STORY OF ILA - ILĀ LITERATURE IN THE REIGN OF KING RAMA VI อิลราช โครงการบัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ รุ่นรุ่๑๓ Graduate School Bunditpattanasilpa Institule การเสวนาและนำ เสนอผลงานสร้าร้งสรรค์ รายวิชวิาภูมิภูปัมิญปัญานาฏประดิษฐ์ รูปแบบนาฏยจารีตรีตามแนวละครนอกแบบหลวง
ข้าพเจ้าได้แต่งหนังสือ “บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์” นั้นขึ้น ทำ ให้หลวงสารประเสริฐได้พบ กับนิทานเรื่อง อิลราช ซึ่งมีอยู่ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณ มีความเห็นว่าพอจะประพันธ์เปนคำ ฉันท์ได้ หลวงสารประเสริฐจึงได้แต่งขึ้นด้วยความอุสาห แล้วนำ มาให้ข้าพเจ้าช่วยตรวจ ข้าพเจ้าก็ได้ ช่วยตรวจแก้ไข และแสดงความเห็นให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมขึ้น และบางตอนที่เขาแต่งไม่ได้โดยพิสดาร เพราะขาดความรู้ในกิจการนั้นๆ โดยเฉภาะ เช่นเรื่องพิธีอัศวเมธเปนต้น ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยชี้แจงให้ฟัง โดยพิสดาร ตามที่ข้าพเจ้าได้อ่านมาในตำ รับไสยศาสตร์ หลวงสารประเสริฐ ได้กำ หนดจดจำ เอาไป ประพันธ์ขึ้นได้อย่างดี นับว่าเปนที่ควรสรรเสริญ ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่า ในรัชกาลของข้าพเจ้าได้มีจินตกะวี ซึ่งสามารถจะแต่งฉันท์ ภาษาไทยได้หลายคนแล้ว และหลวงสารประเสริฐผู้แต่งเรื่องอิลราชคำ ฉันท์นี้ เปนคน ๑ ในหมู่นั้น ข้าพเจ้าจึงมีความยินดีเขียนคำ นำ นี้ให้หลวงสารประเสริฐเพื่อแสดงความพอใจแห่งข้าพเจ้าณบัดนี้ อนึ่งข้าพเจ้าขอถือเอาโอกาศอันนี้เพื่อแสดงว่า ถ้าแม้ผู้ใดซึ่งริเริ่มจะนิพนธ์โคลงฉันท์กาพย์ กลอน มีความปราถนาจะให้ข้าพเจ้าตรวจและแนะบ้าง อย่างที่ข้าพเจ้าได้ช่วยหลวงสารประเสริฐ มาแล้วนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เปนผู้ที่คุ้นเคยกับข้าพเจ้าแล้วแต่ก่อนก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะยินดีช่วยตรวจ และแสดงความเห็นเท่าที่ข้าพเจ้าสามารถจะกระทำ ได้ เพื่อช่วยอนุเคราะห์ผู้ที่มีความพอใจในทาง จินตกะวีนิพนธ์ และเพื่อประโยชน์แก่วิชากะวีของไทยเรานั้นด้วย
ละครรำ เรื่อง อิลราช ได้แรงบันดาลใจมาจากบทวรรณคดี เรื่อง อิลราชคำ ฉันท์ ซึ่งมหาเสวกตรี พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ) แต่งเมื่อครั้งยังมีบมีรรดาศักดิ์ เป็นหลวงสารประเสริฐ โดยเป็นบทคำ ฉันท์ที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีความไพเราะ นิยมใช้เป็นแบบอย่างในการแต่งคำ ฉันท์มาช้านาน ผู้สร้างสรรค์ ได้หยิบยกวรรณคดีคำ ฉันท์เรื่อง อิลราช มาสร้างสรรค์เป็นละครรำ ตามแนวนาฏยจารีต โดยอ้างอิงตามขนบภารตนิยาย ตรงกับยุคสมัยของรัชกาลที่ ๖ ซึ่งประเทศอินเดียขณะนั้น ได้อยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ จึงมีความเจริญรุ่งเรือง ทางด้านวรรณกรรมสันสกฤตศึกษา อีกทั้งถือเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยด้วยทรงเป็น นักปราชญ์ ผู้เปิดกว้างด้านการศึกษา ทำ ให้วรรณกรรมมีอรรถรสหลากหลาย อิลราช เป็นเรื่องราวของพระราชาผู้ถูกคำ สาปให้กลายเป็นหญิงและชายสลับกัน จนต้องประกอบพิธีอัศวเมธเป็นพลี เพื่อคลายคำ สาปให้คงกายรูปเดิม โดยปรากฎอยู่ ในอุตตรกัณฑ์ของรามายณะ ผู้สร้างสรรค์ได้ศึกษาข้อมูลประกอบใช้ในการสร้างสรรค์ การแสดง จากคัมภีร์ลิงคปุราณะอันเปรียบเสมือนสารานุกรมแห่งวัฒนธรรมของ ชาวอินเดียอารยะตั้งแต่โบราณ อีกทั้งศึกษาข้อมูลด้านประติมานวิทยา คติความเชื่อ และเครื่องแต่งกายที่ใช้ให้สอดคล้องกับขนบนิยมของละครไทย โดยมีแนวทางดำ เนิน เรื่องตามภารตนิยาย อีกทั้งใช้การประพันธ์บทและสร้างสรรค์การแสดงรูปแบบนาฏยจารีต ทั้งนี้ ผู้สร้างสรรค์ขอดำ รงเจตนารมณ์สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า สืบทอดมรดก กลอนและบทละคร ให้เป็นไปตามความดังพระประสงค์ ซึ่งหมายให้คงจินตกวีนิพนธ์ไว้ ในสยามประเทศ จึงได้ถอดความจากอิลราชคำ ฉันท์มาเป็นบทละครรำ โดยได้รักษา เนื้อความและแก่นสารไม่ให้กลายไปจากต้นฉบับ ทั้งนี้ ขออำ นวยพรให้ท่านได้ประสบ ความสุขสวัสดี เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปัญญา โภคสมบัติ ปราศจากทุกข์ ดังตอนท้ายของบทละครนี้เทอญ นักศึกษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ (รุ่นที่ ๑๓)
ในลักษณ์นี้ว่าว่น่าประหลาด ๑ นางนิภา โสภาสัมสัฤทธิ์ อธิกธิารบดีสดีถาบันบับัณบัฑิตพัฒพันศิลป์ การสร้าร้งสรรค์ผลงานด้านนาฏศิลศิ ป์ จากวรรณกรรมนำ ไปสู่กสู่ ารแสดงละครนั้น เป็นป็การแสดงถึงศักศัยภาพของนักศึกศึษา ระดับบัณบัฑิตฑิสาขาวิชวิานาฏศิลศิ ป์ โดยมุ่งมุ่ กระบวนการสร้าร้งสรรค์ผลงานจากการประมวลความรู้ที่รู้ ไที่ ด้ศึกศึษามาเป็นป็ข้อข้มูลมูพื้น พื้ ฐาน ในการดำ เนินการจัดทำ บทละคร ดนตรีปรีระกอบ การแสดง การออกแบบท่าท่รำ การเคลื่อนไหว เครื่อ รื่ งแต่งกาย ไปจนถึงองค์ประกอบการแสดงต่างๆ เพื่อ พื่ นำ เสนอ แนวความคิดสร้าร้งสรรค์ โดยมีกมีรอบแนวคิดหลัก อันจะนำ ไปสู่กสู่ ารประมวลข้อข้มูลมู ของผลงานที่ดี ที่ ดีอีกทั้งทั้ยังยัเป็นป็การเปิดปิ โอกาสให้นักศึกศึษาได้ทำ งานร่วร่มกัน ละครรำ เรื่อ รื่ ง อิลราช นำ เสนอรูปแบบการแสดงละครนอกแบบหลวง ตามแนว นาฏยจารีตรีการแสดงมีทั้มีงทั้กระบวนรำ เดี่ยวเพลงโทนม้าม้กระบวนรำ คู่ขคู่องพระอิศวร แปลงเกี้ยวพระอุมา และรำ หมู่ใมู่ นรูปแบบของกองทัพทัทหาร ผสมผสานให้เข้าข้กับ รูปแบบการแสดงละคร ขอชื่น ชื่ ชมความตั้งใจในการทำ งานของนักศึกศึษาที่ร่ ที่ วร่มกันสร้าร้งสรรค์ผลงาน ครั้งรั้นี้เป็นป็อย่าย่งมาก หวังวัว่าว่ผู้ชผู้ มจะได้เห็นถึงความตั้งใจในการทำ งานของนักศึกศึษา เช่นช่กัน เพราะการได้รับรัการสนับสนุนจากผู้ชผู้ ม นอกจากเป็นป็กำ ลังใจให้แก่ผู้ทำผู้ ทำงาน ทุกทุคนแล้ว ยังยัเปรียรีบเสมือมืนแรงขับขัเคลื่อนให้ผู้ทำผู้ ทำงานมุ่งมุ่ มั่นมั่ ในการสร้าร้งสรรค์ผลงาน ที่ดี ที่ ดีให้แก่สังสัคมต่อไป แรงใจในการสนับสนุนดังกล่าวของผู้ชผู้ มและผู้ที่ผู้ เ ที่ กี่ยวข้อข้งนั้น จะช่วช่ยเสริมริสร้าร้ง ให้นักศึกศึษาทุกทุคนก้าวไปสู่คสู่ วามสำ เร็จร็อย่าย่งยั่งยั่ยืนยื ในอนาคต ขอขอบคุณคุทุกทุท่าท่นที่ไที่ ด้ให้การสนุับสนุนการแสดงครั้งรั้นี้ และหวังวัว่าว่ท่าท่น จะได้รับรัความสุขสุและความสนุกสนานจากการชมละครรำ เรื่อ รื่ ง อิลราช ในครั้งรั้นี้
