The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by damrongritchinachai, 2022-01-30 23:46:38

รายงานตะกร้อ

รายงานตะกร้อ

รายงาน

เร่ือง กีฬาตะกรอ้

จัดทาโดย

นาย ดารงค์ฤทธิ์ จิณะไชย
รหัสนักศึกษา 62151542

เสนอ

อาจารย์ สุรศกั ด์ิ สิงหส์ า

รายงานน้ีเปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ าตะกรอ้ (PE3208-62)
คณะ ครุศาสตร์ สาขาพลศกึ ษาและนนั ทนาการ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564

มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชยี งใหม่



คานา

รายงานเลม่ น้ี เปน็ ส่วนหน่ึงของรายวิชาตะกร้อ(PE3208) เพอ่ื ให้นักศกึ ษาไดศ้ กึ ษาค้นคว้าเกี่ยวกับ
ประวัติความเป็นมาของกีฬาตะกร้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังรวมไปถึงทักษะการเล่น กีฬา
ตะกร้อ กฎกติกามารยาท เพ่ือให้นักศึกษาเกิดการเรียนรูปในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น นักศึกษา สามารถ
ปฏิบัติทักษะ การเล่นตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านในได้ เป็นต้น ผู้จัดทารายงานเล่มนี้ หวังเป็นอย่างย่ิงว่า
รายงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ที่กาลังศึกษาหา ข้อมูลในเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อเสนอแนะหรือ
ข้อผิดพลาดประการใด ผ้จู ัดทาขอ้ นอ้ มรับไวแ้ ละขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ผู้จดั ทา
นาย ดารงค์ฤทธ์ิ จณิ ะไชย



สารบญั

เรื่อง หนา้
คานา ก
สารบัญ ข
ประวตั คิ วามเป็นมาของกีฬาตะกรอ้
1
ประวัติกีฬาตะกรอ้ 2
ประวตั ิในประเทศไทย 3
ประวัตสิ มาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย
ทักษะพื้นฐานกฬี าตะกร้อ 4
การเล่นลกู ตะกรอ้ ดว้ ยหลังเท้า 4
การเลน่ ลูกตะกร้อด้วยหนา้ ขา 5
การเล่นลูกตะกร้อด้วยศรี ษะ 5
การเลน่ ตะกรอ้ ด้วยข้างเท้าด้านใน
กตกิ าเซปักตะกร้อ 6
ขอ้ ที่ 1. สนามแขง่ ขนั ( THE COURT ) 7
ขอ้ ที่ 2. เสา ( THE POSTS ) 7
ขอ้ ท่ี 3. ตาข่าย ( THE NET ) 8
ข้อท่ี 4 ลกู ตะกร้อ ( THE SEPAKTRAKRAW BALL’ ) 8
ข้อท่ี 5 ผเู้ ลน่ ( THE PLAYERS ) 9
ข้อท่ี 6. เครอ่ื งแต่งกายของผูเ้ ลน่ ( PLAYER ATTIRE) 9
ข้อที่ 7. การเปลี่ยนตัวผู้เล่น ( SUBSTITUTION ) 10
ข้อที่ 8 เจ้าหนา้ ท่ี ( OFFICIALS ) 10
ข้อที่ 9. การเส่ียงและการอบอนุ่ รา่ งกาย ( THE COIN TOSS AND WARM UP ) 11
ขอ้ ที่ 10. ตาแหน่งของผู้เลน่ ระหว่างการสง่ ลกู ( OSITION OF PLAYERS DURING SERVICE ) 11
ขอ้ ท่ี 11. การเร่ิมเล่นและการส่งลูก ( THE START OF PLAY AND SERVICE ) 12
ขอ้ ท่ี 12. การผิดกติกา ( FAULTS ) 13
ขอ้ ที่ 13. การนบั คะแนน ( SCORING SYSTEM ) 13
ข้อท่ี 14. การขอเวลานอก ( TIME OUT ) 13
ข้อที่ 15. อบุ ัตเิ หตแุ ละการหยดุ การแข่งขนั ( TEMPORARY SUSPENSION OF PLAY ) 14
ขอ้ ท่ี 16. วินยั และมารยาทในการแขง่ ขนั ( DISCIPLINE ) 14
ข้อที่ 17. ความผิดและบทลงโทษ ( PENALTY ) 15
ข้อที่ 18. ความผดิ ขอเจ้าหน้าทที่ มี ( MISCONDCT OF OFFICIALS ) 15
ขอ้ ท่ี 19. บทท่วั ไป ( GENERAL ) 16
มารยาทในการเล่นตะกรอ้ และผู้ชมทีด่ ี 17
บรรณานุกรม

1

ประวตั คิ วามเปน็ มาของกีฬาตะกรอ้

ประวตั ิกีฬาตะกรอ้
ในการคน้ ควา้ หาหลกั ฐานเกยี่ วกับแหลง่ กาเนดิ การกฬี าตะกร้อในอดตี น้ัน ยังไมส่ ามารถหาข้อสรปุ

ได้อย่างชัดเจนวา่ กีฬาตะกร้อนั้นกาเนิดจากที่ใด จากการสันนษิ ฐานคงจะได้หลายเหตุผลดงั นี้
ประเทศพม่า เม่ือประมาณ พ.ศ. 2310 พมา่ มาต้งั ค่ายอยูท่ โี่ พธิส์ ามตน้ กเ็ ลยเล่นกีฬาตะกร้อกนั

ซึ่งทางพมา่ เรยี กว่า “ชิงลง”
ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเปน็ กีฬาของประเทศมาลายเู ดิมเรยี กว่า ซปี ักรากา (Sepak

Raga) คาวา่ Raga หมายถึง ตะกรา้
ทางฟิลิปปนิ ส์ ก็นยิ มเล่นกนั มานานแล้วแตเ่ รียกว่า Sipak
ทางประเทศจนี กม็ ีกีฬาทีค่ ลา้ ยกีฬาตะกร้อแตเ่ ปน็ การเตะตะกร้อชนดิ ท่ีเปน็ ลูกหนังปักขนไก่ ซง่ึ จะ

ศกึ ษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจนี กวางตุ้งทีเ่ ดินทางไปตั้งรกรากในอเมรกิ าได้นาการเลน่
ตะกร้อขนไก่นี้ไปเผยแพร่ แตเ่ รยี กวา่ เตกโก (Tek K’au) ซงึ่ หมายถงึ การเตะลูกขนไก่

ประเทศเกาหลี กม็ ีลักษณะคลา้ ยกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกตา่ งไป คือใชด้ นิ เหนยี ว
ห่อด้วยผา้ สาลเี อาหางไก่ฟ้าปัก

