The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ใบความรู้รายวิชาเพิ่มเติม หน้าที่พลเมือง ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำตามจุดเน้น และขอบข่ายของรายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมืองกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ได้ศึกษาคุณค่าของมารยาทไทย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by komsan.thonguntang, 2021-07-18 07:06:49

ใบความรู้ เรื่อง คุณค่ามารยาทไทย

ใบความรู้รายวิชาเพิ่มเติม หน้าที่พลเมือง ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำตามจุดเน้น และขอบข่ายของรายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมืองกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ได้ศึกษาคุณค่าของมารยาทไทย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา

Keywords: มารยาทไทย

คำนำ

ใบความรู้รายวิชาเพ่มิ เตมิ หน้าทพี่ ลเมือง ระดับประถมศึกษาปที ่ี 6 จดั ทำตามจดุ เน้น และขอบข่าย
ของรายวชิ าเพิ่มเตมิ หน้าทพ่ี ลเมอื งกลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม โดยมีเปา้ หมาย
สำคญั ให้ครนู ำ ไปใชจ้ ัดการเรียนรเู้ พอ่ื พัฒนานักเรยี นให้เป็นพลเมอื งดีของชาติ ใบความรชู้ ุดนต้ี อ้ งการให้
นักเรียนระดบั ประถมศึกษาปีที่ 6 ไดศ้ ึกษาคณุ คา่ ของมารยาทไทย ซ่ึงเป็นวัฒนธรรมท่ดี งี ามของไทยท่ปี ฏบิ ัติ
สบื ทอดต่อกนั มา แสดงให้เห็นถงึ กริ ิยามารยาท ท่สี ภุ าพเรียบร้อยมสี ัมมาคารวะ รจู้ กั กาลเทศะและต้อนรับผมู้ า
เยอื นดว้ ยความเปน็ มิตรและมีน้ำใจไมตรี

ผู้จัดทำหวังว่าใบความรู้ชุดนี้ จะให้องคค์ วามรู้และเปน็ ประโยชนต์ อ่ ตวั ผู้เรียน ในเรือ่ งคุณค่าของ
มารยาทไทย และใหผ้ ู้เรยี นได้เห็นคณุ คา่ และความสำคัญของมารยาทไทย สามารถทจ่ี ะวเิ คราะห์ และสามารถ
ปฏบิ ัตมิ ารยาทไทยได้ถูกต้องเหมาะสม

ผจู้ ดั ทำ
นายคมสัน ทองอันตงั

ใบความรู้

คุณคา่ ของมารยาทไทย ราชบณั ฑิตยสถาน ไดใ้ ห้ความหมายวา่ มารยาทหรอื มรรยาท เป็นคำไทย ซ่ึงนำมาจาก
ภาษาบาลี ว่า “ มรยิ าท ” หรอื ภาษาสันสกฤตวา่ “ มรยาทา ” แปลว่า กริ ิยาวาจาทีถ่ ือวา่ เรียบรอ้ ย หมายถงึ
การปฏบิ ัตติ นโดยผา่ นกระบวนการฝึกอบรม ขัดเกลาใหเ้ ป็นไปตามความนยิ มยอมรบั ของสงั คมแตล่ ะสงั คม
ลักษณะเฉพาะของมารยาทไทย ทแ่ี สดงถงึ วัฒนธรรมของชาติ และเปน็ การแสดงออกต่อผอู้ ืน่ ทนี่ มุ่ นวล มีความ
เป็นระเบียบแบบแผน มีกาละเทศะ คือ