การศึกศึษาหลักสุตสุรศิลศิ ปมหาบัณบัฑิตฑิสถาบันบับัณบัฑิตฑิพัฒพันศิลศิ ป์ สาขาวิชวิา นาฏศิลศิ ป์ นักศึกศึษาต้องเรียรีนรู้ทั้รู้งทั้วิชวิาการและปฏิบัติบั ติสามารถบูรณาการความรู้ จากการอนุรักรัษ์ สืบสืสานสู่กสู่ ารพัฒพันาอย่าย่งเป็นป็ระบบ มีเมีหตุมีตุผมีล มีหมีลักการ แนวคิดทฤษฎีและมีกมีระบวนการในการสร้าร้งงาน ที่ชั ที่ ดชัเจนเป็นป็ที่ย ที่ อมรับรัของ สาธารณชน ขอชื่น ชื่ ชมการจัดกิจกรรมการนำ เสนอผลงานสร้าร้งสรรค์ด้านนาฏศิลศิ ป์ขป์อง นักศึกศึษาหลักสูตสูรศิลศิ ปมหาบัณบัฑิตฑิสาขาวิชวิานาฏศิลศิ ป์ รุ่นรุ่ที่ ๑๓ ที่นำ ที่ นำเสนอผลงาน สร้าร้งสรรค์สู่สสู่ าธารณชน ในรูปแบบผลงานวิชวิาการที่ส ที่ ะท้อท้นศิลศิ ปวัฒวันธรรม ตามจารีตรีผ่าผ่นกระบวนท่าท่รำ อันงดงามประณีต รวมถึงการให้ความรู้ใรู้นมิติมิ ติ ของสุนสุทรียรีศาสตร์ ขอให้การดำ เนินกิจกรรมดังกล่าว เป็นป็ ไปด้วยความเรียรีบร้อร้ย บรรลุตลุาม เจตนารมณ์ที่มุ่ ที่ งมุ่ มั่นมั่เป็นป็ที่ปที่ ระจักษ์ถึงความเป็นป็ "มือมือาชีพชีงานศิลศิ ป์"ป์ที่มี ที่ พมีลัง ในการสร้าร้งสรรค์งาน อันเป็นป็อัตลักษณ์ของสถาบันบัก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ สังสัคมและวงวิชวิาการศาสตร์ศิร์ลศิ ปะสืบสื ไป ในลักษณ์นี้ว่าว่น่าประหลาด ๒ รศ.ดร.จินจิตนา สายทองคำ คณบดีคดีณะศิลปนาฏดุริดุยริางค์
ในลักษณ์นี้ว่าว่น่าประหลาด ๓ ผศ.ดร.สาริสริา ประทีปช่วช่ง ผู้ช่ผู้ วช่ยอธิกธิารบดีสดีถาบันบับัณบัฑิตพัฒพันศิลป์ กำ กับดูแดูลโครงการบัณบัฑิตศึกษา ศิลศิ ปวัฒวันธรรมด้านนาฏศิลศิ ป์”ป์หมายรวมถึง ศิลศิ ปะการแสดงที่ส ที่ ะท้อท้น ให้เห็นความเจริญริรุ่งรุ่เรือรืง ความละเอียดอ่อน ความประณีต และวัฒวันธรรม ประเพณีที่ถื ที่ ถือปฏิบัติบั ติกันมาตามยุคสมัยมั ให้คุณคุค่า ทางจิตใจเป็นป็สุนสุทรียรีศาสตร์ ที่ง ที่ ดงาม โดยมีคมีรูภูมิภูปัมิญปัญาทางด้านนาฏศิลศิ ป์ เป็นป็บุคลากรอันทรงคุณคุค่า ทำ หน้าที่ถ่ ที่ ถ่ายทอดภูมิภูปัมิญปัญาของตนส่งส่ต่อถึงผู้ที่ผู้ ต้ ที่ ต้องการศึกศึษา สอดคล้องกับ กระบวนการสนับสนุนการพัฒพันาสังสัคมไทยที่พึ่ ที่ ง พึ่ มี ขอแสดงความชื่น ชื่ ชมนักศึกศึษาหลักสูตสูรศิลศิ ปมหาบัณบัฑิตฑิสาขาวิชวิา นาฏศิลศิ ป์ ที่มี ที่ คมีวามใฝ่รู้ อนุรักรัษ์สืบสืทอด และการต่อยอดการแสดงที่ไที่ ด้รับรั การถ่ายทอดทางด้านนาฏศิลศิ ป์จป์ากครูทางภูมิภูปัมิญปัญา ขอให้ความมุ่งมั่นมั่และความตั้งใจ ส่งส่ผลให้นักศึกศึษาสำ เร็จร็ตามเป้าป้หมาย นำ องค์ความรู้ที่รู้ ไที่ ด้รับรันำ ไปพัฒพันาศิลศิ ปวัฒวันธรรมด้านนาฏศิลศิ ป์ขป์องประเทศต่อไป
ในลักษณ์นี้ว่าว่น่าประหลาด ๔ รศ.ดร.ศุภศุชัยชัจันทร์สุร์วสุรรณ์ รศ.ดร.ศุภชัยชัจันจัทร์สุร์วสุรรณ์ อาจารย์ปย์ระจำ วิชวิาภูมิภูปัมิ ปัญญานาฏประดิษดิฐ์ การสร้าร้งสรรค์ผลงานด้านนาฏศิลศิ ป์ ถือเป็นป็ตัวชี้วั ชี้ ดวัศักศัยภาพของนักศึกศึษา ระดับบัณบัฑิตฑิศึกศึษา สาขาวิชวิานาฏศิลศิ ป์ ในรายวิชวิา ภูมิภูปัมิญปัญานาฏประดิษฐ์ ซึ่ง ซึ่ นอกจากการรักรัษาภูมิภูปัมิญปัญาของบูรพาจารย์ไย์ม่ใม่ห้สูญสูหายแล้ว นักศึกศึษายังยัต้องนำ ภูมิภูปัมิญปัญานั้นมาสร้าร้งสรรค์ โดยบูรณาการความคิดทฤษฎีทางด้านนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย ผ่าผ่นกระบวนการความคิดอย่าย่งเป็นป็ระบบ เพื่อ พื่ นำ มาเผยแพร่ ในรูปแบบของ นาฏศิลศิ ป์ไป์ทยสร้าร้งสรรค์ การแสดงละครรำ เรื่อ รื่ ง อิลราช เป็นป็ผลสัมสัฤทธิ์ที่ธิ์ส ที่ ามารถแสดงให้เห็นถึง ศักศัยภาพของนักศึกศึษาหลักสูตสูรศิลศิ ปมหาบัณบัฑิตฑิสาขานาฏศิลศิ ป์ รุ่นรุ่ที่ 13 ในเรื่อ รื่ ง ของการนำ องค์ความรู้มรู้าสร้าร้งสรรค์ผลงานในรูปแบบการแสดงละครนอกแบบ หลวง ตามแนวนาฏยจารีตรีอีกทั้งทั้เอกสารและการเสวนาทางวิชวิาการ ขอแสดงความยินยิดีกับความสำ เร็จร็ ในการสร้าร้งสรรค์ผลงานในครั้งรั้นี้ ที่ต้ ที่ ต้องใช้คช้วามรู้ที่รู้บ่ ที่ มบ่เพาะมาเป็นป็เวลานาน ผสมผสานกับความพยายามจึงเกิด เป็นป็ผลงานสร้าร้งสรรค์การแสดงละครในรูปแบบใหม่ ก่อให้เกิดงานศิลศิ ปะที่น่ ที่ น่าชื่น ชื่ ชม และขอเป็นป็กำ ลังใจให้นักศึกศึษาทุกทุคนประสบความสำ เร็จร็ที่มุ่ ที่ งมุ่ หวังวัก้าวสู่คสู่ วามเป็นป็ นักวิชวิาการทางด้านนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย เป็นป็กำ ลังสำ คัญในการสืบสืทอดและสร้าร้งสรรค์ งานศิลศิ ป์ต่ป์ ต่อไป
ผศ.ดร.สุขสุสันสัติ แวงวรรณ ในลักษณ์นี้ว่าว่น่าประหลาด ๕ ผศ.ดร.สุขสุสันสัติ แวงวรรณ อาจารย์ปย์ระจำ วิชวิาภูมิภูปัมิ ปัญญานาฏประดิษดิฐ์ การจัดการเรียรีนการสอน รายวิชวิาภูมิภูปัมิญปัญานาฏยประดิษฐ์ มีวัมีตวัถุ-ถุ ประสงค์ให้นักศึกศึษา ได้ศึกศึษา แนวคิดทฤษฎี นาฏประดิษฐ์ ด้านนาฏศิลศิ ป์ ไทย ทั้งทั้ ในรูปแบบราชสำ นักและรูปแบบพื้น พื้ บ้าบ้น จากภูมิภูปัมิญปัญาของศิลศิ ปินปิ ชั้นชั้ครู สู่กสู่ ารวิเวิคราะห์เพื่อ พื่ สร้าร้งสรรค์และพัฒพันาสิ่งสิ่ใหม่ ผลงานสร้าร้งสรรค์ ละครรำ เรื่อ รื่ งอิลราช ชุดชุนี้ เป็น ป็ ผลงานที่เ ที่ กิดจาก การสั่งสั่สมองค์ความรู้ใรู้นห้องเรียรีน ผสมผสานกับประสบการณ์ของนักศึกศึษา สู่กสู่ ระบวนการสร้าร้งสรรค์อย่าย่งเป็น ป็ ระบบ จนเกิดเป็น ป็ ผลงานสร้าร้งสรรค์ และพัฒพันาสิ่งสิ่ใหม่ ขอเป็น ป็ กำ ลังใจในการสร้าร้งสรรค์ผลงาน ขอให้เกิดพลังในการธำ รง รักรัษ์ศิลศิ ปกรรมของชาติ และขอให้เป็น ป็ บุคลากรที่เ ที่ ป็น ป็ เสาหลักในการพัฒพันา ชาติ และเยาวชนด้วยวิชวิาชีพชีศิลศิ ปกรรมสืบสื ไป
๖ อ้าอรุณแอร่มร่ระเรื่อ รื่ รุจี
