แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่อื ง เลขออกซิเดชันและปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์
ผลการเรยี นรู้
คำนวณเลขออกซิเดชันและระบุปฏิกริ ิยำรีดอกซ์
คาชีแ้ จง
ขอ้ สอบปรนยั 4 ตัวเลือก จำนวน 5 ขอ้ เวลำ 5 นำที
จงเลือกทำเครอื่ งหมำย X ในข้อทถ่ี ูกต้องที่สุดเพยี งข้อเดยี ว
1
2
เคมไี ฟฟา้
3
เลขออกซเิ ดชนั
และปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์
4
ตัวอยา่ งแหล่งพลงั งานไฟฟ้า
ปฏิกริ ยิ าเคมีสามารถใหพ้ ลงั งานไฟฟา้ ได้
และการศึกษาเกีย่ วกับการเกิดปฏิกิริยาเคมแี ละพลงั งานไฟฟา้ เรยี กวา่ เคมไี ฟฟา้
5
เลขออกซเิ ดชนั และปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์
ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์
ปฏิกริ ยิ าที่มกี ารเปลีย่ นแปลงเลขออกซเิ ดชนั ของธาตุท่อี ยใู่ นสารประกอบ
ท่ีทาปฏิกริ ยิ าเคมนี ้ัน หรอื ปฏิกิรยิ าท่มี กี ารรบั และการให้อเิ ลก็ ตรอน
เลขออกซเิ ดชนั เลขออกซเิ ดชัน AB
เปน็ ค่าท่ีแสดงประจไุ ฟฟา้ สมมตขิ องไอออนหรอื อะตอมของธาตุ
6
ขอ้ กาหนดและวิธีการหาเลขออกซิเดชัน
1. อะตอมของธาตอุ ิสระทุกชนดิ ท่อี ยูใ่ นรปู อะตอมหรอื โมเลกุล เช่น Ca Fe O2 S8 อะตอมของธาตุ
เหล่าน้ี Ca Fe O S มีเลขออกซิเดชันเทา่ กับ 0
2. ไอออนของธาตมุ ีเลขออกซิเดชันเทา่ กบั ประจุของไอออนน้นั เช่น
Na+ มเี ลขออกซเิ ดชนั เทา่ กบั +1 Ba2+ มีเลขออกซิเดชันเท่ากบั +2
Cl- มีเลขออกซิเดชนั เท่ากบั -1 S2- มีเลขออกซิเดชันเท่ากับ -2
3. ในสารประกอบเลขออกซิเดชันของธาตุหม่หู ลักมดี ังน้ี
- ฟลูออรีน มีเลขออกซเิ ดชนั เทา่ กบั -1 เสมอ
- โลหะของธาตุหมู 1A มเี ลขออกซเิ ดชันเท่ากับ +1 เสมอ
7
- โลหะของธาตุหมู 2A มเี ลขออกซิเดชันเท่ากบั +2 เสมอ
- ธาตุหมู่ 3A มเี ลขออกซเิ ดชนั เทา่ กับ +3 เสมอ (ยกเวน้ Tl ท่มี เี ลขออกซเิ ดชัน +3 หรือ +1 ก็ได)้
- ไฮโดรเจน มีเลขออกซเิ ดชนั เป็น +1 เมอื่ เกดิ พันธะธาตกุ ับอโลหะ เช่น H2O NaOH และมี
เลขออกซิเดชันเป็น -1 เม่อื เกดิ พันธะกบั ธาตโุ ลหะ เช่น NaH CaH2
- ออกซิเจน มเี ลขออกซิเดชนั -2 ในสารประกอบสว่ นใหญ่ เชน่ H2O NaOH
4. สารประกอบมผี ลรวมเลขออกซเิ ดชันเทา่ กบั 0 เชน่ NaCl โซเดยี มมีเลขออกซิเดชันเปน็ +1 ดังนั้น
คลอรีนมเี ลขออกซิเดชนั เปน็ -1
8
5. กล่มุ ไอออนมีผลรวมเลขออกซเิ ดชันเท่ากบั กลุ่มประจุของไอออนนน้ั เช่น (PO43-) มผี ลรวมของเลข
