The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by armynco2665, 2022-07-18 02:03:38

วิชายุทธวิธี 3

วิชายุทธวิธี 3

คูม่ อื
วิชายุทธวธิ ี (3)

การฝึกหมู่ปืนเล็กทางยุทธวิธี
การเคลือ่ นทร่ี ะดับหมูป่ ืนเล็ก
การยิงปืนประกอบการเคล่อื นที่
แบบฝึกทาการรบของหมปู่ นื เลก็

หลักสูตร นนส.ทบ.
กองการศกึ ษา โรงเรยี นนายสิบทหารบก

พ.ศ.2562

คำนำ

ตามท่ี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้มีดาริให้แผนกวิชาจัดทาคู่มือการสอน แต่ละรายวิชา
โดยรวบรวมจาก เอกสารตารา รส., คฝ. ทีเ่ กยี่ วขอ้ งนามาจัดเป็นรปู เล่มเพอื่ ใช้เปน็ แนวสอนให้กับ ครู, อาจารย์
ของ โรงเรยี นนายสิบทหารบก

แผนกวิชายุทธวิธี ไดจ้ ดั ทาและรวบรวมแบ่งออกเป็น 3 เล่ม ในเล่มน้ีเป็นเล่มท่ี 3 จะกล่าวถึง เร่ืองการ
ฝึกหมูป่ นื เลก็ ทางยุทธวธิ ี, การเคล่ือนที่ระดับหมู่ปืนเล็ก, การยิงปืนประกอบการเคล่ือนที่ระดับหมู่ปืนเล็ก และ
แบบฝกึ ทาการรบ

แผนกวิชายุทธวิธี หวังเป็นอย่างย่ิงว่าหนังสือคู่มือเล่มน้ีจะเกิดประโยชน์ต่อ ครู, อาจารย์ ของ
โรงเรยี นนายสิบทหารบก และกาลังพลที่สนใจ หากมีข้อแนะนาประการใด ให้ส่งมาที่ กองการศึกษา โรงเรียน
นายสบิ ทหารบก จะเปน็ พระคณุ อย่างย่ิง

พันโท

( วินยั เฟ่ืองฟู )

อาจารยห์ ัวหนา้ แผนกวิชายุทธวธิ ี กองการศึกษา
โรงเรียนนายสิบทหารบก

สารบัญ

บทท่ี 1
1
บทท่ี 1 การฝึกหมปู่ นื เล็กทางยุทธวิธี.............................................................................................. 1
1. กล่าวนา........................................................................................................................... 1
2. เทคนคิ การเคลื่อนที่......................................................................................................... 5
3. วิธีการเคลอื่ นท่ี................................................................................................................ 6
คาถามทา้ ยบท...................................................................................................................... 6
6
บทท่ี 2 การเคลอื่ นทรี่ ะดบั หมูป่ ืนเล็ก.............................................................................................. 7
1. การจดั ............................................................................................................................. 8
2. ชุดยงิ ............................................................................................................................... 12
3. การเคลอ่ื นที่และการเขา้ ต่อสู้.......................................................................................... 13
4. การปฏิบัติโดยฉลบั พลนั ขณะเคลื่อนที่............................................................................. 13
5. การยิงและการเคล่ือนท่ี................................................................................................... 22
6. การเคลอื่ นท่ีไปกับรถถัง.................................................................................................. 24
7. เทคนคิ การเคลอ่ื นท่ี......................................................................................................... 31
8. การเคลอ่ื นที่ในสถานการณ์อ่นื ๆ ของหมวดปนื เล็ก......................................................... 32
9. การปฏบิ ตั ิ ณ พ้นื ที่อันตราย............................................................................................ 32
คาถามทา้ ยบท..................................................................................................................... 32
32
บทที่ 3 การยงิ ปนื ประกอบการเคลอื่ นท่ีระดับหมู่ปืนเลก็ ............................................................... 33
1. กล่าวนา.......................................................................................................................... 35
2. กฎความปลอดภยั ........................................................................................................... 37
3. การปฏบิ ัติ....................................................................................................................... 39
4. การฝึกยงิ ปนื เป็นคู่........................................................................................................... 40
5. การฝึกยิงปนื เป็นชดุ ยงิ .................................................................................................... 41
6. การฝึกยิงปืนเปน็ หมู่........................................................................................................ 41
7. สรปุ ................................................................................................................................. 41
คาถามทา้ ยบท..................................................................................................................... 42
46
บทท่ี 4 แบบฝกึ ทาการรบ................................................................................................................ 48
1. กลา่ วนา........................................................................................................................... 49
2. รูปแบบ............................................................................................................................
3. แบบฝึกทาการรบท่ี 1 หมู่ปฏิบัติการโจมตี...................................................................... 51
4. แบบฝึกทาการรบที่ 2 การปฏบิ ตั ิเมื่อปะทะขา้ ศกึ ...........................................................
5. แบบฝกึ ทาการรบท่ี 3 การผละจากการปะทะ.................................................................
6. แบบฝกึ ทาการรบท่ี 4 การปฏิบตั เิ ม่อื ถูกซุ่มโจมต.ี ...........................................................

คาถามทา้ ยบท...........................................................................................................

-1-

บทที่ 1
การฝกึ หมู่ปืนเล็กทางยทุ ธวธิ ี

1. กล่าวนา
1.1 โดยปกติ ทหารใช้เวลาในการปฏิบัติต่าง ๆ ด้วยการเคล่ือนที่ไปตามภูมิประเทศมากกว่าการต่อสู้

ดังนั้นจะต้องใช้วิธีการเฉพาะในการเคล่ือนที่หรือนิยม เรียกว่า เทคนิคในการเคลื่อนที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับ
ขา้ ศึก เม่ือทหารยงั ไมไ่ ด้เตรยี มการเพอื่ เข้าปะทะ

1.2 หลักพน้ื ฐานของการเคลื่อนที่ ทีไ่ ด้เขียนลงในบทนี้ได้ระบุวิธีการเฉพาะอย่างท่ีเป็นประโยชน์ ซึ่งทหาร
ทกุ คนควรเรยี นรู้วธิ กี ารเหล่านี้ทหารตอ้ งฝึกทบทวนจนกลายเป็นบคุ ลิกภาพซ้อนในตวั เอง

2. เทคนิคการเคล่ือนท่ี
ความสามารถในการเคลื่อนทข่ี องหน่วยขน้ึ อยู่กับความชานาญในการเคล่ือนที่ของตัวทหารทุกคนทหารจง

ใช้เทคนิคดงั ตอ่ ไปนเ้ี พ่อื หลกี หลบการตรวจการณห์ รือการได้ยนิ ของข้าศึก
2.1 พรางร่างกายของตนและยุทโธปกรณ์
2.2 พันแผ่นป้ายระบุตน ท่ีแขวนคอด้วยเทปกาว ไม่ให้กระทบกันจนเกิดเสียงดัง ตลอดจนอาวุธและ

ยุทโธปกรณท์ ีต่ ิดตัวไปไม่ให้ ตวัด แกวง่ รงุ รงั และเกิดเสยี งดงั
2.3 สวมเคร่ืองแบบเน้อื ผา้ หนานมุ่ และมีขนาดพอดีตัวไม่รุ่มรา่ ม
2.4 ไม่แบกหาม เกาะเกี่ยวสัมภาระไร้ประโยชน์บนร่างกาย เคล่ือนที่ไปในแต่ละท่ีซ่ึงให้การกาบังอย่าง

คล่องตัว 3 - 5 วนิ าที ระหวา่ งจุดตา่ ง ๆ
2.5 หยุด มองไปรอบ ๆ และนง่ิ ฟัง มองหาจดุ ทจ่ี ะวางตัวก่อนเคล่ือนทต่ี อ่ ไป
2.6 มองหาเส้นทางท่ปี กปดิ และกาบังซ่งึ จะเคลอื่ นที่ไป
2.7 เคลือ่ นที่สลับไปมาทางซา้ ย - ขวา แตล่ ะคร้งั ทีผ่ ่านพงหญา้ สูง ๆ
2.8 หยดุ มองไปรอบ ๆ น่งิ ฟัง เมอื่ มีเสียงนกร้องเตอื นหรือเสยี งสัตวอ์ ่ืน ๆ (อาจมขี ้าศึกอย่ใู กล้บรเิ วณนนั้ )
2.9 อาศยั เสยี งปืน ระเบดิ ในสนามรบกลบเสยี งการเคลือ่ นท่ขี องเรา
2.10 ขา้ มถนนหรือเสน้ ทางในบรเิ วณที่มสี ิง่ ปกปิดกาบงั มากท่สี ุด (ท่อลอด ทางโค้ง สะพาน)
2.11 หลีกเล่ยี งใชเ้ สน้ ทางลาดชนั และบรเิ วณที่มีดินรว่ นหรือมกี ้อนหนิ ระเกะระกะ
2.12 หลีกเลย่ี งพน้ื ท่โี ล่งเตียน ยอดเนนิ และสนั เขา

3. วิธกี ารเคล่ือนที่
นอกจากการเดนิ แล้ว ทหารอาจเคลื่อนท่ไี ปใน 3 วิธกี าร คอื คลานตา่ คลานสูง หรอื ไปดว้ ยการโผ

เคลอื่ นทบ่ี นเสน้ ทางทป่ี กปดิ กาบงั

อยา่ เคลอ่ื นทอ่ี อกจากทกี่ าบงั โดยตรง

หลกี เลย่ี งพนื้ทๆ่ี ลอ่ แหลมตอ่ การซมุ่ โจมตจี ากขาศ้ กึ

รปู ท่ี 1 - 1 การเคล่ือนที่

-2-
3.1 การคลานตา่ ทาใหต้ ัวทหารเปน็ เป้าทตี่ า่ ทสี่ ุด ใช้การเคลื่อนที่ผ่านพื้นทซ่ี ึง่ มสี ่งิ ปกปดิ ตา่ มาก และมีการ
ระดมยงิ หรือตรวจการณ์ของข้าศกึ อย่างหนักจนทหารโผลห่ วั ไม่ขึ้นแนบลาตวั ใหต้ ดิ พ้ืนมากท่สี ุด ใชม้ ือทถี่ นัดกาสายสะ
พายปนื ทหี่ ูกระวนิ บน ควา่ ข้อมือลงใช้ท่อนแขนรองใตฝ้ าประกับลากลอ้ งปืน หนุนปนื ให้ปากลากล้องพ้นพน้ื ดนิ ปลอ่ ย
พานทา้ ยปนื ลากไปตามพนื้ เมือ่ จะเคลื่อนท่ไี ปยึดแขนทั้งสองขา้ งไปข้างหนา้ พร้อมกับงอเข่าข้างเดียวกับมือท่ีจับปืน
แลว้ ใช้มอื ทัง้ สองดึงตวั พรอ้ มกับถบี เท้าข้างท่ีงอขึ้นมา เคล่ือนทีไ่ ปในลกั ษณะนี้จนพ้นบริเวณที่โลง่

