จัดทำโดย
ด.ช. ปภสั ป่ิ นสุข ชัน้ ม3ข เลขท่ี 14
สำรบญั
หน้ำท่ี
คำนำ 4
ประวัตคิ วำมเป็ นมำ 5-7
บทท่ี1 ท่ีตงั้ สถำนท่ี 9
บทท่ี2 เปรต 10
บทท่ี3 พระพุทธโคดมกับพระกกุสันโธ
11-13
บทท่ี4 แหล่งท่องเท่ยี ว 14-24
บทท่ี5 กำรเดนิ ทำง 25
คำนำ
“วดั ไผ่โรงวัว” หรือ “วดั โพธาราม” ตงั ้ อย่ทู ่ี ตาบลบางตาเถร
อาเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ตามประวัติของกรม
ศาสนา วดั ไผ่โรงววั เริ่มก่อตงั ้ วดั เมอ่ื พ.ศ. 2469 ริมคลองพระ
ยาบันลือ ซ่ึงเป็ นคลองที่ขุดในสมัยพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็ นคลองเชื่อมระหว่าง
แมน่ า้ เจ้าพระยาและแมน่ า้ ท่าจีน วดั ไผ่โรงววั เร่ิมต้นด้วยการ
สร้างในเนือ้ ที่ 20 ไร่ เดิมเป็ นที่ดอน มีกอไผ่ขึน้ เต็มพืน้ ที่ เมื่อ
ถึงฤดนู า้ ชาวบ้านจะเอาววั ควายมาเลีย้ งบนท่ีดอนนีโ้ ดยปลกู
โรงววั ให้อาศัย ต่อมาคิดสร้ างสานักสงฆ์ขึน้ ให้ ชื่อว่าสานัก
สงฆ์ไผ่โรงวัว จนกระทั่งเป็ นวัด เปลี่ยนช่ือใหม่เป็ นวัดโพ
ธารามแต่ไม่ค่อยมีใครเรียก แม้แต่ชาวต่างจังหวัดก็เรียกว่า
วดั ไผ่โรงววั ทางวดั จงึ เปลี่ยนช่ือกลบั มาใช้เป็ น “วดั ไผ่โรงววั ”
อย่างเป็ นทางการ
ประวัตคิ วำมเป็ นมำ
วัดไผ่โรงวัว สร้ างเม่ือปี พ.ศ. 2469 เดิมตัง้ เป็ น
สานักสงฆ์ในพืน้ ที่ 20 ไร่ ต่อมาชาวบ้านไผ่โรงววั
ไปนิมนต์หลวงพ่อขอมจากวดั พระศรีรัตนมหาธาตุ
ใน อ. เมืองมาเป็ นเจ้าอาวาส มีการพฒั นาวดั และ
ขยายพืน้ ท่ีออกไป ในขณะนัน้ วัดมีชื่ออย่างเป็ น
ทางการว่าวดั โพธาราม แต่ชาวบ้านยงั คงเรียกวดั
ไผ่โรงววั ใน พ.ศ. 2533 จึงเปล่ียนเป็ นชื่อวดั ไผ่โรง
ววั ดงั เดมิ
เป็ นวดั ท่ีมีพุทธ-ศาสนิกชนและบุคคลทั่วไป นิยม
ไปเที่ยวชมกันมาก หลวงพ่อขอมได้ดาเนินการ
ก่อสร้าง “พระพทุ ธโคดม”
เป็นพระพทุ ธรูปโลหะสาริดองค์ใหญ่ที่สดุ ในประเทศไทย เริ่ม
ก่อสร้ างตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2502 ใช้เวลาก่อสร้ างนานถึง 17 ปี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ได้เสด็จพระราชดาเนินมาทรง
ยกพระเกตุมาลา เมื่อวันท่ี 12 มีนาคม 2512 นอกจากพระ
พุทธโคดมแล้วยังมี "พระกกุสนั โธ" สร้ างเม่ือปี พ.ศ. 2518-
2523 เป็ นพระพทุ ธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชยั องค์สีขาว สงู
28 วา 2 ศอก หน้าตกั กว้าง 20 วา ประดิษฐานอย่กู ลางแจ้ง
นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ประชาชนทว่ั ไปนิยม