ออกซเิ ดชนั ของธาตทุ กุ ตัวในกล่มุ ไอออนเทา่ กบั -3
6. การหาเลขออกซิเดชันของไอออนในสารประกอบเชงิ ซอ้ น ตอ้ งทราบประจไุ ฟฟา้ ของหมธู่ าตุ เช่น
CN- , OH- , NO3- , SO42- , Cl- และตอ้ งทราบว่าโมเลกุลมเี ลขออกซิเดชันเป็น 0 เชน่ H2O , CO ,
NH3
9
ตัวอย่างที่ 1
หาเลขออกซเิ ดชนั ของธาตทุ ั้งหมดในสารท่กี าหนดใหต้ อ่ ไปนี้
1. ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)
2. ฟอสเฟตไอออน (PO43-)
1. หาเลขออกซเิ ดชันท้ังหมดของ (SO2)
วิธีทา
จากหลักการจะเห็น วา่ O มีเลขออกซเิ ดชันเทา่ กับ -2 ในสารประกอบสว่ นใหญ่
ผลรวมเลขออกซิเดชันของธาตทุ ั้งหมดของ (SO2) เท่ากับ 0 จงึ สามารถหาเลขออกซิเดชันได้ดงั น้ี
[เลขออกซเิ ดชนั ของ S] + [2 x (-2)] = 0
เลขออกซิเดชันของ S = +4
ดังนน้ั เลขออกซิเดชันของกามันถนั เทา่ กบั +4 และเลขออกซเิ ดชนั ของออกซเิ จนเทา่ กบั -2
10
2. หาเลขออกซิเดชันของธาตทุ ง้ั หมดในฟอสเฟตไอออน (PO43-)
จากขอ้ กาหนด
O มีเลขออกซิเดชันเทา่ กับ -2 ในสารประกอบส่วนใหญ่
เนอื่ งจากผลรวมเลขออกซิเดชนั ของธาตทุ ้ังหมดใน PO43- เท่ากับ -3 สามารถหาเลข
ออกซเิ ดชัน ของ P ไดด้ ังนี้
[เลขออกซิเดชนั ของ P] + [4 x (-2)] = -3
เลขออกซิเดชันของ P = +5
ดังนน้ั เลขออกซเิ ดชันของฟอสฟอรสั เท่ากับ +5 และเลขออกซิเดชันของออกซิเจนเท่ากับ -2
11
ตัวอยา่ งที่ 2
หาเลขออกซเิ ดชันของ O ใน H2O2 KO2 และ OF2 =0
วธิ ที า หาเลขออกซิเดชนั ของ O ใน H2O2 =0
= -1
[2 x เลขออกซิเดชันของ H] + [2 x เลขออกซิเดชันของ O)
แทนค่าได้เปน็ [2 x (+1)] + [2 x เลขออกซิเดชนั ของ O]
เลขออกซเิ ดชนั ของ O
ดังนน้ั เลขออกซเิ ดชันของ O ใน H2O2 มคี า่ เท่ากบั -1
12
หาเลขออกซิเดชนั ของ O ใน KO2 =0
[เลขออกซิเดชนั ของ K] + [2 x เลขออกซิเดชันของ O]
แทนค่าไดเ้ ปน็ (+1) + [2 x เลขออกซเิ ดชันของ O] = 0
= -21
เลขออกซิเดชนั ของ O
ดงั นัน้ เลขออกซิเดชันของ O ใน KO2 มีค่าเทา่ กบั -21
หาเลขออกซเิ ดชันของ O ใน OF2 =0
[เลขออกซิเดชันของ O] + [2 x เลขออกซิเดชันของ F] =0
= +2
แทนค่าได้เปน็ [เลขออกซเิ ดชันของ O] + [2 x (-1)]
เลขออกซเิ ดชันของ O
ดงั น้นั เลขออกซเิ ดชนั ของ O ใน OF2 มีคา่ เทา่ กับ +2
13
จากตาราง 11.1 ธาตุหมู่ IVA VA VIA VIIA (ยกเว้นฟลูออรีน) และโลหะแทรนซิชันส่วนใหญ่
มเี ลขออกซิเดชนั ไดห้ ลายค่า อยา่ งไรกต็ ามเลขออกซชิ นั มีคา่ ได้สูงสุดเท่ากบั เลขหมู่หรือจานวนเวเลนซ์
อเิ ล็กตรอนของธาตนุ ้ัน 14
ตรวจสอบความเขา้ ใจ
