ิการณ์ ทางดา้ นความไม่มัน่ คงทางเศรษฐกจิ อาการกลวั คนแปลกหน้า รวมไปจนถงึ การเหยียดเชอื้
ชาติ และการแพร่กระจายข้อมูลแบบผดิ ๆ

3.3 วิธีการป้องกันการติดเชือ้ ไวรัส โควิด – 19

กระทรวงสาธารณสุข (2563) คา แนะนา ในการป้องกนั ได้แก่ การรักษาสุขอนามยั ทีด่ ี เช่นการล้าง
มือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัส ดวงตา ใบหน้า โดยที่ยังไม่ล้างมือ การไอ หรือจามใส่กระดาษชำระ แล้วโยน
กระดาษชำระนัน้ ลงถังขยะโดยตรง และสาหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้วให้สวมใส่หนา้ กากอนามัยในที่สาธารณะ และ
เวน้ ระยะห่างจากบคุ ลคลอ่ืน รฐั บาลหลายแห่งแนะนา ให้หลกี เลี่ยงการเดินทางท่ีไม่จา เป็น ที่จะไปยังประเทศ
หรือพ้นื ทีม่ กี ารระบาดของโรคออกไปกอ่ น ความเขา้ ใจผดิ

15

เกย่ี วกับการป้ องกนั เชื้อต่างๆนั้นกา ลังถูกแพรไ่ ป เชน่ การล้างจมูก การกนิ กระเทยี ม การบ้วนปากดว้ ยนา้ ยา
ทา ความสะอาดช่องปาก ทั้งหมดนี้ ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้ องกันไวรัสแต่อย่างใดการจัดการกับการ
ระบาดของเชื้อไวรัส Covid – 19 มีกลยุทธ์พื้นฐานสองข้อในการควบคุมการระบาด คือ การยับย้ัง
containment และการบรรเทา (mitigation) การยับยง้ั จะทา ในระยะแรกของการระบาด มีเป้ าหมายในการ
ตดิ ตาม และ แยกผตู้ ิดเชือ้ ออก เพือ่ หยุดไม่ใหม้ กี ารแพร่กระจายของโรคไปยังประชากรส่วนที่เหลือ แต่เม่ือไม่
สามารถยับยั้งได้ จะมีการเปลี่ยนไปเป็นการบรรเทาแทนโดยมาตรการทัง้ การยับยั้งและการบรรเทาจะถกู นา
มาใช้ควบคกู่ ัน

3.4 ประโยชน์ของการล้างมือ

กระทรวงสาธารณสุข(2562) มือสะอาดอาหารปลอดภัย ห่างไกลโรคตามนโยบายกระทรวงที่มุ่ง
สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนได้บริโภคอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และมปี ระโยชน์ ปจั จยั ท่ีสำคัญอกี อยา่ งหน่งึ คือ การ
ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดกอ่ นเริม่ ตน้ รับประทานอาหาร และใชช้ ้อนกลางดว้ ยก็จะเปน็ การลดการปนเปื้ อนของเชอ้ื โรค
ที่จะเข้าสู่ร่างกาย นาย คารณ ไชยศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด มหาสารคามกล่าวว่า การล้างมือให้
สะอาดเป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะประชาชนภาคอีสานที่นิยมบริโภคข้าว
เหนียวจึงจาเป็นที่จะต้องใช้มือหยิบจับอาหารเข้าปากดังนั้นการล้างมือให้ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่จา เป็นอย่างมาก
ด้านนายแพทยส์ าธารณสุขยา้ การล้างมอื จะต้องทา จนเป็นนสิ ัย และปลูกฝังให้ลกู หลานปฏบิ ตั ิอยา่ งสม่า เสมอ
ล้างมอื กอ่ นท่ีจะรบั ประทานอาหารทุกครั้ง และทส่ี าคญั ทส่ี ุดคอื การล้างมือหลังการขับถา่ ยจาเป็นท่ีจะต้องล้าง
เป็นประจาหลังการทาการขับถ่ายเรียบร้อยแล้ว เพื่อความปลอดภัยควรล้างมือให้ถูกต้องตามขั้นตอนท่ี
กระทรวงได้กำหนดไว้ให้ จึงจะทำให้มือของทุกคนมีความสะอาด และป้องกันเชื้อโรคทีจ่ ะเข้าสู่ร่างกายได้ใน
ระดับหนึ่ง และการใช้ช้อนกลางก็ช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคติดต่อจากเชื้อไวรัส เชื่อแบคทีเรีย และ
โรคติดต่อต่างๆในการทา ความสะอาดฝ่ามือ แต่ละขั้นตอนควรทำอย่างน้อย 5 ครั้ง และให้ทา ทั้งสองข้าง
สลบั กันซ้าย ขวา ขนั้ ตอน การลา้ งมอื ท้งั หมด 7 ขัน้ ตอน ได้แก่

1. นำมือให้ไปสัมผัสกบั นำ้ สะอาด จากนัน้ ให้กดสบู่เหลว หรอื ใช้สบูก่ ้อนถูฝา่ มือเข้าด้วยกัน จนเกดิ
เป็นฟองสบู่