ประเทศไทยก็นิยมเล่นกฬี าตะกร้อมายาวนาน และประยกุ ต์จนเขา้ กบั ประเพณขี องชนชาตไิ ทย
อยา่ งกลมกลนื และสวยงามทั้งด้านทักษะและความคดิ

2

ประวตั ิในประเทศไทย

ในสมัยโบราณน้ันประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทาความผิด โดยการนาเอา
นกั โทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆท่ีสานด้วยหวายให้ช้างเตะ แตส่ ่ิงทีช่ ่วยสนับสนุนประวัติของตะกรอ้ ได้ดี คือ ใน
พระราชนิพนธ์เร่ืองอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเร่ืองมีบางตอนท่ีกล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระ
อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซ่ึงเขียนเรื่องรามเกียรต์ิ ก็มีภาพการเล่นตะกรอ้ แสดงไว้ให้อนุชนรนุ่ หลัง
ได้รับรู้โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเรา
อุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนาเอาหวายมาสานเป็นส่ิงของเคร่ืองใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย
อีกท้ังประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกรอ้ ลอดหว่ ง ตะกร้อชิง
ธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซ่ึงการเล่นตะกร้อของประเทศอ่ืนๆน้ันมีการเล่นไม่หลายแบบ
หลายวิธีเช่นของไทยเรา การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเน่ืองมาตามลาดับทั้งด้านรูปแบบและ
วัตถุดิบในการทาจากสมยั แรกเปน็ ผ้า , หนงั สตั ว์ , หวาย , จนถงึ ประเภทสงั เคราะห์ ( พลาสติก )

ความหมาย
คาว่าตะกรอ้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ สถาน พ . ศ . 2525 ได้ใหค้ าจากัดความเอาไว้วา่

ลกู กลมสานดว้ ยหวายเปน็ ตา สาหรับเตะ

ววิ ัฒนาการการเลน่
การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการช่วยกัน

เตะลูกไม่ให้ตกถึงพ้ืนต่อมาเม่ือเกิดความชานาญและหลีกหนีความจาเจ ก็คงมีการเริ่มเล่นด้วยศีรษะ เข่า
ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลาดับ จากนั้นก็ตกลงวางกติกาการเล่นโดย
เอื้ออานวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ แต่คงมีความ
ใกลเ้ คยี งกนั มากพอสมควร
ตะกร้อมมี ากมายหลายประเภท เช่น
– ตะกร้อข้ามตาขา่ ย – ตะกร้อลอดบ่วง – ตะกรอ้ พลกิ แพลงเป็นตน้
เมอื่ มีการวางกติกาและทา่ ทางในการเล่นอย่างลงตัวแลว้ ก็เร่ิมมีการแขง่ ขันกันเกิดขน้ึ ในประเทศไทยตาม
ประวตั ิของการกีฬาตะกร้อต้งั แต่อดตี ที่ไดบ้ ันทึกไว้ดงั น้ี
พ . ศ . 2472 กีฬาตะกรอ้ เริ่มมีการแข่งขันคร้ังแรกภายในสมาคมกฬี าสยาม
พ . ศ . 2476 สมาคมกีฬาสยามประชุมจัดรา่ งกติกาในการแขง่ ขนั กฬี าตะกร้อขา้ มตาขา่ ยและเปิดใหม้ ีการ
แขง่ ขนั ในประเภทประชาชนขึ้นเป็นครง้ั แรก
พ . ศ . 2479 ทางการศึกษาไดม้ ีการเผยแพรจ่ ดั ฝึกทักษะในโรงเรียนมัธยมชายและเปิดใหม้ แี ข่งขนั ด้วย
พ . ศ . 2480 ไดม้ ีการประชมุ จดั ทาแก้ไขรา่ งกฎระเบยี บให้สมบูรณ์ขึน้ โดยอย่ใู นความควบคุมดูแลของ
เจ้าพระยาจนิ ดารกั ษ์ และกรมพลศึกษาก็ได้ออกประกาศรับรองอย่างเปน็ ทางการ
พ . ศ . 2502 มกี ารจัดการแข่งขนั กีฬาแหลมทอง คร้ังท่ี 1 ขึ้นที่กรงุ เทพฯ มีการเชิญนักตะกร้อชาวพมา่ มา
แสดงความสามารถในการเล่นตะกร้อพลิกแพลง
พ . ศ . 2504 กีฬาแหลมทองครัง้ ที่ 2 ประเทศพม่าได้รบั เกียรตใิ ห้เปน็ เจ้าภาพในการแข่งขัน นักตะกร้อ
ของไทยก็ได้ไปรว่ มแสดงโชวก์ ารเตะตะกร้อแบบพลิกแพลงด้วย

3

พ . ศ . 2508 กีฬาแหลมทองคร้ังท่ี 3 จัดข้ึนทป่ี ระเทศมาเลเซยี ได้มีการบรรจุการเตะตะกรอ้ 3 ประเภท
เขา้ ไวใ้ นการแขง่ ขันดว้ ยก็คอื
– ตะกร้อวง – ตะกร้อขา้ มตาข่าย – ตะกร้อลอดบ่วง
อกี ท้ังมีการจัดประชมุ วางแนวทางดา้ นกติกาท้ังภาษาไทยและภาษาองั กฤษเพือ่ สะดวกในการเลน่ และการ
เขา้ ใจของผชู้ มในสว่ นรวมอีกด้วย

พอเสร็จสิ้นกีฬาแหลมทองครั้งท่ี 3 กีฬาตะกร้อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก บทบาทของ
ประเทศ มาเลเซียก็เร่ิมมีมากข้ึน จากการได้เข้าร่วมในการประชุมตั้งกฎกติกากีฬาตะกร้อประเภทข้ามตา
ข่าย หรือท่ีเรียกว่า ” เซปักตะกร้อ ” และส่งผลให้กีฬาตะกร้อข้ามตาข่าย ได้รับการบรรจุเข้าในการ
แขง่ ขันกฬี าแหลมทองครงั้ ท่ี 4 จนถึงปจั จบุ ัน