รูปท่ี 1 - 2 การคลานต่า/สงู
3.2 การคลานสูง จะทาให้เคล่ือนท่ีได้เร็วกว่าคลานต่าและยังคงทาให้ตัวทหารเป็นเป้าต่า ใช้วิธีน้ีเม่ือใน
บริเวณของข้าศึกบังคับให้ทหารลุกข้ึนไม่ได้ ยกลาตัวท่อนบนเหนือพ้ืนดินใช้แขนท่อนปลายและข้อศอกและขาท่อน
ล่างพยุงน้าหนักตัวไว้ พาดปืนในอุ้งแขนขวากับลาตัวให้ลากล้องพ้นพ้ืนดิน งอเข่ามาเล็กน้อยแต่อย่าให้เลยแนวก้น
ขึ้นมา ทาตัวให้ต่าไว้ก่อน การเคลื่อนไปโดยเล่ือนข้อศอกขวาไปข้างหน้าพร้อมกับงอเข่าซ้ายขึ้นมาแล้วโยกสลับ
ขอ้ ศอกซา้ ยไปข้างหน้า พร้อมเข่าขวาไปเรอ่ื ย ๆ ในลักษณะลากตัวไปเหมอื นกิ้งกา่
3.3 การโผ เป็นวิธีที่เร็วท่ีสุดในการเคล่ือนท่ีจากจุดหน่ึงไปอีกจุดหนึ่ง โดยใช้เวลา 3 - 5 วินาที ในการ
เคลอื่ นทีไ่ ปถงึ แต่ละจุด โดยไปเปน็ ห้วงส้นั ๆ เพือ่ ไม่ให้พลยงิ ปกบ. หรอื พลปืนเล็กของขา้ ศกึ มองตามได้ทัน แต่ถ้าวิ่งไป
5 วินาทแี ล้วยังไม่พ้นพ้ืนที่โล่งก็ใหพ้ ยายามหาสง่ิ ที่พอกาบังตัวได้ หมอบกาบังไว้ก่อน อย่าหยุดอยู่กลางลานที่โล่งเตียน
กอ่ นโผต่อไปเลง็ หาตาแหนง่ ท่ีมีการกาบงั และปกปิดตลอดจนเส้นทางท่ีดที ี่สุด ซง่ึ ทอดไปยงั ทีน่ ้ัน

-3-

รูปท่ี 1 - 3 การโผ

1) เรม่ิ การโผจากทา่ นอน
1.1) โผลห่ วั ขนึ้ ชา้ ๆ เลอื กดูจดุ วางตัวข้างหน้าและเสน้ ทางทจ่ี ะว่ิงไป
1.2) กม้ หัวลงชา้ ๆ
1.3) ดึงแขนเข้ามาแนบลาตวั ขอ้ ศอกชดิ ลาตัว
1.4) ดงึ ขาขวา งอมาข้างหน้า
1.5) ดันแขนทงั้ สอง ยกลาตัวข้นึ
1.6) ลกุ ขน้ึ อยา่ งรวดเร็ว
1.7) ว่งิ เรว็ ทสี่ ดุ ไปยงั จุดทห่ี มายตาไว้

2) เมอ่ื ทหารจะหยดุ การเคลือ่ นที่ใหท้ าดังนี้
2.1) กระโดดหยุดลงพรอ้ มกันทั้งสองเท้าในท่าม่ันคง
2.2) คกุ เข่าลงพร้อมกนั ในขณะเดียวกนั เลื่อนมือไปจับพานทา้ ยปืน
2.3) ทิง้ ตวั ลงด้านหนา้ ผลกั พานทา้ ยปืนยนั พื้นข้างหนา้
2.4) วางตัวลงในท่านอนยงิ
ถ้ามีข้าศึกยิงมาจากท่ีใดที่หน่ึงเป็นคร้ังคราว แสดงว่าข้าศึกอาจมองเห็นการเคลื่อนท่ีของเราและ

คอยจ้องยิงเมื่อเราโผล่ออกจากที่กาบัง ดังนั้นก่อนโผต่อไปให้กล้ิงตัวหรือคลานไปให้พ้นจากที่เราหยุดอยู่ไกล
พอประมาณ เพื่อหลอกขา้ ศกึ ให้จ้องอยู่ท่จี ดุ เดิม แลว้ จึงโผตอ่ ไปอย่างรวดเรว็

ถ้าเส้นทางมงุ่ สทู่ ี่วางตัวแห่งใหมต่ อ้ งผ่านพื้นที่โล่ง ใช้การโผแบบสลับฟันปลา หยุดลงแล้วกล้ิงซ้าย
หรอื ขวา แลว้ โผตอ่ ไป

3.4 การเคล่อื นทแ่ี บบย่องเงยี บ
หมายถึง การย่องเงยี บ ๆ ช้า ๆ และระมัดระวัง วิธนี ้ีตอ้ งใช้ความอดทนมาก
1) การเคลื่อนท่แี บบยอ่ งเงียบ
1.1) ถอื อาวธุ ในท่าเตรียมพร้อมยิง
1.2) กา้ วอย่างมน่ั คง ถ่ายน้าหนักตัวไว้ที่ขาท่ยี ึดติดพน้ื ขณะก้าวไปข้างหน้า
1.3) ยกขาทีก่ ้าวไปขา้ งหนา้ ใหส้ ูงพ้นพงหญา้ หรอื พุ่มไม้

-4-

1.4) วางเทา้ ลง โดยใช้ปลายเทา้ กอ่ น น้าหนักตวั ยงั อยทู่ ข่ี าหลงั
1.5) เมอ่ื ปลายเทา้ ถึงพื้นทมี่ ัน่ คงแลว้ จึงวางส้นเทา้ ลง
1.6) ถ่ายน้าหนักตวั ไปท่เี ทา้ หนา้ กอ่ นท่จี ะยกขาหลังกา้ วต่อไป
1.7) ใช้การกา้ วสนั้ ๆ เพอื่ รักษาการทรงตัวไว้
ในการเคล่ือนท่ีในเวลากลางคืนผ่านดงไม้ท่ีหนาแน่นรกทึบ ต้องพยายามให้เงียบที่สุด ถือปืนไว้
ดว้ ยมือที่ถนดั อกี มือหนง่ึ ย่นื ไปขา้ งหนา้ คลาหาส่งิ กีดขวางต่าง ๆ
2) เม่ือจะหมอบลงใช้วธิ ตี ่อไปน้ี
2.1) ถอื ปนื ไวด้ ้วยมอื ใดมอื หนงึ่ ย่อตวั ลงชา้ ๆ
2.2) มอื ที่ว่างคลาดูทีพ่ ้ืนให้ปลอดจากทุ่นระเบิด, ลวดสะดดุ และอนั ตรายอื่น ๆ
2.3) งอเข่าลงทลี ะขา้ ง จนเขา่ ท้งั สองและมือที่คลาพ้ืนรับน้าหนกั ตัวเองไว้ทงั้ หมด
2.4) ถ่ายนา้ หนกั ตัวให้มอื ที่เทา้ พนื้ และเข่าดา้ นตรงข้ามกบั มอื (มือซ้าย – เข่าขวา)
2.5) ยกขาท่ไี ม่ได้รับน้าหนกั ตัวขนึ้ และเหยยี ดไปขา้ งหลัง วางลงอยา่ งนุ่มนวล
2.6) เหยียดขาอกี ข้างหน่งึ ไปวางคกู่ นั เงยี บ ๆ
2.7) มว้ นตัวลงนอนในทา่ หมอบ
3) เม่อื ทหารจะคลานให้ใช้วธิ ดี งั ตอ่ ไปนี้
3.1) น้าหนักตัวอยู่บนมือและเท้าท้ังสอง ถือปืนในมือท่ีถนัด มือท่ีว่างคลาพื้นดินเพ่ือหาจุดวางมือ
และเข่าทจี่ ะคลานตอ่ ไป
3.2) เล่อื นมือและเข่าคลานไปยังจุดท่ไี ด้เลือกไว้ วางลงอย่างนุ่มนวล

-5-

คาถามทา้ ยบท

1. วธิ กี ารเคลื่อนท่นี อกจากการเดินทหารอาจเคล่ือนที่ไปได้กี่วธิ ี ?
2. วิธกี ารเคลื่อนท่นี อกจากการเดิน มี 3 วิธี ไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง ?
3. การคลานต่าใช้ในการเคล่อื นทผี่ า่ นพ้ืนท่ีแบบใด ?
4. การโผเป็นวธิ ที ีเ่ รว็ ทส่ี ดุ ในการเคลื่อนทจี่ ากจดุ หนง่ึ ไปอีกจุดหน่งึ โดยใช้เวลาก่วี นิ าที ?
5. ในการเคลอื่ นผ่านพ้นื ทโ่ี ล่งแจง้ มุ่งสู่ที่วางตวั แหง่ ใหม่ใชก้ ารเคล่อื นท่ีแบบใดแบบใด ?
6. การเคล่อื นที่แบบย่องเงียบหมายถึงอะไร ?
7. การเคลอ่ื นท่ีในเวลากลางคืนผ่านดงไม้ท่หี นาแนน่ และรกทึบจะต้องทาอยา่ งไร ?
8. เทคนคิ ในการเคล่ือนทห่ี มายถึงอะไร ?
9. การเคลื่อนท่ีโดยวิธีการคลานตา่ จะต้องจบั ปืนแบบใด ?
10. เมอ่ื ทหารจะคลานให้ใชว้ ิธใี ด ?

-6-

บทที่ 2
การเคลอื่ นท่รี ะดับหมปู่ นื เล็ก

1. การจัด
การจัดอัตราเตม็ ของหมู่ปนื เลก็ มกี าลงั พล 11 นาย ผู้บังคบั หมู่ เป็นผู้บังคบั บญั ชา มีชุดยิง 2 ชุด แต่ละชุด

มีขดี ความสามารถในการดาเนินกลยทุ ธแ์ ละการยงิ คุ้มครอง หนา้ ทอ่ี าจสลุบกนั ไดร้ ะหว่าง 2 ชุดนี้

2. ชดุ ยงิ
กฎการคงรปู ของการจัดของชดุ ยิง
รูปขบวนในการเคล่ือนที่ของชุดยิง คือ สามเหลี่ยมแหลมหน้า หัวหน้าชุดอยู่ในตาแหน่งนาหรือหน้าสุด

กาลังพลอยู่คล้อยมาทางขวาและซ้าย ทหารแต่ละคนได้รับมอบเขตการตรวจการณ์เพ่ือระวังปูองกันรอบตัว ปกติ
ระยะห่างระหว่างบุคคลประมาณ 10 เมตร การวางตัวของกาลังพลทุกนายในรูปขบวน เว้นหัวหน้าชุดยิงอาจจะ
เปลย่ี นไปบ้าง รูปขบวนแบบนี้ทาให้ หัวหนา้ ชดุ ยิงสามารถนาหนว่ ยได้โดยวธิ ีแสดงตวั อย่าง