2. ใช้ฝ่ามอื ถหู ลงั มือ และนิว้ ถูซอกเล็บ

3. ใชฝ้ ่ามอื ถูนว้ิ และนิว้ ถูกบั ซอกนวิ้

4. ใช้หลังนิว้ ถฝู ่ามอื

5. ถูนว้ิ หัวแมม่ อื โดยรอบด้วยฝ่ามือ

16

6. ใช้ปลายน้ิวถขู วางฝา่ มอื
7. ถูรอบๆขอ้ มอื

รูปภาพท่ี 11 ประโยชนข์ องการล้างมอื
ทมี่ า : https://www.nestle.co.th/
3.5 สตู รและขนั้ ตอนการทำสบเู่ หลวล้างมอื จากธรรมชาติ
3.5.1 อา้ งองิ สูตรสบ่บู ำรุงผิว ขมนิ้ – มะขาม จาก ศนู ย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงอำเภอปาย
จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน
ส่วนผสม
1. N70 1 กโิ ลกรมั
2. ขมน้ิ ผง 200 กโิ ลกรมั
3. มะขามเปียก 1 กโิ ลกรมั
4. นำ้ ผึง้ 250 ซี.ซ.ี
5. นำ้ มนั งา 100 ซี.ซ.ี
6. น้ำสะอาด 9 ลิตร
7. เกลือ 1 กิโลกรมั
8. สารกันเสยี 10 ซี.ซี
9. สี ( ตามความชอบ )
10. กลนิ่ น้ำหอม (ตามความชอบ) หรืออาจจะไม่ใชเ้ ลยก็ได้ เพราะน้ำมันงามีกลิน่ หอมอ่อนๆอยแู่ ลว้

17

ขั้นตอนการทำ
1. ต้มขมิน้ และมะขามกรองกากทิง้ เอาแค่น้ำ
2. ตวงน้ำผงึ้ และน้ำมนั งาตามส่วนผสมทเี่ ตรยี มไว้
3. น้ำเกลือมาละลายในน้ำสะอาดตามสว่ นท่เี หลอื
4. เท N 70 ลงในภาชนะทเี่ ตรียมไว้ ใช้ไมพ้ ายคนไปทางเดียวกัน 15 – 30 นที จนมีลกั ษณะเปน็ เน้อื

ครีมสขี าวละเอียด
5. เตมิ น้ำสว่ นทล่ี ะลายเกลอื ลงไปทีละน้อย คนให้เป็นเนอื้ เดยี วกัน
6. เตมิ น้ำผึ้ง และน้ำมนั งาลงไปคนให้เป็นเนือ้ เดียวกนั
7. เติมสีลงไปตามชอบ เตมิ สารกันเสีย ตงั้ ท้งิ ไว้ประมาณ 8-10 ชวั่ โมง เพอ่ื ใหฟ้ องยบุ
8. เติมกลิน่ หอมตามความชอบแลว้ จงึ บรรจุลงภาชนะ
3.5.2 อา้ งอิงสตู รสบู่เหลว ขมน้ิ – นา้ ผึง้ จาก ศูนย์เรียนรูเ้ พอื่ ชวี ิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ

พอเพยี งอาเภอเมอื ง จังหวดั พะเยา
สว่ นผสม

1. หัวสบู่ 1 กิโลกรมั
2. กรดมะนาว 50 กรมั
3. เกลือปน่ 50 กรมั
4. ขมิน้ ผง 10 กรัม
5. น้ำหอม 15 ซีซี
6. น้ำผง้ึ 50 กรมั
7. นำ้ สะอาด 1 กโิ ลกรมั
วิธีทำ
1. กวนหัวสบู่ เกลือป่น กรดมะนาว ให้เข้ากนั
2. คอ่ ยๆ เตมิ น้ำทีละนอ้ ย กวนไปเรื่อยๆจนเข้ากนั เติมผงขมน้ิ และน้ำผง้ึ กวนต่อไป

18

อีกจนเขา้ กันดีใส่หัวน้ำ หอมพักไว้ 6 - 8 ช่ัวโมงเพ่ือใหฟ้ องยุบตวั จึงน้ำไปใชไ้ ด้
3.5.3 อ้างองิ สูตรผลไม้จากศูนย์เรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งอำเภอปาย จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน

ส่วนผสม
1. N 70
2. นำ้ ผงึ้
3. น้ำมนั งา
4. กล้วยนำ้ วา้ สุก
5. แตงกวา
6. มะเขือเทศ
7. มะนาว
8. น้ำสะอาด
9. เกลือ
10. สารกนั เสยี
11. สี
12. กล่ินน้ำหอม
ขนั้ ตอนการทำ
1. นำแตงกวา มะเขือเทศ มะนาว ลา้ งน้ำให้สะอาดปอกเปลอื กกล้วยน้ำว้าสุกออกท้งิ
2. นำแตงกวา มะเขอื เทศ และกลว้ ยน้ำว้าสุก มาห่ันเปน็ ช้นิ พอประมาณ แล้วปั่นใหล้ ะเอียด และกรองเอาแต่
น้ำ
3. นำมะนาวมาคัน้ เอาแต่น้ำ แลว้ นำผลไม้ที่กรองไวไ้ ปต้มไฟใหเ้ ดอื ดประมาณ 5นาที
4. ตวงนำ้ ผึ้ง และนำ้ มนั งา ตม้ ส่วนผสมท่เี ตรยี มไว้ นำเกลอื ละลายในน้ำสะอาดในส่วนทีเ่ หลือ
5. เท N 70 ลงในภาชนะท่เี ตรยี มไว้ใช้พายคน N 70 ไปในทางเดยี วกนั ประมาณ 15 -30 นาที จนมีลกั ษณะ
เปน็ เย่ือครีมสขี าวละเอยี ด

