โครงงานบรู ณาการ
เรือ่ ง มหัศจรรยก์ ารปักชาขยายพนั ธพ์ุ ชื
จดั ทำโดย
เดก็ ชายกิตตคิ ณุ ธนกลุ ศรีสุข
เดก็ ชายโรจนน์ ินทร์ นติ ยผลนิ
เดก็ หญงิ กัญชสิ า เงนิ ประกอบ
เด็กหญิงอนรรฆวี ย่ิงอารีย์เจริญ
เดก็ หญิงทิพย์ธดิ า ปรีเปรม
นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5
ครูท่ีปรึกษำ
นางสาวปาริตตา ทองวสิ ุทธ์ิ
โรงเรียนสารสาสน์วเิ ทศท่ามะกา อ.ทา่ มะกา จ.กาญจนบรุ ี
โครงงานบรู ณาการ
เรื่อง มหศั จรรย์การปกั ชาขยายพนั ธ์พุ ชื
จัดทำโดย
เดก็ ชายกิตติคุณ ธนกลุ ศรีสขุ
เดก็ ชายโรจนน์ นิ ทร์ นติ ยผลนิ
เดก็ หญิงกญั ชิสา เงินประกอบ
เด็กหญงิ อนรรฆวี ยงิ่ อารีย์เจรญิ
เด็กหญงิ ทิพยธ์ ิดา ปรเี ปรม
นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5
ครูทป่ี รึกษำ
นางสาวปาริตตา ทองวสิ ุทธ์ิ
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564
โรงเรียนสารสาสนว์ เิ ทศท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ชอ่ื โครงงานบรู ณาการ เร่ือง มหัศจรรย์การปักชาขยายพนั ธ์พุ ืช
จดั ทาโดย นกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ่ี 5
สมาชิก 1. เดก็ ชายกิตตคิ ุณ ธนกลุ ศรสี ุข
2. เดก็ ชายโรจน์นนิ ทร์ นิตยผลิน
3. เด็กหญงิ กัญชิสา เงินประกอบ
4. เดก็ หญิงอนรรฆวี ยงิ่ อารียเ์ จริญ
5. เดก็ หญงิ ทิพย์ธดิ า ปรีเปรม
ครทู ีป่ รกึ ษา นางสาวปาริตตา ทองวสิ ทุ ธ์ิ
สถานศกึ ษา โรงเรียนสารสาสน์วิเทศท่ามะกา อ.ทา่ มะกา จ.กาญจนบุรี
บทคัดย่อ
โครงงานเร่ือง มหัศจรรย์ด้วยการปักชาขยายพันธ์ุพืช เป็นการนาความรู้วิทยาศาสตร์ และการงาน
พื้นฐานอาชีพมาบูรณาการเข้าด้วยกัน ในเร่ืองการขยายพันธ์ุพืชด้วยการปักชา พืชแต่ละชนิดว่ามีผลแตกต่าง
กันในสภาพส่ิงแวดล้อมเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้นาความรู้ จากการสารวจข้อมูลการจัดเก็บข้อมูลตลอดจน
การนาเสนอข้อมูลมาใช้ในการทาโครงงาน การทาโครงงาน เร่ืองมหัศจรรย์ด้วยการปักชาขยายพันธ์ุพืช โดย
มุ่งหมายเพื่อศึกษาการขยายพันธุ์พืชด้วยการปักชา โดยการใช้ดินทั้ง 3 ประเภท คือ ดินร่วน ดินทราย ดิน
เหนยี ว โดยดนิ ทง้ั 3 ประเภทไปผสมกบั ปุ๋ยคอกที่มีอัตราส่วนที่ต่างกัน ดังนี้ อัตราส่วน 50 : 50 . 60 :40 และ
70 : 30 นากิ่งพันธุ์ต้นไม้ภายในบ้านที่มี เน่ืองจากอยู่ในช่วงเรียน Online เลือกก่ิงท่ีมีขนาดพอเหมาะมาชา
แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงโดย สังเกตจากการแตกของใบอ่อนโดยรดน้าเช้า-เย็น ทาการเก็บข้อมูลด้วนการ
บันทึกดูการเปล่ียนแปลง ดินท่ีเหมาะสมในการปักชาท่ีดี คือดินเหนียวที่มีอัตราส่วนผสมของปุ๋ยคอก 70 : 30
เพราะสงั เกตจากมีการแตกของใบออ่ นเยอะมากกว่าดินทีท่ าการทดลอง ตลอดจนการเคลื่อนย้ายสะดวกเพราะ
ดนิ กับรากจบั ได้ไดแ้ น่นดมี ากและไม่รว่ งเหมอื นอื่น ๆ
สารบัญ
เรอ่ื ง หน้า
บทคัดย่อ
กติ ตกิ รรมประกาศ 1
สารบัญ 1
บทที่ 1 บทนา 1
2
ท่มี าและความสาคัญของโครงงาน 2
จดุ มุง่ หมายของการศึกษา 3
สมมตุ ฐิ านของการศึกษา 6
ขอบเขตของการศึกษา 11
ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั 13
บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง 14
บทที่ 3 อุปกรณแ์ ละวธิ ีการดาเนินงาน
บทที่ 4 ผลการศกึ ษาและการอภิปรายผล
บทที่ 5 สรปุ ผลการศกึ ษา
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก
บทที่ 1
บทนา
ความสาคญั ของการศกึ ษา
จากการศกึ ษาในวชิ าการงานอาชีพและวิทยาศาสตร์ เรือ่ งการสืบพันธ์ุของพชื ทาใหข้ ้าพเจ้า
มคี วามสนใจทจ่ี ะสบื ค้นเกี่ยวกับการสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์ของพืช เพื่อให้ได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการ
สืบพันธุ์และขยายพันธุ์ของพืชมากขึ้น และยังพบว่าต้นไม้บางอย่างมีการนากิ่งมาปลูกก็สามารถขยายพันธ์ุ
ได้ ทาให้อยากทราบว่าพืชมีการสืบพันธ์ุและขยายพันธ์ุโดยวิธีการใดบ้าง นอกจากนี้การขยายพันธ์ุพืชยังมี
ความสาคัญในด้านการอนุรักษ์พันธ์ุพืชท่ีหายากหรือใกล้จะสูญพันธุ์ได้นาไปปฏิบัติโดยการนาพืชที่หาได้ง่าย
ภายในบา้ น มาทาการทดลองไดศ้ ึกษาเกยี่ วกบั การขยายพันธุ์พชื โดยการปกั ชาท่ีมีชนิดของดินส่วนผสมของดิน
ท่ีแตกต่างกันมีผลต่อการขยายพันธุ์โดยการปักชา แล้วนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้อย่าง
เหมาะสม และจะเห็นไดว้ า่ ธรุ กิจเพาะพันธ์ไุ ม้ขายทารายไดท้ ด่ี ีมกี ารลงทุนน้อย กลุ่มข้าพเจ้าจึงได้ศึกษาข้อมูลท่ี
เกยี่ วข้องกับการขยายพันธพุ์ ชื โดยการปกั ชา
จุดม่งุ หมายของการศึกษา
1. เพอ่ื ศึกษาความแตกต่างของสว่ นผสมในดนิ ท่ีผลตอ่ การปักชา
2. เพ่อื ศึกษาต้นไม้ทสี่ ามารถนามาขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยการปักชา
3. เพือ่ ใหม้ ีทักษะในการทางานและเปน็ แนวทางในการประกอบอาชีพได้
