วัฒนธรรมญี่ปุ่ ญี่ ปุ่ น ปุ่ น่ารู้ ⽇本の⽂化
กิโมโน (Kimono) ชุดกิโมโน (Kimono) ซึ่งเป็นชุดแต่งกายประจำ ชาติของญี่ปุ่น กิโมโนมีลักษณะเป็น เสื้อคลุมขนาดยาวที่มีแขนเสื้อกว้างมาก ใช้สายคาดที่เรียกว่าโอบิ (Obi) รัดเสื้อคลุม ให้อยู่กับตัว มีลวดลายที่งดงามบนเนื้อผ้าที่ถักทอมาอย่างประณีต ซึ่งปัจจุบันนี้ชุด กิโมโนไม่เพียงแค่เป็นชุดที่ใส่กันไปร่วมงานเทศกาลและพิธีสำ คัญต่างๆ เท่านั้น แต่ กลายเป็นแฟชั่น ชั่ ยอดนิยมที่ชาวต่างชาติจำ นวนมากให้ความสนใจด้วย มีอีกหนึ่งชุดคล้ายกันที่ชาวต่างชาติมักจะจำ สับสน นั่น นั่ คือยูตาตะ (Yukata) ซึ่งเป็น ชุดที่ออกแบบมาแบบมีความพิธีการน้อยกว่ากิโมโน ไม่มีซับใน และสามารถใส่ได้ ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใครช่วย
ฮานามิ (Hanami) เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยคือการไปชมดอกซากุระ เป็นประเพณีการ ชมดอกไม้ของประเทศญี่ปุ่นที่เรียกว่าฮานามิ (Hanami) ได้รับความนิยมทั้งคนญี่ปุ่นและ นักท่องเที่ยวด้วย ทุกคนต่างเฝ้ารอการไปทำ กิจกรรมตามจุดชมซากุระในที่ต่างๆ เราจะได้ เห็นคนญี่ปุ่นนำ เสื่อหรือผ้าไปเพื่อปูพื้นสำ หรับนั่ง นั่ พร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มเพื่อรับ ประทานและสังสรรค์กันบริเวณใต้ต้นซากุระ ตามจุดชมซากุระแต่ละแห่งก็จะมีการออกร้าน กันอย่างคึกคัก และคราคร่ำ ไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมความงามและถ่ายรูปดอกซากุระ จุดชมซากุระยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็อย่างเช่น สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) หรือปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นต้น
พิธีชงชา (Sadou, Chadou) พิธีชงชา หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่าซะโด (Sadou) หรือ ฉะโด (Chadou) แปลว่าวิถีแห่งชา เป็น พิธีกรรมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นที่แฝงให้เห็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาว ญี่ปุ่นที่มีความเรียบง่าย ประณีต และพิถีพิถัน ชาที่นำ มาใช้ชงนั้นเป็นชาบดจนเป็นผง ละเอียดเรียกว่ามัทฉะ (Matcha) ขั้นตอนการชงคือตักมัทฉะใส่ถ้วย ตักน้ำ ร้อนจากหม้อ ต้มใส่ลงไป ใช้ไม้คนจนชาเป็นฟองก็เป็นอันเสร็จ จากนั้นก็ยกถ้วยชาเสิร์ฟให้กับแขก ซึ่ง มักจะดื่มคู่กับขนมหวานชิ้นเล็กๆ เพื่อตัดความขมของชา
ชินโต (Shinto) เป็นหลักความเชื่อในการดำ เนินชีวิตของชาวญี่ปุ่นมายาวนาน ตั้งแต่โบราณกาล คำ ว่าชินโตแปลได้ว่าวิถีแห่งเทพเจ้า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด เรื่องการบูชาเทพเจ้าที่เรียกว่าเทพเจ้าแปดล้านองค์ (Yaoyorozu no Kami) เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่ามีเทพเจ้าจำ นวนนับไม่ถ้วนสถิตอยู่ในธรรมชาติ ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ก้อนหิน หนึ่งในข้อสรุปสำ คัญของชินโตนั้น นิยมสรุปว่า การบูชาธรรมชาติเป็นรากฐานของ ชินโต ไม่ว่าจะต้นไม้ ลำ ธาร ก้อนหิน ล้วนแล้วแต่มีเทพเจ้า หรือคามิ (Kami) สิง สถิตอยู่ ชินโต (Shinto)
