The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Supitcha Somkaew, 2024-03-22 10:14:33

Nightvision_Magazine

Nightvision_Magazine

THAILAND’S GREATEST NIGHT LIFE CULTURE NIGHTVISION ALEXA FLURA STEP INTO THE DARK GET TO KNOW THE CULTURE, FROM EXOTIC ACTIVITIES TO EXCITING CLUBS AND BARS PERSON OF THE MONTH


เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ทำ ให้ชีวิตในยามราตรีเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางแสงสีจากหลอดไฟ LED ที่ ประดับประดาในยามค่ำ คืน “Nightlife” หรือชีวิตในยามราตรี เมื่อพูดถึงคำ ๆนี้หลายๆท่านคงมีค่า นิยมทางความคิด ที่ถูกปลูกฝังมาตามจารีตประเพณีอันดีงามของสังคมไทย ที่ว่าการใช้ชีวิตในเวลา กลางคืน เที่ยวกลางคืนหรือแม้แต่ประกอบอาชีพที่ต้องทำ งานในเวลากลางคืน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ ไม่ดี เป็นสังคมอโคจรที่เต็มไปด้วยสิ่งมัวเมาและผิดกฎหมาย ทำ ให้ผู้คนที่ใช้ชีวิตกลางคืนหรือเที่ยว กลางคืนมักถูกตราหน้าว่าเป็น “คนไม่ดี” ในข้อความนี้เองผู้เขียนก็คงไม่สามารถยืนยันหรือคัดค้าน ข้อความนี้ไปทางใดทางหนึ่งได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผู้เขียนอยากชวนให้ผู้อ่านทุกท่านมองในมุม มองใหม่ไปด้วยกัน มุมมองของผู้เขียนนั้นการเที่ยวกลางคืน ไม่จำ เป็นจะต้องหมายถึงการดื่ม แอลกอฮอล์แล้วเมาหัวราน้ำ ดังภาพที่คนบางกลุ่มอาจตราหน้าไว้เพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง การได้ออกมาใช้ชีวิตในบรรยากาศใหม่ๆ ทำ กิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลากลางวัน ร่วมกับเพื่อน เพื่อนสนิท คนรัก หรือแม้แต่ครอบครัวได้อีกด้วย ผู้เขียนมองว่าการเที่ยวกลางคืน ไม่ต่างจากการเที่ยวทะเล ภูเขา หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในช่วงเวลากลางวัน ในแง่ของการสร้าง ความทรงจำ ที่ดีร่วมกันนั้นก็คงไม่แพ้กับตอนกลางวันเลยเช่นกัน และในด้านของการได้รับการ สนับสนุนทางสังคมหรือ social support ผู้ที่ประสบกับปัญหาความเครียด การได้อยู่กับเพื่อน จะสามารถช่วยลดระดับความเครียดลงได้อีกด้วย ดังที่ระบุในงานวิจัยพฤติกรรมการเที่ยวสถาน บันเทิงนั้นมีความสอดคล้องกับความเครียด (กวินธิดา ผมงาม. (2006).) หากผู้อ่านท่านใดกำ ลัง ประสบปัญหากับความเครียดในชีวิตประจำ วันที่พบเจอ ผู้เขียนจึงขอแนะนำ ให้ผู้อ่านทุกท่านลอง เปิดใจให้กับการท่องราตรีในยามค่ำ คืน โดยการออกมาพบเจอเพื่อนๆ รวมถึงคนที่เรารัก และสร้าง ความทรงจำ ดีๆใหม่ๆไปด้วยกัน ในนิตยสารฉบับนี้ ผู้เขียนจะพาผู้อ่านทุกท่านเดินทางท่องราตรี ไปทำ ความรู้จักกับเสน่ห์ ความงดงาม และความสนุกสนานของการใช้ชีวิตในยามค่ำ คืน ในแบบฉบับที่เปิดโลกเสมือนได้ ทดลองใช้ชีวิตในยามราตรีด้วยตนเอง และพาทุกท่านไปเปิดมุมมองกับศิลปะที่แฝงอยู่ภายใต้แสงสี ดนตรี วัฒนธรรม และกิจกรรมที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงตีแผ่เจาะลึกการ ดำ เนินชีวิตของคนที่ประกอบอาชีพในเวลากลางคืน ว่าพวกเขาเหล่านั้นดำ เนินชีวิตกันอย่างไร ไม่แน่ ว่าเมื่ออ่านจบผู้อ่านทุกท่านอาจจะเปลี่ยนมุมมองความคิดและทัศนคติที่มีต่อการใช้ชีวิตในยามราตรี ไปเลยก็ได้


ปัณณพร ไชยโย ดูแลในส่วนคอลัมน์ clubs pubs & bars และบทบรรณาธิการ พิมพชนก ชมชิด ดูแลในส่วนคอลัมน์ event night out และคอลัมน์ drink of the month ลีออน เอ็กซ์เซเวีย โคล ดูแลในส่วนคอลัมน์ person of the month และ Art design สุพิชฌาย์ สมแก้ว ดูแลในส่วนคอลัมน์ unsual shows และ Art design


CONTENTS DRINK OF THE MONTH THE ROSE ROYALE EVENT NIGHT OUT LOVE LIKE 90S R&B CLUBS PUBS & BARS CHUPA BKK 01 FASHION & BEAUTY 12 PERSONAL COLOR PERSON OF THE MONTH 15 ALEXA FLURA UNUSAUL SHOWS 25 POLE DANCING 02 06


DRINK of the MONTH The Rose Royale อัพเกรดเครื่องดื่มไวน์ของคุณให้กลายเป็นค็อกเทลสปาร์คลิงโรเซ่ ในวันแห่งความรักนี้เริ่มต้นด้วยการเติมเต็มรสชาติด้วยการนำ เหล้าวิสกี้ THE GLENLIVET มาแช่อบกับกลิ่นหอมของดอกไม้ แค่เพียงความ พยายามที่เล็กน้อยนี้ ก็สามารถเพิ่มความพิเศษให้กับเครื่องดื่มของคุณได้ อย่างไม่น่าเชื่อ เสริร์ฟพร้อมกับน้ำ แข็งรูปหัวใจและกลีบกุหลาบที่สร้างความ อลังการไม่มีที่สิ้นสุด The Glenlivet 12 Year Old (infused with Rose Tea*) Honey Syrup Lemon Juice Sparkling Rosé 1.5 Parts 0.75 Parts 0.75 Parts 2 Parts Ingredients 01 Valentine’s season


P O E T R Y L I V E M U S I C , D J 02 เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนแห่งความรัก ทางเราก็ไม่อยากพลาดที่จะพาทุกคนไป รู้จักกับงานกิจกรรมอีเว้นท์ที่จัดขึ้นในช่วงเทศกาลที่รายล้อมอบอวลไปด้วยความรัก ซึ่งอีเว้นท์ที่เรากำ ลังจะ พาทุกคนไปสัมผัสนั้น ถือว่าเกือบจะเป็นเหมือนอีกหนึ่งอีเว้นท์ลับเลยก็ว่าได้ เนื่องจากยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก มากในหมู่คนไทย นั่นก็คืองาน LOVE like 90s RnB | Poetry, Live Music, DJ จัดโดย Bangkok Lyrical Lunacy (LyLu) เป็นงานที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ยุคทองของยุค 90 RnB ผ่านดนตรีสดและกวี นิพนธ์ ที่เกี่ยวกับความรักและความโรแมนติก โดย Kayla Dawn นักร้องและนักกวี ชาวอเมริกันที่จะปลุก เร้าคุณด้วยการแสดงร้องดนตรีสดและบทกวีของเธอ นอกจากนั้นยังมีดีเจที่มีความสามารถในการเล่นเพลง RnBที่ดีที่สุดของยุค 90 พร้อมกับเสริมทัพความสนุกต่อด้วย Old school Hip Hop และ Reggaeton พาให้คุณดื่มด่ำ ไปกับบรรยากาศและเต้นไปตลอดทั้งคืนกับคนที่คุณรักและเพื่อนของคุณ โดยงานนี้ได้จัดไปใน วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 20:00 น. ถึง วันที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลา 01:00 น. ที่ร้าน Maggie Choo's ในตึกFenix Silom