19

6. เติมน้ำต้ม และนำ้ ผลไมท้ เี่ ตรียมไว้ลงไปทีละน้อย คนใหเ้ ป็นเน้อื เดยี วกนั
7. เติมน้ำสว่ นที่ละลายเกลือไว้ลงไปทีละนอ้ ย คนให้เปน็ เนอ้ื เดียวกัน
8. เตมิ สลี งไปตามความชอบ เตมิ สารกนั เสีย ตัง้ พักไวป้ ระมาณ 8 - 10 ชว่ั โมง เพ่ือให้ฟองยบุ
9. เติมกล่ินหอมตามความชอบ แล้วจงึ บรรจลุ งภาชนะ
3.6 สรรพคณุ ของวัตถุดิบที่ใชใ้ นโครงงาน

3.6.1 สรรพคุณของเปลือกมังคุด

รปู ท่ี 12 เปลอื กมงั คุด

ที่มา : https://amprohealth.com/

ธิดารัตน์ จันทร์ดอน (2561) มังคุดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งของไทยที่ได้รับสมญานามว่าเป็น“ราชินีของ
ผลไม้” เพราะมีกลีบเลี้ยงที่เหมือนมงกุฎ โดยมังคุดเป็นผลไม้เมืองร้อน ผลมังคุด มีลักษณะเป็นผลทรงกลม
ขนาดพอดีมือ เปลือกหนาสีม่วงอมแดง เมื่อแก่จัดสีจะค่อนไปทางน้ำตาลส่วนของเปลือกจะมีความชุ่มฉ่ำ ท่ี
ดา้ นใน เม่ือแกะออกก็จะเป็นน้ำสมี ว่ งติดเนื้อของส่วนเปลือกแล้วพบเนื้อมงั คุดสขี าวเรียงเป็นกลีบคล้ายส้มอยู่
ดา้ นใน มังคดุ จดั อยู่ในกลุ่มของไม้ยืนต้นที่มีความสูงมากกวา่ 10 เมตร ลักษณะใบเป็นใบเด่ียวรูปไข่ที่มีเน้ือใบ
ค่อนขา้ งหนาและเหนยี ว ผิวใบเปน็ มนั เงาดอกอาจออกเป็นดอกเด่ียวหรือดอกคู่ ข้ึนตรงซอกใบท่ใี กล้ๆ บริเวณ
ปลายกิ่ง การทานเนื้อมังคดุ สามารถช่วยในเรื่องของการขับถา่ ยในส่วนของเปลือกมงั คุดเปน็ สมนุ ไพรที่ได้รับ
ความนิยมครั้งแรกในวงการเครื่องสำอางเริ่มจากการนามาทาเป็นส่วนผสมในสบู่สมุนไพรเพื่อชาระล้างส่ิง
สกปรกบนผิวให้สะอาดแลว้ นาเปลอื กมังคุดไปตอ่ ยอดทาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผวิ ในรปู แบบอื่นๆ เช่น ครมี เปลือก
มงั คดุ บำรุงผิวพร้อมแก้ปญั หาผิว ผลิตภัณฑ์เปลือกมังคดุ สาหรับทาความสะอาดเครอ่ื งสำอางผลติ ภัณฑ์สาหรับ
เตรยี มผิวก่อนการบำรงุ เปน็ ต้น ตอ่ มาจึงเรม่ิ มกี ารศึกษาอยา่ งจริงจังเกยี่ วกบั สรรพคุณของเปลอื กมงั คดุ จนได้รู้
ข้อเท็จจรงิ ทวี่ ่าเปลือกมังคุดน้นั ไมไ่ ดม้ ีคุณค่าอยู่แค่เรื่องความสวยความงามแต่มีคุณประโยชน์ต่อวงการแพทย์

20

ด้วยเหมือนกันเพราะเปลือกมังคุดมสี ารเราพบว่าเปลือกมังคุดมีสารสำคัญตัวหลักๆ อยู่ 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
สารกลมุ่ พรนี ิลเลทแซนโธน(prenylatexanthones) พบในสว่ นทเี่ ป็นนา้ ยางสีเหลอื งเขียวซึ่งอยู่ภายในท่อน้า
ยางในเปลือกมังคุดสารหลักของกลุ่มนี้ คือ แอลฟ่า-แมงโกสติน (alpha-Mangostin) สารนี้มีฤทธ์ิต้านอนุมูล
อิสระและสามารถต่อกรกับเชื้อจุลชีพได้ สารกลุม่ แอนโธไซยานนิ (anthocyanins) เป็นสว่ นของเปลือกมังคุด
ด้านนอกที่เป็นเนื้อแข็งสีม่วง มีสารแอนโธไซยานิน สารหลักในกลุ่มนี้คือ ไซยานิดินไกลโคไซด์ (cyanidin
glycosides) ซงึ่ เป็นสารรงควัตถุ (สารสี) สแี ดง และสารประกอบกล่มุ ฟีนอลคิ (phenolic compounds)เป็น
ส่วนของเปลือกดา้ นในท่มี ีลักษณะน่มุ กวา่ มสี ีชมพอู มม่วง สว่ นนม้ี ีสารประกอบกลมุ่ ฟนี อลิค หรือสารกลุ่มแทน
นิน (tannins) เชน่ โปรไซยานดิ นิ (procyanidins) อย่มู ากท้งั สารกลุ่มแอนโธไซยานินและสารประกอบกลุ่มฟี
นอลคิ มีฤทธิ์ในการต้านอนมุ ูลอสิ ระ