ประวัติสมาคมตะกรอ้ แหง่ ประเทศไทย

เม่ือปี พ.ศ. 2524 คณะกรรมการบริหารสมาคมกฬี าไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์ ได้มีมติและอนุมัติ
ให้ พ.อ.(พิเศษ) เดชา กุลบุตร ขณะท่ีท่านเป็นเลขาธิการสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และ
กรรมการบริหารสมาคมกีฬาไทยกลุ่มหน่ึง ไปก่อตั้งและขอจดทะเบียนตั้งสมาคมขึ้นมาอีก 1 สมาคม เพื่อ
บริหารกิจกรรมกีฬาตะกร้อโดยเฉพาะ ใช้ช่ือว่า สมาคมตะกรอ้ โดยทาการย่ืนขอจดทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ.
2524 ในขณะที่กาลังดาเนินการจดทะเบียน ทป่ี ระชุมได้มีมติให้ พ.อ.(พิเศษ) เดชา กลุ บุตร รักษาการเป็น
นายกสมาคมตะกร้อ โดยมีนายนพชัย วุฒิกมลชัย ผู้ทาหน้าที่เป็นเลขาธิการสมาคมฯ ต่อมาเม่ือวันท่ี 17
เมษายน 2526 สมาคมได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสมาคม ตามเลขท่ีอนุญาต ที่ ต.204/2526 เลขคาขอที่
204/2526 โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือ
1. เปน็ การสง่ เสริมความสัมพันธ์ไมตรรี ะหวา่ งประเทศให้ดียง่ิ ขึ้น
2. เป็นการสง่ เสริม และสนับสนนุ กฬี าตะกร้อใหแ้ พร่หลายย่ิงข้นึ
3. จัดการแข่งขันภายในประเทศ และนอกประเทศ
4. เผยแพรใ่ หเ้ ยาวชน สถาบนั การศกึ ษา โรงเรยี น และรฐั วสิ าหกิจ ให้มีการแข่งขนั มากขึ้น
5. จัดใหม้ ีการควบคุมให้อยู่ในขอบข่าย และจัดให้มกี ารแขง่ ขนั ในระดบั ต่างๆ มากยง่ิ ขึน้
6. ตงั้ ศนู ย์อบรม เผยแพรใ่ ห้แก่เยาวชน และประชาชนทว่ั ไป
7. ไมเ่ ก่ียวข้องกับการเมือง
มีทตี่ ัง้ สานกั งานแหง่ ใหญ่ ณ เลขที่ 179 ซอยเจรญิ พร ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท
กรงุ เทพมหานคร

ต่อมาเมอื่ วันที่ 20 สิงหาคม 2526 พ.อ.(พเิ ศษ) เดชา กุลบุตร และคณะกรรมการบรหิ าร (ชุด
รักษาการ) และสโมสรสมาชิกในขณะนัน้ ได้มีการประชุมใหญส่ ามญั โดยมีวาระทส่ี าคญั คือให้มีการ
เลอื กตัง้ คณะกรรมการบรหิ ารชดุ ใหม่ เม่อื ถึงวาระสาคัญ พ.อ.(พิเศษ) เดชา กลุ บุตร ทา่ นไดแ้ จง้ ใหท้ ่ี
ประชุมทราบว่า ท่านภูมใิ จในการที่ได้รว่ มกนั ก่อตงั้ สมาคมฯนข้ี นึ้ มา แต่ขณะนี้ท่านได้ชรามากแล้ว จงึ เหน็
ควรทีจ่ ะมอบหมายหรือเลือกตงั้ บคุ คลอ่นื มาทาหนา้ ท่แี ทนทา่ น และทา่ นไดเ้ ปน็ ผู้เสนอชือ่ พ.อ. จารึก อารี
ราชการณั ย์ (ยศในขณะนนั้ ) เป็นนายกสมาคมฯ ด้วยตวั ทา่ นเอง ทป่ี ระชมุ ไม่มผี ใู้ ดคัดคา้ นเห็นชอบตาม
เสนอ พ.อ. จารกึ อารรี าชการัณย์ จงึ ไดร้ ับตาแหน่งนายกสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย มาต้งั แตบ่ ดั นัน้
จนถงึ ปัจจบุ ัน

4

ทกั ษะพ้นื ฐานกีฬาตะกรอ้

การเลน่ ลูกตะกรอ้ ดว้ ยหลังเท้า
หลังเท้าเป็นอวยั วะท่ีสามารถบังคับทิศทางตะกรอ้ ไดย้ าก แต่เป็นพน้ื ฐานที่สาคัญของผเู้ ลน่ ท่ี

สาคัญในตาแหน่งหน้าทา ลกู ตะกร้อหน้าตาข่าย และผู้เล่นตาแหน่งหลังที่เสิรฟ์ ดว้ ยเท้า
วธิ ีปฏิบตั ิ

1. ยนื อยูใ่ นท่าเตรียมพรอ้ ม
2. ย่ืนเทา้ ทจี่ ะใชแ้ ตะลกู ตะกร้อออกมาด้านใน โดยลูกตะกร้อสูงพอประมาณและอยดู่ า้ นหน้าให้
ลกู ตะกร้อกระทบหลังเทา้ บรเิ วณโคน นว้ิ และใหง้ ุ้มปลายเท้าดว้ ยขณะแตะลูกตะกร้อ

การเล่นลูกตะกร้อดว้ ยหนา้ ขา
สว่ นมากใช้ในโอกาสตั้งลกู ตะกร้อให้เพอ่ื นและเปดิ ลูกตะกร้อจาการเสริ ฟ์ หนา้ ขาเปน็ บรเิ วณ

ท่มี พี น้ื ท่ีในการใชก้ ระทบลูกตะกร้อมากทส่ี ุดของอวัยวะที่ ใชเ้ ลน่ ลกู ตะกร้อ
วธิ ปี ฏิบัติ

1. ยืนอย่ใู นทา่ เตรยี มพร้อม
2. ก้าวเท้าที่ไม่ได้เล่นลกู ตะกร้อไปขา้ งหน้า และยกเท้าที่จะเล่นลูกตะกร้อทีก่ าลังเข้ามาใกล้ตัว
โดยใช้บริเวณหน้าขาเหนือ ประมาณ 1 ฝ่ามือ กระทบลูกตะกร้อ โดยใช้หน้าขากระทบลูกตะกร้อให้ลอย
ข้นึ มา ใหห้ วั เขา่ ทามมุ กับพืน้ มากกว่า 45 องศา

5

การเลน่ ลกู ตะกรอ้ ด้วยศีรษะ
สว่ นมากใชใ้ นโอกาสลกู ตะกรอ้ ลอยขึน้ มาเหนือศรี ษะ

วธิ ีปฏบิ ัติ
1. ยนื ในท่าเตรียมพรอ้ ม
2. ก้าวเท้าที่ไม่ถนัดเข้าหาลูกตะกร้อ ยอ่ เข่าเล็กน้อย เมอื่ ลูกลอยมาต่าในระยะท่จี ะใชศ้ ีรษะเล่น

