คานา
การเรียนการสอนของประเทศไทยยังมีปัญหาในหลายๆ เร่ือง เช่น ไม่มี
การบรู ณาการระหว่างองค์กรท่ีมีหน้าท่ีต่างๆ ในระบบการศึกษา ขาดกลไก
และนโยบายในการนาไปปฏิบตั ิและยังไม่มกี ารนานวัตกรรมการเรียนรูไ้ ป
ขยายผลท้ังระบบการศึกษา จึงเห็นสมควรให้มีพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพ
การจัดการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน (Sandbox)
แนวทางในการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี จัดทาข้ึนโดยมี
วตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้า โดยให้ทุกภาคส่วน มีสว่ นร่วมในการ
จดั การศึกษา คดิ ค้นและพฒั นาดา้ นนวตั กรรมการศึกษา และดาเนนิ การนานวตั กรรมน้ันไปใช้ในสถานศึกษาใน
พ้ืนท่ี โดยมีอิสระในการจัดทาหลักสูตร พัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับพื้นที่ เน้นการ
เปล่ียนแปลงดา้ นหลกั สูตร สื่อการเรยี นการสอน การประเมินการเรียนรู้ การประเมินสถานศึกษา บุคลากร
และการเงนิ เพอ่ื นาไปสกู่ ารปฏิบัติท่ชี ัดเจน ซึ่งมเี น้อื หาประด้วย 4 ส่วน ดงั น้ี
สว่ นที่ 1 บทนา บรบิ ททเี่ ก่ียวข้องกับจังหวดั กาญจนบรุ ี
ส่วนที่ 2 กรอบแนวคิดในการพัฒนาพื้นทน่ี วตั กรรมการศกึ ษา
สว่ นที่ 3 แนวทางการพฒั นาพ้นื ทน่ี วัตกรรมการศึกษา
สว่ นที่ 4 การขบั เคลอ่ื นยทุ ธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่นวตั กรรมการศึกษา
คณะผจู้ ดั ทาหวงั เปน็ อย่างยง่ิ ว่า เอกสารฉบบั น้จี ะใชเ้ ป็นแนวทางในการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา
ให้กับหน่วยงานการศกึ ษาของจังหวัดกาญจนบรุ ีเพ่อื พฒั นาใหเ้ ปน็ พ้นื ที่นวัตกรรมการศกึ ษาให้สมบรู ณ์แบบ
ตอ่ ไป
คณะผู้จดั ทา
แนวทางการขบั เคล่อื น พืน้ ท่ีนวตั กรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบุรี ก
สารบัญ
คานา .................................................................................................................................................... หน้า
สารบัญ ............................................................................................................................. .................... ก
สว่ นท่ี 1 บทนา บรบิ ทท่เี ก่ียวขอ้ งกบั จงั หวัดกาญจนบรุ ี ………………..................................................... ข
สว่ นท่ี 2 กรอบแนวคดิ ในการพัฒนาพืน้ ท่ีนวัตกรรมการศึกษา ........................................................... 1
สว่ นท่ี 3 แนวทางการพัฒนาพื้นทนี่ วัตกรรมการศึกษา ........................................................................ 18
ส่วนท่ี 4 การขับเคล่ือนยุทธศาสตร์การพฒั นาพืน้ ท่นี วัตกรรมการศึกษา ............................................. 41
บรรณานกุ รรม ………………………………………………………………………………..……………………………….…… 53
ภาคผนวก ............................................................................................................................................. 59
60
แนวทางการขบั เคลื่อน พน้ื ท่ีนวตั กรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี ข
ส่วนที่ 1
ความเปน็ มา
ประเทศไทยจาเปน็ ตอ้ งพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเร่งด่วนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
และเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 แต่การยกระดับคุณภาพการศึกษายังไม่ประสบผลสาเร็จ ดูได้จากผลการ
ทดสอบระดับชาติและนานาชาติต่างๆ โดยเฉพาะผล PISA 2015 สะท้อนว่านักเรียนไทยจานวนมากยังไม่
สามารถอ่านจบั ใจความและไม่สามารถประยุกต์ความรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาอย่าง
ง่ายในชีวติ ประจาวันได้ นอกจากความรู้พ้ืนฐานดังกล่าวแล้ว ระบบการศึกษาไทยยังต้องเตรียมความพร้อม
ให้กับคนรุ่นใหม่ ทั้งในด้านเจตคติต่อการเรียนรู้ และทักษะสาคัญจาเป็นสาคัญจาเป็นการดารงชีวิตและ
การทางานในยุคดจิ ิทลั
การปฎิรูปการศึกษาที่ผ่านมาส่วนใหญ่มุ่งปฏิรูปในระดับประเทศ มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
การศึกษาทั้งระบบ แต่การปฏิรูปในแนวทางน้ีมักสร้างต้นทุนในการปรับตัวค่อนข้างสูงแก่ครูและ
สถานศึกษา บ่อยคร้ังไม่ได้นาไปสู่การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ในสถานศึกษา รวมทั้งอาจมีผลกระทบ
เชิงลบที่ไม่ได้ต้ังใจต่อสถานศึกษาและครูทั่วประเทศ ขณะเดียวกันมีองค์กรต่างๆ ได้พยายามยกระดับ
การศึกษาของสถานศึกษาโดยพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนและการบริหารเพื่อให้เกิดกา ร
เปลยี่ นแปลงการเรียนรูใ้ นห้องเรียนโดยตรง แตน่ วตั กรรมเหล่านั้นไม่ได้แพร่กระจายสู่สถานศึกษาโดยทั่วไป
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปัจจัยเง่ือนไขด้านนโยบาย กฎระเบียบภาครัฐ และการสนับสนุนการพัฒนาขีด
ความสามารถของครูในสถานศึกษาท่ัวไป
แนวทางการขบั เคล่อื น พืน้ ทนี่ วัตกรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบุรี 2
การปฏิรูประดับระดับพื้นที่ จึงน่าจะเป็นคาตอบที่จาเป็นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย
เพราะเปน็ การส่งเสริมจุดแขง็ และลดข้อจากดั ของการปฏริ ูปทั้งระดับประเทศและระดับสถานศึกษา โดยกา
กรปฏิรูประดับเขตพ้ืนที่ที่สามารถขยายผลนวัตกรรมการเรียนการสอนและการบริหารในวงกว้าง ผ่านการ
ลดกฎระเบยี บทเ่ี ปน็ อุปสรรค ในขณะเดียวกันแนวทางนีม้ คี วามเสี่ยงต่ากว่าการปฏิรูประดับประเทศ เพราะ
จากัดกระทบเชิงลบที่อาจเกิดข้ึนไว้ในพ้ืนท่ีกรณีการปฏิรูปไม่ประสบผลสาเร็จ และ “พื้นที่นวัตกรรม
การศึกษาเป็นพื้นที่ปฏิรูปจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปรับนโยบายและกฎระเบียบต่างๆ ได้อย่าง
คล่องตัวเพ่ือลดอุปสรรค เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการของพื้นท่ีให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก
การกระจายอานาจการบริหารจัดการศึกษา” ยังสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางในการดาเนินงานได้อย่าง
รวดเร็วและตอ่ เน่อื งจนประสบผลสาเร็จแลว้ นาไปขยายผลทงั้ ประเทศการปฏิรูปในระดับพื้นท่ียังเปิดโอกาส
ใหร้ ฐั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ชุมชน องค์กรประชาสังคม และภาคธุรกิจในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการ
ร่วมพัฒนาการศึกษาให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการพัฒนาคนและบริบทพ้ืนท่ี ท่ีผ่านมามีหลายจังหวัด
เรมิ่ มกี ลไกในการขับเคลื่อนท่ีไม่เป็นทางการ เช่น สภาการศึกษาจังหวัด อย่างไรก็ตามกลไกเหล่าน้ีต้องการ
การเชื่อมต่อเพ่ือนาไปสู่การปฏิรูปในระดับสถานศึกษาซ่ึงอยู่ภายใต้การดูแลของเขตพื้นท่ีการศึกษาใน
ปจั จบุ นั แมพ้ ระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้เรม่ิ ปฏิรูประดับพื้นที่โดยมุ่งหมายที่จะกระจาย
อานาจให้เขตพื้นทก่ี ารศึกษา แตจ่ นถึงปจั จบุ นั สานกั งานศึกษาธิการจังหวัดท่ีตั้งขึ้นใหม่ตามคาส่ังคณะรักษา
ความสงบแห่งชาติ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนและการ
บริหารของสถานศกึ ษาได้อยา่ งเบด็ เสรจ็ ภายในพนื้ ท่ี
ข้อเสนอจัดต้ัง “พ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา” เป็นพื้นที่ปฏิรูป จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปรับ
นโยบายและกฎ ระเบียบต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว ลดอุปสรรคในการจัดการศึกษา เพ่ิมขีดความสามารถใน
การบริหารจัดการของเขตพ้ืนที่ให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการกระจายอานาจตามเจตนารมณ์ของ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ท้ังนี้ เม่ือการปฏิรูปในพ้ืนที่การศึกษาประสบความสาเร็จ
สามารถขยายผลนวัตกรรมการเรียนการสอนและการบริหารสู่สถานศึกษาและเขตพื้นท่ีอื่น ตลอดจน
นาเสนอนโยบายเพ่ือพัฒนาการศึกษาของประเทศต่อไป ในการดาเนินการพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษาให้มี
เสถยี รภาพในการบริหารและการหนุนเสรมิ การปฏริ ูประดบั ประเทศและระดับสถานศึกษา จึงมีการเสนอให้
ออกพระราชบัญญัติพ้นื ท่ีนวัตกรรมการศึกษา โดยเช่อื มโยงกับพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติฉบบั ใหม่
แนวทางการขับเคลือ่ น พนื้ ท่ีนวตั กรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบุรี 3
กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงมีนโยบายเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา ลดความ
เหลื่อมล้าทางการศึกษา ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันจัดการศึกษา จึงจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาขึ้น
เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันจัดการศึกษา เพ่ือส่งเสริมให้สถานศึกษามีอิสระในการจัดหลักสูตร การ
จัดการเรียนรู้การบริหารจัดการที่คล่องตัว ให้ครูใช้เวลาในการพัฒนานักเรียนอย่างเต็มที่ ครูและบุคลากร
ทางการศึกษาได้รบั การพฒั นาใหม้ คี ณุ ภาพสงู มกี ารคิดค้น พัฒนานวัตกรรมการศึกษาที่เหมาะสมกับบริบท
และสามารถขยายวิธีปฏิบตั ิท่ีดีมีประสิทธิภาพของสถานศกึ ษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาไปยังสถานศึกษา
ในพ้ืนที่อนื่ ได้
วัตถุประสงคข์ องพ้ืนทีน่ วัตกรรมการศกึ ษา
1. คิดคน้ และพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษาและการเรียนรู้เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
ของผู้เรียน รวมทั้งดาเนินการให้มีการขยายผลไปใช้ในสถานศึกษาอื่น ซ่ึงผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษาในท่ีนี้
หมายถงึ พฒั นาการของผู้เรียนทั้งในด้านความรู้ (Knowledge) สมรรถนะ (Competency) ทักษะ (Skills)
และเจตคติ (Attitude) ท่เี ปน็ พืน้ ฐานสาคัญในการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมไทยยคุ ใหม่
2. ลดความเหลอ่ื มล้าในการศกึ ษา
3. กระจายอานาจและให้อิสระแก่พื้นท่ีการศึกษาและสถานศึกษา เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการ
บริหารจดั การให้มีคณุ ภาพและประสทิ ธิภาพย่งิ ข้ึน
4. สร้างและพัฒนากลไกในการจัดการศึกษาร่วมกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา
แนวทางการดาเนนิ งานพ้นื ทีน่ วัตกรรมการศึกษา
การพฒั นานวตั กรรมการศกึ ษา
1. ดาเนินงานภายในพืน้ ที่นวัตกรรมการศกึ ษา จะมกี ารพฒั นานวัตกรรม 2 ประเภท คือ
1.1 นวัตกรรมเชิงนโยบาย เป็นการปรับปรุงนโยบาย กฎระเบียบให้คล่องตัว ข้อเสนอเพ่ือการ
ปรับปรุงได้มาจาก การปรึกษาหารือและรับฟังปัญหาจากสถานศึกษาและหน่วยงานการศึกษาในพื้นที
รวมทงั้ การศึกษากฎระเบียบและแนวทางการบริหารของสถานศึกษาคุณภาพสงู
1.2 นวัตกรรมการเรียนการสอนและการบริหารในสถาน เป็นการดาเนินการของผู้อานวยการ
และครูในสถานศึกษานาร่องที่เข้าร่วมอยู่ในพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา โดยเร่ิมจากการวิเคราะห์ปัญหาการ
เรยี นรู้ของนักเรียนและการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา ท้ังการจัดการหลักสูตรรูปแบบใหม่ วิธีการสอน
แนวทางการขับเคล่อื น พืน้ ท่ีนวตั กรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบุรี 4
วิธกี ารบริหาร การพัฒนาระบบประกันคุณภาพ โดยพิจารณาเลือกต่อยอดแนวปฏิบัติที่ผ่านการใช้จริงและ
พบวา่ มีผลลพั ธท์ ี่ดที ั้งในประเทศและตา่ งประเทศ
1.3 การพฒั นานวตั กรรมทั้งสองประเภทจะได้รบั ความรว่ มมอื สนับสนุนจากผ้เู ชย่ี วชาญหน่วย
งานวิจัย และองค์กรต่าง ๆ ซ่ึงปัจจุบันองค์กรที่ทางานด้านการศึกษาได้รวมตัวกันจัดต้ัง “ภาคีเพ่ือพัฒนา
การศึกษาไทย (TEP-Thailand Education Partnership)” ขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาซึ่ง
รวมถงึ การพฒั นาและขยายผลนวัตกรรมดว้ ย
1.4 การขยายผลสู่พื้นท่ีอื่น จะมีการประเมินผลลัพธ์การพัฒนานวัตกรรมการศึกษาถอด
บทเรียนและนาเสนอแนวปฏิบัติท่ีดี ทั้งด้านการสอน การบริหาร และนโยบาย สู่สถานศึกษา ในพ้ืนท่ีอื่น
กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง และส่ือสารสู่สาธารณะ นอกจากนี้ อาจเสนอจัดตั้งพื้นที่
นวตั กรรมการศกึ ษา ในพนื้ ที่อืน่ ในกรณพี นื้ ท่ีนาร่องมีผลลพั ธก์ ารดาเนนิ งานทีด่ ี
การบรหิ ารพืน้ ท่ีนวตั กรรมการศึกษา
โครงสร้างการดาเนนิ งานและการบริหารจดั การพืน้ ทนี่ วัตกรรมการศึกษา ประกอบด้วย
คณะกรรมการจานวน 2 ชุด ได้แก่
1. คณะกรรมการนโยบาย มีบทบาทในการวางกรอบการพัฒนา ของพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา
กากบั ประเมินผล และนาข้อเสนอแนะไปขยายผลระดับประเทศ (National Policymaker and Planner)
สาหรบั ระยะแรกของการดาเนินการพื้นทีน่ วตั กรรมการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการได้แต่งต้ังคณะกรรมการ
อานวยการพืน้ ที่นวตั กรรมการศกึ ษา มาคณะหนง่ึ กอ่ นเพ่ือทาหน้าท่ี 3 ประการ คือ 1) ขับเคล่ือนการจัดต้ัง