· สภุ าพอ่อนนอ้ ม
· เคารพระบบอาวุโส
· มีกริ ยิ าวาจาคำลงท้ายเฉพาะ
· มกี ารยืน เดิน นงั่ ท่ีต่างบรรยากาศ
· มีการแสดงความเคารพ
· การทกั ทาย
· การใชว้ าจา
· การแสดงความคดิ เห็น
คุณค่าของมารยาทไทย เร่ืองของมารยาทนัน้ ยงั มักเข้าใจกันว่าเปน็ เรอื่ งวิธกี ารเขา้ สงั คม ปรบั ตวั ให้
เข้ากบั หมู่คณะเพ่ือความเป็นระเบียบ เพื่อความงดงามน่าดู ความจริงแล้วมารยาทเปน็ ส่วนหน่ึงของวัฒนธรรม
และขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ โดยเฉพาะวฒั นธรรมของไทย ซึ่งส่วนหน่ึง มาจากสังคมเกษตรกรรม
และอีกสว่ นหนึ่งไดร้ ับอิทธิพลมาจากศาสนาตา่ งๆทั้งศาสนาพทุ ธและศาสนาพราหมณ์ คนไทยไดร้ ับการยกยอ่ ง
จากชาวต่างชาติมาชา้ นานวา่ เปน็ ผู้มีมารยาทออ่ นโยน นุ่มนวล นา่ รัก

มารยาทไทยท่เี ป็นวฒั นธรรมการทกั ทายเวลาพบปะกนั หรือลาจากกนั “ การไหว้ ” เป็นการแสดงถึง
ความมสี มั มาคารวะและการให้เกยี รติซง่ึ กนั และกนั นอกเหนอื จากการกล่าวคำวา่ “ สวสั ดี ” แลว้ ยงั แสดงออก
ถงึ ความหมาย “ การขอบคุณ ” และ “ การขอโทษ ” การไหว้เปน็ การแสดงมิตรภาพ มิตรไมตรี ทเ่ี ปน็
ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม

การแสดงความเคารพ
รายละเอียดเกยี่ วกบั การแสดงความเคารพเป็นเอกลักษณ์สำคญั ของคนไทยเป็นเรื่องแรก การแสดง
ความเคารพมหี ลายลกั ษณะ เชน่ การประนมมือ การไหว้ การกราบ การคำนับ การถวายความเคารพ การทีจ่ ะ
แสดงความเคารพในลักษณะใดนั้น ต้องพิจารณาผู้ท่ีจะรับความเคารพดว้ ยวา่ อย่ใู นฐานะเชน่ ใด หรอื ในโอกาส
ใด แล้วจึงแสดงความเคารพใหถ้ ูกต้องและเหมาะสม การแสดงความเคารพแบ่งได้ดงั น้ี คือ
๑. การไหว้
การปฏิบตั ใิ นท่าไหวป้ ระกอบดว้ ยกริ ิยา ๒ ส่วน คอื การประนมมือและการไหว้
การประนมมือ (อัญชล)ี เป็นการแสดงความเคารพ โดยการประนมมือให้น้ิวมือทง้ั สองขา้ งชิดกัน ฝา่ มอื ท้ังสอง
ประกบเสมอกนั แนบหว่างอก ปลายนิ้วเฉยี งข้ึนพอประมาณ แขนแนบตัวไมก่ างศอก ทั้งชายและหญงิ ปฏิบัติ
เหมือนกัน การประนมมือนใี้ ช้ในการสวดมนต์ ฟังพระสวดมนต์ ฟงั พระธรรมเทศนา ขณะสนทนากับพระสงฆ์
รบั พรจากผู้ใหญ่ แสดงความเคารพผูเ้ สมอกัน และรับความเคารพจากผอู้ ่อนอาวโุ สกวา่ เป็นต้น
การไหว้ (วันทนา) เป็นการแสดงความเคารพ โดยการประนมมอื แลว้ ยกมอื ท้ังสองข้ึนจรดใบหนา้ ให้เห็นว่าเปน็
การแสดงความเคารพอย่างสงู การไหว้แบบไทย แบ่งออกเป็น ๓ แบบ ตามระดบั ของบุคคล
ระดับท่ี ๑ การไหวพ้ ระ ได้แก่ การไหวพ้ ระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมทง้ั ปูชนียวัตถุ ปูชนยี สถาน ทีเ่ กีย่ วกับ
พระพุทธศาสนา ในกรณที ่ีไม่สามารถกราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ได้ โดยประนมมือแล้วยกขึ้นพร้อมกับค้อม
ศีรษะลงให้หวั แมม่ ือจรดระหวา่ งคว้ิ ปลายนว้ิ แนบส่วนบนของหนา้ ผาก
ระดบั ท่ี ๒ การไหวผ้ ู้มพี ระคุณและผอู้ าวโุ ส ไดแ้ ก่ ปู่ ยา่ ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และผ้ทู ีเ่ ราเคารพนับถือ
โดยประนมมือแล้วยกข้ึนพรอ้ มกับค้อมศีรษะลงใหห้ วั แม่มือจรดปลายจมกู ปลายนว้ิ แนบระหว่างคิ้ว
ระดับที่ ๓ การไหว้บคุ คลท่ัว ๆ ไป ที่เคารพนับถือหรอื ผู้มีอาวุโสสงู กว่าเลก็ น้อย โดยประนมมือแลว้ ยกขนึ้
พรอ้ มกับค้อมศีรษะลงให้หัวแม่มอื จรดปลายคาง ปลายนว้ิ แนบปลายจมูก
อน่งึ สำหรับหญิงการไหวท้ ัง้ ๓ ระดบั อาจจะถอยเท้าข้างใดข้างหนง่ึ ตามถนดั ไปขา้ งหลังครง่ึ ก้าวแล้วย่อเขา่ ลง
พอสมควรพร้อมกับยกมือข้นึ ไหว้กไ็ ด้