๑๒.๓๐ น. ลงทะเบียน ๑๓.๐๐ น. พิธีเปิด - ประธานในพิธีวางพวงมาลัยบริเวณโต๊ะหมู่บูชาครู - ตัวแทนนักศึกษากล่าวรายงาน - ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน - ประธานในพิธีมอบของที่ระลึกและเกียรติบัตรแก่ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ให้การสนับสนุน - ประธาน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ให้การสนับสนุนบันทึกภาพร่วมกัน ๑๒.๓๐ น. การเสวนาละครรำ เรื่อง อิลราช วิทยากร - อาจารย์ธนโชติ เกียรติณภัทร อาจารย์ประจำ ภาควิชาภาษาไทย และภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำ แหง - นางสาวชนิตา แซ่ลิ้ม นักศึกษาศิลปมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ - นายอิสรชัย พรหมเสน นักศึกษาศิลปมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ๑๔.๐๐ น. การเสนอผลงาน รายวิชาภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ - ละครรำ เรื่อง อิลราช ตามแนวนาฏยจารีต (ละครนอกแบบหลวง) สร้างสรรค์โดย นักศึกษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ (รุ่นที่ ๑๓) - กรรมการท่านผู้เชี่ยวชาญให้ข้อเสนอแนะ - ถ่ายภาพร่วมกับผู้แสดงและคณะทำ งาน ๑๖.๐๐ น. พิธีปิด กำ หนดการ การเสวนาและนำ เสนอผลงานสร้างสรรค์ รายวิชาภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ ละครรำ เรื่อง อิลราช ตามแนวนาฏยจารีต(ละครนอกแบบหลวง) ในวันพุธ ที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมศรีอยุธยา หอวชิราวุธานุสรณ์ อาจารย์ประจำ วิชา รศ.ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ และ ผศ.ดร.สุขสันติ แวงวรรณ โดย นักศึกษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ (รุ่นที่ ๑๓) ปีการศึกษา ๒๕๖๕ หมายเหตุ : เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ ประดุจดุมโนภิรมย์รย์ตี ณแรกรักรั ๗
จากอิลราชคำ ฉันท์สู่บทละครรำ เรื่องอิลราช เรื่องในอิลราชคำ ฉันท์มีว่า เมื่อครั้งพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามกษัตริย์ ครองกรุงศรีอยุธยาเพื่อมาปราบอสูรนั้น ครั้งหนึ่งประสงค์จะแสดงเดชานุภาพสำ หรับทดสอบ ความจงรักภักดีของบรรดาเมืองขึ้น จึงได้ปรึกษาพระภรตกับพระลักษมณ์ว่า ควรจะทำ แบบ พิธีราชสูยะดีหรือไม่ พระพรตทูลตอบว่าไม่สมควรเพราะทรงพระเดชานุภาพอยู่แล้วจึงไม่ควร คิดประกอบการใหญ่ ทำ ให้ได้ความลำ บากแก่บรรดากษัตริย์เมืองขึ้น ที่ต้องเดินทางมาเข้าร่วม พิธีนี้ ส่วนพระลักษมณ์ก็ทูลว่าควรจะทำ พิธีอัศวเมธ อีกทั้งยกตัวอย่างว่า พระอินทร์ได้ฆ่ายักษ์ ตนหนึ่งขณะกำ ลังบำ เพ็ญตบะ แล้วพระองค์ทรงได้นึกถึง ความผิดที่กระทำ ไปนั้น จึงได้ทำ พิธีอัศวเมธเป็นการล้างบาป พระรามทรงฟังดังนั้นก็ทรงชื่นชม ตามคำ ที่พระอนุชากล่าวมา พระองค์จึงทรงเล่าเรื่องอิลราชให้พระอนุชาทั้งสองฟังว่า นครพลหิกา (แคว้นพลหิ) มีกษัตริย์นามว่าท้าวอิลราชโอรสพระกรรทมประชาบดี พรหมบุตร เป็นผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ ปกครองเหล่าประชาชนด้วยความเมตตา ต่อมา ในฤดูวสันต์ท้าวอิลราชได้เสด็จไปไล่เนื้อในป่า จนล่วงเข้าไปถึงถิ่นกำ เนิดพระขันทกุมาร ในเวลานั้นพระอิศวรกำ ลังทรงสำ ราญอยู่ในที่รโหฐาน ณ เชิงเขาไกรลาส ได้จำ แลง พระองค์เป็นสตรีเพื่อล้อพระอุมา ทำ ให้บรรดาสัตว์และต้นไม้ ก็กลายเป็นเพศหญิงไปหมด พระอิลราชกับบริวารเดินล่วงเข้าไปที่รโหฐานนั้นก็กลายเป็นสตรีไปหมดทั้งสิ้น พระอิลราช ก็ตกพระทัยเมื่อทราบเหตุ จึงไปเฝ้าพระอิศวรทูลขออภัยให้กลับเป็นชายอย่างเดิม พระอิศวร ไม่โปรดประทานพร แต่พระอุมาตรัสว่าจะยอมประทานพรให้กึ่งหนึ่ง ท้าวอิลราชจึงทูลขอว่า ในเดือนหนึ่งขอให้เป็นสตรีรูปงาม หานางใดในสามโลกเสมอเหมือนมิได้ แล้วให้กลับเป็นบุรุษ ในอีกเดือนหนึ่งสลับกันไป พระอุมาก็โปรดประทานพรตามปรารถนา และตรัสด้วยว่าเมื่อใด กลับเพศเป็นชายให้ลืมเหตุการณ์ที่ได้เป็นสตรี และเมื่อกลายเป็นสตรีก็ให้ลืมเวลาที่เป็นบุรุษ แต่นั้นมาท้าวอิลราชก็สลับร่างกลายเป็นสตรี นามว่า "นางอิลา" อย่างละหนึ่งเดือนอยู่ฉะนั้น ๘ อ้าอรุณแอร่มร่ระเรื่อ รื่ รุจี
นางอิลากับบริวารซึ่งกลายเป็นสตรี ไปเล่นน้ำ ใกล้ที่พระพุธดาบสบำ เพ็ญตบะอยู่ พระพุธชวนนางอิลาและบริวารไปยังอาศรม แล้วไล่เลียงสอบถามถึงสกุลวงศ์ แต่นางอิลา บอกไม่ถูก เพราะลืมเรื่องราวในส่วนเป็นบุรุษนั้นหมดตามพรของพระอุมา พระพุธจึงเล็งดู ด้วยญาณทราบเหตุทุกประการแล้ว จึงชวนนางอิลาให้อยู่ด้วยเป็นชายาสืบไปจนครบกำ หนด หนึ่งเดือนนางอิลาก็กลายเป็นพระอิลราช พระพุธบอกว่า ศิลาได้ทลายลงมาทับพวกบริวาร ของพระอิลราชตายหมดแล้ว แต่พระอิลราชรอดตายเพราะได้เข้าอาศัยอยู่ในอาศรม ด้วยไม่ อยากให้พระอิลราชเกิดความโทมนัส ฝ่ายพระอิลราชครั้นได้ยินว่าบริวารตายหมดแล้ว ก็มี ความเศร้าโศกและบอกพระพุธว่า จะยกราชสมบัติให้โอรสครองต่อไป แล้วเข้าสู่ป่าเป็นโยคี พระพุธจึงชวนให้อยู่ด้วยกัน พระอิลราชจึงประทับ ณ อาศรมของพระพุธและบำ เพ็ญพรต ภาวนาอยู่ตลอดเดือนหนึ่งทแล้วก็กลับเพศเป็นสตรี คอยดูแลปฏิบัติพระพุธผู้เป็นสามีไปอีก เดือนหนึ่ง กลับไปกลับมาเช่นนี้จนถ้วนนพมาส (๙ เดือน) นางอิลาก็ประสูติพระกุมารนาม ว่า "ปุรุรพ" พระพุธจึงเชิญพระมหาฤษีหลายตนมาปรึกษาคิดหาทางที่จะแก้ไขให้พระอิลราช ได้คงเป็นบุรุษอยู่ตลอดไป พระมหามุนีกรรทมปชาบดีพรหมบุตร ผู้เป็นบิดาแห่งพระอิล ราชก็มายังอาศรม กล่าวว่า ควรให้ทำ พิธีอัศวเมธบูชาพระอิศวรจึงจะแก้ไขได้ เมื่อพระอิลราช ทำ พิธีอัศวเมธ พระอิศวรพอพระทัยก็เสด็จลงมาประสาทพร ให้พระอิลราชได้เป็นบุรุษ อยู่ต่อไป ไม่ต้องกลับเป็นสตรีอีก ฝ่ายพระอิลราชก็อภิเษกพระสสพินทุ์โอรสให้ครองราชย์ ในนครพลหิกานั้น แล้วสร้างนครใหม่ชื่อว่า "ประดิษฐาน" ให้พระปุรุรพโอรสของพระองค์ กับพระพุธครองสืบไป ในการแสดงละครรำ เรื่องอิลราช เนื่องจากข้อจำ กัดของเวลาและจำ นวนผู้แสดง นักศึกษาจึงตัดทอนเนื้อหาบางส่วนออกโดยคงเหตุการณ์สำ คัญไว้ ได้แก่ พระอิลราชประพาส ป่าล่วงล้ำ เข้าไปในที่รโหฐานของพระอิศวรกับพระอุมาทำ ให้กลายร่างเป็นสตรี การทำ พิธี อัศวเมธเพื่อให้พ้นคำ สาป นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมกระบวนการแสดงให้มีการรำ เดี่ยว การรำ คู่ และระบำ เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของรายวิชาภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ ประดุจดุมโนภิรมย์รย์ตี ณแรกรักรั ๙