เซ็น (Zen) เป็นนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ที่มีความนิยมอย่างมาก ในญี่ปุ่น มีการผสมผสานแนวคิดของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจากอินเดียและ ปรัชญาจากลัทธิเต๋าของจีน เซ็นมีรากศัพท์มาจากคำ ว่าฌาน (Jhana) ที่แปลว่าสมาธิ เซ็นจะไม่บูชาสิ่งศักดิ์สิ ดิ์ สิ ทธิ์ห ธิ์ รืออิทธิฤทธิ์ปธิ์ าฏิหารย์ แต่ยึดถือหลักปฏิบัติธรรมที่ช่วย ในการกล่อมเกลาจิตใจ โดยจะเน้นที่การฝึกปฏิบัติ ฝึกการใช้ปัญญา และนั่ง นั่ สมาธิ เพื่อให้เกิดความรู้แจ้ง โดยความรู้แจ้งเป็นหนึ่งในจุดหมายของเซ็น ในภาษาญี่ปุ่น เรียกว่าซาโตริ (Satori) ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกับคำ ว่าตรัสรู้ หนึ่งในสัญลักษณ์ของเซ็น ที่สามารถจับต้องได้ ก็คือสวนหินแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า คะ เรซันซุย (Kare Sansui) หรือที่ชาวต่างชาตินิยมเรียกกันว่าสวนเซ็น (Zen Garden) เซ็น (Zen)
สิ่งที่เห็นได้เป็นประจำ สำ หรับคนชอบเที่ยวศาลเจ้าชินโต นอกจากภูเขาไฟฟูจิและ ดอกซากุระแล้ว สิ่งที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของญี่ปุ่นก็คือโทริอิ (Torii) นี่เอง โทริอิเป็นซุ้มประตูที่เป็นเสาขนาดใหญ่ 1 คู่ ด้านบนมีไม้ท่อนขนาดเล็กกว่าวางพาด ขวาง 1 คู่ และมักนิยมทาสีแดงชาด เป็นความเชื่อของชินโตที่ตั้งไว้เพื่อให้เป็นที่รู้ว่า หลังเสาโทริอินี้เป็นอาณาเขตของเทพเจ้า มักพบเห็นเสาโทริอิได้ตามศาลเจ้า และ สถานที่ที่เชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิ ดิ์ สิ ทธิ์ส ธิ์ ถิตอยู่ อย่างเช่นตามป่า ภูเขา ทะเลสาบ โทริอิ ริอิ
ซูชิ (Sushi) อาหารญี่ปุ่น หลายๆ คนคงนึกถึงซูชิ (Sushi) ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารับประทานบวกกับ รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นทำ ให้ปัจจุบันซูชิได้รับความนิยมไปทั่ว ทั่ โลก ส่วนประกอบหลักของซูชิ ประกอบด้วยข้าวผสมน้ำ ส้มสายชู นำ มาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดพอดีคำ จัดวางอาหารทะเล ปลา หอย กุ้ง ปลาหมึกไข่ปลา และอื่นๆ ลงบนข้าวปั้น แบบพอดีคำ แบบนี้เรียกว่านิงิริซูชิ (Nigirisushi) เป็นซูชิแบบที่คนนิยมที่สุด นอกจากนี้ ซูชิก็ยังมีอีกหลายแบบ เช่นซูขิที่นำ วัตถุดิบมาม้วน แล้วห่อด้วยสาหร่ายเรียกว่า มากิซูชิ (Maki Sushi) เป็นต้น