03 โดยสาเหตุที่ทำ ให้ Open Mic ได้กลายเป็น ตัวไฮไลท์หลักของงานนี้ และเป็นที่นิยมของคนใน บางกลุ่มอาจเป็นเพราะในยุคสมัยนี้ผู้คนบางคนมี ความสบายใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวหรือปัญหาของ ตนเองให้กับคนที่ไม่รู้จัก มากกว่าคนที่รู้ใจหรือคน สนิท เหมือนกับเป็นความสบายใจที่ไม่ต้องมากังวล ว่าเขาคนนั้นจะมองเราเป็นอย่างไรหรือมองเรา เปลี่ยนไปหรือไม่ คงแค่ต้องการใครสักคนที่พร้อม รับฟัง ไม่ถูกตัดสินเพียงแค่เรื่องราวหรือปัญหา เพียงเรื่องเดียว Open Mic เลยเหมือนกลาย เป็นอีกหนึ่งค่ำ คืนที่พร้อมเปิดรับฟังเรื่องราวปัญหา ของทุกคน โดยแนวคิดของงาน Open Mic เริ่ม ต้นขึ้นในศตวรรษที่ 20 และได้รับความนิยมในช่วง ยุค 1960 ในฐานะส่วนหนึ่งของวงการดนตรี โฟล์ค ซึ่งถือว่า Open Mic กลายเป็นโอกาสที่ดี สำ หรับนักดนตรีหน้าใหม่ที่อยากได้ประสบการณ์ การแสดงสดต่อหน้าผู้ชม โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง การหางานแสดงให้ยุ่งยาก ซึ่งไม่เพียงแค่นักดนตรี เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ แต่ยังเป็นช่องทางให้กับนัก ร้องและนักแต่งเพลงสามารถขึ้นมาโชว์ผลงานของ ตนเองได้เช่นกัน ในสมัยก่อนถ้าอยากจะแสดง เพลงใหม่ ๆ จะมีเพียงแค่ไม่กี่ที่ เพราะคลับโฟล์ค มักจะเน้นเพลงป๊อปแบบดั้งเดิม และมีความเข้าใจ ผิดว่าถ้าเห็นเพลงที่แสดงโดยนักดนตรีอะคูสติก หรือศิลปินเดี่ยว จะเหมารวมไปว่าเป็นเพลงโฟล์ค ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นความเข้าใจผิดที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน บางผู้จัดงานได้เลือกใช้ชื่อว่า “คืนอะคูสติก” หรือ “คลับอะคูสติก” เพื่อพยายามบ่งบอกถึงงานที่จัด ขึ้นมีการอ้างอิงจากคลับโฟล์ค แต่ก็เปิดกว้างใน การนำ เสนอสไตล์ดนตรีที่หลากหลายแนว ก่อนที่จะไปร่วมสนุกกับบรรยากาศที่เต็มไป ด้วยบทกลอนและเสียงดนตรี เราขอพาคุณมา ทำ ความรู้จักกับตัวไฮไลท์หลักของงาน ที่จะช่วย ทำ ให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากยิ่ง ขึ้น ซึ่งไฮไลท์หลักของงานนี้ก็คือ Open Mic หรือ Open Mike ( ย่อมาจาก open microphone ) เป็นการแสดงสดที่เน้นไปในด้าน ศิลปะการแสดง ที่ผู้ชมจะถูกเชิญชวนให้ขึ้นไป แสดงโดยใช้ไมโครโฟน ซึ่งสามารถรวมถึงการ ร้องเพลง, การพูด, การแสดงตลก หรือในรูป แบบการแสดงอื่น งานนี้มักจะจัดขึ้นในตอนกลาง คืน ที่ซึ่งสมาชิกผู้ชมสามารถขึ้นแสดงบนเวทีได้ ไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพ เพื่อเปิด โอกาสให้กับศิลปินที่กำ ลังเติบโตได้แสดงความ สามารถของตนเองต่อหน้าผู้ชมสด Bangkok Lyrical Lunacy หรือ BKK LyLu ถูกก่อตั้งโดยนักกวี ชื่อ KJ Ink ร่วมกับ Gabriela Moriarty และ Pablo Leroy Jenkonius ตั้งแต่ วันที่ 26 มกราคม ปี 2014 ที่ Overground Bar & Café โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้กลอนพูดเป็นที่นิยมให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น ที่ แห่งนี้จึงได้รวบรวมกวี นักดนตรี นักร้อง นักพูด และนักเล่าเรื่อง ไว้ในที่เดียว โดยแนวทางหลัก ขององค์กรคือการบันทึกบทกวีและดนตรีต่าง ๆ ภายในกรุงเทพ ฯ เหมือนกับเป็นบ้านแห่งกวี นิพนธ์ของกรุงเทพ ฯ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ จัด Open Mic ที่มีมาอย่างยาวนานที่สุดของ ประเทศไทย รวมถึงงานกวีนิพนธ์, คอนเสิร์ต, การแสดงละคร และอีกมากมาย ดื่มด่ำ รสชาติของ ความรัก ในค่ำ คืนแห่ง บทกลอน


04 ค่ำ คืนแห่งเสียงเพลงและบทกลอนนี้คง สามารถสร้างความสุขและความประทับใจให้กับ ใครหลาย ๆ คน หนึ่งในนั้นก็คือ Kayla Dawn นักร้องและนักกวีชาวอเมริกัน ที่เป็นโฮสต์หลัก ของเรา กล่าวว่าค่ำ คืนนี้ทำ ให้เธอได้รับ ประสบการณ์ที่น่าจดจำ และอบอุ่นหัวใจ เนื่องจาก เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสเป็นโฮสต์ เธอ ยอมรับว่าอาจมีบ้างที่รู้สึกกังวลใจ เพราะยังไม่ คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและแปลก ใหม่อย่างเช่นในกรุงเทพ แต่ค่ำ คืนนี้ก็ผ่านไปได้ อย่างราบรื่น เหมือนว่าการแสดงสามารถรวม ผู้คนเข้าด้วยกัน แล้วยังรู้สึกน่าทึ่งที่งานเช่นนี้ สามารถนำ เธอไปสู่การเชื่อมต่อที่ไม่คาดคิด เธอ ได้พบกับคนที่คิดว่าเป็นฝาแฝดของเธอจาก นอร์เวย์ แถมยังได้สร้างมิตรภาพใหม่ ๆ มากมาย ที่นี่ แสดงให้เห็นว่าการที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ ร่วมกันก็สามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ได้ ขอบคุณ Bangkok Lyrical Lunacy ที่ได้ มอบโอกาสที่ดีนี้ให้กับเธอ ทำ ให้เธอกล้าข้ามผ่าน comfort zone ได้ลองทำ อะไรใหม่ ๆ และเธอ ก็เชื่อว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกัน กับเธอกลับไปอย่างแน่นอนเพราะที่นี่พร้อมเปิด โอกาสให้คุณขึ้นมาร่วมสนุกแชร์ประสบการณ์ เรื่องราวจากหลากหลายมุมมอง ในรูปแบบต่าง ๆ บอกได้เลยว่ามีทั้งเศร้าทั้งสุขปะปนหลากหลาย อารมณ์รวมกันอยู่ในค่ำ คืนเดียว หลายคนอาจจะ คิดว่าการที่มานั่งฟังคนอื่นพูดนั้นสนุกอย่างไร ดู ออกแนวน่าเบื่อด้วยซ้ำ ไป นั่นอาจเป็นเพราะคุณ ยังไม่ได้ลองเปิดใจและพร้อมที่เปิดรับฟังเรื่อง ราวรอบตัวหรือของผู้อื่นมากพอ บางทีการที่เรา ได้มารับฟังเรื่องราวหรือปัญหาของผู้อื่นก็ทำ ให้ เราได้รับมุมมองความคิดที่แตกต่างหลากหลาย ได้แลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน ถือว่าเป็นสิ่ง ที่ดีเพราะการรับรู้จากมุมมองที่หลากหลายย่อมดี กว่าการรับรู้เพียงแค่ด้านเดียว แล้วเหตุผลที่งาน นี้เลือกที่จะจัดขึ้นในยามค่ำ คืนก็คงเพราะเป็นช่วง เวลาที่ร่างกายเราจะแสดงและรับรู้อารมณ์ความ รู้สึกได้ดี ช่วยทำ ให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับบท กวีและเสียงดนตรีมากยิ่งขึ้น โดยงาน LOVE like 90s RnB | Poetry, Live Music, DJ ได้เลือกแนวเพลง RnB เนื่องจากเป็นค่ำ คืนที่อยู่ในช่วงเทศกาลแห่ง ความรัก แล้วแนวเพลง RnB มักจะสื่อถึง ประสบการณ์และอารมณ์ทางด้านความรัก ไม่ว่า จะเป็นความสุข ความเจ็บปวด หรือความ ปรารถนา ซึ่งเป็นแนวเพลงที่มีความหลากหลาย และสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของมนุษย์ได้ลึก ที่สุด จึงเหมาะสมที่จะนำ มาเปิดในค่ำ คืนที่ล้วน อบอวลไปด้วยความรักและความโรแมนติก เพราะ ดนตรีเป็นสิ่งที่มีผลกระทบกับอารมณ์และความ รู้สึกของเรา บวกกับอยู่ในช่วงเวลาที่ร่างกายจะ เริ่มผ่อนคลาย อ่อนไหว รับรู้และเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ลองจินตนาการถึงค่ำ คืน แห่งความรักที่เต็มไปด้วยเพลงที่แสนโรแมนติก บวกกับท่วงทำ นอง และจังหวะที่พอดีไม่มากหรือ น้อยจนเกินไป ค่อย ๆ ลิ้มถึงรสชาติของเครื่อง ดื่มไปทีละนิด ยิ่งถ้าคุณได้มาอยู่ในค่ำ คืนนี้พร้อมกับ คนที่รู้ใจ รับรองว่านี่จะกลายเป็นอีกหนึ่งความ ทรงจำ ที่คุณไม่อยากลืมเลือนอย่างแน่นอน แต่ก็ใช่ ว่าใครที่มาคนเดียวจะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์นั้น การที่ได้ดื่มด่ำ กับความรู้สึกของตนเอง ใช้เวลากับ เสียงเพลงที่แสนนุ่มนวลร่วมกับฟังบทกลอนกวี นิพนธ์ที่เกี่ยวกับความรัก ความเศร้า หลากหลาย ความรู้สึกปะปนกันไปในค่ำ คืนที่พร้อมจะพาให้คุณ เคลิบเคลิ้มไปอยู่ในภวังค์ ขณะที่ข้างนอกต่างเงียบ สงัด เขาว่ากันว่ายามค่ำ คืนเป็นช่วงเวลาที่คนเรา จะอยู่กับตนเอง เข้าใจตนเองได้ดีมากกว่าในช่วง เวลากลางวัน อาจจะด้วยความเงียบของ บรรยากาศ ไม่มีเสียงหรือความวุ่นวายมาคอย รบกวน จะมีแค่เพียงเสียงและความคิดจากตัวเรา ที่ดังก้องอยู่ตลอด การได้ออกไปพบเจอผู้คนที่ไม่ เคยพบหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน ได้สร้างบทสนทนา ใหม่ ๆ ไปพร้อมกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็ถือว่า เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ในชีวิตที่คุณต้องลอง สัมผัสเองสักครั้ง แต่เมื่อเต็มอิ่มไปกับความรู้สึกที่ ลึกซึ้งสุดแสนโรแมนติกจนหนำ ใจ ก็มี DJSticky Keys และ DJ Pableroy ที่เตรียมพร้อมจะสาด ความสนุกและสีสันให้กับพวกคุณต่อด้วยแนว เพลงOld school Hip Hop และ Reggaeton ให้ทั้งค่ำ คืนของคุณครบรสและ กลมกล่อมแบบลงตัว