SYNOPSIS STORY OF ILA - ILĀ One day in spring, Ila the virtuous king of Palahika went out to the forest near Mount Kailas for hunting. At that time, Shiva was disguising himself as a woman to tease Uma (Paravati) in a private place at the foothills of Kailas. Shiva transformed everything in surrounding area into female specy. Ila invaded Shiva's privacy territory, thus he became a woman named Ilā. She knew her mistake, so she tried to apologize but Shiva did not forgive her. Ilā prayed to the two gods. Uma sympathized with her and reduced a punishment by half. Ilā turned into a male and female alternately for one month each and would not be able to remember the story of being of the opposite sex. Ilā accepted the blessing accordingly. Later, Ila in the form of a woman travelled to the forest. And after meeting Phra Phuttha, the sage who invited her to stay with him. Nine months later, Ilā had a child with him. When Ila returned to be a man, Phra Phuttha took pity on him and would like him to return back into a man's body, that it would benefit the people and the country. Phra Phuttha asked for many sages to meet for solving this problem. Phra Kardama, the Prajapati who was Ila’ s father suggestd to holdthe Ashwamedha ceremony for praying to Shiva. Finally Shiva gave up the curse and Ila could be a man invariably. This creative performance is in a form of Thai classical dance drama. The story was depicked from “Ilaraj Khamchan” of Phraya Sri Sunthornwohan (Phan Salakshna) which was a literary work in The reign of King Rama VI. This dance drama was produced by the Thai classical Dance Program’s candidate students of Master Degree, Bunditpatanasilpa Institute Of Fine Arts. ๑๐ อ้าอรุณแอร่มร่ระเรื่อ รื่ รุจี
การแสดงละครรำ เรื่อง อิลราช เป็นการสร้างสรรค์การแสดงในรูปแบบนาฏย จารีต ตามแนวทางของละครนอกแบบหลวง ใช้ผู้แสดงเป็นชายและหญิง ซึ่งประพันธ์บท ละครจาก อิลราชคำ ฉันท์ โดยยังคงการดำ เนินเรื่องตามโครงสร้างเดิม เพียงแต่ปรับปรุงภาษาบาง ส่วน ให้เข้าใจง่ายขึ้น การบรรจุเพลงร้องและดนตรี ยึดหลักตามจารีตรูปแบบการแสดง ละครนอก แบบหลวง ส่วนกระบวนท่ารำ ยึดรูปแบบกระบวนท่ารำ ทางนาฏศิลป์ไทยแบบราชสำ นัก ผู้สร้างสรรค์ได้ออกแบบการแสดงเริ่มจาก พระอิลราชเสด็จประพาสป่า แล้ว หลงเข้าไปในที่รโหฐานของพระอิศวรกับพระอุมา จึงเป็นเหตุให้กลายร่างเป็นสตรี และ จบลงด้วยพระอิลราชต้องทำ พิธีอัศวเมธ เพื่อให้พ้นคำ สาป แบ่งการแสดงออกเป็น ๓ ฉากประกอบด้วย ฉาก ๑ : ท้องพระโรงเมืองพลหิกา ฉาก ๒ : เขตป่ารโหฐาน เชิงเขา ไกรลาส และฉาก ๓ : โรงพิธีประกอบการอัศวเมธ นอกจากการดำ เนินเรื่องในรูปแบบการแสดงละครนอกแบบหลวงแล้ว ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์การแสดงประเภทรำ เดี่ยว รำ คู่ และระบำ แทรกอยู่ใน การดำ เนินเรื่องด้วย ประดุจดุมโนภิรมย์รย์ตี ณแรกรักรั ๑๑
๑๒ อ้าอรุณแอร่มร่ระเรื่อ รื่ รุจี
การแสดงชุด รำ โทนม้าพระอิลราช เป็นการแสดงรำ เดี่ยว ปรากฏอยู่ใน ฉากที่ ๑ เป็นการสร้างสรรค์การแสดงตามรูปแบบนาฏยจารีต กระบวนท่ารำ ได้แนวคิดต้นแบบจากกระบวนรำ โทนม้าของตัวอิเหนา จากละครในเรื่อง อิเหนา เครื่องแต่งกายม้าทรงของพระอิลราช ผู้สร้างสรรค์ได้ศึกษาลักษณะจาก เอกสารเกี่ยวกับม้าต้นและเครื่องทรงม้า จากตำ ราม้าของเก่าและตำ ราม้าคำ โคลง ซึ่งมีบทบรรยายถึงลักษณะของม้าต้นและเครื่องทรงต่าง ๆ รวมทั้งกระบวน การบังคับม้าด้วย ผลงานสร้างสรรค์ชุดนี้จะนำ เสนอกระบวนรำ อวดฝีมือ ในรูปแบบการ บังคับม้าของพระอิลราช ความสำ คัญอยู่ที่พระอิลราชและม้าจะต้องรำ ให้ประสาน และสอดคล้องกันจึงจะทำ ให้เกิดภาพการแสดงที่สมบูรณ์ และน่าสนใจ ประดุจดุมโนภิรมย์รย์ตี ณแรกรักรั ๑๓
อ้ า อ รุ ณ แ อ ร่ มร่ร ะ เ รื่ อ รื่ รุ จี ๑ ๔
การแสดงชุด พระอิศวร(แปลง)เกี้ยวพระอุมา เป็นการสร้างสรรค์ การแสดงรำ คู่ ปรากฏอยู่ในฉากที่ ๒ ของการแสดง โดยผู้สร้างสรรค์ได้รับ แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ในบทวรรณกรรม เรื่อง อิลราชคำ ฉันท์ ช่วงที่ พระอุมาได้อ้อนวอนให้พระอิศวรแปลงกายเป็นผู้หญิง และได้หยอกล้อกัน ในเชิงเกี้ยวพาราสีกัน จึงทำ ให้เกิดภาพของกระบวนท่ารำ เกี้ยวพาราสีกัน ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง แนวคิดในการสร้างสรรค์มาจากกระบวนการรำ คู่ ของตัวละครที่มี ความก่ำ กึ่งระหว่างเพศหญิงและเพศชาย เช่น ระหว่างพราหมณ์เกศสุริยง กับพระสุวรรณหงส์ ในการแสดงละครนอก เรื่อง สุวรรณหงส์ ตอน ชมถ้ำ และตัวละครอุณากรรณกับปันหยีในการแสดงละครใน เรื่ิองอิเหนา ความสำ คัญของผลงานสร้างสรรค์ชุดนี้ อยู่ที่การถ่ายทอดอารมณ์ ของตัวละครที่เป็นพระอิศวรในร่างของนางอิศวร ที่ผู้สร้างสรรค์ได้กำ หนด บุคลิกตัวละครให้มีจริตตามแบบของละครนาง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม ของสถานะของเทพเจ้า ดังนั้น ผู้แสดงจึงต้องถ่ายทอดกระบวนรำ ใช้ผู้ชม เกิดสุนทรียะในการรับชมการแสดง ให้เห็นเป็นภาพของตัวละครที่มีรูปกาย ภายนอกเป็นผู้หญิง แต่อารมณ์และความรู้สึกภายในเป็นผู้ชายให้ได้ ประดุจดุมโนภิรมย์รย์ตี ณแรกรักรั ๑๕
๑๖ อ้าอรุณแอร่มร่ระเรื่อ รื่ รุจี ระบำ วีรชัยพลหิกา
ระบำ วีรชัยพลหิกา ปรากฏในฉากที่ ๓ ของการแสดง ผู้สร้างสรรค์ได้ออกแบบกระบวนท่ารำ ในรูปแบบของระบำ ผู้ชาย ได้แนวคิดมาจาก กระบวนรำ กระบี่ ซึ่งปรากฏในการแสดงละครใน เรื่อง อิเหนา ตอนศึกกระหมังกุหนิง เป็นการรำ ใช้อาวุธที่แสดง ความเข็มแข็งและความชำ นาญของการใช้อาวุธในกองทัพ การแสดงชุดนี้ ผู้สร้างสรรค์ต้องการแสดงถึงแสนยานุภาพ และความแข็งแรงของทหารเมืองพลหิกา ในการเข้าร่วมพิธีอัศวเมธ ปล่อยม้าต้นของพระอิลราช โดยสร้างสรรค์ให้เป็นการแสดงรำ ประกอบอาวุธกระบี่ และการรำ ตีบท ประดุจดุมโนภิรมย์รย์ตี ณแรกรักรั ๑๗
