The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Brown and White Illustrative History Subject Notebook Cover

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

อิเหนา ตอนกะหมังกุหนิง

Brown and White Illustrative History Subject Notebook Cover

อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง หน้า 61-65 วรรณคดีวิจักษ์


ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กษัตริย์ไทยพระองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงประสูติ เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน มีพระนามเดิมว่า “ฉิม” พระองค์ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กับกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติ ณ บ้านอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม


ถอดคำ ประพันธ์


เมื่อนั้น พระองค์วงศ์อสัญแดหวา จึงตอบว่าอันตัวจรกา มิได้อยู่ดาหาธานี เมื่อหลบตามารบให้ผิดเมือง รี้พลตายเปลืองไม่พอที่ จะรบกับจรกาดังว่านี้ จงล่าเลิกโยธีถอยไป แม้นไม่รู้แห่งเมืองจรกา จะช่วยชี้มรรคาบอกให้ ถ้าขืนตั้งประชิดติดกรุงไกร คงชิงชัยไม่ฟังท่านพาที ถึงมาตรแม้นจรกามิมาเล่า ตัวเราจำ ช่วยด้วยเป็นพี่ เมตตาว่าน้องเป็นสตรี จะทอดทิ้งมารศรีเสียอย่างไร ใช่นางเกิดในปทุมา สุริย์วงศ์พงศานั้นหาไม่ จะมาช่วงชิงกันดังผลไม้ อันจะได้นางไปอย่าสงกา เมื่อนั้นพระองค์วงศ์อสัญญาแดหวา จึงตอบไปว่าตัวจรกา ไม่ได้อยู่ในเมือง ดาหา เมื่อหลับตามารบผิดเมืองไ พร่พลจะตายเปล่าๆ ถ้าหากจะรบกับจรกาดังที่บอก มาก็ขอให้ถอยทัพกลับไป *หากไม่รู้ว่าเมืองจรกาอยู่ที่ไหนก็จะ บอกทางให้ ถ้าหากยัง ตั้งทัพประชิดเมืองอยู่ เราก็จะไม่ฟังท่านพูด ถึงแม้ว่าจรกาไม่ได้มาบอก ตัวเราก็จะ ช่วยเพราะเป็นพี่เมตตาน้องสาว จะให้ทอดทิ้งได้อย่างไร นาง(บุษบา)ไม่ได้เกิดมาจาก ดอกบัวหรือไม่มีวงศ์ตระกูล ใครๆจะมาแย่งชิงกันเหมือนผลไม้คงจะไม่ได้นางไปแน่


เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า จึงว่าเรายกโยธา หมายจะมาชิงพระบุตรี ถึงจะรับของสู่ระตูไว้ ยังมิได้ทำ การภิเษกศรี จรกาไม่มาก็ยิ่งดี ไม่มีผู้หวงแหนเกียดกัน สุดแท้แต่นางอยู่ที่ไหน เราก็จะชิงชัยที่นั่น อันชิงนางอย่างนี้ไม่ผิดธรรม์ ธรรมเนียมนั้นมีแต่บุราณมา สุดแต่ใครดีใครได้ การอะไรของเจ้าผู้เชษฐา จงยกทัพกลับคืนไปพารา เบื้องหน้าจะได้สืบสุริย์วงศ์ ท้าวกะหมังกุหนิงกล่าวว่า เรายกทัพมาหมายจะช่วงชิงพระธิดา แม้รับหมั้น ระตูจรกาไว้แต่ก็ยังไม่ได้เข้าพิธีอภิเษก จรกาไม่มาก็ยิ่งดี จะได้ไม่มีคนหวงแหนกีดกัน นางอยู่ที่ไหนเราจะชิงเอาที่นั่น การชิงนางอย่างนี้ ไม่ผิดธรรมเนียมโบราณ ใครดีใครได้ ไม่ใช่ธุระกงการของเจ้าซึ่งเป็นพี่ จงยกทัพกลับบ้านเมืองเสีย จะได้สืบวงศ์เทวาสืบไป ในภายหน้า


เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีตอบตามประสงค์ ซึ่งจะให้เรายกจตุรงค์ คืนคงกรุงไกรนั้นไม่ควร อับอายไพร่ฟ้าประชาชน เสนีรี้พลจะแซ่สรวล หรือหมายไม่สมคะเนเรรวน จึงชวนพูดจาหย่าทัพ อย่าพักพูดอุบายให้ตายใจ ท่านมิยกคืนไปก็ไม่กลับ รี้พลจะพลายย่อยยับ เราก็ระตูมาสู้กัน จะได้ลองฤทธีฝีมือ ให้ลือชื่อในชวาเขตขัณฑ์ หรือรักตัวกลัวจะม้วยชีวัน บังคมคัลจะให้คืนไปพารา อิเหนาตอบทันทีว่า การให้เราล่าทัพกลับเมืองนั้นไม่เป็นการสมควร จะเป็นที่ อับอายเย้ยหยันแก่ไพร่ฟ้าประชาชนและเหล่าทหาร หรือท่านเห็นท่าจะไม่สมหวังจึง ชวนเราหย่าศึกหรือเป็นอุบายให้เราตายใจ ถ้าท่านไม่ยกทัพคืนไปเราเองก็ไม่กลับ มาประลองฝีมือกันให้เป็นที่เลื่องลือทั่วแดนชวา เพื่อไพร่พลไม่พลอยพินาศด้วย จะดีกว่า หรือว่าท่านรักตัวกลัวตายก็จงมาไหว้เราเสีย จะได้ไว้ชีวิตให้ยกทัพกลับ เมือง


เมื่อนั้น วิหยาสะกำ ใจกล้า ได้ฟังคั่งแค้นแทนบิดา จึงร้องตอบวาจาว่าไป ดูก่อนอริราชไพรี อย่าพาทีลบหลู่ท่านผู้ใหญ่ โอหังบังอาจประมาทใคร จะนอบน้อมยอมไหว้อย่าพึงนึก มิเราก็เจ้าจะตายลง อย่าหมายจิตคิดทะนงในการศึก ยังมิทันพันตูมาขู่คึก จะรับแพ้แลลึกไม่มีลาย วิหยาสะกำ ได้ฟังเช่นนี้ก็รู้สึกแค้นใจแทนบิดาจึงร้องไปว่า พวกเจ้าอย่าพูดจา ลบหลู่ผู้ใหญ่ อย่าโอหังบังอาจเช่นนี้ อย่านึกว่าใครจะยอมนบไหว้ ไม่เราก็เจ้าต้อง ตายไปข้างหนึ่ง ยังไม่ทันลงมือก็อย่ามาขู่ที่จะยอมแพ้นั้นอย่าหมายเลย


เมื่อนั้น สังคามาระตาเฉิดฉาย ฟังวิหยาสะกำ อภิปราย หยาบคายเคืองขัดอัธ จึงทูลองค์ระเด่นมนตรี น้องนี้จะขออาสา สู้วิหยาสะกำ ผู้ศักดา พระองค์จงยืนม้าเป็นประธาน สังคามาระตาได้ฟังคำ พูดหยาบคายของวิหยาสะกำ รู้สึกขัดใจจึงทูลอิเหนาว่า น้องขออาสาสู้กับวิหยาสะกำ ขอเจ้าพี่ยืนม้าเป็นประธานให้ด้วย เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีใจหาญ จึงตอบอนุชาชัยชาญ เจ้าจะต้านต่อฤทธิ์ก็ตามใจ แต่อย่าลงจากพาชี เพลงกระบี่ยังหาชำ นาญไม่ เพลงทวนสัดทัดชัดเจนใจ เห็นจะมีชัยแก่ไพรี อิเหนาตอบสังคามาระตาว่า เจ้าจะสู้ก็ตามใจแต่อย่าลงจากหลังม้า เพราะเจ้ายัง ไม่ชำ นาญเพลงกระบี่ ถ้าใช้เพลงทวนที่ชำ นาญเจ้าจะชนะศัตรู


เมื่อนั้น สังคามาระตาเรืองศรี น้อมองค์ถวายอัญชลี กะระตะพาชีขึ้นไปพลัน สังคามาระตาทำ ความเคารพอิเหนาแล้วเร่งม้าไปทันที ยืนม้าอยู่ตรงวิหยาสะกำ แสร้งทำ เป็นทีเย้ยหยัน แล้วว่าใครไม่คิดแก่ชีวัน จะชิงตุนาหงันพระธิดา จงมาเล่นทวนด้วยกันก่อน ให้เห็นฤทธิรอนแกล้วกล้า แม้นควรคู่กับวงศ์เทวา จึงจะยกกัลยาให้ไป แล้วหยุดยืนหน้าวิหยาสะกำ แกล้งทำ ทีเยาะเย้ยว่า ใครไม่เห็นแก่ชีวิตคิดจะชิงนาง บุษบา จงออกมาต่อสู้แสดงฝีมือ และความแกร่งกล้าด้วยทวนกันก่อน แม้คู่ควรกับวงศ์เทวา ก็จะได้นางไป