หวั หน้าชุดยิง อาจส่งั การเฉพาะเรอ่ื งแกทหารของตนถา้ มีเวลา อยา่ งไรก็ตามถ้าไม่มีคาส่ังใด ๆ เม่ือหัวหน้า
ชดุ ยงิ เคลือ่ นทไี่ ปทางขวา ลูกชดุ จะต้องเคลอื่ นท่ีไปทางขวาด้วย ถ้าหัวหน้าชุดยิงทาการยิง ลูกชุดจะต้องทาการยิงด้วย
ในทิศทางเดียวกัน หัวหน้าชุดอาจจะส่ังให้ทหารเปล่ียนท่ีวางตัวก็ได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาสั่งการทหารทุกคนจะปฏิบัติ
เหมือนหัวหน้าชุดยิงปฏิบัติทุกประการ ภูมิประเทศอาจทาให้ต้องดัดแปลงรูปขบวนไปช่ัวคราวก็ได้ เช่น เม่ือเคล่ือนท่ี
ผ่านช่องแคบ ช่องทางบังคับ หางรูปสามเหลี่ยมก็จะหุบเข้ามา รูปสามเหลี่ยมก็จะหุบไปเป็นเส้นตรงหรือแถวตอนได้
และกรณีน้ีอาจเกิดขึ้นได้ เม่ือผ่านสนามทุ่นระเบิดหรือผ่านปุาทึบเช่นเดียวกัน แต่เมื่อหมวดเปลี่ยนเส้นทางบังคับแล้ว
จะตอ้ งเปลี่ยนมาอยใู่ นรปู สามเหลยี่ มแหลมหนา้ เสมอ โดยไม่ตอ้ งสั่งการอีก

หมู่ปืนเล็กจะต้องปรับเทคนิคการเคลื่อนที่ไปตามเหตุการณ์ท่ีคาดว่าจะพบข้าศึก เทคนิคการเคล่ือนที่ของ
หมู่ปืนเล็กทพ่ี จิ ารณาใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ คือ

- การปะทะอยู่หา่ งไกล ใช้เทคนิคการเคลอ่ื นทแี่ บบ เดินทาง
- การปะทะอาจจะเกดิ ขน้ึ ใช้เทคนคิ การเดนิ ทางแบบ เดนิ ทางเฝูาตรวจ
- การปะทะนา่ จะเกดิ ขน้ึ ใชเ้ ทคนิคการเคลื่อนทีแ่ บบ เฝาู ตรวจเคล่อื นทสี่ ลบั
เทคนิคเหล่านี้ไม่ใช่รูปแบบตายตัว ระยะห่างระหว่างชุดยิงจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิประเทศหรือ
ทัศนวิสัย ถ้าภูมิประเทศยากลาบาก ต้นไม้เริ่มรกทึบ ทัศนวิสัยลดลง ระยะห่างระหว่างชุดยิงลดลง จะต้องให้มีการ
ตดิ ต่อกนั ด้วยสายตากันไดต้ ลอดเวลาระหว่างชุดยิงท้ังสอง
การจดั กาลังเพอื่ ทาการรบ
ผู้บังคับหมู่ จะต้องจัดหมู่ของตนให้สามารถปฏิบัติตามแผนของผู้บังคับหมวดได้ดีท่ีสุด (การจัดกาลังน้ี
หมายถงึ การจัดกาลังและยทุ โธปกรณ์) น่ันคอื การสง่ั ใหท้ หารของตนว่าจะต้องทาอะไร และต้องใช้อาวุธอะไรเมื่อตกลง
ใจว่าจะตอ้ งทางานอะไร และใช้อาวุธอะไร ผ้บู ังคบั หมจู่ ะต้องใหค้ าส่งั ท่ีชดั เจน
ผู้บังคับหมู่ จะต้องจัดชุดยิงของตนให้ตอบสนองต่อคาสั่งของผู้บังคับหมวด โดยพิจารณาภารกิจ กาลังที่
มีอยู่ และยุทโธปกรณ์ อาวุธท่มี อบให้แตล่ ะชดุ ยงิ มิใช่มอบให้ในลักษณะท่ีเหมือน ๆ กันทุกครั้งไป แต่มอบให้เหมาะกับ
ภารกิจที่ไดม้ อบไปให้ การมี 2 ชดุ ยงิ เปน็ การจัดพ้ืนฐานของหมู่ปนื เลก็ แตผ่ บู้ งั คบั หมวด อาจจะโอนทหารจากชุดหน่ึง
ไปยงั อกี ชดุ หนึ่ง เพือ่ ทางานเฉพาะกไ็ ด้ งานเหลา่ นี้อาจจะเป็นการยิงอาวุธพิเศษ การวางระเบิดและการกวาดล้างที่ม่ัน
แข็งแรงหรือบังเกอร์ หมู่อาจได้รับคาสั่งให้เป็นส่วนนา เจาะแนว ส่วนโจมตีหรือส่วนสนับสนุนในการเข้าตี หมู่อาจจะ

-7-
ได้รบั ภารกิจลาดตระเวน ซมุ่ โจมตีรถถงั หรอื สว่ นระวังปอู งกัน ปกติแล้วภารกจิ งานแบบนี้ต้องการให้ผูบ้ ังคับหมู่ทางาน
พิเศษใหก้ ับกาลังของตนเปน็ บุคคลหรอื เปน็ ชดุ ยิง

รูปที่ 2 - 1 การจัดกาลงั เม่ือมีกาลงั พลขาดอตั ราจากการสูญเสยี
3. การเคลื่อนทีแ่ ละการเข้าต่อสู้

หมู่ปืนเลก็ อาจใชเ้ วลาในการเคล่อื นท่ีมากกว่าการใช้เวลาในการเข้าปะทะต่อสจู้ รงิ ๆ ดว้ ยข้อเท็จจริงนีจ้ งึ
เป็นเร่ืองท่ีสาคญั ท่ีหมู่จะต้องเคลื่อนทดี่ ว้ ยเทคนคิ ที่ดที ่ีสุด และเหตผุ ลท่ีสาคัญกว่าในการเคลื่อนท่ที ่ีเหมาะสม คือหน่วย
มกั เคล่ือนท่โี ดยขาดความระมัดระวงั และเข้าปะทะกับขา้ ศึก ณ ตาบลและเวลาท่ีข้าศึกเลอื กไว้แล้ว

เพอ่ื ลดข้อได้เปรยี บข้อนี้ของข้าศกึ หมู่จะต้องใช้เทคนคิ การเคล่อื นท่ีทจี่ ะไมย่ อมให้เกิดการปะทะกับขา้ ศึก
ในคร้งั แรกเกิน 1 ชุดยิง ในขณะท่สี ว่ นทเี่ หลือของหมู่ยังอยู่ในพื้นท่เี หมาะสมทีจ่ ะเขา้ ต่อสู้

-8-

4. การปฏบิ ตั โิ ดยฉลบั พลันขณะเคลื่อนที่
ข้นั ตอนน้เี ปน็ แนวทางให้ทหารปฏิบตั ิโดยฉบั พลนั เมือ่ ขา้ ศกึ ระดมยงิ ดว้ ยพลุส่องสวา่ ง
4.1 ปฏกิ ิริยาตอบโตต้ อ่ การยงิ ด้วยอาวุธกระสนุ วธิ ีโคง้
1) ถ้าทหารตกอยู่ท่ามกลางการระดมยงิ ของกระสนุ ป. หรือ ค. ฯลฯ ในขณะเคลื่อนที่ รีบมองดผู ู้บังคบั หนว่ ย

เพือ่ รบั คาสั่งโดยทนั ที ผ้บู งั คับหนว่ ย อาจสั่งการให้วงิ่ ออกไปให้พน้ เขตกระสุนตกในทศิ ทางใดทิศทางหน่งึ หรืออาจสง่ั
การให้ตามไป ถา้ ทหารมองไมเ่ ห็น ผู้บงั คับหน่วย แตส่ ามารถมองเหน็ เพ่ือนคนอ่ืน ๆ ใหร้ บี ตามไป ถา้ ทหารอยู่โดด
เด่ยี วไม่เหน็ ใครเลย ให้วิ่งออกจากบริเวณนนั้ ในทศิ ทางตรงข้ามกับทก่ี ระสุนยิงมา

4.2 วิธกี ะระยะจากลกั ษณะวัตถทุ ป่ี รากฏ (กลางวัน)
1) วิธีนีใ้ ช้การสงั เกตจากขนาด และรายละเอยี ดความชัดเจนของวตั ถทุ ี่ปรากฏตอ่ สายตาเราเป็นวิธีปกติ

ท่ีเราได้ใช้อย่ใู นชีวติ ประจาวนั เชน่ เมื่อนกั ขับรถ พยายามจะแซงรถคนั หน้าขึ้นไปกต็ ้องตัดสินใจเอาจากขนาดของรถท่ี
สวนมาเขาจะไมส่ นใจระยะห่างจรงิ ๆ เป็นระยะเท่าใด เพียงให้มีท่ีว่างที่ปลอดภัยเพื่อแซงให้พ้น สมมติว่า นักขับรถรู้
แน่ว่าในระยะ 1 ไมล์ จะมองเห็นรถที่สวนมามีขนาดกว้าง 1 น้ิว และสูง 2 นิ้ว และระยะห่างของดวงไฟหน้าของรถที่
สวนมาครงึ่ น้ิว ดังนนั้ เมอ่ื เขามองเห็นรถท่ีว่ิงสวนมา มีขนาดสัดส่วนตามที่กล่าวมาแล้ว เขาก็จะรู้ว่าเขาห่างจากรถท่ีวิ่ง
สวนมาเป็นระยะ 1 ไมล์

2) วิธกี ารนี้สามารถนามาใช้กะระยะในสนามรบได้ ถ้าทหารรู้ถึงขนาด/รายละเอียดของกองทหารและ
ยุทโธปกรณ์ที่มองเห็นในระยะที่เราทราบแล้วเราก็เปรียบเทียบลักษณะเหล่าน้ันต่อวัตถุที่คล้ายคลึงกันในระยะห่างที่
เรายังไม่ร้วู ่าไกลเทา่ ไร ถา้ ลักษณะ/ขนาดพอดกี ันกบั กองทหารดังกลา่ วระยะทางกต็ ้องเทา่ กนั หรือใกลเ้ คียง

3) การใช้วธิ ีนท้ี หารต้องมีความคนุ้ เคยกับรายละเอียดลกั ษณะ ของวัตถทุ ่ีมองเห็นในหลาย ๆ ระยะที่
แตกต่างกนั และเนื่องจากทหารจะตอ้ งสามารถมองเห็นรายละเอียดของวัตถุจงึ จะใช้วิธนี ไี้ ดผ้ ล ดงั น้นั ถา้ หากมสี ่ิงท่ีบด
บังทัศนวิสัย (เชน่ หมอก, ควนั , ความมืดมวั ) ก็จะจากดั ประสทิ ธภิ าพ หรือลดประสทิ ธิผลของการกะระยะดว้ ยวิธนี ้ี

4.3 วธิ ีการผสม สภาพของสนามรบไม่เหมาะสาหรับการกะระยะเสมอไป ถ้าห้องภูมิประเทศจากัดต่อการ
ใชว้ ธิ กี ะระยะเปน็ หว้ ง 100 เมตร และทศั นวสิ ัยมวั สลัว ก็จะจากัดการใช้วิธีกะระยะจากลักษณะวัตถุที่ปรากฏ ทหาร
อาจต้องใชว้ ิธีผสม เช่นถ้าทหารไม่สามารถมองเห็นพ้ืนภูมิประเทศได้ยาวตลอดไปจนถึงเปูาหมาย ทหารก็ยังคงใช้การ
กะระยะจากรูปลักษณะ/รายละเอียดของวัตถุท่ีทหารมองเห็น หมอก ควัน อาจบดบังรายละเอียดของเปูาหมาย แต่
ทหารยังคงสามารถตัดสินใจได้จากขนาดหรือการกะระยะเป็นห้วง 100 เมตร โดยการใช้วิธีใดวิธีหน่ึงหรือท้ัง 2 วิธี
ทหารจะกะระยะเปาู หมายไดใ้ กลเ้ คียงกบั ระยะจริง