๑๘ นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต - ร้องเพลงเวสสุกรรม - อัญขยม บังคมบาท นฤเบศร์ มงกุฎเกล้า ปกเกศ เขตสยาม ฉัฐรัช ก้องเกียรติ เกริกพระนาม ทรงคุณคาม ภีรภาพ วิชากร บำ รุงรัฐ วัฒนา ประชาราษฏร์ ธ เปรื่องปราด ภิญโญ สโมสร ทรงเกื้อกูลอักษรสารการละคร จึ่งขจรศิลปาค่าควรเมือง - ร้องเพลงเหมราช - โปรดประสาสน์ หลวงสาร- ประเสริฐจากบ่อเกิด รามเกียรติ์ อันลือเลื่อง ต้นเค้าบท นิทาน สำ ราญเรือง เป็นฉันท์เรื่อง อิลราช ประกาศชัย ปางรามา ประกอบ พิธีการ อัศวเมธ บันดาล พลีให้ เป็นแบบอย่าง เกียรติก้อง ระบือไกล เล่าความไว้ แต่ชั้น บรรพกาล - ร้องเพลงชำ นาญ - พระมหา การุญ พูนบำ เพ็ญ แผ่หล้าเย็น เห็นประจักษ์ อักษรสาร ขอมรดก กลอนกิจ วิชชาชาญ สถาวร ตราบนาน นิรันดร์เทอญ - ปี่พาทย์ทำ เพลงชำ นาญ ไม่มีรัว-
ฉาก ๑ : ท้องพระโรงเมืองพลหิกา (อิลราชออกท้องพระโรง อำ มาตย์เฝ้าตามตำ แหน่ง) -ปี่พาทย์ทำ เพลงวา - (เปิดม่าน) - ร้องเพลงช้าปี่นอก - เมื่อนั้น องค์พระ อิลราช อดิศร หน่อเนื้อ พระกรรทม พรหมบุตรบวร ครองนคร พลหิกา ธานี -ร้องเพลงตะลุ่มโปง - แผ่ธรรม ทศพิธ ทุกทิศา ผองประชา ร่มเย็น เป็นสุขศรี ฤทธิรงค์ ทรงชัย ปราบไพรี ดังรัศมี ภานุมาศ สาดส่องภพ พระคำ นึง ถึงเวลา คราวสันต์ จะผายผัน ประพาสไพร ไปประสบ ประลองกร ศรสิทธิ์ กระบวนครบ จึงปรารภ กับสอง เสนาใน - ร้องเพลงร่าย - เราใคร่ไป เล่นล่า มฤคี ยังเขต พนาลี เชิงเขาใหญ่ จงเร่ง เตรียมพหล พลไกร ม้ารถ จงได้ ทันเวลา บัดนั้น เสนี ผู้ใหญ่ ซ้ายขวา น้อมรับ พระราช- บัญชา ออกมา จัดพล ทันที -ร้องเพลงกระบอกทอง - เมื่อนั้น พระอิลราช ผู้รุ่ง รัศมี โสรจสรง ทรงเครื่อง เรืองรูจี กุมศร จรลี ออกมา - ปี่พาทย์ทำ เพลงเสมอ - - ปิดม่าน - (อิลราชออกหน้าม่าน ท้ายเพลงเสมอ เสนาจูงม้าต้นออกมา) นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต ๑๙
๒๐ นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต - ร้องเพลงโทนม้า - ม้าเอยม้าต้น ชาญผจญ เรี่ยวแรง แข็งกล้า สูงระหง งามรับ กับราชา กายา นิลกาฬ สรรพ์สะอาง ผูกเครื่อง สุวรรณวาว ดาวจำ รัส เนาวรัตน์ พานหน้า หักทองขวาง สายถือเทศ อานม้า ถมยากลาง พนักข้าง เครือวัลย์ พุดตานทอง เยื้องอก ยกย่อง คล่องคล้อย สะบัดย่าง อย่างน้อย ผันผยอง เริงรณ แล่นโลด โดดลำ พอง ธ ชักม้า ตามครรลอง มรรคา -ร้องเพลงเบ้าหลุด ชั้นเดียวงามองค์ อิลราช ทรงอัสดร เพียงพระ ทินกร จรเวหา งามเครื่อง ดุรงค์ราช ขัตติยา งามพยุ หเสนา ริ้วขบวน (ปี่พาทย์รับ) - ร้องเพลงวิลันดาตัด ชั้นเดียว - ล่วงเขต ไพรสาณฑ์ ศิขรเขิน ข้ามเนิน แนวป่า พนาสวน ศิลา ระยับยั่ว ยลยวน ทิวธาร ละลานล้วน สโรชเรียง ภู่ผึ้ง เคล้าเรณู อยู่สลอน ปักษิน เจื้อยจร กระแสเสียง ซ้อซ้งผสาน รุกขชาติ พาทย์สำ เนียง ก็เร่งพล เลียบเลี่ยง ตามพนา - ปี่พาทย์ทำ เพลงเชิด - (ทั้งหมดเข้าโรง) ฉาก ๒ : เขตป่ารโหฐานเชิงเขาไกรลาส (เปิดม่าน) - ปี่พาทย์ทำ เพลงปฐม ๒ ชั้น ลงวา - (พระอิศวรกับพระอุมาประทับยังแท่นที่เชิงเขา) - ร้องเพลงครอบจักรวาล - เมื่อนั้น พระสยม ภูวนาถ นาถา กับพระ เคารี ศรีอุมา ประทับยัง อรัญวา เชิงบรรพต แปรสถาน สำ ราญ หฤทัย รโหฐาน ชั้นใน เขตกำ หนด สัพยอก หยอกล้อ ไม่ลาลด ท่ามกลาง เสาวรส มวลผกา
- ร้องเพลงอัปสรสำ อาง - เมื่อนั้น พระอุมา เยาวยอด เสน่หา น้อมเศียร กราบทูล ภัสดา แต่ครั้ง พระจักรา ปราบอรินทร์ นิมิตรูป วรองค์ เป็นนงคราญ งามตระการ น่ายวน ชวนถวิล ข้าบาทยัง ติดตา เป็นอาจิณ ผิว่าเป็น สวามิน จะปานใด - ร้องเพลงร่าย - ทรงเรือง มหิทธา วราฤทธิ์ คงจะงาม วิศิษฎ์ น่าพิสมัย แม้นโปรดเกศ เมตตา ข้านี้ไซร้ ดังหยาดทิพย์ ชโลมใจ ให้เปรมปรีดิ์ - ร้องเพลงสามเส้า - เมื่อนั้น พระจอม ไกรลาส เรืองศรี สดับอรรถ ตรัสแถลง วาที แม้ประสงค์ ดังนี้ กัลยา จะอำ นวย ให้สม จำ นงจิต การแต่ เพียงนิด อย่ากังขา ผิว่าดาว เดือนนั้น หากพรรณนา จะมอบมิ่ง อุมา ดังพาที - ร้องเพลงตระนิมิต - ว่าพลาง ทางแปลง วรองค์ เป็นอนงค์ ดรุณรุ่ง รัศมี แสร้งเย้า อัครราช เทวี สำ เริง ฤดี ด้วยนงเยาว์ - ปี่พาทย์ทำ เพลงตระนิมิต รัว - - ร้องเพลงนาคบริพันธ์ - งามองค์ อิศเรศ นารี วรรูป อินทรีย์ ประหนึ่งเหลา โอษฐ์บรรจง ขนงเนตร พริ้งเพรา คมขำ รับเกศเกล้า เมาลี สังวาลนาค ธุรำ ประจำ องค์ สไบทรง ห่มสะพัก ปักกรองสี นุ่งภูษา เศวตพัสตร์ แก้วมณี งามสะอาง รูจี ทั่วสรรพางค์ - ร้องเพลงร่าย - บรรดาสัตว์ ที่เนา อาณาเขต ล้วนแปรเพศ อย่างศุลี มิขัดขวาง ธ ค่อย เลียบเรียง เข้าเคียงนาง โลมลูบ ปฤษฎางค์ พลางหยอกเอิน นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต ๒๑
๒๒ นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต -เพลงโอ้โลมสิงโตเจ้าเอย เจ้าพี่ จงปรานี ฟังความ อย่าขามเขิน จะพาเจ้า เล่นไพร ให้เพลิดเพลิน มามัวนั่ง สะเทิ้น แสร้งเมินไย นิมิตรูป สตรี ดังนี้แล้ว ยังคลับคล้าย ภรรดาแก้ว หรือไฉน ฤาเห็นงาม ผิดแผก แปลกตาไป จะชอบชม อย่างไร กัลยา - ร้องเพลงพราหมณ์ดีดน้ำ เต้า - พระเอยพระทรงลักษณ์ ช่างสรรคำ แหลมหลัก มาวอนว่า ศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิ์เทพ- มนตรา ให้ต้องจิต ติดอุรา น่ารักจริง ปรุงจริต ชะอ้อน แสนงอนงาม พิลาศราม สมสง่า มารยาหญิง แปลงเหมือน เพื่อนเล่น แสนเพราพริ้ง ทรงปรานี ข้าทุกสิ่ง ดังว่ามา - ร้องเพลงร่าย - ยอดเอย ยอดเยาวมิตร จะครอง ไมตรีจิต ขนิษฐา แล้วจูงกร น้องน้อย ค่อยลีลา เลือกประจง บุปผา กรองมาลัย - ร้องเพลงชมดงนอก - อิศรางค์ ทรงเด็ด ดอกมณฑา แซมเกศเกล้า อุมา พิสมัย สร้อยอิน ทนิลย้อย ลงคล้อยไม้ ชมพูไพร แก้วเกด เรียงราย พระเทวี ชี้ชม บุหรงล้อม ดุจจะขับ เพลงถนอม กล่อมถวาย หยอกเย้า แย้มสรวล สำ รวลสบาย ซาบสุคนธ์ ส่งกลิ่นอาย พระพายพา - ปี่พาทย์ทำ เพลงฉิ่ง - (อิลราชออกข้างเวทีประตูซ้าย ป้องหน้า) - ร้องเพลงร่าย - อิลราช รุกไล่ มฤคชาติ จนล่วงเข้า เขตนิวาส ที่เชิงผา ถิ่นกำ เนิด พระขันธะ กุมารา ราชา แปรเพศ ด้วยเวทพลัน - ปี่พาทย์ทำ เพลงรัว - (ท้าวอิลราชสลับเข้าโรง นางอิลาออกข้างฝั่งซ้าย)