เมื่อนั้น วิหยาสะกำ ศรีใส ได้ฟังแค้นขัดกลัดใจ จึงตอบคำ ไปด้วยพลัน ดูก่อนเจ้าชู้เรืองฤทธิรงค์ รูปทรงงามสมคมสัน เชื้อชาติญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ อยู่เขตขัณฑ์ธานีบุรีไร หรือเป็นวงค์อสัญแดหวา ในสี่นคราเป็นไฉน จึงปั้นหน้ามาต่อฤทธิไกร ไม่กลัวชีวาลัยจะมรณา ที่ยืนม้าอยู่ข้างหลังนั้น กั้นกลดพื้นสุวรรณโอ่อ่า นามวงศ์พงศ์ใดจงบอกมา แจ้งกิจจาแล้วจึงจะรบกัน วิหยาสะกำ ได้ฟังก็ขัดแค้นใจจึงตอบไปว่า เดี๋ยวก่อนเจ้าผู้มีความสามารถ ในการรบ และมีรูปงามคมสันเจ้าเป็นเชื้อวงศ์เมืองใด หรือเป็นวงศ์อสัญแดหวา หนึ่งในสี่เมือง จึงคิดมาหาญสู้ไม่กลัวตาย ผู้ยืนม้ากั้นกลดอยู่ข้างหลังนั้นเป็นใคร ช่วยบอกด้วย เมื่อรู้เรื่องแล้วเราจะได้รบกัน


เมื่อนั้น สังคามาระตาเฉิดฉัน ได้ฟังดังศรเสียบกรรณ จึงตอบไปพลันทันใด อันองค์สมเด็จพระปิ่นเกล้า คืออิเหนากุเรปันเป็นใหญ่ นั่นกะหรัดตะปาดีชาญชัย ร่วมในสุริย์วงค์ธิบดี นี่สุหรานากงทรงสวัสดิ์ องค์อะหนะสิงหัดส่าหรี นั่นระเด่นดาหยนภูมี อยู่หมันหยาธานีกรุงไกร เราชื่อสังคามาระตา หน่อท้าวปักมาหงันเป็นใหญ่ ได้เป็นอนุชาเรืองชัย ภูวไนยองค์ระเด่นมนตรี สังคามาระตาได้ฟังก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนศรเสียบหูตอบว่า ผู้เป็นจอมทัพ คืออิเหนาโอรสท้าวกุเรปันนั่นกะหรัดตะปาตีโอรสท้าวกุเรปันเช่นกัน นี่สุหรานากง โอรสท้าวสิงหัดส่าหรี นั่นระเด่นดาหยนแห่งเมืองหมันหยา ตัวเราชื่อสังคามาระตา โอรสระตูปักมาหงัน อนุชาของอิเหนา


เมื่อนั้น วิหยาสะกำ เรืองศรี ยิ้มแล้วจึงกล่าววาที ซึ่งว่ามานี้ยังแคลงใจ อันกาหลังสิงหัดส่าหรีนั้น ดาหากุเรปันกรุงใหญ่ ทั้งหมันหยาธานีนั้นไซร้ ก็แจ้งใจว่าวาศ์กันสืบมา ตัวสิอยู่ปักมาหงัน ใช่วงศ์อสัญแดหวา เหตุใดว่าเป็นอนุชา นับในวงศาประการใด หรือหนึ่งพึ่งจะมาเป็นน้อง เกี่ยวข้องรักกันเป็นไฉน เราคิดเห็นผิดประหลาดใจ จงบอกไปแต่จริงบัดนี้ วิหยาสะกำ ยิ้มแล้วกล่าวว่าเราสงสัยว่า กาหลัง สิงหัดส่าหรี ดาหา และกุเรปัน อีกทั้งหมันหยา เป็นที่รู้ว่าร่วมวงศ์เดียวกัน ตัวท่านอยู่ปักมาหงัน ไม่ใช่ วงศ์เทวา เหตุใดจึงว่าเป็นอนุชาอิเหนา หรือเพิ่งมาเกี่ยวดองเป็นพี่น้อง ฟังแล้วน่าประหลาดใจนัก จงบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้