ได้ให้สปริงข้อเท้า เหยียดลาตัวและขาสองข้างข้ึนพร้อมกับยืดศีรษะไปกระทบลูกตะกร้อให้ลูกตะกร้อ
กระทบกบั ศีรษะบรเิ วณตนี ผมทห่ี น้าผาก

การเล่นตะกรอ้ ดว้ ยขา้ งเท้าด้านใน
ข้ันตอนการฝึกการเลน่ ตะกรอ้ ดว้ ยขา้ งเทา้ ด้านใน

1. ผ้เู ลน่ เตรยี มรับลกู ท่ลี อยมา โดยยืนทรงตัวแยกขาท้ังสองขา้ งย่อตวั ลงเลก็ น้อยตามองตรงไป
ยงั ลกู ตะกรอ้ ยกเท้าท่จี ะเตะใหข้ า้ งเทา้ ด้านในขนานกบั พ้ืนแลว้ เตะลูกเป็นแนวตรงและเอนตัว ไป
ด้านหลงั

2. เมอื่ ลูกท่เี ตะลอยขึ้น ผเู้ ลน่ ย่อเข่าข้างที่ไมไ่ ดเ้ ตะ ใหเ้ ทา้ ทจี่ ะใชเ้ ตะอยดู่ า้ นหลงั เหวยี่ งเทา้ ข้าง
ท่จี ะเตะสัมผสั ลกู ดว้ ยข้างเท้าด้านในเพื่อส่งลกู ไปตามทศิ ทางท่ีต้องการ

6

กติกาเซปกั ตะกรอ้

ข้อท่ี 1. สนามแข่งขัน ( THE COURT )

1.1 พื้นท่ีของสนามมีความยาว 13.40 เมตร และกว้าง 6.10 เมตร จะต้องไม่มีสิง่ กีดขวางใดๆ เม่ือวัดจาก
พ้นื สนามสงู ข้ึนไป 8 เมตร (พนื้ สนามไมค่ วรเปน็ สนามหญ้าหรือสนามทราย)

1.2 เส้นสนาม ขนาดของเสน้ สนามทุกเส้นท่ีเป็นขอบเขตของสนามตอ้ งไม่กว้างกว่า 4 เซนติเมตร ให้ตีเส้น
จากกรอบนอกเขา้ มาในสนามและถือเป็นส่วนของพื้นท่ีสนามแขง่ ด้วย เส้นเขตสนามทุกเส้นต้องหา่ งจากส่ิง
กีดขวางอย่างน้อย 3 เมตร

1.3 เสน้ กลาง มีขนาดกว้างของเส้น 2 เซนตเิ มตร โดยจะแบ่งพืน้ ทีข่ องสนามออกเป็นดา้ นซา้ ยและดา้ นขวา
เท่าๆกัน

1.4 เส้นเส้ียววงกลม ที่มุมสนามของแต่ละด้านตรงเส้นกลางให้จุดศูนย์กลางอยู่ทีก่ ึ่งกลางของเส้นกลางตัด
กับขอบด้านในของเส้นข้างเขียนเส้นเส้ียววงกลมท้ังสอง ด้านรัศมี 90 เมตร ให้ตีเส้นขนาดความกว้าง 4
เซนตเิ มตร นอกเขตรศั มี 90 เซนติเมตร

1.4 เส้นเสี้ยววงกลม ทีม่ มุ ของสนามของแต่ละดา้ นตรงเส้นกลางใหจ้ ุดศูนย์กลางอยู่ที่กง่ กลางของเส้นกลาง
ตัดกบั ขอบด้านในของเส้นขา้ ง เขียนเส้นเสยี้ ววงกลมทง้ั สองด้านรัศมี 90 เซนติเมตร ให้ตีเส้นนขนาดความ
กว้าง 4 เซนติเมตร นอกรัศมี 90 เซนตเิ มตร

1.5 วงกลมเสริ ์ฟ ให้รศั มี 30 เซนติเมตร โดยวดั จากจุดกงกลางของเสน้ หลังไปในสนาม 2.45 เมตร และวัด
จากขอบด้านนอกของเส้นข้างไปในสนาม 3.05 เมตร และวดั จากขอบดา้ นนอกของเส้นข้างเข้าไปในสนาม
3.05 เมตร ใชต้ รงจดุ ตัดจากเส้นหลังและเสน้ ข้างเป็นจุดศูนย์กลาง ให้เขียนเส้นวงกลมขนาดความกวา้ ง 4
เซนตเิ มตร นอกเขตรัศมี 30 เซนติเมตร

7

ขอ้ ที่ 2. เสา ( THE POSTS )
2.1 เสามีความสูง 1.55 เมตร (ผู้หญิง 1.45 เมตร) ตั้งอยู่อย่างม่ันคงพอที่จะทาให้ตาข่ายตึง โดยต้องทา
จากวสั ดุทีม่ คี วามแข็งแกร่งและมีรัศมไี มเ่ กิน 4 เซนตเิ มตร
2.2 ตาแหน่งของเสา ให้ต้ังหรือวางไว้อย่างมั่นคงนอกสนามตรงกับแนวเส้นกลาง ห่างจากเส้นข้าง 30
เซนตเิ มตร

ข้อท่ี 3. ตาข่าย ( THE NET )
3.1 ตาขา่ ยให้ทาด้วยเชือกอย่างดหี รอื ไนล่อน มีรูตาข่ายกว้าง 6 – 8 เซนตเิ มตร ความกว้างของผืนตาข่าย
70 เซนติเมตร และความยาวไมน่ ้อยกว่า 6.10 เมตร ให้มวี ัสดุทีท่ าเป็นแถบ ขนาดความกว้าง 5 เซนติเมตร
ตรงด้านข้างของตาข่ายทั้งสองด้านจากด้านบนถึงด้านล่างตรงกับแนวเส้นข้างซ่ึงเรียกว่า “แถบแสดงเขต
สนาม”
3.2 ตาขา่ ยให้มีขนาดความกวา้ ง 5 ซนติเมตร ท้งั ด้านบนและด้านลา่ ง โดยมีเชอื กธรรมดาหรือเชือกไนล่อน
อย่างดี ร้อยผ่านแถบและขึงตาข่ายให้ตึงเสมอระดับหัวเสา ความสูงของตาข่ายโดยวัดจากพื้นถึงส่วนบน
ของตาข่ายที่ก่งึ กลางสนามมีความสงู 1.52 เมตร (ผ้หู ญงิ 1.42 เมตร) และวัดตรงเสาทงั้ สองด้านมีความสูง
1.55 เมตร (ผู้หญิง 1.45 เมตร)