เป้าหมายด้านคุณภาพ
1. นักเรยี น-ผ้ปู กครองได้เรยี นรู้ส่วนผสมของดนิ ทเ่ี หมาะสมในการขยายพนั ธ์โุ ดยการปักชาและ
นาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้
2. นักเรยี น-ผปู้ กครองรจู้ ักการเลอื กชนิดของพชื มาขยายพันธุ์โดยการปักชาได้อย่างเหมาะสม ได้พันธุ์
พชื จากการปักชาไปขยายพันธทุ์ ร่ี วดเร็วขึน้
เป้าหมายดา้ นปริมาณ
1. นักเรียนได้ดนิ และส่วนผสมของดินท่ีเหมาะสมในการขยายพันธโุ์ ดยการปกั ชา เรยี นรสู้ ภาพของดนิ
และส่วนผสมของดินต่างกันได้ร้อยละ 75
2. นักเรียนร้อยละ 75 ไดผ้ ลผลิตจากการปักชาสามารถใช้นาความรมู้ าใช้ประโยชน์ภายในบ้านได้
สมมติฐานของการศกึ ษา
ตน้ ไมบ้ างชนิดสามารถนามาปักชาได้ โดยดนิ ท่แี ตกต่างกัน ส่วนผสมที่ตา่ งกัน มีผลตอ่ การขยายพันธ์ุ
โดยการปักชา
ขอบเขตของการศกึ ษา
การขยายพันธ์พุ ืชโดยการปักชาในดินตา่ งชนิดกันส่วนผสมท่ตี า่ งกันทาใหพ้ ชื ทนี่ ามาปกั ชามีการ
เจริญเติบโตไม่เหมือนกนั เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน
ตวั แปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น อัตราสว่ นของดนิ กับปุย๋ คอกในอตั ราส่วนท่ตี า่ งกัน
ตวั แปรควบคุม ก่งิ พันธุ์ อณุ หภูมิ ปริมาณน้า
ตัวแปรตาม การแตกใบอ่อน และการเจริญเติบโต
วธิ ีดาเนนิ การ
1. ศกึ ษาข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการขยายพนั ธุโ์ ดยการตัดชา
2. ปรกึ ษาหารอื กับอาจารยท์ ่ีปรกึ ษาเก่ยี วกบั การเขยี นโครงงาน
3. เตรียมความพร้อมด้านการจัดการ วัสดุ อปุ กรณ์ และสถานท่ี
4. วางแผนปฏิบัติงานและปฏิบตั ิตามขัน้ ตอน มีการปรับปรุงและพฒั นางานใหด้ ีขึน้
5. ประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานและรายงานโครงงาน
ผลทคี่ าดว่าจะได้รบั
1. ไดร้ บั ความรู้ ทักษะ และประสบการณใ์ นการปกั ชาตน้ ไม้
2. นาความรู้ท่ีได้รับไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้
3. ได้ประสบการณจ์ ากการเรียนร้จู ริง และการฝกึ ปฏิบตั งิ านจรงิ จากการปักชา
บทท่ี 2
เอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง
การขยายพันธุ์พืชโดยการตัดชา หรือปักชา เป็นวิธีการท่ีนิยมใช้กันมาก เพราะทาให้ได้ปริมาณต้นพืช
ไปปลูกตามความต้องการมาก ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 – 45 วัน ก็สามารถนาไปปลูกหรือจาหน่าย
ได้ หากมีการควบคุมความชื้นในวัสดุปักชาได้ดี การขยายพันธุ์พืชโดยวิธีน้ี สามารถทาได้ง่าย เพียงแต่มี
ความรู้ความเข้าใจในการคัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่จะนามาตัดชา และจัดหาวัสดุสาหรับปักชาได้ตาม
ต้องการ นอกจากนี้ ยังใช้เงินลงทุนค่อนข้างน้อย และสามารถจัดหาพันธุ์ไม้ในท้องถ่ินไปปักชาได้ง่าย
ด้วย ประกอบกับในปัจจุบันคนทั่วไปกาลังนิยมปลูกต้นไม้กันมาก โดยเฉพาะไม้ดอกไม้ประดับท่ีปลูกตาม
อาคารบา้ นเรอื นต่าง ๆ รวมท้ังใช้สาหรบั จดั สวนหยอ่ ม มีความต้องการพันธ์ุไม้ต่าง ๆ เป็นจานวนมาก จึงเห็น
ว่า หากริเรม่ิ จัดทาโครงงานนีข้ ้ึนนา่ จะรวมกลมุ่ กบั เพ่อื น ปฏบิ ัติการขยายพันธุไ์ มไ้ ด้เปน็ อย่างดี ทาให้มีรายได้
ระหว่างเรียน และเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพต่อไป รวมทั้งได้พื้นฐานความรู้สาหรับศึกษาต่อใน
ระดบั สูงตอ่ ไป
การตัดชา เปน็ การนาส่วนตา่ ง ๆ ของพืชพนั ธดุ์ ีทเ่ี ราต้องการมาตัดแลว้ ปกั ชาในวสั ดุเพาะชา เพอ่ื ให้
ไดต้ ้นพชื ต้นใหม่จากส่วนท่ีนามาปกั ชา วิธกี ารตัดชานี้ทาให้ชิน้ ส่วนของพชื ที่อย่ใู นวัสดเุ พาะชาพยายามสร้าง
รากพร้อมกับพัฒนาส่วนยอดหรอื ต้นอ่อนขึ้นมาใหม่ เมื่อท้ังสองส่วนนเี้ จริญสมบูรณแ์ ข็งแรงดแี ล้วกย็ ้ายตน้ พืช
ใหม่ไปปลกู ตอ่ ไป แตใ่ นบางคร้ังพบว่าการตดั ชามกั ไม่ประสบความสาเรจ็ คอื ส่วนล่างทีอ่ ย่ใู นวัสดเุ พาะชาไม่
ออกรากหรือออกรากน้อยและช้า จาเป็นต้องใช้ฮอร์โมนเร่งรากชว่ ยเรง่ การออกรากให้เร็วย่งิ ขึ้น ซงึ่ ความ
เขม้ ข้นของฮอร์โมนที่ใช้ยอ่ มแตกต่างกนั ไปแลว้ แตช่ นดิ พชื การตัดชาแบง่ ออกเปน็
การตดั ชากิง่ (Stem cutting)
การตัดชาราก (Root cutting)
การตัดชาใบ (Leaf cutting)
การตดั ชาใบท่ีมตี าติด (Leaf cutting)
1. การตัดชาก่ิง (Stem cutting) สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ลกั ษณะคอื
1.1 การตัดชากิ่งแก่ เป็นการตัดชากิ่งแกท่ ่ีไม่มใี บติด แต่ตอ้ งเปน็ ก่ิงท่ีมีอาหารสะสมอยู่ ต้องตัดชา
กงิ่ ทไ่ี ม่มีตาข้างทีก่ าลังแตกออกมาใหม่ ๆ ความยาวของก่ิงท่ีตัดประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร ควรตัดเฉียง
เป็นรูปปากฉลาม ทามุมประมาณ 45 -60 องศา ท้ังด้านบนและด้านล่าง โดยส่วนด้านล่างของกิ่งที่เป็นส่วน
ปักชาน้ันต้องพยายามตัดให้ปากแผลชิดกับข้อ ส่วนบนควรตัดเหนือตาสุดท้ายของกิ่งประมาณ1 – 1.5 cm.
(เซนติเมตร) เพราะตาส่วนบนของก่ิงท่ีปักชาจะแตกก่อนตาที่อยู่ด้านล่าง และควรชุบสารเคมีป้องกันไม่ให้
เช้ือราเข้าทางปากแผล แล้วจึงนาไปปักชาในกระบะปักชาท่ีมีวัสดุพรางแสง รดน้าเช้า – เย็น สังเกตดูหาก
วสั ดุเพาะชาแห้งควรเพิ่มช่วงการให้น้าถ่ีข้ึน เม่ือก่ิงปักชาเริ่มมีการแตกตาเป็นยอดใหม่ รวมทั้งระบบรากใหม่
เร่ิมแก่และแข็งแรงแล้วจึงทาการย้ายต้นพืชใหม่ลงปลูกในภาชนะท่ีเตรียมไว้ ช่วงน้ีควรนาไปไว้ในร่มราไรสัก
ระยะหนง่ึ ก่อนจนกว่าพืชตน้ ใหมจ่ ะแขง็ แรงดีจงึ ให้รบั แสงเต็มท่ี พชื ท่ีเหมาะจะใชว้ ิธกี ารขยายพันธุแ์ บบนี้
ได้แก่ เฟอ่ื งฟา้ กุหลาบ พชื สวนครวั
1.2 การตัดชาก่ิงก่ึงแก่ก่ึงอ่อน หรอื กิง่ เพสลาด ต้องมีใบตดิ อยู่ด้วยเพื่อชว่ ยปรงุ อาหาร โดยให้ริด
ใบเฉพาะสว่ นโคนก่ิงท่ีต้องปกั ชาในวัสดุเพาะชาออกประมาณ 2 – 3 ใบ แลว้ ตดั ปลายกงิ่ และโคนกง่ิ เฉียงทา
มมุ 45 – 60 องศา ความยาวของก่ิงประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร เนอื่ งจากกิ่งปกั ชาจะมกี ารคายน้า
คอ่ นข้างสงู ดังนน้ั ตอ้ งมกี ารให้น้าเพ่อื ใหเ้ กดิ ความชืน้ ตลอดเวลา หรือปกั ชาในกระบะพ่นหมอกจะดที สี่ ุด
เนือ่ งจากมีความชนื้ สูง ควรดแู ลและป้องกนั เช้อื ราที่จะเข้ามาทาลายก่ิง หลงั จากกง่ิ ปักชาเจริญเปน็ ตน้ พืช
ใหม่และมรี ะบบรากแข็งแรงสมบูรณจ์ ึงยา้ ยปลกู ตอ่ ไป พชื ทเ่ี หมาะจะใชว้ ธิ กี ารแบบน้ี
ไดแ้ ก่ ส้ม ฝรั่ง มะกอก
1.3 การตัดชาก่ิงอ่อนและยอดอ่อน การตัดชาวิธีน้ีจะออกรากไดง้ ่าย ความยาวของกง่ิ ประมาณ
3 – 5 นวิ้ ริดใบบริเวณโคนกิง่ ออกเล็กนอ้ ย ควรปักชาในท่ีมีความชนื้ สูงหรือกระบะพ่นหมอกพืชทเี่ หมาะจะ
ใชว้ ธิ กี ารแบบน้ี ไดแ้ ก่ เบญจมาศ เข็มญ่ีปนุ่ สน คาร์เนช่ัน
2. การตดั ชาราก (Root cutting) การตดั ชารากจะทาได้สาเร็จหรอื ไม่ข้ึนอยู่กับการเกิดตา ซง่ึ จะให้
กาเนดิ ต้นและรากบนรากของพชื ทีจ่ ะนามาปักชา พืชท่ีเกดิ หน่อที่ราก ได้แก่ สน แคแสด สัก สาเก การ
ตดั ควรเลือกรากขนาดเส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง ¼ – ½ น้วิ ตัดให้มีความยาว 2 นว้ิ การตัดมกั จะตัดตรง ๆ การ
เกิดตน้ ค่อนขา้ งจะเกดิ ทางด้านโคนราก สว่ นการเกิดรากจะเกดิ ทางดา้ นปลายราก และการเกดิ ตน้ จะเกิดได้
เร็วกวา่ การเกดิ ราก
3. การตัดชาใบ (Leaf cutting) เปน็ วธิ ที ใ่ี ช้ขยายพนั ธุ์พืชพวกที่มีใบอวบน้า โดยรากและยอดจะเกิด
มาจากฐานรอยตดั ของใบ โดยเฉพาะตรงท่ีอย่ขู องเส้นใบหรือเส้นกลางใบ ซึง่ จะทาใหใ้ บพชื เดมิ ทป่ี ักชาอยู่
กลายเปน็ ส่วนหนึ่งของต้นใหม่ แบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ดงั น้ี
3.1 การตัดชาแผ่นใบ การนาแผน่ ใบไปทาการตดั ชาใหเ้ กิดต้นใหม่ แบ่งเป็น 2 พวก
ใบทเี่ กิดตาอยกู่ ่อนแล้ว ใบพืชพวกนบี้ ริเวณของใบโดยเฉพาะทีเ่ ปน็ จักใบของใบแกจ่ ะมีจุด
กาเนิดตาอยู่แล้ว การนาไปปักชาเป็นการกระตนุ้ ตาท่มี ีอยู่แลว้ เจรญิ ออกมาเป็นตน้ เท่านั้น ไดแ้ ก่ ใบโคม
ญ่ปี ุ่นหรอื ตน้ คว่าตายหงายเป็น โดยการนาใบแก่มาวางบนวสั ดุเพาะชาท่ชี ืน้ รดนา้ เป็นคร้งั คราวเพื่อไมใ่ หใ้ บ
เหี่ยว ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ก็จะเห็นตน้ เล็ก ๆ เกดิ ข้ึนบริเวณจักใบ ขณะเดียวกันกจ็ ะหย่งั รากลงหา
อาหารจากวัสดเุ พาะชา และเมอ่ื ต้นโตมใี บ 2 – 3 ใบ ต้นเหลา่ นก้ี ็จะเร่มิ แยกตวั เองและเลย้ี งตวั เองไดโ้ ดย
อสิ ระ เป็นระยะเวลาทเ่ี หมาะทจ่ี ะย้ายไปปลูกตอ่ ไป
ใบท่ยี ังไม่เกิดตา ใบพืชพวกน้ีต้องตัดใบไปปักชาระยะเวลาหนงึ่ ก่อน ใบจงึ จะสร้างจุดกาเนิด
ขึน้ ทีฐ่ านรอยตัดท่ปี ักอย่ใู นวัสดุเพาะชา ไดแ้ ก่ ใบวา่ นล้นิ มงั กร จะเลือกใบท่ีแก่ ถ้าใบยาวมากเกนิ ไปก็จะตัด
ออกเป็นท่อน ๆ ให้แตล่ ะทอ่ นยาว 3 – 5 น้ิว แลว้ นาไปปักในวัสดเุ พาะชา โดยปกั ให้ลกึ ประมาณ
1/3 ของแผน่ ใบ และเม่ือใบเรม่ิ แทงยอดโผลจ่ ากวัสดุเพาะชา และท่ีฐานรอยตัดเกดิ รากมากพอกย็ า้ ยปลูกได้
3.2 การตัดชากา้ นใบ เหมาะสาหรับใบพืชขนาดเล็ก และใบพชื ช่มุ น้า ได้แก่ ใบเพปเพอโร
เมยี ใบอัฟริกนั ไวโอเล็ท นอกจากน้ีอาจใชก้ บั ใบพชื เนือ้ แข็งบางชนดิ เชน่ มะนาว การปักชาจะเลือกใบ
คอ่ นข้างแก่ท่ีมีความสมบรู ณ์ ขนาดใบปานกลาง โดยตดั โคนกา้ นใบให้เหลอื ประมาณ ½ – 1 นวิ้ ดว้ ยมีดคม
ๆ นาไปปกั ชาในวัสดุเพาะชาทโี่ ปร่งและมีความช้ืนสงู ปกั ใบให้ลกึ พอมิดก้านใบแลว้ นาไปไว้ที่ช้ืน ๆ
3.3 การตัดชาสว่ นของใบ การตัดชาใบคล้ายการตดั ชากา้ นใบ แต่จะแตกต่างกันท่ีเปน็ การตัดชา
ใบทีม่ ีขนาดโต ดงั นั้นต้องตัดใบออกเปน็ สว่ นย่อย ๆ ใหแ้ ต่ละส่วนของเสน้ ใบและแผ่นใบตดิ อยดู่ ้วย เช่น การ
ตดั ชาใบกลอ็ กซเี นยี และใบบโี กเนยี การตดั ใบแบบนีจ้ ะมสี ว่ นของรอยตัดมาก ประกอบกบั เป็นพืชชุ่มนา้ มี
โอกาสเนา่ เสียงา่ ย ดงั นั้นควรใชป้ ลายมดี ตดั ส่วนของเสน้ ใบให้ขาดและหา่ งจากกัน สว่ นบริเวณแผ่นใบเป็น
บริเวณทสี่ รา้ งอาหารจะไม่ถูกตดั จะช่วยลดการเนา่ เสยี ของแผน่ ใบลงได้ และทาให้การตัดชาไดผ้ ลดีขึ้น สว่ น
การปกั ชาจะวางใบไว้ในวัสดเุ พาะชาที่ชื้นและรม่ หลงั จากท่ฐี านรอยตดั เกิดต้นและราก ใบเก่าก็จะค่อย
ๆ เสอ่ื มสภาพไปในทสี่ ดุ แต่ละต้นที่เกิดจากฐานรอยตัดก็จะแยกตวั เปน็ อิสระและเล้ยี งตัวเองได้ ในระยะนี้
ต้นทีเ่ กดิ กจ็ ะเจริญเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งสามารถจะแยกไปปลูกได้
4. การตัดชาใบท่มี ตี าตดิ อยู่ จะมใี บพรอ้ มกา้ นใบแลว้ ต้องมสี ่วนของต้นและตาทีโ่ คนกา้ นใบตดิ ไป
ดว้ ย การตดั ชาวธิ ีนใี้ ช้ได้กับพืชทุกพืชท่ีออกรากได้ไมย่ ากด้วยการตดั ชาต้น เหมาะกบั พืชทหี่ าได้ยากและใบมี
ขนาดโตพอ เช่น ยางอินเดีย โกสน ตลอดจนในส้มบางชนดิ ทีอ่ อกรากงา่ ยและมใี บโต
บทท่ี 3
วิธีดาเนินการ
โครงงานเรือ่ ง มหัศจรรย์ด้วยการปักชาขยายพนั ธ์พุ ืช เปน็ การนาความรู้วิทยาศาสตร์ และการงาน
พน้ื ฐานอาชพี มาบรู ณาการเข้าดว้ ยกัน ในเรอ่ื งการขยายพันธุ์พืชด้วยการปกั ชา พืชแต่ละชนดิ วา่ มผี ลแตกตา่ ง
กนั ในสภาพสิ่งแวดล้อมเดยี วกัน นอกจากน้ียังไดน้ าความรู้ จากการสารวจข้อมูลการจัดเก็บข้อมูลตลอดจน
การนาเสนอขอ้ มูลมาใชใ้ นการทาโครงงาน การทาโครงงาน เรอื่ งมหศั จรรยด์ ้วยการปกั ชาขยายพนั ธพ์ุ ชื โดย
มุง่ หมายเพอ่ื ศึกษาการขยายพันธุ์พืชดว้ ยการปักชา
การตัดชา เปน็ การนาสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื พันธุ์ดที ีเ่ ราต้องการมาตดั แลว้ ปกั ชาในวัสดุเพาะชา เพ่ือให้
ได้ตน้ พืชตน้ ใหม่จากส่วนทน่ี ามาปักชา วิธกี ารตดั ชาน้ที าให้ชนิ้ สว่ นของพืชที่อยใู่ นวัสดเุ พาะชาพยายามสร้าง
รากพร้อมกับพัฒนาสว่ นยอดหรอื ต้นอ่อนข้นึ มาใหม่ เม่อื ท้ังสองส่วนน้เี จรญิ สมบรู ณ์แข็งแรงดีแล้วกย็ า้ ยตน้ พชื
ใหม่ไปปลกู ตอ่ ไป แตใ่ นบางครงั้ พบว่าการตัดชามักไมป่ ระสบความสาเรจ็ คือ สว่ นลา่ งทีอ่ ยใู่ นวัสดุเพาะชาไม่
ออกรากหรือออกรากน้อยและช้า จาเปน็ ตอ้ งใช้ฮอรโ์ มนเร่งรากช่วยเร่งการออกรากให้เร็วยิ่งขึ้น ซงึ่ ความ
เข้มข้นของฮอรโ์ มนทใ่ี ช้ยอ่ มแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดพชื โดยมแี ผนการจัดทา ดงั นี้
1. ศึกษาเน้ือหาข้อมูลทางวชิ าการเก่ียวกับการขยายพันธุ์พืชโดยการตัดชา หรอื ปักชา
2. เตรยี มความพร้อมโดยการรวมกล่มุ กับเพอ่ื น จดั หาสถานทีข่ ยายพันธ์ุ การจัดหากิ่งพันธ์ุ การ
เตรยี มแปลงปักชา และวัสดุอน่ื ๆ เกยี่ วกบั การขยายพนั ธ์ุ เชน่ กรรไกรตดั ก่งิ มีดตดิ ตาตอ่ ก่ิง ฯลฯ
รวมท้งั การปฏบิ ัตดิ แู ลรักษา
3. วางแผนปฏิบตั ิงาน และปฏิบตั งิ านตามข้นั ตอน มกี ารปรบั ปรุงและพัฒนางานให้ดขี ้ึน
4. ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน และรายงานโครงงาน
ข้นั ตอนการดาเนินงานดังนี้
วสั ดอุ ุปกรณ์
1. ชนดิ ของดนิ (ดินรว่ น ดินทราย ดินเหนียว )
2. กิง่ พันธุ์ตน้ ไม้ เชน่ ต้นหม่อน ตน้ กวกั มรกต ต้นชบา ต้นเงิน ตน้ ทอง ตน้ นาค
3. กรรไกรตดั กิ่ง
4. ส่วนผสม ปุย๋ คอก แกลบ ขุยมะพร้าว
5. มดี ปลายแหลม
6. กระบะปักชา ถุงเพาะ กระถางหรือแกว้ พลาสติก
7. สมุดจดบนั ทึก
8. น้ายาเรง่ ราก
9. กลอ้ งถ่ายรูป
ส่วนผสมของดินในถงุ เพาะชา
ถงุ เพาะชากล่มุ ท่ี 1 (ดินรว่ น : ปุ๋ย 50 : 50 ) ( ดินทราย : ปุ๋ย 50 : 50 ) ( ดนิ เหนียว:
ปุ๋ย 50 :50 )
ถงุ เพาะชากล่มุ ที่ 2 (ดนิ ร่วน : ปุ๋ย 60 : 40 ) ( ดินทราย : ปุ๋ย 60 : 40 ) ( ดินเหนียว:
ปุ๋ย 60 :40 )
ถงุ เพาะชากลุม่ ท่ี 3 (ดินรว่ น : ปุ๋ย 70 : 30 ) ( ดนิ ทราย : ปุ๋ย 70 : 30 ) ( ดนิ เหนียว:
ปุ๋ย 70 :30 )
วธิ ีการปกั ชา มีวิธปี ฏบิ ตั ิ ดังน้ี
1. เลือกลักษณะของก่ิงทจ่ี ะปกั ชา แลว้ ตัดกิ่งโดยลกั ษณะการตดั กงิ่ ขึ้นอยู่กับลักษณะของเน้ือไม้ ดังน้ี
ถา้ เปน็ กง่ิ แก่ ควรตดั ให้มคี วามยาว ประมาณ 6-10 นิ้ว″ ตดั ใหเ้ ปน็ แผลทามุมเฉียง 45 -60 ดา้ นล่างของกงิ่ ตา่
กว่าขอ้ เล็กนอ้ ย แลว้ ด้านปลายของกงิ่ เหนอื กวา่ ข้อเลก็ น้อย ประมาณ 1-2 ซม. ถา้ เปน็ กิง่ ก่ึงแก่ก่งึ อ่อน ใหต้ ดั
ในลักษณะเดียวกนั แต่ให้มใี บตดิ อยูท่ างดา้ นปลายของกง่ิ เล็กน้อย ‘ ถ้าเปน็ กิ่งอ่อน ให้ตดั ก่งิ ยาวประมาณ 6-8
นวิ้ ตัดใบออก ประมาณ 1 ใน 3 ของก่ิง
2. นาส่วนโคนของก่ิงปักลงในวัสดปุ ักชา ให้ลึกประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวของก่ิง โดยใหร้ อย
แผลตัด ด้านปลายของก่งิ เปน็ แนวตัง้ ตรง เพื่อป้องกันไมใ่ ห้นา้ ขงั บริเวณรอยแผลซ่ึงจะช่วยลดการเนา่ ของกิ่ง ถา้
ทาการปักชาก่ิง ครัง้ ละเป็นจานวนมาก ควรจดั ระยะกง่ิ ทป่ี กั ให้หา่ งกันพอประมาณ ถา้ ปักก่งิ ชดิ กนั เกนิ ไปจะทา
ใหก้ ่งิ เน่าเสยี ได้
3. รดนา้ อย่างสม่าเสมอ วนั ละ 2-3 ครงั้ แตอ่ ยา่ ให้วัสดุปกั ชามีนา้ ทว่ มขัง หรือแฉะจนเกินไป และให้
กิง่ ปักชาได้รับแสงแดดราไร เมอื่ ก่ิงปกั ชาออกรากสมบูรณ์และแขง็ แรงดแี ลว้ จึงยา้ ยออกจากแปลงปักชาไป
เกบ็ ไวใ้ นทรี่ ่มๆ ประมาณ 3-5 วัน จงึ ปลกู ลงแปลงหรอื กระถาง
แผนการปฏิบัติงาน
สัปดาหท์ ี่ รายการกจิ กรรม หมายเหตุ
1 ศกึ ษาเน้ือหาทางวิชาการเกยี่ วกบั การขยายพนั ธุ์พชื โดยการตัดชา
2 เตรียมรวมกลมุ่ กับเพื่อน จดั หาเงนิ ทนุ การจดั หากิ่งพันธุ์ การเตรียมแปลงตัด
ชา การจดั หาวัสดุ เช่น ทราย แกลบดา การจัดทาระบบการให้น้า การเลือกกิ่ง
พนั ธุ์ การตดั ก่ิงพนั ธ์ุ ฯลฯ
3-9 ปฏบิ ตั ิงานตามโครงงานทเ่ี ขยี น และศึกษาเน้ือหาไวแ้ ล้วในสัปดาหท์ ี่ 1 – 3
10 ประเมนิ ผล และรายงานโครงการ
บทที่ 4
ผลการศกึ ษาและการอภปิ ราย
โครงงานเร่ือง มหัศจรรย์ด้วยการปักชาขยายพันธุ์พืช เป็นการนาความรู้วิทยาศาสตร์ และการงาน
พ้ืนฐานอาชีพมาบูรณาการเข้าด้วยกัน ในเร่ืองการขยายพันธ์ุพืชด้วยการปักชา พืชแต่ละชนิดว่ามีผลแตกต่าง
กันในสภาพสิ่งแวดล้อมเดียวกัน นอกจากน้ียังได้นาความรู้ จากการสารวจข้อมูลการจัดเก็บข้อมูลตลอดจน
การนาเสนอข้อมูลมาใช้ในการทาโครงงาน การทาโครงงาน เรื่องมหัศจรรย์ด้วยการปักชาขยายพันธุ์พืช โดย
มุ่งหมายเพ่ือศึกษาการขยายพันธ์ุพืชด้วยการปักชา ที่ทาให้เกิดการเพ่ิมปริมาณต้นพืชให้มากข้ึน เพ่ือเพ่ิม
ปริมาณผลผลิต สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ การขยายพันธ์ุพืชแบบใช้เพศ และแบบไม่ใช้เพศ ใน
โครงงานท่ขี า้ พเจ้าไดจ้ ัดทาข้ึนเป็นโครงงานที่เป็นการขยายพันธ์แบบไม่ใช้เพศ โดยการปักชากิ่ง ในสภาพดินที่
แตกต่างกนั สว่ นผสมแตกต่างกัน ท่ีเหมาะทส่ี ดุ พรอ้ มจะนามาใชใ้ นการปักชา
ตารางท่ี 1 ตารางบนั ทกึ การสังเกต
สปั ดาห์ท่ี ส่วนผสม ถุงที่ สง่ิ ท่พี บ หมายเหตุ
1.ดินร่วน ก่งิ พนั ธุเ์ ขียวยงั ปกติใบทต่ี ดิ กับกงิ่ พนั ธุ์เห่ยี วกิ่งพนั ธุ์ ส่วนผสม
1 2,ดินทราย เขียวยงั ปกตใิ บท่ีตดิ กับกงิ่ พนั ธ์ุเหยี่ ว หมายถงึ ดนิ ผสม
50 : 50 3.ดนิ เหนยี ว กง่ิ พันธุเ์ ขียวยังปกติใบทตี่ ดิ กับกง่ิ พันธุ์เหยี่ ว กับปุ๋ยคอกดนิ 50
1.ดนิ ร่วน ใบทต่ี ิดมากบั กิ่งพันธเุ์ ห่ียวเล็กน้อยๆ กิง่ ยังเขยี วอยู่เร่ิม ปุ๋ย50
2 2,ดินทราย แตกใบอ่อน
50 : 50 3.ดนิ เหนียว กง่ิ พันธ์ุสเี ขยี ว ใบที่ติดมาเหยี่ วกงิ่ พันธุเ์ อยี ง
ก่งิ พนั ธุ์สีเขียวใบเห่ียวลงเล็กน้อย ยดึ ดินได้แนน่ เริ่มผลิ
ใบอ่อน
1.ดินร่วน แตกใบออ่ นชัดเจนในสปั ดาห์ที่ 4 มรี าก ยดึ ดนิ ไดด้ ีก่ิง
3-9 2,ดนิ ทราย พันธุเ์ ขียวลดลง ใบท่ีติดมารว่ งหลน่ กิง่ พนั ธไ์ุ ม่ค่อย
50 : 50 3.ดนิ เหนียว แขง็ แรงแอนเอยี งหลดุ จากดนิ ได้งา่ ย
แตกใบอ่อน กง่ิ พันธุย์ ึดดนิ ได้แนน่ มรี ากนาไปปลูกได้
สะดวกไม่ต้องกลัวว่าดนิ จะหลุดจากกงิ่ พันธ์ุ
จากตาราง ที่1 จะเห็นไดว้ ่า
อัตราส่วนของดินรว่ น ดินทราย และดนิ เหนียว เมือผสมกับปุย๋ คอก 50 % ดนิ รว่ นเรมิ่ แตกใบ
อ่อนปลายสัปดาห์ที่ 2 และแตกเป็นใบชดั เจนขน้ึ ในสปั ดาห์ที่ 4 ดินทรายก่งิ พันธุจ์ ะแอนเอียง เรม่ิ แตกใบอ่อน
สปั ดาหท์ ่ี 4 รากมนี ้อย ดินเหนยี ว กิ่งพันธเ์ุ รม่ิ แตกเมื่อสัปดาห์ท่ี 2 และแตกใบอ่อนมีใบเหน็ ชดั เจนในสัปดาห์
ที่ 3 มีรากออกมามากและก่ิงพนั ธ์ยุ ดึ ดนิ ได้ดี
ตารางท่ี 2 ตารางบนั ทกึ การสังเกต ส่ิงทพี่ บ หมายเหตุ
สปั ดาหท์ ี่ สว่ นผสม ถุงท่ี กง่ิ พนั ธุ์เขียวยงั ปกติใบที่ตดิ กับกิ่งพนั ธุ์เรมิ่ เห่ยี วกิ่ง สว่ นผสม หมายถึง
พนั ธเ์ุ ขยี วยงั ปกติใบทีต่ ดิ กบั ก่ิงพนั ธ์เุ ห่ยี วลาตน้ เอียง ดนิ ผสมกบั ปยุ๋ คอก
1.ดินร่วน กิ่งพนั ธุ์เขยี วยังปกติใบทต่ี ดิ กับก่ิงพันธ์ุเหี่ยว ดิน 60 ปุ๋ย40
1 1 2,ดนิ ทราย
60 : 40 3.ดินเหนียว
1.ดินร่วน ใบที่ตดิ มากบั กิ่งพนั ธ์ุเหย่ี วเล็กนอ้ ย กง่ิ ยังเขยี วอยู่
2 2 2,ดนิ ทราย ตามข้อเริม่ พองจะแตกตา
60 : 40 3.ดินเหนยี ว ก่งิ พันธส์ุ เี ขยี ว ใบที่ตดิ มาเห่ยี วก่ิงพนั ธ์ุเอียง
กิง่ พันธุ์สเี ขยี วใบเหี่ยวลงเลก็ น้อย ยึดดนิ ได้แนน่ ทีต่ า
กงิ่ พันธุ์เริ่มแตกใบ
1.ดนิ ร่วน ที่ตากง่ิ พันธเ์ุ รมิ่ แตกมใี บอ่อนบางตาหรือข้อของกงิ่ กิ่ง
3-9 3 2,ดนิ ทราย พนั ธุ์
60 : 40 3.ดินเหนียว กิ่งพนั ธเ์ุ ขยี วลดลง ใบท่ตี ดิ มารว่ งหล่นเร่ิมแตกใบที่ตา
ตากิ่งพันธ์ุแตกใบอ่อนๆเห็นได้ชดั เกือบทุกตาของกิง่
ที่ปกั
จากตาราง ท่ี 2 จะเหน็ ได้ว่า
อัตราสว่ นของดินรว่ น ดินทราย และดนิ เหนียว เมือผสมกับป๋ยุ คอก 40% ดนิ รว่ นเรมิ่ แตกใบ
ออ่ นในสปั ดาหท์ ี่ 3 ตามตาบางสว่ นมีรากเล็กน้อย ดินทราย กิง่ พนั ธุ์จะเอนเอยี งเร่ิมแตกต้นอ่อนในสัปดาหท์ ี่
4 ดนิ เหนยี ว เร่มิ แตกใบอ่อนในสัปดาหท์ ี่ 2 และมรี าก กิ่งพันธ์เกาะดนิ ได้ดี
ตารางที่ 3 ตารางบนั ทกึ การสังเกต สิง่ ทพ่ี บ หมายเหตุ
สัปดาหท์ ่ี ส่วนผสม ถุงท่ี กงิ่ พนั ธุ์เขยี วที่ตาของก่ิงพนั ธเุ์ ร่ิมแตกกิง่ พนั ธเุ์ ขยี วยงั สว่ นผสม
ปกตใิ บทีต่ ิดกบั กิ่งพันธุเ์ ห่ยี วกินพนั ธุ์แอนเอียง หมายถงึ ดนิ ผสม
1.ดนิ ร่วน ก่งิ พนั ธ์ุเขียวยงั ปกติเริ่มแตกที่ตา กบั ปยุ๋ คอกดิน 70
สัปดาห์ท่ี 1 2,ดินทราย กง่ิ ยงั เขยี วอยูเ่ ร่ิมแตกใบออ่ นกิ่งพนั ธส์ุ เี ขยี ว ใบที่ติด ปุ๋ย30
1 70 : 30 3.ดินเหนยี ว มาเห่ยี วกง่ิ พันธุ์เอยี ง
ก่งิ พนั ธ์ุสเี ขยี วมใี บอ่อนแตกออกมา กิง่ ยงั ยึดดนิ ได้
1.ดนิ ร่วน แนน่
สปั ดาหท์ ี่ 2 2,ดินทราย แตกใบออ่ นเกือบทุกสว่ นท่ีมตี า รากแตกออกมา
2 70 : 30 3.ดนิ เหนยี ว เลก็ นอ้ ยกิ่งพันธเ์ุ ขียวลดลง ใบทีต่ ดิ มาร่วงหล่น ไม่มี
ราก
1.ดนิ รว่ น เร่มิ แตกใบอ่อน
สัปดาห์ท่ี 3 2,ดินทราย แตกใบอ่อน งอกรากมาก ตามขอ้ กิง่ พนั ธ์ุแตกต้น
3-9 70 : 30 3.ดินเหนียว อ่อนทกุ ตาที่มีอยตู่ ามก่งิ พนั ธ์ุ เม่ือนาไปปลูกดินไม่
รว่ ง
จากตาราง ที่ 3 จะเห็นไดว้ า่
อตั ราสว่ นของดินร่วน ดนิ ทราย และดินเหนียว เมอ่ื ผสมกับปุย๋ คอก 30% ดนิ รว่ นเริม่ แตกใบ
ออ่ นในสัปดาห์ที่ 2 ตามตาบางสว่ นมรี ากเลก็ น้อย ดนิ ทราย กิ่งพันธจุ์ ะเอนเอยี งเรมิ่ แตกต้นอ่อนในสปั ดาหท์ ่ี
3 ดินเหนยี ว เริ่มแตกใบอ่อนทกุ ตาท่ีอยู่ตามกิ่งพันธุ์ในสัปดาห์ที่ 2 และมีรากงอก กิ่งพันธ์เกาะดินดนิ ไม่รว่ ง
ตารางที่ 4 จากผลการทดลองจะเห็นได้ว่าก่งิ แสงจันทร์เจริญได้ดใี นดิน
สว่ นผสม ถงุ ที่ สงิ่ ทีพ่ บ หมายเหตุ
1.ดินรว่ น กิง่ พันธุเ์ ร่มิ แตกใบอ่อนเม่ือยา่ งเขา้ สปั ดาห์ที่2 กิ่งพันธ์มุ รี ากนอ้ ยอยู่ ส่วนผสม
2.ดินทราย สัปดาห์ท่ี 3 -9 แตกใบอ่อนขึ้นตามข้อชดั เจนกง่ิ พนั ธุ์จะแอนเอียงไม่ หมายถงึ ดิน
50 : 50 3.ดินเหนียว แข็งแรกและแตกใบอ่อนช้า ผสมกบั ปุ๋ยคอก
ก่ิงพันธุย์ ดึ ดินไดแ้ นน่ รากงอกออกมาเยอะใบอ่อนเริ่มแตกในสปั ดาห์
ท่ี 2 สะดวกในการแกะออกจากถงุ พาไปปลกู
1.ดินร่วน กิ่งพันธ์เุ รม่ิ แตกใบปลายสัปดาหท์ ่ี 2มีรากออกมาไมเ่ ยอะกิ่งพนั ธ์ุยึด
2.ดนิ ทราย ดินไม่ค่อยแน่น ดินร่วงแตกไม่เกาะกง่ิ
60 : 40 3.ดนิ เหนียว กงิ่ พนั ธแ์ุ อนเอยี งได้ง่ายแตกใบช้า ใบแตกหลังจากสัปดาหท์ ี่3ไปแลว้
รากมีนอ้ ยมาก
กงิ่ พันธุจ์ ับดนิ ไดด้ มี าก เร่ิมแตกในในสปั ดาห์ที่2 สัปดาห์ที่3-9 แตก
ใบอ่อนมากเกือบทุกตาท่ีมีอยู่
1.ดนิ รว่ น กง่ิ พนั ธเุ์ ร่มิ แตกใบอ่อนปลายๆสัปดาห์ที่ 2 และจะมใี บอ่อนแตกได้
2.ดนิ ทราย เกือบครบตาในสัปดาห์ท่ี 4 ก่ิงจับดินไม่ค่อยดีก่ิงพนั ธ์แุ อนเอียงได้
70 : 30 3.ดนิ เหนียว งา่ ย กง่ิ ยดึ ดินไม่ดี แตกใบใช้
กง่ิ พนั ธย์ุ ดึ ดินได้ดีแตกใบออ่ นไดเ้ ร็วในสปั ดาห์ท่ี 2 และมีรากเยอะ
นาไปปลูกแกะออกจากถุงเพาะไดด้ ีไม่รว่ ง
จากตารางที่ 4 สรุปผลการทดลองจะเห็นได้วา่ ถุงเพาะชาที่ใสด่ ิน ( ดินร่วน ดินทราย ดนิ เหนียว )
กบั สว่ นผสมปุย๋ คอก 50 :50 ,60:40 และ70 :30 ตามลาดับ จะเหน็ ได้วา่ ในอัตราสว่ น 70:30 ในดินเหนยี ว
จะทาให้พชื เจรญิ เติบโตได้ดี เช่น การแตกของใบอ่อนไดเ้ ร็ว มีรากเยอะและแข็งแรงกว่าและมีความสะดวกใน
การเคลอ่ื นย้ายท่ีจะนาไปปลูกอีกด้วย เพราะดินเหนยี วเกาะตดิ กง่ิ พนั ธ์ุได้ดี
บทท่ี 5
สรุปผลการศึกษา
โครงงานเร่ือง มหัศจรรย์ด้วยการปักชาขยายพันธ์ุพืช เป็นการนาความรู้วิทยาศาสตร์ และการงาน
พ้ืนฐานอาชีพมาบูรณาการเข้าด้วยกัน ในเรื่องการขยายพันธ์ุพืชด้วยการปักชา พืชแต่ละชนิดว่ามีผลแตกต่าง
กันในสภาพส่ิงแวดล้อมเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้นาความรู้ จากการสารวจข้อมูลการจัดเก็บข้อมูลตลอดจน
การนาเสนอข้อมูลมาใช้ในการทาโครงงาน การทาโครงงาน เร่ืองมหัศจรรย์ด้วยการปักชาขยายพันธ์ุพืช โดย
ม่งุ หมายเพื่อศึกษาการขยายพนั ธพุ์ ชื ด้วยการปักชา ทที่ าให้เกิดการเพ่ิมปริมาณตน้ พชื ให้มากข้นึ
การขยายพันธุ์พชื โดยการตัดชา หรือปักชา เป็นวธิ ีท่นี ิยมกันมาก เพราะทาใหไ้ ด้ปริมาณตน้ พืชตาม
ความต้องการเปน็ จานวนมากและใช้ระยะเวลานอ้ ย การขยายพนั ธ์ุพืชพชื ด้วยวธิ ีนี้ สามารถทาได้ง่าย เพยี งแต่
มีความร้คู วามเขา้ ใจในการคัดเลอื กกิ่งพนั ธ์ทุ ่ีจะนามาตดั ชาและจัดหาวัสดุสาหรบั ปักชาไดต้ ามความต้องการ
นอกจากน้ียังใชเ้ งนิ ทุนน้อยและสามารถใช้พันธไ์ุ ม้ในท้องถิ่นไปปกั ชาไดง้ า่ ย
สรุปผลการทดลอง
จากการทาโครงงานเรื่องความเหมาะสมของส่วนประกอบของดนิ ท่ีนามาทาการปกั ชาแลว้ ให้ผลผลติ
ทดี่ แี ละพืชเติบโตไดเ้ รว็ สรุปได้ ดงั น้ี
จากตารางที่ 4 สรุปผลการทดลองจะเห็นไดว้ ่าถุงเพาะชาท่ีใส่ดิน ( ดนิ ร่วน ดินทราย ดนิ เหนียว )
กบั สว่ นผสมปุ๋ยคอก 50 :50 ,60:40 และ70 :30 ตามลาดับ จะเหน็ ได้วา่ ในอตั ราส่วน 70:30 ในดินเหนยี ว
จะทาให้พชื เจรญิ เตบิ โตได้ดี เช่น การแตกของใบอ่อนได้เร็ว มีรากเยอะและแข็งแรงกวา่ และมีความสะดวกใน
การเคลือ่ นย้ายที่จะนาไปปลูกอกี ดว้ ย เพราะดินเหนียวเกาะตดิ กง่ิ พันธไ์ุ ด้ดี
ประโยชนท์ ่ไี ด้รับ
1. ได้รบั ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในการปักชาตน้ ไม้
2. นาความรู้ท่ีไดร้ ับไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้
3. ได้ประสบการณจ์ ากการเรียนรูจ้ ริง และการฝึกปฏบิ ัตงิ านจรงิ จากการปักชา
ปญั หาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
1. พืชท่ีไดร้ บั การปักชาจะไม่มรี ากแก้ว จงึ มโี อกาสโคน่ ล้มได้ง่าย โดยเฉพาะกรณีท่เี ปน็ ต้นไม้ใหญ่
2. ควรระวังในการตงั้ และการจดั เกบ็ ทีด่ ี เพราะจะมีส่ิงรบกวนในชว่ งทที่ าใหม่
3. ไดต้ ้นไม้ท่ีตรงตามพนั ธ์เุ ดมิ ไม่ค่อยมีการกลายพนั ธุ์ และยังเหมาะกับต้นไม้ที่ไมต่ ดิ เมลด็ หรอื ตดิ เมล็ด
ยากเชน่ ชบา เข็ม มะลิ ทาได้ง่ายไม่ต้องลงทุนเยอะไม่ยุ่งยากในข้นั ตอนการทา
4. ให้ผลผลติ เรว็
5. ปักชาผัก ไม่ติด รากไม่งอก เนา่ ในนา้ หรือแหง้ ตายในดนิ ก็เกดิ ขนึ้ ได้เสมอ หากวธิ กี ารชาและการ
ดแู ลไมเ่ หมาะสม ซึ่งประกอบดว้ ยปจั จยั หลายอยา่ ง ไมว่ า่ จะเป็นสภาพของน้า ดนิ ทใี่ ช้ชา กิง่ ก้านทีเ่ ลือกนามา
ชา เเละอุณหภูมริ อบ ๆ บรเิ วณเพาะกลา้ ชาที่อาจร้อนเกนิ ไป วันนเี้ ราจะพาไปดู 2 วิธีปกั ชาผักอย่าง กะเพรา
และโหระพา ใหร้ ากงอกด้วยขั้นตอนงา่ ย ๆ โดยใชข้ วดพลาสติกเหลอื ใช้เปน็ ภาชนะสาหรับปักชา
บรรณานุกรม
นายบุญนา ของใหม่ ปราชญ์ชาวบา้ น ประจาศนู ย์เรียนรู้ “การเพาะชากล้าไมด้ อก – ไม้ประดับ”
แบบภมู ปิ ญั ญา ชาว บ้านหมู่ท่ี 12 ตาบล โคกกรวด อาเภอ เมืองนครราชสมี า จงั หวดั นครราชสมี า
เอกสารวิชาการท่ี 72. 2539. การขยายพนั ธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร กรงุ เทพมหานคร 10900
กระทรวงศึกษาธิการ : วทิ ยาศาสตรช์ ้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 , โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว กรุงเทพ. 2554
หนงั สอื เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5
www.oknation.net/blog/horti-asia
http://www.thaigoodview.com/node/41014
ภาพอุปกรณ์ท่ีหาได้ภายในบ้านท่ีสามารถนามาใช้ในการปักชาได้
– ขวดพลาสติกใส ขนาด 1.5 ลิตร
– สว่าน
– ขี้เถ้าแกลบ
– คัตเตอร์
– กระถางเพาะชา หรือถุงเพาะชาขนาดเล็ก
– ฟองน้า
– สก๊อตเทป
ภาพการใช้สว่านเจาะรูกน้ ขวด สาหรบั ระบายน้า เพื่อปอ้ งกนั ไม่ให้นา้ ขังท่กี ้นขวด
จนอาจเกิดปัญหาความชน้ื ท่ีมีมากเกินไป ซ่ึงเป็นสาเหตุใหก้ ิ่งชาเนา่
ภาพใส่ขี้เถ้าแกลบ หรือดินสาหรับเพาะต้นกล้า ลงไปในขวดประมาณ 2/3 ส่วน โดยอาจจะใส่กระถางเพาะ
ขนาดเล็ก หรือถุงเพาะชาขนาดเล็ก ใส่ลงไปอีกที เพ่ือให้สามารถดึงต้นกล้าท่ีมีรากเเล้วออกจากขวดได้ง่าย
ไม่กระทบกับรากของต้นกล้า เเต่หากไม่ใส่ก็ไม่มีผลต่อการงอกเเต่อย่างใด
ภาพเลอื กก่ิงสาหรับขยายพันธุ์ ที่ไมแ่ ก่หรืออ่อนเกนิ ไป โดยควรเด็ดยอดเเละใบล่างออก
ให้เหลอื ใบติดประมาณ 4 คู่ ซงึ่ ใบติดมสี ว่ นสาคญั ที่ทาใหเ้ กิดราก แต่ใบกท็ าใหเ้ กิดการคายน้าและสญู เสยี
ความชื้นมากเกินไป จนอาจแหง้ ตายเสียกอ่ นทจ่ี ะเกิดราก
ภาพปกั ชากง่ิ ลงไปในดนิ ปลกู ท่เี ตรยี มไว้ ปักใหข้ ้อใบคูล่ า่ งจมดิน แล้วรดน้าให้ชุ่มจนทวั่ ใหด้ นิ ดดู ซบั น้าเตม็ ที่
จนระบายออกทางก้นขวดที่เจาะรูไว้