- ร้องเพลงแขกไทร - กลายเป็น นางอิลา วรนาฏ แสนประหลาด ฉงนใจ ไม่เห็นขัน ดังสายฟ้า ฟาดอก พางกงัน สิ่งสำ คัญ รูปรอย พลอยแปรไป แล้วแลรอบ กายสกนธ์ ทุกหนถ้วน เห็นชไม มเหศวร เริงวิสัย ยิ่งประหม่า ตระหนก ตกพระทัย สุดแก้ไข ในเลศ เหตุการณ์ - ร้องเพลงแขกไทร ชั้นเดียวเมื่อนั้น พระทรงฤทธิ์ อิศรา มหาศาล ชำ เลืองเนตร เห็นอิลา ก็เดือดดาล พระทรงฌาน บริภาษ ตวาดไป เหม่อิลา อหังการ์ มาอุกอาจ ปรามาส เกียรติกู หรือไฉน ทำ รุกราน หาญกล้า ไม่เกรงใจ จึงสาสม สาปไว้ เจ้าอิลา - ร้องเพลงทองย่อนรวบ - อิลา ฟังคำ อิศเรศ ยิ่งประมูล พูนเทวษ เกรงโทษา น้อน้มศิระ งอนง้อ ขอขมา โปรดคลาย โกรธา อภัยทัณฑ์ เห็นพระ เป็นเจ้า เมินองค์ เคืองเคียด ธำ รง คำ สาปสรร ยิ่งกันแสง ซบหน้า ลงจาบัลย์ ดังชีวัน จะแยก แตกทำ ลาย - ปี่พาทย์ทำ เพลงโอด - - ร้องเพลงกล่อมนารี - เมื่อนั้น พระอุมา เพราเพริศ เฉิดฉาย เวทนา ปรานี อยู่มิวาย มากลับกลาย ดังนี้ เพราะมีกรรม เราจะช่วย ผ่อนผัน บรรเทาเหตุ ให้คลายเวท ชูชุบ อุปถัมภ์ ลงสักกึ่ง ครึ่งโทษา ที่กระทำ จงรับคำ เราพ้อง แม้นต้องการ - ร้องเพลงกาเรียนทอง - เมื่อนั้น นางอิลา กล่าวพร้อง สนองสาร ด้วยเดชพระ มเหศร พรประทาน ได้โปรดปราน ตามสัจ- วาจา ล่วงเดือน จะดาลเหตุ เพศสตรี พิลาศล้ำ ยุพดี ในแหล่งหล้า สลับเดือน ศุภลักษณ์ เป็นราชา คืนกายา บุรุษรูป ดำ รงตน นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต ๒๓
- ร้องเพลงกระบอกเงิน - พระอุมา เสริมพจน์ สุนทรพร คราบังอร แปรเพศ ให้เกิดผล จงฟั่นเฟือน เลือนลืม ในกมล ไม่รู้กิจ อนุสนธิ์ ภูบดี ขณะได้ คืนคง พระองค์จริง กิจแห่งหญิง ลืมสิ้น ในถิ่นที่ จงเป็นตาม ครรลอง ครองวิธี สมดังคำ เรานี้ ทุกสิ่งไป - ร้องเพลงร่าย - สิ้นเสียง เทวนาฎ ประสาทสรรค์ อิลาพลัน น้อมบังคม ประนมไหว้ นึกพรั่น หวั่นหวาด หฤทัย เป็นได้ ด้วยฤทธิ์ ประสิทธิ์การ - ปี่พาทย์ทำ เพลงรัว - (นางอิลาน้อมไหว้รับพรพระอุมา) (ปิดม่าน) ฉาก ๓ : โรงพิธีประกอบการอัศวเมธ (เปิดม่าน) - ปี่พาทย์ทำ เพลงเชื้อ - (พระอิลราชประทับนั่งเป็นประธานกลางโรงพิธี) (เสนาหมอบเฝ้า) - ร้องเพลงเชื้อ สองชั้น - เมื่อนั้น องค์พระ อิลราช สมัญขาน ประทับเหนือ แท่นรัตน์ พิมาน โรงพิธี เริ่มงาน บำ เรอกูณฑ์ เดิมครั้ง เป็นอิลา ทรงมีบุตร ด้วยพระพุธ ดาบส พรตสูญ ครั้นกลับเป็น ราชา ให้อาดูร เห็นประโยชน์ พ้องพูน แก่ประชา - ร้องเพลงเชื้อ ชั้นเดียว - พระกรรทม ให้ประกอบ กรณีย์ อัศวเมธ พิธี ศรีสง่า เป็นพลี แด่พระ อิศรา จะได้คืน กายา คงรูปเดิม ๒๔ นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต
- ร้องเพลงร่าย - จึงสั่ง เสนา เบิกม้าต้น ดำ สกนธ์ แรงศึก แสนหึกเหิม แต่งเครื่องแก้ว แวววับ ประดับเติม ก็อ่านเจิม ตำ รา มหามนตร์ (เสียงแตรสังข์ บทอ่านมนตร์ ทหารพักม้าไว้ด้านข้างโรง) - ร้องเพลงโศกตัด - อิลราช ทัศนา ดุรงค์เรือง ให้หม่นเคือง ตรอมฤทัย ในเหตุผล ธรรมดา กษัตริย์ย่อม ถนอมพล ทั้งม้าต้น ช้างแก้ว ทแกล้วทัพ ต่อเมื่อถึง คราวกรรม ทำ ไฉน จำ ต้องให้ เพื่อพลี พิธีสรรพ ครั้นได้ฤกษ์ ปล่อยม้าต้น พลบังคับ นายกำ กับ ยกออกหน้า พระลานชัย - ปี่พาทย์รับเพลงโศกตัด - (อิลราชปล่อยม้า) (ปิดม่าน) - ปี่พาทย์ทำ เพลงกราวนอก - (กองทหารรำ ตามกระบวนท่า) - ปี่พาทย์ทำ เพลงม้าวิ่ง - (นายกำ กับม้านำ ม้าอัศวเมธออก) (คนธงออก) (ม้าอัศวเมธรำ ตามกระบวน) - ร้องเพลงม้าย่องรวบ - งามยิ่งเสนีพลหิกา เป็นพยุหยาตราตามวิสัย งามสรรพล้อมรับมโนมัย ปราบข้าศึกกำ เริบใจได้พลัน พลพฤนท์เพียบพื้นธาตรี เอิกอุโฆษอึงมี่ทีขยัน กลั่นกล้าราวีตีประจัญ ติดกระชั้นจรดลดั้นด้นไป - ปี่พาทย์ทำ เพลงเชิด - (ทัพทหารและม้าอัศวเมธเข้าโรง) - จบการแสดง - นาฏกะกลอนนี้ฉันมีจิมี จิต ๒๕ ประพันธ์บท ตรวจแก้ไข บรรจุเพลง นักศึกษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ รุ่นที่ ๑๓ รศ.ดร.เสาวณิต วิงวอน อาจารย์ไชยยะ ทางมีศรี และ อาจารย์กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ
๒๖ นิรมิตมิเครื่อ รื่ งทรงศรี สุวสุรรณรัตรัน์ พัสตราภรณ์ ถนิมพิมพาภรณ์ เครื่องแต่งกาย (พัสตราภรณ์) ได้รับแรงบันดาลใจ จากภาพถ่ายโขน - ละคร โบราณช่วงสมัยรัชกาลที่ ๔-๕ ในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย เป็นการแต่งกายแบบ ยืนเครื่อง มีการสีสันในลักษณะที่ไม่ฉุดฉาด เน้นสีแบบ “ไทยโทน” ลวดลายของพัสตราภรณ์มีลักษณะเป็นลาย ดอกเล็กๆ ซึ่งเป็นลักษณะลวดลายของดอกไม้ปักด้วยวัสดุ ประเภท เลื่อม ดิ้น เป็นต้น เครื่องประดับ (ถนิมพิมมาภรณ์) ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องประดับ โขนบรรดาศักดิ์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งมีจัดศร้างขึ้นเป็นพิเศษ สั่งทำ จากยุโรป “ยุคตื่นเพชร” ซึ่งเป็นยุคที่ได้รับความนิยมมักนำ เพชร จากต่างประเทศเข้ามาประกอบเป็นเครื่องประดับในการแสดงโขน ละคร ซึ่งตรงกับทางศิลปะแบบตะวันตก ที่เรียกว่า “อาตเดโค” ART DECO ศิลปะแบบอาตเดโคเน้นความเรียบง่าย แต่สะดุดตาด้วยรูปทรง เรขาคณิต ศิราภรณ์ ได้แรงบันดาลใจจากศิราภรณ์ของเครื่องโขนบรรดาศักดิ์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งได้นำ ศิราภรณ์ที่มีลักษณะเป็นเครื่อง ประกอบเงิน เพื่อให้ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับเครื่องเพชรที่ตัวละคร สวมใส่ โดยจะใช้ลักษณะของศิราภรณ์ในยุคปัจจุบัน แต่มีสัดส่วน ปลายยอดที่ไม่สูงเกินไป มีความสมส่วน คล้ายคลึงกับศิราภรณ์ แบบโบราณ โดยนำ มาแปลงให้มีความคล้ายคลึงกับลักษณะของ ศิราภรณ์ในรูปโขน – ละคร เมื่อครั้งในรัชกาลที่ ๖ ศิราภรณ์
