คำนำ
รายงานเล่มได้สร้างขึ้นเพื่อการค้นคว้าและเรียนรู้ทางวรรณคดีเรื่อง
กาพย์เห่เรือ เห่ชมไม้ ซึ่งเป็นพระนิพนธ์เจ้าฝ้าธรรมธิเบศร หรือ เจ้าฟ้ากุ้ง พระ
ราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ โดยนำเสนอความรู้
ทั่วไปเกี่ยวกับบทประพันธ์ วิเคราะห์คุณค่าทางวรรณคดี และแสดงความคิด
เห็น ซึ่งเป็นการนำเสนอในรายวิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาค
เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โดยเนื้อหาใช้อ้างอิงจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้น
ฐานภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ของมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาชั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นรานกระทรวงศึกษาธิการ
มีจุดประสงค์เพื่อให้เข้าใจถึงคุณค่าของวรรณคดีทั้งด้านอารมณ์และด้าน
วรรณศิลป์ รวมถึงเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การใช้จินตนาการ
กระบวนการคิด การอนุรักษ์วรรณคดี เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ และทำให้เกิด
ความต้องการที่จะอนุรักษ์วรรณคดี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วิธี
ชีวิตของคนไทย
กลุ่มผู้จัดทำรายงานเล่มนี้หวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับบุคคลที่
ได้อ่านต่อไป
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คำนำ 1-3
สารบัญ 4-5
เนื้อหากาพย์เห่เรือชมไม้ 6
บทวิเคราะห์
แสดงความคิดเห็น
กาพย์เห่เรือ
บทชมไม้
เรือชายชมมิ่งไม้ มีพรรณ
ริมท่าสาครคันธ์ กลิ่นเกลี้ยง
เพล็ดดอกออกแกมกัน ชูช่อ
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง กลิ่นเนื้อนวลนาง
เรือแล่นไปจนเจอกับพรรณไม้ต่าง ๆ ริมท่าน้ำ มีกลิ่นหอม
ออกดอกชูช่อปนเปกัน มีกลิ่นหอมเหมือนผิวกายน้อง
เรือชายชมมิ่งไม้ ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
เพล็ดดอกออกแกมกัน ส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร
เรือแล่นมาพบกับพรรณไม้นานาชนิดริมท่าน้ำ
ออกดอกส่งกลิ่นหอมผสมปนเปกัน
ชมดวงพวงนางแย้ม บานแสล้มแย้มเกสรส่งกลิ่น
คิดความยามบังอร แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
เรือแล่นมาพบกับพรรณไม้นานาชนิดริมท่าน้ำ
ออกดอกส่งกลิ่นหอมผสมปนเปกัน
จำปาหนาแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
ดอกจำปาขึ้นหนาแน่น คลี่กลีบสีเหลือง
คิดถึงน้องที่มีผิวสีเหลืองนวล
-1
กาพย์เห่เรือบทชมไม้
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงเจ้า
เหมือนอุบะนวลละออง แขวนไว้ให้เรียมชมกรอง
ดอกประยงค์มีรูปร่างเป็นพวงห้อยระย้า
คิดถึงอุบะที่น้องแขวนไว้ให้พี่ชม
พุดจีบกลับแสล้ม พิกุลแกมแชมสุกรม
หอมชวยรวยตามลม เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
ทั้งดอกพุดจีบที่มีกลีบ ดอกพิกุลซึ่งที่ขึ้นสลับกับดอกสุกรมก็
ส่งกลิ่นหอมระชวยระรวยตามสายลมเปรียบเหมือนดั่งกลิ่น
ของหญิงสาวที่ติดอยู่ในดวงใจ
สายหยุดพุทธชาด บานเกลิ่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาลัย วางให้พี่ข้างที่นอน
ทั้งดอกสายหยุด ดอกพุทธชาด เบ่งบานอยู่ให้เห็นเหลื่อนก