8

ข้อท่ี 4 ลูกตะกรอ้ ( THE SEPAKTRAKRAW BALL’ )
ลูกตะกร้อต้องมีลักษณะเป็นทรงกลม ทาด้วยหวายหรือใยสงเคราะห์ช้ันเดียวมี 12 รู กับ 20

จดุ ตัดไขว้ หากทาด้วยหวายต้องมีจานวน 9 – 11 เส้น ขนดของเส้นรอบวงตอ้ งไม่น้อยกว่า 42 เซนติเมตร
และไม่มากกว่า 44 เซนติเมตร ( ผู้หญิง 43 – 45 เซนติเมตร) น้าหนักก่อนใช้แข่งขันต้องไม่น้อยกว่า 170
กรัม และไม่เกินกวา่ 180 กรมั ( ผูห้ ญิง 150 – 160 กรมั )

ข้อท่ี 5 ผเู้ ล่น ( THE PLAYERS )
5.1 การแข่งขันมี 2 ทมี ประกอบด้วยผู้เล่นฝา่ ยละ 3 คน
5.2 ผูเ้ ล่นหนง่ึ ในสามคนจะเป็นผู้ เสิรฟ์ ลูกและอยดู่ ้านหลงั เรียกว่า ผูเ้ สิรฟ์ Server ( Tekong )
5.3 ผูเ้ ล่นอกี สองคนอยู่ด้านหนา้ โดยคนหนงึ่ จะอยู่ด้านซ้ายเรียกวา่ “หนา้ ซ้าย” ( left inside ) และคนท่ี
อยู่ด้านขวาเรยี กวา่ “หนา้ ขวา” ( night inside )

9

ข้อท่ี 6. เครอื่ งแตง่ กายของผู้เล่น ( PLAYER ATTIRE)
6.1 สาหรับผู้ชายตอ้ งสวมเสอื้ ยืด กางเกงขาส้ัน (สาหรบั ผหู้ ญิงให้สวมเสือ้ ยืดมีแขนและกางเกงขาสน้ั ระดับ
เข่า) และรองเท้ากีฬาพ้ืนยาง (ถุงเท้าด้วย) ห้ามผู้เล่นสวมสิ่งอื่นใดที่จะเป็นอันตรายแก่ฝ่ายตรงข้ามใน
ระหว่างการแขง่ ขัน กรณีทีอ่ ากาศหนาวอนุญาตใหผ้ ูเ้ ล่นสวมชุดวอร์มแขง่ ขนั ได้
6.2 ส่วนต่างๆของเคร่ืองแต่งกายของผู้เล่นถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและชายเสื้อจะต้องอยู่ในกางเกง
ตลอดเวลาการแขง่ ขนั
6.3 สิง่ ใดกต็ ามทจี่ ะช่วยเรง่ ความเร็วของลกู ตะกร้อ หรือชว่ ยในการเคล่ือนทขี่ องผู้เลน่ ไม่อนญุ าตให้ใช้
6.4 หวั หนา้ ทมี (captian) จะตอ้ งใสป่ ลอกแขน ทแี่ ขนเส้อื ด้านซ้าย
6.5 เสื้อของผู้เล่นทุกคนจะต้องติดหมายเลขด้านหลังให้เห็นได้ชัดเจนให้แต่ละทีมใช้หมายเลข 1 – 15
เท่านั้น มีขนาดความสูงไม่น้อยกว่า 19 เซนติเมตร ซ่ึงกาหนดให้ผู้เล่นจะต้องมีเพียงหมายเลขเดียวตลอด
การแข่งขนั (tournament)

ขอ้ ที่ 7. การเปลย่ี นตัวผู้เลน่ ( SUBSTITUTION )
7.1ผู้เล่นคนใดท่ีไดล้ งแข่งขนั ในแต่ละทมี หรือได้เปล่ียนตวั ไปแล้วจะไม่อนุญาตใหล้ งแขง่ ในทมี ( regu )
อ่นื ๆอีก สาหรับการแขง่ ขันประเภททมี ชดุ ( team ) เฉพาะครัง้ น้นั ๆ
7.2 การเปลีย่ นตัวผู้เลน่ จะกระทาเวลาใดกไ็ ด้ โดยผูจ้ ดั การทีมยนื่ ขอต่อกรรมการผชู้ ีข้ าด เมอื่ ลกู ตะกร้อ
ไม่ไดอ้ ย่ใู นการเล่น (ลกู ตาย)
7.3 แต่ละทีม ( regu ) มผี ้เู ลน่ สารองไมเ่ กนิ 2 คน แตอ่ นุญาต ให้เปล่ียนตวั ผูเ้ ล่นได้ 1 คนเทา่ น้ัน
7.4 ผู้เลน่ คนใดถกู ผตู้ ัดสนิ ให้ออกจากการแข่งขัน จะไดร้ ับอนญุ าตใหเ้ ปล่ียนตวั ผเู้ ลน่ ได้ ถ้าหากว่ายงั มิได้มี
การเปลย่ี นตัว
7.5 ทีมใด ( regu ) มผี ูเ้ ล่นน้อยกว่า 3 คน จะไม่อนุญาตให้ทาการแข่งขันและปรับทีมนั้นเปน็ แพก้ าร
แข่งขนั

10

ขอ้ ที่ 8 เจา้ หนา้ ที่ ( OFFICIALS )
กีฬาเซปักตะกร้อ มีเจา้ หนา้ ที่ทีเ่ กย่ี วข้องในการแข่งขันดังต่อไปน้ี
8.1 กรรมการผู้ช้ีขาด 1 คน
8.2 กรรมการผู้ตัดสิน 2 คน ( ผตู้ ัดสนิ 1 คนผู้ช่วยผ้ตู ัดสนิ 1 คน )
8.3 กรรมการผกู้ ากับเส้น 6 คน ( กากบั เส้นข้าง 4 คน และกากบั เส้นหลงั 2 คน

ขอ้ ที่ 9. การเส่ยี งและการอบอนุ่ ร่างกาย ( THE COIN TOSS AND WARM UP )

กอ่ นเรม่ิ การแขง่ ขันกรรมการผตู้ ดั สินจะทาการเส่ยี ง ผชู้ นะการเสย่ี งมีสทิ ธเิ์ ลอื กลูกส่ง หรือเลือกแดนก็ได้
ทีมท่ีชนะการเสย่ี งจะเป็นทีมทอี่ บอ่นุ รา่ งกายในสนามกอ่ นเป็นเวลา 2 นาที แล้วตามด้วยทีมที่เหลืออยูด่ ้วย