มากราบไหว้ สงั เวชนียสถาน 4 อย่บู ริเวณด้านหน้าองค์พระก
กสุ นั โธ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างซงึ่ จาลองจากสถานที่สาคญั
ทางพุทธศาสนาสี่แห่งใน ประเทศอินเดียและเนปาล ได้แก่
สวนลุมพินีสถานท่ีประสูติซ่ึงปัจจุบันอยู่ในเนปาล เจดีย์
พทุ ธคยาสถานท่ีตรัสรู้ สถปู เมืองสารนาถซึ่งเป็ นท่ีตงั ้ ของป่ า
อิสิปตนมฤคทายวันสถานท่ีแสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจ
วคั คีย์ และกสุ นิ าราสถานท่ีปรินิพพานของพระพทุ ธองค์
วดั ไผ่โรงววั หรือ วดั โพธาราม เป็ นวดั ท่ีมีชื่อเสียงของจงั หวดั
สุพรรณบุรี ตัง้ อยู่ที่ ตาบลบางตาเถร ห่างจากตัวจังหวัด
สุพรรณบุรี ประมาณ 43 กิโลเมตร หรือจากกรุงเทพฯ
ประมาณ 70 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายตลงิ่ ชนั สพุ รรณบุรี มี
ทางแยกซ้ายก่อนถึงสามแยกลาดบวั หลวงเข้าส่วู ดั ไผ่โรงวัว
วัดนีส้ ร้ างเมื่อ พ.ศ. 2469 เป็ นวัดที่มีพุทธ-ศาสนิกชน และ
บุคคลทั่วไป นิยมไปเที่ยวชมกันมาก หลวงพ่อขอม ได้
ดาเนินการก่อสร้ าง “พระพุทธโคดม” เป็ นพระพุทธรูปโลหะ
สาริดองค์ใหญ่ที่สดุ ในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตัง้ แต่ปี พ.ศ.
2502 ใช้เวลาก่อสร้ างนานถึง 17 ปี พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดาเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา
เมื่อวันท่ี 12 มีนาคม 2512ภายในวัดมีส่ิงก่อสร้ างเกี่ยวกับ
พทุ ธศาสนา ได้แก่ “สงั เวชนียสถาน 4 ตาบล” คือสถานท่ีที่
พระพทุ ธเจ้า ประสตู ิ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน กับ
งานประติมากรรมหรือภาพปัน้ เร่ืองราวเก่ียวกับพุทธประวัติ
นรกภูมิ รวมทงั ้ วรรณคดีและประวตั ิศาสตร์ นอกจากนีย้ งั มี
“พระธรรมจกั ร” หลอ่ ด้วยทองสาริดใหญ่ท่ีสดุ ในโลก “พระกะ
กสุ นั โธ” พระพุทธรูปปนู ปัน้ ขนาดใหญ่ที่สดุ ในโลก “ฆ้องและ
บาตร” ใหญ่ท่ีสุดในโลก “พระวิหารร้ อยยอด” รวมทัง้
สงิ่ ก่อสร้างอื่นๆ อีกมากมาย
บทท่1ี
วัดไผ่โรงวัว ตัง้ อยู่ท่ี อาเภอสองพี่น้ อง จังหวัด
สพุ รรณบรุ ี เป็นวดั ที่มีชื่อเสียงคนไทยนิยมมากราบ
ไหว้ โดยมีจดุ เดน่ คือพระพทุ ธรูปปนู ปัน้ องค์สีขาวท่ี
มีขนาดใหญ่ ท่ีสุดในโลกซึ่งประดิษฐานอยู่
กลางแจ้ง นามว่าพระกกุสันโธ เป็ นพระพุทธรูป
ปางมารวชิ ยั บริเวณด้านหน้าองค์พระพทุ ธรูปยงั มี
ฆ้องและบาตรที่ใหญ่ที่สดุ ในโลกด้วย นอกจากนี ้
ยังมี พระพุทธโคดม พระพุทธรูปโลหะสาริดองค์