4.4 วิธสี งั เกตแสงสวา่ งและเสียง (ดที ี่สดุ ในเวลากลางคนื ) เสียงเดนิ ทางผา่ นอากาศไดร้ ะยะทาง 300 เมตร
(โดยประมาณ) สงิ่ นี้ทาให้เรากะระยะได้ ถา้ เราไดย้ ินท้ังเสยี งและมองเห็นแสง ที่เกิดจากสิง่ น้นั ๆ เมอื่ ทหารมองเหน็
แสงสว่างหรอื ควนั ของการระเบดิ หรอื ฝนุ ทฟ่ี ูุงข้นึ ใหท้ หารเร่ิมนับในทันทีและหยดุ นบั เม่ือทหารได้ยนิ เสยี งตามมา จาก
การสว่างของแสงจานวนทีท่ หารนับไดใ้ หค้ ูณด้วย 3 วธิ ีนจ้ี ะทาให้ทหารประมาณระยะทางจากตวั ทหารถึงจุดระเบดิ ได้
เปน็ หลกั รอ้ ยเมตร ถ้าทหารนับได้หนึ่งระยะทางจะห่างประมาณ 300 เมตร ถ้าทหารนับไดส้ าม ระยะจะหา่ งประมาณ
900 เมตร ถา้ ทหารนบั ไดเ้ กนิ 9 ยงั ไมไ่ ดย้ นิ เสียงใหเ้ ร่ิมนบั จากหนึง่ ข้นึ ไปอีกจนไดย้ นิ เสียง (การนับจานวนมากกวา่ 9
จะทาใหเ้ วลามากขึ้น การกะระยะผิดพลาดง่าย)

-9-

รปู ท่ี 2 - 2 ทหารว่ิงติดตามหวั หนา้ ชุดออกจากตาบลกระสุนตก

รูปท่ี 2 - 3 ปฏิกิริยาต่อพลุส่องสว่างบนพน้ื ดนิ
4.5 การเคลอ่ื นทท่ี ่ามกลางแสงสวา่ งของพลุสะดุด

1) ถ้าทหารตกอยู่ท่ามกลางแสงสว่างของพลุสะดุด ให้เคล่ือนที่ออกจากบริเวณแสงสว่างอย่างรวดเร็ว
เพราะขา้ ศึกจะระดมยิงในทันที ใชว้ ธิ โี ผ ม้วนตัว หรอื คลานต่าในขณะเคล่อื นทีม่ องหาพวกผ่ายเรา และเคล่ือนที่ตามไป
สมทบกนั ณ บริเวณทีม่ สี ่ิงปกปิดกาบัง

2) ในภูมิประเทศที่รกและเป็นหลุมเป็นโขดหินเนินดิน จะเป็นอุปสรรคทาให้ทหารวิ่งเร็วไม่ได้ แต่
บรเิ วณนนั้ อาจใหท้ ่กี าบงั ท่ีดี จึงควรใช้ประโยชนจ์ ากบริเวณนน้ั เป็นทีก่ าบงั และหมายคอยจนพลุส่องสว่างดับแสงลง จึง
เคล่ือนท่ีออกจากบรเิ วณนั้นโดยเร็ว

4.6 ปฏกิ ริ ิยาตอ่ พลุสะดุดบนพื้นดิน ขา้ ศกึ จะใชพ้ ลุสะดุดเป็นเครื่องเตือนภัยโดยการโยน ให้ระเบิดหรือผูก
ลวดไว้ให้ฝุายเราสะดุดระเบิดส่องสวา่ งขึน้ ในบรเิ วณที่ข้าศกึ สามารถตรวจการณ์เหน็ ได้ชดั เจน

- 10 -

4.7 ปฏิกิริยาต่อพลสุ อ่ งสว่างบนอากาศ ขา้ ศึกนัน้ ใชพ้ ลสุ ่องสว่างทางอากาศในพื้นท่ีสาคัญ ๆ อาจใช้ยิงจาก
การกระแทกดว้ ยมอื เครือ่ งยงิ จรวด ค. และ ป. หรอื ทงิ้ จากเคร่ืองบิน

1) ในขณะที่ทหารกาลังเคลื่อนที่ถ้าได้ยินเสียงระเบิดจากพลุส่องสว่างบนอากาศ ให้ทหารรีบหมอบลง
(หลังท่ีกาบังถ้ามี) ในขณะทพ่ี ลุยงั สอ่ งสวา่ งอยู่

2) ถ้าทหารเคล่ือนท่ีไปในบริเวณท่ีกลมกลืนกับฉากหลัง (เช่นในปุา) และมีพลุส่องสว่างระเบิดข้ึนบน
อากาศให้ทหารหยดุ อยนู่ งิ่ ๆ จนกว่าพลุจะดับไป

3) ถ้าเป็นทโี่ ลง่ ให้ยอ่ ตัวต่าลงในทนั ที หรือนอนราบกับพ้นื
4) ถ้าทหารกาลังข้ามเคร่ืองกีดขวาง เช่น ร้ัวลวดหนามหรือกาแพง ให้ย่อตัวลงต่าและน่ิงจนกว่าพลุ
จะดับ
5) พลสุ อ่ งสว่างทร่ี ะเบดิ ขึน้ อาจทาใหท้ ัง้ ทหารฝาุ ยเราและฝุายข้าศึก ตาพร่าไปชั่วขณะ เม่ือข้าศึกใช้พลุ
สอ่ งสว่างเพอื่ ตรวจดูฝุายเรา ข้าศกึ ก็จะสูญเสียการเหน็ ภาพในที่มืดไปช่ัวขณะ เพื่อให้ฝุายเรายังคงรักษาการมองเห็นใน
ท่มี ืดไว้ได้ ใหร้ บี ปิดตาในขณะท่ีพลุกาลังส่องสว่าง เมื่อพลดุ ับลงเรากจ็ ะมองเหน็ ในความมืดได้

รูปท่ี 2 - 4 ปฏิกริ ยิ าตอ่ พลุส่องสวา่ งกลางอากาศ
4.8 การเคล่ือนทเ่ี ปน็ ชุด เมอื่ ทหารเคลื่อนทเี่ ปน็ ชดุ เลก็ ๆ เช่น ชดุ การยิงของทหารราบ ปกติจะใช้รูปขบวน
สามเหล่ียม ทหารแต่ละคนในชุดจะประจาตาแหน่งในรูปสามเหล่ียม โดยกาหนดจากอาวุธท่ีถือ แต่อาจมีการเปล่ียน
ตาแหน่งในรูปขบวนได้โดยหัวหน้าชุด เม่ือเผชิญสถานการณ์ ระยะห่างตามปกติระหว่างทหารแต่ละคน ห่างกัน 10
เมตร

- 11 -

หน.ชดุ ปลก.
พลยงิ เครื่องยิงลูกระเบิด ชดุ นา
พล ปล.
พล ปล.

ปลก. หน.ชุด
พล ปล. พลยิงเครื่องยิงลกู ระเบิด
ชุดตาม
พล ปล.

รปู ท่ี 2 - 5 ชุดยงิ ในรูปขบวนสามเหลย่ี ม

1) ทหารอาจตอ้ งเปล่ยี นรูปขบวนบ้างเป็นการช่ัวคราว เม่ือเคลื่อนที่ผ่านห้วงภูมิประเทศแคบ ทหารใน
แต่ละแถวของรูปขบวนสามเหลี่ยม จะบบี เข้ามาเป็นแถวตอนเรียงหนึ่ง เมื่อเคล่ือนที่ผ่านปุาทึบหรือช่องแคบ เม่ือผ่าน
ไปแล้ว จะกระจายกาลังออกเป็นรูปขบวนสามเหลี่ยมดังเดิม โดยไม่ต้องรอคาสั่งจากหัวหน้าชุดยิง แล้วคอยมองดู
หัวหน้าชุด และทหารในชดุ อยู่ตลอดเวลา

2) หัวหน้าชุด หรือ ผู้บังคับหมู่ นาหมู่ด้วยการเป็นตัวอย่าง คาส่ังประจาท่ีรู้กันในใจคือ “ตามข้าพเจ้า
มา และทาตามข้าพเจ้า” เมื่อ ผู้บังคับหมู่ หรือ หัวหน้าชุด ไปทางซ้าย ทหารก็ต้องไปทางซ้าย เม่ือเขาหมอบทหาร
กต็ ้องหมอบ เมื่อเขายงิ ทหารก็ยิงตาม

3) เม่ือทัศนวิสัยจากัด การควบคุมในขณะเคล่ือนท่ีจะทาได้ยาก ให้เย็บแถบเรืองแสงขนาดยาว 1 นิ้ว
2 แถบ ติดกบั ผา้ พรางหมวกด้านหลงั ห่างกัน 1 นิ้ว (ทหารอเมริกันเย็บติดท่ีสายรัดผ้าพราง เพ่ือเป็นจุดสังเกตในเวลา
กลางคืน)

- 12 -

แถบเรอื งแสง

รูปท่ี 2 - 6 แถบเรอื งแสงเป็นอุปกรณช์ ว่ ยสงั เกต
5. การยิงและการเคล่ือนที่

เมื่อหนว่ ยทหารปะทะข้าศกึ กจ็ ะทาการยิงโต้ตอบและเคล่ือนท่เี ขา้ หาขา้ ศกึ บางครั้งก็ต้องเคล่ือนท่ีออกห่าง
จากขา้ ศกึ วิธกี ารน้ีเรียกว่า การยิงและการเคลื่อนท่ี เปน็ การปฏบิ ัติท้ังการเข้าประชิดและทาลายข้าศึก หรือ เคลื่อนท่ีออกห่าง
เพื่อผละจากการปะทะ

5.1 การยิงและการเคลื่อนท่ี จะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ประกอบด้วยส่วนยิงและเคลื่อนที่ ส่วนต่าง ๆ
เหลา่ น้อี าจมเี พียงทหารคนเดยี ว ทหารเปน็ คู่ ชดุ ยิงหรือหมู่ข้ึนอยู่กับขนาดของส่วนนั้น ๆ การปฏิบัติก็ยังคงเป็นการยิง
และการเคล่อื นที่

5.2 ส่วนยิง (FIRE ELEMENT) จะยิงคุ้มกันการเคลื่อนท่ีของส่วนเคล่ือนที่ไปยังที่ม่ันของข้าศึก เพื่อปูองกัน
ไม่ให้ขา้ ศกึ ยงิ ไปยังสว่ นเคลอื่ นท่ี

5.3 ส่วนเคลื่อนที่ (MOVEMENT ELEMENT) จะเคล่อื นท่เี ข้าประชิดข้าศึกหรือเข้าประจาท่ีม่ัน แล้วยิงตอบโต้
ส่วนเคลอ่ื นทีจ่ ะเริม่ เคล่ือนทเี่ มื่อส่วนยิงทาการยิงคมุ้ กนั ให้