๒. การกราบ (อภิวาท) เป็นการแสดงความเคารพอยา่ งสงู มี ๒ แบบ คอื

๒.๑ การกราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ เปน็ การใช้อวัยวะทั้ง ๕ คอื หนา้ ผาก ซึ่งเป็นตวั แทน
ของสว่ นบนของร่างกาย มือและข้อศอกท้งั ๒ เปน็ ตัวแทนส่วนกลางของร่างกาย เขา่ ท้ัง ๒ ซ่ึงเป็นตวั แทน
ส่วนลา่ งของร่างกายจรดพื้น การกราบมี ๓ จงั หวะ คอื
ทา่ เตรยี ม

ชาย นัง่ คกุ เข่าตวั ตรงปลายเท้าต้งั ปลายเท้าและสน้ เทา้ ชดิ กนั นัง่ บนส้นเทา้ เขา่ ทั้งสองห่างกันพอประมาณ มอื
ทัง้ สองวางคว่ำบนหน้าขา ทงั้ สองขา้ ง น้ิวชิดกนั (ท่าเทพบตุ ร)
หญงิ น่งั คกุ เข่าตัวตรง ปลายเท้าราบ เขา่ ถึงปลายเทา้ ชดิ กนั น่ังบนสน้ เทา้ มอื ท้งั สองวางควำ่ บนหนา้ ขา ทัง้
สองขา้ ง นิ้วชิดกนั (ท่าเทพธดิ า)
ท่ากราบ

จงั หวะที่ ๑ (อัญชล)ี ยกมือข้ึนในท่าประนมมือ

จังหวะที่ ๒ (วนั ทนา) ยกมือข้ึนไหว้ตามระดับท่ี ๑ การไหว้พระ

จงั หวะท่ี ๓ (อภิวาท) ทอดมือท้ังสองลงพร้อม ๆ กนั ให้มือและแขนทั้งสองข้างราบกับพ้นื ควำ่ มือห่างกัน
เล็กน้อยพอให้หน้าผากจรดพื้นระหว่างมือได้
ชาย ศอกท้ังสองข้างต่อจากเขา่ ราบไปกับพื้น หลงั ไมโ่ กง่
หญิง ศอกท้งั สองขา้ งคร่อมเข่าเล็กนอ้ ย ราบไปกับพน้ื หลังไมโ่ กง่ จากนัน้ ก้มศรี ษะลงใหห้ นา้ ผากจรดพ้รื ะหว่าง
มือทัง้ สอง
ทำสามจงั หวะให้ครบ ๓ คร้ัง แล้วยกมือขึ้นไหว้ในทา่ ไหวพ้ ระ แลว้ วางมอื ควำ่ ลงบนหน้าขา ในทา่ เตรียมกราบ
จากนนั้ ใหเ้ ปลย่ี นอริ ยิ าบถตามความเหมาะสม

๒.๒ การกราบผู้ใหญ่ กราบผู้ใหญ่ที่มีอาวโุ สรวมท้งั ผูม้ พี ระคุณ ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และ
ผู้ทีเ่ ราเคารพ ผกู้ ราบทงั้ ชายและหญิงนั่งพับเพยี บทอดมือท้ังสองข้างลงพร้อมกนั ให้แขนท้ังสองคร่อมเข่าท่ีอยู่
ด้านลา่ งเพียงเขา่ เดียว มือประนมต้งั กับพนื้ ไม่แบมือ คอ้ มตัวลงให้หน้าผากแตะสว่ นบนของมือที่ประนม
ในขณะกราบไม่กระดกนว้ิ มอื ขนึ้ รับหน้าผาก กราบเพยี งครั้งเดยี ว จากนั้นใหเ้ ปลี่ยนอิรยิ าบถโดยการนั่งสำรวม
ประสานมอื จากนัน้ เดนิ เข่าถอยหลังพอประมาณแล้วลกุ ข้ึนจากไป

มารยาทในการสนทนา
การสนทนา คือ การพดู คุย สื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง บุคคล ๒ คนขน้ึ ไป ซ่งึ เป็นส่งิ
สำคญั เมื่ออยรู่ ว่ มกบั บุคคลอน่ื ในสงั คม เพ่ือถ่ายทอด ความรู้ความคิด ความต้องการ ความรสู้ กึ และเป็น
เคร่ืองมอื ในการสร้าง มนษุ ยสัมพันธท์ ่ีชว่ ยให้เกดิ ความเข้าใจที่ตรงกนั ระหว่างคู่สนทนา การสนทนาที่แสดงถึง
ความมมี ารยาททีด่ ผี ้สู นทนาควรปฏบิ ัติดังนี้
๑) ใชค้ ำ พดู ทีส่ ุภาพ ไพเราะนุ่มนวลมคี ำลงท้ายเชน่ ครับค่ะ
๒) มสี ีหน้าย้ิมแย้มแจ่มใสขณะสนทนา
๓) พูดเร่อื งทเ่ี ก่ยี วข้องกับหัวข้อการสนทนา ไม่พูดไร้สาระหรือพดู นอกเรื่อง
๔) ตัง้ ใจฟังขณะทบ่ี คุ คลอนื่ กำลังพูดและไม่พูดแทรกผู้อื่น
๕) ไม่พูดเร่ืองของตนเองมากจนเกินไปควรพูดเทา่ ท่ีจำ เป็น
๖) ไมพ่ ูดถงึ บคุ คลอน่ื ในทางที่ทำ ให้เสือ่ มเสยี ไมน่ นิ ทาวา่ รา้ ยผูอ้ น่ื
๗) ไมพ่ ดู โอ้อวดตนเองหรือพูดใหต้ นเองดูตํ่าต้อย

๘) พูดด้วยเสยี งทด่ี ังฟังชดั เจนแตไ่ ม่ข้นึ เสยี งหรอื กระชากเสยี ง
๙) เคารพในความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื

การปฏิบัตติ นตามกาลเทศะ
กาลเทศะ คอื การปฏบิ ัติตน ทเี่ หมาะสมตอ่ เวลาและสถานที่การเขา้ ไป ในสถานท่ีต่าง ๆ การเข้ารว่ ม
พิธีการ หรอื การพบปะกบั บุคคลจะต้องมีการปฏบิ ตั ติ น ใหเ้ หมาะสมต่อบคุ คลและสถานท่นี ้ัน ๆ จึงไดช้ อื่ วา่
เป็นผู้มีกาลเทศะ เช่น
เม่อื เข้าไปในศาสนสถานหรือเข้ารว่ มพิธีกรรมทางศาสนา นกั เรยี นควรปฏิบัตติ นตามมารยาทและ
กาลเทศะดงั น้ี
๑) แต่งกายให้สภุ าพเรยี บร้อย ผหู้ ญิงไม่ควรนงุ่ กระโปรงสน้ั หรอื กางเกง ขาสัน้ สวมเส้ือมีแขน
๒) สำรวมกริ ยิ ามารยาทให้เรียบรอ้ ยไม่พดู คุยเสียงดัง ใชค้ ำ พดู ทสี่ ุภาพ
๓) เม่ือไปรว่ มงานอวมงคลควรแตง่ กายดว้ ยชดุ สีขาวหรอื สดี ำ
๔) การสนทนากับพระภกิ ษุควรใชค้ ำ แทนตนเองวา่ กระผม/ผม (สำหรับผูช้ าย)ดิฉัน(สำหรบั ผูห้ ญงิ )
และประนมมือขณะสนทนากับพระภกิ ษุ
๕) การถวายหรือประเคนสงิ่ ของแด่พระภกิ ษผุ ชู้ ายสามารถถวายสิง่ ของ มอื ต่อมือไดส้ ่วนผู้หญงิ ถวาย
ส่งิ ของโดยวางบนผา้ รับประเคน

เมอ่ื อยูใ่ นโรงเรียน นักเรียนควรปฏบิ ัตติ นตามมารยาทและกาลเทศะ ดงั น้ี
๑) ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบยี บของห้องเรียนและโรงเรียนอย่างเคร่งครัด
๒) แสดงความเคารพครูโดยการไหว้
๓) ไมพ่ ูดคุยหรอื ส่งเสียงดงั ขณะที่ครกู ำลังสอน
๔) เม่อื เข้าไปในห้องสมุดไม่ควรสง่ เสียงดงั รบกวนผอู้ นื่ เมื่ออ่านหนงั สือ เสร็จแล้วควรนำ ไปเก็บวางให้
เข้าที่
๕) เขา้ แถวตามลำดับก่อนหลัง เม่ือจะใช้หอ้ งนํ้าหรือซ้ืออาหาร
๖) หากไม่เข้าใจในส่ิงทีค่ รูกำลงั สอน ควรรอใหค้ รูสอนเสร็จแลว้ จงึ ยกมือถาม
๗) ขณะท่ีครูอยใู่ นห้อง ถ้าต้องการจะเขา้ หอ้ งหรือออกจากห้อง ควรขออนุญาตก่อนทุกครั้งพรอ้ มบอก
เหตผุ ล

เมือ่ อยูใ่ นสถานที่สาธารณะหรือทท่ี ่ีมีคนอยรู่ วมกนั เชน่ ตลาด สวนสาธารณะ โรงภาพยนตรส์ ถานท่ี
ทอ่ งเที่ยวต่าง ๆ นกั เรียนควรปฏบิ ตั ิตน ตามมารยาทและกาลเทศะดังนี้

๑) การเดินข้ึนลงบันไดให้เดินชิดซ้าย การขึน้ ลงบันไดเล่อื นใหย้ นื ชิด ดา้ นขวา เพ่ือเหลือพ้ืนท่ีดา้ นซ้าย
ใหผ้ ู้ทรี่ ีบเดนิ ไม่ควรยนื ขวางทางกลางบันไดเลือ่ น

๒) การใชโ้ ทรศพั ท์เคล่ือนท่ี ควรปฏิบัตติ ามกฎ ระเบยี บของสถานที่ อยา่ งเคร่งครัด เช่น ไม่ใช้
โทรศพั ทใ์ นโรงภาพยนตร์ไมพ่ ูดคยุ โทรศพั ทเ์ สียงดังบน รถโดยสารประจำทาง เพราะเปน็ การรบกวนผูอ้ ืน่

๓) ปฏิบัตติ ามกฎ ระเบยี บของสถานที่ เชน่ ไม่ถ่ายรูปสถานท่ี หรอื สงิ่ ตา่ งๆท่มี ีปา้ ยห้ามถ่ายรปู ไม่สวม
หมวกหรือแว่นตากนั แดดเขา้ ไปในธนาคาร

๔) เวลาไอหรือจามควรใช้ผ้าเชด็ หนา้ ปดิ ปากและจมูก
๕) ไม่ควรถ่มน้ําลายหรอื เสมหะในสถานทส่ี าธารณะ
๖) แตง่ กายใหส้ ะอาดสภุ าพ เหมาะสมกับสถานท่ี

