จ่ายยืม
คมู่ อื การฝกึ – สอน
หลกั สตู ร นนส.ทบ. ( ชกท.111 )
วิชา ตา้ นทจุ ริตศกึ ษา
กองการศึกษา โรงเรยี นนายสิบทหารบก
พ.ศ. 2563
ปรัชญา
พฒั นาขีดความสามารถในการจดั การฝึกศกึ ษาให้กบั นักเรียนนายสบิ ทหารบก
โดยมุ่งเน้นให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาและสนองตอบนโยบายทางการศึกษาของ
กองทัพบก เพอ่ื ผลติ นายทหารประทวนหลัก ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่าง
มีคุณภาพและประสิทธิภาพและมีคุณสมบัติตามที่กองทัพบกต้องการตลอดจนเป็นผู้มีความ
จงรักภักดีต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยยึดหลักปรัชญา ๕ ประการ ของ
โรงเรยี นนายสบิ ทหารบกว่า “จงรักภักดี มคี วามรู้ อยู่ในระเบียบวนิ ยั ใจคณุ ธรรม ลกั ษณะผู้นา
เดน่ ”
วิสัยทศั น์
โรงเรียนนายสิบทหารบก เป็นองค์กรที่มั่นคงในการผลิตนายทหารประทวนให้กับ
กองทัพบกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โดยมุ่งเน้นมาตรฐานความรู้ คู่วินัย อีกทั้งมี
เกยี รติ ศักดศ์ิ รี เป็นท่ยี อมรบั ของหน่วยงานในกองทพั บก บคุ คลและหนว่ ยงานภายนอก
อตั ลักษณ์
“เป็นผนู้ าทด่ี ี และพร้อมเปน็ ในทกุ โอกาส”
เอกลกั ษณ์
“การฝกึ และศกึ ษาเปน็ เลิศ แหล่งกาเนิดนายทหารประทวนหลกั ของกองทพั บก”
คานา
โรงเรียนนายสบิ ทหารบก มหี นา้ ท่ีในการฝึกศกึ ษาแกน่ กั เรยี นนายสิบทหารบก โดยมี
กองการศึกษา โรงเรียนนายสิบทหารบก ดาเนินการฝึกศึกษาให้เป็นไปตามหลักสูตรที่กองทัพบกกาหนด
เพื่อผลิตกาลังพลนายทหารชั้นประทวนที่มีสมรรถนะและขีดความสามารถตามความต้องการของ
กองทัพบก
กองการศึกษา โรงเรียนนายสบิ ทหารบก จงึ ได้จดั ทาคู่มือการฝึกสอน หลักสตู รนายสิบทหารบก
(ชกท.111) ให้เหมาะสมและตรงตามความมุ่งหมายของหลักสูตร ซึ่งจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอน
ของโรงเรียนนายสิบทหารบก มีคุณภาพมาตรฐานและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
กองการศึกษา โรงเรียนนายสิบทหารบก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือการฝึกศึกษาในวิชา
ต้านทุจริตศึกษา จะเป็นประโยชน์สาหรับใช้เป็นเอกสารประกอบการเรียนการสอนของครูอาจารย์ และ
นักเรียนนายสิบทหารบก หากมีข้อบกพร่อง ผิดพลาดประการใดในคู่มือการฝึกสอนวิชาต้านทุจริตศึกษา
กรุณาแจ้งกองการศึกษา โรงเรียนนายสิบทหารบก เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงคู่มือการฝึกสอนให้มี
ความถูกตอ้ งสมบูรณ์ยงิ่ ขึน้ ตอ่ ไป
กองการศกึ ษา โรงเรยี นนายสิบทหารบก
สารบญั 1
3
ชุดวชิ าที่ 1 : การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม 9
ยทุ ธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ 11
12
ชุดวิชาท่ี ๒ : ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต 13
ชดุ วชิ าท่ี ๓ : STRONG /จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ ริต 14
14
คุณลกั ษณะท่ีสาคัญของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 17
ชุดวชิ าท่ี ๔ : พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสังคม 18
24
แนวทางการปฏบิ ตั ิตนเปน็ พลเมอื งดี 29
ตวั อยา่ งการขดั กันระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนกบั ประโยชน์ส่วนรวม 36
สอ่ื การเรียนรู้ดา้ นการปอ้ งกันการทุจรติ
วชิ าท่ี ๑ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม
วชิ าที่ ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
วิชาที่ ๓ STRONG : จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ รติ
วิชาที่ ๔ พลเมืองกบั ความรับผิดชอบตอ่ สังคม
1
ชดุ วิชาที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม
เน้นการแกป้ ญั หาแบบยัง่ ยนื โดยปรบั เปลีย่ นระบบการาคดิ ของคนในสังคมแยกแยะให้ได้วา่ “เรื่องใดเป็น
ประโยชน์ส่วนตน เรอ่ื งใดเป็นประโยชนส์ ่วนรวม” โดยนาวธิ ีคดิ แบบฐาน ๑๐ (Analog thinking) และฐาน ๒
(Digital thinking) มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาทุจริตอยา่ งยั่งยนื
สาเหตขุ องการทุจรติ และทิศทางการปอ้ งกนั การทจุ ริตในประเทศไทย
การทุจริตเกิดขึ้นในทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่กาลังพัฒนา การทุจริต
เกิดขึ้นทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน หรือแม้กระทั่งองค์กรเพื่อการกุศล การทุจริตยังมีบทบาทสาคัญในด้าน
การเมือง การทุจรติ เปน็ วาระของการพฒั นาประเทศใหเ้ ปน็ รัฐสมัยใหมซ่ ึ่งตา่ งเป็นที่ทราบกันดีว่าการทุจริตควร
เป็นประเด็นแรก ๆ ที่ควรให้ความสาคัญในวาระของการพัฒนาประเทศของทุกประเทศ การทุจริตนั้นอาจ
เกดิ ขึ้นได้ในประเทศท่มี ีสถานการณ์ดังต่อไปน้ี
๑. มกี ฎหมาย ระเบียบ หรือข้อกาหนดจานวนมากที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสท่ี
จะทาให้เกิดมูลค่าเพิ่มหรือกาไรส่วนเกินทางเศรษฐกิจ มาตรการหรือข้อกาหนดดังกล่าวมรความซับซ้อน
คลมุ เครือ เลือกปฏิบตั ิเป็นความลับหรือไมโ่ ปรง่ ใส
๒. เจา้ หน้าท่ีผู้มอี านาจมีสทิ ธิขาดในการใชด้ ุลยพินจิ ซ่ึงให้อสิ ระในการเลือกปฏิบัติเป็นอยา่ งมากว่าจะ
เลือกใช้อานาจใด กบั ใครกไ็ ด้
๓. ไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพหรือองค์กรที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลและจัดการต่อการกระทาใด ๆ ของ