5.4 ส่วนยงิ และสว่ นเคลื่อนที่ จะสลับหน้าทกี่ นั ตามระยะและทก่ี าบงั ทเ่ี หมาะสม เพอ่ื เคลื่อนท่เี ขา้ ทาลายข้าศกึ
5.5 ก่อนที่ส่วนเคล่ือนที่จะเคล่ือนท่ีพ้นระยะยิงสนับสนุนของส่วนยิง (ตามระยะยิงของที่มีอยู่) ส่วน
เคล่ือนที่จะต้องเข้ายึดที่วางตัวท่ีสามารถยิงไปยังข้าศึกได้แล้วเปลี่ยนเป็นส่วนยิงคุ้มกัน ในขณะท่ีส่วนยิงคุ้มกันเดิม
เปล่ยี นเป็นสว่ นเคลื่อนที่

- 13 -

6. การเคลอ่ื นทไ่ี ปกับรถถัง
ทหารอาจมีโอกาสเคลอื่ นทีไ่ ปพรอ้ มกบั รถถงั โดยการน่ังไปบนรถถัง การน่ังบนรถถัง ทาให้เสี่ยงต่อการถูก

ระดมยิงจากข้าศึก และยังเป็นการลดความสามารถในการดาเนินกลยุทธ์ของรถถังและความสามารถในการหมุนส่าย
ปูอมปนื บนรถถงั อีกดว้ ย ถ้าเกดิ การปะทะกบั ขา้ ศึก ทหารตอ้ งลงจากรถถังในทนั ที

6.1 ในการบรรทกุ ไปโดยรถถัง ข้ันแรกจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชารถก่อน แล้วจึงขึ้นตอนหน้า
ทางขวาของรถถงั ไม่ใช่ดา้ นซ้ายซึ่งมปี นื กลร่วมแกนติดตั้งอยู่ แล้วเดินไปข้างหลังยืนเกาะท่ีโครงเหล็กด้านหลังปูอมปืน
ถ้าคนมากไปไม่พอยืน อาจต้องยนื ดา้ นขา้ งของปอู มปืน และเกาะที่ฝาปดิ ช่องลงปอู มปนื

6.2 เมอื่ ขึน้ ไปบนรถถงั ตอ้ งเตรียมพร้อมระวงั กง่ิ ไมท้ ีอ่ าจฟาดทหารหล่นลงไปได้ และเคร่ืองกีดขวางต่าง ๆ
บนพ้ืนดิน ซ่ึงทาให้รถถังต้องเลี้ยวหลบ โดยทันทีทันใดและต้องระวังเมื่อรถถังพบข้าศึก จะส่ายปูอมปืนอย่างรวดเร็ว
เพือ่ ทาการยิงขา้ ศกึ

6.3 การข้นึ ไปกบั รถถงั ย่อมมีอันตรายเสมอ และควรปฏิบัติเม่ือความได้เปรียบในการไปกับรถถัง มีน้าหนักกว่าการ
เสยี่ งกบั อันตรายต่าง ๆ

รปู ที่ 2 - 7 ทหารขน้ึ ไปกบั รถถัง

7. เทคนคิ การเคลื่อนที่
เทคนิคการเคล่ือนที่ หมายถึงวิธีการเคลื่อนท่ีแบบต่าง ๆ ของหมวดปืนเล็กให้เหมาะสมกับภูมิประเทศท่ี

จะตอ้ งผา่ น เทคนิคการเคลอ่ื นที่มี 3 แบบ คือ เดินทาง (Traveling) เดินทางเฝูาตรวจ (Tvaveling overwatch) และ
เฝูาตรวจ - เคลื่อนที่สลับ (Bounding overwatch) ข้อพิจารณาเลือกใช้เทคนิคแบบใดข้ึนอยู่กับความน่าจะเกิดการ
ปะทะกับขา้ ศึก และความเร็วในการเดนิ ทางท่ีต้องการ เทคนิคการเคล่ือนที่แต่ละแบบมีคุณลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน
คือ การควบคุม การกระจายกาลัง ความเร็วและการระวังปูองกัน เทคนิคการเคล่ือนท่ีไม่ใช่รูปขบวนตายตัว แต่เป็น
การกาหนดระยะห่างระหว่างตัวทหาร ชุดยิง หรือหมู่ปืนเล็ก ในขณะเคลื่อนท่ีให้เหมาะสมกั บภารกิจ ข้าศึก
ภูมิประเทศ ทัศนวิสัย และปัจจัยอ่ืน ๆ ซ่ึงมีผลกระทบต่อการควบคุมหน่วย ทหารทุกคนต้องสามารถมองเห็นหัวหน้า
ชุดยิงของตน ผู้บังคับหมู่ควรมองเห็นหัวหน้าชุดยิงและผู้บังคับหมวดควรมองเห็นผู้บังคับหมู่ท่ีเป็นหมู่นาด้วย
ผู้บังคับหมวดและผู้บังคับหมู่สามารถควบคุมการเคล่ือนท่ีของหน่วยด้วยสัญญาณมือและแขน จะใช้วิทยุเม่ือจาเป็น
เทา่ นน้ั เทคนิคการเคล่อื นทแี่ ตล่ ะแบบสามารถใช้กบั รปู ขบวนการเคลือ่ นท่ีได้ทุกรปู แบบ

- 14 -

เทคนิคการ ใชเ้ มอ่ื การควบคุม คุณลกั ษณะ การระวังปูองกนั
เคลอ่ื นที่ ดกี วา่ การกระจายกาลัง ความเรว็ นอ้ ยท่ีสุด
ยังไม่นา่ จะ
เดนิ ทาง ปะทะกบั ข้าศึก นอ้ ยกวา่ เรว็ ทสี่ ดุ

เดินทางเฝูา อาจเกิดการ นอ้ ยกว่า มากกว่า ชา้ กวา่ มากกวา่
ตรวจ ปะทะกับขา้ ศึก

เฝูาตรวจเป็น ใกลป้ ะทะกับ ดที ส่ี ุด มากที่สดุ ช้าท่ีสดุ มากท่ีสุด
หว้ ง ๆ ข้าศกึ

7.1 วธิ ีการเคลื่อนที่ของหมู่ปนื เลก็ ผู้บังคบั หมวดเป็นผู้พจิ ารณาและกาหนดวธิ กี ารเคล่ือนท่ีของหมปู่ ืนเล็ก
1) วิธีการเคลื่อนท่ีแบบเดินทาง ใช้เมื่อคาดว่าการปะทะกับข้าศึกยังไม่น่าจะเกิดข้ึน และต้องการ

ความเร็วในการเคล่ือนท่ี

รูปที่ 2 - 8 หมูป่ ืนเลก็ ใช้วิธีการเคล่อื นทีแ่ บบเดนิ ทาง

- 15 -

2) เทคนิคการเคลื่อนท่ีแบบเดินทางเฝูาตรวจ ใช้เมื่อมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะกับข้าศึก
(รูปท่ี 2 - 8) อาวุธที่มาสมทบจะเคลื่อนท่ีใกล้ ๆ กับผู้บังคับหมู่ และอยู่ในความควบคุมโดยตรงของผู้บังคับหมู่เพื่อให้
สามารถใช้ได้ทันที

รปู ท่ี 2 - 9 หมู่ปืนเล็กใช้วิธกี ารเคลอื่ นทีแ่ บบเดนิ ทางเฝา้ ตรวจ

รูปที่ 2 - 9 หมู่ปนื เล็กใช้วิธกี ารเคลอื่ นที่แบบเดนิ ทางเฝ้าตรวจ
3) เทคนิคการเคลื่อนที่แบบเฝูาตรวจ - เคล่ือนที่สลับ ใช้เมื่อคาดว่าใกล้จะปะทะกับข้าศึก เม่ือผู้
บังคับหมู่รู้สึกว่าอยู่ใกล้กับข้าศึก (จากความเคลื่อนไหว เสียง แสงสะท้อน ขยะ กล่ินตัว หรือแม้แต่จิตสานึกที่คิดว่า
น่าจะเปน็ เชน่ น้นั ) และใชเ้ มอื่ จาเปน็ ต้องผ่านพ้ืนท่อี นั ตราย

3.1) ชดุ ยงิ ที่เคล่ือนที่นา ทาการระวงั ปอู งกนั ก่อน โดยทหารทุกคนตรวจการณ์กวาดสายตาค้นหา
ข้าศึก โดยปกติผ้บู ังคับหมู่จะอย่กู ับชดุ ยิงท่ีทาหน้าที่ระวังปอู งกัน

3.2) ชุดยิงที่เคลอ่ื นที่ตาม จะเคลื่อนทผ่ี ่านชุดยิงนาไปขา้ งหน้า เม่อื เข้าท่ีวางตัวแล้วส่งสัญญาณให้
ผูบ้ ังคบั หมทู่ ราบ และทาหน้าท่รี ะวังปูองกนั การเคล่อื นท่ีของชดุ ยงิ ขา้ งหลังต่อไป

3.3) หัวหน้าชุดยิงทั้งสองชุดต้องทราบว่าจะเคลื่อนที่ตามลาดับข้ันหรือแบบสลับ และต้องรู้ว่าผู้
บงั คับหมูจ่ ะเคล่ือนท่ีไปกับชุดยิงใด หัวหน้าชุดยิงที่ทาการระวังปูองกันอยู่จะต้องรู้เส้นทางและท่ีวางตัวซึ่งชุดยิงอีกชุด
หน่ึงกาลังจะเคลื่อนท่ีไป สาหรับหัวหน้าชุดยิงซึ่งกาลังเคล่ือนที่นั้นจะต้องรู้เส้นทางและที่หมาย ซ่ึงจะไปวางตัวที่ตั้ง
ขา้ ศกึ ทีอ่ าจเป็นไปได้ และรู้การปฏิบัติเม่ือไปถึงท่ีวางตัวแล้ว นอกจากนี้ต้องรู้ถึงเส้นทางและท่ีวางตัวของชุดยิงท่ีกาลัง
ระวงั ปอู งกนั อย่ขู ณะนี้ รวมทัง้ วธิ ีท่จี ะให้คาแนะนาแกก่ นั ดว้ ย สาหรบั วิธีการเคล่ือนท่ีของทหารแต่ละคนน้ันข้ึนอยู่กับ
สภาพการกาบงั และซอ่ นพรางตามเสน้ ทางเคลื่อนที่ของตนเปน็ หลัก

- 16 -

ชดุ ยงิ ก พบความเคล่ือนไหวในแนวพุ่มไมด้ า้ นหนา้ ทางขวา
ระยะ 100 เมตร แตข่ ณะนไี้ มเ่ ห็นแลว้ ชุดยงิ ก เฝา้ ตรวจจากจุด
ทอ่ี ยู่ปจั จุบนั และให้มนั่ ใจวา่ กาลงั พลภายในชุดสามารถยงิ เขา้ ไป
ในแนวพมุ่ ไมน้ ้นั ได้ ถา้ พบความเคลื่อนไหว ชุดยงิ ข เคลื่อนที่
กลับออกไปทางขวาผา่ นเข้าไปในแนวพุ่มไมข้ า้ งลานา้ ไปจนถึง
หินก้อนใหญ่ทอ่ี ยหู่ า่ งออกไปประมาณ 75 เมตร แลว้ เฝ้าตรวจ
จดุ นนั้ และใหพ้ ร้อมยงิ ไปยงั แนวปา่ ทนั ทที ่ีเห็นความเคล่ือนไหว
ผมจะเฝา้ ตรวจขณะทช่ี ุดคณุ เคลอ่ื นที่ เมอื่ เข้าวางเรียบรอ้ ยแลว้
สง่ สัญญาณใหผ้ มทราบ ผมจะไปกับชดุ ยงิ ก และให้คาสงั่ ตอ่ ไป
เมอื่ ไปถึง