3.6.2 สรรพคณุ ของดอกคาโมมายล์

รปู ที่ 13 ดอกคาโมมายล์
ท่ีมา : https://pharmacy.mahidol.ac.th/
ดร.ภญ. ณัฏฐนิ ี อนนั ตโชค(2559) คาโมมายลเ์ ปน็ พชื ในวงศเ์ ดียวกบั ดาวเรือง ดาวกระจายคาโมมายล์
สายพันธ์ุเยอรมันจะเป็นที่รู้จักและนิยมใช้มากกว่า ส่วนที่ใช้คือดอกซึ่งมีลักษณะเป็นดอกช่อทีม่ ดี อกยอ่ ยรอบ
นอกมีกลีบสีขาวขนาดใหญ่ ดอกย่อยตรงกลางขนาดเล็กมีกลีบดอกสีเหลืองใช้ในอุตสาหกรรมยา อาหาร
เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และน้ำหอม ดอกคาโมมายล์ใช้เป็นสมุนไพรมานานนับพนั ปี ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ
กรีกและโรมนั เปน็ สมนุ ไพรท่นี ิยมมากในทวีปยุโรป โดยมีสรรพคุณมากมายได้แก่ ทาใหส้ งบ คลายกงั วล ช่วย
ให้หลบั ลดอาการระคายเคอื งทางเดนิ อาหาร ขบั ลม ลดอาการปวดเกรง็ ท้อง ลดการปวดประจาเดือน ตา้ นการ
อักเสบในช่องปาก คอ ผิวหนัง และช่วยสมานแผล น้า มันจากดอกคาโมมายล์มีกลิ่นคล้ายแอปเปิ้ลนอกจาก
สรรพคุณทางยาแล้วยังมีการใช้แต่งกลิ่นในอาหารและเครื่องสำอางคาโมมายล์ปลูกมากในทวีปยุโรปเช่น
ประเทศเยอรมันฮังการี ฝรั่งเศส รัสเซีย เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบได้ในทวีป อเมริกา แอฟริกา เอเชีย
ออสเตรเลีย ในประเทศไทยได้นา มาปลูกในศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโงะ ดอยสะโงะ อำเภอเชียงแสน
จังหวัดเชยี งราย และมีการจา หน่ายทั้งดอกสด และ ดอกอบแห้งดอกคาโมมายล์ประกอบด้วยสารหลายกลุ่ม

21

จากรายงานการวิจัยพบว่าดอกคาโมมายล์มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายอย่างได้แก่ฤทธ์ิต้านการอักเสบ
(antiinflammatory) ป้องกนั การเกรง็ ตวั ของกล้ามเนอ้ื (antispasmotic) คลายวิตกกังวล(anxiolytic effect)
ต้านออกซเิ ดชัน (antioxidant) และต้านเชอื้ จลุ ชพี (antimicrobial)

3.6.3 สรรพคุณของน้ามันมะพรา้ วสกดั เยน็

รปู ที่ 14 น้ำมันมะพรา้ ว
ท่มี า : https://www.pobpad.com/
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร(2562) น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมนั ท่ีได้จากไขมันในเน้ือสีขาวของ
ลูกมะพรา้ ว โดยอาจผลิตด้วยกระบวนการทแี่ ตกต่างหลากหลาย บางผลติ ภัณฑ์ใชค้ า วา่ นำ้ มนั มะพรา้ วบริสุทธ์ิ
(Virgin Coconut Oil) ซงึ่ หมายถึงน้า มันมะพรา้ วทส่ี กดั โดยใชก้ ระบวนการธรรมชาติ เช่น ปราศจากสารฟอก
สี การระงบั กลน่ิ หรือการกล่ัน และบางครัง้ ระบวุ ่าใชก้ ระบวนการสกัดเยน็ ซง่ึ เป็นวิธีการใชเ้ ครื่องสกัดท่ีจะทา
ให้เกิดความร้อนตามธรรมชาติไม่เกิน 49 องศาเซลเซียสน้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยไขมันอ่ิมตัวท่ีเป็นไตรกลี
เซอไรด์สายยาวปานกลาง ซึง่ เชือ่ ว่าอาจมีประโยชน์ตอ่ ร่างกายโดยไม่ผ่านแหลง่ ความร้อนจากภายนอก เพราะ
เชือ่ วา่ จะช่วยคงประโยชน์ทางสขุ ภาพของน้ำมันมะพร้าวไวไ้ ด้เพราะอาจมกี ารทำงานตา่ งจากไขมันอ่ิมตัวชนิด
อื่นๆที่มีสายยาวกว่า เช่น อาหารจากพวกน้ำมันพืช ไขมันจากนมและเนื้อสัตว์ทั้งหลาย จึงมักถูกนำมาใช้
ประโยชน์ในฐานะการรักษาทางเลือกสาหรับโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน หัวใจ หรืออัลไซเมอร์ และถึงแม้จะ
ประกอบด้วยแคลอรี่และไขมันอิ่มตัวสูงก็ยงั มีความเช่ือท่ีว่าการรับประทานน้ำมนั มะพร้าวอาจช่วยลดน้ำหนัก
และระดับคอเลสเตอรอลในเลอื ด รวมท้งั การใช้ทาเพอื่ เพม่ิ ความชมุ่ ช้ืนใหก้ บั ผิวรักษาโรคผื่นภูมิแพผ้ วิ หนัง โรค
สะเก็ดเงนิ ตลอดจนสรรพคุณบำรุงสุขภาพเสน้ ผม ได้ระบวุ า่ ขอ้ มลู การศึกษาเก่ียวกับคณุ ประโยชน์ของน้า มัน
มะพร้าวในปัจจุบันยังนับว่ามีน้อยอยู่มาก จึงทา ให้ยากที่จะยืนยันถึงประสิทธิภาพด้านนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม
ประโยชน์ทางสขุ ภาพทพี่ อจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตรก์ ล่าวถึง มีดงั นี้
ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวต่อผิวหนังรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคที่ส่งผลให้ผิวหนังคัน แดง แห้ง ตก
สะเก็ด และเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ผิวหนังตามมา ซึ่งผู้ป่วยมักต้องใช้มอยซเ์ จอไรเซอร์คอยบำรุง