การตอ้ นรบั ผู้มาเยือน
สำนวนไทยเก่ยี วกบั การต้อนรับ ผมู้ าเยือนมีหลายสำนวน เชน่ เปน็ ธรรมเนยี ม ไทยแท้แต่โบราณ ใคร
มาถงึ เรือนชาน ตอ้ งต้อนรับ ต้อนรับขับสู้เลีย้ งดปู ูเส่ือ สำ น วนไทยเหล่าน้ีสะท้อนใหเ้ ห็นถึง ลกั ษณะนสิ ัยของ
คนไทยท่เี ปน็ ผ้มู ีอธั ยาศัย ทีด่ ีมีนำ้ ใจไมตรีต่อผู้อ่นื เมื่อมีผู้มาเยือน เราควรแสดงความเป็นเจา้ บ้านทด่ี มี ีมารยาท
ท่ดี ใี นการ ต้อนรับซง่ึ ปฏบิ ัติได้ดังนี้
๑) เม่ือมีผู้มาเยือน เราควรต้อนรบั ด้วยใบหนา้ ที่ยม้ิ แย้มแจ่มใส และทกั ทายโดยการไหว้
๒) ถ้าผู้มาเยอื นเป็นบคุ คลที่รู้จัก ใหเ้ ชิญเข้ามาน่ังในที่ท่ีเหมาะสม จัดหาเครื่องดืม่ มาต้อนรบั
๓) ไมค่ วรถามถงึ สาเหตุท่ีมาเยือน ควรพดู คุยเรอื่ งท่วั ไป และรอให้ ผ้มู าเยือนพดู ธรุ ะขึน้ มาก่อน
๔) เม่อื ถึงเวลารบั ประทานอาหารแล้วผู้มาเยือนยังไม่กลับ ไม่ควร ตั้งสำ รับอาหาร แตถ่ ้าเปน็ ผู้ทีม่ ี
ความใกลช้ ดิ สนิทสนมกัน อาจเชญิ ใหร้ ่วม รับประทานอาหารได้
๕) ในกรณที ีผ่ มู้ าเยอื นมาขอความชว่ ยเหลือ หากชว่ ยเหลือได้ใหช้ ่วย ตามความเหมาะสม แตถ่ ้าไม่
สามารถชว่ ยเหลือได้ควรช้ีแจงให้ผ้มู าเยอื นทราบและ กล่าวขอโทษอยา่ งสภุ าพ

๖) เมือ่ ผู้มาเยือนลากลับควรเดนิ ตามไปส่งท่ปี ระตูบา้ นและควรเชญิ ให้ ผูม้ าเยือนมาเยย่ี มในโอกาส
ตอ่ ไป

๗) ไมค่ วรปิดประตูบ้านเสียงดังทันทีทผี่ ู้มาเยือนออกจากบ้าน เพราะจะ ทำ ให้เกดิ ความเข้าใจผิดวา่ ไม่
ตอ้ งการต้อนรับผมู้ าเยือนอกี

ภาพเกีย่ วกบั การปฏิบัติตนของผคู้ นในสงั คมไทย

ภาพการทาบญุ ตกั บาตรในวนั สาคญั ทาง ภาพการไหวพ้ ระสงฆ์
พระพทุ ธศาสนา

ภาพการสนทนากนั ในวงของเดก็ ๆ ภาพการต้อนรบั

ใหน้ ักเรียนร่วมกันวิเคราะหก์ ารปฏบิ ัติตนของบุคคลในแตล่ ะภาพ ดังน้ี
1) ภาพน้ีแสดงถงึ มารยาทไทยในด้านใด
2) บุคคลในภาพปฏบิ ัติตนได้ถกู ตอ้ งเหมาะสมหรือไม่ ยกตวั อยา่ งประกอบ
3) จากภาพน้ีนักเรยี นได้ขอ้ คิดในการปฏิบัติตนตามมารยาทไทยอย่างไร


Click to View FlipBook Version