รูปที่ 2 - 10 ตวั อย่างการให้คาส่งั ของผู้บงั คับหมู่
4) ชุดยิงอาจเคลื่อนที่แบบตามลาดับหรือสลับขั้นก็ได้ ซ่ึงการเคล่ือนท่ีแบบตามลาดับนั้น จะง่ายแก่
การควบคมุ สว่ นการเคล่ือนที่แบบสลับขั้นจะเรว็ กวา่ (รูปท่ี 2 - 11)

- 17 -

เคลือ่ นท่ตี ามลาดับ

เคลื่อนที่ครั้งที่ 3 เคลอื่ นทค่ี รงั้ ท่ี 4

เคล่ือนที่ครง้ั ท่ี 1 เคลอื่ นทีค่ รั้งท่ี 2

จดุ เร่มิ ต้น

เคล่ือนที่ตามลาดบั
เคลื่อนที่ครงั้ ท่ี 3

เคลอื่ นทค่ี รัง้ ท่ี 2

เคลื่อนที่ครงั้ ที่ 1
จดุ เร่มิ ต้น

รูปที่ 2 - 11 หมเู่ คล่ือนทต่ี ามลาดับขัน้ (รปู บน) และเคลื่อนทส่ี ลับขั้น (รูปลา่ ง)

7.2 เทคนิคการเคลื่อนท่ีของหมวดปืนเล็ก ผู้บังคับหมวดเป็นผู้พิจารณาและกาหนดเทคนิคการเคลื่อนที่
ของหมวด

1) เทคนิคการเคลอ่ื นท่ีแบบเดนิ ทาง ใชเ้ มอ่ื คาดว่าการปะทะกับข้าศึกยังไม่น่าจะเกิดข้ึน และต้องการ
ความเร็วในการเคลอ่ื นท่ี (รูปท่ี 2 - 12)

- 18 -

หมู่นาในการเคลอ่ื นท่ี
แบบเดนิ ทาง
± 20 เมตร
บก.มว.
หมู่ อว.
± 20 เมตร

± 20 เมตร
รอง ผบ.มว.
พลพยาบาล
หมู่ อว. (เม่อื เลอื กใช้)

± 20 เมตร

รูปที่ 2 - 12 วิธีการเคลื่อนที่แบบเดนิ ทางของหมวด
2) เทคนิคการเคลื่อนที่แบบเดินทางเฝูาตรวจ ใช้เม่อื มีความเปน็ ไปไดท้ ่จี ะเกิดการปะทะกับข้าศึก แต่
ยังคงต้องการความเร็ว (รูปท่ี 2 - 13) ผูบ้ ังคบั หมวดจะเคลื่อนทใี่ นตาแหน่งทสี่ ามารถควบคมุ หมวดได้ดีท่ีสุด รองผู้
บงั คับหมวดเคลื่อนที่กับหมปู่ ืนเลก็ ที่อยูห่ ลังสดุ เพื่อกากบั ดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัย วินัยการใช้แสง – เสียง
และระยะต่อระหว่างหมู่ หมูป่ ืนเลก็ ที่เปน็ หม่นู าใช้เทคนคิ การเคลอื่ นทแ่ี บบเดนิ ทางเฝูาตรวจ แตห่ มูป่ นื เลก็ ท่ตี ามหลัง
ยงั คงใชเ้ ทคนิคการเคล่ือนทแี่ บบเดนิ ทาง

- 19 -

หม่นู าในการเคล่อื นที่
แบบเดนิ ทาง

50 - 100 เมตร

บก.มว.
หมู่ อว.
± 20 เมตร

± 20 เมตร
รอง ผบ.มว.
พลพยาบาล
หมู่ อว. (เมอื่ เลอื กใช้)

± 20 เมตร

รปู ที่ 2 - 13 วธิ ีการเคลอ่ื นท่ีแบบเดนิ ทางเฝ้าตรวจของหมวด
3) เทคนิคการเคลื่อนที่แบบเฝูาตรวจ - เคลื่อนท่ีสลับ ใช้เมื่อคาดว่าใกล้จะปะทะกับข้าศึก (รูปท่ี 2 - 14)
อาจเคล่อื นทต่ี ามลาดบั หรอื สลบั ข้ันก็ได้

3.1) หนึ่งหมู่เคลื่อนท่ีไปยังที่วางตัวซึ่งเลือกไว้แล้ว จากน้ันทาหน้าท่ีเป็นส่วนเฝูาตรวจและระวัง
ปูองกัน เว้นแต่ว่าจะเกิดปะทะกับข้าศึกเสียก่อนในขณะการเคล่ือนท่ี หมู่น้ีอาจใช้เทคนิคแบบเดินทางเฝูาตรวจ เฝูา
ตรวจ - เคลอ่ื นทสี่ ลบั หรอื ใชเ้ ทคนิคการเคล่ือนที่เป็นบุคคลก็ได้ (เช่น การคลานสูง - คลานต่า หรือโผเป็นชุดยิง หรือ
เป็นคกู่ ไ็ ด)้

3.2) หน่ึงหมู่เฝาู ตรวจระวงั ปูองกนั ใหก้ ับการเคลื่อนท่ีของหมู่ท่ีเคลื่อนที่จากท่ีวางตัวซึ่งมีการกาบัง
สามารถเห็นและทาการยิงกดต่อตาบลท่ีสงสัยว่าจะเป็นท่ีต้ังของข้าศึก ทหารแต่ละคนใช้เทคนิคการตรวจการณ์แบบ
มองกวาดให้ทว่ั เขตทตี่ นไดร้ ับมอบหมาย ผ้บู งั คบั หมวดยงั คงอยู่กับหมู่ท่ีเฝูาตรวจระวังปูองกัน และโดยปกติปืนกลของ
หมวดจะอยู่กบั หมนู่ ้ดี ้วยเช่นกนั

- 20 -

3.3) อกี หนึง่ หมู่ วางตัวพร้อมคอยรับคาสัง่ หมู่นีจ้ ะไม่ได้รับมอบกิจใดในระหว่างนน้ั เพ่ือให้พร้อม
ปฏิบัตกิ ารตามคาส่งั ของผู้บังคบั หมวดได้ทันที รองผู้บังคับหมวด และผบู้ ังคบั หมเู่ ตรียมพร้อมทจี่ ะวางตัวคอยรับคาส่งั
อย่ใู กล้ ๆ กับผบู้ ังคับหมวด

หม่รู อรับคาส่ัง

หมู่เฝา้ ตรวจ

หมูเ่ คล่ือนที่

รูปท่ี 2 - 14 เทคนคิ การเคลอ่ื นที่แบบเฝา้ ตรวจ - เคลือ่ นทส่ี ลบั ของหมวด

3.4) ขอ้ พิจารณาของผบู้ ังคับหมวด เพอ่ื กาหนดทว่ี างตวั สาหรบั หมปู่ ืนเลก็ ที่จะเคลื่อนไปมดี ังน้ี
- ความต้องการของภารกิจ
- ท่ีตั้งข้าศึกนา่ จะอยทู่ ี่ใด
- เสน้ ทางทจ่ี ะใช้เคลือ่ นท่ไี ปยังที่วางตัวระวังปูองกนั เฝูาตรวจแหง่ ใหม่
- ขดี ความสามารถของอาวุธของสว่ นระวงั ปอู งกันเฝาู ตรวจทจ่ี ะคมุ้ กันใหก้ ับส่วนเคลอื่ นที่
- ความพร้อมทีจ่ ะปฏิบัตกิ ารของกาลงั ส่วนทเี่ หลือของหมวด
- พนื้ การยิง ณ ทีว่ างตวั เฝูาตรวจแห่งใหม่

3.5) คาแนะนาของผู้บังคบั หมวดก่อนทาการเคล่อื นท่ี ผู้บังคับหมวดจะใหค้ าสงั่ แกผ่ ้บู ังคบั หมู่ ณ
บริเวณท่ีเฝาู ตรวจ มีรายละเอียดตา่ ง ๆ ดังน้ี

- ทศิ ทาง หรอื ทต่ี ั้งกาลงั ขา้ ศกึ (ถ้ารู้)
- บริเวณท่ีจะวางตวั ของหมู่ปนื เล็กที่ทาหน้าที่เฝาู ตรวจ
- บรเิ วณที่จะวางตัวเฝูาตรวจแหง่ ใหม่
- เสน้ ทางเคล่ือนทีข่ องหมู่ปนื เล็กทีจ่ ะเคลื่อนที่
- การปฏิบัตติ อ่ ไปหลังจากหมู่ปนื เล็กที่เคลื่อนที่ไปถงึ ทีว่ างตัวแลว้
- สญั ญาณซ่ึงแสดงวา่ หมู่ปืนเลก็ ที่เคลอ่ื นท่ถี งึ ทว่ี างตัวแลว้ นน้ั พรอ้ มทาการเฝูาตรวจ
- วธิ ีการท่หี มปู่ นื เลก็ จะได้รับคาสง่ั ต่อไป

- 21 -

หมู่ 1 เฝา้ ตรวจจากจุดนี้
หมู่ 2 เคลอ่ื นท่ีเข้าไปในดงไม้ทางดา้ นซ้าย แลว้ ทาการกวาดล้าง
เนนิ เขาเล็ก ๆ ข้างหน้าเรา ระยะประมาณ 100 เมตร และจดั ต้งั
จดุ เฝ้าตรวจบนเนินเขานั้น เมอื่ เข้าวางตวั เรียบรอ้ ยแลว้ ใช้
กระจกให้สญั ญาณ ผมจะเคลื่อนทขี่ ้นึ ไปพรอ้ ม หมู่ 1 และ หมู่
3 เพื่อให้คาสงั่ ตอ่ ไป หมู่ 3 เคลอื่ นท่ตี ามหมู่ 1 และคอยรบั คาสั่ง
รองผู้บังคบั หมวด วางปืนกลและอาวุธตอ่ สู้รถถงั ไวท้ างดา้ นขวา
ของหมู่ 1 ส่วนผมจะวางทุ่นระเบิดดา้ นซา้ ยของหมู่ 1

รูปที่ 2 - 15 ตัวอย่างการให้คาสง่ั ของผู้บงั คบั หมวดในการเคลื่อนทีแ่ บบเฝา้ ตรวจ - เคลอื่ นทสี่ ลบั
3.6) การใช้ปนื กล อาจใช้อย่างใดอย่างหน่งึ ใน 2 วิธี ดงั น้ี
- สมทบทงั้ สองกระบอกให้กับหมู่ท่เี ฝูาตรวจ
- สมทบปนื กลกระบอกหนึง่ ใหก้ ับหมู่เฝาู ตรวจ และอีกกระบอกหนึ่งใหก้ บั หมู่เคลื่อนท่ี
วิธีแรกปืนกลทั้งสองกระบอกจาเป็นต้องเคล่ือนที่ทุกครั้งที่เปลี่ยนหมู่เฝูาตรวจเป็นหมู่

เคลือ่ นที่ และหมู่เคลื่อนที่เปน็ หม่เู ฝาู ตรวจ
7.4 เทคนคิ การเคล่ือนทเี่ ป็นบคุ คล การเคล่อื นทเ่ี ปน็ บุคคลประกอบด้วยการคลานสูง คลานต่า และการโผ