แต่ก็ถือว่า Open Mic ได้เริ่มเข้ามามีบทบาท ในสังคมไทยแล้ว เห็นได้จากการแสดง เดี่ยว ไมโครโฟน ของ อุดม แต้พานิช หรือที่รู้จักกันใน ชื่อ โน้ส อุดม ซึ่งเดี่ยวไมโครโฟนก็ถือว่าเป็นการ แสดงพูดตลก (comedy open mic) ที่มีชื่อ เสียงและเป็นกระแสโด่งดังในประเทศไทยอยู่ในช่วง ระยะเวลาหนึ่ง โดยแนวโน้มในอนาคตก็คาดว่า Open Mic จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในไทย โดยหากใครที่ได้อ่านบทความนี้แล้วเกิดสนใจ อยากลองมาร่วมสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ ที่ Bangkok Lyrical Lunacy ก็มีอีเว้นท์เตรียม พร้อมให้คุณต่อแบบจัดเต็มแบบไม่มีพัก นั่นก็คือ งาน The Poet Parlor | Showcase & Open Micโดยจุดเด่นของการแสดงนี้จะเป็น ศิลปินที่ได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษ แต่ทางเราก็ จะยังคงมีพื้นที่และเวลาสำ หรับกวีที่อยากเข้าร่วม Open Mic ในจำ นวนจำ กัดโดยกวีท่านใดที่สนใจ เข้าร่วมสามารถติดต่อผ่านข้อความโดยตรงได้ที่ ทางเพจ Facebook : Bangkok Lyrical Lunacy ซึ่งการแสดงนี้เป็นการแสดงที่อุทิศให้กับ กลอนและ Open Mic โดยเฉพาะสำ หรับกวี เท่านั้น กวีที่เข้าร่วม Open Mic จะถูกเลือกโดย การจับฉลาก และจะต้องมารายงานตัวพร้อมลง ทะเบียน ไม่เกิน 30 นาที ก่อนที่การแสดงจะเริ่ม ต้นในเวลา 20.00 น. โดยงานนี้จะจัดขึ้นทุกวัน พฤหัสบดีของสัปดาห์ที่สี่ในทุก ๆ เดือน ที่ The Parlor ใน The Standard Hotel ตึก King Power Mahanakhon โดยงานนี้จะเปิดให้เข้า ฟรี ประตูเริ่มเปิดเวลา 19:00 น. แต่ความสนุก ของเราจะค่อยเริ่มขึ้นในตอน 20:00 น. แล้วมา ร่วมสร้างค่ำ คืนที่น่าดื่มด่ำ และน่าจดจำ ในวันที่ 28 มีนาคม 2024 นี้ไปพร้อมด้วยกันกับเราที่งาน The Poet Parlor สำ หรับในประเทศไทย Open Mic ยังคงหา ได้ยาก และยังไม่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมาก เท่าที่ควร เนื่องจากเป็นวัฒนธรรมที่รับมาจาก ตะวันตก ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนยังรู้จักกันในวงแคบ เฉพาะกลุ่ม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำ ให้ Bangkok Lyrical Lunacy ได้ดำ เนินต่อไปเพื่อบรรลุเป้า หมายหลักขององค์กรในการถ่ายทอดวัฒนธรรม นี้ให้แพร่หลายในสังคมไทย แต่สิ่งที่เป็นปัญหาหลัก ในการเผยแพร่วัฒนธรรมนี้ในประเทศไทยคือ เรื่องกำ แพงของภาษา เพราะการที่จะสามารถเข้า ร่วมได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นนักกวีอาชีพหรือมือสมัคร เล่น คุณจะต้องมีความสามารถในการเขียนกลอน เป็นภาษาอังกฤษได้ ซึ่งในประเทศไทยถือว่ามีคน เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ อย่างคล่องแคล่วจนสามารถแต่งกลอนได้ ภาษา ไทยยังคงเป็นภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสาร เพราะ เหตุนี้ทำ ให้การเผยแพร่วัฒนธรรมดำ เนินต่อไปได้ ช้า จึงจำ เป็นต้องใช้เวลาในการแทรกซึมเข้ามาเป็น อีกส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย แต่ก็ไม่อยากให้ ปัญหาของกำ แพงภาษานี้มาทำ ให้กลัวกับการที่จะ เริ่มต้นลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ทุกคนย่อม มีครั้งแรกเสมอ โดยอาจมองว่านี่เป็นเหมือนอีก หนึ่งโอกาสสำ หรับใครที่อยากฝึกหรือพัฒนาภาษา อังกฤษของตนเอง ไม่จำ เป็นที่จะต้องเป็นผู้เข้า แข่งขัน แค่ได้มารับฟังและอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วย การใช้ภาษาอังกฤษอยู่บ่อย ๆ ก็จะทำ ให้เราซึมซับ สิ่งนั้นได้เองโดยที่ไม่รู้ตัว 05


EXCLUSIVE ENTERTAINMENT REIMAGINED 06


ในเดือนแห่งความรัก ที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรัก และโรแมนติก เชื่อว่านักท่องราตรีหลายๆท่านคงกำ ลังมองหา Nightclub ที่ทั้งสนุกและมันส์ แถมยังบรรยากาศดี โรแมนติก เหมาะ กับการพาคนพิเศษมาเดทในค่ำ คืนพิเศษ แต่ถ้าจะเดท สไตล์ชาวเราทั้งทีจะให้ธรรมดาก็คงไม่ได้ ในคอลลัมน์นี้เราจะพาทุกท่าน มาทำ ความรู้จักกับ “CHUPA BKK” Luxury HipHop Club ลอยฟ้าเปิดใหม่ใจกลางทองหล่อ Nightclub Hip-Hop สุดมันส์สำ หรับสายแดนซ์ที่สามารถมองเห็นวิวยามค่ำ คืนของ กรุงเทพมหานครได้ 360 องศาโดยร้านนี้เปิดได้ไม่ถึงปี แต่กลับเป็นที่ รู้จักของนักท่องราตรีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ มีการติดตั้งระบบแสง สีเสียงด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่มีในสถานบันเทิงเพียงหนึ่งเดียวใน ประเทศไทย กับคอนเซปท์ของทางผู้บริหารที่ต้องการยกระดับสถาน บันเทิงประเทศไทยให้ดังไกลถึงระดับโลก CHUPA BKK ตั้งอยู่ใจกลางทองหล่อ บนชั้น 45 ของตึก T-ONE Building 8 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 มาพร้อมกับคอนเซปท์การตกแต่งร้านในธีม Avatar การเดินทางก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางมาได้ทั้ง รถยนต์ส่วนตัว จอดรถในตึก T-ONE Building แต่ถ้าขับรถมาก็ คงจะสนุกได้ไม่เต็มที่ ห่วงหน้าพะวงหลังว่าขากลับจะมีด่านมั้ย แถมเมา แล้วขับก็อันตรายอีก แนะนำ ว่าเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสก็จะ สะดวกกว่า โดยลงที่สถานีทองหล่อ ทางออก 4 และเดินไปตาม Skywalk ที่จะเชื่อมเข้าตัวตึก T-ONE Building โดยตรง บอกเลย ว่าง่ายและสบายสุดๆ เมื่อเข้าไปในตึกแล้วก็ตรงไปที่ Lobby ชั้น 1 เพื่อ ตรวจบัตรประจำ ตัวประชาชนและตรวจอาวุธ ผู้ที่ใช้บริการต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไปและต้องนำ บัตรประชาชนตัวจริงที่ยังไม่หมดอายุมาเท่านั้น บอกเลยว่ามาตราการค่อนข้างเข้มงวด เมื่อตรวจบัตรผ่านแล้วทางเจ้า หน้าที่ก็จะสอบถามว่าต้องการไปร้านไหน เพราะในตึก T-ONE Building มีสถานบันเทิงรวมกันอยู่หลายร้าน เมื่อทราบว่าจะไปร้าน ไหนทางเจ้าหน้าที่ก็ให้ใส่สายรัดข้อมือของร้านนั้นๆ พร้อมแนะนำ ว่าควร ขึ้นลิฟต์ตัวไหน ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าร้าน CHUPA BKK เหมาะกับนักท่อง ราตรีอายุตั้งแต่ 20-40 ปี เพราะด้วยการตกแต่งร้านสุด Luxury และ การออกแบบผังที่นั่งที่มีการแบ่งแยกโซนที่ชัดเจน โดย CHUPA BKK จะแบ่งโซนที่นั่งออกเป็น 3 โซน เมื่อเปิดประตูลิฟท์มาจะพบกับ Bar Zone ก่อนเป็นอันดับแรก โดยโซนนี้การตกแต่งจะเน้นการใช้เทคนิค Projection Mapping หรือการฉายภาพลงบนวัตถุทรงกลมที่ ยื่นออกมาจากบริเวณเพดานร้าน เพื่อสร้างมิติให้บริเวณบาร์ดูมีชีวิตชีวา และสร้างบรรยากาศให้เหมือนหลุดมาอยู่ในโลกของ Avatar มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในสถานบันเทิงเลยทีเดียว ในส่วนของด้านหลัง บาร์จะมีการจัดชั้นวางขวดแอลกอฮอล์ยี่ห้อต่างๆเป็นบล็อคไม้เรียงกัน คล้ายพีระมิด เป็นการออกแบบที่หรูหราแปลกตาแต่ให้ความรู้สึกที่เข้าถึง ง่ายเพราะเลือกใช้วัสดุที่ทำ จากไม้มาตกแต่ง และมีการประดับแทรกบริเวณ ชั้นวางขวดด้วยโคมไฟรูปเทียนแสง Warm Light เพิ่ม Mood & Tone ของโซนนี้ให้ดูอบอุ่น เข้าถึงง่าย เมื่อมานั่งโซนนี้จะสัมผัสได้ถึง อารมณ์ที่ลึกซึ้ง หากมากับคนพิเศษจะให้ความรู้สึกที่โรแมนติกและอาจ ตกหลุมรักคนที่มาด้วยอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่หากมาคนเดียวก็จะให้ความ รู้สึกที่สงบ ผ่อนคลาย แต่ก็แอบเหงาเล็กๆ อยากมีใครสักคนมานั่งเคียง ข้าง โซนนี้จะเหมาะสำ หรับคนที่มาคนเดียวหรือมาเป็นคู่ต้องการนั่งคุย โดยที่ไม่ต้องการเสียงดังรบกวนการพูดคุยมากนัก แต่หากมาคนเดียวก็ไม่ ต้องกลัวเหงาเพราะมีบาร์เทนเดอร์ที่สามารถคุยเล่นได้อย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ยังมีเมนูค็อกเทลที่หลากหลาย ด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี ผ่านกรรมวิธีการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากบาร์เทนเดอร์ แถมราคายัง เริ่มต้นเพียง 380 - 450++ บาท เท่านั้น ถือว่าราคาสบายกระเป๋าเมื่อ เทียบกับร้านย่านทองหล่ออื่นๆ Luxury Hip-Hop Club สุดตระการตาที่จะพาทุกท่านเปิด ประการณ์การเที่ยว Nightclub รูปแบบใหม่! 07