ซาชิมิ (Sashimi) อีกหนึ่งวัฒนธรรมด้านอาหารของญี่ปุ่นก็คือซาชิมิ (Sashimi) ซึ่งได้รับความนิยม จากชาวต่างชาติไม่แพ้ซูชิ ซาชิมิเป็นการรับประทานเนื้อสัตว์ดิบไม่ผ่านการปรุงรส ซึ่งจะต่างกับซูชิตรงที่ไม่มีข้าวเป็นส่วนประกอบ ซาชิมิจะเป็นเนื้อสัตว์สดๆ ส่วน ใหญ่จะเป็นเนื้อของปลาทะเล นำ มาหั่น หั่ หรือแล่จนเป็นชิ้นบาง รับประทานง่าย มักจะทานควบคู่กับเครื่องปรุงรสที่ช่วยกลบกินคาวของเนื้อดิบได้ อย่างเช่น โซยุ วาซาบิ ขิงดอง หัวไชเท้าขูดเส้น เป็นต้น
วากาชิ (Wagashi) เป็นคำ เรียกรวมๆ ของขนมหวานดั้งเดิมของญี่ปุ่นทุกชนิด แปลได้ตามชื่อเรียก ซึ่งเป็นการผสมคำ ว่า wa ที่หมายถึงญี่ปุ่น และ kashi ที่ หมายถึงขนมหวาน รวมกันเป็นขนมหวานแบบญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ วากาชิ จะหมายถึงขนมหวานที่มีมาแต่โบราณ หรือได้รับความนิยมมาก ในอดีต เช่นในสมัยเอโดะ วัตถุดิบของวากาชิก็มักใช้ของที่มีการเพาะปลูกในญี่ปุ่น มาแต่โบราณ ใครที่ชอบทานอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า ไส้ของขนมญี่ปุ่นโบราณ หลายชนิดมักทำ จากถั่ว ถั่ แดงหรือถั่ว ถั่ ขาว เป็นต้น วากาชิยอดนิยมก็อย่างเช่น โดรายากิ (Dorayaki) หรือขนมแป้งทอดไส้ถั่ว ถั่ แดง ที่ คนไทยรู้จักกันดีจากการ์ตูนโดราเอมอนนั่น นั่ เอง (Doraemon) วากาชิ (Wagashi)
วาบิซาบิ (Wabi-Sabi) วาบิซาบิ (Wabi-Sabi) เป็นอีกหนึ่งแนวคิดของศาสนาพุทธนิกายเซ็น (Zen) ประกอบขึ้นจากคำ 2 คำ คือ “วาบิ” หมายถึง ความเรียบง่าย สมถะ และคำ ว่า “ซาบิ” คือความเงียบสงบ ใจที่นิ่ง เป็นปรัชญาที่ทำ ให้เราเห็นว่า 1. ทุกสิ่งล้วนไม่สมบูรณ์แบบ 2. แต่ในความไม่สมบูรณ์แบบ ก็มีความงามในตัวของมันเองซ่อนอยู่ วาบิซาบิสามารถนำ มาปรับใช้ในชีวิตประจำ วันได้ โดยเราจะได้เห็นผ่านสิ่งต่างๆ เช่นชีวิตประจำ วันที่เรียบง่าย การออกแบบงานศิลปะ เครื่องใช้ต่างๆ และ สถาปัตยกรรม เป็นต้น
ละครโนห์ (Noh) โนห์ (Noh) เป็นละครเวทีแบบเก่าแก่ของญี่ปุ่น จุดเด่นคือนักแสดงจะสวม "หน้ากากละคร โนห์" เพื่อสวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ โดยจะแบ่งออกเป็นหน้ากากของผู้ชาย ผู้หญิง เทพเจ้า แต่ละตัวจะมีบทบาทแตกต่างกันออกไปเช่น นักปราชญ์ปิศาจ คนบ้า และตัว ละครในเทพนิยาย และแต่งกายแบบโบราณที่สวยงามขึ้นแสดงบนเวที มีการร้องผสมกัน ระหว่างเสียงสวดมนต์กับการเล่าเรื่อง และมีการบรรเลงดนตรีสลับด้วยในบางช่วง เรื่องที่นำ มาเล่ามักจะมาจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวของนักรบ
คาบูกิ (Kabuki) ละครคาบูกิ (Kabuki) เป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิม ที่คาดกันว่าเกิดขึ้นใน ศตวรรษที่ 17 และได้พัฒนาจนกลายเป็นละครยอดนิยมของผู้คนในสมัยเอโดะ โดยในอดีตจะมีนักแสดงเป็นผู้ชายล้วน ร่ายรำ และเล่าเรื่องโดยมีวงดนตรีบรรเลง ประกอบ เนื้อเรื่องที่นิยมแสดงจะเกี่ยวกับสังคมซามูไร ตำ นานวีรบุรุษ เวทมนต์ เรื่องราวชีวิตของชาวเมือง และเรื่องเศร้า เป็นต้น