ระยะ สั้น ๆ จากทีว่ างตัวภายใต้การกาบังแห่งหน่ึงไปยังอีกแห่งหน่ึง (ใช้เวลาประมาณ 3-5 วินาที) รายละเอียดอยู่ใน
ค่มู อื ราชการสนาม ว่าดว้ ยบคุ คลทาการรบ (รส.21 - 75)

- 22 -

8. การเคลื่อนทใ่ี นสถานการณอ์ ื่น ๆ ของหมวดปืนเล็ก
8.1 การเคลอื่ นท่ไี ปกบั ยานเกราะ รายละเอียดเกยี่ วกับการปฏิบตั ิงานร่วมกับหน่วยยานเกราะ
8.2 การเคล่ือนท่ีทางน้า โดยปกติหมวดปืนเล็กจะหลีกเลี่ยงการเคลื่อนท่ีทางน้าหากทาได้ แต่เมื่อ

จาเป็นต้องเคลื่อนท่ีทางน้า ผู้บังคับหน่วยตรวจสอบว่ากาลังพลใดว่ายน้าไม่เป็นหรือว่ายน้าไม่เก่ง แล้วให้จับคู่กับผู้ที่
ว่ายน้าเกง่ ภายในหมขู่ องตนเอง

1) เมอื่ หมวดปนื เล็กจาเป็นต้องเคล่ือนที่เข้าหา ผ่าน หรือออกจากแม่น้า บึง ลาธาร หรือพ้ืนที่ที่เป็น
น้าให้ถือว่าพื้นท่ีเหล่าน้ันเป็นพ้ืนท่ีอันตราย เน่ืองจากในขณะที่อยู่ในบริเวณพ้ืนท่ีเหล่าน้ัน หมวดปืนเล็กจะเปิดเผย
ตวั ต่อข้าศึกและอยใู่ นสภาพที่ลอ่ แหลม ดงั นัน้ จึงควรชดเชยความเสียเปรยี บ ดงั นี้

- เลอื กเคลอื่ นทใ่ี นห้วงทศั นวิสยั จากัด
- กระจายกาลงั
- ทาการพรางอยา่ งละเอยี ดรอบคอบ
- เคลอื่ นท่ใี กลฝ้ ่ังมากทีส่ ดุ เพอื่ หลีกเลย่ี งการถูกตรวจจับ
2) เม่อื เคล่ือนยา้ ยโดยเรือมากกว่า 1 ลา หมวดปืนเลก็ ควรปฏิบัติดังน้ี
- รักษาความเป็นหน่วยทางยุทธวธิ แี ละสามารถพงึ่ ตนเองได้
- พจิ ารณาบรรทุกกาลงั พลและยุทโธปกรณ์ท่สี าคัญเฉลย่ี กันหลาย ๆ ลา
- วทิ ยตุ ้องอยู่กบั ตวั ผูบ้ งั คับหน่วยเสมอ
3) เม่ือไมม่ ีเรอื อาจใช้วธิ ีการอืน่ ๆ แทน เชน่
- วา่ ยข้าม
- ทาทุ่นลอยจากผา้ กนั ฝน
- ใชท้ ุ่นยางอัดลม
- ใชถ้ ุงกนั นา้
- ใช้เชอื กขนาด 7/16 นวิ้ เป็นสะพานเชือกเส้นเดียว หรอื ใช้เปน็ เชือกนริ ภยั
- ทนุ่ ลอยแสวงเคร่ืองทาจากกางเกง
8.3 การเคลอ่ื นยา้ ยทางยุทธวิธี (Tactical marches) เปน็ การเคลื่อนย้ายของหมวดในกรอบของกองร้อย
มี 2 วิธคี อื การเคลอ่ื นย้ายดว้ ยเท้าและการเคลื่อนยา้ ยดว้ ยยานยนต์
1) การเคลื่อนยา้ ยด้วยเท้า ศกึ ษารายละเอียดไดจ้ าก (รส.21 – 18) ว่าดว้ ยการเดนิ ทางด้วยเทา้
2) การเคล่ือนย้ายด้วยยานยนต์ การปฏิบัติคงเหมือนกับการเคลื่อนท่ีทางยุทธวิธีอ่ืน ๆ แต่มีลักษณะ
พิเศษที่ต้องดาเนนิ การเพิ่มเตมิ คือ
- การพิทกั ษ์หนว่ ย ควรมีกระสอบทรายวางเรยี งบนพ้นื รถเพื่อปอู งกนั ทหารจากสะเก็ดทุ่นระเบิด
- การตรวจการณ์ ควรถอดโครงหลังคาและผ้าใบออกให้หมดเพื่อให้สามารถตรวจการณ์ได้รอบตัว
และสามารถลงจากรถได้รวดเร็ว
- การตรวจสอบ ควรทาการตรวจสอบยานพาหนะและพลขับเพ่ือดูความพร้อมรวมท้ังตรวจระดับ
น้ามันเช้ือเพลงิ และความเข้าใจของพลขับเร่ืองเส้นทาง ความเรว็ และระยะต่อระหว่างยานพาหนะ เป็นตน้
- การบรรทุก ควรรักษาความเป็นหน่วย ชุดยิง หมู่และหมวด ตัวอย่างเช่น ชุดยิงและหมู่ควรอยู่
บนรถค้นเดียวกัน และหมวดควรอยใู่ นตอนการเดินทางเดยี วกนั นอกจากน้ีกาลังพลและยุทโธปกรณ์ท่ีสาคัญควรเฉลี่ย
บรรทกุ อยา่ งเหมาะสมดว้ ย
- การซักซ้อม ควรซักซ้อมการปฏิบัติโดยฉับพลันเมื่อปะทะข้าศึก เช่น การต่อต้านการซุ่มโจมตี
ระยะใกล/้ ระยะไกล การโจมตีทางอากาศ เปน็ ต้น และพลขบั กต็ ้องมีความเขา้ ใจด้วย

- 23 -

- การระวงั ภยั ทางอากาศ ควรจัดยามอากาศไว้บนรถทกุ คัน
8.4 การเคลื่อนที่ภายใต้สภาพทัศนวิสัยจากัด หมวดปืนเล็กต้องสามารถเคลื่อนท่ี และปฏิบัติงานได้ทั้งใน
เวลากลางคืนและในหว้ งทศั นวิสยั จากดั เหมอื นกับปฏิบัติในเวลากลางวัน คือยังคงสามารถควบคุมหน่วย รักษาทิศทาง
ระวงั ปูองกนั เคลอื่ นที่ และลักลอบเขา้ พ้นื ท่ีได้

1) การควบคุมในขณะทัศนวิสยั เลว วิธีการต่าง ๆ เหล่านี้จะชว่ ยใหก้ ารควบคุมยังคงทาได้สะดวก
- กาหนดกาลังพลทีจ่ ะใช้เครอื่ งมอื ตรวจการณ์เวลากลางคนื
- ผบู้ ังคับหนว่ ยต่าง ๆ เคลอ่ื นที่คอ่ นไปข้างหนา้
- ลดความเร็วลง
- ทหารแต่ละคนใช้แถบเรืองแสงติดหมวกเหล็กด้านหลัง เพ่ือให้คนท่ีอยู่ข้างหลังมองเห็นคน

ข้างหนา้ ได้
- ลดระยะต่อระหวา่ งบคุ คลและระหวา่ งหนว่ ยลง เพือ่ ใหส้ ามารถมองเหน็ กนั ได้
- ผู้บงั คบั หนว่ ยแต่ละหน่วยสารวจยอดกาลังพลตามห้วงเวลา และทุกครั้งหลังจากการหยุดหน่วย

เพ่อื ทราบและรกั ษายอดกาลังพลตลอดเวลา
2) การรกั ษาทศิ ทางเคล่อื นที่
- ใช้ทศิ ทางเคล่ือนทป่ี ระกอบกับจุดเด่นบนแผนท่แี ละบนภูมปิ ระเทศจรงิ
- ใช้การต่อระยะประกอบกับมุมภาคเข็มทิศ เมื่อส้ินสุดแต่ละระยะท่ีต่อออกไปจะต้องมีการ

ตรวจสอบความถกู ต้องของทิศทางทุกครัง้
- ใชเ้ สน้ ทางเคล่อื นที่ ซง่ึ ขนานกบั ลกั ษณะภูมปิ ระเทศทส่ี ังเกตเห็นไดช้ ัด
- ใชเ้ ส้นทางท่ีมกี ารนาทาง หรือทาเครอ่ื งหมายไวแ้ ลว้
- ใชเ้ รดาร์ตรวจจับความเคลอ่ื นไหวบนพน้ื ดิน สาหรบั บอกทศิ ทางที่ถกู ต้องให้กับฝาุ ยเรา
- ใช้เครื่องมอื บอกที่ตงั้ หน่วย

3) การระวังปูองกัน เพ่ือการลกั ลอบและการระวงั ปูองกัน หมู่และหมวดปืนเล็กควรปฏิบตั ดิ งั น้ี
- กาหนดตวั ผู้ชี้ตาบลและทศิ ทางสาคัญ เพื่อดารงความพรอ้ มและตนื่ ตัว หัวหน้าชุดยิงนาทาหน้าท่ี

รักษาทิศทาง และกาหนดตัวพลนับกา้ วทาหน้าท่คี านวณระยะทางท่เี ดินได้ รวมทง้ั จดั พลเข็มทิศ และพลนับก้าวสารอง
ไวด้ ว้ ย

- ระงบั การสูบบหุ ร่ี การใชแ้ สงและเสียง
- ไมใ่ ช้วทิ ยุ แต่เปดิ ไว้ และเฝาู ฟัง
- ทาการพรางทั้งกาลังพลและยทุ โธปกรณ์
- ใช้ภูมิประเทศที่หลีกเล่ียงการตรวจจับโดยเครื่องมือเฝูาตรวจ และเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลา
กลางคืนของข้าศึก
- หยุดหน่วยเพือ่ เฝูาฟงั บ่อย ๆ
- กลบเกลื่อนเสียงดงั จากการเคล่อื นท่ดี ว้ ยการยิงของปนื ใหญ่
4) วิธีเดินในเวลากลางคืน ประสิทธิภาพในการเดินเวลากลางคืนย่อมได้มาจากการฝึก ในการเดิน
ทหารต้องมองไปข้างหน้าค่อย ๆ ยกเท้าขวาก้าวไปข้างหน้าแล้ววางลงห่างจากเท้าซ้ายประมาณ 6 น้ิว โดยวางปลาย
เท้าลงก่อน ขณะท่ีเริ่มวางปลายเท้าลงให้พยายามใช้ความรู้สึกสังเกตสลักหรือลวดสะดุดก่อนจึงค่อย ๆ วางเท้าลงบน
พื้นดินเต็มท่ี การเดินต้องมีความเช่ือมั่นว่า แต่ละก้าว เท้าต้องม่ันคงและวางลงอย่างเงียบ ระหว่างเคลื่อนที่โน้ม
นา้ หนกั ตวั ไปขา้ งหนา้ ระแวดระวังทกุ ฝกี ้าวทาเช่นน้ีเร่ือยไป ซึ่งเทคนิคในการเดินเวลากลางคืนนี้จะต้องใช้เวลาในการ
เดนิ ทางนานมาก