ลาดอยู่ร่ำไป ซึ่งทำให้นึกถึงหญิงสาวตอนที่ร้อนมาลัยวางไว้ให้
ชายข้างที่นอน
พิกุลบุนนาคบาน กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นนุชสุดสายสมร เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย
ดอกพิกุล ดอกบุนนาค เบ่งบาน ส่งกลิ่นนหอมซ่านหวาน
กระจายไปทั่วทุกที่ ถ้าหากจัวน้องมา
เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่รู้ไม่หาย คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู
ทั้งต้นเต็ง ต้นแต้ว ต้นแก้ว อีกทั้งยังต้นกาหลง บนสะพรั่งส่ง
กลิ่นหอมอบอวนอยู่ไม่รู้หาย เปรียบเสมือนดั่งกลิ่นผ้าของน้อง
ที่หอมตลบอบอวลไม่จางหายไปไหน
-2
กาพย์เห่เรือบทชมไม้
มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นจิตต์คิดวนิดา
มะลิวัลย์เลื้อยพันต้นจิก ต้นจวง มีดอกเป็นพวง กลิ่นหอ
มอ่อนๆชื่นใจทำให้นึกถึงน้อง
ลำดวนหวนหอมตระหลบ กลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงา รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
ดอกลำดวนก็หอมตระหลบติดจมูก คิดถึงกลิ่นบุหงารำไป
(ดอกไม้ที่อบเครื่องหอม ห่อด้วยผ้าโปร่ง)ที่น้องทำ แล้วเศร้าใจ
รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เชยเคยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
กลิ่นดอกไม้หอมรวยรินมากับสายลม ทำให้คิดถึงกลิ่นแก้ม
น้อง ยามนั่งแนบชิดไม่เคยเว้นว่างห่างไกลกัน
ชมดวงพวงมาลี ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
วนิดามาด้วยกัน จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย
พี่ชมดอกไม้หลากหลายชนิด แล้วคิดว่า หากน้องมาด้วยคง
อ้อนวอนให้พี่ช่วยชี้ชมดอกไม้ด้วยกัน
-3
บทวิเคราะห์
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
การเลือกสรรคำ
การเลือกใช้คำได้ถูกต้องตามความหมายที่ต้องการ กวีต้องการกล่าวถึงนางผู้เป็น
ที่รัก กวีจึงเลือกเสียงและความหมายให้เหมาะแก่คณะ และสัมผัสตามข้อบังคับของฉันท
ลักษณ์นั้นๆ ดังบทประพันธ์
มะลิวัลย์พันจิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นจิตต์คิดวนิดา
การเล่นคำ พยัญชนะ
ผู้แต่งต้องการให้เกิดความไพเราะสละสลวยมากขึ้น
รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เชยเคยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
โวหารภาพพจน์ที่ปรากฏได้แก่ อุปมาโวหาร
เรือชายชมมิ่งไม้ มีพรรณ
ริมท่าสาครคันธ์ กลิ่นเกลี้ยง
เพล็ดดอกออกแกมกัน ชูช่อ
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง กลิ่นเนื้อนวลนาง
แปลความได้ว่า เรือแล่นคล้อยไปจนพบพรรณไม้ต่างๆ อยู่ริมท่าน้ำ มีกลิ่นหอมสดชื่น ผลิ
ดอกออกช่อผสมกัน กลิ่นหอมน่าชื่นเชยเหมือนกลิ่นเนื้อของน้อง
เพี้ยง แปลว่า เท่า, เสมอ, เหมือน. (ใช้ในโคลงแทน เพียง) คำที่เปล่งออกมาเมื่ออธิษฐานให้
เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง.
-4
บทวิเคราะห์
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงเจ้าแขวนไว้
เหมือนอุบะนวลละออง ให้เรียมชมกรอง
แปลความได้ว่า ดอกประยงค์เป็นพวงห้อยระย้า เปรียบเหมือนอุบะที่น้องร้อยแขวนประดับให้พี่ดู
เหมือน แปลว่า อย่างเดียวกัน, ไม่แปลกกัน.