ใหญ่ท่ีสดุ ในประเทศ ภายในวดั มีส่ิงก่อสร้างต่างๆ
เป็ นจานวนมาก เช่น พระพุทธรูปต่างๆ รูปหล่อ
พทุ ธประวตั ิ พระโพธิสตั ว์ พระวหิ ารร้อยยอด เจดีย์
ร้อยยอด สงั เวชนียสถานจาลอง เมืองสวรรค์เมือง
น ร ก จ า ล อ ง ซ่ึง ส่ิ ง ก่ อ ส ร้ า ง เ ห ล่ า นี ท้ า ใ ห้ มี
นกั ทอ่ งเท่ียวแวะเวียนมาอยา่ งสม่าเสมอ
บทท่ี2 เปรต
เปรตคือผ้ทู ี่ทากรรมมาชนิดหนง่ึ เม่ือตายไปจะเกิด
ในเปรตวิสยั ซึ่งเป็ น 1 ใน 4 อบายภมู ิ (4 อบายภูมิ
ประกอบด้วย 1. นรกภูมิ 2. เปรตภูมิ 3. อสรุ กาย
ภมู ิ 4. ดิรัจฉานภมู ิ) มีรูปร่างสงู เท่าต้นตาล ผมยาว
คอยาว ผอมโซ ผิวดา ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มี
ปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญ ซ่ึง
ต้องรับกรรมด้วยความทุกข์ทรมาน หิวโหยอด
อยาก ร้อนหรือหนาวอย่างท่ีสดุ เจ็บปวดอย่างที่สดุ
และรับความทุกข์ทรมานอย่างท่ีสุด ยกตัวอย่าง
ผู้ใดคิดร้ ายพ่อแม่ผู้มีพระคุณกับตัวเอง ด่าทอ
พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ หมอทาแท้ง ข้าราชการที่
โกงกิน ชาติหน้าจะต้องไปเกิดเป็นผีเปรต
บทท่ี3 พระพุทธโคดมกบั พระกกุสันโธ
พระพุทธรูปโลหะสาริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่ม
ก่อสร้ างตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2502 ใช้เวลาก่อสร้ างนานถึง 17 ปี
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ เสด็ จ
พระราชดาเนินมาทรงยกพระเกตมุ าลา เม่ือวนั ท่ี 12 มีนาคม
2512นอกจากพระพทุ ธโคดมแล้วยงั มี พระกกุสนั โธ ป็ นพระ
พทุ ธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชยั องค์สีขาว สงู 28 วา 2 ศอก
หน้าตกั กว้าง 20 วา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง นักท่องเท่ียว
สามารถมองเห็นได้ แต่ไกลซึ่งประชาชนทั่วไปนิยมมาก ราบ
ไหว้ สงั เวชนียสถาน 4 อย่บู ริเวณด้านหน้าองค์พระกกุสนั โธ
ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้ างซึ่งจาลองจากสถานท่ีสาคัญทาง
พทุ ธศาสนาส่ีแห่งใน ประเทศอินเดียและเนปาล ได้แก่ สวน
ลมุ พินีสถานท่ีประสตู ิซึ่งปัจจบุ นั อย่ใู นเนปาล เจดีย์พุทธคยา
สถานที่ตรัสรู้ สถูปเมืองสารนาถซ่ึงเป็ นท่ีตัง้ ของป่ าอิสิปตน
มฤคทายวนั สถานที่แสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวคั คีย์ และกุ
สนิ าราสถานที่ปรินิพพานของพระพทุ ธองค์
พืน้ ที่ด้านหลงั ของพระกกุสนั โธ จะเห็นพระพุทธรูปอยู่เยอะ
มาก จานวนกว่า 500 องค์ โดยใต้ฐานของบางองค์พระเป็ นที่