ตะกร้อทใ่ี ช้ในการแข่งขนั และใหม้ ีบุคคลอยู่ในสนามได้ 5 คนเท่าน้นั ( ผูเ้ ลน่ ตัวจริง 3 คน และหรอื
ผู้จัดการทมี ผู้ฝกึ สอนและผู้เล่นสารอง )

11

ขอ้ ที่ 10. ตาแหนง่ ของผ้เู ลน่ ระหว่างการส่งลูก ( OSITION OF PLAYERS DURING SERVICE )
10.1 เมื่อเริ่มผู้เลน่ ทัง้ สองทีม ( both regus ) ตอ้ งยืนอยใู่ นทท่ี กี่ าหนไว้ในแดนของตน ลักษณะท่ี
เตรยี มพร้อม
10.2 ผู้เสริ ์ฟ ( tekong ) ตอ้ งวางเท้าหลักอยใู่ นวงกลมเสิร์ฟ
10.3 ผ้เู ลน่ ด้านหน้าทั้งสองคนของฝา่ ยเสริ ์ฟจะตอ้ งยืนอยู่ในเสี้ยววงกลมตนเอง
10.4 ผเู้ ลน่ ฝ่ายตรงขา้ มจะยืนอยูท่ ี่ใดก็ได้ในแดนของตน

ขอ้ ท่ี 11. การเร่มิ เล่นและการสง่ ลูก ( THE START OF PLAY AND SERVICE )
11.1 การเริ่มเล่นให้ฝ่ายที่ได้เสิรฟ์ เปน็ ฝา่ ยส่งลกู ก่อนในเซตแรก ทีมทชี่ นะในเซตแรกจะได้รบั สทิ ธเ์ิ ลือก
การเสริ ฟ์ ในเซตที่ 2
11.2 เม่ือกรรมการผู้ตัดสินขานคะแนนแล้ว ถือเป็นการเริ่มเล่น ผู้โยนจะต้องโยนลูกตะกร้อออกไปให้ผู้
เสิร์ฟลูก หากผู้โยนโยนลูกตะกร้อออกไปก่อนกรรมการผู้ตัดสินขานคะแนนต้องโยนใหม่ และต้องเตือนผู้
โยนนนั้
11.3 ระหว่างการเสริ ์ฟ ในทันทที ี่ผู้เสิร์ฟได้เตะลูกตะกร้อแล้วผู้เล่นทุกคนสามารถเคล่ือนท่ีในแดนของตน
ได้
11.4 การเสิรฟ์ ที่ถูกต้อง เมอื่ ลูกตะกร้อไดข้ ้ามไปยังฝ่ายตรงข้ามระหว่างแถบตาข่าย ไม่ว่าจะสัมผัสตาขา่ ย
หรอื ไมก่ ็ตาม ต้องใหล้ กู ตกสพู่ น้ื อยู่ในขอบเขตของสนาม

12

ขอ้ ท่ี 12. การผิดกตกิ า ( FAULTS )
12.1 สาหรบั ผเู้ ลน่ ฝ่ายเสิรฟ์ ระหว่างการเสริ ์ฟ
12.1.1 ผเู้ ลน่ หน้า คนท่ีทาหน้าท่โี ยนลกู กระทาอย่างใดอยา่ งหนึ่งโดยไมไ่ ด้โยนให้ผูเ้ สิรฟ์ เตะลูกสง่ เช่น โยน
ลูกเลน่ เคาะลูกเลน่ โยนลูกให้ผ้เู ล่นหน้าอกี คน ฯลฯ หลงั จากผู้ตดั สินขานคะแนนแลว้
12.1.2 ผู้เลน่ หนา้ ยกเทา้ หรือเหยยี บเสน้ หรอื ถกู ตาขา่ ย หรือส่วนของรา่ งกายลา้ เขา้ ไปในแดนฝ่ายตรงข้าม
ขณะทโ่ี ยนลูก
12.1.3 ผเู้ สิร์ฟ กระโดดเสิรฟ์
12.1.4 ผู้เสิรฟ์ ไม่ได้เตะลกู ทีโ่ ยน
12.1.5 ลกู ตะกร้อถูกผู้เลน่ ฝ่ายเดียวกนั กอ่ นขา้ มตาข่าย
12.1.6 ลกู ตะกร้อข้ามตาข่ายแต่ออกนอกเขตสนาม
12.1.7 ลกู ตะกรอ้ ไม่ข้ามตาข่าย
12.2 สาหรับผ้เู ล่นฝา่ ยรับ ระหว่างการเสริ ์ฟ เจตนากระทาในลกั ษณะท่ีทาให้ฝา่ ยเสริ ฟ์ ลูกเสยี สมาธิ หรือ
สง่ เสยี งรบกวน หรือรอ้ งตะโกน
12.3 สาหรับผู้เล่นทง้ั สองฝา่ ย ระหว่างการแข่งขนั
12.3.1 ถกู ลูกตะกร้อในแดนฝา่ ยตรงข้าม
12.3.2 ส่วนใดสว่ นหนง่ึ ของร่างกายลา้ เข้าไปในแดนของฝา่ ยตรงขา้ มไม่วา่ จะเปน็ ดา้ นบนหรอื ดา้ นลา่ งของ
ตาข่าย ยกเวน้ การตดิ ตามลา้ ตาขา่ ยหรืการลงสู่พืน้ ภายหลงั การเล่นลูก ( follow through )
12.3.3 เลน่ ลกู เกิน 3 คร้ัง
12.3.4 ลกู ถูกมอื หรือแขน
12.3.5 หยุดลูก หรือยดึ ลกู ไว้ใต้แขน ระหว่างขาหรือลาตวั
12.3.6 ส่วนหน่ึงของร่างกายหรอื อปุ กรณ์ของเครอ่ื งแตง่ กายผู้เลน่ ถกู ตาขา่ ยหรือถูกเสาหรอื ถูกเก้าอ้ี
กรรมการผตู้ ัดสนิ หรือตกลงในพ้ืนท่ฝี า่ ยตรงข้าม
12.3.7 ลูกตะกรอ้ ถกู เพดาน หลงั คา ผนัง หรือสิง่ กีดขวางอ่ืนๆ