บุนรากุ (Bunraku) บุนรากุ (Bunraku) เป็นละครหุ่นแบบเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น การแสดงบุนรากุจะมี การบรรเลงดนตรีประกอบด้วยซามิเซ็น (Shamisen) นักเชิดหุ่นมักจะใส่ชุดสีดำ เพื่อให้ กลมกลืนกับฉากหลังที่มักมีสีดำ การเชิดหุ่นต้องใช้ฝีมือมากเพราะหุ่นแต่ละตัวจะมี ความยาวประมาณ 1-1.5 เมตร ค่อนข้างใหญ่ และมีน้ำ หนักมาก การแสดงหุ่นดูแล้วเหมือนการแสดงของคนจริงๆ มีคนพากย์หุ่นคอยเล่าเรื่องราวที่เป็น มหากาพย์แบบสวดที่เรียกว่าโจรุริ (Joruri) โดยเรื่องที่เล่าก็มาจากมหากาพย์ชื่อดังที่เป็น เรื่องราวของวีรบุรุษนักรบ
ชามิเซ็น (Shamisen) ชามิเซ็น (Shamisen) เป็นเครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น ใช้ประกอบการ แสดงพื้นบ้านหลายชนิด เช่นบุนรากุและคาบูกิ ชื่อชามิเซ็นแปลว่า "สามสาย" เป็น เครื่องสายประเภทพิณที่มีสามสายตามชื่อ ลำ ตัวเป็นทรงสี่เหลี่ยม และในอดีตนิยม หุ้มด้วยหนังของหมาหรือแมว แต่ในปัจจุบันไม่นิยมทำ กันแล้ว เสียงของซามิเซนที่ดีดบรรเลงนั้นเปี่ยมด้วยพลัง โดยทั่ว ทั่ ไปซามิเซ็นจะเล่นประกอบ การร้องหรือการเล่าเรื่อง อย่างในการแสดงละครคาบูกิและละครหุ่นบุนรากุ ซามิเซ็น นั้นถือว่าเป็นตัวแทนของเครื่องดนตรีในยุคเอโดะที่สำ คัญอย่างยิ่ง และผู้ที่สนใจใน วัฒนธรรมญี่ปุ่นจะมีโอกาสได้พบเห็นบ่อยมาก
คาราเต้ คาราเต้ (Karate) แปลได้ว่า วิถีแห่งมือเปล่า เป็นศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น มีการผสมผสานกันระหว่างการต่อสู้ของชาวโอกินาวะและการได้รับอิทธิพลจากทักษะ การต่อสู้แบบจีนที่ใช้ฝ่ามือ วิธีการต่อสู้คือใช้สมาธิดึงพลังจากทั่ว ทั่ ร่างกายมารวมให้เป็น หนึ่งก่อนทำ การโจมตีโดยใช้มือและเท้าต่อยและเตะเข้าที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายคู่ต่อสู้ และอีกสิ่งสำ คัญของคาราเต้คือการฝึกจิตใจให้มีความว่างเปล่า สามารถละเว้นจากความ ปรารถนา ความมีทิฐิและกิเลสต่างๆ ได้
ซูโม่ (Sumo) เป็นกีฬาประจำ ชาติของญี่ปุ่น และกีฬายอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติใน ญี่ปุ่น ที่หลายคนอยากไปดูซักครั้ง ซูโม่พัฒนามาจากศิลปะการต่อสู้เก่าแก่และมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเทพเจ้า นักกีฬา ซูโม่จะเป็นผู้ชายที่มีลักษณะร่างกายใหญ่โตอ้วนท้วนสมบูรณ์เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และมี พละกำ ลังมาก ทำ ผมทรงมัดจุกแบบสมัยเอโดะ สวมผ้าเตี่ยวที่เรียกว่ามาวาชิ (Mawashi) ต่อสู้ด้วยมือเปล่าโดยใช้คิมาริเทะ (Kimarite) ซึ่งเป็นคำ เรียกท่าต่อสู้ของซูโม่ที่มีอยู่ 82 ท่า ผสมผสานกันออกท่าจับ เหวี่ยง ทุ่ม สกัด บิด หมุน ซูโม่ตัดสินแพ้ชนะกันตรงที่ว่า ใครจะล้มลงก่อน หรือใครหลุดออกนอกเวทีดินที่เรียกว่า โด เฮียว (Dohyo) ก่อนกัน ซูโม่