เมื่อนั้น สังคามาระตาเรืองศรี ฟังวิหยาสะกำ พาที ดังตรีเพชรบาดในอุรา จิงร้องว่าเหวยไพริน ลมลิ้นหยาบคายนักหนา มาถามไถ่ไล่เอากิจจา คือจะปรารถนาสิ่งใด สุดแต่ว่าจิตพิศวาส ก็นับเป็นวงศ์ญาติกันได้ อย่าชักเจรจาให้ช้าไป จะชิงชัยให้เห็นฝีมือกัน ว่าพลางทางกรายปลายทวน รำ ร่ายเป็นกระบวนหวนหัน ชักอาชาชิดติดพัน เข้าประจัญจ้วงโจมโถมแทง สังคามาระตาเมื่อได้ฟังวิหยาสะกำ พูดเช่นนั้นเหมือนเอาตรีเพชรมาบาดอกจึง ร้องต่อว่าพูดจาหยาบคายจะมาไถ่ถามหรือปรารถนาสิ่งใดก็แล้วแต่ ถือว่าเป็นญาติ กัน จะมัวมาพูดให้ช้ามาสู้รบให้เห็นฝีมือกันดีกว่า


เมื่อนั้น วิหยาสะกำ เข้มแข็ง ขับม้าเลี้ยวล่อต่อแย้ง กรายพระแสงทวนรำ เป็นทำ นอง กลอกกระหยับกลับแทงซ้ายขวา สังคามาระตาปัดป้อง ถ้อยทีหนีไล่รับรอง เปลี่ยนท่าทวนทองแทงกัน วิหยาสะกำ ขี่ม้า ใช้เพลงดาบ สู้กับสังคามาระตา ผลัดกันรุกผลัดกันรับ เมื่อนั้น สังคามาระตาแข็งขัน ขับม้าไวว่องป้องประจัญ เป็นเชิงชั้นชิงชัยในทีทวน ร่ายรับกลับแทงไม่แพลงพล้ำ วิหยาสะกำ ผัดผันหันหวน ต่างเรียงเคียงร่ายย้ายกระบวน ปะทะทวนรวนรุกคลุกคลี เมื่อนั้นสังคามาระตาก็ขี่ม้าเข้าใส่อย่างไวซึ่งเป็นชั้นเชิงในการเอาชนะ ทั้งรับ ทั้งแทงกลับก็ไม่พลาดพลั้ง ผลัดกันกับวิหยาสะกำ ต่างก็พอ ๆ กันเปลี่ยนมาสู้กันหลาย กระบวนทั้งแทงทั้งรับ


เมื่อนั้น วิหยาสะกำ เรืองศรี ชักม้าวงวิ่งชิงที โหมหักไพรีด้วยแรงฤทธิ์ โถมแทงแล้วแปลงเปลี่ยนกระบวน ทบทวนม้าที่นั่งไม่พลั้งผิด หมายเขม้นเข่นฆ่าปัจจามิตร ตามติดต้านทานราญรอน วิหยาสะกำ ก็ชักม้าวิ่งเข้าใส่ศัตรู จ้วงแทงแล้วก็เปลี่ยนท่าทางขี่ม้าที่นั่ง ก็ไม่พลาดพลั้งด้วยใจหมายจะเอาชนะศัตรู เมื่อนั้น สังคามาระตาชาญสมร รบรับเคี่ยวขับอัสดร ยอกย้อนเปลี่ยนกลรณรงค์ กลับกลอกรำ ร่ายกรายพระแสง ปะทะแทงลวงไปให้ใหลหลง แล้วทำ เสียเชิงชักม้าทรง ตลบวงเวียนหันไปทันที สังคามาระดาก็ชักม้าดูดล่องแคล่วด้วยท่าที่ต่าง ๆ แล้วออก เพลงดาบอย่างมี ชั้นเชิงเป็นกลอุบายให้วิหยาสะกำ พลาดท่า แล้วจึงชักม้ากลับไปตลบข้างหลัง