เจ้าหน้าที่ที่มีอานาจโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่กาลังพัฒนา กลุ่มประเทศที่กาลังพัฒนานั้นมีปัจจัยภายใน
ต่าง ๆ ท่เี อ้ือหรือสนบั สนนุ ต่อการเกิดการทุจริต เช่น แรงขับเคลื่อนที่อยากมีรายได้เป็นจานวนมากอันเป็นผล
เนื่องมาจากความจน, การออกกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เข้มแข็ง, ความไม่มีเสถียรภาพทาง
การเมือง และเจตจานงทางการเมืองที่ไมเข้มแข็ง ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว จะนาไปสู่การทุจริต ทั้งยังทาให้เกิด
ชอ่ งว่างของความไมเ่ ท่าเทยี มทก่ี วา้ งข้ึนของประชากรในประเทศหรืออีกนยั หน่ึงคือระดับความจนนั้นเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะทีก่ ลุ่มคนรวยกระจกุ ตัวอยูใ่ นกลุม่ เล็ก ๆ กล่มุ เดียว
การเปล่ยี นแปลงวิธีคิด (ParadigmShift)
เร่ืองสาคญั อย่างมากต่อการดาเนินงานด้านการตอ่ ต้านการทุจริต ตามคาปราศรัยของประธานทไ่ี ด้กลา่ ว
ตอ่ ท่ีประชุมองคก์ ารสหประชาชาติ ณ นครนวิ ยอร์ก สหรฐั อเมริกา เม่อื ปี พ.ศ.๒๕๕๘ วา่ “ การทจุ ริตเป็น
หนง่ึ ในความท้าทายที่มีความสาคัญมากในศตวรรตท่ี ๒๑ ผูน้ าโลกควรจะเพ่ิมความพยายามขึน้ เปน็ สอง
เท่าทจี่ ะสร้างเครอื่ งมอื ที่มีความเข้มแขง็ เพ่ือรือ้ ระบบการทจุ ริตท่ีซ่อนอยู่ออกใหห้ มดและนาทรพั ยส์ ิน
กลบั คนื ให้กลบั ประเทศต้นทางทีถ่ กู ขโมยไป”
2
การทจุ ริตในสังคมไทยเดิมท่ีเปน็ การทจุ รติ ทางตรงไม่ซับซอ้ น เช่น การรบั สินบน ปจั จบุ ันได้ปรับเปลี่ยนเป็นการ
ทุจริตที่ซบั ซ้อนมากข้ึน ตัวอยา่ งเชน่ การทจุ ริตโดยการทาลายระบบการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ การกระทา
ที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อน และการทุจริตเชิงนโยบาย สานักงาน ป.ป.ช. ใน
ฐานะองค์กรหลักด้านการดาเนินงานปูองกันและปราบปรามการทุจริต รวมทั้งบูรณาการทางานด้านการ
ต่อต้านการทุจรติ เข้ากบั ทกุ ภาคส่วน
ทิศทางการป้องกนั และการปราบปรามการทุจริตของสานกั งาน ป.ป.ช. มดี งั น้ี
๑. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐
๒. วาระการปฏริ ปู ที่ ๑ การปูองกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบของสภาปฏิรูปแหง่ ชาติ
๓. ยทุ ธศาสตรช์ าติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๖๔)
๔. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบบั ที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔)
๕. โมเดลประเทศไทยสคู่ วามม่นั คง และยั่งยนื (Thailand ๔.๐)
๖. ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการปูองกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔)
รฐั ธรรมนญู ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ กาหนดในหมวดท่ี ๔ หนา้ ที่ของประชาชนชาวไทย
วา่ “บคุ คลมีหน้าทไี่ มร่ ่วมมือหรือสนับสนุนการทจุ ริต และประพฤติมชิ อบทุกรูปแบบ”
วาระการปฏิรปู ท่ี ๑ การป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤติมิชอบของสภาปฏริ ปู แห่งชาติ
ในฐานะทมี่ บี ทบาทและอานาจหนา้ ที่ในการปฏิรปู กลไก และปฏบิ ตั งิ านด้านการบรหิ ารราชการแผน่ ดิน เสนอ
ใหม้ ยี ทุ ธศาสตรแ์ ก้ปญั หา ๓ ยุทธศาสตร์ประกอบด้วย
(๑) ยุทธศาสตร์การปลูกฝัง “คนไทย ไม่โกง” เพื่อปฏิรูปคนให้มีจิตสานึก สร้างจิตสานึกที่ตัวบุคคล
รับผิดชอบชัว่ ดี อะไรควรทาอะไรไมค่ วรทา มองว่าการทุจริตเป็นเรื่องน่ารังเกียจเป็นการเอาเปรียบสังคม และ
สงั คมไม่ยอมรบั
(๒) ยทุ ธศาสตร์การปูองกันดว้ ยการเสริมสรา้ งสังคมธรรมาภิบาล เพ่อื เป็นระบบปูองกันการทจุ รติ เสมอื น
การสร้างระบบภูมิต้านทานแก่ทุกภาคสว่ นในสังคม
(๓) ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพื่อปฏิรูประบบและกระบวนการจัดการต่อกรณีการทุ จริตให้มี
ประสิทธิภาพให้สามารถเอาตวั ผกู้ ระทามาลงโทษไดซ้ ึง่ จะทาให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะกระทาการทุจริต
ขน้ึ อีกในอนาคต
ยุทธศาสตร์ชาตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ยดึ วตั ถุประสงคห์ ลกั แห่งชาติเป็นแม่บทหลัก ทิศทาง
ด้านการปูองกันและปราบปรามการทุจริต การสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการบริหารราชการ
แผน่ ดิน ของหนว่ ยงานภาครฐั ทกุ หน่วยงานจะถกู กาหนดจากยุทธศาสตร์ชาติ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์นี้ได้กาหนด
กรอบ แนวทางการปูองกันและปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชั่น มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาปลูกฝัง
ค่านิยมวฒั นธรรม วิธคี ิดและกระบวนทศั น์ให้คนมคี วามตระหนัก มีความรูเ้ ท่าทนั และมีภูมติ า้ นทานตอ่ โอกาส
3
และการชกั จงู ให้เกดิ การทุจรติ คอร์รัปชั่นและมีพฤติกรรมไม่ยอมรับการทุจริตประพฤติมิชอบรวมทั้งสนับสนุน
ทกุ ภาคส่วนให้มีส่วนรว่ มในการปอู งกนั และปราบปรามการทุจริต
โมเดลประเทศไทยสูค่ วามมน่ั คง มั่งคง่ั และยงั่ ยนื (Thailand ๔.๐) เน้นการปรับเปลี่ยน ๔ ทิศทางและเน้น
การพัฒนาท่สี มดลุ ใน ๔ มิติ มิติที่หยิบยกคือ การยกระดับศักยภาพและคุณค่าของมนุษย์ (Human Wisdom)
ด้วยการพัฒนาคนไทยใหเ้ ปน็ “มนษุ ยท์ ส่ี มบูรณ”์ ปลูกฝังจิตสาธารณะ ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มีความ
ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ เน้นการสร้างคุณค่าร่วม และค่านิยมที่ดีคือ
สงั คมทีม่ ีความหวัง (Hove) สงั คมท่ีเป่ยี มสุข (Happiness) และสังคมท่ีมคี วามสมานฉนั ท์ (Harmony)
ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๖๔)
กาหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต “(Zero Tolerance & Clean
Thailand) ยุทธศาสตร์หลกั แบง่ ออกเป็น ๖ ยุทธศาสตร์ ยทุ ธศาสตร์ที่สาคัญคือ ยุทธศาสตรท์ ่ี ๑ สร้างสังคมท่ี
ไม่ทนต่อการทุจริตเป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการกระบวนการปรับสภาพทางสังคมให้เกิดภาวะ “ไม่ทนต่อการ
ทุจรติ ” ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ มีจติ สาธารณะ จติ อาสา และความเสียสละเพ่อื สว่ นรวม
ทฤษฎี ความหมาย และรูปแบบของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
(Conflict of Interest) แปลความหมายว่า “การขัดกันแห่งผลประโยชน์ส่วนตนและและผลประโยชน์
ส่วนรวม”
ประโยชนส์ ว่ นตน (Private interests) คือ การท่บี ุคคลทัว่ ไปในสถานะเอกชนหรอื เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทา
การตา่ ง ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตน ครอบครัว เครือญาติ พวกพ้องหรือของกลุ่มในสังคมที่มีความสัมพันธ์กันใน
รูปแบบต่าง ๆ เช่น การประกอบอาชีพ การทาธุรกิจ การค้า การลงทุน เพื่อหาประโยชน์ในการเงินหรือใน
ธุรกจิ
ประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะ (Public Interests) คือการกระทาใด ๆ ตามหน้าที่ของ
เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมีวัตถุประสงค์หรือมีเปูาหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมที่เป็นประโยชน์ของรัฐ การทา
หน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลจึงมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับอานาจหน้าที่ตามกฎหมายและจะมีรูปแบบของ
ความสมั พันธ์ หรอื มกี ารกระทาในลักษณะต่าง ๆ กันที่เหมือนหรือคล้ายกันกับการกระทาของบุคคลในสถานะ
เอกชนเพียงแต่การทาในสถานะที่เป็นเจ้าหน้าที่องรัฐกับการกระทาในฐานะเอกชน จะมีความแตกต่างกันท่ี
วตั ถุประสงค์ เปูาหมายหรอื ประโยชนส์ ุดทา้ ยที่แตกตา่ งกนั
ความสมั พันธ์ระหวา่ ง “การขดั กันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม” “จรยิ ธรรม” และ
“การทจุ รติ ”
“จริยธรรม” เป็นกรอบใหญ่ทางสังคมที่เป็นพื้นฐานของแนวคิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์
สว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมและการทจุ ริต ยอ่ มเป็นการผิดจรยิ ธรรมด้วย
4
รปู แบบของการขัดแย้งระหว่างประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม แบ่งออกเปน็ ๗ รูปแบบ ดงั นี้
๑. การรับผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ของขวัญ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับ
บรกิ าร การรับการฝึกอบรม หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกันนี้ และผลจากการรับผลประโยชน์ต่าง ๆ นั้น ได้
สง่ ผลให้การตัดสนิ ใจของเจ้าหนา้ ทีร่ ฐั ในการดาเนินการตามอานาจหน้าที่
๒. การทาธุรกิจกับตนเอง หรือเป็นคู่สัญญา เป็นการาที่ เจ้าหน้าที่ขอบรัฐโดยเฉพาะผู้มีอานาจในการ
ตดั สินใจเข้าไปมีส่วนไดเ้ สียสัญญาทที่ ากบั หนว่ ยงานทีต่ นเองสงั กดั
๓. การทางานหลงั จากออกจากตาแหน่งหนา้ ที่สาธารณะหรือหลงั เกษยี ณ คือการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้ว
ลาออก และไปทางานบริษัทเอกชนที่ดาเนินธุรกิจประเภทเดียวกันหรือบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน
เดมิ โดยใช้อิทธิพลหรือความสัมพันธ์จากที่เคยดารงตาแหน่งในหน่วยงานเดิมนั้น หาประโยชน์จากหน่วยงาน
ใหก้ ับบริษัทและตนเอง
๔. การทางานพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งบริษัทดาเนินธุรกิจ การรับจ้างพิเศษเป็นท่ี
ปรึกษาโครงการ โดยอาศัยตาแหน่งทางราชการสร้างความน่าเชื่อถือว่าโครงการของผู้ว่าจ้างจะไม่มีปัญหา
ตดิ ขัดในการพจิ ารณาจากหน่วยงานท่ีทีป่ รึกษาสงั กัดอยู่
๕. การรู้ข้อมูลภายใน รัฐใช้ประโยชน์จากที่ตนเองรับรู้ข้อมูลภายในหน่วยงาน และนาข้อมูลนั้นไปหา
ผลประโยชน์ใหก้ ับตน หรอื พวกพอ้ ง
๖. การใช้ทรพั ย์สนิ ของทางราชการเพือ่ ประโยชนธ์ รุ กิจส่วนตวั เปน็ การท่เี จ้าหน้าที่ของรัฐนาเอาทรัพย์สิน
ของทางราชการซึ่งจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการเท่านั้นไปใช้เพื่อประโยชน์ข องตนหรือพวกพ้อง
หรอื การให้ผใู้ ตบ้ ังคับบัญชาไปทางานส่วนตัว
๗. การนาโครงการสาธารณะในเขตเรื่องตั้งเพื่อทางการเมือง เป็นการที่ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองหรือ
ผู้บริหารระดับสูงอนุมัติโครงการไปลงพื้นที่หรือบ้านเกิดของตนเองหรือการใช้งบประมาณสาธารณะเพื่อหา
เสยี ง
วิธีคิดแบบฐาน ๑๐ (Analog thinking)/ฐาน ๒ (Digital thinking)
เมื่อนาระบบฐานเลข “ฐานสิบ Analog” และ ระบบเลข “ฐานสอง Digital” มาปรับใช้เป็นแนวคิด คือ
ระบบคิด “ฐานสบิ Analog” และ ระบบคิด “ฐานสอง Digital” จะเหน็ ไดว้ ่า