22

ผวิ หนงั นำ้ มนั มะพรา้ วเป็นตัวเลือกหนึ่งท่นี ิยมนำมาใชช้ ่วยเพ่ิมความชุม่ ชืน้ เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองของ
ผิว และยังอาจช่วยลดจำนวนแบคทเี รียสแตฟิโลค็อกคสั บนผิวหนัง หนึ่งในตวั การท่ีสามารถทา ให้เกิดการตดิ
เชื้อที่ผิวหนังตามมาสาหรับการศึกษาทางวทิ ยาศาสตร์เพื่อยืนยันคุณสมบัตินี้ มีการทดสอบโดยเปรียบเทียบ
ประสิทธิภาพของนา้ มันมะพร้าวบรสิ ุทธ์ิและน้า มนั มะกอกบริสุทธ์ิตอ่ การเพมิ่ ความชุ่มชื้นและลดแบคทเี รียบน
ผวิ หนงั ของผูป้ ่วยโรคผน่ื ภูมิแพ้ผิวหนงั ผลพบวา่ การทานา้ มันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกวนั ละ 2 คร้ัง บริเวณ
ผื่นที่ไม่ติดเชื้อ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผลลดน้อยลง แต่น้ำมันมะพร้าวนั้นจะมีประสิทธิภาพ
มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญสอดคล้องกบั งานวิจัยทีม่ ีขนาดใหญ่ขึน้ มาอีกชิ้นหนึ่ง ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างนา้
มันมะพร้าวกับน้า มันมิเนอรัลในเด็กทีป่ ่วยด้วยโรคผืน่ ภูมิแพ้ผิวหนังระดับไม่รุนแรงไปจนถึงระดับปานกลาง
จำนวน 117 คน ผลลัพธ์ชี้ว่าการทาน้า มันมะพร้าวเป็นประจา นาน 8 สัปดาห์ ช่วยให้ความรุนแรงของผ่ืน
ลดลงถึง 68 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่น้า มันมิเนอรัล ช่วยได้ประมาณ 38 เปอร์เซ็นต์ โดยมีสรรพคุณป้องกันการ
สญู เสียน้ำ และเพิม่ ความชุ่มชนื้ ให้กบั ชนั้ ผวิ หนัง ท้ังน้ีสรรพคุณของนา้ มนั มะพรา้ วต่อการบรรเทาอาการ และ
ป้องกันการติดเช้ือที่ผิวหนังของผู้ปว่ ยโรคนี้ยังถือว่าอาจเป็นไปได้สงู กว่าการรักษาโรคอื่น ๆ เพราะมีหลักฐาน
ค่อนข้างมาก และน่าเชอื่ ถือ ประสิทธิภาพการรักษาอย่ใู นระดับที่อาจเป็นไปได้ (Possibly Effective)รกั ษาโรค
สะเก็ดเงิน การทาน้า มนั มะพรา้ วบนหนงั ศีรษะหลงั จากอาบน้า ประมาณครง่ึ ชั่วโมง คอ่ ย ๆนวดแล้วล้างออก
เปน็ วิธีทางธรรมชาตทิ ่เี ชอ่ื วา่ อาจช่วยขจดั สะเก็ด

3.6.4 กลเี ซอรนี

รูปที่ 15 กลเี ซอรีน
ที่มา : https://www.obooncare.com/
เว็บไซต์ อบอุ่นแคร์ (2560) กลีเซอรีน คือ ของเหลวที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีความหนืด และมีรสหวาน
โดยปกติมาจากน้ำมันของพืช ซึ่งโดยทั่วไปคือ น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ประโยชน์ของกลีเซอรีนบริสุ
ทธิ์สามารถนา ไปประยกุ ต์เปน็ สว่ นชว่ ยหล่อลื่น เหมือนมอยซเ์ จอรไ์ รเซอร์ เพ่อื ปกปอ้ งผวิ ไม่ให้แห้งและดูดซับ