คุณค่าด้านเนื้อหา
1.การชมพรรณไม้ มีการพรรณนาอย่างสวยงาม มีชื่อพันธุ์ดอกไม้มากมาย
2.มีการใส่อารมณ์ความรู้สึกบรรยายไปด้วย
3.มีการเปรียบเทียบผู้หญิงกับดอกไม้
คุณค่าด้านสังคม
1.มีการใช้เรือและเดินทางโดยน้ำเป็นการสะท้อนถึงสังคมไทยในสมัยก่อน
เนื่องจากประเทศไทยมีแม่น้ำและคลองจำนวนมากทำให้การสัญจรทางน้ำเป็น
สิ่งสำคัญ
2.ให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางพันธ์ไม้ของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุง
ศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน
3.สะท้อนด้านขนบธรรมเนียมประเพณีของผู้หญิงไทยในสมัยก่อนเช่นการใช้
มาลัยในการแสดงถึงความรักที่มี เก่งด้านงานฝีมือประดิษฐ์ เย็บปักถักร้อย
ดอกไม้
-5
การแสดง
ความคิดเห็น
ความน่าสนใจของกาพ์เห่เรือนั้นคือการเริ่มต้นบทด้วยการใช้โคลงสี่
สุภาพ 1 บทและกาพย์ยานี 12 บทด้วยกัน และได้มีการชมไม้ 15 ชนิด
ได้แก่ แก้ว จวง จิก จำปา แต้ว นางแย้ม มะลิวัลย์ ฯลฯ ในบทนี้บรรยายด้วย
การแล่นเรือจนไปพบกับพรรณไม้ต่างๆอยู่ริมท่าน้ำ และส่งกลิ่นหอมสดชื่น
เสมือนกลิ่นของหญิงอันเป็นที่รัก ซึ่งเมื่อได้ทำการอ่านทั้งบทนี่แล้วจึงมอง
เห็นได้ว่ามีคุณค่าทางสังคมด้านสะท้อนขนบธรรมเนียมและประเพณีของ
คนไทยที่สืบเนื่องต่อมายังปัจจุบัน ไม่ว่าจะการร้อยกรองดอกไม้ สตรีจะมี
ลักษณะเป็นแม่บ้านแม่เรือนและมีฝีมือในการร้อยมาลัย ดังนั้นการร้อย
กรองดอกไม้เป็นอุบะมาลัยและใช้มาลัยแสดงความรักแทนตัวเอง ละอีกสิ่ง
ที่น่าสนใจคือคุณค่าด้านวรรณศิลป์คือการสรรคำ คือการเลือกใช้คำได้ถูก
ต้องตามความหมายที่ต้องการกล่าวถึงนางอันผู้เป็นที่รัก และการเล่นคำโดย
พยัญชนะเพื่อความไพเราะมากขึ้น ทำให้เห็นความงดงามของภาษาอีกด้วย
-6
จัดทำโดย
1. ชลธวัช จุลกะเสวี ม.6/DE เลขที่ 2
ม.6/DE เลขที่ 6
2.วรุณกาญจน์ กิตติวงศ์ไกร ม.6/IT เลขที่ 8
ม.6/IT เลขที่ 17
3. ธันยพร รัตนเจริญธรรม ม.6/IT เลขที่ 19
ม.6/IT เลขที่ 22
4.ปุญญตา โตประเสริฐ ม.6/DE เลขที่ 26
ม.6/DE เลขที่ 30
5. ชลชญา ลักษณ์ชนน ม.6/DE เลขที่ 33
ม.6/DE เลขที่ 36
6. วรัทยา จันทร์ต้น
7.กิตติพิชญ์ ศิริพันธ์
8. วรรธก คฤหบดี
9. สรชา บรรเทิงจิตต์
10. ธมิกา คูตรีสุคนธ์