ระบบคิด “ฐานสบิ Analog”เปน็ ระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่มีตัวเลขหลายตัว และอาจหมายถึงโอกาส
ที่จะเลือกได้หลายทาง เกิดความคิดที่หลากหลาย ซับซ้อน หากนามาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของ
เจ้าหน้าที่รัฐ จะทาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องคิดเยอะ ต้องใช้ดุลยพินิจเยอะ อาจจะนาประโยชน์ส่วนตนและ
ประโยชนส์ ่วนรวมมาปะปนกนั ได้ แยกประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวมออกจากกันไม่ได้
9
ชดุ วิชาที่ ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
ปัญหาการทจุ รติ จะทาให้เกดิ ความเสื่อมในด้านตา่ ง ๆ ทง้ั สงั คม เศรษฐกจิ การเมือง ปจั จบุ ันการทจุ ริตจะ
กระทากนั หลายฝาุ ย ทงั้ ผดู้ ารงตาแหนง่ ทางการเมือง เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั และเอกชนโดยประกอบด้วย ๒ สว่ น
ใหญ่ ๆ ดงั น้ี
๑. ผูร้ บั ผลประโยชน์ จะเป็นเจ้าหน้าท่ขี องรัฐ ซ่งึ มีอานาจหนา้ ที่ในการกระทาการดาเนนิ การต่าง ๆ และรับ
ประโยชน์จะเป็นในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ การจัดซอื้ จัดจ้าง การเรยี กรบั ประโยชนโ์ ดยตรง การกาหนดระเบยี บ
หรือคุณสมบัตทิ เ่ี อ้อื ต่อตนเองและพวกพ้อง
๒. ผใู้ หผ้ ลประโยชน์ เช่น ภาคเอกชนโดยการเสนอผลตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เงนิ สิทธิพเิ ศษอืน่ ๆ
เพ่ือจงู ใจให้นักการเมือง เจ้าหนา้ ที่ของรฐั กระทาการ หรือไม่กระทาการอยา่ งใดอย่างหนึ่งในตาแหนง่ หน้าทซ่ี ึ่ง
การกระทาดงั กลา่ วเปน็ การกระทาท่ฝี าุ ฝนื ต่อระเบียบหรอื ผดิ กฎหมาย
ทุจรติ คอื อะไร
คาวา่ ทุจริต มกี ารให้ความหมายไว้มากมาย หลากหลาย ในแงก่ ฎหมาย ประเทศไทยได้มกี ารกาหนดถงึ
ความหมายของการทุจริตไวห้ ลัก ๆ ใน กฎหมาย ไดแ้ ก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑) “โดยทจุ ริต”
หมายถึง “เพ่อื แสวงหาประโยชน์ทม่ี ิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผู้อ่นื ”
นอกจากนี้ คาว่า ทุจรติ ยงั ไดม้ ีการบัญญตั ิใหค้ วามหมายเอาไวใ้ นพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน
พ.ศ.๒๕๔๒ โดยระบไุ ว้ว่าทุจรติ หมายถงึ “ความประพฤตชิ ั่ว คดโกง ฉ้อโกง”
จากนยิ ามของการทุจริตคอรปั ชนั่ ไม่เพยี งแตจ่ ะกนิ ความถึงการทจุ รติ คอรัปช่ันในระบบราชการเทา่ น้นั แต่
ยงั ครอบคลมุ ไปถึงเร่ืองกิจกรรมทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมในภาคเอกชนอีกดว้ ย
สาเหตุที่ทาให้เกดิ การทจุ ริต
๑. ปัจจัยสว่ นบุคคล ไดแ้ ก่ พฤติกรรมสว่ นตวั ของข้าราชการบางคนท่ีเป็นคนโลภมาก เห็นแกไ่ ด้ ไม่รจู้ ักพอ
ความเคยชนิ ของขา้ ราชการท่ีค้นุ เคยกับการทีจ่ ะได้ “ค่าน้ารอ้ นนา้ ชา” หรือ “เงินใต้โต๊ะ” จากผู้มาตดิ ต่อ
ราชการ ขาดจติ สานกึ เพ่ือสว่ นรวม
๒. ปัจจยั ภายนอก ประกอบด้วย
๒.๑ ดา้ นเศรษฐกจิ ได้แก่ รายได้ของขา้ ราชการท่นี ้อยหรอื ต่ามากไม่ได้สัดสว่ นกับค่าครองชพี ทีส่ งู ขนึ้
๒.๒ ดา้ นสงั คม ได้แก่ ค่านยิ มของสงั คมทยี่ กย่องคนมเี งนิ คนรา่ รวย โดยไม่สนใจว่าเงนิ นนั้ จะได้มา
ด้วยวิธีการใด เกิดลัทธกิ ารเอาอย่าง
๒.๓ ด้านวัฒนธรรม ไดแ้ ก่ การนิยมจา่ ยเงนิ ของนกั ธรุ กิจใหก้ ับข้าราชการเพื่อตอ้ งการความสะดวก
รวดเร็วในเรอื่ งของตนเอง
10
๒.๔ ด้านการเมอื ง เกดิ ขึ้นไดห้ ลายประเด็น ทั้งการจา่ ยเงนิ การหารายไดแ้ ละการตัดสินพจิ ารณา
โครงการของรัฐ
๒.๕ ดา้ นระบบราชการ ได้แก่ความบกพร่องในการบริหารงานใหเ้ กดิ การทจุ ริต, การใช้ดลุ ยพนิ จิ มาก
และการผูกขาดอานาจจะทาใหอ้ ตั ราการทุจรติ ในหนว่ ยงานสงู , การทีข่ ้นั ตอนระเบียบในราชการมมี ากเกนิ ไป
ทาให้ผ้ตู ิดตอ่ ต้องเสียเวลามาก จงึ เกิดการสมยอมกนั ระหวา่ งผใู้ หก้ ับผู้รับ, การท่ีข้าราชการผใู้ หญ่ทุจริตใหเ้ ปน็
ตวั อยา่ งแลว้ ไม่ถูกลงโทษ ขา้ ราชการชัน้ ผนู้ อ้ ยจึงเลยี นแบบเปน็ ความเคยชิน
ทิศทางการปูองกนั และปราบปรามการทุจริต
มีการออกกฎหมายลงโทษผู้ที่กระทาความผิด มกี ารจัดต้งั ศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบเพือ่
ทาหน้าที่ในการดาเนนิ คดีกบั บุคคลที่กระทาการทจุ รติ มีการกาหนดยุทธศาสตรช์ าติว่าดว้ ยการปูองกันและ
ปราบปรามการทจุ รติ ซ่ึงฉบับปัจจุบันเปน็ ฉบับท่ี ๓ มีการกาหนดใชต้ ง้ั แต่ พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๖๒ โดยมี
วสิ ยั ทศั น์วา่ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทัง้ ชาติต้านทุจรติ (Zero Tolerance & Clean Thailand)
ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอู งกันและการปราบปรามทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์ จานวน ๖ ยทุ ธศาสตร์ โดยมรี ายละเอยี ดดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างสังคมที่ไม่ทนตอ่ การทจุ รติ
มีวตั ถปุ ระสงค์ในการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยใหม้ คี า่ นยิ มร่วมต้านทุจรติ มีจติ สานึกสาธารณะ
และสามารถแยกแยะระหว่างประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม รวมถึงการบูรณาการและเสริมพลงั
การมีสว่ นรว่ มของทุกภาคสว่ นในการผลกั ดนั ให้เกิดสังคมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๒ ยกระดบั เจตจานงทางการเมอื งในการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจตจานงทางการเมอื งในการตอ่ ต้านการทุจริตของประชาชนได้รับการ