คิวโด (Kyudo) แปลว่าวิถีแห่งธนู เป็นการยิงธนูที่เกิดจากการฝึกฝนต่อสู้เพื่อสงครามของ ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน จนพัฒนามาเป็นกีฬาดังเช่นในปัจจุบัน อุปกรณ์ที่ใช้มีคันธนูที่เรียกว่ายูมิ (Yumi) และลูกธนูไม้ไผ่ที่เรียกว่ายะ (Ya) คิวโดถือเป็น ศิลปะการต่อสู้ที่สวยงามมากอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ปล่อยลูก ศรจากคันธนูไปปักที่เป้า เพราะหลักของคิวโดคือการฝึกจิตใจและสมาธิให้นิ่ง และ ปัจจุบันยังคงมีการนำ การยิงธนูไปใช้ในการประกอบพิธีสำ คัญและเทศกาลต่างๆ คิวโด หรือ รื การยิงธนู (Kyudo)
เคนโด้ (Kendo) เคนโด้ (Kendo) แปลว่าวิถีแห่งดาบ เป็นศิลปะการต้อสู้ป้องกันตัวของคนญี่ปุ่น มี กระบวนท่าการต่อสู้ที่รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด และต่อเนื่อง มีรากฐานมาจากการใช้ ดาบของพวกซามูไรในสมัยก่อน และมีหลักฐานว่าฝึกฝนกันมามากกว่าพันปี อุปกรณ์ที่ใช้สำ หรับเคนโด้ได้แก่ ดาบไม้ ชุดฝึกที่เรียกว่าเคโคงิ (Keiko-gi) กางเกงฮา กามะ (Hakama) และชุดเกราะเครื่องแบบที่ประกอบด้วยเสื้อเกราะหน้าอก หน้ากาก ที่ป้องกันแขน และที่ป้องกันสะโพก
ยูโด (Judo) เป็นศิลปะการป้องกันตัวประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น แปลได้ว่าวิถีแห่ง ความยืดหยุ่น มีที่มาจากศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่าจูจุตสึ (Jujutsu) หรือยิวยิตสู นั่น นั่ เอง โดยนำ มาปรับใช้โดยเน้นการฝึกสมาธิให้แน่วแน่บวกกับการใช้พลังกาย อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อต่อสู้ให้ชนะ ยูโดนั้นไม่ได้ใช้อุปกรณ์ในการต่อสู้แต่ใช้เพียงมือเปล่า โดยใช้เทคนิคหลัก 3 แบบ คือ การทุ่ม (Nage-waza) การจับล็อกหรือทําให้จํานน (Katame-waza) และ เทคนิคเกี่ยวกับการชกต่อย ทุบ ตี ถีบถอง ส่วนต่างๆของร่างกาย (Atemi-waza) ยูโด
ถ้าพูดถึงตุ๊กตาตัวกลมๆ สีแดง มีตาข้างเดียวของญี่ปุ่น น่าจะมีคนนึกออกว่าเป็น ตุ๊กตาดารุมะ (Daruma) ซึ่งจัดว่าเป็นเครื่องรางยอดนิยมของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว ดารุมะเป็นตุ๊กตาไม้ ลักษณะกลมคล้ายตุ๊กตาล้มลุก ไม่มีแขนและขา มีคิ้ว มี หนวดเครา แต่ไม่มีลูกตาสีดำ หน้าตาคล้ายคลึงกับพระโพธิธรรม ส่วนใหญ่เป็นสี แดง แต่ก็มีสีอื่นด้วย และมักมีความหมายที่เป็นพรอันเป็นมงคลต่างๆ การที่ดารุมะไม่มีลูกตาดำ ก็เพราะเอาไว้สำ หรับให้เจ้าของเป็นคนแต้มสีเองตอนขอ พร โดยแต้มที่ตาขวา เมื่อขอพร และเมื่อได้พรสำ เร็จสมปรารถนาแล้วก็แต้มสีที่ ตาซ้ายแล้วนำ ไปวางไว้บนหิ้งให้ดารุมะหันไปทางทิศใต้ ดารุมะ