เลขออกซเิ ดชันของโครเมียม (Cr) ในโครเมยี ม(II)ออกไซด์ (CrO)
และโครเมตไอออน (CrO42-) มคี ่าเป็นเทา่ ใด
[Fe(CN)6]4- [Cr(SO4)2]- [Zn(NH3)4]2+
15
16
เมื่อทราบเลขออกซิเดชันของธาตุทาให้สามารถระบุได้ว่าปฏิกิริยาใดเป็นปฏิกิริยารี ดอกซ์
โดยพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงเลขออกซิชันของธาตุในสารท่ีทาปฏิกิริยาเคมีกัน เช่น ปฏิกิริยาเคมี
ระหวา่ งสารละลายกรดไฮโดรคลอริกกับสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์
HCl(aq) + NaOH(aq) → NaCl(aq) + H2O(l)
(+1)(-1) (+1)(-2)(+1) (+1) (-1) (+1)(-2)
ปฏิกิริยานี้ไม่เป็นปฏิกิริยารีดอกซ์ เนื่องจากธาตุทุกชนิดในปฏิกิริยาเคมีไม่มีการ
เปลย่ี นแปลงเลขออกซิเดชนั
17
ปฏกิ ิริยาเคมีระหว่างโลหะสงั กะสีกับสารละลายคอปเปอร์(II)ซัลเฟต
เลขออกซเิ ดชนั เพ่ิมขึน้
Zn(s) + CuSO4(aq) → ZnSO4(aq) + Cu(s)
(0) (+2) (+6)(-2) (+2)(+6)(-2) (0)
เลขออกซิเดชันลดลง
ปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยารีดอกซ์ เนื่องจากมีธาตุท่ีมีการเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชัน
โดย Zn มี เลขออกซิเดชันเพิ่มข้ึน ส่วน Cu มีเลขออกซิเดชันลดลง
18
กจิ กรรม 11.1 การทดลองการเกิดปฏิกิริยารดี อกซ์
ระหวา่ งโลหะกับไอออนของโลหะ
19
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. ทดลองการเกดิ ปฏิกริ ยิ ารีดอกกซ์
2. อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนจากการถ่ายโอนอิเล็กตรอนของ
ปฏิกิริยารดี อกซ์ระหวา่ งโลหะกับไอออนของโลหะ
20
อุปกรณ์และสารเคมี
1. สารละลายคอปเปอร(์ II)ซลั เฟต (CuSO4) 0.10 mol/L
2. แผน่ โลหะสังกะสี (Zn) ขนาด 2 cm x 5 cm
3. บกี เกอร์ ขนาด 50 mL
4. กระบอกตวง ขนาด 25 mL
5. แทง่ แกว้ คน
6. กระดาษทราย ขนาด 3 cm x 3 cm
21
วธิ กี ารทดลอง
1. ขดั แผ่นโลหะ Zn ดว้ ยกระดาษทราย
2. ใส่ CuSO4 0.10 mol/L ปริมาตร 25 mL ลงในบีกเกอร์ สงั เกตสขี องสารละลาย
22
3. จุ่มแผ่นโลหะ Zn ลงในบีกเกอร์ สังเกตการเปลี่ยนแปลง
4. ต้ังไว้ 1-2 นาที สังเกตการเปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ขนึ้ ทง้ั ทส่ี ารละลายและแผ่นโลหะ
ถ้ามีสารมาเกาะบนแผน่ โลหะใหใ้ ชแ้ ทง่ แกว้ คนเข่ียนออก และสงั เกตแผ่นโลหะอกี ครั้ง
23
24
ผลการทดลอง การเปล่ียนแปลงทีส่ งั เกตได้
การทดลอง สารละลาย แผ่นโลหะ
กอ่ นทดลอง
สารละลายมีสฟี ้า โลหะมสี เี ทาเงนิ
25
อภิปรายผลการทดลอง
เมอื่ จุ่มแผ่นโลหะ Zn ลงใน CuSO4 ที่มสี ีฟ้า ซ่ึงเป็นสีของ Cu2+ ในน้า ปรากฏว่ามี
ของแขง็ สนี า้ ตาลแดงเกาะที่แผน่ โลหะ Zn เมื่อทาให้ของแข็งสีน้าตาลแดงหลุดออก จะพบว่า
ผิวของแผ่นโลหะ Zn กร่อนและบางลง ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเป็นการถา่ ยโอนอิเล็กตรอนของ
โลหะ Zn ให้กับ Cu2+ เกิดเป็น Zn2+ และโลหะ Cu เม่อื แผ่นโลหะ Zn จุ่มอยู่ในสารละลาย
นานขึ้นจะสังเกตเห็นโลหะ Cu ซึ่งมีสีน้าตาลแดงบนผิวของแผ่นโลหะ Zn พร้อม ๆ กับ
สารละลายสีฟ้าทจ่ี างลงได้ชดั เจนขึน้ ซึ่งแสดงวา่ ปริมาณของ Cu2+ ในสารละลายลดลง
27
สรปุ ผลการทดลอง
ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซร์ ะหวา่ ง Zn และ Cu2+ มีการถา่ ยโอนอิเลก็ ตรอน ซง่ึ สังเกต
ได้จากการเกดิ ขนึ้ ของโลหะ Cu บนแผ่นโลหะ Zn การจางลงของสีฟา้ ของ Cu2+
และการกร่อนของโลหะ Zn
28
รปู แสดงปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งโลหะสงั กะสกี บั สารละลายคอปเปอร์(II)ซลั เฟต 29
30
ตัวรีดวิ ซ์ (reducing agent) ตวั ออกซไิ ดส์ (oxizing agent)
สารที่มีเลขออกซเิ ดชนั เพ่ิมข้ึน สารทีม่ ีเลขออกซเิ ดชันลดลง
ซ่ึงเกิดจากการให้อเิ ล็กตรอน ซึง่ เกิดจากการรับอิเล็กตรอน
ถ้ากาหนดให้ X เป็นตัวรีดวิ ซ์ และ Y+ เป็นตัวออกซิไดส์ในปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ สามารถ
เขียนสมการเคมีของปฏิกิรยิ ารีดอกซไ์ ดด้ งั น้ี
AB
X(s) + Y+(aq) → X+(aq) + Y(s)
31
ปฏกิ ิริยารดี อกซ์
ครึ่งปฏิกริ ิยาที่มกี ารให้อิเลก็ ตรอน ทาใหเ้ ลข ครง่ึ ปฏิกริ ิยาท่ีมกี ารรบั อเิ ลก็ ตรอน ทาใหเ้ ลข
ออกซิเดชนั เพิม่ ขึ้น เรยี กวา่ ออกซเิ ดชันลดลง เรียกวา่ คร่ึงปฏกิ ริ ยิ ารีดักชนั
คร่ึงปฏิกริ ิยาออกซิเดชัน
ครึ่งปฏกิ ิรยิ าออกซเิ ดชัน ครึ่งปฏกิ ิรยิ ารีดักชนั
X(s) → X+(aq) + e- Y+(aq) + e- → Y(s)
32
เมื่อพิจารณาปฏิกิริยารดี อกซ์ระหว่างโลหะสังกะสกี ับสารละลายคอปเปอร์(II) ซลั เฟต ดังสมการ
Zn(s) + CuSO4(aq) → ZnSO4(aq) + Cu(s)
สามารถเขียนคร่งึ ปฏกิ ิริยาออกซเิ ดชนั และครงึ่ ปฏกิ ิรยิ ารดี ักชนั ไดด้ งั น้ี
คร่งึ ปฏิกิรยิ าออกซิเดชัน ครึ่งปฏิกริ ิยารีดักชนั
Zn(s) → Zn2+(aq) + 2e- Cu2+(aq) + 2e- → Cu(s)
ตวั รดี วิ ซ์ คือ Zn ตวั ออกซิไดส์ คอื Cu2+
33
สารท่ีไมม่ กี ารเปลยี่ นแปลงเลขออกซเิ ดชนั ของธาตอุ งคป์ ระกอบจะไมน่ ามาเขียนใน คร่งึ ปฏกิ ิริยา ในท่ีนี้
จึงไม่เขียน SO4 เนื่องจากท้ัง S และ O ไม่มีการเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชัน เมื่อรวมครึ่งปฏิกิริยา
ทั้งสองจะได้เป็นสมการไอออนิกสทุ ธขิ องปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ ดงั น้ี
ครง่ึ ปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชัน Zn(s) → Zn2+(aq) + 2e-
คร่งึ ปฏกิ ริ ยิ ารดี ักชนั Cu2+(aq) + 2e- → Cu(s)
ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ Zn(s) + Cu2+(aq) → Zn2+(aq) + Cu(s)
34
ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ระบุตัวรดี วิ ซแ์ ละตัวออกซไิ ดส์ พร้อมทงั้ เขยี นแสดงคร่ึงปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชนั
และครง่ึ ปฏิกริ ิยารดี กั ชันของปฏิกิริยารีดอกซต์ ่อไปนี้
1. Cu(s) + 2Ag+(aq) → Cu2+(aq) + 2Ag(s)
2. 2Al(s) + 6H+(aq) → 2Al3+(aq) + 3H2(g)
35
36
กิจกรรม 11.2 การทดลองเปรยี บเทียบ
ความสามารถในการเปน็ ตวั รดี ิวซ์และตวั ออกซไิ ดส์
ของโลหะและไอออนของโลหะ
37
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. ทดลองปฏกิ ิริยารีดอกซ์ระหว่างโลหะและไอออนของโลหะคตู่ า่ ง ๆ
2. เปรียบเทียบความสามารถในการเปน็ ตัวรีดวิ ซ์ของโลหะ
และตวั ออกซไิ ดส์ของไอออนของโลหะ
38
อุปกรณแ์ ละสารเคมี
1. สารละลายคอปเปอร(์ II)ซลั เฟต (CuSO4) 0.10 mol/L
2. สารละลายซิงซัลเฟต (ZnSO4) 0.10 mol/L
3. สารละลายแมกนีเซยี มซลั เฟต (MgSO4) 0.10 mol/L
4. แผ่นโลหะสงั กะสี (Zn) ขนาด 0.5 cm x 11 cm
5. แผน่ โลหะแมกนเี ซียม (Mg) ขนาด 0.5 cm x 11 cm
6. แผ่นโลหะทองแดง (Cu) ขนาด 0.5 cm x 11 cm
39
อุปกรณแ์ ละสารเคมี
7. หลอดทดลองขนาดเล็ก
8. กระบอกตวง ขนาด 10 mL
9. แทง่ แกว้ คน
10. กระดาษทราย ขนาด 3 cm x 3 cm
40
วธิ กี ารทดลอง
1. ขัดแผ่นโลหะ Mg Zn และ Cu ด้วยกระดาษทราย
2. ใส่ CuSO4 0.10 mol/L ลงในหลอดทดลองขนาดเล็ก 2 หลอด หลอดละ 5 mL
กาหนดให้เปน็ หลอดที่ 1 และ 2 สงั เกตสีของสารละลาย
41
3. จุ่มแผน่ โลหะ Mg ลงในหลอดท่ี 1 และแผน่ โลหะ Zn ลงในหลอดที่ 2
4. ต้งั ไว้ 1-2 นาที สงั เกตการเปลยี่ นแปลงทีเ่ กดิ ขน้ึ ทั้งทีส่ ารละลายและแผน่ โลหะ
ถา้ มีสารมาเกาะบนแผน่ โลหะใหใ้ ชแ้ ท่งแกว้ คนเขยี่ นออก และสังเกตแผ่นโลหะอกี ครั้ง
42
5. ทาการทดลองเช่นเดยี วกบั ขอ้ 1-4 โดยเปล่ยี นจาก CuSO4 เป็น ZnSO4
0.1 mol/L และใชโ้ ลหะ Mg และ Cu
6. ทาการทดลองเชน่ เดียวกบั ข้อ 1-4 โดยเปลยี่ นจาก CuSO4 เปน็ MgSO4
0.1 mol/L และใช้โลหะ Zn และ Cu
43
44
ผลการทดลอง
โลหะ Mg Zn Cu
สารละลาย
CuSO4 มขี องแข็งสีน้าตาลแดงเกาะบน ของแข็งสนี า้ ตาลแดงเกาะบน
แผน่ โลหะสว่ นท่จี ุ่มอยู่ใน แผน่ โลหะส่วนทจ่ี ่มุ อยใู่ น
45
สารละลาย เม่ือเข่ียของแขง็ สี สารละลาย เมื่อเขีย่ ของแขง็ สี
น้าตาลแดงออก พบว่าผิวโลหะ น้าตาลแดงออก พบว่าผิวโลหะ
มีลักษณะขรขุ ระ และสารละลาย
มีลกั ษณะขรุขระ และ
สารละลายมีสีฟา้ แกมเขยี วเม่ือ สีฟา้ จางลงเมอ่ื ตัง้ ไว้เป็น
เวลานานข้ึน
ตง้ั ไวเ้ ปน็ เวลานานข้นึ
โลหะ Mg Zn Cu
สารละลาย
ZnSO4 มขี องแขง็ สดี าเกาะบน ไมเ่ หน็ การเปล่ยี นแปลง
แผน่ โลหะส่วนทจ่ี ่มุ อยู่
ในสารละลาย เมื่อเข่ีย 46
ของแข็งสีดาออกพบวา่
ผิวโลหะมลี ักษณะขรุขระ
โลหะ Mg Zn Cu
สารละลาย
MgSO4
ไมเ่ หน็ การเปลี่ยนแปลง ไมเ่ หน็ การเปลีย่ นแปลง
47
อภปิ รายผลการทดลอง
โลหะ Mg Zn Cu
สารละลาย
CuSO4 ✓ ✓ -
ZnSO4 ✓ -
MgSO4 -
48
ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปฏิกิริยารีดอกซ์ เขียนสมการแสดงปฏิกิริยารีดอกซ์ และระบุ
ตวั รดี ิวซแ์ ละตัวออกซไิ ดส์ของแตล่ ะปฏกิ ิริยาไดด้ งั นี้
- โลหะ Mg ที่จ่มุ ใน CuSO4
Mg(s) + Cu2+(aq) → Mg2+(aq) + Cu(s)
ตัวรดี วิ ซ์ คือ Mg(s) ตัวออกซิไดส์ คอื Cu2+(aq)
- โลหะ Zn ที่จมุ่ ใน CuSO4
Zn(s) + Cu2+(aq) → Zn2+(aq) + Cu(s)
ตัวรดี ิวซ์ คอื Zn(s) ตวั ออกซิไดส์ คอื Cu2+(aq)
- โลหะ Mg ท่จี ุ่มใน ZnSO4
Mg(s) + Zn2+(aq) → Mg2+(aq) + Zn(s)
ตัวรีดิวซ์ คอื Mg(s) ตัวออกซิไดส์ คือ Zn2+(aq)
49
จะเห็นว่า โลหะ Mg เกิดปฏิกิริยาเมื่อจุ่มใน CuSO4 และ ZnSO4 แต่โลหะ Zn
เกิดปฏิกิริยาเมือ่ จุ่มใน CuSO4 เท่าน้ัน ดังน้ัน โลหะ Mg จึงเป็นตัวรีดิวซ์ได้ดีกว่า Zn ส่วนโลหะ
Cu ไมเ่ กิดปฏิกริ ยิ าเมื่อจุ่มลงในสารละลายใดเลย จงึ เป็นตวั รดี ิวซท์ ่ีไม่ดีทส่ี ุด
ในทางกลับกัน Cu2+ ในสารละลาย เกดิ ปฏิกิริยากบั โลหะ Mg และ Zn แต่ Zn2+ ในสารละลาย
เกิดปฏิกิริยากับโลหะ Mg เท่าน้ัน แสดงว่า Cu2+ เป็นตัวออกซิไดส์ที่ดีกว่า Zn2+ ส่วน Mg2+
ในสารละลาย ไม่เกิดปฏกิ ริ ิยากบั โลหะใดเลย จึงเปน็ ตวั ออกซิไดส์ทีไ่ ม่ดีที่สุด
50
สรปุ ผลการทดลอง
ความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์ของโลหะและตัวออกซิไดส์ของไอออนของ
โลหะพิจารณาได้จากการเกิดปฏิกิริยารีดอกซ์ของโลหะและไอออนของโลหะ เรียงลาดับ
ได้ดงั น้ี
- ความสามารถในการเปน็ ตัวรดี ิวซ์ : Mg > Zn > Cu
- ความสามารถในการเปน็ ตัวออกซิไดส์ : Cu2+ > Zn2+ > Mg2+
51