ปฏบิ ตั ใิ หเ้ กิดเป็นผลอยา่ งรูปธรรมเปน็ ส่วนหน่ึงของรัฐบาลในแตล่ ะช่วง
ยุทธศาสตรท์ ่ี ๓ สกดั กั้นการทุจรติ เชิงนโยบาย
มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้กระบวนนโยบายเปน็ ไปตามหลกั ธรรมาภบิ าล สามารถกระจายผลประโยชน์
ส่ปู ระชาชนอย่างเป็นธรรม และไม่มลี ักษณะของการขัดแย้งแหง่ ผลประโยชน์และเพ่ือแก้ไขปัญหาการทจุ รติ เชงิ
นโยบายทกุ ระดบั
ยุทธศาสตร์ที่ ๔ พัฒนาระบบป้องกนั การทจุ รติ เชิงรุก
มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือพฒั นากลไกการปอู งกันการทุจริตให้เทา่ ทันต่อสถานการณก์ ารทจุ รติ ใหม้ ี
ประสิทธภิ าพเพ่ือให้เกิดความเขม้ แข็ง และเปน็ การปูองกันไม่ใหม้ ีการทจุ ริตเกดิ ข้นึ ในอนาคต
ยุทธศาสตรท์ ่ี ๕ ปฏิรปู กลไกและกระบวนการการปราบปรามการทจุ รติ
มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและพัฒนากลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริตให้มีความ
รวดเร็วมีประสิทธิภาพการตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมายให้กระบวนการปราบปรามการทุจริตมี
ประสทิ ธภิ าพและเพ่ือให้ผ้กู ระทาความผดิ ถูกดาเนินคดีและลงโทษอย่างเป็นรปู ธรรมและเท่าทนั ต่อสถานการณ์
11
ยุทธศาสตร์ที่ ๖ ยกระดับคะแนนดชั นีการรบั รู้การทุจรติ
มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอื่ ยกระดับคะแนนดัชนีการรบั รกู้ ารทจุ ริตของประเทศไทยให้มีระดับร้อยละขึ้นไป
เป็นเปูาหมายที่ต้องการยกระดับคะแนนให้มีค่าสูงขึ้น หากได้รับคะแนนมากจะหมายถึงการที่ประเทศไทยมี
การทจุ รติ น้อยลง ยุทธศาสตรท์ ี่ ๖ นี้ จงึ ถอื เปน็ เปูาหมายสาคัญในการที่จะต้องมุ่งมั่นในการดาเนินการปูองกัน
และปราบปรามการทจุ รติ
ความละอายและไม่ทนตอ่ การทุจรติ คืออะไร
คาว่า “ความละอาย” และ “ความไม่ทน” ไดม้ กี ารใหค้ วามหมายไว้ ดังน้ี
พจนานกุ รมราชบณั ฑติ ยสถานให้ความหมายของคาวา่ ละอาย หมายถึง การรู้สึกอายที่จะทาในสิ่ง
ที่ไม่ถูกไม่ควร เช่น ละอายที่จะกระทาความผิด ละอายใจ และให้ความหมายของคาว่าทน หมายถึง การอด -
กลน้ั ได้ ทานอยูไ่ ด้ เชน่ ทนต่อการถูกดา่ ทนทกุ ข์ ทนหนาว ไม่แตกหักหรอื บุบสลายง่าย
ความอดทน คอื การร้จู ักรอคอยและคาดหวงั เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นคง แน่วแน่ต่อสิ่งที่
รอคอยหรือสง่ิ ท่ีจูงใจให้กระทาในส่ิงที่จงู ใจให้กระทาในส่งิ ท่ีไม่ดี
ไมท่ น หมายถึง ไม่อดกลนั้ ไมอ่ ดทน ไม่ยอม
ชุดวิชาที่ ๓ STRONG /จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ
จากพระบรมราโชวาทของ รชั การท่ี ๙ ทรงพระราชทานแนวพระราชดารหิ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใน
พธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแก่นสิ ติ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ เมือ่ วนั พฤหัสบดที ี่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๗
มีใจความตอนหนึ่งว่า“การพัฒนาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดับขั้นตอนต้องสร้างพื้นฐานคือความ
พอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อนโดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้อง
ตามหลักวชิ า เม่ือไดพ้ ้นื ฐานมน่ั คงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะ
เศรษฐกจิ ขัน้ ทส่ี งู ข้ึนตามลาดับตอ่ ไป หากม่งุ แต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการ
เดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วยก็จะเกิด
ความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้นซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด ดังเห็นได้จากอารยประเทศ
หลายประเทศกาลังประสบปญั หาเศรษฐกจิ อย่างรุนแรงอยู่ในเวลานี้”
คาอธบิ ายความหมายของ STRONG “จติ พอเพยี งต้านทุจรติ
๑. S (sufficient) ความพอเพียง หมายถึงความพอเพียงต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งของมนุษย์แม้ว่าจะแตกต่างกัน
ตามพื้นฐาน โดยต้องตั้งอยู่บนความมีเหตุมีผลรวมทั้งต้องไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม คือต้องให้
ความรู้ความเขา้ ใจ (knowledge) และปลุกใหต้ นื่ รู้ (realize)
๒. T (transparent) ความโปร่งใส ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ ต้องปฏิบัติงานบนฐานของความ
โปร่งใส ตรวจสอบได้ ต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อกฎหมาย ขอ้ ปฏิบตั ิทุกประการ
๓. R (realize) ความตื่นรู้ ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มีความรู้ความเข้าใจและ
ตระหนกั ถงึ รากเหงา้ ของปัญหาและภัยรา้ ยแรงของการทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบภายในชุมชน และประเทศ
12
๔. O (onward) มุ่งไปข้างหน้า ผู้นา ผู้บริการ บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มุ่งพัฒนาและ
ปรับเปลี่ยนตนเองและส่วนรวมให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน บนฐานความโปร่งใส ความพอเพียงและ
รว่ มสร้างวัฒนธรรมสจุ รติ ให้เกิดข้นึ อยา่ งไม่ย่อทอ้
๕. N (knowledge) ความรู้ ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน ต้องมีความรู้ความเข้าใจ