เก็บอัฐิของผู้ที่ล่วงลบั ไปแล้วเมืองนรกภูมิ เป็ นการจาลอง
ภาพประติมากรรมปนู ปัน้ เกี่ยวกบั เมืองนรก สร้างขึน้ เพื่อยา้
เตือนให้มนษุ ย์ตระหนักถึงเรื่องบาปกรรม โดยมีสารสาคญั ท่ี
พยายามชีใ้ ห้เห็นถึงผ้ทู ี่คิดร้ายต่อบิดามารดาของตวั เองต้อง
มาอย่ใู นนรกภมู เิ กิดเป็นเปรตและอสรู กาย เวียนว่ายตายเกิด
อย่างทกุ ข์ทรมาร ตามหลกั ความเชื่อทางพระพทุ ธศาสนาต่อ
จากเมืองนรกจาลองก็เข้าสู่ คือ เมืองสวรรค์ เพื่อไปยงั นิโคร
ธารามพุทธวิหารหรือวิหารร้ อยยอด วิหารแห่งนีต้ ัง้ อยู่ตรง
กลางโดยมนี า้ ล้อมรอบ เป็นวิหารทรงไทยจตั รุ มขุ สีขาวซง่ึ เป็น
ศิลปะไทยผสมอินเดียที่มีมีลวดลายปูนปัน้ ที่วิจิตรงดงาม มี
หลงั คาประกอบไปด้วยยอดแหลมคล้ายเจดีย์จานวนมากจึง
เป็นที่มาของโบสถ์ร้อยยอด ภายในวหิ ารประดิษฐานของพระ
ประทานพรอนั ศกั ดิ์สิทธิ์ ส่วนผนงั ด้านข้างของโบสถ์นนั ้ เป็ น
ภาพจิตรกรรมฝาผนงั ท่ีมีความงดงามบอกเล่าเกี่ยวกับทาง
ความเช่ือและพทุ ธศาสนา
นอกจากวิหารร้ อยยอด วัดไผ่โรงวัวยังมีส่ิงก่อสร้ างอื่นๆท่ี
น่าสนใจ เช่น ปราสาทสามชัน้ จาลองฤดูทงั ้ 3 ของเจ้าชาย
สทิ ธตั ถะ โดยเมอ่ื เข้าไปเราจะพบกบั รูปปัน้ ของเจ้าชายสทิ ธตั
ถะ ซึ่งที่ปราสาทเราสามารถเดินขนึ ้ ชนั ้ บนเพื่อชมทศั นีย์ภาพ
โดยรอบของวัดไผ่โรงวัวได้ อีกด้ วย และหากเดินวนไป
ด้านหลงั จะพบกบั สวนเมืองกบลิ พสั ด์จุ าลอง นอกจากนีท้ ี่วดั
ยังมีมณฑปหลวงพ่อป่ ูขอมให้สามารถมากราบไหว้กันได้
โดยว่ากันว่าพระเกษาของท่านจะยาวขึน้ ตลอดเวลา ต้องมี
การปลงผมอยตู่ ลอด
บทท่ี4 แหล่งท่องเท่ียว วัดไผ่โรงวัว
วดั ไผ่โรงววั เป็ นวดั ท่ีมีชื่อเสียงของจงั หวดั สุพรรณบรุ ี เป็ นวดั
ท่ีมีพืน้ ที่กว้างขวางมาก ก่อสร้างเม่อื ปี พ.ศ. 2469 แต่แรกเริ่ม
เดิมทีวดั ไผ่โรงววั เป็ นสานกั สงฆ์มาก่อนอย่ใู นพืน้ ที่ดงป่ าไผ่ที่
ชาวบ้านนาววั มาผกู ไว้ระหว่างทานา ตอ่ มาชาวบ้านได้นิมนต์
ท่านพระครูอุทยั ภาคาธร (หลวงพ่อขอม) จากวดั พระศรีรัต
นมหาธาตใุ น อ. เมืองมาเป็นเจ้าอาวาส
วดั ไผ่โรงววั เป็ นวดั ที่มีพุทธศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้และ
เยี่ยมเยียนกันอย่างมาก ภายในวัดไผ่โรงวัวมีส่ิงก่อสร้ าง
ต่างๆมากมาย อาทิ “เมืองนรกภูมิ” แดนแห่งเปรตและอสูร
กาย “พระพทุ ธโคดม” พระพทุ ธรูปโลหะสาริดองค์ใหญ่ที่สดุ
ในประเทศไทย “พระกกุสนั โธ” พระพุทธรูปขนาดใหญ่ปาง
มารวิชยั ทีเห็นได้แต่ไกล สงั เวชนียสถานจาลอง “วิหารร้ อย