23

ความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะทา ให้รู้สึกว่า ผิวมีความชุม่ ชื้นออ่ นโยนต่อผิว ขจัดความสกปรกที่ฝังแน่น
ไมท่ า ให้อุดตันรขู ุมขน รวมท้ังปลอดภัยตอ่ ผิวหนัง และเนอ้ื ผ้าทกุ ชนดิ การท่กี ลีเซอรนี เปน็ สารที่ไมม่ ีพิษในทุกๆ
รูปแบบของการประยุกต์ใช้ไมว่ ่าจะใช้เป็นสารต้ังต้นหรือสารเติมแต่งทำให้กลีเซอรีนได้รับความสนใจและนา
ไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ด้วยการใช้เป็นยาระบาย และยังสามารถใช้เป็นยาเฉพาะที่สา หรับปัญหาทาง
ผิวหนังหลายชนิด รวมถึง โรคผิวหนังแผลไฟลวก แผลกดทับ และบาดแผลจากของมีคม กลีเซอรีนถูกใชเ้ พ่ือ
รักษาโรคเหงือกได้ด้วย เนื่องจากกลีเซอรีนสามารถฆ่าเชือ้ แบคทเี รียท่ีเกยี่ วขอ้ งได้

3.6.5 เกลือ

รูปที่ 16 เกลือ
ที่มา : https://www.aroka108.com
เว็บไซต์ อโรคา 108 (2563) เกลือ มีความสาคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าสารอาหารและสมุนไพรทั้งหลายที่
เรารู้จักกัน เพราะร่างกายของเราตอ้ งการเกลือวันละ 5-10 กรัม ตลอดชั่วชีวิตคน 1 คน กินเกลือเกือบ 200
กิโลกรัม ร่างกายเราใช้เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) เป็นสารนาประสาท เรียกว่าสารละลาย อิเล็กโทรไลต์ทำให้
กล้ามเนื้อและระบบประสาททา งานได้ ช่วยรักษาระดับความดันเลือด เป็นต้นในประวัติศาสตร์ เกลือเริ่มมี
บทบาทสาคญั ตอ่ มนษุ ย์มาตง้ั แต่ดกึ ดาบรรพ์ เราค้นพบการต้ังถ่ินฐานของมนุษยย์ ุคหนิ ใหม่ตามแหลง่ เกลอื และ
นับตั้งแต่อารยธรรมแรกสุดของมนษุ ย์เกลือได้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมาตลอดที่จริงแล้วการครอบครอง
และควบคุมเกลือนำความรุ่งเรืองมาสู่อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก 3 อารยธรรม คือ จีน อียิปต์ และ
จักรวรรดิโรมัน ชาวโรมันสรา้ งถนนสายหลักชื่อ เวยี ซาลาเรีย (Via Salaria) หรอื “ถนนสายเกลือ” จากโรมไป
ยังทะเลเอเดรียดิก เพื่อขนส่งเกลือได้สะดวก ทหารโรมันมักได้รับเกลือเป็นค่าแรงซึ่งเป็นที่มาของคา ว่า
“salary” หรือเงินเดอื นนัน่ เองตำรายาเก่าแก่ที่สุดซ่งึ พมิ พเ์ ม่ือเกือบ 5,000 ปี ที่แลว้ ในประเทศจีนบรรยายถึง
เกลอื กวา่ 40 ชนิด โดยใช้กรรมวธิ สี กัดหรือเปลีย่ นรปู ที่คล้ายคลงึ กรรมวิธีในปัจจุบนั อย่างน่าประหลาดใจพลัง
บำบัดจากเกลอื ไม่น่าประหลาดใจท่ีเกลอื ซึ่งเปน็ สสารที่สมั พนั ธใ์ กลช้ ิดกับชีวิตท้ังในทางชีววทิ ยาและวัฒนธรรม
จะเป็นยาประจำบ้านท่ีใช้ประโยชนไ์ ด้หลากหลาย

24

บทท่ี 4
วิธกี ารทำสบเู่ หลวลา้ งมือเปลือกมงั คุดและคาโมมายล์

4.1 ส่วนผสมทใ่ี ช้ในการทำสบเู่ หลวล้างมือจากเปลือกมังคุดและดอกคาโมมายล์
สว่ นผสม

เปลือกมังคดุ 1 กโิ ลกรัม
นำ้ มันมะพรา้ ว 30 มลิ ลิลิตร
นำ้ มนั สกัดจากดอกคาโมมายล์ 100 มลิ ลลิ ติ ร
น้ำเปล่า 770 มลิ ลิลติ ร
กลเี ซอรีนเหลว 1 กโิ ลกรมั
เกลือ 120 กรมั
เบสสบู่ 150 มิลลิลติ ร
4.2 วัสดอุ ุปกรณ์และวตั ถุดิบท่ใี ช้ในการทำสบูเ่ หลวลา้ งมือจากเปลอื กมังคดุ และดอกคาโมมายล์