ถัดเข้าไปด้านในสุดที่ถือเป็นจุดไฮไลต์จุดขายที่สำ คัญของร้าน CHUPA BKK ที่ใครมาก็ต้องมาเช็คอินถ่ายรูปทำ คอนเทนต์ นั่นก็คือ VVIP Zone ที่มีการกุผนังด้วยจอ LED ขนาดใหญ่และตกแต่งโซนทั้ง โซนให้เหมือนกับมีรากไม้ระโยงระยางลงมาเหมือนม่านกั้นและทั่วทั้งเพดาน ด้วยไฟ LED เส้นๆไล่สีคุมโทนสีม่วงคราม ให้ Mood & Tone แฟนตาซี ที่ลึกลับน่าค้นหาจากการเลือกใช้โทนสี เหมือนหลุดมาอยู่ในโลกจำ ลองของ ดาวแพนดอร่า จากภาพยนตร์เรื่อง Avatar อย่างแท้จริง โดยคอนเซปท์ ของการตกแต่งโซน VVIP ของร้าน CHUPA BKK ก็เชื่อมโยงกับร้าน Tichuca ชั้น 46 ของตึก T-One Building ซึ่งอยู่ด้านบนของร้าน CHUPA BKK โดยจุดไฮไลต์ของ Tichuca Rooftop คือการตกแต่ง ร้านด้วยต้นไม้ที่มีไฟระโยงระยางพลิ้วไหวตามสายลมขนาดใหญ่ เสมือน หนึ่งว่าจำ ลอง “รุกขชาติแห่งวิญญาณ (Tree of Soul)” ต้นไม้สุด พิศวงของชนเผ่า Omaticaya ที่เชื่อมโยงทุกจิตวิญญาณอันแสนลึกซึ้ง ของชาวนาวี จากภาพยนตร์เรื่อง Avatar โดยส่วนที่เป็นจุดไฮไลต์ของ ร้าน CHUPA BKK จะเป็นเหมือนรากไม้ใต้ดินที่เชื่อมต่อกับตัวต้นไม้ นั่นเอง และเพื่อความกลมกลืนทางผู้บริหารร้านจึงเลือกใช้ผู้รับเหมาเจ้า เดียวกันอีกด้วย เมื่อมานั่งในโซนนี้นอกจากจะให้ฟีลที่เหมือนหลุดออกมา ในโลก Avatar แล้ว ยังให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ไม่มีใครมารบกวน ใน โซนนี้ถึงแม้จะอยู่ใกล้ดีเจแต่เพลงก็ไม่ดังจนรบกวนการพูดคุยมากนัก VVIP Zone จะมีแพ็คเกจเริ่มต้นอยู่ที่ 32,500-87,200++ บาท แต่ หากลูกค้าผู้ใช้บริการไม่ได้ซื้อแพ็คเกจก็สามารถเดินเข้ามาถ่ายรูปทำ คอน เทนต์ได้ฟรีเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทำ ให้ CHUPA BKK ตอบโจทย์นักเที่ยวใน หลากหลายกลุ่ม ทั้งผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบสนุกสนานคึกคัก เต็มไป ด้วยผู้คน ทั้งผู้ที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว เมื่อเดินถัดเข้าไปภายในร้านอีกนิดจะพบกับ Club Zone สำ หรับสายแดนซ์ เมื่อมาอยู่โซนนี้จะให้ฟีลที่พุ่งพล่าน คึกคัก อยากเต้น โดยอัตโนมัติ แต่ช่วงดึกๆคนเยอะขึ้นจะค่อนข้างแออัด เพราะโต๊ะบริเวณ นี้จะเป็นโต๊ะยืนไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง อาจจะมีการยืนเบียดกันหรือเต้นชนกัน แต่ หากใครอยากนั่งก็สามารถเปิดโต๊ะ VIP ได้ โซนนี้จะมีโต๊ะ VIP 9 โต๊ะ และด้านหลังโต๊ะจะเป็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครยามค่ำ คืน เสมือน กับได้ทั้งเที่ยวในสถานบังเทิงแบบมันส์ๆและได้เที่ยวชมวิวสไตล์รูฟท็อปสุ ดหรูไปพร้อมๆกันอีกด้วย แพ็คเกจในการเปิดโต๊ะ VIP จะมีให้เลือก อย่างหลากหลายโดยแพ็คเกจเริ่มต้นจะอยู่ที่ 16,500 – 65,000++ บาท ได้ครบทุกอย่างทั้งเหล้า น้ำ แข็ง มิกเซอร์ และกับแกล้ม เรียกได้ว่ายิ่งชวนเพื่อนมากันเยอะๆยิ่งจ่ายถูก Club Zone จะมีการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้จะเป็นโทนสีดำ ทอง เรียบหรู ไม่ฉูดฉาด เนื่องจากเน้นจุดเด่นไปที่แสง สีที่ค่อนข้างจัดเต็ม บริเวณเพดานจะมีการติดตั้งไฟ LED, จอ LED ขนาดใหญ่, Spotlight, Laser และที่สำ คัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ การดัด พลาสติกและส่องไฟให้มีลักษณะเป็น 3 มิติ ที่นอกจากจะช่วยสร้างการ ตกแต่งให้ดูมีมิติน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นแล้ว นอกจากในส่วนของแสง รูป แบบการจัดวางเวทีของร้าน CHUPA BKK ก็ถือว่าแปลกใหม่เช่น เดียวกัน เวทีจะมีลักษณะคล้ายรันเวย์ทางตรงยาวถึงกลางร้านยื่นออก จากบูธของดีเจ และตรงปลายของรันเวย์จะเป็น Dance Floor เวที ทรงกลมซึ่งไม่สูงมาก เพื่อให้นักท่องราตรีทุกท่านได้มาออกสเตปแดนซ์ โชว์ความสามารถกันบนเวที ถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมกันสุดๆเพื่อความ ใกล้ชิดกันของทั้งดีเจและลูกค้าที่มาใช้บริการ นอกจากระบบแสงและการ ออกแบบผังโต๊ะของร้านแล้ว ระบบเสียงก็จัดเต็มไม่แพ้กันเพราะมีการติด ตั้งลำ โพงคุณภาพสูงอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของร้านก็จะ สามารถยินเสียงเพลงอย่างคมชัดทั่วถึงทุกบริเวณอย่างแน่นอน 08


และด้วยความที่ CHUPA BKK ได้ชื่อว่า Luxury Hip-Hop Club Club ของสายแดนซ์โดยเฉพาะ รูปแบบของการเปิดเพลงจะมี DJ สลับผลัดเปลี่ยนกันมาเปิดเพลงสร้างความสนุกสนานกันตลอดทั้ง คืน ไม่มีสลับกับดนตรีสดเป็นวงเหมือนร้านอื่นๆ แนวเพลงที่ DJ เปิด ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงแนว Hip-Hop Rap และ EDM โดยเพลงแนว Hip-Hop จะประกอบด้วยดนตรีที่เป็นจังหวะ เน้นเสียงไปที่กลอง เพ อร์คัชชั่น เบส และมักมีการร้องแร็ปประกอบ ส่วนเพลงแนว EDM หรือ ชื่อเต็มๆที่ว่า Electronic Dance Music จะเป็นเพลงที่ใช้เครื่อง ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีเป็นหลัก ผสมผสานกับการมิกซ์เทป อันเป็นเอกลักษณ์และเทคนิคการ Scratch ของ DJ แต่ละท่าน นอกจากนี้ยังมี MC ที่คอยทำ หน้าที่อยู่ข้างๆ DJ ซึ่งบทบาทสำ คัญของ MC คือการ Entertain โดยการพูดให้เข้ากับจังหวะ สร้างสีสันให้กับ ปาร์ตี้ฮิปฮอปอย่างออกรสออกชาติมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนแล้วแต่เป็นแนวเพลงที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน ครื้นเครง เร้า อารมณ์ให้อยากลุกออกมาเต้น จึงเหมาะกับนักท่องราตรีที่ต้องการ ความมันส์ โชว์สเตปแดนซ์ ปลดปล่อยอารมณ์และความเครียดที่พบเจอ ในชีวิตแต่ละวัน เมื่อรวมกับบรรยากาศการตกแต่งร้านที่มีแสงสีค่อนข้าง จัดหนักจัดเต็ม ร้านนี้จึงอาจไม่เหมาะกับนักเที่ยวสายชิลล์ที่ต้องการมา นั่งพูดคุยหรือฟังเพลงแบบเบาๆสบายๆ ปล่อยอารมณ์ เหมือนบาร์อื่นๆ ที่จะนิยมเปิดเพลงแนว Pop Jazz R&B นอกจากแนวเพลงที่เปิดแล้ว การตกแต่งร้านที่โดดเด่นเป็น เอกลักษณ์ มีจุดให้ถ่ายรูปเช็คอินทำ คอนเทนต์เรียกยอดไลค์ มากมาย CHUPA BKK ยังมีเครื่องดื่มให้เลือกสรรอย่างหลากหลายทั้งค็อกเทล ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน เบียร์ ไวน์ แชมเปญ สุราแบรนด์พรีเมียม หายาก หรือแม้แต่เหล้าประกวดก็มีที่นี่ ต้องแอบกระซิบว่ามีจำ หน่าย Hennessy Paradis หนึ่งในสุดยอดคญักที่ดีที่สุด ที่ราคาขวดละ 92,500++ บาท!!! อยู่ด้วย แต่เครื่องดื่มที่ใครมาร้าน CHUPA BKK ต้องห้ามพลาดที่จะสั่ง Monkey Shoulder เบลนด์มอลต์ วิสกี้ ระดับ พรีเมียม วิสกี้คลื่นลูกใหม่ ที่ผลิตจากแหล่งผลิตวิสกี้ชั้นนำ ของแบรนด์ ระดับท็อป ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสก็อตแลนด์ มีระดับ แอลกอฮอล์อยู่ที่ 40% แต่ดื่มง่ายรสชาตินุ่มนวล ต้องบอกเลย ผู้เขียน ลองไปดื่มมาแล้วตื่นมาไม่แฮงค์ไม่ปวดหัวด้วยนะ โดยความพิเศษของ วิสกี้แบรนด์นี้คือการถูกเบลนด์จาก Small Batch Singel Malt 3 ตัวเข้าด้วยกันนั่นก็คือ Glenfiddich, Balvenie และ Kininvie ด้วยความพิเศษนี้จึงทำ ให้ Monkey Shoulder มีรสชาติที่แปลกใหม่ และค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ด้วยโน๊ตของผลไม้นานาชนิด เช่น เชอรี่ สต รอเบอร์รี่ ซีตรัส ลูกแพร ผิวส้ม วานิลลา โกโก้ และมีความสไปซ์ซี่เล็กๆ จาก อบเชย กานพลู จันทน์เทศ มิ้นต์ และส่วนผสมอีกมากมาย ซึ่งก็ยัง เป็นที่มาของโลโก้ลิง 3 ตัวบนไหล่ของขวดด้วยนั่นเอง Monkey Shoulder เป็นเบลนด์มอลต์ วิสกี้ชั้นดี ที่สามารถดื่มได้หลากหลายรูป แบบทั้งดื่มแบบเพียวหรือจะผสมในค็อกเทลต่างๆก็จะได้รสสัมผัสและ กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Monkey Shoulder ราคาของเบลนด์ มอลต์ วิสกี้ Monkey Shoulder จะอยู่ที่ขวดละ 3,450 บาท ซึ่งถ้า เทียบกับเบลนด์มอลต์ วิสกี้ แบรนด์อื่นก็ถือว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูงเลยที เดียว แต่ถ้าเทียบกับขั้นตอนต่างๆในการผลิตและจุดเด่นอันเป็น เอกลักษณ์ของ Monkey Shoulder ก็ถือว่าเป็นวิสกี้คุณภาพดีที่ ควรลิ้มลองให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่ถ้าหากว่าเลือกไม่ได้ว่าจะดื่มอะไรดีก็สามารถซื้อเป็นแพ็คเกจที่ จัดมาให้อย่างครบจบในเซ็ตเดียวก็ย่อมได้ แต่ราคาแพ็คเกจต่างๆก็ยัง ถือว่าแพงเอาเรื่อง แต่หากเทียบกับประสบการณ์สุดพิเศษที่จะได้รับกลับไป ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะมาลองสักครั้ง ถึงราคาจะค่อนข้างสูงแต่ CHUPA BKK ก็มีโปรโมชั่นมากมาย ทั้ง Ladies’Night ที่คุณผู้หญิงจะได้ ค็อกเทลฟรีคนละหนึ่งแก้ว ก่อนเที่ยงคืน ทุกวันพฤหัสบดี และ Model Night ที่ให้ Monkey Shoulder เบลนด์มอลต์ วิสกี้ พรีเมียม ฟรีกับ เหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายทำ คอนเท้น 4 คนต่อหนึ่งขวด ไม่รวมมิกเซอร์ และน้ำ แข็ง ทุกวันอาทิตย์ โดยราคาเครื่องดื่มต่างๆยังไม่ได้บวกค่าบริการ (10%) และภาษีมูลค่าเพิ่ม (7%) หากใครสนใจที่จะมาเปิดประสบการณ์ การท่องราตรีสุดมันส์ที่เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกนึง แถมยังถ่ายรูปสวยก็ บอกเลยว่าห้ามพลาดที่จะใส่ร้านนี้ไว้ในเช็คลิสต์เด็ดขาด CHUPA BKK เปิดทุกวันตั้งแต่ 20.00-2.00 น. ใครสนใจแนะนำ ว่าสำ รองโต๊ะก่อนล่วง หน้า ผ่าน Line ID : @chupa.bkk หรือ โทร 083-494-5666 อ่านกันมาถึงตรงนี้คงจะอยากยกหูโทรศัพท์ โทรนัดเพื่อนออก มาตี้กันแล้วใช่มั้ยละคะ ร้าน CHUPA BKK ถือเป็นอีกหนึ่ง Nightclub ต้องห้ามพลาดของชาว Nightlife อย่างเราๆ เลยทีเดียว เพราะนอกจาก จะได้รับความสนุกสนาน ความบันเทิงผ่อนคลายคลายเครียดจากการ ทำ งานแล้ว การมาเที่ยวที่ CHUPA BKK จะทำ ให้นักท่องราตรีทุกท่านได้ รับประสบการณ์การท่องราตรีที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งสไตล์การตกแต่งร้านที่ พาทุกท่านหลุดไปอยู่ในโลกจำ ลองสุดแฟนตาซีอันเป็นเอกลักษณ์ บรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก แนวเพลงสุดมันส์ด้วยเครื่องเสียงคุณภาพ เครื่องดื่มสุดพิเศษแบบที่หาไม่ได้จากร้านอื่น และได้รูปสวยๆกลับไปโพสอ วดเพื่อนๆในโลกโซเชี่ยล ร้าน CHUPA BKK จะทำ ให้ค่ำ คืนอันแสนพิเศษ กับคนพิเศษของผู้อ่านทุกท่านเป็นค่ำ คืนที่น่าประทับใจไม่อาจลืมเลือนใน แบบที่อยากไปกลับซ้ำ อีกรอบอย่างแน่นอน… 09


Hip-Hop DRIVE Reach the most immersed audience. Advertising All Ears On You 10


ดื่มไม่ต้องขับ กลับบ้านสบาย 11


12


SUMMER สำ หรับสีที่โดดเด่นเลยก็คงหนีไม่พ้นโทนสีแนวพาสเทล อมฟ้า อมม่วง ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนหวาน คนที่มีบุคลิกลักษณะที่เหมาะกับโทนสีนี้จะเป็นคนที่อ่อนนุ่ม เรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับไว้ 13 เสื้อผ้าสไตล์ที่ BLUE BASE เคยได้ยินกันไหมว่า 'สี' นั้นมีผลต่อความรู้สึก โดย แต่ละสีจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ยก ตัวอย่างง่าย ๆ เช่นเวลาที่เรามองเห็นสีดำ เราจะ จินตนาการถึงภาพของความเศร้า หม่นหมอง ไร้ ชีวิตจิตใจ แต่ถ้าเปลี่ยนใหม่เป็นให้เรามองภาพของสี ขาว เราก็จะจินตนาการคนละด้านกับสีดำ ไม่ว่าจะ เป็นความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา การกำ เนิดเกิด ขึ้นของสิ่งใหม่ หรืออะไร ๆ ก็ตามแต่ ซึ่งสิ่งที่เรา นึกคิดหรือรู้สึกเวลาที่มองเห็นสีนั้น ๆ นี่แหละ ที่เรา เรียกกันว่าจิตวิทยาของสี WINTER คือ คนที่เหมาะกับโทนสีกลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีสีผม สีตาเข้มเป็นสีดำ ตั้งแต่เกิด แถมยังเป็นกลุ่ม เดียวที่เหมาะกับสีดำ ใส่สีดำ แล้วขึ้น นอกจากสีดำ แล้ว สีอื่น ๆ ก็ล้วนจะเป็นสีโทนแม่สี คือมีความจัดจ้าน ไม่ผสมผสานสีอื่นๆ ลงไป จุดเด่นของคนกลุ่มนี้คือ มีความมั่นใจ มุ่งมั่น เท่ มีสไตล์ สำ หรับกลุ่มนี้จะประกอบไปด้วย 2 โทนสี ได้แก่ สำ หรับสีที่แยกย่อยออกมานั้น เพื่อน ๆ ไม่ต้องสังเกตอะไรกันให้ยุ่งยาก นอกจากสังเกตตัวเองกันดูว่า เวลา เหมาะกับเรา แต่สิ่งที่สำ คัญที่สุด อย่าลืมเช็ก BASE TONE ของตัวเองกันก่อนนะว่าเรามีสีผิวที่เหมาะกับโทน


14 ชอบและสีที่ใช่ YELLOW BASE เวลาที่เราจะต้องเลือกธีมเสื้อผ้าสำ หรับการออกไป เที่ยวไนท์คลับอย่าง CHUPA BKK สีก็ต้องสัมพันธ์ กับบรรยากาศโดยรวมเช่นกัน อย่างร้าน CHUPA BKK บรรยากาศร้านเป็นสีน้ำ เงิน ฟ้าส่วนใหญ่ ซึ่งวัน นี้เราจะนำ เสนอการแต่งตัวที่เข้ากับร้านนี้ด้วยการ แมทช์ชุดกับยีนส์ เพราะเข้ากับร้านสายเต้นมาก SPRING สำ หรับคนที่เหมาะกับสีโทนนี้ จุดสังเกตง่าย ๆ เลยก็คือ เวลาตากแดดนาน ๆ กลับมา ผิวจะฟื้นฟู กลับสู่สภาพเดิมได้ไวมาก ถ้าคล้ำ ก็คือคล้ำอยู่ไม่นาน แล้วก็กลับมาสู่สภาพปกติ อีกทั้งบุคลิกของคนที่เหมาะ กับโทนสีนี้มักจะเป็นคนที่มีบุคลิกสดใส น่ารัก ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข สำ หรับสีที่เหมาะก็ตามนี้เลยจ้า~ สำ หรับโทนสีในกลุ่มนี้ ประกอบไปด้วย 2 โทนสี ได้แก่ AUTUMN สำ หรับสีโทนนี้เรามักจะเรียกกันว่า โทนสีตุ่น ๆ แนว EARTH TONE ธรรมชาติ ๆ ข้อสังเกต ของคนโทนนี้คือ เวลาไปตากแดดนาน ๆ ผิวมักจะคล้ำ แดดนานกว่า ใช้เวลาในการฟื้นฟูนาน กว่าผิวจะกลับ มาเป็นปกติ ส่วนบุคลิกลักษณะของคนกลุ่มนี้คือมักจะขรึมๆ สุภาพ มีท่าทางที่สง่า พูดจาตรงไปตรงมา ไหน เพื่อที่จะทำ ให้ง่ายต่อการนำ ไปปรับใช้กันนะจ๊ะ เราสวมเสื้อผ้า ทาลิปสติก หรือทำ สีผมออกมาในโทนไหนแล้วรู้สึกว่ามันเข้ากับตัวเอง แปลว่าสีโทนนั้นอาจจะ


of the 15


16 ALEXA FLURA


ความเป็นไนท์ หรือความเป็นกลางคืน หลายคนจะชอบมีมุมมองที่ไม่ดี เเต่เรารู้สึกว่า กลางคืนเป็นช่วงเวลาที่คนออกมาเที่ยว มาดูการเเสดง มาหาความบรรเทิง พักผ่อน เเละสังสรรค์ ทำ ให้เวลาช่วงกลางคืนมีชีวิตชีวา เเละร่างเริงมากกว่าช่วงกลางวัน ทั้งบรรยากาศ เเละความรู้สึก เราอยากให้ทุกคนได้รู้จากกับ lady of the night ของเดือนนี้ เพราะ เธอคนนี้มีอาชีพเเละสตอรรี่ที่น่าสนใจอย่างมาก Alexa Flura หรือ เอิร์ธ เธอเป็นสาว ข้ามเพศเพียงหนึ่งเดียวในวงการการเต้นเบอร์ เลสค์ในกรุงเทพ เมื่อใครๆได้รู้จักเธอ ต่างจะ ต้องหลงใหลในความสามารถในด้านการเต้น และภาพลักษณ์ที่สวยงามรวมถึงการยั่วยวน ของเธอคนนี้แน่ๆ ซึ่งการเต้น Burlesque อาจจะเป็นเรื่องไกลตัวของหลายคน แต่เราจะ มาทำ ความรู้จักกับการเต้นชนิดนี้ให้มากขึ้น ผ่านเธอคนนี้กัน 17


ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่โลกได้รู้จักการเต้นที่ใช้เสน่ห์เย้ายวนของผู้หญิง ในยุคศตวรรษที่ 18 ที่เกาะอังกฤษ ได้มีการแสดงละครเวทีแนวล้อเลียนเสียดสี ที่เรียกว่า “Burlesque” โดยมีกิมมิคให้สาวๆ มาโชว์ทรวดทรงองค์เอวพอวับๆ แวมๆ ประกอบจังหวะดนตรี การโชว์พลังเสียง การเต้นปลุกเร้าอารมณ์ เสื้อผ้าสุดอลังการ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ บททะเล้นทะลึ่งที่ต้องเล่นตัว อย่างมีรสนิยม ปลายศตวรรษที่ 18 จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 ระบำ เปลื้องผ้าก็ได้กลายมาเป็นจุดขายหลักของ Burlesque ปัจจุบันการแสดง เบอร์เลสค์เป็นศิลปะการแสดงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็สามารถหาชมได้ตามสถานบันเทิงทั่วโลก โดย เฉพาะในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ศิลปะการแสดงประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนในกรุงเทพนั้น การแสดงเบอร์เลสค์ ณ เวลานี้มีเพียงบริษัทเดียวที่จัดการแสดง คือ Madame rouge events,. Madame rouge เป็นบริษัทละครสไตล์นีโอ-เบอร์เลสค์ แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่ก่อตั้งในปี 2562 โดย ได้รับแรงบันดาลใจจากคาบาเร่ต์ของชาวปารีสและชาวอเมริกัน Madame rouge เติมเต็มช่องว่างในอุตสาหกรรมบันเทิง ให้มีความคึกคักแก่เมืองที่มีชีวิตชีวาและมุ่งมั่นที่จะสนอง ความต้องการของผู้ชม Madame Rouge จึงมอบประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เพียงแต่ ดึงดูดผู้ชมของเราเท่านั้น แต่ยังท้าทายข้อห้ามเรื่องเพศและ ความเป็นผู้หญิงในสังคมอนุรักษ์นิยมอีกด้วย 18


19 Alexa Flura หนึ่งในนักเต้นเบอร์เลสค์ภายใต้การดูแลของ Madame rouge ที่มีเรื่อง ราวสร้างแรงบันดาลใจและการเดินทางที่นำ พาเธอมาสู่การเป็นนักเต้นเบอร์เลสค์ที่มีความสามารถ ที่สุดคนหนึ่งในกรุงเทพ โดยจุดเริ่มต้นของเธอนั้นได้เกิดจากการที่เธอมีความสนใจด้านการเต้น ตั้งแต่เด็ก เธอนั้นมาจากโรงเรียนชายล้วน สังคมเธอเลยเต็มไปด้วยเอเนอจี้ของความเป็นผู้ชาย แต่ เธอก็ทราบดีว่าเธอไม่ได้เป็นเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เธอเริ่มจากการอยู่ชมรมเต้นที่มหาวิทยาลัย เธอ ได้ลองเต้นมาหลายแนวมาก แต่เธอรู้สึกว่าหลายๆแนวที่เธอเคยลองเต้นนั้นไม่ใช่สำ หรับเธอ รวมถึง ไม่อยากเต้นโคฟเวอร์แดนซ์เพราะเธอรู้สึกว่าเหมือนเธอจะต้องเต้นเป็นคนอื่น เธอเริ่มจากการเข้าร่วม เวิร์คช็อปการเต้นแว้กกิ้ง (WHACKING) แล้วเวิร์คช็อปนั้นได้พูดถึงการเต้นโว้ก ซึ่งเธอไม่เคย เรียนมาก่อน พอเธอได้ไปเรียน เธอรู้สึกว่าท่าทางการเต้นที่เธอทำ เธอทำ มันได้ออกมาได้ดีมากๆ เธอ รู้สึกว่าการเต้นโว้กเป็นสิ่งที่เธอตามหามาทั้งชีวิต หลังจากนั้นเธอได้มาอยู่ในสังคมบอลรูม (Ballroom) ต้องเกริ่นก่อนว่าบอลรูมคือสังคมของกลุ่มคน LGBT ที่เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะต้องใช้ชีวิต อยู่ในสภาพสังคมที่ถูกกดขี่อย่างรุนแรง พื้นที่ตามท้องถนนของเมืองนิวยอร์กไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย สำ หรับพวกเขา นั่นจึงเป็นสาเหตุให้กลุ่มคนดังกล่าวสร้างโลกใบที่ 2 ของตัวเองขึ้นเรียกว่า Ballroom ที่หากมองผิวเผินอาจเป็นเพียงสถานที่สังสรรค์ยามราตรีเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็น จริงสถานที่นี้กลับเป็นสถานที่เดียวที่ให้โอกาสได้แสดงออกว่าแท้จริงพวกเขานั้นคือใครกันแน่ รวมไป ถึงการเต้น สไตล์ ‘โว้ก’ หรือ Voguing ซึ่งเป็นศิลปะการเต้นแขนงที่เธอสนใจโดยเฉพาะ สำ หรับคนที่ อาจจะไม่เคยคุ้นกับการเต้นชนิดนี้ คงต้องปูพื้นกันก่อนว่ามันเริ่มขึ้นในวัฒนธรรมบอลล์รูมของย่าน ฮาร์เลม (Harlem) ตั้งแต่ยุค ’60s โดยชาว LGBT อเมริกันผิวสีที่จะมารวมตัวกันในคลับใต้ดิน สร้างอัตลักษณ์ของกลุ่มพวกเขาผ่านทางการเต้น โดยชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าพวกเขาได้แรงบันดาล ใจจากนิตยสาร Vogue ท่าทางที่ออกมาจึงเป็นเหมือนการเดินและการโพสเลิศๆ เหมือนหลุดออกมา จากนิตยสารแฟชั่น ผสมกับการเต้นที่ช่วยปลดปล่อยอินเนอร์ซูเปอร์สตาร์ของพวกเขา เป็นอะไรก็ได้ ที่เขาอยากจะเป็น แม้ว่านอกคลับนั้นพวกเขาจะเป็นเพียงกลุ่มคนชายขอบที่สังคมไม่ยอมรับก็ตาม เธอได้มาอยู่กับสังคมนี้และได้อยู่กับผู้หญิงที่มากขึ้น เธอได้เห็นว่าผู้หญิงสามารถเป็นแบบไหนก็ได้ ผู้ หญิงสามารถแขนใหญ่ได้ ผู้หญิงก็ตัวใหญ่ได้ เธอเลยรู้สึกว่าภายในเธอเป็นผู้หญิง เธอได้ค้นพบตัว เองด้วยผ่านการเต้น


20


“สำ หรับเรา เราโอเคเรื่องความรัก ” ด้วยความที่ Alexa Flura ไม่ค่อยเจอเรื่องความรักที่แย่ ความที่เธอ ได้เรียนโรงเรียนชายล้วนมา ถึงภายนอกเธอจะไม่เหมือนกับความรู้สึกข้างในของเธอ แต่สังคมรอบข้างก็ให้ เกียรติและปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับผู้หญิงมาตลอด ส่วนความรักต่อตนเอง เธอรู้สึกแฮปปี้กับตัวเองอย่างมาก แต่ก็ได้กล่าวไว้ว่า มีช่วงหนึ่งที่รู้สึกไม่ดีต่อตนเอง ด้วยความที่เธอเป็นสาวข้ามเพศ และมีความรู้สึกที่ไม่เข้าพวก ต่อสังคม หรือความรู้สึกที่โดดเดี่ยว แต่เธอก็ได้กล่าวว่า “ทำ อย่างไรเราก็ต้องเป็นอย่างนี้ รู้สึกว่าในจุดจุดหนึ่ง เราเปลี่ยนตนเองเพื่อคนอื่นไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องเป็นแบบนี้” การที่เธอข้ามความรู้สึกไปได้นั้น เธอบอกว่า อยู่ที่ว่า เรารักตนเองหรือแคร์ตนเองมากแค่ไหน จริงๆแล้วคนรอบตัวไม่ได้สนใจเราขนาดนั้น เราควรหันมาสนใจและรัก ตัวเองให้มาก ดีที่สุดอยู่แล้ว ตอนแรกเธอได้ปกปิด ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอเป็นสาวข้ามเพศ แต่สุดท้ายก็ติด เรื่องเสียง หรือเรื่องสภาพร่างกายอื่นๆ ความมั่นใจของเธอตามมาทีหลัง ในช่วงตอนแรกเธอยังไม่กล้าแต่งตัว และยังไม่กล้าโชว์เรือนร่างของตนเองมากนัก ด้วยความที่เธอไม่ใช้ผู้หญิงแท้ แต่ด้วยความที่เธออยู่สังคมบอล รูม (Ballroom) สังคมนั้นสนับสนุนการเป็นตัวเองอย่างมาก เริ่มจากการที่เธออยู่ในสังคมบอลรูม คนในสังคมนี้อยู่กันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว มีพี่คนนึงที่ทำ งานด้านนี้ อยู่ เริ่มจากการที่พี่คนนั้นได้เสนอชื่อเธอให้ไปเป็นนักเต้นแต่ ณ ตอนนั้นบริษัทมาดามรูจ ยังต้องการนักแสดงผู้ หญิงที่เป็นหญิงแท้ตั้งแต่กำ เนิด ยังไม่อยากได้สาวประเภท 2 เข้ามาแสดง ด้วยความที่เป็นบริษัทเบอร์เลสค์แห่ง แรกในไทย แล้วยังมีความยึดติดกับบรรทัดฐานเดิมๆ ที่นักเต้นเบอร์เลสค์ต้องเป็นเพศหญิงแต่กำ เนิด พี่คนนั้น เลยลองชวนเธอมาทำ งานเบื้องหลังเวทีก่อน พอเธอได้ทำ งานเบื้องหลังไปสักพัก เธอก็ได้มารู้จักกับเจ้านาย ซึ่ง เจ้านายนั้นชื่นชอบบุคลิก และลักษณะนิสัยของเธอ บวกกับการที่เธอสามารถแสดงบนเวทีได้ เจ้านายอยากให้ เธอได้ลองทำ จึงเสนอว่าอยากลองไหม แล้วความเป็นผู้หญิงกับความเป็นสาวข้ามเพศ เวลาแสดงจะให้ความ รู้สึกที่ต่างกัน จากแรกเธอได้ลองโชว์แทนก่อน นั้นก็คือการเอาการแสดงของคนอื่นมาโชว์ก่อน เมื่อนักแสดง หลักไม่ว่างเธอก็จะไปแสดงแทน เจ้านายได้เห็นว่าเธอสามารถคุมเวที เล่นกับผู้ชม รวมถึงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ได้ดี ทำ ให้เจ้านายและผู้ชมชื่นชอบการแสดงของเธอมาก จึงให้โอกาสเธอคิดการแสดง และแสดงโชว์ของเธอ เองเลย และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นที่เธอได้ทำ งานเป็นนักเต้นเบอร์เลสค์ 21


22


23


นักเต้นสาวงาม “Alexa Flura” สามารถพบกับการเเสดงของเธอได้ที่ เดอะเเรท (The Rat) ซอย ทองหล่อ 13 เเละยังสามารถติดตามเธอได้ทางอินสตาเเกรม @abouttearth เเละติดตามตารางการเเสดง ของมาดามรูจได้ที่ madamerogue.events ผ่านทางอินสตราเเกรมเช่นกัน เธอยังได้ทิ้งท้ายอีกว่า การ สร้างผลงานศิลปะไม่ว่าจะแขนงไหนก็ตามเป็นสิ่งที่ยากมาก จึงอยากให้ทุกคนลองเปิดใจและดื่มด่ำ รวมถึงให้ คุณค่ากับผลงานศิลป์จริงๆ เพราะงานศิลป์ยังเป็นผลงานที่มนุษย์ยังคงต้องการ อีกทั้งเธออยากให้สังคมเปิด พื้นที่ในการแสดงออกของกลุ่มคนข้ามเพศมากขึ้น ถึงแม้เธอจะโชคดีที่เจอพื้นที่ที่คอยสนับสนุนเธอ แต่ยังมี ผู้คนที่เหมือนเธออีกมากมายที่ยังขาดพื้นที่ตรงนั้น ถ้าสังคมให้โอกาสมากขึ้นก็จะมีกลุ่มคนที่คอยรังสรรค์ผล งานศิลปะต่างๆให้พวกเราได้เสพเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ด้วยความเป็นอาชีพการบันเทิงช่วงราตรี รวมถึงเป็นการเเสดงที่ค่อนข้างเซ็กชวล หลายๆ ประเทศรวมถึงประไทยของเราเองก็ตามเนี้ย ยังไม่ ค่อยที่จะเปิดรับอาชีพนี้มากเท่าไหร่ อีกทั้งยังไม่ได้ ให้คุณค่าหรือเปิดกว้างกับศิลปะมากพอนัก ทำ ให้ หลายๆคนมองภาพลักษณ์ต่องานเช่นนี้ที่เป็นเชิง ลบ เเต่อยากจะให้ทุกคนลองเปิดใจเเละเข้าใจว่ามัน เป็นการเเสดงศิลปะท่าทาง อารมณ์ เเละร่างกาย “เราไม่ได้โชว์ เรือนร่างเพื่อที่เราจะขาย เราโชว์ เพราะมันเป็นอาร์ต” ที่ผ่านมา เคยมีหลายคนดูถูก เเละด่าว่าเธอ ผ่านทั้งคำ พูด การกระทำ ที่เหยียด หยามบนสื่อโซเชียลมีเดียเเละในชีวิตจริง เเต่เธอได้ สู้เเละรักตัวเองรวมถึงมีความมั่นใจเเละมุ่งมั่น มั่นคง ในสิ่งที่เธอชอบเเละสิ่งที่เธอทำ เธอยังได้ กล่าวอีกว่า “อย่าไปสนใจคนไปเลย สุดท้ายเเล้วเรา ใช้ชีวิตเพื่อตัวเราเอง ทำ ในสิ่งที่อยากจะทำ หรือใน สิ่งที่ชอบทำ ไปเถอะ” 24


25


26


27 ในประเทศไทย POLE DANCE เข้ามาใน ช่วงสงครามเวียดนาม ปีพ.ศ. 2500 ทหาร อเมริกันเข้ามาใช้บริการสถานบันเทิงในไทย จำ นวนมาก บาร์และคลับหลายแห่งจึงปรับรูป แบบการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการ ของทหารอเมริกัน หนึ่งในนั้นคือ "เดอะ กรัง ปรีส์ บาร์" ที่ริเริ่มให้นักเต้นหญิงเต้นบนเวที โดย ใช้เสาโลหะเป็นอุปกรณ์ ซึ่งเป็นบาร์อะโกโก้แห่ง แรกในไทย ตั้งอยู่บนถนนพัฒน์พงศ์ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2512 หากใครที่ต้องการลองอะไรแปลกใหม่ อยาก สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง อยากเข้าใจตัวเองมาก ขึ้น บอกเลยว่าห้ามพลาดกับการเต้นโพลแดนซ์บน เวทีที่ FUCHSIA เพราะการเต้นโพลแดนซ์มีส่วน ช่วยให้เรา EXPLORE ตัวเองและสร้าง SELF ESTEEM ได้ดี เนื่องจาก POLE DANCE เป็น ศิลปะการเต้นที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้ เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง รู้สึกมีอิสระ ปลด ปล่อย และเป็นตัวของตัวเอง ทำ ให้เราได้ทบทวน และเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วย อีกทั้งการเต้นโพล แดนซ์ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเราเองหรือ SELF ESTEEM ทำ ให้เรารู้สึกรักและภูมิใจใน ร่างกายของตัวเอง เรียนรู้ที่จะยอมรับร่างกาย ของตัวเอง โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่นและ โพลแดนซ์ต้องแสดงต่อหน้าคนอื่น จะช่วยให้เรา กล้าแสดงออก มั่นใจในตัวเอง รับมือกับความ กดดันได้ และภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น รักและดูแล ตัวเองมากขึ้น คุณนภัทร เมธีศุภภัค ได้กล่าวไว้ ในบทสัมภาษณ์ของไทยรัฐพลัสว่า “การเล่น POLE ช่วยในการ SELF EXPLORATION และ การสร้าง SELF ESTEEM มากๆ เพราะแต่ก่อน เราไม่มั่นใจในร่างกายของตัวเอง คิดว่าเราอ้วนมา ตลอด พอเล่นไปเรื่อยๆ เราก็อยากพัฒนาตัวเอง พอลงไอจีแล้วเพื่อนๆ ก็ทักว่าเราทำ ได้ยังไง ทั้งที่ เป็นท่าง่ายๆ แต่ก็ทำ ให้เราเริ่ม APPRECIATE กับ สิ่งที่เราทำ มากขึ้น จากที่เคยคิดว่าเราทำ ได้แค่นี้เอง เหรอ เป็นเราทำ ได้เท่านี้แหนะ มันช่วยให้เรา DEVELOPT MINDSET ว่าเราอยากจะ GO FUTURE แต่ไม่ PUSH PRESSURE มากจน เกินไปจนเรารู้สึกไม่ไหว… ” การลองขึ้นไปเต้นโพล แดนซ์บนเวทีเลยเป็นโอกาสที่ดีของคนที่อยากจะ รู้จักและเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ร้าน FUCHSIA มี สองชั้น ชั้นบนทั้งหมดเป็นโซน VIP ชั้นล่างจะมี โซนโต๊ะยืนกับบริเวณหน้าบาร์ ส่วนลานโพลแดนซ์ก็ มีเก้าอี้แบบบาร์รอบเวที เพื่อให้ลูกค้าได้ชมการ แสดงได้แบบใกล้ชิด และจะมีเสาโพลแดนซ์ทั้งหมด 5 จุด คือบนเวทีที่มีเสาสูงเท่าตึกสองชั้น และอีก 4 จุดในกรงกระจายอยู่รอบร้าน ถ้าใครเขินไม่กล้า เต้นต่อหน้าคนเยอะก็สามารถลองเต้นกับเสารอบ ร้านได้ ปัจจุบันไนท์คลับในไทย ที่มีโชว์ POLE DANCE ที่ให้นักเต้นโพลแดนซ์มืออาชีพ สรรค์ สร้างเวทีที่เต็มไปด้วยสีสัน ความตื่นตาตื่นใจ ถ่ายทอดศิลปะความงาม ความยั่วยวนพร้อม ความแข็งแรงที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง มีน้อยมาก แต่มีไนท์คลับอย่าง FUCHSIA และ HOUSE OF HEALS ที่มีโชว์ POLE DANCE จากนักเต้นโพลแดนซ์ ที่มีสไตล์การโชว์ที่แตกต่าง กันอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองที่นี้สามารถทำ ให้คนที่ อยากจะ EXPLORE ตัวเอง ได้สัมผัส บรรยากาศของ POLE DANCE ทั้งจากการชม หรือการเต้นเอง และไนท์คลับที่แรกทาง NIGHTVISION MAGAZINE ของเราอยาก พาทุกคนไปรู้จักคือ FUCHSIA บาร์ใจกลาง เมืองย่านสีลม-สาทร ที่มีการแสดง POLE DANCE ตลอดทั้งคืน พร้อมแสง สี ดนตรีEDM สลับกับเพลงป็อปสากลแบบตัวแม่ ระหว่างโชว์จะ มีการชวนผู้ชมขึ้นไปร่วมเต้น POLE DANCE บนเวทีด้วย


28 การแสดงของ FUCHSIA นั้นเรียกได้ ว่าเป็นการแสดง POLE DANCE ได้อย่างเต็ม ปาก เพราะท่าเต้น เทคนิคที่ใส่เข้ามา ทั้งพละกำ ลัง ความแข็งแรง ความงาม ความอ่อนช้อยของนัก เต้น จะต่างจากการเต้นอะโกโก้ตามผับทั่วไปโดย สิ้นเชิง แม้ว่าโพลแดนซ์และอะโกโก้แดนซ์จะใช้เสา เหล็กเป็นอุปกรณ์ในการเต้นเหมือนกัน แต่ทั้งสอง การเต้นมีความต่างกันเล็กน้อย และสิ่งนี้ทำ ให้คน ไทยมีภาพจำ POLE DANCE แบบผิด ๆ และ เหมารวมว่าอะโกโก้แดนซ์และโพลแดนซ์ เป็นการ เต้นประเภทเดียวกัน แค่เรียกต่างกัน ในความ จริงแล้วนั้นอะโกโกแดนซ์และโพลแดนซ์ แตกต่าง กันตรงท่าเต้นและเทคนิค โดยอะโกโก้แดนซ์ เน้น การเต้นยั่วยวน วาบหวิว เร้าใจ เซ็กซี่ โชว์เรือน ร่าง ความพริ้วไหวของร่างกาย มักมีการสัมผัส ตัวกับลูกค้า สร้างความบันเทิงเริงรมย์ ดึงดูด ลูกค้า ส่วนโพลแดนซ์ เน้นท่าเต้นผาดโผน ยืดหยุ่น แสดงพลัง ความแข็งแรง ทักษะการเต้น ผสมผสานกับลีลายิมนาสติกและการควบคุม ร่างกาย กล่าวคือโพลแดนซ์เป็นการเต้นที่ใช้ทักษะ การเต้นและความแข็งแรงสูงกว่าการเต้นอะโกโก้ นั่นเอง ซึ่งในประเทศไทย โพลแดนซ์ถือเป็นกีฬา ประเภทหนึ่ง ส่วนอะโกโก้แดนซ์เป็นการเต้นที่อยู่ ในสภานบันเทิงต่าง ๆ ที่มีการบริการลูกค้าแบบ พิเศษ จึงมีน้อยมากที่ไนท์คลับในประเทศไทยจะมี โชว์ POLE DANCE ที่ให้นักเต้นโพลแดนซ์มือ อาชีพ สรรค์สร้างเวทีที่เต็มไปด้วยสีสัน ความตื่น ตาตื่นใจ พร้อมความแข็งแรงที่ผ่านการฝึกฝนมา อย่างหนักหน่วง FUCHSIA เป็นหนึ่งในร้าน จำ นวนน้อยที่มีโชว์เต้นโพลแดนซ์แบบจัดเต็ม นอกจากโชว์ POLE DANCE แล้ว FUCHSIA ยังมีโชว์อย่าง MAGIC MIKE และ DRAG QUEEN ที่หาชมได้ยากเช่นกัน การ ตกแต่งร้านก็ถือว่าโดดเด่นมากเลยทีเดียว โดย ร้านจะนำ การตกแต่ง การผสมผสานศิลปะแบบ FUTURISTIC ART NOUVEAU มาสร้าง บรรยากาศเพื่อการปาร์ตี้ที่ไม่เหมือนใคร เสมือน ว่าเราอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ ภายในตกแต่งด้วย เหล็กโลหะสุดหรู กระจกสี และวัสดุกำ มะหยี่ภาย ใต้แสงนีออนฉูดฉาด ช่วยทำ ให้บรรยากาศในร้าน ดูเป็นดินแดนมหัศจรรย์ เหมือนโลกใหม่ของผู้คน ที่อยากจะ EXPLORE ตัวเองและอยากหา ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิต ใครที่สนใจอยากจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วยการ เต้น POLE DANCE ร้าน FUCHSIA เป็นคำ ตอบที่ดีสำ หรับคุณ เพราะสิ่งที่คุณจะได้จากที่นี่ ไม่ เพียงแค่ความสนุกสนาน ความเพลิดเพลินจากโชว์ หรือการเอนเตอร์เทนต์ของนักเต้น POLE DANCE เท่านั้น คุณสามารถลองเต้นเอง สัมผัส ความรู้สึกนั้นได้ด้วยตัวเอง ไม่แน่ว่าการเต้น POLE DANCE อาจจะทำ ให้คุณโอบรับความเป็น ตัวเองของคุณ ทำ ให้คุณรักและเข้าใจตัวเองได้มาก ขึ้นก็เป็นได้ ต่อมาจะเป็น HOUSE OF HEALS บาร์ที่ เปรียบเสมือนบ้านของ PANGINA HEALS หรือ ปันปัน นาคประเสริฐ เจ้าของฉายา MARIAH CAREY เมืองไทย ที่เป็นผู้ก่อตั้ง PANGINA HEALS แดร็กควีนระดับแนวหน้าของประเทศ และ CO-HOST รายการ DRAGRACE THAILAND และตัวแทนแดร็กควีนชาวไทยใน รายการ DRAG CON 2018 ที่ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่าที่นี่จะเน้นการแสดง DRAG QUEEN ก็ตาม แต่มุมหนึ่งของร้านมีเสา POLE DANCE เกรดแข่งขันสำ หรับนักเต้นที่ อยากวาดลวดลาย อยากจะ EXPLORE ตัวเอง บนเสาในแต่ละค่ำ คืน ซึ่งผลดีจากการ EXPOLRE ตัวเองผ่านโพลแดนซ์ เราจะได้รู้จัก รักและเข้าใจ ตัวเองมากกว่าเดิม มันส่งผลดีต่อตัวเราเองและ คนอื่น ผลดีต่อตัวเอง อย่างเช่น เราสามารถมี ความสุขกับชีวิตมากขึ้น เมื่อเราเข้าใจและรักตัว เอง เราก็จะพอใจกับสิ่งที่เรามี รู้สึกดีกับตัวเอง โดยไม่ต้องพยายามเปรียบเทียบกับคนอื่น การ เข้าใจตัวเองยังมีส่วนช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น เราจะรู้ว่าอะไรเหมาะกับเรา อะไรไม่เหมาะ อะไรคือ สิ่งที่เราต้องการ อะไรคือสิ่งที่เราไม่ต้องการ ช่วย ให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในทุกๆ เรื่องของชีวิต และ ยังส่งผลให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เพราะ เราจะรู้สึกมีคุณค่า รู้สึกดีกับตัวเอง ทำ ให้เรามี ความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าแสดงออก กล้า ทำ สิ่งต่างๆ และเมื่อเราเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน ความชอบ ความสนใจของตัวเอง เราจะสามารถ พัฒนาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการ เข้าใจและรักตัวเอง จะทำ ให้รู้สึกสบายใจ ไม่เครียด ไม่กังวล มีสุขภาพจิตที่ดี ผลดีต่อคนอื่น คือความ สัมพันธ์รอบตัวเราจะดีขึ้น มื่อเราเข้าใจตัวเอง เรา จะเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น รู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจ เรา ทำ ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างการที่เรา มีความสุข มั่นใจ ตัดสินใจได้ดี มีความสัมพันธ์ที่ดี


29 พัฒนาตัวเองได้ เราก็จะมีโอกาสประสบความสำ เร็จในชีวิตสูงกว่าคนอื่นจุดเด่นของ HOUSE OF HEALS คือการแสดง DRAG QUEEN ที่หาชมได้ยากและมีไนท์คลับเพียงไม่กี่ที่ที่จะมีโชว์นี้ HOUSE OF HEALSสามารถมอบความสนุก ความสบายใจให้ทุกคนเหมือนบ้านหลังหนึ่งให้กับชาว LGBTQ+ ที่อยากจะลอง EXPLORE ตัวเอง อยากเข้าใจและรักตัวเองได้อย่างเต็มที่ด้วยการเต้น ปล่อยใจไปกับเสียงเพลงหลากหลายแนว เช่น ป็อปสากล ลูกทุ่งเพลงไทย ยุค90 เป็นร้านที่เปิดเพลงตามใจลูกค้าและยังมีโชว์ที่สนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นโชว์ดนตรีของนักดนตรีและนักร้องคุณภาพ โชว์ลิปซิงค์ การแสดงละครสั้นของ DRAG QUEEN และ POLE DANCE จาก DRAG QUEEN บางคนที่เต้นโพลแดนซ์ได้ ที่นี่ไม่ได้มีโชว์ POLE DANCE อย่างจัดเต็ม แต่ DANCING POLE ที่นี่ จะเป็น POLE ที่คุณจะได้อุ่นใจและสบายใจที่จะเป็นตัวเองที่สุดเหมือนบ้านแสนอบอุ่น มีทั้งเพื่อนพี่น้อง คอมมูนิตี้LGBTQ+ ที่คอยเปิดรับและต้อนรับตัวตนของทุกคน เพื่อให้คุณได้รักตัวเองให้มาก ยอมรับและเคารพตัวเอง แล้วคุณจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นPOLE DANCE ไม่ได้เป็นเพียงศิลปะการเต้นบนเสาเหล็ก ที่ถ่ายทอดความงาม ความยั่วยวน ความแข็งแรงและสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมเท่านั้น แต่มันคือการเดินทางสู่การค้นพบตัวตน เป็นการปลดปล่อย การ EMBRACE ตัวเองหากได้ไปสัมผัสบรรยายหรือได้ลองเต้นโพลแดนซ์ด้วยตัวเองแล้วคุณจะเข้าใจและรักตัวเองมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งสองร้านที่เรานำ มาแนะนำในวันนี้ มีการแสดง POLE DANCE ที่หาชมได้ยากและยังสามารถเข้าไปร่วมเต้นบนเสาเหล็กได้อีกด้วย หวังว่า DANCING POLE ของ FUCHSIA และ HOUSE OF HEALS จะเป็นพื้นที่สบายใจและพื้นที่ปลอดภัยของคนที่อ่านบทความนี้แล้วอยากลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือ LGBTQ+ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับความรัก ซึ่งความรักที่ดีที่สุดคือความรักจากตัวเราเอง โอบรับความเป็นตัวเองให้มาก เข้าใจและเคารพตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่าลืมรักตัวเองกันด้วยนะคะ!


Click to View FlipBook Version