ยอด” สถาปัตยกรรมศิลปะทรงไทยประยุกต์อินเดีย “เมือง
สวรรค์ 3 ชนั ้ ” “มณฑปหลวงพ่อป่ ขู อม” กราบพระศพหลวง
พอ่ ขอมท่ีไมเ่ น่าเปื่ อย ฯ
1.สมเดจ็ พระกะกุสันโธ(พระใหญ่ วดั ไผ่โรงววั )
เป็ นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้ างด้วยคอรกรีต
เสริมเหล็กก่ออิฐถือปนู หน้าตกั กว้าง 40 เมตร สงู
58 เมตร หลวงพ่อขอมเป็ นผู้นาและดาเนินการ
สร้ างเมื่อปี พ.ศ. 2518 แล้วเสร็จเม่ือ พ.ศ. 2523
บริ เวณด้ านหน้ าองค์พระมีฆ้ องใหญ่ ที่สุดในโลก
ปากกว้างถึง 3 เมตร นกั ท่องเที่ยวสามารถมองเห็น
ได้แตไ่ กล
2.เมอื งนรกภมู ิ แดนแห่งเปรตและอสูรกำย
เ มื อ ง น ร ก ภูมิ ภ า ย ใ น วัด ไ ผ่ โ ร ง วัว จ า ล อ ง ส ถ า น ที่
ความเช่ือเรื่ องบาปกรรมเมื่อตายไปต้ องตกน รก
เพื่อให้เป็นคติสอนใจเร่ืองบาปบญุ คณุ โทษ ในนรก
ภมู ินนั้ เป็นห่นุ ปนู ปัน้ ตามนรกขมุ ต่างๆ อาทิ ปี นต้น
งิว้ กระทะทองแทง อีกาจิก ฯ แต่ละห่นุ มีคากัากับ
อธิบายถึงปากรรมที่ได้ทา สีหน้าห่นุ ผู้ท่ีตกไปตาย
ไปนนั้ มีความทุกข์ทรมาณแสนสาหสั ตรงกลางมี
อสรุ กายเปรตสงู กว่าตกึ สามชนั้
3.วิหำรร้อยยอด(นิโครธำรำมพุทธวหิ ำร)
วหิ ารร้อยยอดเป็นวหิ ารท่ีหลวงพ่อขอมสร้างขนึ ้ เมื่อ
ปี พ.ศ.2516 ก่อนการสร้ างอุโบสถร้ อยยอด มี
ลกั ษณะเป็ นสถาปัตยกรรมศลิ ปะทรงไทยประยกุ ต์
อินเดีย จัตุรมุข กว้าง 30 เมตร ยาว 54 เมตร
ภายในประดิษฐานพระพทุ ธรูปปางปฐมเทศนา ซึ่ง
เป็ นศิลปะแบบคนั ธารราฐ หน้าบรรณประดบั ด้ วย
ทองคาเปลว ส่วนภายนอกมีงานประติมากรรมรูป
ปัน้ ฤาษีดดั ตนอย่ใู นแตล่ ะด้านทงั้ 4 ทิศ
4.อุโบสถร้ อยยอด
โบสถ์ร้ อยยอดเป็ นอาคารทรงไทยจัตุรมุขมียอด
แหลมบนหลงั คาจานวนมาก ด้านในปดู ้วยหินอ่อน
มีพระประธานประดิษฐานอยู่ด้ านในสุด รอบ
อโุ บสถด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนงั วาดใหม่เป็ น
เรื่องราวเก่ียวกบั ความเช่ือทางศาสนา
5.เมอื งสวรรค์ 3 ชัน้
บริเวณนีจ้ าลองปราสาทสามฤดขู องเจ้าชายสิทธัต
ถะ หลังกลางเป็ นปราสาทฤดูหนาวมีความสูงถึง
สามชนั้ เมื่อเข้าไปจะพบกบั รูปปัน้ เจ้าชายสิทธตั ถะ
สามารถเดินขึน้ ไปชนั้ บนชมทิวทศั น์วดั ไผ่โรงววั ได้
สาม าร ถเ ห็น สว นต รง ปร ะตูเมื อง กบิ ลพัสด์ุท่ี อ ยู่
ด้านหลงั ด้านบนสามารถตรี ะฆงั 9 ครัง้ ได้
6.สมเดจ็ พระพทุ ธโคดม
เป็ นพระพุทธรูปโลหะสาริดองค์ใหญ่ท่ีสุดใน
ประเทศไทย หน้าตกั กว้าง 10.25 เมตร ความสูง
รวมบัลลังค์ 26 เมตร เร่ิมก่อสร้ างตัง้ แต่ปี พ.ศ.
2502 สร้ างด้วยเนือ้ ทองสัมฤทธิ์หนัก 50 ตัน ใช้
เวลาก่อสร้ างนานถึง 17 ปี พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดาเนินมาทรงยกพระ
เกตมุ าลา เมื่อวนั ที่ 12 มีนาคม 2512
7.จำลองสังเวชนียสถำน 4 ตำบล
สงั เวชนียสถาน 4 ตาบล ตงั้ อย่ภู ายในวดั ไผ่โรงววั
เป็ นการจาลองสถานที่ๆเก่ียวข้องกบั พระพุทธเจ้า
ให้คล้ายกบั ท่ีอินเดียและเนปาล ได้แก่ “ลมุ พินีวนั ”
สถานที่ประสตู ิ , “พทุ ธคยา” สถานที่ตรัสรู้ , “สาร
นาถ” สถานท่ีปฐมเทศนา และ “กสุ ินารา” สถานที่
ปรินิพพาน
8.มณฑปหลวงพ่อป่ ขู อม
ด้านในกราบพระศพหลวงพ่อขอมท่ีไม่เน่าเป่ื อย พระเกศา
ของท่านจะยาวขนึ ้ ตลอดเวลา ต้องมกี ารปลงผมขององค์ท่าน
อยู่ตลอดตามประวัติหลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัวนัน้ เกิดท่ี
อาเภอสองพ่ีน้อง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี โดยใช้ช่ือว่า “เป้ า” ได้รับ
ใช้ปรนนิบัติพระภิกษุผู้เป็ นอาจารย์ในวัดใกล้บ้ าน ได้รับ
ความร้ ู สามารถอ่านเขียนภาษาขอมได้ อย่างคล่องแคล่ ว
ฉายาว่า “ขอม” จึงได้ปรากฏขึน้ ตงั ้ แต่บดั นนั ้ เป็ นต้นมา เม่ือ
เด็กชายขอมได้ร่าเรียนจากเมืองหลวงก็ได้กลบั มาอุปสมบทที่
วดั บางสามได้รับฉายาท่ีพระอปุ ัชฌาย์ตงั ้ ให้คือ “อนิโชภิกขุ”
พระขอมหรือท่านอโชภิกษุได้ปฏิบตั ิตนในในศีลจารวัตรเป็ น
อย่างดีอยู่หลายปี จนกระทั่งมีสานักสงฆ์สร้ างขึน้ ใหม่แห่ง
หน่ึง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า “วดั ไผ่โรงววั ”
ท่ีน่ีไม่มีสมภารเจ้าวดั บรรดาชาวบ้านจึงพากนั ไปนิมนต์พระ
ขอมให้ไปจาพรรษาอย่ทู ี่วดั ไผโ่ รงววั ก่อน พระขอมซงึ่ เคยเป็ น
ท่ีค้นุ เคยกบั พทุ ธบริษัทท่ีนน่ั ไมอ่ าจขดั ศรัทธาได้ จงึ ได้ย้ายไป
จาพรรษาอยทู่ ี่วดั นนั ้ เป็นเวลา 2 ปี ก่อนท่ีขอย้ายไปจาพรรษา
ที่วดั พระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอย่ใู นตวั เมืองสพุ รรณบุรี เพื่อไป
ศึกษาพระปริยตั ิธรรม เวลาผ่านไป 3 ปี พระขอมก็สอบไล่ได้
นักธรรมชนั ้ เอก อนั เป็ นความรู้ชัน้ เถรภูมิ จึงกลับมาสู่วัดไผ่
โรงววั อีกครัง้ หนง่ึ
9.พระโคนำคม และพระพทุ ธรูป 500 องค์
ตงั้ อยทู่ างทิศใต้ของวดั ไผ่โรงววั ประดษิ ฐานพระโก
นาคมนพุทธเจ้าตามคมั ภีร์พทุ ธวงศ์ รายล้อมด้วย
พระพทุ ธรูป 500 องค์ ใต้ฐานบางองค์น่าจะเป็ นท่ี
เก็บอฐั ิเพราะมีรูปและช่ือของผ้ลู ว่ งลบั ไปแล้ว
10.มณฑปหลวงพ่อขอม
มณฑปหลวงพ่อขอมเป็ นเรือนรูปสี่เหล่ียมหลงั คา
เป็ นรูปทรงกรวย สงู 18 เมตร ภายในประดิษฐาน
รูปหล่อหลวงพ่อขอม (อนิโขภิกขุ) สร้างด้วยโลหะ
เป็ นรูปหล่อหลสงพ่อขอมเหมือนจริงรูปแรกของวดั
ไผ่โรงววั สร้ างขึน้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธา
ได้มากราบไหว้บชู า
บทท่5ี กำรเดนิ ทำง
วดั ไผ่โรงววั ตงั้ อยู่ที่ ตาบลบางตาเถร ห่างจากตวั
จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ประมาณ 43 กิโลเมตร หรือจาก
กรุงเทพฯ ประมาณ 70 กิโลเมตร ตามเส้นทาง
สายตลิ่งชนั -สพุ รรณบรุ ี มีทางแยกซ้ายก่อนถึงสาม
แยกลาดบวั หลวงเข้าสวู่ ดั ไผ่โรงววั
จดั ทาโดย
เดก็ ชาย ปภสั ป่ิ นสขุ เลขที่14 ชนั้ ม.3ข
โรงเรียนวดั ทา่ ไชย(ประชานกุ ลู )
จบแล้วจ้ำ