สาเก หรือ รื เหล้าญี่ปุ่น นิฮงชู (Sake, Nihonshu) สาเก (Sake) หรือนิฮงชู (Nihonshu) คือเหล้าญี่ปุ่นที่ทำ จากข้าว ได้รับความนิยมมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถดื่มได้ทั้งแบบเย็นหรือนำ มาอุ่นให้ร้อนแล้วค่อย ดื่มก็ได้ นำ ไปใช้ในการประกอบอาหารก็ได้ รสชาติของสาเกก็มีหลากหลายมากตั้งแต่ หวานไปจนถึงขม เพราะหัวใจของการทำ สาเกอยู่ที่เชื้อโคจิ (Koji) ที่นำ มาใช้หมัก กับข้าว ซึ่งเป็นสูตรลับของแต่ละตระกูล อันนี้ก็แล้วแต่คนว่าชอบรสชาติแบบไหนกัน นอกจากนี้สาเกยังมีชื่อเรียกที่ต่างไปตามฤดูกาลด้วย เช่น ฤดูชมดอกซากุระก็เรียกว่าฮา นามิสาเก (Hanami Zake) ชมหิมะตกก็เรียกยูคิมิสาเก (Yukimi Zake) เป็นต้น คำ ว่าสาเก ในภาษาญี่ปุ่นจริงๆแล้ว เป็นคำ เรียกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมๆ ทุกชนิด ถ้าคนญี่ปุ่นพูดคำ ว่าสาเก ก็อาจจะหมายถึงอยากดื่มเหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ก็ได้ ส่วนเครื่องดื่มเหล้าหมักจากข้าวแบบญี่ปุ่นที่ชาวต่างชาติอย่างเราเรียกว่า "สาเก" คน ญี่ปุ่นจะเรียกว่า นิฮงชู (Nihonshu)
การเขียนพู่กัน หรือ รืโชโด (Shodou) การเขียนพู่กัน (Shodou) เป็นศิลปะการเขียนตัวอักษรด้วยลายมือที่สวยงามซึ่งมีมาตั้งแต่สมัย โบราณ แสดงให้เห็นความงดงามของตัวอักษร ทั้งอักษรคันจิ (Kanji) และตัวอักษรคานะ (Kana) อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบด้วยกระดาษญี่ปุ่นและพู่กัน ซึ่งในอดีตพู่กันมักทำ มาจากขนของ สัตว์เช่นขนแกะ ขนม้า เป็นต้น โดยจุ่มพู่กันที่ทำ จากขนสัตว์ลงในหมึกดำ แล้วเขียนตัวหนังสือ ลงไป การตวัดพู่กันเขียนนี้ต้องใช้สมาธิความประณีต และใส่ความรู้สึกลงไปในขณะเขียนเพื่อให้ ออกมาเป็นผลงานศิลปะที่มีความหมาย
สวนญี่ปุ่น (Teien หรือ รื Nihon-Teien) สวนแบบญี่ปุ่น (Teien หรือ Nihon-Teien) ได้รับอิทธิพลมาจากสวนของจีนที่เข้ามา พร้อมกับการเผยแผ่พุทธศาสนา การจัดสวนจึงเริ่มต้นจากในวัด ต่อมาก็ได้รับเอาความ เป็นสวนแบบเซ็น มาผสมผสานและสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง การจัดสวนญี่ปุ่นให้ ความสำ คัญกับการจัดองค์ประกอบของภูมิทัศน์โดยในสวนจะต้องมีน้ำ ตก ลำ ธาร สระน้ำ หรือเกาะกลางน้ำ และสะพานข้าม มีพืชพันธุ์ต่างๆ หินประดับ ตะเกียงหินตั้งตามจุด ต่างๆ และทางเดินชมสวน
โอมาโมริ โอมาโมริ (Omamori) มีความหมายว่าปกป้องคุ้มครอง เป็นเครื่องรางของศาลเจ้าใน ญี่ปุ่น มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมที่เป็นถุงผ้าขนาดเล็กซึ่งน่าจะคุ้นตากันดี และ ปัจจุบันยังมีทำ เป็นสติ๊กเกอร์ พวงกุญแจ สายคล้องมือถือ และอีกหลายแบบที่เหมาะ กับวิถีชีวิตคนสมัยใหม่ คนที่มาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้ามักซื้อเอาไปพกติดตัวเพื่อเสริมสิริ มงคล โอมาโมริมีหลายความหมาย และมีหลายสี โอมาโมริมักจะแบ่งประเภทชัดเจนว่าเน้น ให้โชคลาภด้านไหนเป็นพิเศษ เช่น ด้านการงาน ด้านการค้าขาย ด้านสุขภาพ ด้าน การเรียน ด้านความรัก ด้านการเดินทางปลอดภัย เป็นต้น