รปู ท่ี 17 อปุ กรณแ์ ละวัตถดุ ิบ
ทีม่ า : https://drive.google.com

25

อปุ กรณ์
1. กระชอนผ้าขาวบาง
2. ไม้พายสาหรับผสม
3. ขวดหัวป๊มั ขนาดทดลอง
4. ถว้ ยตวง
5. ชอ้ นตวง

วตั ถุดบิ
1. เปลือกมงั คุด
2. น้ำมนั มะพร้าว
3. น้ำมนั สกดั จากคาโมมายล์
4. น้ำเปล่า
5. กลีเซอรนี เหลว
6. เกลือ
7. เบสสบู่

4.3 ข้นั ตอนและวิธีการทาสบเู่ หลวล้างมอื จากเปลือกมังคดุ และ ดอกคาโมมายล์
4.3.1 ขั้นตอนการทำสบู่เหลว
1. เอาเปลือกมังคดุ ที่เหลอื ทงิ้ มาลา้ งทาความสะอาด 1 กิโลกรมั

รปู ที่ 18 แสดงรูปมงั คดุ
ท่ีมา : https://drive.google.com

26

2. เมอื่ ล้างแล้ว ห่นั เปลอื กมังคดุ เป็นช้นิ เล็กๆ

รูปท่ี 19 เปลือกมงั คุดหั่นเปน็ ช้ินเล็กๆ
ทมี่ า : http://www.bansuanporpeang.com/node/3076
3. นำเปลอื กมังคดุ ไปตากเเหง้ 1 วนั

รูปท่ี 20 เปลอื กมงั คุดตากแห้ง
ทีม่ า : http://www.samunpidede.com
4. เมื่อตากแหง้ แล้วนำไปเขา้ ตอู้ บและพกั ท้ิงไว้

รูปท่ี 21 นำเปลอื กมังคุดเข้าตอู้ บแลว้ พักทง้ิ ไว้ 3 นาที
ทมี่ า : https://drive.google.com

27

5. นำเปลอื กมังคุดใส่ลงไปในครกตำให้ละเอียด

รูปที่ 22 นำเปลอื กมงั คดุ ใส่ลงไปในครกตา ให้ละเอียด
ทมี่ า : https://drive.google.co

6. ตาละเอยี ดแลว้ กรองผงมงั คดุ ด้วยกระชอนผ้าขาวบางให้เหลือแตผ่ ง

รปู ท่ี 23 กรองผงมังคุด
ท่มี า : https://drive.google.com
7. นำผงเปลือกมงั คุดท่ีได้ไปเตรยี มลงมอื ในการทำสบ่เู หลว
7.1 ใสเ่ บสสบู่ลงไป 150 มิลลิลิตร
7.2 ใสน่ ้าเปลา่ 750 มิลลิลติ ร
7.3 ใสก่ ลีเซอรนี 150 มลิ ลลิ ิตร
7.4 ใส่นา้ มนั สกัดจากดอกคาโมมายล์ 30 มิลลิลิตร
7.6 ใส่น้ามนั มะพร้าว 15 มิลลิลิตร
7.7 ใส่เกลอื 14 กรมั

28

8. คนสว่ นผสมใหเ้ ข้ากนั

รูปที่ 24 สว่ นผสมท้ังหมดท่ีใส่ลงไป
ทม่ี า : https://drive.google.com
9. ท้งิ ไว้สกั พกั รอจนตกตะกอนแล้วกรองดว้ ยกระชอนผา้ ขาวบาง 2-3 ครง้ั

รปู ที่ 25 กรองสบเู่ หลว
ที่มา : https://drive.google.com
10. เทสบู่เหลวล้างมือจากเปลือกมังคดุ และคาโมมายล์ลงในภาชนะทีเ่ ตรียมไว้

รูปท่ี 26 นำสบู่ใสภ่ าชนะ
ทมี่ า : https://drive.google.com

29

บทท่ี 5

สรปุ

ทางคณะผู้จดั ทำไดเ้ ลง็ เห็นถึงความสำคญั ของเปลือกมังคุดท่ีเหลือทงิ้ จากหอ้ งครวั วา่ จะนามาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง จึงได้ทำการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับสรรพคุณต่างๆที่เป็นประโยชน์ และ
สามารถนามาใช้กบั รา่ งกายของคนเราได้ เมอ่ื ศึกษาจนไดร้ ู้ถึงประโยชน์ของเปลือกมงั คุดทงั้ หมดแล้ว เราจึงได้
นำเอาเปลือกมังคุดท่ีเหลือทิ้งเหล่านั้น กลับมาล้างทำความสะอาด เพื่อเตรียมนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ ที่
สามารถช่วยได้ทั้งการชว่ ยลดการติดเชือ้ โรค และลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ซึ่งช่วงเวลานี้ไดม้ นี โยบายเก่ียวกบั
การทำความสะอาดมืออยู่แล้วการที่คณะผู้จดั ทำนำเปลือกมังคดุ ท่ีเหลือทิ้งมาใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ สบู่เหลว
ล้างมือจากเปลือกมังคุดและดอกคาโมมายล์ (Mangosteen Peel and Camomile Liquid Handwash) ก็
เพอื่ ทีจ่ ะช่วยให้ทางบ้าน ได้ลดตน้ ทุนในการจัดซื้อสบู่เหลวล้างมอื เพราะผลิตภณั ฑท์ ่ีเราทำนน้ั มีราคาท่ีถูกกว่า
สบูล่ า้ งมือที่ใชก้ นั ในบา้ นเเละเป็นการชว่ ยในด้านลดปรมิ าณขยะท่เี ปน็ เปลอื กผลไม้



บรรณานกุ รม

กรมควบคุมโรค. (2562). การแพรร่ ะบาดของไวรสั โควิด –19. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://ddc.moph.go.th
/viralpneumonia/faq_more.php.