สามารถนาความรู้ไปใช้ สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินได้อย่างถ่องแท้ในเรื่องสถานการณ์การทุจริต
ผลกระทบท่มี ตี อ่ ตนเองและสว่ นรวม
๖. G (generosity) ความเอื้ออาทร ต้องอยู่บนฐานของจิตพอเพียงต้านทุจริต ไม่เอื้อต่อการรับหรือการ
ใหผ้ ลประโยชน์ตนเองหรือพวกพอ้ ง
คุณลกั ษณะที่สาคัญของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงประกอบดว้ ย ๓ หว่ ง ๒ เงื่อนไข
คอื แนวทางการดาเนนิ ชีวติ ให้อยูบ่ นทางสายกลางตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย ๓ ห่วง
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีต่อความจาเป็นไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป และต้องไม่
เบียดเบียนตนเองและผ้อู ื่น
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจดาเนินการเรื่องต่าง ๆอย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลัก
กฎหมาย หลกั ศีลธรรม จรยิ ธรรม วฒั นธรรมที่ดีงาม คิดถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วน โดยคานึงถึงผลที่คาด
ว่าจะเกิดขึน้ จากการกระทานนั้ ๆอย่างรอบคอบ
๓. มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเอง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้าน
เศรษฐกิจ สงั คม สิ่งแวดลอ้ มทีจ่ ะเกิดข้นึ เพือ่ ให้สามารถปรับตัวและรับมือไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงที
เงอื นไขในการตัดสินใจในการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๒ เงือ่ นไข ได้แก่
๑. เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบดว้ ยความรูเ้ ก่ยี วกับวิชาการต่าง ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบ
ทจี่ ะนาความรู้เหลา่ น้นั มาพิจารณาใหเ้ ชอ่ื มโยงกนั เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏบิ ตั ิ
๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์
สจุ ริตและมคี วามอดทน มีความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการดาเนนิ ชวี ติ
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
13
ชุดวิชาที่ ๔ พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสังคม
คาว่า “ พลเมือง” มีความหมายในหลายแง่มุม และมีการนาไปใช้เทียบกับคาอื่น ๆ อาทิ ประชากร
ประชาชน ปวงชน และราษฎร ฯลฯ แต่หากพิจารณาให้ละเอียดจะสามารถทาความเข้าใจความหมายของคา
ตา่ ง ๆ ท่คี ลา้ ยคลึงกันได้ดังนี้
ประชาชน หมายความถึงคนทั่วไป คนของประเทศ ซึ่งไม่ใช่ผู้ปกครองเป็นสามัญชนอยู่ใต้รัฐ เช่น ประชาชน
ทกุ คนมีหนา้ ทต่ี อ้ งรูก้ ฎหมาย ใครจะมาปฏเิ สธว่าไมร่ กู้ ฎหมายไมไ่ ด้
ประชากร หมายถึง คนโดยทว่ั ไป โดยมกั ใช้ในกรณีพิจารณาถงึ จานวน
ราษฎร คาว่า “ราษฎร” หมายถึงคนทั่วไปเป็นคาที่ใช้ในสมัยรัชการที่ ๕ เนื่องจากสังคมไทยสมัยโบราณ
ประชาชนเป็นไพร่หรือทาสเกือบทั้งหมด ต่อมารัชการที่ ๕ ทรงเลิกทาสเลิกไพร่ทาให้ประชาชนเหล่านั้นเป็น
ราษฎรหรอื เสรีชนที่ไม่ต้องเป็นข้ารับใช้มูลนายและมีสถานะทางกฎหมายเท่าเทียมกัน จึงเรียกอดีต ไพร่ ทาส
ขนุ นาง รวมทง้ั ชนชั้นใหม่ ๆ วา่ ราษฎร
สาหรับประเทศไทย คาว่า “พลเมือง” น่าจะถูกนามาใช้สมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕
เนอ่ื งจากผ้นู าคณะราษฎร์บางทา่ นเคยเรยี นทป่ี ระเทศฝรง่ั เศส จึงได้นาเอาคาน้ีมาใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับถาวร
ซ่ึงประกาศใช้เมื่อวนั ท่ี ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ตอ่ มาเป็นวิชาบังคับทน่ี ักเรียนชั้นมัธยมศึกษาเรียนควบคู่กับ
วชิ าศีลธรรม กลายเป็นวิชา “หนา้ ที่พลเมอื งและศีลธรรม” กล่าวโดยสรุป “พลเมือง” มีความแตกต่างจากคา-
ว่า “ประชาชน” และ “ราษฎร” ตรงที่ว่า พลเมืองจะแสดงออกถึงความกระตือรือร้นในการรักษาสิทธิต่าง ๆ
ของตน
คณุ ลกั ษณะของพลเมือง
“พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตย ประกอบด้วยลกั ษณะ ๖ ประการ คอื
๑. มีอสิ รภาพและพ่ึงตนเองได้ “พลเมือง” ในระบบประชาธิปไตยจึงเปน็ ไท คอื เป็นอสิ รชนที่
พึ่งตนเองและสามารถรบั ผดิ ชอบตนเองได้
๒. เห็นคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าประชาชนจะแตกตา่ งกนั อยา่ งไรทกุ คนลว้ นแต่เทา่ เทียมกันในฐานะที่เปน็
เจ้าของประเทศ
๓. ยอมรบั ความแตกตา่ ง คือ ยอมรบั ความหลากหลายของประชาชน ประชาชนจึงแตกต่างกนั ได้
ไม่ วา่ จะเป็นเรื่องการเลอื กอาชีพ วถิ ชี วี ติ ความเชื่อทางศาสนาหรือความคดิ เหน็ ทางการเมือง
๔. เคารพสทิ ธิผอู้ ื่น สทิ ธิในระบอบประชาธิปไตยจึงจาเปน็ ต้องมีขอบเขต คือมสี ิทธแิ ละใชส้ ิทธิได้
เท่าท่มี ี ไม่ละเมิดสทิ ธผิ ้อู ืน่
๕. รบั ผิดชอบตอ่ สังคม หมายความวา่ ประชาธปิ ไตยไมใ่ ช่ระบอบการปกครองแบบตามอาเภอใจ
หรือใครอยากทาอะไรก็ไดโ้ ดยไม่คานึงถงึ สว่ นรวม ดังน้นั “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยยงั จะตอ้ งใช้สทิ ธิ
เสรภี าพของตนโดยรบั ผดิ ชอบต่อสังคมด้วยเหตทุ ีส่ งั คม หรอื ประเทศชาติไดด้ ขี ึน้ หรือแยล่ งโดยตวั เองหาก
สงั คมจะดขี ึ้นไดก้ ด็ ้วยการกระทาของคนในสังคม
14
๖. เขา้ ใจระบอบประชาธปิ ไตยและมสี ว่ นรว่ ม “พลเมือง” ท่เี ขา้ ใจหลักพืน้ ฐานของการปกครองใน