着物 ชุดกิโมโน 浴⾐ ยูกาตะ バネ ฤดูใบไม้ผลิ 抹茶 มัทฉะ すし ซูชิ 刺⾝ ซาชิมิ お菓⼦ ขนมหวาน 伝説 ตำ นาน 絵筆 พู่กัน ステッカー สติ๊กเกอร์ คำ ศัพท์ยาก
1 พิธีชงชงเรียกอีกอย่างว่าอะไร 1.ซะโดหรือ ฉะโด 2.โอะซะกินิ 3.อิจิโกะ อิจิเอะ 4.ฮิชะคุ 2 ชินโต โบราณแปลว่าอะไร 1.นิกายกอนโก 2.วิถีแห่งเทพเจ้า 3.ไชเชอิ - อิทธิ 4.โอมิคุจิ 3 ชินโต หมายถึงอะไร 1.ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ท่องจำ กันมา 2.ศาสดาพยากรณ์ 3.การบูชาสิ่งของ 4.การบูชาธรรมชาติเป็นรากฐานชินโต 4 เซ็นมีรากศัพท์มาจากคำ ว่าอะไร 1.บุนรากุและคาบูกิ 2.สามสาย 3.ฌาน 4.เครื่องดนตรี 5 สัญลักษณ์ของเซ็นคืออะไร 1.วงกลมเอ็นโซ 2.สวนหินแบบญี่ปุ่น 3.เซนงะ 4.นกกระเรียน แบบทดสอบ
6 วากาชิมีลักษณะคล้ายกับขนมอะไร 1.โดรายากิ 2.ดังโงะ 3.ไดฟุกุ 4.วาราบิโมจิ 7 วาบิซาบิ เป็นแนวคิดมาจากศาสนาอะไร 1.ศาสนาพุทธนิกาย 2.ศาสนาพุทธ 3.ศาสนาคริสต์ 4.ศาสนาอิสลาม 8 ละครคาบูกิได้รับความนิยมในสมัยใด 1.สมัยซามูไร 2.สมัยเอโดะ 3.สมัยเมจิ 4.ยุคโชวะ 9 คาราเต้มีการผสมผสานระหว่างการต่อสู้ของชาวอะไร 1.ชาวฮั่น ฮั่ 2.ชาวญี่ปุ่น 3.ชาวจีน 4.ชาวโอกินาวะ 10เคนโด้ แปลว่าอะไร 1.พิธีแต่งงาน 2.วิถีแห่งดาบ 3.เทศกาลปีใหม่ 4.การเขียนพู่กัน
1 พิธีชงชงเรียกอีกอย่างว่าอะไร 1.ซะโดหรือ ฉะโด 2.โอะซะกินิ 3.อิจิโกะ อิจิเอะ 4.ฮิชะคุ 2 ชินโต โบราณแปลว่าอะไร 1.นิกายกอนโก 2.วิถีแห่งเทพเจ้า 3.ไชเชอิ - อิทธิ 4.โอมิคุจิ 3 ชินโต หมายถึงอะไร 1.ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ท่องจำ กันมา 2.ศาสดาพยากรณ์ 3.การบูชาสิ่งของ 4.การบูชาธรรมชาติเป็นรากฐานชินโต 4 เซ็นมีรากศัพท์มาจากคำ ว่าอะไร 1.บุนรากุและคาบูกิ 2.สามสาย 3.ฌาน 4.เครื่องดนตรี 5 สัญลักษณ์ของเซ็นคืออะไร 1.วงกลมเอ็นโซ 2.สวนหินแบบญี่ปุ่น 3.เซนงะ 4.นกกระเรียน เฉลยแบบทดสอบ
6 วากาชิมีลักษณะคล้ายกับขนมอะไร 1.โดรายากิ 2.ดังโงะ 3.ไดฟุกุ 4.วาราบิโมจิ 7 วาบิซาบิ เป็นแนวคิดมาจากศาสนาอะไร 1.ศาสนาพุทธนิกาย 2.ศาสนาพุทธ 3.ศาสนาคริสต์ 4.ศาสนาอิสลาม 8 ละครคาบูกิได้รับความนิยมในสมัยใด 1.สมัยซามูไร 2.สมัยเอโดะ 3.สมัยเมจิ 4.ยุคโชวะ 9 คาราเต้มีการผสมผสานระหว่างการต่อสู้ของชาวอะไร 1.ชาวฮั่น ฮั่ 2.ชาวญี่ปุ่น 3.ชาวจีน 4.ชาวโอกินาวะ 10เคนโด้ แปลว่าอะไร 1.พิธีแต่งงาน 2.วิถีแห่งดาบ 3.เทศกาลปีใหม่ 4.การเขียนพู่กัน
บรรณานุกรม https://allabout-japan.com/th/article/9794/