นิรมิตมิเครื่อ รื่ งทรงศรี สุวสุรรณรัตรัน์ ๒๗ ลักษณะการสวมมาลัยตัว ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพ โขนบรรดาศักดิ์ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นลักษณะ พระราชนิยม ที่ใช้ ในการแต่งกายโขนละครมีการนำ มาลัยตัวมาสวมให้กับตัวพระโขน และตัวพระละครในลักษณะคล้อง สะพายเฉียงบนลำ ตัวท่อนบน ทับเครื่องแต่งตัวอีกที การห่มสไบสะพักสองบ่า ลักษณะการห่มผ้าของตัวนางแบบสะพักสองบ่าลักษณะของผ้าห่มนางของ ตัวนาง ได้รับแรงบันดาลใจมากจากรูปท่ารำ แม่บทที่คุณครูเสงี่ยม นาวีเสถียร เป็นแม่แบบ ในรัชกาลที่ ๖ โดยมีการห่มผ้าห่มนางแบบสะพักสองบ่า สไบปัก ลายดอกไม้เล็กๆ และตรึงส่วนด้านหลังติดกัน ซึ่งเป็นลักษณะการห่มสไบของ ตัวละครนางอีกแบบ รูปแบบการแต่งกายที่ได้รับอิทธิพลเครื่อง ประดับจากยุโรป พบตั้งแต่ยุครัชกาลที่ ๕ ในคณะละครปรีดาลัย มักจะสวม Colar ลักษณะเป็นแผงเพชร ซึ่งจะเรียกกันใน ปัจจุบันว่า เพชรแถว การสวม Colar หรือปลอกคอ
๒๘ อนุชสถิตแดนใด รูปลักษณ์สตรีเพศของพระอิลราช เหตุจาก ทรงประพาสป่าล่าสัตว์ ด้วยคราวกรรม จึงหลงเข้าไป ในเขตมนต์ของพระอิศวร ทำ ให้ต้องคำ สาปกลายเป็น สตรีเพศ พระอิศวรไม่อภัยในความผิด จึงได้อ้อนวอน ต่อพระอุมา ทำ ให้พระอิลราชคงสภาวะบุรุษและสตรี สลับกันอย่างละหนึ่งเดือน เมื่อเป็นนางอิลา มีโอรสกับ พระพุธดาบส นามว่า ปุรุรพ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ บุตรของพระกรรทม ประชาบดีพรหมบุตร ครองนครพลหิกา แคว้นพลหิ มีพระบรมเดชานุภาพปราบได้ทั่วทั้งสิบทิศ ทรงเป็น ปิยกษัตริย์ของชาวนคร มีพระโอรสชื่อ สสพินทร์
นามสกุลกุไฉน เสนอเรียรีม ๒๙ พระอิศวรในรูปลักษณ์ของสตรีเพศ เมื่อทรงแปรสถานไปประทับอยู่ยังป่าเชิงเขา ไกรลาส จึงได้เนรมิตกายเพื่อหยอกล้อกัับ พระอุมา ชายาของพระอิศวร เป็นบุตรีของ เทพหิมวัต (ภูเขา) ทรงเป็นเทพมารดาของ สามโลก และมีจิตใจเมตตา ทำ หน้าที่ปกปักษ์ รักษาสรรพชีวิต มักประทานพรให้แก่ผู้ร้องขอ
ในภาควตปุราณะ นางอิลาเป็นธิดาคนแรกของ พระมนูไววัสวัต (สัตยพรต) โอรสพระอาทิตย์ เกิดจาก ยัญพิธีที่มีพระวสิษฐ์พรหมฤษีเป็นประธาน นางศรัทธา มเหสีพระสัตยพรตมาถึงก่อน ได้ขอธิดาจึงได้นางอิลา แต่พระสัตยพรตขอเปลี่ยนเพศให้บุตรเป็นชายได้ชื่อว่า สุทยุมนะ หรือ อิลราช วันหนึ่งอิลราชหลงไปในป่าสุกุมารวนา ใกล้เขา พระสุเมรุ ที่นั้นพระศิวะ(พระอิศวร) กำ ลังเล่นสนุกกับ พระอุมาโดยแปลงร่างเป็นสตรี ทำ ให้สรรพสิ่งในป่านั้น กลายเป็นเพศหญิงไปหมด รวมทั้งตัวเจ้าชายสุทยุมนะ ซึ่งกลับเป็นนางอิลา เมื่อเข้าไปขอโทษพระศิวะก็ไม่ทรง โปรด ส่วนพระอุมาผ่อนโทษ ด้วยการให้กลายเป็นหญิง ครึ่งเดือน อีกครึ่งเดือนให้กลายเป็นชาย ในช่วงที่เป็น ชายหรือหญิง ก็จะจำ เหตุการณ์เมื่อกลายเป็นอีกฝ่าย ไม่ได้ ต่อมาพระสัตยพรตต้องบำ เพ็ญตบะอีก ๑๐๐ ปี ได้ขอโอรสจากพระวิษณุจึงมีโอรสอีก ๑๐ องค์ องค์โต คือ อิกษวากุ ซึ่งเป็นต้นสุริยวงศ์ อิกษวากุนับเป็น อนุชาของนางอิลา ธิดาสายสุริยวงศ์ที่เป็นแม่ของฝั่ง จันทรวงศ์ (เพราะอิลาเป็นชายาพระพุธ โอรสแห่ง พระจันทร์และมีโอรสกับพระพุธชื่อปุรุรพปฐมกษัตริย์ ของจันทรวงศ์) ที่มา: ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ. “สุริยวงศ์-จันทรวงศ์ สร้างวงศ์วานที่สืบเชื้อสายเทพเจ้าในอุษาคเนย์.” https://www.matichonweekly.com/column/article_๕๑๘ ๒๒๐, เข้าถึงเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖. ใช่ปช่ราญช์อช์าจปรับรั ปรุงสาร ๓๐
พระยาสัจจาภิรมย์ (สรวง ศรีเพ็ญ) เล่าไว้ในหนังสือ เทวกำ เนิดว่า พิธีอัศวเมธทำ ได้แต่เฉพาะผู้เป็นราชาธิบดี จุดมุ่งหมายเพื่อขอพรพระผู้เป็นเจ้า สมัยโบราณนิยมว่าเป็นพิธีสำ หรับขอบุตร ต่อมาในภายหลังถือว่า เป็นพิธีแผ่ อำ นาจ แรกเริ่มพิธีต้องกระทำ การบูชาไฟ (อัคนิษโฏม) และสมโภชม้าสำ คัญ แล้วก็ปล่อยม้าเที่ยวไปตามชอบใจ มีกองทัพตามไปด้วย ที่มา: สัจจาภิรมย์, พระยา. เทวกำ เนิด. พระนคร: โรงพิมพ์อักษร สาสน์, ๒๕๐๒. อนุสรณ์ในงานพระราชทาน เพลิงศพพระยาสัจจา ภิรมย์อุดมราชภักดี (สรวง ศรีเพ็ญ)ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๒. ๓๑ ใช่ปช่ราญช์อช์าจปรับรั ปรุงสาร เมื่อผ่านเข้าไปในแว่นแคว้นใด ถ้าผู้ครองแคว้น นั้นยอมอ่อนน้อม ก็ต้องรับรองม้าด้วยความ เคารพ ถ้าไม่ยอมก็ต้องรบกับกองทัพที่ตามไป กับม้านั้น เมื่อครบ ๑ ปี โดยไม่มีอุปสรรคใดก็ นำ ม้านั้นกลับมาสมโภชแล้วฆ่าบูชายัญด้วยไฟ โดยปกติผู้ฆ่าม้าจะเป็นพระมเหสี ม้าที่ใช้ในการ ประกอบพิธีอัศวเมธต้องใช้ม้าที่ดี ส่วนมากจะ เป็นม้าทรงของพระราชา และเรียกม้าเช่นนี้ว่า ม้าอุปการ ในบท เรื่อง อิลราชคำ ฉันท์ กล่าวว่า ม้าอัศวเมธเป็นม้าสีดำ เมื่อฆ่าม้าแล้วแล่เนื้อ นำ เครื่องในย่างไฟถวายพระอิศวร
ข้าข้บาทรังรัรจนานิทานอิลทูลทู " ข้าพเจ้าจึงถือเอาโอกาสเพื่อพื่แนะนำ หลวงสารประเสริฐริ ให้แห้ต่งหนังนัสือสือะไรอันหนึ่งนึ่ซึ่งซึ่จะได้มีชื่มีชื่อชื่เสียสีงสืบสื ไปว่าเปน จินตกวีผู้หผู้ นึ่งนึ่ซึ่งซึ่มิไมิด้เปนผู้ช่ผู้ วช่ยทำ ให้ภห้าษาไทยเสื่อสื่มทราม ข้าพเจ้าขอให้พห้ยายามแต่งหนังนัสือสืขึ้น เพื่อพื่ ให้ปห้รากฎต่อไป ในพงษาวดารว่าในรัชรักาลพระมงกุฎกุเกล้าก็ยังยัมีจิมีจินตกะวีอยู่ หลวงสารประเสริฐริก็รับรั ปากไว้ " พระบาทสมเด็จพระมงกุฎกุเกล้าเจ้าอยู่หัยู่วหั คำ นำ พระราชนิพนินธ์อิธ์ อิลราชคำ ฉันฉัท์ ๓๒
นางสาวยลรดี ครุษธา นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชานาฏศิลป์ (ละครพระ) Email : [email protected] นางสาวบุปผาหทัย คำ น้อย นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชานาฏศิลป์ (ละครพระ) Email : [email protected] นางสาวชนิตา แซ่ลิ้ม นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชานาฏศิลป์ (ละครพระ) Email : [email protected] นายเกื้อกูล คุมมานนท์ นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชานาฏศิลป์ (โขนพระ) Email : [email protected] นางสาวนราวรรณ เต่าทอง นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชานาฏศิลป์ (ละครนาง) Email : [email protected] นายอิสรชัย พรหมเสน นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชานาฏศิลป์ (โขนพระ) Email : gameitsarachai3702 @gmail.com นางสาวเพชรทับทิม ปุราทะกา นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชานาฏศิลป์ (ละครพระ) Email : [email protected]