นัยน์เนตรมุ่งหมายวิหยาสะกำ เห็นถลำ เลี้ยวไล่ได้ที่ พระแทงสอดลอดเกราะถูกไพรี ตกจากพาชีมรณา สังคามาระตาสายตามุ่งไปที่วิหยาสะกำ ตอนขณะวิหยาสะกำ เผลอได้ที ก็ใช้ดาบแทงไปที่หน้าอกทันที แล้ววิหยาสะกำ ตกจากม้าลงมาตาย เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า เห็นโอรสต้องศัสตรา ตกจากอาชาบรรลัย กริ้วโกรธโกรธาบ้าจิต จะรอรั้งยั้งคิดก็หาไม่ แก่วงหอกคู่ขับอาชาไนย เข้ารุกไล่สังคามาระตา เมื่อท้าวกระหมังกุหนิงผู้เป็นพ่อเห็นลูกถูกฆ่า ตกจากม้าลงมาก็ทรงโกรธมาก จึงแกว่งหอกขี่ม้าไล่ฆ่าสังคามาระตาทันทีโดยไม่ยั้งคิด


เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา เห็นไพรีรุกไล่อนุชา พระขับม้าถลันออกกั้นกาง กลับกลอกหอกทรงพุ่งสกัด ระตูรับผันผัดไม่ขัดขวาง พระชักอาชาไนยไว้วาง สะบัดย่างเชือนชายย้ายทำ นอง เมื่ออิเหนาเห็นศัตรูลุกไล่น้องชาย จึงควบมาออกมากั้นกลาง ขว้างหอก พุ่งสกัด ระตูไม่ขัดขวาง อิเหนาจึงควบม้าออกมา เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงไวว่อง ขับม้าวกวิ่งชิงคลอง เคล่าคล่องกลับกลอกหอกซัด ขยับกรผ่อนพุ่งข้างละที ระเด่นมนตรีป้องปัด ระตูตามติดพันด้วยสันทัด ผันผัดอาวุธกันไปมา ท้าวกระหมังกุหนิงว่องไว ขับม้าเอาหอกซัดขยับมือพุ่งข้างละที อิเหนาต้อง ป้องกัน ระตูตามมาติดเพราะเชี่ยวชาญ ฟาดฟันอาวุธกันไปมา


เมื่อนั้น พระผู้พงศ์เทวัญอสัญหยา รับพลางทางชักอาชา รั้งรารอไว้ไม่รอนราญ จึงคิดว่าระตูผู้นี้ ท่วงทีสามารถอาจหาญ ทั้งอาวุธต่างต่างก็ชำ นาญ จะผลาญบนหลังม้าเห็นยากใจ อย่าเลยจะชวนตีกระบี่ ได้ทีจะฆ่าเสียให้ได้ คิดแล้วจึงร้องประกาศไป ดูก่อนภูวไนยธิบดี เรารบกันบนหลังอาชา ต่างกล้าสามารถไม่ถอยหนี มาจะลงยังพื้นปัถพี ตีกระบี่ให้เห็นฝีมือกัน ว่าพลางลงจากอัสดร พระกรทรงกระบี่ผาดผัน รำ ร่ายหันเหียนเวียนระวัน หมายมั่นเข่นฆ่าราวี อิเหนารับมือพลางชักม้ารอแล้วคิดว่า ระตูคนนี้ท่าทีกล้าหาญ เชี่ยวชาญ อาวุธหลากหลาย จะฆ่าบนหลังม้าน่าจะยาก น่าจะสู้กันด้วยกระบี่ถ้าได้โอกาสก็ จะฆ่า คิดได้จึงพูดออกไป เดี๋ยวก่อนท่านเรารบกันบนหลังม้าต่างก็เก่งกล้าไม่มีถอย ลงมาสู้ที่พื้นดินประลองฝีมือกระบี่กันดีกว่า อิเหนาพูดพร้อมลงจากหลังม้า มือถือ กระบี่ร่ายรำ หมายจะฆ่าศัตรู


ตัวละคร


1. อิเหนา อิเหนาหรือระเด่นมนตรี หรือเป็นโอรสของท้าวกุเรปันและ ประไหมสุหรีนิหลาอระตา แห่งกรุงกุเรปัน อิเหนาเป็นชายรูปงามมี เสน่ห์ เจรจาอ่อนหวาน นิสัยเจ้าชู้ มีความเชี่ยวชาญในการใช้กริช และกระบี่เป็นอาวุธ