13

ขอ้ ท่ี 13. การนบั คะแนน ( SCORING SYSTEM )
13.1 ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสิร์ฟหรือฝ่ายรับก็ตาม เมื่อมีการทาผิดกติกาเกิดข้ึน ( fault ) ฝ่ายตรงข้ามจะได้
คะแนนทนั ทีและจะเป็นฝ่ายเสริ ฟ์ ตอ่ ไป
13.2 ทีมท่ีชนะการแข่งขันในแตล่ ะเซตจะต้องทาคะแนนได้ 21 คะแนน แตถ่ ้าคะแนนเท่ากันที่ 20 : 20 ผู้
ชนะจะต้องมีคะแนนต่างกัน 2 คะแนนและคะแนนสูงสุดไม่เกิน 25 คะแนน เม่ือคะแนน 20 เท่า ผู้ตัดสิน
ต้องขานวา่ “ดิวสค์ ู่” ไมเ่ กนิ 25 แต้ม
13.3 การแข่งขันจะต้องชนะกัน 2 เซต โดยมีการพักระหว่างเซต 2 นาที
13.4 ถ้าแตล่ ะทีมชนะกันทีมละ 1 เซต จะต้องทาการแข่งในเซตที่ 3 ซ่ึงเรยี กว่า “ไทเบรค” โดยแข่งขันกัน
15 คะแนน แต่ถ้าคะแนนเท่ากันที่ 14 : 14 ผู้ชนะจะต้องมคี ะแนนต่างกัน 2 คะแนน และคะแนนสูงสดุ ไม่
เกิน 17 คะแนน เม่ือคะแนน 14 เทา่ ผ้ตู ัดสนิ ตอ้ งขานว่า “ดิวสค์ ู่” ไม่เกนิ 17 แต้ม
13.5 ก่อนเร่ิมการแข่งขันในเซตที่ 3 ผู้ตัดสินต้องทาการเส่ียง ผู้ชนะในการเส่ียงจะได้สิทธิ์เลือกการเสิร์ฟ
และใหม้ กี ารเปลย่ี นแดนเมื่อฝา่ ยใดฝ่ายหนึ่งทาคะแนนได้ 8 คะแนน

ข้อที่ 14. การขอเวลานอก ( TIME OUT )
แตล่ ะทมี ( regu ) สามารถขอเวลานอกได้เซตละ 1 คร้ัง เป็นเวลา 1 นาที โดยให้ผู้จัดการทีมหรือ

ผู้ฝึกสอนขอเวลานอกต่อกรรมการผู้ตัดสินเมื่อลูกตระก้อไม่ได้อย่ใู นการเล่น และมีบุคคลในระหวา่ งการขอ
เวลานอกได้ 5 คน ที่บริเวณท้ายสนามของแตล่ ะดา้ น

ข้อท่ี 15. อบุ ตั ิเหตแุ ละการหยุดการแข่งขัน ( TEMPORARY SUSPENSION OF PLAY )
15.1 กรรมการผู้ตัดสินสามารถหยุดการแข่งขันได้ไม่เกิน 5 นาที เน่ืองจากมีสิ่งกีดขวางหรือรบกวนการ
แขง่ ขนั หรอื ผู้เลน่ เกิดบาดเจบ็ และตอ้ งได้รบั การดแู ลทนั ที
15.2 การหยุดพักสาหรับผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บถือเป็นเวลานอก สาหรับการบาดเจ็บอนุญาตให้พักการ
แข่งขันได้ไม่เกิน 5 นาที ภายหลังจากหยุดครบ 5 นาทีแล้ว ผู้เล่นคนนั้นไม่สามารถทาการแข่งขันต่อได้
จะต้องทาการเปล่ียนตัวผู้เล่นนั้นออก ถ้าเกิดกรณีท่ีมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นไปแล้ว ให้ปรับทีมน้ันเป็นแพ้
และใหฝ้ ่ายตรงขา้ มชนะการแข่งขนั ในครง้ั น้นั
15.3 ในระหว่างหยุดพักการแข่งขัน ผู้เล่นทุกคนต้องอยู่ในสนามและไม่อนุญาตให้ดื่มน้าหรือได้รับการ
ชว่ ยเหลือใดๆทงั้ สน้ิ

14

ข้อท่ี 16. วินยั และมารยาทในการแข่งขนั ( DISCIPLINE )
16.1 ผู้เล่นทกุ คนจะตอ้ งปฏิบัตติ ามกติกาการแขง่ ขัน
16.2 ในระหวา่ งการแข่งขันจะอนุญาตให้หวั หน้าทีมเทา่ นัน้ เป็นผตู้ ดิ ต่อหรือซกั ถามต่อกรรมการผ้ตู ดั สิน
(ในลกั ษณะสุขภาพ)

ขอ้ ที่ 17. ความผดิ และบทลงโทษ ( PENALTY )
17.1 ความผดิ ท่ีถูกตักเตอื น
ผู้เล่นท่ีกระทาความผดิ จะต้องถูกตักเตือนและได้รับบตั รเหลืองใน 6 กรณดี ังต่อไปน้ี
17.1.1 ปฏบิ ตั ิตนไมม่ ีน้าใจนกั กฬี า
17.1.2 แสดงกิรยิ าและวาจาไม่สภุ าพ
17.1.3 ไม่ปฏิบัตติ ามกฎ กติกาการแข่งขนั
17.1.4 ถว่ งเวลาการแข่งขัน
17.1.5 เขา้ หรอื ออกสนาม โดยไมไ่ ด้อนุญาตจากผู้ตัดสิน
17.1.6 เจตนาเดนิ ออกไปจากสนาม โดยไมไ่ ด้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน
17.2 ความผดิ ทีถ่ ูกให้ออกจากการแขง่ ขนั
ผู้เล่นทีก่ ระทาความผดิ ถูกให้ออกจากการแขง่ ขนั และไดร้ ับบัตรแดงมี 5 กรณี ดังต่อไปนี้
17.2.1 กระทาผิดกติกาอย่างรา้ ยแรง
17.2.2 ประพฤตริ ้ายแรงโดยเจตนาทาใหค้ ูต่ ่อสบู้ าดเจบ็
17.2.3 ถ่มนา้ ลายใสฝ่ า่ ยตรงข้ามหรอื ผ้อู ่นื
17.2.4 ทาความผดิ อย่างรา้ ยแรงโดยสบประมาทหรือดถู ูกและหรือแสดงกิรยิ าท่ีไม่เหมาะสมไปยังฝ่ายตรง
ข้าม
17.2.5 ได้รบั การเตอื นดว้ ยบัตรเหลอื งเป็นคร้ังท่ี 2 ในการแข่งขนั คร้ังนั้น
17.3 ผเู้ ล่นท่กี ระทาผิดถูกเตอื นหรอื ให้ออกจากการแขง่ ขนั ไม่วา่ จะเปน็ ความผดิ ทั้งในหรอื นอกสนามแข่ง
ขัน ผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน กรรมการผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน หรือบุคคลอ่ืนๆให้พิจารณาลงโทษตามความผิดที่
ไดก้ ระทาขนึ้