และบริหารจดั การพน้ื ที่นวัตกรรมการศึกษา 2) ส่งเสริม สนับสนุนการดาเนินงานพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา
โดยประสานความร่วมมือของหนว่ ยงานและบุคลากรทีเ่ กย่ี วข้อง 3) เสนอแนะให้เกิดการแก้ไขกฎระเบียบที่
เกย่ี วขอ้ ง เพอื่ ใหก้ ารดาเนินงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษามีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ล
2. คณะกรรมการขับเคล่ือน เป็นคณะกรรมการระดับพ้ืนท่ี มีบทบาทในการกาหนดนโยบายและ
ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ในพ้ืนท่ีให้คล่องตัว เพ่ือให้สามารถสนับสนุนและแก้ปัญหาในการขยายผล
นวัตกรรมในพื้นที่ รวมทั้งการกากับดูแล (Local Facilitator and Regulator) ท้ังนี้ คณะกรรมการการ
ขบั เคลือ่ น จะทางานเช่ือมโยงกบั คณะกรรมการศกึ ษาธกิ ารจังหวัด (กศจ.) ซง่ึ ปัจจุบันเป็นผู้วางนโยบายและ
แผนการปฏิรูประดับจงั หวดั (Local Policymaker and Planner) ขณะน้ีคณะกรรมการขับเคลื่อนในพื้นท่ี
นวัตกรรมการศึกษาจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ และศึกษาธิการจังหวัด
เป็นเลขานกุ าร มีผ้ทู รงคณุ วุฒิ ผ้แู ทนส่วนราชการทเี่ กี่ยวข้อง ผแู้ ทนองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน ผู้แทน
แนวทางการขบั เคลอ่ื น พ้นื ทีน่ วตั กรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบุรี 5
สถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ผู้แทนครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้แทนจาก สถาบันอุดมศึกษาท่ีมีความ
เชี่ยวชาญ ด้านการผลิตและพัฒนาครู ผู้แทนจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ซ่ึงบทบาทในอนาคต
ของกรรมการขับเคลอื่ น อาทิ การปรบั หลักสูตรแกนกลางให้เหมาะสมกับพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา แต่ต้อง
ครอบคลุมสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน การส่งเสริมพัฒนาคุณภาพ และศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษานาร่อง
การจัดให้มีการออกแบบการทดสอบผู้เรียนตามวัตถุประสงค์ ของพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา จัดให้มีการ
ประเมินผล การจัดการศึกษาของสถานศึกษานาร่อง การรายงานผลการจัดการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรม
การศกึ ษาตอ่ คณะกรรมการนโยบาย
ภายใต้แนวทางการดาเนินงานดังกล่าว สถานศึกษานาร่องในพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา ในฐานะท่ี
เป็นผู้จัดการศึกษา (Operator) จะมีอิสระในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนและการบริหาร
สามารถจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาได้เอง โดยสอดคล้องกับหลักสูตรของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และ
สามารถทาแผนการพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาและโครงการพัฒนา นอกจากนั้น หากเห็นว่าโครงการ
กิจกรรม หรือภารกิจใดท่ีอาจทาให้การจัดการศึกษาของสถานศึกษาไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพื้นที่
นวัตกรรมการศึกษา ใหเ้ สนอคณะกรรมการขับเคล่ือนเพ่ือเสนอข้อยกเว้นการดาเนินการโครงการ กิจกรรม
หรือภารกิจน้ันได้ หรือให้ดาเนินการโครงการ กิจกรรมหรือภารกิจที่คณะกรรมการขับเคลื่อนกาหนด
แล้วแต่กรณี
การกากับติดตามประเมนิ ผลพ้นื ทีน่ วัตกรรมการศึกษา
คณะกรรมการนโยบายจะจดั ให้มกี ารประเมินผลการดาเนินงานของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา โดย
การประเมินผลจะคานึงถึงพัฒนาการของผลการเรียนรู้ของนักเรียน (Learning outcome) เป็นสาคัญ
ทงั้ น้ี คณะกรรมการนโยบายสามารถเสนอแนะใหก้ ระทรวงศกึ ษาธิการนาแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการศึกษา
ในพ้นื ทน่ี วัตกรรมการศกึ ษาไปใช้ในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ของรัฐและเอกชน รวมท้ัง
การเสนอแนะใหม้ กี ารยุบเลิกพ้ืนทนี่ วตั กรรมการศึกษาทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ
งบประมาณ
สถานศึกษานาร่อง จะได้รับการจัดสรรงบประมาณ ประกอบด้วยเงินอุดหนุนรายหัวและงบ
ดาเนินงาน เปน็ เงินอดุ หนุนทว่ั ไป ในลกั ษณะ block grant
แนวทางการขับเคลื่อน พน้ื ทน่ี วตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี 6
กฎหมายและกลไกการดาเนนิ งานอ่ืน
การจัดตงั้ พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น จะมีกลไกการดาเนินงาน
อย่างน้อย 3 ประการ
1) การกาหนดบทบญั ญตั เิ ร่ืองพืน้ ท่ีนวัตกรรมการศึกษา ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับ
ใหม่ และมีการออกพระราชบัญญัติพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษาเป็นการเฉพาะซ่ึงจะเป็นหลักประกันให้เกิด
เสถียรภาพการทางานของพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา และช่วยให้สามารถดาเนินงานโดยไม่ต้องกังวล
อุปสรรคด้านกฎหมาย นอกจากน้ีการออกพระราชบัญญัติ ดังกล่าว ยังเป็นการส่งสัญญาณที่แสดงถึงความ
ตง้ั ใจของรัฐบาลในการปฏิรปู การศึกษา
2) คณะกรรมการขับเคลอ่ื น จะทางานรว่ มกบั กลไกการขบั เคล่อื น การปฏิรปู และหน่วยงานต่าง ๆ
ในพ้ืนท่ี เชน่ วางแผนพัฒนานวัตกรรมการเรยี นการสอนและการบรหิ าร ร่วมกับคณะกรรมการศึกษาธิการ
จงั หวัด องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน และองคก์ รอ่ืนๆ ในพ้นื ท่ี
3) คณะกรรมการขับเคลอ่ื น จะเชญิ ชวนภาคีเครือข่ายด้านการศกึ ษาและผูเ้ ช่ยี วชาญจากภายนอก
เข้ามารว่ มสนบั สนนุ การพัฒนาขีดความสามารถของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ในสถานศกึ ษานาร่อง
พ้นื ทน่ี ารอ่ ง
กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้จังหวัดระยอง ศรีสะเกษ และสตูลเป็นพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา
นาร่อง 3 พ้ืนท่ีแรก ด้วยความพร้อมในการปฏิรูปการศึกษาของพื้นท่ี จากการรับฟังความคิดเห็นของผู้มี
สว่ นไดส้ ว่ นเสีย พบว่า ทงั้ สามจังหวดั นนั้ มีกลไกขับเคลอ่ื นการศึกษาท่ีเข้มแข็ง และมีหน่วยงานภายนอกเข้า
ไปร่วมพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนและการบริหารอยู่แล้ว รวมท้ังมีโอกาสประสบความสาเร็จอย่าง
ย่ังยืน นอกจากน้ีแนวทางการปฏิบัติที่นาไปสู่ความประสบความสาเร็จของทั้งสามจังหวัดจะสามารถ
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นพน้ื ทอ่ี ื่นไดเ้ ป็นอยา่ งดี เพราะสภาพสงั คมและเศรษฐกิจของจังหวัดระยอง ศรีสะเกษ และสตูล
มคี วามแตกต่างกนั มาก ซง่ึ สะท้อนถึงความหลากหลายของประเทศไทยโดยรวม
ต่อมา มติคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา คร้ังที่ 1/2561 เม่ือวันท่ี 10 กันยายน
2561 ซ่ึงมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมติที่ประชุม ผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการเม่ือ
วันท่ี 11 กันยายน 2561 ซ่ึงมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ให้ดาเนินการนาร่องพ้ืนที่
นวัตกรรมการศึกษาให้ครอบคลุมทั้ง 6 ภาค ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศจัดตั้งพ้ืนท่ีนวัตกรรม
การศึกษา เพ่ือเป็นพื้นทน่ี ารอ่ งเพม่ิ เติมอีก 3 พ้ืนที่ ไดแ้ ก่ จังหวดั ชายแดนภาคใต้ เชียงใหม่และกาญจนบรุ ี
ปัจจุบัน มีพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษาที่ได้รับการประกาศจากกระทรวงศึกษาธิการแล้ว จานวน
6 พ้ืนท่ี ได้แก่ 1) จังหวัดระยอง 2) จังหวัดศรีสะเกษ 3) จังหวัดสตูล 4) จังหวัดเชียงใหม่ 5) จังหวัด
กาญจนบุรี 6) จงั หวัดชายแดนภาคใต้
แนวทางการขบั เคลื่อน พืน้ ทน่ี วัตกรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี 7
ส่วนการคัดเลือกสถานศึกษานาร่องจะยึดหลักความสมัครใจ โดยสถานศึกษานาร่องจะย่ืนขอ
อนุมัติเข้าร่วมในพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษาต่อคณะกรรมการขับเคลื่อน ท้ังนี้การเข้าร่วมเป็นสถานศึกษานา
ร่องของสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ต้องได้รับความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษานั้น ถ้าเป็นสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วน
ทอ้ งถนิ่ จะต้องไดร้ บั ความเห็นชอบจากต้นสังกดั ดว้ ย
ผลลพั ธ์ท่ีคาดหวังของพื้นท่ีนวัตกรรมการศกึ ษา
1) ผลลัพธ์ท่ีคาดหวังและประโยชน์ที่จะเกิดข้ึนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา
ดังน้ี
(1) ผู้เรียน มีพัฒนาการในการเรียนรู้สูงขึ้น ท้ังด้านเจตคติ ทักษะ สมรรถนะและความรู้
โดยวดั จากผลการประเมินสมั ฤทธิผลของนักเรียน ท้ังในรูปแบบการสอบมาตรฐาน และประเมินสัมฤทธิผล
ในรูปแบบอ่ืน ที่คณะกรรมการขับเคลื่อนจะจัดให้มีการออกแบบพัฒนาข้ึนเพื่อวัดพัฒนาการของผู้เรียนใน
ทุกมติ ิ
(2) ครูและผ้บู รหิ ารสถานศึกษา มีอิสระการสอนและการบริหารเพิ่มขึ้น จากการลดภาระ
งานทีไ่ มเ่ ก่ียวกับการเรียนการสอนให้แก่ครูและผู้บริหารสถานศึกษา โดยจะมีจานวนเวลาในการทางานอ่ืน
ท่ีไม่ใช่การจัดการเรียนการสอนลดลง พร้อมทั้งได้รับการเพ่ิมขีดความสามารถเชิงวิชการโดยภาคีเครือข่าย
และผู้เช่ียวชาญภายนอก ทาให้นักเรียนและครูในพื้นท่ีสามารถพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนได้อย่าง
ตอ่ เนอื่ ง
(3) สังคม มีความเหล่อื มล้าในการศึกษาลดลง ซึ่งน่าจะทาให้ช่องว่างทางโอกาสทางสังคม
และเศรษฐกิจโดยรวมลดลงไปด้วย จะเห็นได้จากระดับผลการเรียนท่ีดีข้ึนของนักเรียน กลุ่มเรียนอ่อนและ
กลุ่มยากจน รวมถึงจานวนนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ีลดลง อีกทั้งในอนาคตจะมี
บุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและพร้อมที่จะช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้
ผลพลอยได้ที่สะท้อนความสาเร็จของพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษานั่นคือ ประชาชนในพื้นท่ีมีส่วนร่วมจัด
การศกึ ษามากข้ึน นักเรียนและผู้ปกครองมีความไว้เน้ือเช่ือใจ (trust) ในความสามารถของครูและผู้บริหาร
มากข้นึ
2) ผลลพั ธ์ท่คี าดหวังและประโยชน์ที่จะเกดิ ขนึ้ ต่อระบบการศึกษาไทยในระยะยาว ดงั นี้
(1) ผเู้ รยี นมีพัฒนาการในการเรียนรู้สูงข้ึน จากนวัตกรรมการเรียนการสอนที่เผยแพร่จาก
พื้นทน่ี วตั กรรมการศกึ ษาไปยงั พ้ืนที่อืน่ ๆ
แนวทางการขับเคลอ่ื น พื้นท่ีนวตั กรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบรุ ี 8
(2) ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ประโยชน์จากนวัตกรรมการเรียนการสอนและการ
บริหารสถานศึกษาที่เกิดขน้ึ จากการทสี่ ถานศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา สามารถนาไปใช้พัฒนาอย่าง
ยั่งยนื และมีแนวทางปฏิบัติทปี่ ระสบผลสาเร็จจานวนมากเพ่ือนาไปประยุกต์ใช้พัฒนาผู้เรียนในสถานศึกษา
ของพ้ืนท่ีอ่ืนๆ นอกจากนั้น ยังได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมเชิงนโยบาย ทาให้สามารถปฏิบัติงานได้
อยา่ งอิสระ คล่องตวั เพ่ือมงุ่ พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นไดอ้ ยา่ งราบร่นื และเต็มศกั ยภาพของครูและผบู้ ริหาร
(3) เขตพื้นท่ีการศึกษาหรือจังหวัดสามารถขยายผลนวัตกรรมการบริหารระดับเขตหรือ
จังหวัดทด่ี สี พู่ นื้ ทอี่ น่ื โดยพจิ ารณาได้จากจานวนสานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาหรือจังหวัดที่นานวัตกรรมการ
บริหารไปใช้พัฒนาได้อย่างยัง่ ยืน
(4) กระทรวงศึกษาธิการและผู้กาหนดนโยบายการศึกษาชาติ ได้รับข้อเสนอแนะทาง
นโยบายในการจัดการศึกษาของประเทศจากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้จากการวิจัย และได้รับการพิสูจน์
แล้วว่าเป็นแนวนโยบายท่ีได้ผลจริง ทั้งนี้ สามารถวัดความสาเร็จของการดาเนินงานพ้ืนท่ีนวัตกรรม
การศึกษาจากขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย และกฎระเบียบท่ไี ด้รบั การปรบั ปรุงแกไ้ ขแลว้
(5) สังคมไทยมีความเหล่ือมล้าในการศึกษาทุกมิติลดลง ซึ่งจะช่วยทาให้ช่องว่างทาง
โอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมลดลง และประเทศไทยจะมีบุคลากรรุ่นใหม่ท่ีมีความสามารถพร้อม
ช่วยพฒั นประเทศมากข้นึ
กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษาด้วย
ความพร้อมในการปฏิรูปการศึกษา พบว่า จังหวัดนี้มีกลไกขับเคลื่อนการศึกษาที่เข้มแข็ง และมีหน่วยงาน
ภายนอกเข้าไปร่วมพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนและการบริหาร รวมทั้งมีโอกาสประสบความสาเร็จ
อย่างย่ังยืน สามารถประยุกต์ใช้ในพื้นท่ีอื่นได้เป็นอย่างดี เพราะสภาพสังคมและเศรษฐกิจของจังหวัด
กาญจนบรุ ีมีความแตกตา่ งกันมาก ซ่งึ สะทอ้ นถงึ ความหลากหลายของประเทศไทยโดยรวม
แนวทางการขบั เคลื่อน พนื้ ทน่ี วตั กรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบรุ ี 9
1. สภาพทัว่ ไปของจงั หวดั กาญจนบุรี
1.1 ที่ต้ังและอาณาเขตจงั หวัดกาญจนบรุ ี
จังหวัดกาญจนบุรีตั้งอยู่ท่ี ละติจูด : 14 01N เเละลองจิจูด : 99 32E อยู่ห่างจาก
กรุงเทพฯ 129 กิโลเมตร มพี ้นื ที่ประมาณ 19,473 ตารางกโิ ลเมตร เป็นจงั หวัดทม่ี ีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม
ของประเทศรองจากจงั หวัดนครราชสมี า และเชียงใหม่ อาณาเขตติดตอ่ กบั พื้นที่การปกครองข้างเคยี ง
ทิศเหนือ ตดิ ต่อกับ จังหวดั ตาก จังหวัดอทุ ัยธานี และสาธารณรฐั
แห่งสหภาพเมียนมาร์
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี จังหวัดนครปฐม และจงั หวัดราชบุรี
ทิศใต้ ติดตอ่ กับ จงั หวัดราชบุรี
ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ กับ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยมเี ทือกเขาตะนาวศรี
เป็นแนวเขตแดนระหวา่ งประเทศ
พ้นื ทีจ่ ังหวดั กาญจนบรุ ี
แนวทางการขับเคล่ือน พนื้ ทีน่ วัตกรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบุรี 10
1.2 ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ
ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่า มีทั้งป่าโปร่งและป่าดงดิบ มีแม่น้าสาคัญสองสายคือ แม่น้า
แควใหญ่และแม่น้าแควน้อย ซึ่งไหลมาบรรจบรวมกันเป็นแม่น้าแม่กลอง ที่บริเวณอาเภอเมืองกาญจนบุรี
จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วย ทิวเขา หุบเขา และท่ีราบลุ่มแม่น้า พื้นที่ทางด้านทิศเหนือ และทิศ
ตะวันตกเป็นเทือกเขาแล้วค่อย ๆ ลาดลงมาทางด้านทิศใต้ และทิศตะวันออก ทางทิศเหนือ และทิศ
ตะวันตก เปน็ ปา่ ไม้ และภูเขา ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนทางทิศเหนือเป็นท่ีราบกว้างใหญ่สลับ
กับเนนิ เขาเตีย้ ๆ แต่แห้งแล้ง ทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ และตอนกลางของจังหวัดเป็นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้า มี
ความอดุ มสมบรู ณ์ แบ่งออกไดเ้ ป็น 3 เขต
1) เขตภูเขาและที่สูง ได้แก่ พ้ืนที่ทางด้านทิศเหนือของจังหวัด มีเทือกเขาต่อเนื่องจาก
เทือกเขาถนนธงชัย ถัดลงไปทางด้านตะวันตกเป็นเทือกเขาตะนาวศรี ซ่ึงเป็นเส้นก้ันพรมแดนระหว่าง
ประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ทอดยาวลงไปทางทิศใต้และถือว่าเป็นแหล่งกาเนิดต้นน้า
ลาธารของจงั หวัดบรเิ วณอาเภอทองผาภมู ิ อาเภอสังขละบรุ ี อาเภอศรีสวัสด์ิ และอาเภอไทรโยค
2) เขตที่ราบลูกฟูก ได้แก่ พื้นที่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด ซึ่งลักษณะเป็น
ทรี่ าบเชิงเขาสลับเนินเตี้ย ๆ บริเวณอาเภอเลาขวัญ อาเภอบ่อพลอย อาเภอหนองปรือ อาเภอห้วยกระเจา
และบางส่วนของอาเภอพนมทวน
3) เขตที่ราบลุ่มแม่น้า ได้แก่ พ้ืนท่ีทางด้านทิศใต้มีลักษณะเป็นท่ีราบ ดินมีความอุดม
สมบูรณบ์ รเิ วณอาเภอท่าม่วง อาเภอทา่ มะกา อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ีและบางสว่ นของอาเภอพนมทวน
1.3 ลักษณะภมู ิอากาศ
สภาพพ้ืนท่ีทางทิศเหนือและทิศตะวันตก มีลักษณะเป็นป่าไม้ และภูเขา พื้นท่ีทาง
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและบางส่วนทางทิศเหนือเป็นท่ีราบกว้างใหญ่สลับกับเนินเขาเต้ียๆ แต่แห้งแล้ง
พ้ืนท่ีทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และตอนกลางของจังหวัดเป็นบริเวณที่ราบมีความอุดมสมบูรณ์เนื่องจาก
จังหวัดกาญจนบุรีมีสภาพท้องที่กว้างขวางมาก ลักษณะของภูมิอากาศจึงแตกต่างกันไป บริเวณที่ราบ
จะมีสภาพภูมิอากาศคล้ายคลึงกับจังหวัดในภาคกลาง และภาคตะวันตก ส่วนบริเวณที่เป็นป่าและภูเขา
จะแตกต่างไป คือ ในฤดูร้อนจะร้อนจัด ในฤดูหนาวจะหนาวจัด ฤดูฝนจะเร่ิมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึง
เดอื นตุลาคม
แนวทางการขบั เคลื่อน พืน้ ที่นวตั กรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี 11
(ท่ีมา : สานกั งานสถติ จิ งั หวัดกาญจนบุร)ี
1.4 เขตการปกครอง
จังหวัดกาญจนบุรี แบ่งเขตการปกครอง ประกอบด้วยการบริหารราชการส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ในระดับอาเภอ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 อาเภอ ได้แก่ อาเภอเมือง
กาญจนบุรี อาเภอท่ามะกา อาเภอท่าม่วง อาเภอด่านมะขามเตี้ย อาเภอทองผาภูมิ อาเภอไทรโยค อาเภอ
สังขละบุรี อาเภอศรีสวัสดิ์ อาเภอบ่อพลอย อาเภอพนมทวน อาเภอเลาขวัญ อาเภอห้วยกระเจา และ
อาเภอหนองปรอื
1) ในระดบั ตาบล แบ่งเขตการปกครองเป็น 94 ตาบล 910 หมบู่ า้ น
2) องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ 122 แหง่ ประกอบดว้ ย องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด
1 แห่ง เทศบาลเมอื ง 2 แห่ง เทศบาลตาบล 47 แหง่ และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล 72 แหง่
1.5 ประชากร
ประชากร ณ พ.ศ. 2560 รวมท้ังส้ิน 478,536 คน ชาย 234,800 คน หญิง 243,736 คน
อาเภอที่มีประชากรมากท่ีสุดได้แก่ อาเภอท่ามะกา มีจานวน 81,012 คน รองลงมา ได้แก่
อาเภอเมืองกาญจนบุรี จานวน 66,0578 คน และอาเภอท่าม่วง มีจานวน 64,994 คน สาหรับอาเภอที่มี
จานวนคนที่อยู่อาศัยมากที่สุดได้แก่ อาเภอเมืองกาญจนบุรี มีจานวน 26,317 ครัวเรือน รองลงมา ได้แก่
อาเภอทา่ มะกา มีจานวน 25,764 ครัวเรอื น และอาเภอทา่ ม่วง มจี านวน 20,349 ครวั เรอื น
1.6 การท่องเทีย่ ว
จังหวัดกาญจนบุรีเป็น “เมืองประวัติศาสตร์ ธรรมชาติอัศจรรย์ สวรรค์นักผจญภัย” มี
ศักยภาพในการท่องเท่ียวระดับสูง เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของภูมิภาคตะวันตก อุดมด้วยทรัพยากร
ทางการท่องเท่ียวที่สวยงามและหลากหลาย ท้ังสถานที่สาคัญทางประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณสถาน และ
แนวทางการขับเคลื่อน พื้นทน่ี วตั กรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี 12
แหล่งท่องเท่ียวตามธรรมชาติ มีการส่งเสริมให้มีการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ มีส่ิงอานวยความสะดวกสาหรับ
การท่องเท่ียวที่ครบครัน การเดินทางสะดวกและรวดเร็วใช้ระยะเวลาเพียง 1 – 3 ช่ัวโมงเท่านั้น จาก
กรุงเทพมหานคร ท้งั ทางรถยนต์ และรถไฟ
แหล่งทอ่ งเทยี่ วทางธรรมชาติ เช่น น้าตกเอราวณั นา้ ตกหว้ ยแม่ขมิ้น นา้ ตกไทรโยคน้อย
น้าตกไทรโยคใหญ่ น้าตกนางครวญ น้าตกเกริงกระเวีย น้าตกผาตาด ถ้าธารลอด ถ้าดาวดึงส์ ถ้าพระธาตุ
ถ้าเสาหนิ ถ้าสวรรคบ์ ันดาล นา้ พุร้อนหินดาด เขาชา้ งเผอื ก
แหล่งท่องเท่ียวทางประวัติศาสตร์ เช่น สะพานข้ามแม่น้าแคว อุทยานประวัติศาสตร์
เมืองสิงห์ สุสานทหารสัมพันธมติ ร โบราณสถานเจดีย์ยุทธหัตถี โบราณสถานพงตึก อนสุ รณส์ ถาน
ช่องเขาขาด
แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างข้ึน เช่น สะพานอุตตมานุสรณ์ ด่านเจดีย์สามองค์
เข่ือนศรนี ครินทร์ เข่ือนวชริ าลงกรณ
แหลง่ ท่องเที่ยวทางวฒั นธรรม เช่น หมบู่ า้ นวฒั นธรรมบ้านหนองขาว วัดถา้ เสอื
วัดถ้าเขาน้อย วัดทิพย์สุคนธาราม หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร วัดวังก์วิเวการาม หมู่บ้านไทย
ทรงดา และวฒั นธรรมชาวมอญ อาเภอสังขละบรุ ี
1.7 ดา้ นการศกึ ษา
จังหวัดกาญจนบุรีมีสถาบัน สถานศึกษาระดับประถมศึกษาถึงระดับอุดมศึกษา จานวน 531
แห่ง สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยา
เขตกาญจนบุรี มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดกาญจนบุรี และ
มหาวิทยาลยั เวสเทริ ์น (สถาบนั การศึกษาเอกชน)
จากการจัดเก็บข้อมูลเพ่ือการพัฒนาชนบท ปี 2560 พบว่า ประชากรของจังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ป.4, ป.7, ป.6) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 45.43 รองลงมา ได้แก่ จบช้ัน
มัธยมศึกษาตอนต้น (มศ. 1 – 3 หรือ ม.1 – 3) คิดเป็นร้อยละ 16.78 จบช้ัน มัธยมศึกษาตอนปลาย
(มศ. 4 – 5 หรอื ม. 4 – 6 หรอื ปวช.) คิดเป็นร้อยละ 12.35 จบปริญญาตรี หรือเทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ
7.84 ไม่เคยศึกษา คิดเป็นร้อยละ 5.92 ต่ากว่าช้ันประถมศึกษา (ป.4, ป.7, ป.6) คิดเป็นร้อยละ 5.00
อนุบาลหรือศูนย์เด็กเล็ก คิดเป็นร้อยละ 3.35 อนุปริญญาหรือเทียบเท่า หรือ ปวส. คิดเป็นร้อยละ 2.88
และจบการศกึ ษาสูงกวา่ ระดบั ปริญญาตรี น้อยท่สี ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 0.45 รายละเอยี ดดงั ตารางหน้าถัดไป
แนวทางการขบั เคล่อื น พน้ื ทีน่ วัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี 13
ตารางแสดงระดบั การศกึ ษาของประชากรจังหวัดกาญจนบุรี ปี 2560
ระดบั การศึกษา เพศชาย เพศหญงิ รวม
จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
ไมเ่ คยศึกษา (คน) (คน) (คน)
อนบุ าล/ศูนย์เดก็ เลก็ 12,276 2.57 16,047 3.35 28,323 5.92
ต่ากว่าชัน้ ประถมศกึ ษา 8,249 1.72 7,804 1.63 16,053 3.35
(ป.4,ป.7,ป.6) 11,346 2.37 12,571 2.63 23,917 5.00
ประถมศึกษา (ป.4,ป.7,ป.6)
ม.ตน้ (มศ.1-3 หรือ ม.1-3) 106,334 22.22 111,073 23.21 217,407 45.43
ม.ปลาย (มศ. 4-5 หรอื 42,228 8.82 38,077 7.96 80,305 16.78
ม.4-6 หรอื ปวช.) 30,378 6.35 28,723 6.00 59,101 12.35
อนปุ รญิ ญาหรือเทียบเทา่
หรือ ปวส. 7,474 1.56 6,309 1.32 13,783 2.88
ป.ตรี หรือเทียบเทา่
สงู กวา่ ปริญญาตรี 15,681 3.28 21,815 4.56 37,496 7.84
834 0.17 1,317 0.28 2,151 0.45
รวม 234,800 49.07 243,736 50.93 478,536 100.00
ที่มา : รายงานคุณภาพชีวิตประชาชนจังหวดั กาญจนบุรี ประจาปี 2560
1.8 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวดั กาญจนบุรี
เขตเศรษฐกจิ พเิ ศษ คือ เขตพ้ืนท่ีที่จัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะตามกฎหมายเพ่ือประโยชน์
ต่อการส่งเสริม สนับสนุนและอานวยความสะดวก รวมทั้งให้สิทธิพิเศษบางประการในการดาเนินกิจการ
ต่าง ๆ เช่น การอุตสาหกรรม การพาณิชยกรรม การบริการ หรือกิจการอ่ืนใดท่ีเป็นประโยชน์แก่
การเศรษฐกิจของประเทศ รูปแบบของเขตเศรษฐกิจพิเศษมีหลายประเภท เช่น เขตการค้าเสรี
เขตอุตสาหกรรมเสรี เขตปลอดภาษี เขตการค้าชายแดนเสรี และเขตพัฒนาการส่งออก (แปรรูป) ซึ่งในปี
พ.ศ. 2558 คณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพน.) ได้กาหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็น
2 ระยะ ดงั นี้
แนวทางการขบั เคล่อื น พนื้ ที่นวตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี 14
ระยะท่ี 1 กาหนดไว้ 5 จังหวดั ไดแ้ ก่ 1) จังหวดั ตาก 14 ตาบลใน 3 อาเภอ 2) จงั หวัด
มุกดาหาร 11 ตาบลใน 3 อาเภอ 3) จังหวัดสระแก้ว 4 ตาบลใน 2 อาเภอ 4) จังหวัดตราด 3 ตาบลใน
อาเภอคลองใหญ่ 5) จังหวัดสงขลา 4 ตาบล ในอาเภอสะเดา และระยะที่ 2 กาหนดไว้ 5 จังหวัด ได้แก่
1) จังหวัดเชียงราย 21 ตาบล ใน 3 อาเภอ 2) จังหวัดหนองคาย 13 ตาบล ใน 2 อาเภอ 3) จังหวัด
นครพนม 13 ตาบล ใน 2 อาเภอ 4) จงั หวัดนราธิวาส 5 ตาบล ใน 5 อาเภอ และ 5) จังหวัดกาญจนบุรี 2
ตาบล ได้แก่ ตาบลบ้านเก่า และตาบลแก่งเสี้ยน อาเภอเมืองกาญจนบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการ
ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพ่ิมขีดความสามารถของประเทศ กระจายความเจริญสู่
ภูมิภาค ลดความเหล่ือมล้า ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และแก้ปัญหาความม่ันคง โดยใช้กลยุทธ์
สาคญั 4 ประการ ได้แก่
1) สนบั สนนุ พ้ืนทเี่ ศรษฐกิจใหม่
2) สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน
3) สนบั สนนุ SMEs และการลงทนุ ตอ่ เน่ือง และ
4) จัดระเบียบพ้ืนท่เี ศรษฐกจิ ชายแดน
ประโยชน์ท่ีประเทศไทยในฐานะประเทศที่ถือเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาค
จะได้รับจากการต้ังเขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ การส่งเสริมการลงทุนในประเทศ การส่งเสริมการส่งออก
การส่งเสริม ให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิตสินค้า เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าในภูมิภาค
เกิดการจ้างงานเพ่ิมขึ้น ซี่งจะเป็นการสร้างความม่ันคงทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมความสามารถในการ
แข่งขันของสินค้าไทย ในตลาดภายในภูมภิ าค
อย่างไรก็ตามเขตเศรษฐกิจพิเศษจะประสบความสาเรจ็ ไดจ้ าเป็นตอ้ งมีการพฒั นาด้าน
อ่ืนๆ ควบคูก่ ันไป อาทิ การพัฒนาโครงข่ายพ้ืนฐานทางบก ทางน้า ทางอากาศ และทางราง มีการปรับปรุง
ระบบศุลกากร มีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค อีกทั้งการบริหารจัดการภายในเขต
เศรษฐกจิ พิเศษ และท่ีสาคัญเปน็ อย่างยง่ิ ทจ่ี ะเป็นกลไกในการสนบั สนุนให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่าง
ยั่งยืนได้น้ัน คือ การพัฒนาคน โดยการให้ศึกษาและการฝึกอาชีพให้กับเด็กและเยาวชนอย่างท่ัวถึง
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพของพ้นื ที่ สอดคล้องกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน และดารงชีวติ อยใู่ นสงั คม
ไดอ้ ยา่ งมีคุณภาพ
แนวทางการขับเคล่อื น พ้นื ท่นี วัตกรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบรุ ี 15
เขตพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษจังหวัดกาญจนบุรี
ศักยภาพและโอกาส
สามารถพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจโดยอาศัยท่ีตัง้ ซง่ึ อยูบ่ นแนวเชอ่ื มโยงระหว่างเขต