2. สังคามาระตา โอรสของระตูปรักมาหงัน และเป็นน้องของมาหยารัศมี สังคามาระตา เป็นหนุ่มรูปงาม มีความเฉลียวฉลาดรอบคอบ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เก่ง และกล้าหาญ ทั้งยังมีความซื่อสัตย์ และชำ นาญในการใช้ทวนเป็นอาวุธ เป็น คู่คิดคู่ปรึกษาและช่วยเตือนสติอิเหนาได้หลายครั้ง


3. ท้าวกะหมังกุหนิง เป็นกษัตริย์ ผู้มีความรัก ความเมตตา ต่อลูกชายของตน วิหยาสะกำ สังเกตได้จากตอนที่ลูกของตนหลงรักนางบุษบา ถึงจะ รู้ว่านางบุษบามีคู่หมั้นแล้วแต่ ด้วยความสงสารลูก ก็ได้ไปขอนาง บุษบาให้ ถือเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่มีให้แก่ลูก แต่เป็นผู้มีโทสะ รุนแรง ไม่ยั้งคิด ความมีอารมณ์ ความขาดสติมาก ไม่ได้คิด ไตร่ตรองเสียก่อน ทำ การใดๆ ส่งผลทำ ให้เกิดปัญหามากมายภาย หลัง


4. วิหยาสะกำ เป็นหนุ่มน้อยรูปงาม โอรสองค์เดียวของท้าวกะหมังกุหนิง เป็นที่รักของพ่อแม่ มีลกษณะนิสัยดังนี้ (๑) เอาแต่ใจตนเอง จะเอาอะไรต้องได้ (๒) เป็นคนอ่อนไหว ขาดสติ แค่เห็นภาพวาดของบุษบาก็ หลงใหล ถึงกับครองสติไม่ได้และสลบไป (๓) เป็นคนที่รักศักดิ์ศรี มีความละอายแก่ใจที่ทำ ให้พ่อแม่ เดือดร้อน


รสวรรณคดี ในช่วงนี้ของเรื่อง กล่าวถึง พิโรธวาทัง : ลีลาโกรธหรือการแสดงความไม่พอใจ เช่น ประชดประชัน ตัดพ้อ ต่อว่า ด่าว่า ข่มขู่ เสียดสี กระแนะกระแหน เย้ยหยัน ตัวอย่าง เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า เห็นโอรสต้องศัสตรา ตกจากอาชาบรรลัย กริ้วโกรธโกรธาบ้าจิต จะรอรั้งยั้งคิดก็หาไม่ แก่วงหอกคู่ขับอาชาไนย เข้ารุกไล่สังคามาระตา


คำ ศัพท์ 1. มรรคา แปลว่า ทาง ทุกคนล้วนมี มรรคา ของตนเอง 2. เสนี แปลว่า เสนา ไพร่พล 3. อสัญแดหวา แปลว่า เทวดาต้นตระกูลของกษัตริย์ ๔ นครในบทละครเรื่องอิเหนา คือ องค์ปะตาระกาหลา, ชื่อวงศ์กษัตริย์ผู้ครอง ๔ นครในบทละคร เรื่องอิเหนา ได้แก่ กุเรปัน ดาหา กาหลัง และสิงหัดส่าหรี. 4. ภูวไนย แปลว่า พระเจ้าแผ่นดิน , กษัตริย์ 5. กราย แปลว่า เดินอย่างมีท่าทางด้วยการทอดแขนไปข้างหน้าและข้างหลัง อย่างช้า ๆ 6. ผัดผัน แปลว่า หมุนกลับไปกลับมา 7. ปัจจามิตร แปลว่า ข้าศึก, ศัตรู. 8. ศัสตรา แปลว่า ของมีคมอันเป็นอาวุธ, อาวุธต่าง ๆ. 9. ปัถพี แปลว่า พื้นดิน , แผ่นดิน 10. อัสดร แปลว่า ม้าดี


นายณพัชร เดเระมะ เลขที่6 ม.4/17 นายจรูญโรจน์ จิตราคม เลขที่10 ม.4/17 นายนิติพงศ์ อนันตณรงค์ เลขที่12 ม.4/17 นางสาวปรียนุช ณะสงขลา เลขที่23 ม.4/17 นางสาวพิชชาภา สวัสดี เลขที่37 ม.4/17 สมาชิกในกลุ่ม


Click to View FlipBook Version