สุรพงศ์ จตุพร พงษ์พิพัฒน์ วรวิทย์ ศุภโชค ฐาปณัฐ พระอิลราช นางอิลา พระอิศวร พระอุมา พระอิศวรแปลง ม้าพระอิลราช เสนาพระอิลราช เกื้อกูล อาทิตยา โกวิท ศุภาพิชญ์ เพชรทับทิม กิตติพภัสน์ สันติสุข ธเนศ ธนกร ปิยกรณ์ ดนุพล ไตรภพ สันติภาพ พลพล คุมมานนท์ นาคปลื้ม ชะเอม จันทร ปุราทะกา เขียนโคกกวด โรหิตาจล ดำ นิล พรวัฒนาศิลป์ ข้าวสามรวง ยอดประเสริฐสุด ธรรมเที่ยง สุขใย แจ้งไพร สมคะเน เปี่ยมสุข มีขวัญ ไมนา ไกยะลาด เชื้อวังคำ อาชวิน กัญจนปกรณ์ วันเฉลิม สุภางค์พักตร์ กานต์สิณี วันเพ็ญ ลิมปิสวัสดิ์ แสดงหาญ ปู่ซึ้ง แก้วกระหนก สังเวียนทอง จิตตรง
อำ นวยการดำ เนินงาน และฝึกซ้อมการแสดง ประธาน รองประธาน ผู้กำ กับการแสดง ควบคุมฉาก - เวที ควบคุมไฟการแสดง ควบคุมเครื่องแต่งกาย สวัสดิการ ประสานงาน พิธีกร วิทยากรเสวนา เหรัญญิก สูจิบัตร ประชาสัมพันธ์ เอกสาร-แบบสอบถาม รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขสันติ แวงวรรณ เพชรทับทิม ปุราทะกา บุปผาหทัย คำ น้อย อิสรชัย พรหมเสน นราวรรณ เต่าทอง ชนิตา แซ่ลิ้ม ยลรดี ครุษธา อิสรชัย พรหมเสน นราวรรณ เต่าทอง ยลรดี ครุษธา บุปผาหทัย คำ น้อย ชนิตา แซ่ลิ้ม อิสรชัย พรหมชัย บุปผาหทัย คำ น้อย ชนิตา แซ่ลิ้ม เพชรทับทิม ปุราทะกา เกื้อกูล คุมมานนท์ ยลรดี ครุษธา
รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ อาจารย์ประจำ รายวิชา ภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขสันติ แวงวรรณ อาจารย์ประจำ รายวิชา ภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ ครูรัตติยะ วิกสิตพงษ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) พุทธศักราช 2560 ครูอัจฉรา สุภาไชยกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์(ละครนาง) รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวณิตณิวิงวิวอน ข้าข้ราชการบำ นาญมหาวิทวิยาลัยลัเกษตรศาสตร์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวรรณคดีไทย ครูไชยยะ ทางมีศรี ข้าราชการบำ นาญ ผู้เชี่ยวชาญดุริยางคศิลป์ไทย สำ นักการสังคีต กรมศิลปากร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัควิทย์ เรืองรอง อาจารย์ประจำ รายวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ครูอรูงอาด อยู่โยู่ พธิ์ อดีตดีผู้อำผู้ อำนวยการ โรงละครแห่งห่ชาติ อาจารย์พิเศษ สอนเรื่องการให้แสง สีบนเวที สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ อาจารย์ ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ คณะกรรมการ ธนโชติ เกียรติณภัทร อาจารย์ประจำ ภาควิชาภาษาไทยและ ภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำ แหง วิทยากรพิเศษ
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ดร.นิภา โสภาสัมฤทธิ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พหลยุทธ กนิษฐบุตร รองอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สาริศา ประทีปช่วง ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กำ กับดูแลโครงการบัณฑิตศึกษา รองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา สายทองคำ คณบดีคณะศิลปนาฏดุริยางค์ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ อาจารย์ประจำ รายวิชา ภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขสันติ แวงวรรณ อาจารย์ประจำ รายวิชา ภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ ครูอัจฉรา สุภาไชยกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ละครนาง) ครูอัจฉรา จันที ครูชำ นาญการพิเศษ วิทยาลัยนาฏศิลป ครูไชยยะ ทางมีศรี ผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทย สำ นักการสังคีต กรมศิลปากร ครูกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ ข้าราชการอาวุโส กลุ่มคีตศิลป์ไทย สำ นักการสังคีต กรมศิลปากร คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม โครงการบัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม หอวชิราวุธานุสรณ์ สำ นักหอสมุดแห่งชาติ ห้องเครื่องแต่งกาย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เครื่องแต่งกาย ห้องเสื้อพัชราวดี กฤตธรรม ขาวประดิษฐ์ เทคนิคแสง สี เวที ชัยสิทธิ์ จารุวรรณ ฝ่ายเทคนิคเสียง พลอยไพลิน ปุราทะกา ผู้สนับสนุนข้อมูลและออกแบบสูจิบัตร ผู้ให้ความอนุเคราะห์และผู้ให้ความสนับสนุนทุกท่าน
การเสวนา และนำ เสนอผลงานสร้า ร้ งสรรค์ ละครรำ เรื่อ รื่ ง อ.ธนโชติ เกียรติณภัทร อาจารย์ประจำ ภาควิชาภาษาไทย และภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำ แหง นางสาวชนิตา แซ่ลิ้ม นายอิสรชัย พรหมเสน นักศึกษาหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รายวิชาภูมิปัญญานาฏประดิษฐ์ หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ (รุ่นที่ ๑๓) โครงการบัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ปฏิบัติการสอนโดย รศ.ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์, ผศ.ดร.สุขสันติ แวงวรรณ ลงทะเบียบีนร่วร่มงาน วัวัวันวัพุพุพุธพุที่ที่ ที่ที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็ป็ป็นป็ ต้ต้ต้นต้ ไป ณ ห้ห้ห้อห้งประชุชุชุมชุศรีรีรีอรียุยุยุธยุยา หอวชิชิชิรชิาวุวุวุธวุานุนุนุสนุรณ์ณ์ณ์ณ์ ตามแนวนาฏยจารีต (ละครนอกแบบหลวง) เชิชิญชิชิ ชมฟรีรีรีรี
STORY OF ILAN - ILA LITERATURE IN THE REIGN OF KING RAMA VI อิลราช การเสวนาและนำ เสนอผลงานสร้าร้งสรรค์ รายวิชวิาภูมิภูปัมิญปัญานาฏยประดิษฐ์ รูปแบบนาฏยจารีตรีตามแนวละครนอกแบบหลวง โครงการบัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ รุ่นรุ่ 13 Graduate School Bunditpattanasilpa Institule หอวชิราวุธานุสรณ์ สำ นักหอสมุดแห่งชาติ