เศรษฐกิจพิเศษทวาย (เมียนมาร์) พ้ืนท่ีบริเวณชายฝ่ังทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) ดังนั้น
จึงสามารถขนส่งสินค้าออกทางทะเลได้ทั้งทางท่าเรือทวายไปสู่ประเทศแถบมหาสมุทรอินเดียตะวันออก
กลางและยุโรป และท่าเรือแหลมฉบังไปสู่ประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิค มีแผนที่จะก่อสร้างทางหลวง
พิเศษเช่ือมโยงระหว่างบางใหญ่ (นนทบุรี) พื้นท่ีชายแดนกาญจนบุรี เพ่ือรองรับการเช่ือมโยงระหว่างเขต
พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรีกับกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากน้ันอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร
อาหารและเคร่ืองดื่ม เคมีภัณฑ์และยานยนต์ท่ีมีในพ้ืนท่ี มีโอกาสท่ีจะพัฒนาให้เกิดห่วงโซ่มูลค่าโดยอาศัย
ความไดเ้ ปรียบของประตูทางออกทางทะเลทั้งสองฝั่งมหาสมทุ ร และแรงงานจากประเทศเพ่อื นบา้ น
แนวทางการขับเคล่ือน พนื้ ทนี่ วตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบรุ ี 16
กิจกรรมท่ีมศี กั ยภาพ
นคิ มอตุ สาหกรรมซง่ึ เช่อื มโยงกับทวาย อตุ สาหกรรมใช้แรงงานเข้มข้นอตุ สาหกรรม
สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารและอุตสาหกรรม
พลาสติก จากการประชุมการขับเคลื่อนบูรณาการด้านการศึกษาระดับภาค (ภาคกลาง) ปีงบประมาณ
2562 ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2561 ณ โรงแรมราชศุภมิตร อาเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัด
กาญจนบุรี โดยมี พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการเป็นประธานการประชุม
รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี มีผู้เข้า
รับการประชุม จานวน 500 คน ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนผู้บริหาร ครูและบุคลากร
ทางการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงนาความคิดเห็นจากที่ประชุมมาจัดทาแผนยุทธศาสตร์พ้ืนท่ี
นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี เพ่ือให้เกิดการดาเนินงานอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องในทุก
กลุ่มเป้าหมาย โดยกาหนดแผนงานเป็นระยะตามช่วงเวลาที่เหมาะสม มีความยืดหยุ่น พร้อมทั้งให้มีการ
ทบทวน ปรบั เปล่ียน ใหส้ อดคลอ้ งกับบริบทของพ้ืนที่จงั หวดั กาญจนบรุ ี
แนวทางการขบั เคลือ่ น พน้ื ทน่ี วัตกรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบรุ ี 17
ส่วนที่ 2
ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการจัดต้ังพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี เม่ือ
วนั ที่ 2 ตลุ าคม พ.ศ. 2561 มนี โยบายเพ่มิ คณุ ภาพและประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้า
ทางการศึกษา ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ตามเจตนารมณ์ของการจัดการศึกษา
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 54 อาศัยอ้านาจตามความในมาตรา 12 แห่ง
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 จึงจัดตั้งพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา
จังหวัดกาญจนบุรีข้นึ เพื่อใหเ้ กิดการบริหารจัดการการศึกษารปู แบบใหม่ ซ่ึงเป็นการทดลองกระจายอ้านาจ
จากสว่ นกลางไปยงั จังหวดั โดยมีเป้าหมาย 4 ประการ โดยใชก้ รอบแนวคดิ ในการพฒั นาการศกึ ษา ดงั น้ี
1. แผนยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580)
2. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 – 2564)
3. แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ (พ.ศ.2560 – 2579)
4. แผนพฒั นาการศึกษากระทรวงศกึ ษาธิการ (พ.ศ. 2560 – 2564)
5. แผนพฒั นาการศึกษาจังหวดั กาญจนบรุ ี 4 ปี (พ.ศ. 2562 – 2565)
ยุทธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580)
ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี เป็นยุทธศาสตร์ที่ยึดวัตถุประสงค์หลักแห่งชาติเป็นแม่บทหลัก เพ่ือ
เป็นกรอบการก้าหนดนโยบาย ทิศทางการพัฒนา การลงทุนของภาคเอกชนท่ีสอดรับกับเป้าหมายของ
ยุทธศาสตรช์ าติ การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ การจดั สรรงบประมาณฯลฯ ดังนั้น ทศิ ทางด้านการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริต การสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดินของหน่วยงาน
ภาครัฐ ทุกหน่วยงานจะถกู กา้ หนดจากยทุ ธศาสตรช์ าติ (วิสัยทศั น์ประเทศระยะ 20 ปี) และยุทธศาสตร์
แนวทางการขบั เคลื่อน พื้นทน่ี วัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบรุ ี 19
การพัฒนาระยะ 5 ปี เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” น้าไปสู่การพัฒนาให้คนไทยมีความสุขและตอบ
สนองตอบต่อการบรรลุซ่ึงผลประโยชน์แห่งชาติ ในการท่ีจะพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ระดับสูง เป็น
ประเทศพัฒนาแล้ว และสรา้ งความสขุ ของคนไทย สังคมมีความมน่ั คง เสมอภาคและเปน็ ธรรม ประเทศ
สามารถแขง่ ขันไดใ้ นระบบเศรษฐกิจ โดยมีกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ดงั นี้
1. ด้านความม่นั คง
(1) เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข
(2) ปฏิรูปกลไกการบริหารประเทศและพัฒนาความมั่นคงทางการเมือง ขจัดคอร์รัปช่ัน
สร้างความเช่อื มนั่ ในกระบวนการยุติธรรม
(3) การรักษาความม่ันคงภายในและความสงบเรียบร้อยภายในตลอดจนการบริหาร
จัดการความมนั่ คงชายแดนและชายฝง่ั ทะเล
(4) การพัฒนาระบบ กลไก มาตรการและความร่วมมือระหว่างประเทศทุกระดับ และ
รักษาดลุ ยภาพความสมั พนั ธก์ ับประเทศมหาอ้านาจ เพือ่ ปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาความม่ันคงรูปแบบใหม่
(5) การพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพการผนึกก้าลังป้องกันประเทศการรักษาความสงบ
เรียบร้อยภายในประเทศ สร้างความร่วมมอื กบั ประเทศเพื่อนบ้านและมติ รประเทศ
(6) การพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติและระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ รักษา
ความมัน่ คงของฐานทรพั ยากรธรรมชาตสิ ่ิงแวดลอ้ ม
(7) การปรับกระบวนการทา้ งานของกลไกที่เกีย่ วข้องจากแนวดง่ิ สู่แนวระนาบมากข้นึ
2. ด้านการสรา้ งความสามารถในการแข่งขัน
(1) การพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกจิ ส่งเสรมิ การคา้ การลงทุน พัฒนาสชู่ าติการคา้
(2) การพัฒนาภาคการผลิตและบริการ เสริมสร้างฐานการผลิตเข้มแข็ง ย่ังยืน และ
สง่ เสริมเกษตรกรรายยอ่ ยสเู่ กษตรยงั่ ยนื เป็นมติ รกบั สิ่งแวดลอ้ ม
(3) การพัฒนาผู้ประกอบการและเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาทักษะ ผู้ประกอบการ ยกระดับ
ผลิตภาพแรงงานและพฒั นา SMEs สูส่ ากล
(4) การพัฒนาพื้นท่ีเศรษฐกิจพิเศษและเมือง พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชายแดน และ
พฒั นาระบบเมอื งศนู ยก์ ลางความเจริญ
(5) การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน ด้านการขนส่ง ความมั่นคงและพลังงาน ระบบ
เทคโนโลยีสารสนเทศ และการวจิ ัย และพัฒนา
แนวทางการขบั เคลอ่ื น พื้นทีน่ วัตกรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี 20
(6) การเชอ่ื มโยงกับภูมิภาคและเศรษฐกจิ โลก สรา้ งความเป็นหุน้ สว่ น การพัฒนากับนานา
ประเทศ สง่ เสริมใหไ้ ทยเปน็ ฐานของการประกอบ ธุรกิจ ฯลฯ
3. ด้านการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพคน
(1) พัฒนาศกั ยภาพคนตลอดช่วงชวี ิต
(2) การยกระดับการศกึ ษาและการเรยี นร้ใู ห้มีคุณภาพเท่าเทียมและทัว่ ถึง
(3) ปลกู ฝังระเบยี บวนิ ยั คุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยมที่พงึ ประสงค์
(4) การสรา้ งเสรมิ ให้คนมสี ุขภาวะท่ีดี
(5) การสร้างความอยู่ดีมสี ุขของครอบครัวไทย
4. ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาค และเทา่ เทียมกนั ทางสงั คม
(1) สรา้ งความม่นั คงและการลดความเหลอ่ื มล้าทางเศรษฐกิจและสงั คม
(2) พัฒนาระบบบริการและระบบบริหารจดั การสุขภาพ
(3) มสี ภาพแวดลอ้ มและนวัตกรรมท่ีเอ้อื ต่อการด้ารงชวี ติ ในสังคมสูงวัย
(4) สร้างความเข้มแข็งของสถาบันทางสังคม ทุนทางวัฒนธรรมและ ความเข้มแข็งของ
ชมุ ชน
(5) พัฒนาการสื่อสารมวลชนให้เปน็ กลไกในการสนบั สนุนการพัฒนา
5. ดา้ นการสร้างการเตบิ โตบน คุณภาพชวี ติ ทีเ่ ปน็ มติ รกบั ส่ิงแวดล้อม
(1) จัดระบบอนุรักษ์ ฟนื้ ฟูและปอ้ งกันการทา้ ลาย ทรัพยากรธรรมชาติ
(2) วางระบบบริหารจดั การน้าให้มปี ระสทิ ธิภาพทั้ง 25 ลุม่ นา้ เน้นการปรบั ระบบการ
บริหารจัดการอุทกภยั อยา่ งบูรณาการ
(3) การพัฒนาและใช้พลังงานท่เี ป็นมิตรกบั สงิ่ แวดล้อม
(4) การพัฒนาเมืองอตุ สาหกรรมเชิงนเิ วศและเมืองทีเ่ ป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม
(5) การรว่ มลดปญั หาโลกร้อนและปรบั ตวั ใหพ้ ร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู อิ ากาศ
(6) การใช้เครอื่ งมอื ทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายการคลังเพ่ือสงิ่ แวดลอ้ ม
6. ดา้ นการปรับสมดลุ และพัฒนา ระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
(1) การปรับปรงุ โครงสรา้ ง บทบาท ภารกิจของหน่วยงาน ภาครฐั ให้มขี นาดท่ีเหมาะสม
(2) การวางระบบบริหารราชการแบบบรู ณาการ
(3) การพัฒนาระบบบริหารจัดการก้าลังคนและพฒั นาบุคลากรภาครฐั
(4) การตอ่ ตา้ นการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ
(5) การปรบั ปรุงกฎหมายและระเบียบต่างๆ
แนวทางการขบั เคลื่อน พื้นทีน่ วัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบรุ ี 21
(6) ใหท้ ันสมัย เป็นธรรมและเปน็ สากล
(7) พัฒนาระบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ
(8) ปรับปรงุ การบรหิ ารจดั การรายได้และรายจ่ายของภาครัฐ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12
ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาประเทศตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12
(พ.ศ. 2560 – 2564)
1. ยุทธศาสตรก์ ารเสรมิ สร้างและพฒั นาศกั ยภาพทุนมนษุ ย์
1.1 ปรบั เปล่ียนคา่ นิยมคนไทยใหม้ ีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัย จติ สาธารณะ และ
พฤติกรรมทพ่ี ึงประสงค์
1.2 พัฒนาศักยภาพคนให้มที กั ษะความรู้ และความสามารถในการดา้ รงชีวติ อยา่ งมีคุณคา่
1.3 ยกระดับคณุ ภาพการศึกษาและการเรยี นรตู้ ลอดชวี ิต
1.4 ลดปจั จัยเส่ียงดา้ นสขุ ภาพและใหท้ กุ ภาคส่วนค้านึงถึงผลกระทบต่อสขุ ภาพ
1.5 เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบริหารจดั การและลดคา่ ใช้จ่ายในระบบสขุ ภาพภาครัฐ
1.6 พฒั นาระบบการดแู ลและสร้างสภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมกบั สังคมสูงวยั
1.7 ผลกั ดันให้สถาบันทางสังคมมีสว่ นร่วมพฒั นาประเทศอย่างเข้มแขง็
2. ยทุ ธศาสตร์การสรา้ งความเปน็ ธรรมและลดความเหลื่อมล้าในสังคม
2.1 การเพ่ิมโอกาสให้กับกลุ่มเป้าหมายประชากรร้อยละ 40 ที่มีรายได้ต่้าสุดให้สามารถ
เขา้ ถงึ บริการท่มี ีคุณภาพของรฐั และมีอาชพี
2.2 การกระจายการให้บริการภาครัฐทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข และสวัสดิการท่ีมี
คุณภาพให้ครอบคลมุ และท่ัวถึง
2.3 การเสริมสร้างศักยภาพชุมชน การพัฒนาเศรษฐกจิ ชมุ ชน และการสร้างความเข้มแข็ง
การเงินฐานราก ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ชุมชนสามารถพ่ึงพาตนเองได้ มีสิทธิในการ
จดั การทุน ทีด่ ินและทรัพยากรภายในชุมชน
3. ยุทธศาสตรก์ ารสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแขง่ ขนั ได้อย่างย่ังยืน
3.1 การบรหิ ารจดั การเศรษฐกจิ ส่วนรวม
3.2 การเสริมสร้างและพฒั นาขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของภาคการผลิตและบริการ
แนวทางการขบั เคลื่อน พ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบุรี 22
4. ยทุ ธศาสตรก์ ารเตบิ โตทเ่ี ปน็ มิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ มเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยนื
4.1 การรกั ษาฟน้ื ฟูทรพั ยากรธรรมชาติ สร้างสมดุลของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่าง
ยัง่ ยืนและเป็นธรรม
4.2 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้าเพ่ือให้เกิดความมั่นคง สมดุล และ
ยัง่ ยืน
4.3 แก้ไขปัญหาวิกฤตส่ิงแวดลอ้ ม
4.4 สง่ เสริมการผลติ และการบริโภคท่เี ป็นมติ รกบั สงิ่ แวดล้อม
4.5 สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพ่ิมขีดความสามารถในการปรับตัว
ต่อการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ
4.6 บรหิ ารจดั การเพ่อื ลดความเสี่ยงดา้ นภัยพิบตั ิ
4.7 พัฒนาระบบการบริหารจัดการและกลไกแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้าน
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม
4.8 การพฒั นาความร่วมมอื ด้านสิ่งแวดลอ้ มระหวา่ งประเทศ
5. ยุทธศาสตรก์ ารเสรมิ สรา้ งความมั่นคงแหง่ ชาติเพื่อการพฒั นาประเทศสคู่ วามมั่งคงั่
และยง่ั ยนื