ระบอบประชาธปิ ไตยตามสมควร
แนวทางการปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมืองดี
ดา้ นสังคม ไดแ้ ก่
๑. การแสดงความคดิ อย่างมีเหตุผล
๒. การรบั ฟงั ขอ้ คดิ เหน็ ของผอู้ ืน่
๓. การยอมรบั เม่อื ผู้อนื่ มเี หตุผลดีกวา่
๔. การตดั สินใจโดยใช้เหตผุ ลมากกว่าอารมณ์
๕. การเคารพระเบียบของสงั คม
๖. มีจติ สาธารณะ คือ เห็นแก่ประโยชนข์ องส่วนรวมและรักษาสาธารณสมบัติ
ด้านเศรษฐกจิ ได้แก่
๑. การประหยัดและอดออมในครอบครวั
๒. การซือ่ สตั ยส์ ุจรติ ตอ่ อาชีพท่ที า
๓. การพัฒนางานอาชีพใหก้ า้ วหน้า
๔. การใช้เวลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม
๕. การสร้างงานและสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยและสังคม
โลก
๖. การเป็นผผู้ ลติ และผ้บู ริโภคที่ดี มีความซอ่ื สัตย์ ยดึ มัน่ ในอุดมการณ์ทด่ี ีตอ่ ชาติเปน็ สาคญั
ดา้ นการเมอื งการปกครอง ได้แก่
๖.๑ การเคารพกฎหมาย
๖.๒ การรับฟังขอ้ คดิ เหน็ ของทุกคนโดยอดทนตอ่ ความขดั แย้งทีเ่ กิดข้ึน
๖.๓ การยอมรบั ในเหตุผลทีด่ กี ว่า
๖.๔ การซือ่ สตั ยต์ ่อหน้าทโี่ ดยไมเ่ หน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นตน
๖.๕ การกล้าเสนอความคิดเห็นต่อส่วนรวมกลา้ เสนอตนเองในการทาหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา
๖.๖ การทางานอย่างเตม็ ความสามารถเต็มเวลา
ตัวอย่างการขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมในรูแบบตา่ ง ๆ
๑. การรับผลประโยชนต์ ่าง ๆ
๑.๑ นายสุจริต ขา้ ราชการชน้ั ผใู้ หญ่ ได้เดินทางไปปฏบิ ัติราชการในพนื้ ทจ่ี ังหวัดราชบรุ ี ซึง่ ในวัน
ดังกลา่ ว นายรวย นายก อบต. แห่งหนงึ่ ไดม้ อบงาชา้ งจานวนหนึ่งคูใ่ หแ้ ก่ นายสจุ รติ เพ่ือเป็นของที่ระลึก
15
๑.๒ การท่เี จา้ หน้าทข่ี องรฐั รบั ของขวัญจากผ้บู ริหารของบรษิ ัทเอกชน เพื่อช่วยใหบ้ รษิ ทั เอกชนรายนั้น
ชนะการประมูลรับงานโครงการขนาดใหญ่ของรฐั
๑.๓ การทบ่ี ริษัทแหง่ หน่งึ ให้ของขวัญเปน็ ทองคามลู ค่ามากกวา่ ๑๐ บาท แก่เจ้าหนา้ ที่ในปีทผ่ี า่ นมา
และปนี เี้ จ้าหนา้ ทเี่ ร่งรดั คนื ภาษใี หก้ ับบริษัทนนั้ เป็นกรณีพิเศษโดยลดั ควิ ก่อนบรษิ ัทอ่นื ๆ เพราะคาดวา่ จะได้รับ
ของขวัญอีก
๒. การทาธุรกจิ กับตนเองหรือเป็นคสู่ ญั ญา
๒.๑ การที่เจา้ หนา้ ทใ่ี นกระบวนจดั ซ้ือจดั จา้ งทาสญั ญาให้กับหน่วยตน้ สังกัดซือ้ คอมพวิ เตอรส์ านักงาน
จากบรษิ ัทครอบครวั ของตนเอง หรอื บรษิ ัทท่ตี นเองมีห้นุ ส่วนอยู่
๒.๒ ผบู้ รหิ ารหน่วยงานทาสญั ญาเชา่ รถไปสัมมนาและดูงานกับบริษทั ซึง่ เปน็ เจ้าหน้าที่หรือบริษัทที่
ผูบ้ รหิ ารมีหนุ้ สว่ นอยู่
๒.๓ ผบู้ ริหารของหน่วยงาน ทาสญั ญาจา้ งบริษัทที่ภรรยาของตนเองเป็นเจ้าของมาเปน็ ท่ีปรึกษาของ
หนว่ ยงาน
๓. การทางานหลังออกจากตาแหน่งหน้าท่ีสาธารณะหรือหลังเกษยี ณ
๓.๑ การท่ผี ู้บริหารหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ ององคก์ รเวชภัณฑ์และสขุ ภาพออกจากราชการไปทางานในบรษิ ทั
ผลติ หรือขายยา
๓.๒ การที่ผ้บู รหิ ารหรือเจา้ หนา้ ทขี่ องหน่วยงานท่ีเกษยี ณแล้วใชอ้ ทิ ธพิ ลทีเ่ คยดารงตาแหน่งใน
หนว่ ยงานรัฐรบั เปน็ ที่ปรึกษาใหบ้ รษิ ัทเอกชนท่ีตนเคยติดตอ่ ประสานงาน โดยอา้ งว่าจะไปติดตอ่ กับหน่วยงาน
รฐั ได้อยา่ งราบรน่ื
๓.๓ การวา่ จ้างเจา้ หน้าทีผ่ เู้ กษยี ณมาทางานในตาแหนง่ เดิมทหี่ น่วยงานเดิมโดยไม่คุ้มคา่ กบั ภารกิจที่
ได้รบั มอบหมาย
๔. การทางานพเิ ศษ
๔.๑ การทเ่ี จ้าหน้าที่ของรัฐอาศัยตาแหนง่ หนา้ ทที่ างราชการรับจ้างเปน็ ท่ีปรกึ ษาโครงการ เพื่อให้
บริษทั เอกชนทว่ี ่างจา้ งนนั้ มคี วามนา่ เชอ่ื ถือมากกว่าบรษิ ัทคู่แข่ง
๔.๒ การทีเ่ จ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ไม่ทางานท่ีได้รบั มอบหมายอย่างเต็มท่ี แต่เอาเวลาไปรบั งานพิเศษอ่ืน ๆ ท่ี
อยู่นอกเหนืออานาจหนา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมายจากหน่วยงาน
๔.๓ การที่ผู้ตรวจสอบบญั ชีภาครฐั รบั งานพเิ ศษเป็นที่ปรกึ ษา หรือเป็นผทู้ าบัญชใี หก้ บั บรษิ ัทท่ตี ้องถูก
ตรวจสอบ
๕. การรขู้ ้อมูลภายใน
๕.๑ การทีเ่ จา้ หนา้ ทีข่ องรัฐทราบข้อมูลโครงการตดั ถนนเข้าหมบู่ ้าน จงึ บอกใหญ้ าติพน่ี ้องไปซ้ือที่ดิน
บรเิ วณโครงการดังกล่าว เพือ่ ขายให้กบั ราชการในราคาที่สูงข้ึน
16
๕.๒ การที่เจ้าหนา้ ที่หนว่ ยงานทรี่ ับผดิ ชอบโครงข่ายโทรคมนาคมทราบมาตรฐาน (Spec) วสั ดุ
อปุ กรณ์ทจี่ ะใช้ในการวางโครงขา่ ยโทรคมนาคม แล้วแจ้งข้อมลู ให้กบั บรษิ ัทเอกชนที่ตนรจู้ กั เพ่อื ให้ไดเ้ ปรยี บใน
การประมูล
๖. การใชท้ รพั ย์สนิ ของทางราชการเพ่อื ประโยชนส์ ่วนตน
๖.๑ คณบดีคณะแพทยศ์ าสตร์ ใชอ้ านาจหนา้ ทโี่ ดยทุจริต ดว้ ยการส่งั ให้เจา้ หน้าทนี่ าเกา้ อ้ีพร้อมผ้า
ปลอกคลุมเก้าอ้ี เคร่ืองถา่ ย วี ดี โอ เครอ่ื งเล่น วี ดี โอ กล้องถ่ายรูป และผา้ เต้นท์ นาไปใชใ้ นงานมงคลสมรส
ของบตุ รสาวรวมทั้งรถยนต์ รถตสู้ ่วนกลาง เพ่ือใชร้ บั สง่ เจา้ หน้าท่เี ขา้ รว่ มพธิ ี และขนยา้ ยอปุ กรณ์ท้งั ทบ่ี ้านพัก
และงานมงคลสมรสที่โรงแรม ซ่งึ ล้วนเป็นทรพั ย์สนิ ของทางราชการ จากเหตุการณด์ ังกล่าว คณะกรรมการ
ป.ป.ช. ได้ช้มี ูลความผดิ วินัยและอาญา ต่อมาเร่อื งเข้าสขู่ บวนการในชนั้ ศาล ศาลพิเคราะหพ์ ยานหลักฐานโจทย์