15

ขอ้ ท่ี 18. ความผดิ ขอเจ้าหน้าทีท่ มี ( MISCONDCT OF OFFICIALS )
ในระหวา่ งการแข่งขนั หากทมี หรือเจา้ หน้าที่ของทีมคนหนง่ึ คนใดกระทาความผดิ เก่ยี วกบั วินัยและ

มารยาท ทงั้ ในสนามและนอกสนามแขง่ ขัน เจา้ หนา้ ที่ทีมหรอื ทีมนน้ั ๆจะต้องถูกพิจารณาลงโทษทางวนิ ยั
และมารยาท

ขอ้ ที่ 19. บททั่วไป ( GENERAL )
ในการแขง่ ขนั หากมีปัญหาหรอื เรอ่ื งราวใดๆก็ตามที่เกดิ ขนึ้ ในทุกกรณี ซง่ึ นอกเหนือจากที่มไิ ดร้ ะบุไว้

ในกกติกาข้อใดๆของการแขง่ ขัน ใหถ้ ือคาตดั สนิ ของกรรมการผชู้ ี้ขาดเป็นท่ีสิ้นสดุ

16

มารยาทในการเล่นตะกรอ้ ที่ดี
การเล่นกีฬาทุกชนิด ผู้เล่นจะต้องมีมารยาทในการเล่นและการแข่งขัน ประพฤติปฏิบัติตนให้

เปน็ ไปตามข้ันตอนของการเลน่ กีฬาแต่ละประเภท จึงจะนบั วา่ เป็นผู้เลน่ ทด่ี ีและมีมารยาท ผู้เล่นควรต้องมี
มารยาทดงั น้ี คอื

1.การแสดงความยินดี ชมเชยด้วยการปรบมือหรือจับมือเมื่อเพ่ือนเล่นได้ดี แสดงความเสียใจเม่ือ
ตนเอง หรอื เพ่ือนร่วมทมี เล่นผดิ พลาดและพยามปลอบใจเพอื่ น ตลอดจนปรับปรงุ การเล่นของตวั เองให้
ดขี น้ึ
2.การเลน่ อยา่ งสภุ าพและเล่นอยา่ งนกั กีฬา การแสดงกิรยิ าทา่ ทางการเล่นตอ้ งใหเ้ หมาะสมกับการเป็น
นักกฬี าท่ีดี
3.ผเู้ ล่นท่ดี ีต้องไมห่ ยิบอุปกรณข์ องผู้อน่ื มาเลน่ โดยพลการ
4.ไมว่ า่ จะชนะหรือแพ้ต้องไม่แสดงอาการดใี จหรือเสียใจจนเกนิ ไป
5.ผเู้ ลน่ ต้องเชอ่ื ฟังคาตัดสนิ ของกรรมการ หากไม่พอใจคาตัดสินกย็ ื่นประทว้ งตามกติกา
6.ผเู้ ล่นต้องควบคุมอารมณ์ให้สขุ ุมอยู่ตลอดเวลา
7.ก่อนการแข่งขันหรือหลังการแขง่ ขัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะกต็ าม ควรจะต้องจบั มือแสดง
ความยนิ ดี
8.หากมีการเล่นผิดพลาด จะต้องกลา่ วคาขอโทษทนั ทแี ละต้องกลา่ วให้อภัยเม่ือฝา่ ยตรงขา้ มกลา่ วขอ
โทษดว้ ยความยมิ้ แย้มแจม่ ใส
9.ตอ้ งแตง่ กายรดั กมุ สุภาพ ถูกต้องตามกติกาทกี่ าหนดไว้
10.ไมส่ ่งเสียงเอะอะในขณะเล่นหรือแข่งขนั จนทาใหผ้ ู้เล่นอ่ืนเกดิ ความราคาญ
11.ตอ้ งปฏิบตั ิตามกฎข้อบังคับตามกติกาอย่างเครง่ ครดั
12.มคี วามอดทนต่อการฝึกซ้อมและการเลน่
13.หลังจากฝกึ ซ้อมแล้วต้องเกบ็ อุปกรณ์ให้เรยี บร้อย
14.เล่นและแข่งขนั ดว้ ยชนั้ เชงิ ของนักกีฬา รูแ้ พ้ ร้ชู นะ รู้อภยั ในการเล่นกฬี า
มารยาทของผู้ชมตะกรอ้ ทีด่ ี
1.ปรบมอื ใหน้ ักกีฬาและผตู้ ดั สินเมือ่ เขาดนิ ลงสนาม
2.ปรบมอื แสดงความยินดีเม่ือผู้เล่นเล่นได้ดี หรือชนะการแขง่ ขนั
3.นง่ั ชมด้วยความสงบเรยี บร้อยไมส่ ง่ เสยี งเอะอะ
4.ไม่แสดงท่าทางย่วั ยใุ หผ้ เู้ ล่นขาดสมาธิ
5.ไมใ่ ชเ้ สียงเพลงทม่ี ีเนื้อหาหยาบคาย สรา้ งความแตกแยก
6.อยา่ แสดงกิรยิ าไม่สภุ าพหรือใชว้ สั ดสุ ิง่ ของขวา้ งปาลงสนาม นักกีฬา หรือกรรมการ
7.ผดู้ ตู ้องยอมรับการตัดสนิ ของผูต้ ดั สนิ
8.ไม่สง่ เสียงโห่รอ้ งหรือแสดงกริ ยิ าเย้ยหยนั เม่ือผู้เลน่ เล่นผิดพลาดหรอื ผู้ตัดสนิ ผิดพลาด
9.ผู้ดคู วรเรยี นรู้กติกาการแขง่ ขนั กฬี าชนดิ นนั้ ๆ พอสมควร
10.ใหค้ วามรว่ มมือกับเจ้าหน้าท่ี เม่อื เกดิ เหตุการณว์ ุ่นวายขึ้นในสนามแขง่ ขัน
11.สนับสนุนใหก้ าลงั ใจและใหเ้ กียรตินกั กีฬาทุกประเภทเพอ่ื เปน็ การส่งเสรมิ การกีฬาของชาติ

17

บรรณานกุ รม

https://kruchok.wordpress.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B
9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E
0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8
%AC%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD/

https://sites.google.com/site/doisaketwittayakomsports/klu-sm-sara-sukh-suksa-elea-
phlsuksa/kila-takrx/thaksa-phun-than-kar-kila-takrx

https://www.siamsporttalk.com/th/entertainment/sport/106-sepak-takraw/rules-sports-sepak-
takraw/110-sepak-takraw-rules.html


Click to View FlipBook Version