5.1 การรักษาความมั่นคงภายใน เพ่ือใหเ้ กดิ ความสงบในสังคมและธา้ รงไว้ซึง่ สถาบันหลัก
ของชาติ
5.2 การพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศ เพ่ือเตรียมความพร้อมในการ
รบั มอื ภัยคุกคาม ท้ังการทหารและภัยคุกคามอื่น ๆ
5.3 การสง่ เสรมิ ความร่วมมือกับต่างประเทศด้านความมั่นคง เพื่อบูรณาการความร่วมมือ
กบั มิตรประเทศเพ่อื ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สงั คม และการป้องกนั ภัยคุกคามขา้ มชาติ
5.4 การรักษาความมนั่ คงและผลประโยชน์ของชาตทิ างทะเลเพือ่ คงไวซ้ ่ึงประโยชนท์ าง
เศรษฐกิจ สงั คม และความม่ันคงของชาตเิ หนืออาณาเขตทางทะเล
5.5 การบรหิ ารจัดการความม่ันคงเพ่ือการพัฒนา เพ่อื ให้เกิดความสอดคล้องกันระหวา่ ง
แผนงานทเ่ี กยี่ วข้องกับความม่ันคงการพฒั นาภายใต้การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
6. ยุทธศาสตร์การบรหิ ารจัดการในภาครฐั การป้องกันการทจุ ริตประพฤติมชิ อบ
และธรรมาภิบาลในสังคมไทย
6.1 ปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงาน บทบาท ภารกจิ และคณุ ภาพบคุ ลากรภาครัฐ ใหม้ ี
ความโปรง่ ใส ทนั สมยั คลอ่ งตัว มีขนาดที่เหมาะสม เกดิ ความคมุ้ คา่
แนวทางการขับเคลื่อน พื้นที่นวตั กรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบุรี 23
6.2 ปรบั ปรงุ กระบวนการงบประมาณ และสรา้ งกลไกในการติดตามตรวจสอบการเงินการ
คลังภาครัฐ
6.3 เพ่ิมประสทิ ธภิ าพและยกระดับการให้บริการสาธารณะใหไ้ ด้มาตรฐานสากล
6.4 เพมิ่ ประสทิ ธิภาพการบรหิ ารจดั การใหแ้ กอ่ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
6.5 ปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมชิ อบ
6.6 ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความทันสมัย เป็นธรรม และสอดคล้อง
กบั ข้อบังคับสากลหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ
7. ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสตกิ ส์
7.1 การพฒั นาโครงสรา้ งพื้นฐานด้านคมนาคมขนสง่
7.2 การสนับสนุนการพฒั นาระบบขนส่ง
7.3 การพัฒนาระบบโลจสิ ตกิ ส์
7.4 การพัฒนาด้านพลังงาน
7.5 การพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทัล
7.6 การพัฒนาระบบน้าประปา
8. ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจยั และนวัตกรรม
8.1 เรง่ ส่งเสริมการลงทุนวิจยั และพฒั นาและผลักดนั สู่การใช้ประโยชนใ์ นเชงิ พาณชิ ย์
และเชิงสงั คม
8.2 พัฒนาผปู้ ระกอบการใหเ้ ปน็ ผปู้ ระกอบการทางเทคโนโลยี (Technopreneur)
8.3 พัฒนาสภาวะแวดลอ้ มของการพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวตั กรรม
9. ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาภาค เมอื ง และพน้ื ทเ่ี ศรษฐกจิ
9.1 การพฒั นาภาคเพ่ือสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหก้ ระจายตัวอย่างทว่ั ถงึ
9.2 การพัฒนาเมอื ง
9.3 การพัฒนาพ้ืนท่ีเศรษฐกจิ
10. ยทุ ธศาสตร์ความรว่ มมือระหว่างประเทศเพอื่ การพัฒนา
10.1 พัฒนาความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่ง โลจิสติกส์ และโทรคมนาคมในกรอบ
ความร่วมมอื อนุภาคภายใต้แผนงาน GMS, ACMECS, IMT-GT, BIMSTEC และ JDS และภูมิภาคอาเซียน
เพอื่ อ้านวยความสะดวกและลดต้นทุนดา้ นโลจิสติกส์
10.2 พฒั นาและส่งเสรมิ ใหไ้ ทยเป็นฐานของการประกอบธุรกิจ การบริการ และการลงทุน
ทโี่ ดดเด่นในภมู ิภาค
แนวทางการขบั เคลอ่ื น พืน้ ทีน่ วตั กรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบรุ ี 24
10.3 การส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ (Outward investment) ของ
ผู้ประกอบการไทย
10.4 เปิดประตูการค้าและพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะหุ้นส่วน
ทางยุทธศาสตร์ ทั้งในระดบั อนุภมู ภิ าค และภูมิภาคท่มี ีความเสมอภาคกัน
10.5 การสร้างความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนากับประเทศในอนุภูมิภาค ภูมิภาค และนานา
ประเทศ
10.6 บูรณาการภารกจิ ด้านความร่วมมือระหวา่ งประเทศและด้านการต่างประเทศ
10.7 การเข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างภูมิภาคโดยมีบทบาทท่ี
สร้างสรรค์เพือ่ เป็นทางเลือกในการดา้ เนินนโยบายระหวา่ งประเทศในเวทโี ลก เพ่ือรกั ษาสมดุลในปฏิสัมพันธ์
ระหว่างไทยและมหาอานาจต่าง ๆ ท้ังในระดบั โลกและภูมภิ าค
10.8 สง่ เสรมิ ความรว่ มมือกบั ภูมภิ าคและนานาชาติในการสรา้ งความมนั่ คง
แผนการศกึ ษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2560 – 2579)
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ก้าหนดวิสัยทัศน์ คือ “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษา
และเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ด้ารงชีวิต อย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง และการเปล่ียนแปลงของโลกศตวรรษท่ี 21” โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา 4 ประการ
คอื
1) เพื่อพัฒนาระบบและกระบวนการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธภิ าพ
2) เพือ่ พัฒนาคนไทยใหเ้ ปน็ พลเมอื งดี มีคุณลักษณะทักษะและสมรรถนะท่สี อดคล้องกับบทบัญญัติ
ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยพระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาตแิ ละยุทธศาสตร์ชาติ
3) เพ่ือพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคี และ
ร่วมมอื ผนกึ ก้าลังม่งุ สกู่ ารพฒั นาประเทศอยา่ งยัง่ ยืน ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
4) เพ่ือน้าประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และความเหล่ือมล้า
ภายในประเทศลดลง
แผนการศึกษาแหง่ ชาติ วางเปา้ หมายไว้ 2 ด้าน คือ
1) เป้าหมายด้านผเู้ รียน (Learner Aspirations) โดยมงุ่ พัฒนาผเู้ รยี นทุกคนให้มีคณุ ลักษณะและ
ทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 (3Rs8Cs)
2) เป้าหมายของการจดั การศึกษา (Aspirations) 5 ประการ ซง่ึ มตี วั ช้วี ดั เพ่อื การบรรลเุ ปา้ หมาย
53 ตัวชวี้ ดั
แนวทางการขับเคลอื่ น พ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี 25
แผนการศกึ ษาแห่งชาติ ก้าหนดยุทธศาสตร์ในการพฒั นาการศกึ ษาภายใต้ ๖ ยทุ ธศาสตรห์ ลกั
ท่ีสอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เพ่ือให้แผนการศึกษาแหง่ ชาติบรรลุเป้าหมายตามจดุ มงุ่ หมาย
วิสัยทศั น์และแนวคิดการจดั การศึกษาดงั กลา่ วขา้ งต้น ดังน้ี
ยุทธศาสตรท์ ี่ 1 : การจัดการศึกษาเพ่ือความม่ันคงของสงั คมและประเทศชาติ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การผลิตและพัฒนาก้าลังคน การวิจัย และนวัตกรรรม เพื่อสร้างขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ยทุ ธศาสตร์ที่ 3 : การพฒั นาศักยภาพคนทกุ ช่วงวยั และการสร้างสังคมแหง่ การเรียนรู้
ยุทธศาสตร์ท่ี 4 : การสรา้ งโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทยี มทางการศึกษา
ยุทธศาสตร์ที่ 5 : การจัดการศึกษาเพือ่ สร้างเสรมิ คณุ ภาพชีวติ ทเ่ี ป็นมติ รกบั สิง่ แวดล้อม
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 6 : การพฒั นาประสิทธิภาพของระบบบรหิ ารจดั การศกึ ษา
แผนพัฒนาการศกึ ษากระทรวงศกึ ษาธกิ าร (พ.ศ. 2560-2564)
สาระส้าคัญของแผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)
จากบริบทสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ความเปลี่ยนแปลงของภูมิภาค อาเซียนและสังคม
โลก อ้านาจหน้าท่ีของกระทรวงศึกษาธิการภายใต้กฎหมายส้าคัญที่เก่ียวข้องกับการศึกษาของประเทศ
ความเช่ือมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2574 กับทิศทางการ
พัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ท้ังในมิติด้านความม่ันคง มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสังคม และ
มิติด้านการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ ที่ส้าคัญคือได้ประเมินสถานะของกระทรวงศึกษาธิการ
โดยการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT) ตามบริบทในข้างต้นแล้ว จึงสามารถ
ก้าหนดเป็นสาระสา้ คัญของแผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)
ซ่ึงได้แก่ เปา้ หมายหลกั และตัวชีว้ ัด วิสัยทศั น์ พันธกจิ ยทุ ธศาสตร์ ผลผลติ /ผลลัพธ์ของยุทธศาสตร์ ตัวชวี้ ัด
ภายใตย้ ุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ ได้ดงั น้ี
1. เปา้ หมายหลกั ของแผนพัฒนาการศึกษาฯ
1. คณุ ภาพการศึกษาของไทยดีขน้ึ คนไทยมีคุณธรรมจรยิ ธรรม มภี มู ิค้มุ กันตอ่ การ
เปลยี่ นแปลงและการพัฒนาประเทศในอนาคต
2. ก้าลังคนได้รับการผลิตและพฒั นา เพ่ือเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
3. มีองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวตั กรรม สนบั สนุนการพฒั นาประเทศอย่างย่ังยืน
4. คนไทยไดร้ ับโอกาสในเรยี นรอู้ ยา่ งต่อเนอื่ งตลอดชีวิต
แนวทางการขบั เคลื่อน พื้นทีน่ วัตกรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบุรี 26
5. ระบบบรหิ ารจัดการการศกึ ษามปี ระสิทธิภาพตามหลักธรรมาภบิ าล โดยการมสี ่วนรว่ ม
จากทุกภาคส่วน
2. ตัวชี้วัดตามเป้าหมายหลัก
1. ผลคะแนนสอบ PISA ในแต่ละวชิ า
2. รอ้ ยละที่เพิ่มขึน้ ของคะแนนเฉลย่ี ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวชิ าหลักระดบั การศกึ ษา
ขัน้ พ้นื ฐาน จากการทดสอบระดบั ชาติ
3. ร้อยละคะแนนเฉลี่ยของผูเ้ รียนที่มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม
4. รอ้ ยละคะแนนเฉลย่ี ของผเู้ รยี นทกุ ระดับการศึกษามีความเปน็ พลเมืองและพลโลก
5. สัดส่วนผเู้ รยี นระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายประเภทอาชีวศกึ ษาต่อสายสามัญ
6. รอ้ ยละความพึงพอใจของนายจ้างผ้ปู ระกอบการท่ีมีต่อผู้ส้าเร็จการศกึ ษาระดบั
อาชีวศึกษา และระดบั อดุ มศกึ ษาท่ีทา้ งานให้
7. ร้อยละของผู้ส้าเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและระดับอดุ มศึกษาไดง้ านทา้ หรอื
ประกอบอาชีพอสิ ระภายใน 1 ปี
8. ร้อยละของผลงานวิจัย นวัตกรรม งานสรา้ งสรรค์ สิ่งประดิษฐ์ได้รบั การเผยแพร่ และ
ตพี ิมพ์
9. ร้อยละขององคค์ วามรแู้ ละสิ่งประดิษฐท์ ีน่ า้ ไปใชป้ ระโยชน์ หรือแก้ไขปญั หาชมุ ชน
ทอ้ งถ่นิ
10. จา้ นวนปกี ารศึกษาเฉลี่ยของคนไทยอายุ 15 – 59 ปี
11. ร้อยละของกา้ ลังแรงงานทส่ี า้ เร็จการศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ข้ึนไป
12. รอ้ ยละของนักเรยี นต่อประชากรวยั เรยี นระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย อายุ 15 – 17ปี
13. สัดสว่ นผูเ้ รียนในสถานศึกษาทุกระดบั ของรัฐตอ่ เอกชน
14. จ้านวนภาคเี ครอื ขา่ ยท่เี ขา้ มามสี ่วนร่วมในการจัด พัฒนาและส่งเสรมิ การศึกษา
3. วิสัยทศั น์
“มุ่งพฒั นาผเู้ รยี นให้มคี วามรู้คู่คุณธรรม มีคุณภาพชวี ติ ทดี่ ี มีความสุขในสังคม”
“ผู้เรียน” หมายถึง เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ท่ีได้รับบริการจาก
กระทรวงศกึ ษาธิการ
“มคี วามรคู้ ู่คณุ ธรรม” หมายถึง รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ซื่อสัตย์สุจริต ขยันอดทน สติปัญญา
แบ่งปัน ซง่ึ เปน็ 2 เงือ่ นไขตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
“มคี ณุ ภาพชวี ิตทีด่ ี” หมายถึง มอี าชีพ มีความม่นั คง มั่งคงั่ และย่งั ยนื ในการด้ารงชวี ติ
แนวทางการขบั เคลือ่ น พ้นื ท่ีนวัตกรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบุรี 27
“มีความสุข” หมายถึง ความอยู่ดีมีสุข สามารถอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร มีความสามัคคี
ปรองดอง
“สังคม” หมายถึง สงั คมไทย ภูมภิ าคอาเซียน และสังคมโลก
4. พันธกจิ
1. ยกระดบั คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดบั ประเภทสู่สากล
2. เสรมิ สรา้ งโอกาสการเข้าถงึ บรกิ ารทางการศึกษาของประชาชนอย่างท่ัวถึง เทา่ เทยี ม
3. พฒั นาระบบบรหิ ารจัดการการศกึ ษาตามหลกั ธรรมาภิบาล
5. ยทุ ธศาสตร์
1. ยทุ ธศาสตรพ์ ฒั นาหลกั สตู ร กระบวนการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล
2. ยุทธศาสตรผ์ ลิต พัฒนาครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
3. ยทุ ธศาสตร์ผลติ และพัฒนากา้ ลังคน รวมทั้งงานวจิ ยั ท่สี อดคล้องกบั ความต้องการ
ของการพัฒนาประเทศ
4. ยทุ ธศาสตรข์ ยายโอกาสการเขา้ ถึงบริการทางการศึกษา และการเรยี นรู้อย่างต่อเน่ือง
ตลอดชวี ิต
5. ยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทลั เพอื่ การศึกษา
6. ยุทธศาสตร์พัฒนาระบบบรหิ ารจัดการและสง่ เสรมิ ให้ทุกภาคส่วนมสี ่วนร่วมในการจัด
การศกึ ษา
6. ผลผลติ ผลลพั ธ์ ตัวชี้วดั และกลยุทธภ์ ายใต้ยทุ ธศาสตร์
6.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาหลกั สูตร กระบวนการเรยี นการสอน การวัดและ
ประเมินผล
ผลผลติ ผลลัพธ์
ผเู้ รียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนทส่ี ูงข้นึ สามารถทอ่ งจา้ และน้าสิ่งทจี่ า้ ไปฝกึ คดิ วเิ คราะห์
คิดสังเคราะห์ คิดในเชิงสร้างสรรค์ และแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนได้ มีทักษะการท้างานร่วมกับผู้อ่ืน สอดคล้อง
กับทักษะที่จ้าเป็นในศตวรรษที่ 21 มีคุณธรรมจริยธรรม ผู้ส้าเร็จการศึกษาทุกระดับ/ประเภทได้รับ
การศึกษาที่มี คุณภาพมาตรฐาน มีจิตส้านึกประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้ง
สามารถอยใู่ นสังคมได้ อย่างมคี วามสามัคคปี รองดอง
แนวทางการขบั เคลอ่ื น พื้นที่นวตั กรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบุรี 28
ตวั ชี้วดั ภายใต้ยทุ ธศาสตร์
1. ร้อยละของโรงเรยี นท่ผี เู้ รยี นผา่ นตามเกณฑค์ ุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ในการคิด
วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และคิดสร้างสรรค์
2. รอ้ ยละของสถานศึกษาท่ไี ด้รบั การพัฒนากิจกรรมเสรมิ ทักษะและมผี ลสมั ฤทธ์ิทาง
การเรียนสงู ขึ้น
3. ร้อยละคะแนนเฉลย่ี ของผู้เรียนที่มีคณุ ธรรมจริยธรรม
4. รอ้ ยละคะแนนเฉลยี่ ของผู้เรยี นทกุ ระดับการศึกษามีความเป็นพลเมืองและพลโลก
กลยทุ ธ์
1. พฒั นากระบวนการเรียนการสอนทม่ี ีคณุ ภาพ และจัดกจิ กรรมเสรมิ ทักษะพัฒนา
ผู้เรยี นในรปู แบบทีห่ ลากหลาย สอดคลอ้ งกับทกั ษะท่จี าเป็นในศตวรรษที่ 21
2. พฒั นาและปรับปรงุ หลกั สูตร การวัดและประเมินผลการศึกษาทกุ ระดบั /ประเภท
การศกึ ษาให้ทันสมัย สอดคล้องกบั ความก้าวหน้าทางวิทยาการและการเปลีย่ นแปลงของสงั คมโลก
3. สง่ เสริมการพฒั นาเน้ือหาสาระท่ที นั สมัยในทุกระดบั /ประเภทการศึกษา เพอื่ การผลิต
สอื่ การเรียนการสอน ตา้ ราเรียนท่มี คี ุณภาพ รวมทงั้ ต าราเรยี นอิเลก็ ทรอนิกส์
4. ปรบั ปรงุ ระบบทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติให้สอดคลอ้ งกับหลักสตู รและ
กระบวนการ จดั การเรยี นการสอน
5. ส่งเสรมิ คุณธรรม จรยิ ธรรม และความเปน็ พลเมอื งและพลโลก ตามหลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงในระบบการศึกษาอย่างเข้มขน้
6.2 ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 ผลติ พัฒนาครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการศึกษา
ผลผลติ ผลลัพธ์
มกี ารผลติ ครูไดส้ อดคล้องกบั ความตอ้ งการในการจดั การศึกษาทกุ ระดับทุกประเภท มีครู
ครบตามเกณฑ์ มีครูประจ้าชั้นครบทุกห้อง และมีครูท่ีจบตรงวุฒิตามสาขาวิชาที่สอน ผู้มีใบอนุญาต
ประกอบวิชาชพี ครูมีจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งมีคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาที่มีสมรรถนะ
ตาม มาตรฐานวิชาชีพ สามารถใช้ศักยภาพในการสอนได้อย่างเต็มที่และขวัญ ก้าลังใจที่ดีในการปฏิบัติ
หนา้ ท่ี
ตัวช้วี ัดภายใตย้ ุทธศาสตร์
1. ร้อยละของครตู ามแผนการผลติ มีคณุ ภาพตามเกณฑท์ ่ีกา้ หนด
2. ร้อยละของผ้บู รหิ ารสถานศึกษาตามแผนการพฒั นา ได้รับการพัฒนาตามเกณฑ์
ท่ีก้าหนด
แนวทางการขับเคล่ือน พ้นื ทน่ี วัตกรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบุรี 29
3. รอ้ ยละของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาท่ไี ดร้ บั การพฒั นาตามมาตรฐานวิชาชีพ
ในหลักสูตรทค่ี ุรุสภาใหก้ ารรบั รอง และผา่ นการประเมนิ เพื่อตอ่ อายุใบประกอบวชิ าชพี
4. จา้ นวนครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาไดร้ ับสวัสดกิ าร สวสั ดภิ าพ และการพฒั นา
คุณภาพชีวติ ท่ีดี
5. รอ้ ยละความพงึ พอใจของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ท่ีมีต่อการบริหาร
งานบคุ คลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
กลยทุ ธ์
1. วางแผนการผลิต และพฒั นาครู คณาจารย์ อยา่ งเป็นระบบให้สอดคล้องกบั ความ
ต้องการในการจัดการศึกษาทุกระดับ /ประเภทการศึกษา
2. ปรบั ระบบการผลิตครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษาให้มีประสทิ ธภิ าพ
3. เร่งรัดพัฒนาผู้บริหารสถานศกึ ษา รวมทั้งครปู ระจา้ การท่สี อนไม่ตรงวุฒิ ครทู ่สี อน
คละช้ันและครูในสาขาวชิ าท่ขี าดแคลน
4. สร้างขวัญก้าลังใจ สรา้ งแรงจงู ใจให้กับครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศึกษา
5. พัฒนาระบบบริหารงานบุคคลของครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการศึกษาให้มี
ประสิทธิภาพ
6.3 ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 ผลิตและพฒั นากาลังคน รวมทั้งงานวิจยั ทส่ี อดคลอ้ งกบั ความ
ตอ้ งการของการพัฒนาประเทศ
ผลผลติ ผลลพั ธ์
มีการผลิตและพฒั นากา้ ลงั คนดา้ นอาชีวศกึ ษา และด้านวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยที มี่ ี
คุณภาพ เพ่ิมจ้านวนบัณฑิตในสาขาวิชาชีพท่ีขาดแคลน มีสมรรถนะ มีความรู้ความสามารถในการ
ปฏิบัติงาน ตามมาตรฐานวิชาชีพ และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ประชาชนได้รับการฝึกอาชีพตาม
ความถนัดและ ความสนใจ รวมท้ังมีผลงานวิจัยและนวัตกรรมท่ีสามารถน้าไปใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิง
พาณิชย์ การให้การ รกั ษาพยาบาล และการพฒั นาความเป็นศูนยก์ ลางด้านการศึกษาของภมู ภิ าค
ตัวช้ีวดั ภายใตย้ ทุ ธศาสตร์
1. สัดส่วนผู้เขา้ เรียนระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ประเภทอาชีวศกึ ษาต่อสายสามัญ
2. ร้อยละความพึงพอใจของนายจา้ งผปู้ ระกอบการท่ีมีตอ่ ผู้ส้าเร็จการศกึ ษาระดบั
อาชวี ศึกษาและระดับอุดมศึกษา
3. ร้อยละของผสู้ ้าเร็จการศึกษาระดบั อาชวี ศกึ ษาและระดับอุดมศึกษาได้งานทา้ หรือ
ประกอบอาชพี อสิ ระภายใน 1 ปี
แนวทางการขับเคลอ่ื น พนื้ ทนี่ วตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี 30
4. ร้อยละของผลงานวจิ ัย นวตั กรรม งานสร้างสรรค์ ส่งิ ประดิษฐไ์ ดร้ ับการเผยแพร่และ
ตีพิมพ์
5. ร้อยละขององคค์ วามรแู้ ละสิ่งประดิษฐ์ทน่ี ้าไปใช้ประโยชน์ หรอื แกไ้ ขปญั หาชุมชน
ทอ้ งถนิ่
6. จา้ นวนเครอื ข่ายการผลิตและพัฒนาก้าลังคนกับองค์กร หนว่ ยงานท้งั ในและ
ต่างประเทศ
7. รอ้ ยละเฉลย่ี ของผูเ้ รียนในระบบทวิภาคีทีเ่ พม่ิ ข้นึ ตอ่ ปี
8. ร้อยละของผเู้ รียนสายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ในสถาบนั อดุ มศกึ ษาระดบั อนปุ รญิ ญา
ถงึ ปรญิ ญาตรี
9. ร้อยละของผ้มู ีความสามารถพเิ ศษดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และด้านอน่ื ๆ ท่ไี ดร้ ับ
การพฒั นาเพมิ่ ขึ้น
กลยุทธ์
1. เร่งผลิตและพัฒนากา้ ลังคนสาขาท่จี ้าเป็นต่อการพฒั นาประเทศ อาทิ ดา้ นวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี แพทย์ และพยาบาล
2. เรง่ ผลิตและพัฒนาสมรรถนะก้าลังคนด้านอาชวี ศกึ ษาใหท้ ันกับความเปลยี่ นแปลงของ
เทคโนโลยี และรองรบั พืน้ ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
3. สง่ เสรมิ ภาพลักษณ์การอาชีวศกึ ษา เร่งปรับคา่ นยิ ม และวางรากฐานทกั ษะอาชีพ
ให้แกผ่ เู้ รยี นตงั้ แต่วยั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
4. ส่งเสรมิ สนบั สนนุ การพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษอยา่ งต่อเน่ืองทุกระดบั
5. เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของกระบวนการผลิตและพฒั นาก้าลังคน โดยสรา้ งเครอื ขา่ ย
ความรว่ มมอื ตามรูปแบบประชารัฐ ทั้งระหวา่ งองค์กรภายในและต่างประเทศ
6. สง่ เสรมิ งานวิจัยและนวัตกรรมทส่ี ามารถนา้ ไปใช้ประโยชน์ไดจ้ รงิ
6.4 ยุทธศาสตรท์ ่ี 4 ขยายโอกาสการเข้าถงึ บรกิ ารทางการศึกษาและการเรียนร้อู ย่าง
ต่อเนือ่ ง ตลอดชีวติ
ผลผลติ ผลลพั ธ์
ผ้เู รียนทกุ คนเข้าถึงการศึกษาทีม่ คี ุณภาพอย่างเท่าเทียมกนั ในทุกระดับและประเภทการ
ศกึ ษา ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาข้ันพื้นฐาน และสามารถเรียนรู้จาก
แหล่งเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สถานศึกษาในภูมิภาค/ชนบท ได้รับการยกระดับคุณภาพในการ
ให้บริการ เด็กพิการและด้อยโอกาสได้รับโอกาสทางการศึกษาท้ังในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน
รวมทั้งสามารถเทยี บโอนผลการเรียนและทกั ษะประสบการณเ์ พื่อขอรบั วุฒิการศึกษาเพิ่มขน้ึ ได้
แนวทางการขบั เคล่อื น พน้ื ที่นวตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบรุ ี 31
ตัวช้ีวดั ภายใต้ยทุ ธศาสตร์
1. จา้ นวนปกี ารศกึ ษาเฉล่ียของคนไทยอายุ 15 – 59 ปี
2. ร้อยละของกา้ ลงั แรงงานทส่ี า้ เร็จการศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้นขนึ้ ไป
3. ร้อยละของนกั เรยี นตอ่ ประชากรวัยเรยี นระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย อายุ 15 – 17 ปี
4. ร้อยละของผู้เรียนพกิ ารทข่ี น้ึ ทะเบยี นคนพิการไดร้ บั การพฒั นาสมรรถภาพหรอื บริการ
ทางการศกึ ษา
5. ร้อยละของผูผ้ า่ นการฝกึ อบรม/พัฒนาทักษะอาชีพระยะสนั้ สามารถนา้ ความรู้ไปใช้ ใน
การประกอบอาชพี หรอื พฒั นางานได้
6. จา้ นวนผรู้ บั บริการจากแหลง่ เรยี นร้ใู นชุมชน
กลยทุ ธ์
1. ประกันโอกาสการเข้าถงึ บริการทางการศึกษาระดบั การศึกษาข้ันพน้ื ฐานใหแ้ ก่ผเู้ รียน
ในทุกพ้นื ท่ี ครอบคลุมถงึ คนพิการ ผดู้ ้อยโอกาส และผู้มคี วามต้องการพิเศษ
2. สง่ เสริมการจดั การศึกษานอกระบบ และการเข้าถงึ แหล่งเรียนรู้ทสี่ อดคล้องกบั
ความสนใจ และวิถีชวี ติ ของผู้เรยี นทกุ กลุ่มเปา้ หมาย
3. เรง่ สร้างความเข้มแขง็ ของระบบการเทียบโอนความร้แู ละประสบการณใ์ หเ้ กิดผล
เป็นรปู ธรรมอยา่ งกวา้ งขวาง
4. จดั หาทุนและแหล่งทุนทางการศึกษา
5. เร่งพฒั นาแหล่งเรยี นรู้ทีเ่ อื้อต่อการศึกษาและการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ อยา่ งมีคุณภาพ
มีความหลากหลาย และสามารถใหบ้ รกิ ารไดอ้ ย่างทั่วถึง
6.5 ยุทธศาสตร์ที่ 5 สง่ เสริมและพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษา
ผลผลิต ผลลพั ธ์
ผู้เรยี น สถานศึกษาและหน่วยงานทางการศกึ ษาทกุ ระดบั ทุกประเภทการศึกษาเขา้ ถึง
ทรัพยากร และระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ มีองค์ความรู้
เทคโนโลยี เพื่อการศึกษาเพือ่ เพิ่มผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่สูงขึ้น รวมท้ังมีศูนย์กลางในการจัดเก็บรวบรวม
สื่อการเรียน การสอนแบบดิจิทัลท่ีทันสมัย และระบบฐานข้อมูลกลางทางการศึกษาของประเทศที่ถูกต้อง
และเป็นปจั จุบนั
แนวทางการขบั เคล่อื น พ้ืนทีน่ วตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบรุ ี 32
ตวั ชวี้ ดั ภายใต้ยุทธศาสตร์
1. ร้อยละของผเู้ รยี นในสถานศึกษาที่มกี ารจัดการเรยี นการสอนทางไกลด้วยระบบ DLIT,
DLTV, ETV มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเฉลี่ยสงู ขน้ึ
2. ร้อยละของสถานศกึ ษาทีไ่ ด้รับบริการอินเทอรเ์ น็ตความเร็วไม่ต่้ากวา่ 30 Mbps
3. จ้านวนระบบฐานขอ้ มลู กลางดา้ นการศึกษาของประเทศที่ทนั สมยั เปน็ ปัจจุบนั
กลยุทธ์
1. พฒั นาระบบเครอื ขา่ ยเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพือ่ การศกึ ษาและการบรหิ ารจดั การท่ที ันสมยั
และไมซ่ า้ ซ้อน ใหผ้ ู้รบั บรกิ ารสามารถเข้าถึงไดอ้ ย่างทว่ั ถงึ และมีประสิทธภิ าพ
2. พัฒนากระบวนการจัดทา้ ระบบฐานข้อมูลกลางทางการศกึ ษาของประเทศ ระบบ
การรายงานผลของฐานข้อมูลโดยเช่ือมโยงข้อมูลการศึกษาทุกระดับ ประเภทการศึกษา ให้เป็นเอกภาพ
เป็นปจั จบุ ัน และมมี าตรฐานเดียวกัน
3. ผลติ และพัฒนาโปรแกรมประยกุ ตห์ รือสอ่ื การเรียนรอู้ ิเลก็ ทรอนกิ สใ์ หผ้ ้เู รียน
สถานศึกษา และหน่วยงานทางการศกึ ษาทกุ ระดบั ประเภทการศึกษา นา้ มาใช้เพิ่มคณุ ภาพการเรยี นรู้
อยา่ งเปน็ ระบบ
4. จัดหาอปุ กรณ์ ทรัพยากรพ้นื ฐานดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศใหก้ ับผ้เู รยี นอยา่ งเพยี งพอ
ท่ัวถึงและเหมาะสมกับการแสวงหาความร้ดู ้วยตนเองอย่างตอ่ เน่ือง
6.6 ยุทธศาสตรท์ ี่ 6 พัฒนาระบบบริหารจัดการและส่งเสริมให้ทกุ ภาคสว่ นมสี ่วนร่วม
ในการจดั การศกึ ษา
ผลผลติ ผลลพั ธ์
ระบบบริหารจัดการมีความคลอ่ งตัวในการบรหิ ารงานการศึกษามากย่ิงข้นึ มีความโปรง่ ใส
และเป็นท่ียอมรับของผู้รับบริการ โครงสร้างของกระทรวงได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพโดยการ
กระจายอ้านาจลงไปสู่ส่วนภูมิภาคและสถานศึกษา และมีกลไกการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีสนับสนุน
ทรัพยากรเพ่ือการศึกษา สถานศึกษาทุกระดับทุกประเภทมีธรรมาภิบาลในการบริหาร รวมทั้งผู้เรียนใน
พ้ืนท่ีจังหวัดชายแดน ภาคใต้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีสูงข้ึน มีศักยภาพเพื่อไปประกอบอาชีพในท้องถ่ิน
ได้
ตัวช้วี ัดภายใตย้ ุทธศาสตร์
1. สัดส่วนผเู้ รยี นในสถานศึกษาทกุ ระดับของรฐั ตอ่ เอกชน
2. รอ้ ยละของผเู้ รียน เยาวชนและประชาชนในพืน้ ทจ่ี งั หวดั ชายแดนภาคใตท้ ไี่ ด้รับการ
พัฒนาศักยภาพหรอื ทักษะดา้ นอาชพี สามารถมงี านท้าหรือน้าไปประกอบอาชีพในท้องถิ่นได้
แนวทางการขับเคล่อื น พ้ืนทน่ี วตั กรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบรุ ี 33
3. รอ้ ยละของคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นวชิ าหลักระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
ในพืน้ ที่จงั หวัดชายแดนภาคใต้จากการทดสอบระดบั ชาติเพ่มิ ข้ึน
4. จา้ นวนภาคีเครือข่ายที่เข้ามามสี ่วนรว่ มในการจัด พัฒนาและสง่ เสรมิ การศกึ ษา
5. รอ้ ยละของคะแนนการประเมนิ คุณธรรมและความโปร่งใสในการดา้ เนนิ งานของ
หนว่ ยงาน
6. จ้านวนโรงเรียนขนาดเล็กทไี่ ดร้ ับการบรหิ ารจดั การเพอ่ื เขา้ สรู่ ะบบโรงเรียนเครอื ขา่ ย
กลยุทธ์
1. ปรับปรงุ กลไกการบริหารจดั การการศกึ ษาให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โดยเนน้
ด้านคุณธรรม ความโปรง่ ใส ทงั้ ในระดบั ส่วนกลาง และในพื้นที่ระดับภาค จังหวดั
2. พัฒนาระบบบรหิ ารงานงบประมาณ การเงนิ ให้มปี ระสิทธิภาพ
3. ยกระดบั คุณภาพการศึกษาตอบสนองการสร้างอาชีพและเพ่ิมคุณภาพชวี ิต ลดความ
เหลอ่ื มลา้ สร้างความสมานฉันท์ และเสรมิ สรา้ งความมัน่ คงในจังหวดั ชายแดนภาคใต้
4. เร่งส่งเสรมิ ให้ทกุ ภาคส่วนมีส่วนร่วมรับผดิ รับชอบในการจดั การศกึ ษา รวมท้งั
สนบั สนนุ ทรัพยากรเพ่ือการศกึ ษา
5. เสรมิ สร้างภาพลกั ษณ์หนว่ ยงานให้เกิดความร่วมมือ และสรา้ งเครือขา่ ย ความเปน็
ภาคีหุ้นส่วนกบั องค์กรท้งั ภายในและต่างประเทศ
6. ส่งเสริมและขยายผลใหส้ ถานศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานที่มคี วามพร้อม พัฒนา
เปน็ สถานศึกษานิติบุคคลในกา้ กับ
แผนพฒั นาการศกึ ษาจงั หวัดกาญจนบุรี 4 ปี (พ.ศ. 2562 – 2565)
จากการวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มด้านการศกึ ษาของจังหวัด ซง่ึ มีปจั จัยตา่ ง ๆ ท่ีส่งผลต่อการ พัฒนา
คุณภาพการศึกษาของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพ้ืนที่ และเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต
ของประชาชนในจังหวัดให้มีศักยภาพ มีภูมิคุ้มกันพร้อมเผชิญปัญหา จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้ก้าหนด
วิสยั ทัศน์ พนั ธกจิ เป้าประสงค์ ยทุ ธศาสตร์ ตัวช้ีวัด ค่าเปา้ หมาย การพฒั นาการศึกษาของจังหวัด ดังนี้
วิสยั ทศั น์ (Vision)
“สรา้ งคนดี มีคณุ ภาพ ด้ารงตนอย่ใู นสงั คมอย่างมีความสุข บนพื้นฐานความพอเพียงอยา่ ง
ยั่งยนื และม่นั คง”
แนวทางการขบั เคลอ่ื น พื้นทน่ี วตั กรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบุรี 34
พันธกจิ (Mission)
1. เสรมิ สรา้ งคณุ ภาพชีวิตท่ดี ีใหแ้ กน่ กั เรยี น นกั ศึกษา และประชาชน อย่รู ่วมกนั ในสงั คม
พหวุ ฒั นธรรมได้อย่างมีความสุขและมคี วามภาคภมู ิใจในความเปน็ ชาติไทย
2. สง่ เสรมิ และพัฒนาผ้เู รยี นให้มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มีคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ตาม
หลักสูตร และค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ โดยน้อมน้าศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารปฏิบัติ
3. จัดการศกึ ษาให้กับนกั เรียน นักศกึ ษา และประชาชนอย่างท่วั ถงึ และมีคณุ ภาพ
4. สร้างเครอื ข่ายและพฒั นาประสทิ ธภิ าพการบริหารจัดการศกึ ษาตามหลักธรรมาภิบาล
เปา้ ประสงค์รวม (Goal)
1. ประชากรมีคุณธรรม จริยธรรม อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีความสุขตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมคี วามภาคภมู ิใจในความเป็นชาติไทย
2. ประชากรมีทักษะอาชีพ มีงานท้าสอดคล้องกับบริบทและความต้องการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ
พเิ ศษของจงั หวัดและพ้ืนทีช่ ายแดน
3. ประชากรไดร้ บั โอกาสทางการศกึ ษาอยา่ งทัว่ ถงึ และมคี ุณภาพ
4. ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีคุณภาพ และมีจรรยาบรรณวิชาชีพ สามารถปฏิบัติงานได้
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
5. หน่วยงานทางการศึกษาทุกแห่ง ทุกระดับ มีมาตรฐานจัดการตามหลักธรรมมาภิบาล และ
บูรณาการการทา้ งานร่วมกนั ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ยทุ ธศาสตร์ (Strategies)
ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 จดั การศกึ ษาเพอ่ื ความมั่นคง สงบสุขของสงั คมและพนื้ ท่ีชายแดน
กลยทุ ธท์ ่ี 1.1 ปลูกฝังคณุ ธรรม จริยธรรม และจิตส้านกึ ความเปน็ ชาตไิ ทย
กลยุทธ์ที่ 1.2 พฒั นาทักษะชวี ิต และเสริมสร้างภูมิค้มุ กัน
ยทุ ธศาสตร์ที่ 2 ผลิต พัฒนากาลังคน การวจิ ยั และนวัตกรรมเพ่ือเพ่ิมศกั ยภาพในการแขง่ ขัน
กลยุทธท์ ี่ 2.1 การผลติ พฒั นากา้ ลังคนเพื่อเพ่ิมทกั ษะอาชีพและการมงี านท้าที่สอดคล้อง
กบั ความตอ้ งการพฒั นาประเทศ
กลยุทธท์ ี่ 2.2 ผลติ พัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา
กลยทุ ธ์ที่ 2.3 สง่ เสรมิ การวจิ ัยและน้าผลการวิจยั มาใชใ้ นการจดั การศกึ ษา
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 พฒั นาศกั ยภาพผ้เู รียนและสรา้ งสงั คมแหง่ การเรียนร้ตู ลอดชีวิต
กลยุทธท์ ่ี 3.1 เพิม่ โอกาสและลดความเหลอื่ มลา้ ทางการศึกษา
กลยุทธ์ที่ 3.2 ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับตามหลกั สตู ร
แนวทางการขับเคลอ่ื น พืน้ ทีน่ วัตกรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบรุ ี 35
ยุทธศาสตร์ที่ 4 เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม เชื่อมโยง
“Thailand 4.0”
กลยทุ ธ์ท่ี 4.1 ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาเพ่อื สรา้ งจติ ส้านกึ รักษ์สิง่ แวดล้อม
กลยุทธ์ท่ี 4.2 ส่งเสริมความเป็นพลเมืองโลกตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 5 พัฒนาประสิทธิภาพการบรหิ ารจดั การตามหลักธรรมมาภบิ าล
กลยทุ ธท์ ี่ 5.1 ส่งเสรมิ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจัดการตามหลกั ธรรมาภิบาล
กลยทุ ธ์ที่ 5.2 สร้างเครือขา่ ยและการมสี ่วนรว่ มทางการศกึ ษา
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 6 การจัดการศึกษาแบบบูรณาการในเขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นทชี่ ายแดน
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1 จัดการศึกษาเพือ่ ความมัน่ คง สงบสขุ ของสังคมและพื้นท่ีชายแดน
เปา้ ประสงค์
1.ประชากรมคี วามรักในสถาบันหลักของชาติ และยดึ มนั่ การปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. ประชากรมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และจิตสา้ นกึ ความเปน็ พลเมืองดี
ตวั ชีว้ ัด
1. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐานทีจ่ ัดกิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ที่สะท้อนความรัก
และการ ธ้ารงรักษาสถาบันหลักของชาติและการยึดม่ันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ เพ่มิ ขนึ้
2. รอ้ ยละของผู้เรียนทีผ่ า่ นการอบรมลกู เสอื เนตรนารี เพ่มิ ข้นึ
3. รอ้ ยละของครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาทฝ่ี ึกอบรมเปน็ ผู้บงั คบั บัญชา
ลูกเสอื ระดับต่าง ๆ ผา่ นการประเมนิ ทุกระดับ
4. รอ้ ยละคะแนนเฉลีย่ ของผ้เู รียนท่มี ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และ
คา่ นิยมหลัก 12 ประการ เพ่มิ ขน้ึ
5. ร้อยละของสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่าข้ึนไป ท่ีจัดกิจกรรม
สะท้อนการสร้างวนิ ัย จติ สาธารณะ และคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
6. ร้อยละของผู้เรียนทเ่ี ข้าร่วมกิจกรรมการส่งเสรมิ การมีพฤติกรรม/ลกั ษณะนิสัยและ
วัฒนธรรมการทา้ งานท่ีพึงประสงคใ์ ห้เป็นคณุ ลักษณะทีส่ า้ คัญของคนในสังคม
7. ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอน/กิจกรรมเพ่ือส่งเสริมการอยู่
รว่ มกนั ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมเพิ่มขึน้
แนวทางการขับเคล่อื น พ้ืนที่นวตั กรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบรุ ี 36
8. รอ้ ยละของนกั เรยี นก่อนวยั เสยี่ งระดบั ชนั้ ป.1-6 ได้รับการเสริมสรา้ งภมู ิคุ้มกัน
ยาเสพตดิ
9. รอ้ ยละของสถานศึกษาในทุกระดับการศึกษาทั้งรัฐและเอกชน มีการป้องกนั และแก้ไข
ปัญหายาเสพติด
ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 ผลิต พัฒนากาลงั คน การวิจยั และนวตั กรรมเพอ่ื เพมิ่ ศกั ยภาพในการแขง่ ขัน
เปา้ ประสงค์
1. ผู้เรยี นได้รับการพฒั นาวชิ าชีพตรงตามความตอ้ งการของท้องถ่ิน ตลาดแรงงาน และ
การพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ
2. ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีคณุ ภาพตามมาตรฐานวิชาชพี
ตวั ช้ีวัด
1. ร้อยละของผผู้ ่านการฝกึ อาชพี /การพฒั นาทกั ษะอาชีพระยะสั้น สามารถนา้ ความรู้ ไป
ประกอบอาชีพหรือพฒั นางาน
2. ร้อยละของผูเ้ รยี นทเ่ี รียนในระบบทวภิ าค/ี สหกจิ ศึกษาในสถานประกอบการ ท่มี ี
มาตรฐานเพ่ิมขนึ้
3. รอ้ ยละของผู้สา้ เรจ็ การศึกษามสี มรรถนะทีต่ รงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และ
การพฒั นาประเทศเพม่ิ ข้นึ
4. รอ้ ยละขององค์ความรูข้ องงานวจิ ยั นวัตกรรม ส่ิงประดิษฐ์ ส่ือ เทคโนโลยีที่มีการ
นา้ ไปใช้เพือ่ อ้างอิง และ/หรือตอ่ ยอด เพิ่มข้นึ
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 พัฒนาศักยภาพผเู้ รยี นและสรา้ งสงั คมแหง่ การเรียนรูต้ ลอดชวี ติ
เป้าประสงค์
1. ผู้เรยี นมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา
2. ผูเ้ รยี นได้รับโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศกึ ษาทมี่ ีคณุ ภาพผู้เรยี น
ตัวชวี้ ดั
1. ร้อยละของผ้เู รียนทผ่ี ่านเกณฑ์มาตรฐานตามหลกั สตู ร
2. ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบระดบั ชาตกิ ารศึกษาข้นั พ้นื ฐาน (O-NET ,
V-NET และ B-NET) เพิ่มข้นึ จากปที ่ีผา่ นมา
3. ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบระดบั ชาติการศกึ ษานอกระบบ (N -NET) ทุก
รายวิชาทกุ ระดับไม่ต่้ากว่าร้อยละ 40
4. อัตราการอ่านไมอ่ อกเขยี นไม่ได้ของผู้เรยี นระดบั การศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานในจังหวดั ลดลง
แนวทางการขบั เคลือ่ น พืน้ ทีน่ วตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี 37
5. รอ้ ยละของนกั เรียน นักศึกษา และประชาชน ที่เขา้ ร่วมกิจกรรมการศึกษาและการ
เรยี นรู้
6. ร้อยละของผูเ้ รยี นทผ่ี ่านการทดสอบมาตรฐานวิชาชีพ
7. ร้อยละของนักเรยี นในระดับการศึกษาขนั้ พืน้ ฐานที่มนี า้ หนักและส่วนสูงตามเกณฑ์
มาตรฐาน
8. รอ้ ยละของศูนยเ์ ด็กเล็ก/สถานศกึ ษาระดับก่อนประถมศึกษาทีจ่ ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ได้คุณภาพและมาตรฐาน
9. รอ้ ยละของนักเรยี นในระบบตอ่ ประชากรวยั เรยี นการศึกษาภาคบงั คบั
10. รอ้ ยละของประชาชนกลุ่มเปา้ หมายทีล่ งทะเบยี นเรยี นในทุกหลกั สตู ร/กิจกรรม
การศกึ ษาต่อเนื่องเทียบกบั เป้าหมาย
11. อตั ราการออกกลางคันลดลง
12. รอ้ ยละของกา้ ลังแรงงานท่สี ้าเรจ็ การศกึ ษาระดับมธั ยมศึกษาตอนต้นขน้ึ ไป
13. รอ้ ยละของเดก็ ในวยั เรียนที่มีความจ้าเปน็ พเิ ศษไดร้ บั การศึกษาเต็มตามศักยภาพ
14. สัดส่วนของผเู้ รยี นระดับมธั ยมศึกษาตอนปลายประเภทสายสามญั ตอ่ อาชวี ศึกษา
เพิ่มขนึ้
15. ร้อยละของสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐานมีการจดั การเรียนการสอนทางไกลดว้ ย ระบบ
DLIT, DLTV, ETV
16. ร้อยละของสถานศกึ ษาไดร้ บั บริการอนิ เตอร์เน็ตความเรว็ สูงขั้นตา้่ 30 Mbps
ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 เสริมสรา้ งคณุ ภาพชวี ติ ทเ่ี ป็นมติ รต่อสง่ิ แวดล้อม เชอ่ื มโยง “ประเทศไทย 4.0”
เปา้ ประสงค์
1. ผเู้ รียนมจี ิตสา้ นึกในการอนรุ ักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2. ผู้เรียนไดร้ ับการพฒั นาใหม้ ที กั ษะชีวิตและดา้ เนินชวี ิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
ตวั ช้ีวัด
1. ร้อยละของผเู้ รียนทีเ่ ข้ารว่ มกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั การสร้างความตระหนักรเู้ รื่องการ
อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม
2. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาที่มกี ารปรบั ปรุง พฒั นาการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้และสอื่ การ
เรียนรู้ส้าหรบั การสรา้ งเสรมิ คุณภาพชีวิตทเี่ ป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม
3. รอ้ ยละของสถานศกึ ษา สถาบนั การศึกษา ท่ีจัดการเรยี นร้หู ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง
แนวทางการขับเคลือ่ น พน้ื ทนี่ วตั กรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี 38
4. รอ้ ยละของผู้เรยี นทีไ่ ด้รบั การพฒั นาใหม้ ที กั ษะชวี ติ และด้าเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 5 พัฒนาประสทิ ธิภาพบรหิ ารจัดการตามหลักธรรมาภบิ าล
เปา้ ประสงค์
หนว่ ยงานทางการศึกษาทุกระดบั มีระบบการบริหารจดั การท่ีมีประสิทธิภาพส่งผลต่อ
คณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษา
ตวั ชีว้ ัด
1. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาท่ีมีคุณภาพตามเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาเพ่ิมข้นึ
2. ร้อยละของโรงเรยี นขนาดเลก็ ที่บรหิ ารจัดการได้อยา่ งมีคุณภาพและประสิทธภิ าพ
3. รอ้ ยละของหน่วยงานทม่ี ีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภบิ าลเพิ่มขึ้น
4. ร้อยของสถานศึกษาทม่ี เี ครือขา่ ยในการสง่ เสริมการจดั การศึกษา
5. จ้านวนหนว่ ยงาน องค์กรภาครัฐ/เอกชนทีม่ ีสว่ นรว่ มจัดการศกึ ษาแบบประชารฐั
เพม่ิ ขน้ึ
6. จ้านวนหนว่ ยงานภายงานภายนอกทเี่ ขา้ มามีสว่ นร่วมในการฝึกอาชพี การพฒั นา
ทกั ษะอาชีพระยะส้ันเพม่ิ ข้นึ
7. ร้อยละของสถานศึกษาท่ไี ดร้ ับการนเิ ทศดว้ ยรูปแบบทีห่ ลากหลาย ทันสมยั และตอ่ เนือ่ ง
สมา้่ เสมอ
8. ร้อยละของคะแนนการประเมนิ คุณธรรมและความโปร่งใสของการด้าเนินงานของ
หน่วยงาน
9. ร้อยละความพึงพอใจของผปู้ กครองและชุมชนในการให้บรกิ ารการศึกษาของ
สถานศึกษาสงู ขนึ้
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 6 การจัดการศึกษาแบบบูรณาการในเขตเศรษฐกิจพเิ ศษและพน้ื ทช่ี ายแดน
เปา้ ประสงค์
ผู้เรยี นมีคณุ ภาพสอดคล้องกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ชายแดนของจังหวัด
ตวั ชว้ี ัด
1. ร้อยละของผเู้ รยี นท่ีสามารถสือ่ สารภาษาอังกฤษ และภาษาประเทศเพ่อื นบา้ น
(ภาษาพมา่ และภาษาจีน) ได้
2. รอ้ ยละของผเู้ รียนท่ีได้รบั การพัฒนาให้มีความรแู้ ละทักษะด้านอาชพี สอดคล้องกับ
ความตอ้ งการในการพัฒนาจงั หวดั สูเ่ ขตเศรษฐกจิ พเิ ศษ
แนวทางการขบั เคลื่อน พ้นื ทน่ี วัตกรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบุรี 39
3.จา้ นวนหลกั สตูรท้องถ่นิ ทีพ่ ฒั นาขึ้นสอดคลอ้ ง เหมาะสมกับการพฒั นาผเู้ รียน ในเขต
เศรษฐกจิ พิเศษ
4. รอ้ ยละของผู้เรยี นทกุ ระดบั มีความร้แู ละทักษะเกีย่ วกบั การใชเ้ ทคโนโลยี (ICT) เพื่อการ
สื่อสารและการประกอบอาชีพอย่างรูเ้ ท่าทนั
5. ร้อยละของผูเ้ รยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจและตระหนกั ในความสา้ คญั ของการพฒั นา
ท้องถิน่ สู่พืน้ ท่ีเขตเศรษฐกจิ พเิ ศษและสามารถถา่ ยทอดความรู้ ขา่ วสารทีถ่ ูกตอ้ งให้ครอบครัวและชมุ ชนได้
แนวทางการขับเคลื่อน พ้นื ท่ีนวตั กรรมการศึกษา จงั หวัดกาญจนบุรี 40
ส่วนที่ 3
กระทรวงศกึ ษาธิการ ไดป้ ระกาศให้จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดนาร่องพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา
ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันท่ี 2 ตุลาคม พ.ศ.2561 โดยมีนโยบายเพ่ิมประสิทธิภาพในการจัด
การศึกษาลดความเหลื่อมล้าทางการศึกษา ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตาม
เจตนารมณ์ของการจัดการศึกษาของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 54 จึงได้จัดตั้ง
พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีขึ้น เพ่ือให้เกิดรูปแบบการบริหารจัดการศึกษารูปแบบใหม่ ซ่ึง
เป็นการทดลองกระจายอานาจการบริหารจัดการ จากส่วนกลางไปยังจังหวัด โดยมีระบบและกลไกการ
บริหารจัดการพื้นท่ีด้วยตนเอง ส่งเสริมให้สถานศึกษามีอิสระในด้านวิชาการ การบริหารบุคคล และการ
บริหารท่ัวไป ด้วยความรับผิดชอบต่อคุณภาพการศึกษา นาไปสู่การพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนให้
เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียน บริบทพื้นท่ี และความต้องการของประเทศ โดยมีเป้าหมาย 4 ประการ
คือ
1. เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิในการเรียนรู้ของนักเรียนในพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษาท้ัง 3 ด้าน ได้แก่ เจตคติ
ทกั ษะสาคัญและความรู้ รวมท้งั ขยายผลสนู่ กั เรียนทัว่ ประเทศในอนาคต
2. ลดความเหลอื่ มล้าดา้ นคุณภาพการศึกษา โดยยกระดับผลการเรียนรู้ของนักเรียนกลุ่มอ่อนและ
ยากจน
3. พัฒนานวัตกรรมการบริหารการศึกษาระดับจังหวัด ขยายผลนวัตกรรมการศึกษา ท้ังเชิง
นโยบายการจัดการเรียนรู้ และการบริหารในสถานศึกษาไปสู่นโยบายการศึกษาในระดับชาติ และพ้ืนท่ีอ่ืน
อาทิ ด้านหลักสูตร ตารา สื่อการเรียนรู้ การทดสอบ การประเมินสถานศึกษา บุคลากร การเงิน รวมทั้ง
ความสอดคลอ้ งของการบริหารงานด้านตา่ งๆ
แนวทางการขบั เคลอื่ น พืน้ ทน่ี วตั กรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบรุ ี 42
4. รว่ มมือกับภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน และประชาสงั คมในการจดั การศึกษา
การพฒั นา และการขยายผลนวตั กรรมการศึกษา
แนวทางการดาเนินงานพน้ื ทน่ี วตั กรรมการศึกษา
1. การดาเนนิ งานภายในพน้ื ท่ีนวัตกรรมการศึกษาจะมีการพัฒนานวตั กรรม 2 ประเภท คอื
1.1 นวตั กรรมเชิงนโยบาย การปรบั ปรงุ นโยบาย กฎระเบียบให้คลอ่ งตวั ไดม้ าจากการ
ปรึกษาหารือและรับฟังปัญหาจากโรงเรียน และหน่วยงานทางการศึกษาในพ้ืนท่ี รวมทั้งการศึกษา
กฎระเบียบและแนวทางการบริหารของโรงเรียนคุณภาพสูง
1.2 นวัตกรรมการเรยี นการสอนและการบริหารโรงเรียน โดยจะเปน็ การดาเนินการของ
ผู้อานวยการและครูในโรงเรียนนาร่องท่ีเข้าร่วมอยู่ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา โดยเริ่มจากการวิเคราะห์
ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียน และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา ทั้งการจัดหลักสูตรรูปแบบใหม่
วธิ กี ารสอน วธิ กี ารบรหิ าร การพฒั นาระบบประกนั คุณภาพ โดยพจิ ารณาเลอื กต่อยอดแนวปฏิบัติที่ผ่านการ
ใชจ้ รงิ และพบว่ามีผลลัพธ์ท่ีดีท้ังในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนานวัตกรรมทั้งสองประเภทจะได้รับ
ความร่วมมือสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานวิจัย และองค์กรต่างๆ ซ่ึงปัจจุบันองค์กรที่ทางานด้าน
การศึกษาได้รวมตัวกันจัดตั้ง “ภาคีเพ่ือพัฒนาการศึกษาไทย (TEP – Thailand Education Partnership)
เพือ่ ขับเคล่ือนการปฏริ ปู การศกึ ษา ซึ่งรวมถงึ การพฒั นาและขยายผลนวัตกรรมดว้ ย
การบริหารพ้ืนทีน่ วัตกรรมการศึกษา
โครงสรา้ งการบรหิ าร จะประกอบด้วยคณะกรรมการ จานวน 2 ชุด ไดแ้ ก่
1. คณะกรรมการนโยบาย วางกรอบการพฒั นาของพ้ืนท่นี วตั กรรมการศกึ ษา กากบั ประเมนิ ผล
และนาข้อเสนอแนะไปขยายผลระดับประเทศ (National Policymaker and Planner)
2. คณะกรรมการบริหาร ซึ่งเป็นคณะกรรมการระดับพื้นที่ จะกาหนดนโยบายและปรับปรุง
กฎระเบียบต่างๆ ในพื้นท่ีให้คล่องตัว เพื่อให้สามารถสนับสนุนและแก้ปัญหาในการขยายผลนวัตกรรมใน
พ้ืนที่ รวมทั้งกากับดูแล (Local Facilitator and Regulator) ทั้งน้ีคณะกรรมการบริหารจะทางานร่วมกับ
คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้วางนโยบายและแผนการปฏิรูประดับจังหวัด
(Local Policymaker and Planner)
ท่สี าคญั พน้ื ทนี่ วตั กรรมการศึกษา จะรองรบั คณะกรรมการบรหิ ารและร่วมมือกบั ภาคีภายนอกและ
ผเู้ ช่ยี วชาญต่าง ๆ จะมีบทบาทช่วยโรงเรียนในการพัฒนาในดา้ นต่าง ๆ ได้แก่
แนวทางการขบั เคล่อื น พน้ื ทีน่ วตั กรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี 43
1) จดั ทาหลกั สตู รของพนื้ ที่และวางเกณฑก์ ารใชห้ ลกั สูตรในสถานศกึ ษานาร่อง โดยหลกั สูตรจะ
ครอบคลุมสมรรถนะและมาตรฐานการเรยี นรู้ตามหลักสูตรแกนกลางฯ แต่มีอิสระมากข้ึนในการออกแบบ
ตวั ชี้วัดและการบรู ณาการสาระวชิ าตา่ ง ๆ
2) อนุมัติหนังสือเรยี นและส่ือการสอน เพื่อให้โรงเรียนสามารถใช้เงนิ อดุ หนุนจดั ซื้อหนงั สือและสื่อ
การเรียนร้ทู ่สี อดคล้องกับหลักสตู รใหม่ของโรงเรียนได้
3) จดั ทาคลังขอ้ สอบ
พ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี มีคณะกรรมการขับเคล่ือนพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา
โดยมผี วู้ ่าราชการจงั หวัดเป็นประธานคณะกรรมการ มีศกึ ษาธกิ ารจังหวัดเป็นเลขานุการคณะกรรมการ ซ่ึง
ขณะนี้อยู่ระหว่างการนาเสนอรายช่ือคณะกรรมการขับเคล่ือนพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษาให้รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการเป็นผลู้ งนามแตง่ ตั้ง และจะต้องดาเนินการจัดทายุทธศาสตร์พ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา
จังหวัดกาญจนบุรีในโอกาสต่อไป โดยพลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จะมาติดตามผลการวางแผนการดาเนินการ การเตรียมการจัดทายุทธศาสตร์พ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา
จังหวดั กาญจนบรุ ี ในระหวา่ งวันท่ี 26 – 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561
พัฒนาผูเ้ รยี นให้มที กั ษะดา้ นการอ่าน การเขยี น การคิดวิเคราะห์ การสือ่ สารการใช้
เทคโนโลยี สามารถแสวงหาความรู้ในการสร้างและประยุกต์ใช้นวัตกรรมทางการศึกษา เพื่อการประกอบ
อาชีพ มีคุณลักษณะอันพึงประสงคด์ ้านคุณธรรม จรยิ ธรรม โดยใช้หอ้ งเรียน digital และมกี ารเรียนรู้
แบบ Active Learning
แนวทางการขบั เคลอ่ื น พ้ืนที่นวตั กรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบุรี 44
ส่งเสริมและสนับสนุนประชากรวยั เรียน ผู้ดอ้ ยโอกาสใหไ้ ดร้ บั การศึกษาทม่ี ีคณุ ภาพ
อย่างเทา่ เทยี ม ทว่ั ถึง โดยไม่เสยี ค่าใชจ้ ่าย ได้รบั ทุนการศึกษา สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ศกึ ษาตอ่
ทางด้านอาชีพ มีรายได้ระหวา่ งเรยี น มีความร้คู วามสามารถตรงตามความตอ้ งการของสถานประกอบการ
พัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ใหม้ คี วามคดิ ริเริ่มในการพฒั นานวัตกรรมการศึกษา
สามารถออกแบบ จดั การเรียนรู้ วดั และประเมนิ ผล ท่ีตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล สรา้ งและใช้
นวัตกรรม เทคโนโลยี สารสนเทศ และใชภ้ มู ิปัญญาท้องถน่ิ มาบูรณาการในการเรียนรู้ ใช้กระบวนการวิจัย
ในการพฒั นานวตั กรรมทางการศกึ ษา
ส่งเสริมสถานศึกษาให้จัดการศึกษาตามหลักสูตรพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษา พัฒนาสื่อ
นวตั กรรมทีส่ อดคลอ้ งกับสาระการเรียนรู้ตามบรบิ ทของพื้นท่ีเขตเศรษฐกจิ พเิ ศษ การบริหารอัตรากาลัง
มีความเป็นอิสระตามความจาเป็นหรือมีเหตุพิเศษ มีนวัตกรรมการบริหารจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม
การบรหิ ารงบประมาณตามความตอ้ งการเหมาะสมกับบรบิ ทและความขาดแคลน สามารถให้ข้อเสนอแนะ
เชงิ นโยบายในการปรับปรงุ กฎหมาย ระเบยี บ แนวทางการบริหารของสถานศึกษาคุณภาพสงู
แนวทางการขบั เคลอ่ื น พ้ืนทีน่ วัตกรรมการศึกษา จังหวดั กาญจนบุรี 45
ขอ้ เสนอเพื่อเพิ่มอสิ ระทางการจัดการสาหรบั พน้ื ที่นวตั กรรมการศกึ ษา
การเพ่ิมอิสระทางการจัดการในพ้นื ทนี่ วตั กรรมการศึกษามคี วามเกยี่ วขอ้ งกับการบรหิ ารวชิ าการ
การบริหารงานบุคคล และการบริหารงบประมาณ โดยมีรายละเอียด ดังน้ี
1. การบรหิ ารวชิ าการ
1.1 การจดั ทาหลักสูตรท้องถ่ินและหลักสตู รบรู ณาการ
ตามท่ีโรงเรียนในพ้ืนท่ีนวัตกรรมมีความต้องการจัดทาหลักสูตรท้องถ่ิน และหลักสูตร
บูรณาการ เพ่ือให้สอดคล้องกับความต้องการและบริบทของพ้ืนท่ีจังหวัดของตนเอง แต่ด้วยความเข้าใจ
เกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 ที่ว่าเป็นข้อบังคับให้โรงเรียนดาเนินการตาม
อยา่ งครบถว้ นนน้ั ทาให้โรงเรียนยังไม่จัดทาหลักสูตรท้องถ่ินและหลักสูตรบูรณาการได้ เพ่ือท่ีจะทาให้เกิด
การดาเนินการตามความต้องการนั้นๆ ที่ประชุมจึงมีความเห็นเพ่ือการจัดการหลักสูตรท้องถิ่นและ
หลกั สูตรบูรณาการตามประเดน็ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ดังน้ี
ประเดน็ ท่ี 1 ดา้ นหลักสตู ร
ตามจุดประสงค์การใช้หลักสูตรแกนกลางฯ คือการใช้เป็นคู่มือหรือแนวทางการจัด
การศึกษาที่โรงเรียนสามารถดัดแปลงปรับเปล่ียนให้มีความเหมาะสมกับบริบทได้ อย่างไรก็ตามมีระเบียบ
ระบุว่า “1 กลุ่มสาระวิชาเท่ากับ 1 รายวิชาสาหรับระดับประถมศึกษา” สานักวิชาการและมาตรฐาน
การศึกษาจะออกแนวปฏบิ ัตกิ ารบรหิ ารจัดการหลักสูตรให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยปรับจากเดิมให้เป็นรายวิชา
บรู ณาการได้
ประเดน็ ที่ 2 การปรับมาตรฐาน สมรรถนะ คุณลักษณะ และตัวชว้ี ัด
ที่ประชุมอภิปราย 2 ทางเลือกเกี่ยวกับการปรับมาตรฐานสมรรถนะคุณลักษณะและ
ตัวช้ีวัดโดยเห็นชอบในทางเลือกที่ 2 คือการยึดมาตรฐานสมรรถนะคุณลักษณะและตัวชี้วัดของหลักสูตร
แกนกลางไว้ โดยโรงเรยี นดาเนนิ การปรบั แผนการสอนและจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ (ตามประเด็นท่ี 1
ดา้ นหลกั สตู ร) แตล่ ะทางเลือกมรี ายละเอยี ดดังน้ี
ทางเลอื กที่ 1
1. คงมาตรฐานสมรรถนะคุณลกั ษณะผู้เรยี นของหลักสูตรแกนกลางฯไว้ แตจ่ ดั ทาตวั ช้ีวัด
ระดบั จังหวดั ได้ ซึง่ จะต้องทาให้ครอบคลมุ ต้งั แตช่ ั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 ถึงช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6 หรือชั้น
ประถมศึกษาปที ่ี 1 - 6 ในกรณีทีท่ าแคช่ นั้ ประถมศึกษาและตอ้ งออกแบบตวั ชว้ี ัดที่เชื่อมโยงของชน้ั ประถม
ศึกษาปีท่ี 6 ไปส่ชู ั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1
2. กระบวนการพัฒนาตวั ชีว้ ดั จะต้องดาเนินการโดยผู้ทรงคณุ วุฒิ และให้ได้รบั การอนุมตั ิ
โดยคณะกรรมการศกึ ษาธกิ ารจังหวัด (กศจ.)
แนวทางการขบั เคล่ือน พืน้ ทน่ี วัตกรรมการศึกษา จงั หวดั กาญจนบุรี 46