แล้วเห็นว่าการกระทาของจาเลย เปน็ การทจุ รติ ตอ่ ตาแหนง่ หนา้ ท่ฐี านเปน็ เจา้ พนักงานมีหนา้ ท่ีซอื้ ทาจัดการ
หรือรกั ษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อานาจในตาแหนง่ โดยทจุ รติ อันเป็นการเสยี หายแกร่ ัฐและเป็นเจา้ พนักงานปฏบิ ัติ
หนา้ ทีโ่ ดยมชิ อบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ และ ๑๕๗ จึงพพิ ากษาใหจ้ าคุก ๕ ปี และปรบั
๒๐,๐๐๐ บาท คาให้การรับสารภาพเป็นประโยชนแ์ ก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้กง่ึ หน่งึ คงจาคุกจาเลยไว้
๒ ปี ๖ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท
๖.๒ การทเี่ จ้าหนา้ ทร่ี ัฐ ผู้มีอานาจอนมุ ัติให้ใชร้ ถราชการหรือการเบิกจ่ายค่าน้ามนั เชอ้ื เพลงิ นารถยนต์
ของสว่ นราชการไปใช้ในธุรกจิ ส่วนตวั
๗. การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตั้งเพ่อื ประโยชนใ์ นทางการเมอื ง
๗.๑ การทนี่ ักการเมืองในจงั หวดั ขอเพิ่มงบประมาณเพื่อนาโครงการตดั ถนน สรา้ งสะพานลงในจังหวัด
โดยใช้ชือ่ หรือนามสกลุ ตนเองเปน็ ชื่อสะพาน
๗.๒ การทร่ี ฐั มนตรีอนุมตั ิโครงการไปลงในพ้ืนที่หรือบ้านเกิดของตนเอง
๘. การใช้ตาแหน่งหน้าท่แี สวงหาประโยชน์แก่เครือญาติ
พนักงานสอบสวนละเวน้ ไม่นาบนั ทกึ การจับกุมที่เจา้ หน้าท่ีตารวจจบั กุม ทาขึน้ ในวันเกิดเหตรุ วมเข้า
สานวน แต่กลบั เปลยี่ นบนั ทึกและแก้ไขขอ้ หาในบันทึกการจับกมุ เพ่ือชว่ ยเหลอื ผูต้ ้องหาซ่งึ เปน็ ญาตขิ องตนให้
รบั โทษนอ้ ยลง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาแล้วมีมูลความผิดทางอาญาและทางวินยั อย่างร้ายแรง
๙. การใชอ้ ทิ ธพิ ลเขา้ ไปมีผลต่อการตดั สนิ ใจของเจ้าหนา้ ท่รี ัฐหรือหน่วยงานของรัฐอื่น
๙.๑ เจา้ หน้าที่ของรฐั ใช้ตาแหนง่ หน้าทใ่ี นฐานะผบู้ รหิ าร เข้าแทรกแซงการปฏิบัติงานของเจา้ หนา้ ท่ใี ห้
ปฏิบัตหิ นา้ ท่โี ดยมิชอบด้วยระเบยี บ และกฎหมายหรือฝาุ ฝนื จริยธรรม
๙.๒ นายเอ เป็นหัวหน้าสว่ นราชการแหง่ หนึ่งในจงั หวัด รูจ้ ักสนิทสนมกบั นายบี หัวหน้าสว่ นราชการ
อกี แหง่ หน่ึงในจงั หวัดเดยี วกนั นายเอ จึงใช้ความสมั พันธส์ ว่ นตัวฝากลกู ชายคือ นายซี เขา้ รับราชการภายใต้
สังกัดของนายบี
๑๐. การขดั กันแห่งผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ประโยชน์ส่วนรวมประเภทอ่นื ๆ
17
๑๐.๑ การเดนิ ทางไปราชการต่างจงั หวดั โดยไม่คานงึ ถึงจานวนคน จานวนงาน และจานวนวันอยา่ ง
เหมาะสม อาทิ เดินทางไปราชการจานวน ๑๐ วนั แตใ่ ช้เวลาในการทางานจริงเพียง ๖ วนั โดยอีก ๔ วัน เปน็
การเดินทางท่องเที่ยวในสถานทต่ี า่ ง ๆ
๑๐.๒ เจา้ หนา้ ทีผ่ ้ปู ฏิบัตไิ มใ่ ชเ้ วลาในราชการปฏบิ ตั ิงานอย่างเตม็ ท่ี เรื่องจากต้องปฏิบัตงิ านนอกเวลา
ราชการ เพราะสามารถเบิกเงินงบประมาณค่าตอบแทนการปฏบิ ัติงานนอกเวลาราชการได้
สือ่ การเรยี นรู้ด้านการปอ้ งกันการทจุ ริต
ชุดหลกั สูตรตา้ นทจุ ริตศึกษา (Anti Corruption Education)
การจดั ทาหลักสตู รหรือชุดการเรยี นรู้และส่ือประกอบการเรยี นรู้ ด้านการปอู งกันการทุจรติ
ดาเนินการโดยคณะอนกุ รรมการจัดทาหลกั สตู รหรือชุดการเรยี นรแู้ ละส่อื ประกอบการเรยี นรู้ ด้านการปูองกนั
การทุจริตเพือ่ คดั เลอื กสือ่ การเรียนรู้ดา้ นการปูองกนั การทุจริต ของสานกั งาน ป.ป.ช. และจากแหล่งต่าง ๆ
ของหน่วยงานภาครฐั ภาคเอกชน ท้ังในประเทศ และตา่ งประเทศ เพ่อื ประกอบการเรียนการสอนหลักสตู ร
ต้านทุจริตศึกษา (Anti – Corruption Education)
วตั ถุประสงค์
๑. เพือ่ ใชเ้ ปน็ สอื่ ประกอบการเรยี นการสอนและการอบรมของหลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา
๒. เพื่อเสริมสรา้ งความรู้ความเข้าใจและทัศนคตทิ ี่ถกู ต้องเกี่ยวกบั การคิดแยกแยะระหว่าง
ผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและไม่ทนต่อการทจุ ริต จิตพอเพียงต้านทจุ ริต และ
พลเมอื งกับความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม
หวั ข้อวิชา
วชิ าท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม
วชิ าท่ี ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ
วิชาท่ี ๓ STRONG : จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจริต
วชิ าท่ี ๔ พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม
ประเภทส่ือการเรยี นรู้
วดี โี อ ภาพยนตรส์ ้นั ข่าว
คณะผู้จัดทา
คณะกรรมการทป่ี รึกษา
พ.อ. ประเสริฐ สนุ นั ท์ชยั กุล
ตาแหนง่ ผ้อู านวยการกองการศึกษา โรงเรยี นนายสบิ ทหารบก
พ.อ. สรุ ินทร์ เศรษฐศกั ดาศิริ
ตาแหนง่ รองผอู้ านวยการกองการศกึ ษา โรงเรียนนายสิบทหารบท
คณะกรรมการอานวยการ
พ.ท. สถติ ย์ เทยี มเมฆ
ตาแหนง่ อาจารย์หวั หนา้ แผนกวิชาทั่วไป ปฏบิ ตั หิ นา้ ทห่ี วั หน้าแผนกเตรยี มการ
กองการศกึ ษา โรงเรียนนายสบิ ทหารบก
คณะกรรมการดาเนินการ
พ.ท. วัชรพล กาบกรณ์
ตาแหนง่ อาจารยห์ ัวหน้าแผนกวชิ าสามัญ กองการศึกษา โรงเรียนนายสบิ ทหารบก
พ.ต. ชนะชัย มิตรธรรมพทิ กั ษ์
ตาแหน่ง อาจารย์แผนกวชิ าสามัญ กองการศกึ ษา โรงเรยี นนายสิบทหารบก
ร.ต. ปรัชญา ใจซื่อ
ตาแหน่ง อาจารย์แผนกวิชาสามัญ กองการศกึ ษา โรงเรียนนายสบิ ทหารบก
เอกสารอ้างอิง
เอกสารประกอบการประชมุ เชิงปฏิบตั ิการระหวา่ งหน่วยงานท่เี กยี่ วขอ้ งเพอื่ ผลกั ดัน
หลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา