The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชายานยนต์ทหาร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by armynco2665, 2022-07-18 02:04:52

วิชายานยนต์ทหาร

วิชายานยนต์ทหาร

บทที่ 5

การฝกึ ขับรถในสนามฝกึ

1. การฝึกออกรถและจอดรถ

ความมงุ่ หมาย เพ่ือฝึกให้รูจ้ กั การใชค้ ลัทและคันเรง่ น้ามนั ให้สัมผัสกัน เพื่อที่จะออกรถได้นุ่มนวล ให้รู้จัก
ใชห้ า้ มลอ้ , เหยียบคลทั , ปลดเกยี ร์ ไดถ้ ูกตอ้ งเม่อื ต้องการจะหยดุ รถ

1.1 วธิ ฝี กึ
ในตอนเริม่ แรก ผู้ฝึกควรจะไดซ้ ักซ้อมสญั ญาณตา่ งๆทีต่ อ้ งใช้ในการฝึก และชีแ้ จงผู้เขา้

รับการฝกึ ทราบวา่ การฝึกในขนั้ ตอนน้ีจะใช้ไดแ้ ต่เพียงเกยี ร์ 1 เทา่ น้ัน การฝึกควรจะกระทาตามลาดับขน้ั ดังนี้
1) “ประจาท”่ี คาบอกและปฏิบตั คิ งเหมอื นกันกับเม่ือฝึกขบั รถอยู่กับท่ี
2) “ติดเคร่อื ง” เมอ่ื ผรู้ บั การฝกึ น่งั ประจาท่ีเรยี บร้อยแลว้ ผูฝ้ ึกจึงให้สัญญาณติดเครื่อง คาบอกและ

การปฏบิ ัติไม่เปล่ียนแปลงจากที่ได้ขบั รถอย่กู บั ท่ี
3) “ออกรถ” เม่อื ผ้รู ับการฝึกติดเครื่องยนต์แล้วผู้ฝึกตรวจดูว่าทุกๆอย่างดาเนินไปอย่างถูกต้อง และ

ผู้รับการฝึกพรอ้ มทจ่ี ะออกรถได้ การแสดงว่าพร้อมท่ีจะออกรถได้ ให้ผู้รับการฝึกแสดงสัญญาณว่า “พร้อม” ผู้ฝึกจึง
ให้สญั ญาณ “ออกรถ”

4) “หยุด” เม่ือผู้เข้ารับการฝึกได้ขับรถโดยใช้เกียร์ 1 ไป 1 รอบ หรือ 2 รอบสนามจนผู้รับการฝึก
ค่อยมีความรู้สึกต่อการบังคับให้เคลื่อนท่ีโดยใช้เกียร์ 1 แล้วผู้ฝึกจึงให้สัญญาณ “หยุด” เพ่ือดูว่าผู้รับการฝึกคนใดมี
คาถามหรอื เกดิ ความสงสยั อยา่ งไรบ้าง การปฏิบัตคิ งเป็นไปเช่นเดียวกนั กบั การฝกึ ขบั รถอยกู่ บั ท่ี คอื

1.2 การปฏบิ ตั ิ
1) เม่อื ผู้ฝกึ สั่ง “ออกรถ” แล้วจึงสงั่ เปลยี่ นไปให้ใช้เกยี รส์ ูงขึ้นตามลาดับ
2) เมื่อเหน็ ว่าผูร้ บั การฝึกเปล่ียนจากเกยี ร์ต่าไปสูงไดด้ แี ลว้ กใ็ ห้ฝกึ เข้าเกยี ร์ต่าลงมาตามลาดับ
3) เมื่อเห็นว่าผู้รับการฝึกขับรถรอบๆสนามไปในทางทิศหนึ่งจนชานาญพอแล้ว ก็ให้ฝึกขับรถรอบ

สนามในทิศทางตรงขา้ ม ท้ังน้ีเพอื่ เปน็ การฝึกขบั ทงั้ เลยี้ วซา้ ยและเลี้ยวขวา

คาถามทา้ ยบท

การขบั รถในสนามฝกึ
1. การจอดรถท่ถี ูกต้องทสี่ ุดตามแบบฝึกคือ
2. การจอดรถท่ีดคี วรทาอย่างไร
3. การเลย้ี วรถเม่อื ผา่ นโค้งไปแล้วข้อใดถูกต้อง
4. ส่งิ ทีไ่ ม่ควรกระทาในการเลี้ยว
5. เมือ่ รถมขี นาดใหญ่การเลย้ี วข้อใดถูก
6. ในขณะท่รี ถถอยหลัง ถ้าต้องการให้รถเล้ียวถอยหลงั ไปทางซ้ายควรปฏบิ ัติย่างไร
7. การฝึกในสนามฝึกการเดนิ หน้าทด่ี ใี ช้เกียร์อะไร
8. การใช้คลัทซ้อนเพือ่ อะไร
9. ในกรณีทีเ่ ขา้ เกยี ร์ไม่ไดค้ วรทาอย่างไร
10. การยา้ คลทั ทาอยา่ งไร

บทท่ี 6

การฝกึ ขบั รถในเสน้ ทาง

1. การออกรถ การเลย้ี วรถ และการกลบั รถ
1.1 การขบั รถออกจากท่ีจอดรถ จะต้องใหส้ ัญญาณด้วยมือละแขนหรือไฟกระพรบิ ทางขวา มองดูกระจก

หลงั หรอื กระจกข้าง เมอ่ื เหน็ ว่าปลอดภัยจึงเลือ่ นรถออกจากท่ีจอดรถ
1.2 การเลย้ี วซา้ ย กรณีไม่แบ่งชอ่ งทางเดนิ รถไว้ ให้ขับข่ีชดิ ทางเดินรถด้านซ้าย กรณีแบ่งชอ่ งการเดนิ รถไว้

ให้ขับขีใ่ นช่องทางสาหรบั รถที่จะเล้ียวซา้ ยกอ่ นถงึ ทางเลย้ี วไมน่ ้อยกว่า 30 เมตร กรณีมชี ่องเดินรถประจาทางกต็ ้องขับ
ขีช่ ิดชอ่ งเดนิ รถประจาทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร

1.3 การเลีย้ วขวา กรณไี ม่แบง่ ช่องทางเดินรถไว้ ใหข้ บั ขชี่ ิดทางเดนิ รถดา้ นขวาของก่ึงกลางทางเดินรถ
กอ่ นถึงทางเลี้ยวขวาไม่น้อยกวา่ 30 เมตร กรณีมีช่องเดินรถประจาทางอยู่ขวาสดุ ก็ต้องขบั ขช่ี ดิ ช่องเดินรถประจาทาง
ไมน่ ้อยกว่า 30 เมตร

1.4 ในทางเดินรถท่สี วนกันได้ หา้ มมใิ หผ้ ู้ขับข่ีกลับรถในเมอ่ื รถอ่ืนสวนมา หรือตามมาในระยะน้อยกว่า
100 เมตร

1.5 ถา้ หากการกลบั รถในทางเดนิ รถทส่ี วนกนั ได้ จะเป็นการกดี ขวางการจราจร หา้ มมใิ ห้ผ้ขู บั ข่ีกลับรถใน
ทางเดินรถนน้ั

1.6 เมื่อมีเคร่ืองหมายหา้ มเลีย้ วซา้ ย-ขวา หา้ มกลับรถ หรือบนสะพาน หา้ มมิใหผ้ ู้ขับขเ่ี ลีย้ วหรอื กลับรถ
2. การหยดุ หรอื จอดรถ

2.1 การหยดุ หรอื จอดรถ จะตอ้ งให้สญั ญาณด้วยมอื และแขน หรือสญั ญาณไฟก่อนจะหยุดหรือจอดรถใน
ระยะไมน่ ้อยกวา่ 30 เมตร และต้องเห็นวา่ ปลอดภัยดแี ล้ว แมจ้ ะใหส้ ญั ญาณในระยะ 30 เมตรตามที่กาหนดแล้ว เมื่อ
เหน็ วา่ มรี ถตามมาด้านซ้ายด้วยความเรว็ สูงก็ถือว่าไมป่ ลอดภัย

2.2 ผู้ขบั ขี่จะต้องจอดในทางซา้ ยของทางเดินรถ และจอดรถให้ดา้ นซา้ ยของรถขนาน ชดิ ขอบทางหรอื ไหล่
ทางในระยะห่างไม่เกนิ 25 ซม.หรอื จดรถตามทิศทางหรอื ด้านหน่ึงดา้ นใดของทางเดนิ รถทีท่ เ่ี จ้าพนักงานจราจรกาหนด
ไว้ และต้องไม่มเี คร่ืองหมายห้ามจอดหรือกรณีมชี อ่ งเดินรถประจาทางในทางด้านซา้ ยสดุ ก็ห้ามมิใหจ้ อดรถเช่นกัน

2.3 หา้ มมใิ หห้ ยุดรถในช่องเดนิ รถ เว้นแตห่ ยดุ ชดิ ขอบทางดา้ นซา้ ยของทางเดนิ รถและไม่มชี อ่ งเดินรถ
ประจาทาง ,หา้ มหยดุ บนทางเทา้ บนสะพาน อุโมงค์ หรือในทางร่วมทางแยก

2.4 ในกรณีเครือ่ งยนต์หรอื อปุ กรณ์ของรถขัดข้องจนต้องจอดรถในทางเดนิ รถ ผขู้ บั ขี่ตอ้ งนารถไปให้พน้
ทางเดนิ รถโดยเร็วท่สี ดุ ถา้ จาเป็นต้องจอดอยู่ ต้องจอดในลักษณะไมก่ ีดขวางการจราจรและตอ้ งแสดงเครื่องหมายให้ผู้
ขี่อืน่ ได้ทราบด้วย

2.5 หา้ มมใิ ห้จอดรถ บนทางเท้า บนสะพานหรืออโุ มงค์ ในทางร่วมทางแยกหรือในระยะสิบเมตรจากทาง
รว่ มทางแยก ในทางข้าม หรือระยะสามเมตรจากทางข้าม ในเขตทมี่ เี คร่ืองหมายห้ามจอด,ในระยะสามเมตรจากท่อ

ดบั เพลงิ ในระยะสิบเมตรจากท่ตี ั้งสัญญาณไฟจราจร ในระยะสบิ หา้ เมตรจากทางรถไฟผ่าน จอดซ้อนกบั รถคนั อน่ื ที่
จอดอยู่แล้ว ตรงปากทางเขา้ ออกอาคารหรอื ทางเดินรถ หรอื ระยะหา้ เมตรจากปากทางเดนิ รถ ในระยะสิบหา้ เมตร
กอ่ นถึงเครื่องหมายหยดุ รถประจาทางและเลยเครื่องหมายออกไปอีกสามเมตรในลกั ษณะกีดขวางการจราจร

2.6 การหยดุ หรอื จอดรถในทางเดนิ รถนอกเขตเทศบาลผขู้ บั ขี่ตอ้ งหยุดหรือจอดรถ ณ ที่ซง่ึ ผูข้ ับข่ีรถอนื่ จะ
เห็นไดใ้ นระยะไม่น้อยกวา่ หน่ึงร้อยห้าสิบเมตร

2.7 ในเวลาทแ่ี สงสวา่ งไม่เพียงพอที่ผู้ขับขจี่ ะมองเห็นรถทจ่ี อดรถในทางเดินรถได้ชดั แจง้ ในระยะไมน่ ้อย
กว่าหน่ึงร้อยห้าสบิ เมตร ผขู้ บั ขี่ซึ่งจอดรถจะต้องเปิดไฟหรอื ใช้แสงสวา่ งตามประเภท (เปิดไฟหรโ่ี ดยเฉพาะรถบรรทุก
จะต้องไม่สกปรกจนทาใหก้ ารมองเหน็ ไฟไมช่ ดั เจนพอ)

3. การเปลยี่ นเกียร์
จากบทความที่แลว้ (วธิ ปี ล่อยคลทั เพ่อื ออกรถ) เมื่อออกรถในเกียร์ 1 ได้แล้ว จนปล่อยคลทั ออกจน

หมดแลว้ เหยียบคนั เรง่ เพ่ิมขึ้นไปให้รถมีความเร็วประมาณ 10 ก.ม.ตอ่ ชวั่ โมง แลว้ ทาตามขน้ั ตอนต่อไป
3.1 เหยียบคลัทใหส้ ุด
3.2 มือดงึ คันเกียร์1 มาพักตรงกลาง (ตาแหนง่ เกยี ร์ว่าง) ชวั่ ขณะแล้วดึงต่อมาท่ีตาแหน่งเกยี ร2์
3.3 ปลอ่ ยคลทั ออกมาได้เร่อื ยๆ ไม่ต้องหยุดพัก ปลอ่ ยมาจนสุดระยะเหยยี บ
3.4 เหยยี บคันเรง่ เพม่ิ ขนึ้ ใหไ้ ด้ความเรว็ โดยประมาณ 20 ก.ม.ต่อชว่ั โมง
3.5 ทาการเปล่ียนเกียร์ 3 ตอ่ ไป โดยใหป้ ฏบิ ตั ติ าม ขัน้ ตอนเดียวกบั การเปลยี่ นเกียร1์ เปน็ เกียร์2 ทุกประการ
3.6 เกียรก์ บั ความเร็วรถ การเพม่ิ ความเร็วรถ จะต้องเข้าเกียรเ์ รยี งลาดับจาก 1-5

รูปที่ 6.1 การเปลยี่ นเกียร์
- เกยี ร์ 1 ใชท้ ่ีความเรว็ โดยประมาณ 0-10 ก.ม./ช.ม.
- เปลี่ยนไปใช้เกยี ร์ 2 ที่ความเร็วโดยประมาณ 10-20 ก.ม./ช.ม.
- เปลี่ยนไปใชเ้ กียร์ 3 ที่ความเร็วโดยประมาณ 30-40 ก.ม./ช.ม.
- เปลยี่ นไปใช้เกยี ร์ 4 ที่ความเรว็ โดยประมาณ 50-60 ก.ม./ช.ม.
- เปลี่ยนไปใช้เกียร์ 5 ทค่ี วามเร็วโดยประมาณ 60-80 ก.ม./ช.ม.

การลดความเร็ว ไม่จาเปน็ ต้องลดความเรว็ เรยี งลาดบั เหมือนกับการเพ่มิ ความเร็วรถแต่จะข้นึ อยกู่ บั ว่า
ความเรว็ ในขณะนัน้ เช่น ถา้ วงิ่ ที่ 100 ก.ม./ช.ม. แลว้ เหยยี บเบรกรถยนตท์ าใหค้ วามเร็ว ลดลงเหลอื 20 ก.ม./ช.ม.เรา
ก็สามารถเขา้ เกยี ร์ 2 ได้เลย

4. การใชค้ วามเรว็
ในประเทศไทยมีการกาหนดข้อบังคับเพื่อให้ทุกคนปฏิบัติตามข้อกาหนดต่างๆ ที่กาหนดขึ้น ซึ่งเรียกว่า

พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ซ่ึงคานิยามของ พระราชบัญญัติคือ บทกฎหมายท่ีใช้บังคับอยู่เป็นประจาตามปกติ เพ่ือวาง
ระเบียบบังคับความประพฤติของบุคคลรวมท้ังองค์กรและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีฐานะสูง
กว่าบทกฎหมายอื่นๆ นอกจากรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันพระราชบัญญัติที่เก่ียวข้องกับการกาหนดอัตราความเร็วของ
ยานพาหนะในประเทศไทยน้ัน สามารถจาแนกออกตามกฎกระทรวง ได้แก่ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
และพระราชบัญญัตทิ างหลวง พ.ศ. 2535

พระราชบัญญัติจราจรทางบกกาหนดข้ึนเป็นคร้ังแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2522 จึงเรียกว่า พระราชบัญญัติ
จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งมีการกาหนดบทกฎหมายต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการจราจรทางบก เพ่ือบังคับใช้กับผู้ใช้รถ
ใช้ถนนให้ปฏิบตั ติ ามขอ้ กาหนดตา่ งๆ

5. สทิ ธกิ ารใชท้ าง
5.1 ผขู้ บั ขจี่ ะตอ้ งใช้ความระมัดระวงั ไมใ่ ห้รถชนหรือเฉ่ียวชนคนดินเท้า ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของทาง และ

ต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้า ให้รู้ตัวเมื่อจาเป็น โดยเฉพาะเด็ก คนชราหรือคนพิการที่กาลังใช้ทาง ผู้ขับข่ีต้องใช้
ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการควบคมุ รถของตน

5.2 ในการขบั รถ ต้องขับรถในทางเดนิ รถดา้ นซ้าย และต้องไมล่ า้ เส้น กึ่งกลางของทางเดนิ รถ เว้นแตก่ รณี
ตอ่ ไปน้ี ให้เดนิ ทางขวาหรอื ล้าเสน้ กึง่ กลางของทางเดนิ รถได้

1) ดา้ นซ้ายของทางเดินรถมีสงิ่ กดี ขวางหรือถกู ปิดกั้นการจราจร
2) การเดินรถนน้ั กาหนดใหเ้ ป็นทางเดินรถทางเดียว
3) ทางเดนิ รถกว้างไม่ถึง 6 เมตร
5.3 ในการใชท้ างทแ่ี บง่ ช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ชอ่ ง ข้นึ ไป หรือท่ีได้จัดชอ่ งเดินรถประจา
ทางไวใ้ นช่องเดนิ รถซ้ายสุดผู้ขับขี่ ตอ้ งขบั รถในช่องซา้ ยสุด หรือใกล้กับช่องเดินรถประจาทางเว้นแต่ ในกรณดี งั ต่อไปน้ี
ใหเ้ ดินรถทางขวาของทางเดินรถได้
1) ในช่องเดินรถนนั้ มีสิ่งกีดขวางหรือถกู ปิดการจราจร
2) ทางเดินรถนนั้ เจ้าพนักงานจราจรกาหนดให้เป็นทางเดนิ รถ ทางเดยี ว
3) จะตอ้ งเขา้ ชอ่ งทางใหถ้ ูกต้องเม่ือเข้าบรเิ วณใกล้ทางรว่ ม ทางแยก
4) เมอ่ื จะแซงข้ึนหนา้ คนั อ่ืน
5.4 รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ รถที่มีความเร็วข้า หรือรถท่ีใช้ความเร็วต่ากว่า
ความเรว็ ของรถคันอื่นท่ีขับไปในทาง เดียวกันผู้ขับข่ีต้องขับรถให้ใกล้ช่องทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่ทาได้ ถ้าทางรถนั้น

ได้แบ่งช่องเดินรถในทางเดียวกันไว้ต้ังแต่ 2 ช่องขึ้นไป หรือได้จัดช่องเดินรถประจาทางด้านซ้ายไว้ ต้องขับรถในช่อง
เดนิ รถ ดา้ นซา้ ยสุด หรอื ใกล้กบั ชอ่ งทางเดนิ รถประจาทาง

5.5 ผู้ขับข่ซี ่งึ จะเลยี้ วรถ ให้รถคันอนื่ ผ่านหรือแซงขึน้ หน้าไปก่อน
เปล่ยี นช่องเดินรถ และลดความเร็ว จอดรถหรือหยุดรถต้องใชส้ ญั ญาณ มือ และ / หรือสญั ญาณไฟ เป็นระยะทางไม่
น้อยกว่า 30 เมตร กอ่ นถึง ทางเลีย้ ว

5.6 เม่อื ขับรถสวนกนั ให้ขับรถชิดด้านซา้ ยของทางเดนิ รถ โดยใหถ้ ือ เสน้ กึ่งกลางของทางรถเป็นหลัก
หรือเสน้ แนวที่แบ่งเป็นช่องเดินรถ เปน็ หลกั

5.7 ในทางเดินรถทีแ่ คบ เมือ่ ขับรถสวนกันผูข้ บั ขี่แตล่ ะฝาุ ยตอ้ งลดความ เรว็ ของรถเพ่อื ให้รถสวนกันได้
โดยปลอดภยั

5.8 ในทางเดนิ รถที่แคบ ซ่ึงไม่อาจขับสวนกันไดโ้ ดยปลอดภยั เมื่อขับรถ สวนกัน ผู้ขับข่ีซ่งึ ขับรถคันท่ีใหญ่
กวา่ ตอ้ งหยุดรถให้ชิดของทางเดินรถ ดา้ นซา้ ย ใหผ้ ขู้ ับขี่ซึง่ ขับรถคันท่ีเล็กกว่าผ่านไปก่อน

5.9 ในทางเดินรถที่มีสง่ิ กดี ขวาง ผ้ขู ับข่ตี ้องลดความเรว็ หรือหยดุ รถ เพอ่ื ให้รถที่สวนมาผ่านไปได้ก่อน
5.10 ผู้ขับข่ีต้องขับรถใหห้ ่างจากรถคนั หน้าพอสมควร ในระยะท่ีหยุดรถ ไดโ้ ดยปลอดภยั ในเม่อื
จาเปน็ ตอ้ งหยดุ รถ
5.11 ผู้ขบั ข่ีซึ่งขบั รถขึน้ สะพาน หรือทางลาดชนั ตอ้ งใช้ความระมัดระวงั ไมใ่ หร้ ถถอยหลงั ไปโดนรถคนั อ่ืน
5.12 ทางเดนิ รถใดที่มเี ครื่องหมายจราจรแบ่งทางเดนิ รถออกเป็นสองทาง สาหรับรถเดนิ ได้ทางหน่ึง ลอ่ ง
ทางหนึ่ง โดยมชี อ่ งวา่ งคนั่ กลาง หรือ ทาเครื่องหมายจราจรกดี กัน้ แสดงวา่ ทางเดินรถนั้นมกี ารแบ่งออก เปน็ สองทาง
ดังกลา่ วให้ผ้ขู บั ข่ีรถชิดซา้ ยของทางเดนิ รถ
5.13 ห้ามมใิ ห้ขบั ขี่รถยนต์ในกรณดี งั ต่อไปน้ี

1) ในขณะหย่อนความสามารถในอันท่ีจะเกดิ อนั ตรายขึน้ ได้
2) ขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่นหรือเสพยาบ้า
3) ในลกั ษณะกีดขวางการจราจร
4) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสยี วอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือ ทรัพย์สนิ
5) ในลักษณะผดิ ปกตวิ สิ ยั ของการขบั รถตามธรรมดา หรอื ไม่อาจแล เห็นทางด้านหน้าหรอื ด้านหลัง
ดา้ นในด้านหนงึ่ หรอื ท้ังสองด้านซง่ึ ไม่พอ แก่ความปลอดภัย
6) คร่อมหรือทบั เส้นแนวแบง่ ช่องทางเดนิ รถ เว้นแตเ่ มือ่ เปล่ียน
ช่องทางเดนิ รถ เลยี้ วรถ หรอื กลบั รถ
7) บนทางเดนิ เทา้ โดยไม่มเี หตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเขน็ สาหรับ ทารก คนปุวย หรือคนพกิ าร
8) โดยไมค่ านึงถงึ ความปลอดภัย หรอื ความเดอื ดร้อนของผู้อื่น
5.14 ขณะขบั รถตอ้ งนาใบอนุญาตขับขต่ี ดิ ตัวไปด้วย และใบอนุญาตน้ัน จะต้องถูกต้องตามชนดิ และ
ประเภทของรถ พรอ้ มนาภาพถา่ ยสาเนา ค่มู ือจดทะเบยี นรถติดตวั ไปด้วย อยา่ เก็บภาพถ่ายสาเนาคมู่ ือจดทะเบยี นไว้
ในล้ินชกั รถ เพราะภาพถา่ ยสาเนาคมู่ ือทะเบียนรถนั้น เจ้าของหรอื ผขู้ บั จะไว้ใชแ้ สดงต่อเจ้าหน้าท่ตี ารวจเพ่ือปูองกนั

การโจรกรรมรถ หากเปน็ คนร้ายขโมยรถไป ก็ไม่สามารถแสดงภาพถ่ายสาเนาคู่มือจดทะเบียนได้ เจา้ หนา้ ทตี่ ารวจก็จะ
ยึดรถไวเ้ พ่ือให้เจา้ ของจาหลกั ฐาน มาขอรบั รถ

5.15 ผู้ขับข่ีต้องมีความรู้เก่ียวกับความหมายเครื่องหมายสัญญาณการจราจรต่างๆ และแผ่นปูายเคร่ือง-
หมายจราจรท่ตี ิดต้งั ตามถนน สายต่างๆ และใหป้ ฏิบัติตามด้วย

คาถามทา้ ยบท

การฝึกขบั รถในเส้นทาง
1. ผู้ขับข่ีต้องจอดรถทางด้านซา้ ยของทางเดินรถ ห่างจากทางเท้ากเี่ ซนติเมตร
2. การอกรถบนสะพาน ควรทาเชน่ ไร
3. การจอดรถในทีล่ าด โดยไม่มีเบรกมือ ตอ้ งทาอย่างไร
4. การเปลย่ี นเกียร์ต่าไปเกยี ร์สูง ของผขู้ บั ขีส่ ่วนใหญ่มกั จะเบิ้ลคนั เรง่ เป็นการกระทาท่ถี ูกต้องหรือไมเ่ พราะ
5. เม่อื ทาการเปลยี่ นเกยี รแ์ ล้ว สาเหตใุ ดทผ่ี ู้ขบั ขี่ไมค่ วรวางเทา้ ไวบ้ นคลัท
6. สทิ ธิการใช้ทาง คอื
7. เมอ่ื เจอทางรว่ มทางแยกที่มีสญั ญาณไฟกระพรบิ สีเหลือง ผู้ขับข่จี ะปฏบิ ตั ิอย่างไร
8. เม่ือผู้ขบั ข่ีขบั รถไปเจอถนนทางโทตัดทางเอก จะปฏบิ ตั ิอย่างไร
9. การขับรถผา่ นทางรว่ มทางแยก ท่ไี ม่มีสญั ญาณไฟ ตา่ งฝุายจะตรงไป ผู้ขบั ขีต่ ้องให้รถคันใดไปก่อน
10. เม่ือผ้ขู บั ข่รี ถผ่านถนน ท่ีมีศกั ดเิ์ ท่ากัน มาตดั กัน จะปฏิบัติอยา่ งไร

บทที่ 7

หลกั เกณฑก์ ารขอมีใบอนญุ าตขบั ขรี่ ถยนตแ์ ละการทดสอบ

1. การขอใบอนญุ าตขบั ขรี่ ถยนต์
ใบขับข่ีรถยนต์ออกให้โดยกรมขนส่งทางบก สาหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และรู้กฎจราจร

ตลอดจนมีร่างกายและจิตใจสมบูรณ์พอท่ีจะขับรถได้อย่างปลอดภัย ผ่านการสอบข้อเขียนและสอบขับรถที่ได้ตาม
กาหนดไว้ เพื่อให้ประชาชนทใี่ ชถ้ นนหลวงจะไดม้ คี วามปลอดภยั มากท่สี ุด

1.1 ขน้ั ตอนการขอรับใบอนุญาตขบั รถยนต์ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์
1) การขอรบั ใบอนญุ าตขับรถใหม่ (ใบอนุญาตช่ัวคราว) หลกั ฐานทีต่ อ้ งนามา
1.1) บัตรประจาตวั ประชาชน
1.2) สาเนาทะเบียนบา้ น
1.3) รปู ถ่ายขนาด 1 นิว้ จานวน 2 รูป
1.4) ใบรบั รองแพทย์

1.2 การพกพาใบอนุญาตขับรถยนต์
1) ผู้ขับข่ีต้องพกใบอนุญาตขับรถยนต์ประจาตัวอยู่เสมอ และพร้อมที่จะให้พนักงานตรวจสอบได้

ขณะใช้รถยนต์
2) เม่อื ใบอนุญาตสูญหาย ตอ้ งแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตารวจในท้องท่ีท่ีใบอนุญาตหายแล้วนาใบแจ้งความ

นั้นไปขอทาใบแทนใบอนุญาตท่ีจังหวัดทาไว้ หากจาหมายเลขใบอนุญาตเดิม วัน เดือน ปี ที่ได้รับอนุญาตได้จะทาให้
ได้รับความสะดวกมากขน้ึ หากผูแ้ จ้งหายมเี จตนาทุจรติ จะมีความผิดตามกฎหมาย อาจถูกจาคกุ

2. ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิการขบั รถยนต์

ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิการขบั รถยนต์

ท่าที่ 1 การเดินหนา้ ถอยหลงั

ให้ขบั รถเดนิ หน้าและถอยหลังโดยไม่ใหช้ น

รปู ที่ 7.1 การเดินหนา้ ถอยหลัง

2.1 ขบั รถเดินหนา้ และถอยหลังในทางตรง
ให้ขับรถในช่องเดินรถที่ระยะ 12 เมตร เดินหน้า 1 คร้ัง และถอยหลัง 1 ครั้ง โดยต้องไม่ขับชนหรือ

เบียดเสาหลัก ท่ตี ง้ั วางเรียงกนั ทั้งซา้ ยและขวา และอยา่ ให้เครือ่ งยนต์ดับในขณะทดสอบอยู่

ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิการขบั รถยนต์

ทา่ ท่ี 2 การจอดเทียบฟตุ บาท

จอดรถเทยี บห่างไมเ่ กนิ 25 เซนตเิ มตร

รปู ที่ 7.2 การจอดรถเทยี บฟตุ บาท
2.2 ขบั รถเดินหน้าและหยดุ รถเทยี บทางเท้า

ด้านซ้ายของตัวรถต้องจอดขนาน และห่างจากขอบทางไม่เกิน 25 ซม. โดยจอดให้ล้อหน้าและหลัง
ล้อทบั เส้นสที กี่ าหนด กนั ชนหน้ารถต้องไม่เกนิ จดุ หยดุ รถขา้ งทางและหา่ งจากเสน้ หยุดรถไม่เกนิ 1 เมตร

ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั กิ ารขบั รถยนต์

ท่าที่ 3 ถอยหลงั เทยี บจอด

อนุญาตเปล่ียนเกยี ร์เดนิ หนา้ และถอยหลงั รวมกนั ได้
ไมเ่ กนิ 7 ครงั้

รปู ที่ 7.3 ถอยหลังเทยี บจอด

2.3 ขับรถถอยเข้าซอง
ใหข้ ับรถถอยหลังเข้าจอดและออกจากช่องว่างด้านซ้าย เปล่ียนเกียร์ได้ไม่เกิน 7 ครั้ง ต้องไม่ชนหรือ

เบียดเสาในพื้นท่ีที่กาหนด ตัวรถต้องขนานกับขอบทางหรือเสาหลักด้านซ้าย กระจกข้างต้องไม่ล้าออกมาเกินเส้นที่
กาหนด

3. การทดสอบเพื่อขอรับใบอนญุ าตพเิ ศษสาหรบั ขับรถยนต์ทหาร
3.1 การสอบข้อเขยี น
ความมุ่งหมาย เพื่อทดสอบความรู้ในเรื่องส่วนต่างๆ ของตัวรถ เคร่ืองยนต์ การขับรถ การปรนนิบัติ

บารุง กฎจราจร เครื่องหมาย และสญั ญาณตา่ งๆ รวมท้งั พรบ.จราจรทางบกมาตรฐานท่ีต้องการ ผู้เข้ารับการทดสอบ
ต้องตอบปัญหาสอบได้คะแนนไม่น้อยกว่า 55 ใน 100 คะแนนวิธีการและการปฏิบัติ ผู้เข้ารับการทดสอบ จะได้รับ
ปัญหาสอบ และต้องตอบปัญหาสอบภายในเวลาทดสอบท่ีกาหนด (หมายเหตุ ผู้ท่ีผ่านการทดสอบทางปฏิบัติแล้ว จึง
จะมีสทิ ธ์เิ ขา้ รบั การทดสอบข้อเขยี น)

3.1 การสอบทางปฏิบตั ิ
ความมุ่งหมาย เพื่อทดสอบความรู้ความสามารถของพลขับในการปฏิบัติเก่ียวกับการขับรถ การ

ปฏบิ ตั ิตามกฎจราจร และการใชค้ วามระมัดระวงั เร่อื งความปลอดภัยในการขบั รถบนถนนมาตรฐานท่ีต้องการ ผู้เข้ารับ
การทดสอบ ตอ้ งสอบผ่านสถานที ดสอบไดท้ ุกสถานี และต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า 65 ใน 100 คะแนนวิธีการและการ
ปฏิบตั ิ ผ้เู ข้ารับการทดสอบจะต้องทาการทดสอบสถานตี ่าง ๆ ตามลาดบั โดยแบ่งสถานีทดสอบเปน็ 4 สถานี ดงั น้ี

1) สถานที ดสอบที่ 1 การนารถเข้าจอดในท่ีจากดั (การหยุดรถตามจดุ ท่มี ุ่งหมาย)
1.1) ความมุง่ หมาย
(1) ให้สามารถจอดรถในพื้นทแี่ คบและจากัดล้อมรอบ
(2) รูจ้ ักการกะระยะตามขนาดของรถ
(3) ร้จู กั การใชพ้ วงมาลัย ประกอบกบั การใชเ้ กยี รเ์ ดินหนา้ และถอยหลงั
1.2) ลกั ษณะของสถานีทดสอบ

33
ฟตุ ฟตุ

สนามทดสอบใบอนญุ าต ฯ ประเภทที่ 3

รปู ท่ี 7.4 สถานีทดสอบนารถเข้าจอดในพื้นท่จี ากัด ใบอนุญาตประเภท 3

รูปท่ี 7.5 สถานที ดสอบนารถเขา้ จอดในพืน้ ที่จากัด ใบอนุญาตประเภท 2
(1) ขดี เส้นตรง สมมตุ ใิ ห้เป็นเสน้ ทางฟุตบาท (ก)
(2) ขีดเส้นตรงเสน้ หน่ึงให้ขนาน และหา่ งจากเสน้ ฟตุ บาทระยะ 1 ฟุต
(3) นารถทจ่ี ะทดสอบ จอดโดยให้ ลอ้ หนา้ และล้อหลังทับเส้น ในข้อ 2 ดังรูป (ค) วัดจากกัน

ชนหน้า และกันชนหลงั ออกไปดา้ นละ 3 ฟุต (ง) และวัดออกไปทางด้านขวาของตัวรถ 1 ฟุต (จ) นาหลักปักเป็นแนว
ด้านหน้ารถ จานวน 4 หลัก และปักเป็นแนวด้านหลังรถ จานวน 4 หลัก ดังรูป (หมายเหตุ สาหรับรถยนต์บรรทุก
ขนาด 2 1/2 ตัน ขึ้นไป ให้ดาเนินการเช่นเดียวกัน แต่ระยะห่างจากกันชนหน้าเพ่ิมเป็น 4 ฟุต ส่วนรถยนต์บรรทุก
M.35 ระยะหา่ งจากกันชนหน้า และหลงั เพิม่ เปน็ ด้านละ 4 ฟุต)

1.3) วธิ ปี ฏิบตั ิ
(1) นารถท่ีจะทดสอบเข้าจอดท่ีจุดเริ่มต้น เม่ือผู้รับการทดสอบพร้อม กรรมการจะให้

สัญญาณเริม่ ปฏบิ ตั ิ

(2) บังคับรถถอยหลังเข้าจอดภายในช่องที่กาหนด โดยให้ปฏิบัติทั้งถอยหลัง และเดินหน้า
รวมกันแล้วไม่เกิน 6 คร้งั

(3) การบังคับรถถอยหลัง เข้าจอดคร้ังแรก จะนับเป็นคร้ังที่ 1 ในกรณีท่ีผู้รับการทดสอบไม่
แน่ใจว่าจะเข้าจอดได้หรือไม่ ให้ยกมือขวา (ซ้าย) ชูข้ึนนอกตัวรถเพ่ือร้องขอเข้าจอดใหม่ เม่ือคณะกรรมการทดสอบ
อนุญาตแล้ว ให้นารถเข้าไปท่จี ดุ เร่ิมตน้ เพอ่ื ปฏิบตั ิใหม่ (การรอ้ งขอ เพอื่ นารถเข้าจอดใหม่ อนญุ าตให้กระทาได้ 1 คร้ัง
เทา่ นนั้ )

(4) หลังจากบังคับรถถอยหลังครั้งที่ 1 แล้ว ผู้รับการทดสอบจะต้องบังคับรถ เดินหน้า -
ถอยหลงั เขา้ จอดภายในชอ่ งท่กี าหนดใหไ้ ดร้ วมแลว้ ไม่เกนิ 6 คร้งั

(5) เม่ือนารถเข้าจอดภายในช่องท่ีกาหนด ผู้รับการทดสอบต้องยกมือขวา (ซ้าย) ชูข้ึนนอก
ตวั รถ เพื่อแจง้ ให้กรรมการทราบวา่ เรียบรอ้ ยแลว้

(6) เม่ือกรรมการตรวจแล้วเห็นว่าได้ตามมาตรฐานท่ีกาหนด จะแจ้งให้ผู้รับการทดสอบนา
รถออกจากช่องจอด โดยจะเดนิ หน้า-ถอยหลัง ก่ีครั้งก็ได้ แต่ต้องไมใ่ ชเ้ วลานานเกนิ สมควรในการ นารถออก

(7) ในขณะปฏิบัติการทดสอบ ห้ามผู้รับการทดสอบบังคับรถชนหลักใด หลักหน่ึง ทั้ง
ด้านหนา้ และด้านหลัง และห้ามลงจากรถในขณะทดสอบเด็ดขาด

1.4) มาตรฐานท่ตี ้องการ
พลขับสามารถนารถเข้าจอดในที่จากัดได้ โดยปฏิบัติตามวิธีที่กาหนด และให้ล้อหน้ากับล้อ

หลังของรถขนานกับขอบฟุตบาท ห่างจากฟุตบาทไม่เกิน 1 ฟุต ในขณะปฏิบัติ ห้ามหมุนพวงมาลัย ขณะท่ีรถจอดอยู่
กับท่ี ทัง้ นี้เพ่อื ปอู งกันการชารดุ ของยาง และระบบบงั คบั เลยี้ ว และเคร่ืองยนต์ต้องไม่ดับมากกว่า 3 ครั้ง

2) สถานที ี่ 2 การขบั รถตามช่องทางบังคบั (การขับรถในท่ีจากดั )
2.1) ความมุ่งหมาย
(1) เพื่อให้สามารถขับรถตามช่องทางบงั คบั ได้
(2) ร้จู ักการกะระยะ ตามขนาดของรถ
(3) รจู้ ักการสังเกต และระมัดระวังส่งิ ท่ีกดี ขวางอยู่
(4) ร้จู ักใชค้ วามเรว็ ให้เหมาะสม กับช่องทางบงั คับ
2.2) ลักษณะของสถานที ดสอบ

รปู ที่ 7.6 การขับรถตามช่องทางบังคบั

นาหลักต้ังเป็นช่องทางบังคับ โดยให้หลักห่างจากตัวรถข้างละ 1/2 ฟุต (สาหรับ รยบ. 1/4
ตัน , 1 ตัน ปิคอัพ) การต้ังหลักให้ตั้งเป็นคู่ ระยะห่างระหว่างหลักประมาณความยาวของรถ โดยพิจารณาให้รถ
สามารถเลี้ยวซา้ ย และขวา หลบหลกี หลักที่ตัง้ ไว้ ควรจัดทาไว้อย่างน้อย 6 คู่

2.3) วิธีปฏิบตั ิ
(1) นารถเข้าจอด ณ. จดุ เริม่ ต้น
(2) ขับรถผา่ นหลกั ท่ีตง้ั ไว้เปน็ ชอ่ งทางบงั คบั โดยใช้ความเร็วอย่างเหมาะสม เลี้ยวซ้าย - ขวา

ผ่านตามช่องทางจนถึงหลักสดุ ท้าย

2.4) มาตรฐานท่ีตอ้ งการ
พลขับสามารถขับรถผ่านหลักที่กาหนดไว้เป็นช่องทางบังคับโดยไม่ชนหลัก และขับรถ

เคล่ือนทไี่ ปขา้ งหน้าตามช่องทาง โดยไมต่ ้องหยุดหรือถอยหลงั
3) สถานที ี่ 3 การขบั รถขึ้น - ลงลาด (การเปล่ยี นเกยี รบ์ นพืน้ ลาด)
3.1) ความมุ่งหมาย
(1) เพือ่ ใหส้ ามารถขบั ขึ้น - ลง ลาดได้โดยปลอดภยั
(2) ให้รจู้ ักสมรรถนะของเคร่ืองยนต์เมือ่ อยูบ่ นลาด
(3) ให้รู้จกั การใช้เกยี รใ์ ห้สมั พนั ธ์กับหา้ มลอ้ มือ
3.2) ลักษณะของสถานที ดสอบ

รปู ที่ 7.7 การขบั รถขึ้น-ลง ลาด

เป็นลาดสร้างด้วยซีเมนต์ หรอื วัสดุอน่ื ที่แขง็ แรง ความชนั ของลาดประมาณ 40 %
3.3) วธิ ปี ฏิบตั ิ

(1) จอดรถรอที่จุดเรมิ่ ตน้ เชิงลาด
(2) กรรมการจะให้สัญญาณนารถขน้ึ ลาด ให้ผู้เข้ารับการทดสอบขับรถข้ึนไปจอดบนลาด โดย
ไม่ให้ลอ้ หนา้ พ้นลาดไปอย่ใู นแนวระดับ แล้วดงึ หา้ มล้อมอื เปลี่ยนเปน็ เกยี ร์ว่าง เสร็จแลว้ ดับ เคร่ืองยนต์
(3) กรรมการใหส้ ญั ญาณออกรถ ผเู้ ขา้ รับการทดสอบ ติดเครื่องยนต์ ขบั รถข้ึนลาดต่อไป
(4) เมอ่ื ถงึ กลางสะพานแนวระดับใหล้ ดความเรว็ ก่อนขับลงลาด
(5) ใชห้ า้ มล้อบังคับความเร็ว ขณะขบั ลงลาด
3.4) มาตรฐานทตี่ ้องการ
การขับรถบนลาด หลังจากติดเคร่ืองยนต์ใหม่แล้ว เคร่ืองยนต์ต้องไม่ดับ และต้องไม่ทาให้รถ
ล่ืนไหลถอยหลังเกิน 1 ฟุต ผู้เข้ารับการทดสอบ ต้องมีความระมัดระวัง ในการบังคับรถ และใช้พวงมาลัยบังคับรถให้
ตรงเส้นทางขณะข้นึ -ลงลาด

4) สถานีท่ี 4 การปฏบิ ตั ิตามเครื่องหมายจราจร
4.1) ความมุ่งหมาย
(1) ปฏิบตั ิได้ถกู ต้องตามเคร่อื งหมายจราจรทกี่ าหนด
(2) ใหส้ ญั ญาณไดถ้ ูกต้อง และเหมาะสมตามโอกาสอันควร
4.2) ลักษณะของสถานที ดสอบ

รูปท่ี 7.8 การปฏบิ ตั ติ ามเครอื่ งหมายจราจร
สนามทดสอบจะตดิ ต้ังเครื่องหมายจราจรไวต้ ามจุดตา่ ง ๆ โดยมีปาู ยบงั คบั ตามกฎจราจร
4.3) วิธีปฏิบตั ิ
(1) ผู้เข้ารับการทดสอบ ขับรถตามเส้นทางที่กาหนด โดยจะต้องสังเกตปูายเตือน และ
เครอ่ื งหมายจราจร แลว้ ปฏบิ ัติตามให้ถกู ตอ้ ง
(2) แสดงสัญญาณไฟ และสญั ญาณมือ ขณะปฏบิ ตั ติ ามเครื่องหมายจราจร ถึงจุดประสงค์ว่าจะ
กระทาส่ิงใด
4.4) มาตรฐานทต่ี ้องการ
ผู้เข้ารับการทดสอบขับรถได้อย่างถูกต้องปลอดภัย รู้จักปูายเตือน และเคร่ืองหมายจราจร
แสดงสัญญาณมือ หรือสัญญาณไฟได้ถูกต้อง และมีความระมัดระวัง อยู่ตลอดเวลา มีความต่ืนตัว สามารถแปล
ความหมายของเครอ่ื งหมาย สง่ิ บอกเหตุได้เปน็ อย่างดี

คาถามทา้ ยบท

หลักเกณฑก์ ารขอมใี บอนุญาตขับขี่รถยนต์และการทดสอบ
1. หลกั ฐานทต่ี ้องนามาขอรับใบอนุญาตขบั ขีร่ ถยนต์มีอะไรบ้าง
2. ขั้นตอนการสอบปฏิบตั กิ ารขับรถยนต์มีกี่ข้นั ตอน อะไรบ้าง
3. การสอบปฏิบัตขิ บั รถเดนิ หน้าและหยุดรถเทียบทางเทา้ จะต้องจอดห่างจากทางเทา้ ไมเ่ กินก่ี เซนตเิ มตร
4. การสอบข้อเขยี นเพ่อื ขอรับใบอนุญาตพิเศษสาหรบั ขับรถยนต์ทหาร มคี วามม่งุ หมายวา่ อยา่ งไร
5. การสอบทางปฏบิ ัติเพื่อขอรับใบอนุญาตพิเศษสาหรับขบั รถยนต์ทหาร มคี วามม่งุ หมายว่าอย่างไร
6. ในการสอบทางปฏบิ ัติ มีทงั้ หมดกส่ี ถานีทดสอบ อะไรบ้าง
7. ความมุง่ หมาย การนารถเข้าจอดในทจี่ ากัด มีอะไรบ้าง
8. ความม่งุ หมาย การขบั รถตามชอ่ งทางบงั คับ มอี ะไรบา้ ง
9. ความมงุ่ หมาย การขบั ขนึ้ – ลงลาด มอี ะไรบา้ ง
10. ความมุง่ หมาย การปฏิบตั ิตามเคร่ืองหมายจราจร มีอะไรบา้ ง

เอกสารอา้ งองิ

1. คมู่ ือการคัดเลือกและการฝึกพลขบั ประเภทลอ้
2. คมู่ อื ราชการสนามว่าดว้ ยวิธีดาเนินการฝกึ ปรนนิบัตบิ ารุงยานยนต์
3. หนังสือเรียนวชิ า การขับรถยนต์
4. คมู่ ือการใช้รถ รถบรรทุกขับเคลื่อนสลี่ ้อ รนุ่ FTS
5. คู่มือการซ่อม รถยน์อีซซู ุ ตระกูล F
6. www.matulee.com


Click to View FlipBook Version