กรมควบคมุ โรค. (2563). วิธกี ารปอ้ งกันการติดเช้ือไวรสั โควดิ -19. เข้าถึงไดจ้ าก https://ddc.moph.go.th
/viralpneumonia/file/im_commands/im_commands06.pdf.

กระทรวงสาธารณสขุ . (2562). ประโยชน์ของการลา้ งมอื . เข้าถึงไดจ้ าก https://multimedia.anamai.
moph.go.th.

ณัฏฐินี อนนั ตโชค. (2559). ดอกคาโมมายล.์ เข้าถึงไดจ้ าก https://pharmacy.mahidol.ac.th/th
/knowledge/article/321.

ดวงดาว ฉนั ทศาสตร์. (2562). ผลิตภัณฑท์ าความสะอาด. เข้าถงึ ไดจ้ าก https://pharmacy.mahidol.ac.th
/th/knowledge/article/474.

ธดิ ารัตน์ จันทร์ดอน. (2561). เปลือกมงั คุด. เข้าถึงไดจ้ าก https://pharmacy.mahidol.ac.th
/th/serviceknowledge-article-info.php?id=335.

สมุ นตท์ พิ ย์ คงตนั จันทร์ฟกั . (2549). การพฒั นาสบู่เหลวจากสมุนไพรไทยในการต้านเช้ือแบคทีเรียที่
ผิวหนัง. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก

http://stri.kmutnb.ac.th/research/images/attach/pdf/R&D/16_78.pdf.
สำนักงานพัฒนาการวจิ ัยการเกษตร. (2562). น้ำมนั มะพร้าว. เขา้ ถึงไดจ้ าก https://www.pobpad.com/น้ำ

มนั มะพร้าว-กบั ประโยชน์ทางสุขภาพและความงาม.
อบอุน่ แคร.์ (2560). กลีเซอร์รนี . เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.obooncare.com/2017/01/14/.
อโรคา 108. (2563). เกลือ. เข้าถงึ ไดจ้ าก https://www.aroka108.com /เกลอื -ขอ้ มูลสขุ ภาพ/
อุดมลักษณ์ สขุ อตั ตะ และคณะ. (2549). มหัศจรรยส์ ารสกัดจากเปลอื กมังคดุ . เขา้ ถึงได้จาก

http://www.nsm.or.th/other-service/1757-online-science/knowledge-
inventory/sciarticle/

sciencearticle-nsm/htm.
เอกราช บำรุงพืชน.์ (2562). คาโมมายลก์ บั การนอนหลบั . เข้าถึงได้จาก http://www.wongkarnpat.com/

viewya.php.
“กลีเซอรีน”, [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก : https://marumothai.com/article/รอบรู้เร่ือง-กลีเซอรนี /, 2564.

[สืบค้นเม่อื 29 ธันวาคม 2564].
“ความหมายของสบ”ู่ , [ออนไลน์].เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.thaischool1.in.th/_files_school

/61100353/data/61100353_1_20200217-144231.pdf, 2563. [สบื คน้ เมอ่ื 31 ธันวาคม
2564].
“ความหมายของสบ่”ู , [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/sbusmunphirpheuxs



ukhphaph/bth-thi-1-thima-laea-khwam-sakhay, 2560. [สบื คน้ เม่อื 31 ธนั วาคม 2564].
“ความหมายของสบู่”, [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/site/saponification5,

[สบื คน้ เม่อื 31 ธันวาคม 2564].
“ความหมายของสบ”ู่ , [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก : https://topskincareproducts.com/สบ-ู่ คอื อะไร/,2562.

[สืบค้นเมอ่ื 31 ธนั วาคม 2564].
“ประเภทของสบ่”ู , [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.gtlab.co.th, 2562. [สบื คน้ เมอื่ 31 ธนั วาคม

2564].
“ประโยชน์ของสบู่”, [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก:https://www.tropicanaoil.com/blog/detail/180, 2557.

[สบื คน้ เมื่อ 31 ธนั วาคม 2564].
“ประโยชน์ของสบู่”, [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.sanook.com/home/19481/, 2562.

[สบื ค้นเมอื่ 31 ธนั วาคม 2564].
“วธิ กี ารทำสบ่สู มุนไพร”, [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : http://www.yesspathailand.com, 2563.

[สบื ค้นเมอ่ื 3 มกราคม 2565].
“วธิ กี ารทำสบสู่ มนุ ไพร”, [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.youtube.com/watch?v=yrnM

ISRqHwg, 2563. [สืบค้นเมือ่ 3 มกราคม 2565].
“สบูส่ มุนไพร”, [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : https://amprohealth.com/magazine/herbal-soap/, 2562.

[สบื ค้นเมื่อ 3 มกราคม 2565].




Click to View FlipBook Version