- 24 -

5) การเดินแบบลักลอบ (Stalking) ใช้เพ่ือเคลื่อนท่ีเข้าใกล้ยาม หน่วยลาดตระเวนหรือฐานของ
ข้าศึกให้มากที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ ซึ่งก็คือการเดินในเวลากลางคืนโดยการเคล่ือนตัวต่า ๆ อย่างช้า ๆ นั่นเอง ระหว่าง
เคลือ่ นทีต่ ้องมองดขู ้าศึกตลอดเวลา เมอื่ เข้าใกลข้ า้ ศกึ ต้องหรีต่ าลงเพ่ือปูองกันแสงสะท้อนจากนัยน์ตา หายใจอย่างช้า
ๆ ผ่านจมูก หากข้าศกึ ตรวจการณ์มาตรงทศิ ท่ีวางตวั อยพู่ อดี ต้องหยุดการเคล่ือนไหวท้ังหมดทันที ใช้ประโยชน์จาก
ภมู ปิ ระเทศท่เี ป็นฉากหลัง ไม่ให้เกิดการสะท้อนแรงหรือเกิดภาพตัดกับธรรมชาติ การเคล่ือนที่จะกระทาพร้อม ๆ กับ
สภาพที่ช่วยหันเหหรือกลบเกลื่อนความสนใจต่าง ๆ เช่น ลมกระโชก เสียงยานพาหนะ เสียงพูดคุยกัน หรือเสียงจาก
การยงิ อาวธุ ตา่ ง ๆ บริเวณใกล้เคยี ง

9. การปฏิบัติ ณ พน้ื ทอี่ นั ตราย
พ้ืนท่ีอันตราย หมายถึง พ้ืนท่ีใด ๆ บนเส้นทางเคลื่อนที่ ซึ่งผู้บังคับหมวดรู้แล้วจากการประมาณ

สถานการณ์วา่ ณ ทนี่ ัน้ หมวดของตนจะเปิดเผยต่อการตรวจการณ์ การยงิ หรอื ทง้ั สองอย่างจากฝุายข้าศึก ซึ่งโดยปกติ
จะพยายามหลีกเล่ยี งแตห่ ากจาเปน็ แลว้ จะตอ้ งดาเนนิ การด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งและด้วยความรวดเร็วมากท่ีสุด
เท่าทจ่ี ะทาได้

9.1 ประเภทของพื้นท่ีอนั ตราย ตวั อยา่ งและวิธีการผา่ นพื้นที่อนั ตรายประเภทต่าง ๆ มดี งั น้ี
1) พื้นทีโ่ ลง่ ทาการกาบงั หน่วยไว้ ณ ฝ่ังใกลแ้ ละตรวจการณท์ ว่ั พ้นื ที่ จัดสว่ นระวงั ปอู งกันเพ่ือการแจง้

เตอื นแตเ่ นน่ิ สง่ กาลังสว่ นหนึ่งขา้ มไปกวาดลา้ งพื้นท่ีฝั่งไกล หลังจากตรวจสอบกวาดล้างพน้ื ทีจ่ นมั่นใจวา่ ปลอดภัยแล้ว
จึงให้กาลังสว่ นที่เหลอื เคล่อื นท่ตี ามไปโดยใช้เสน้ ทางที่สนั้ ที่สดุ และเรว็ ทีส่ ดุ เทา่ ที่จะทาได้

2) ถนนและทางเกวยี น ขา้ มบรเิ วณส่วนโคง้ ณ จดุ ทีแ่ คบและบริเวณที่ต่า
3) หมูบ่ ้าน ผา่ นทางด้านใตล้ ม และห่างจากหมบู่ ้านใหม้ าก หลกี เลย่ี งสัตวเ์ ลีย้ งโดยเฉพาะอย่างยิง่ สุนัข
ซ่งึ จะทาให้เปดิ เผยท่ีอยขู่ องหมวด
4) ท่ีต้ังของขา้ ศึกผา่ นทางดา้ นใต้ลม (ข้าศึกอาจมีสุนัขลาดตระเวน) ระมดั ระวังลวดสะดุดและ
เครือ่ งมือเตือนภัยตา่ ง ๆ
5) สนามทุ่นระเบิด หลีกเล่ียงการผา่ นอย่างทสี่ ุด แมจ้ ะต้องเปลยี่ นเสน้ ทางเดนิ อ่ืนซึง่ ไกลกว่ากต็ ามแต่
เมอ่ื จาเปน็ ต้องผ่าน จะใชว้ ธิ ีกวาดลา้ งรื้อถอนสนามทนุ่ ระเบิดพอเป็นช่องทางเดิน
6) ลาธาร เลอื กข้ามบริเวณแคบท่ีสุดและให้การกาบังท้งั สองด้าน ตรวจการณ์ฝ่ังไกลอย่างละเอียด จดั
ส่วนระวังปอู งกนั ทง้ั ฝง่ั ใกลแ้ ละฝั่งไกลเพ่ือแจง้ เตือนแต่เนิ่น ๆ กวาดลา้ งพ้นื ท่ีฝ่ังไกล หลงั จากนน้ั ทาการขา้ มอยา่ ง
รวดเร็วและเงยี บทีส่ ุด
7) เคร่อื งกีดขวางลวดหนาม พยายามหลีกเล่ยี งการเคลือ่ นทผี่ า่ น เพราะขา้ ศึกย่อมคมุ้ ครองเครอ่ื งกดี
ขวางไว้ดว้ ยการตรวจการณแ์ ละการยงิ
9.2 การขา้ มผา่ นพนื้ ทีอ่ ันตราย เมื่อหมวดปนื เลก็ เคลื่อนท่ีข้ามผ่านพ้ืนที่อันตรายโดยอิสระ หรือปฏิบัติการ
ในฐานะเปน็ หนว่ ยนาของกาลังสว่ นใหญ่ จะต้องปฏบิ ัติดงั น้ี
- กาหนดจดุ นดั พบทัง้ ฝงั่ ใกล้และฝัง่ ไกล
- วางกาลงั ระวังปอู งกนั พน้ื ทฝี่ ั่งใกล้ (ปกี ขวา ปีกซ้ายและดา้ นหลัง)
- ลาดตระเวนตรวจภูมปิ ระเทศและระวงั ปอู งกันพนื้ ทีฝ่ ัง่ ไกล
- ทาการขา้ มพื้นท่อี นั ตราย
1) ผู้บังคับหมวด หรือผู้บงั คบั หม่จู ะตดั สินใจเคล่ือนท่ขี า้ มผา่ นพ้ืนทอ่ี ันตรายวิธีใดข้ึนอยู่กับเวลาท่ีมีอยู่
ขนาดหน่วย ขนาดของพ้ืนที่อันตราย พ้ืนการยิงไปยังพื้นท่ีนั้น และจานวนที่ตรวจการณ์/ระวังปูองกันที่สามารถจัดต้ัง
ได้ หน่วยขนาดเล็กอาจข้ามผ่านครั้งเดียวพร้อมกันท้ังหน่วย เป็นคู่ (Buddy) หรือเป็นบุคคลก็ได้ ส่วนหน่วยทหาร

- 25 -

ขนาดใหญ่นั้นจะข้ามผ่านทีละส่วน ซ่ึงแต่ละส่วนอาจเคล่ือนท่ีไปวางตัวเป็นส่วนเฝูาตรวจ หรืออาจมุ่งตรงไปยังจุดนัด
พบ ณ ฝ่ังใกล้ก็ไดจ้ นกวา่ จะไดร้ บั คาสั่งใหเ้ คล่อื นทต่ี ่อไป

2) เพอ่ื รักษาความหนนุ เน่อื งในการเคล่ือนที่ หมวดปืนเล็กที่เคลื่อนท่ีตามหลังจะข้ามพ้ืนที่อันตรายได้
เลยโดยไม่ต้องทาการลาดตระเวนหรือจัดตั้งส่วนระวังปูองกัน ณ ฝั่งไกล หมวดปืนเล็กท่ีเคลื่อนที่นาจะปฏิบัติหน้าที่
ดังกล่าวแทนกาลังทง้ั หมด

หมายเหตุ : พ้ืนท่ีวางกาลังระวังปูองกัน ณ ฝั่งใกล้ต้องกว้างพอสาหรับการวางกาลังส่วนท่ีเหลือ
ทั้งหมดด้วย

9.3 หมวดปืนเลก็ เคล่อื นท่ผี ่านพืน้ ที่อันตรายซ่ึงเป็นแนวตรง ผูบ้ ังคบั หมวดเป็นผู้กาหนดรูปขบวนและท่ีต้ัง
ของส่วนตา่ ง ๆ เมอื่ เคล่อื นที่ถึงฝงั่ ไกลตอ้ งทาการสารวจยอดกาลงั พลและยุทโธปกรณ์ แลว้ เตรียมการปฏบิ ัตติ อ่ ไป

1) เมอื่ ชดุ นาให้สัญญาณ “พ้นื ท่ีอนั ตราย” (มีการสง่ สญั ญาณต่อ ๆ กันไปทง้ั หมด) ผู้บงั คับหมวดจะสั่ง
หยุดหน่วย

2) ผบู้ งั คับหมวดเคลอ่ื นทไี่ ปขา้ งหน้าเพื่อตรวจการณ์พ้นื ท่ีอนั ตราย และพิจารณาเทคนคิ ท่จี ะใชใ้ นการ
ข้ามผา่ น รองผ้บู งั คับหมวดเคล่ือนท่ตี ามไปกับผู้บังคบั หมวดดว้ ย

3) ผู้บังคบั หมวดแจ้งข่าวสารแก่ผู้บังคบั หมู่ และกาหนดจดุ นดั พบ ณ ฝ่ังใกล้และฝั่งไกล
4) รองผบู้ ังคับหมวดเป็นผ้กู าหนดทต่ี งั้ ของส่วนระวงั ปูองกนั ณ ฝ่ังใกล้ (โดยปกตจิ ะใช้หมทู่ เ่ี คล่ือนท่ี
ตามหลงั ) สว่ นระวงั ปูองกันท้ังสองสว่ นนอี้ าจเคล่ือนที่ตามรองผู้บงั คบั หมวดขนึ้ ไป เมอื่ เริ่มหยุดหนว่ ยตามสญั ญาณท่ี
สื่อต่อ ๆ กันไปท้ังหมดแล้ว
5) ผู้บงั คบั หมวดทาการลาดตระเวนพืน้ ท่ีอนั ตราย เพอ่ื กาหนดจุดท่ีจะทาการข้ามผ่าน ซงึ่ ณ จดุ นั้น
ตอ้ งให้การกาบังและซ่อนพรางดที ส่ี ุด
6) ส่วนระวังปอู งกัน ณ ฝั่งใกล้ ตรวจการณท์ างปีก และเฝูาตรวจระวงั ปอู งกันให้กับกาลังทเ่ี คลอ่ื นทข่ี า้ ม
7) เมื่อสว่ นระวงั ปูองกัน ณ ฝัง่ ใกล้เขา้ ประจาทีแ่ ล้ว ผูบ้ งั คบั หมวดจะสงั่ การใหส้ ่วนระวงั ปูองกนั ณ ฝั่ง
ไกลเรมิ่ เคล่ือนที่ขา้ มก่อน
8) ส่วนระวังปูองกนั ณ ฝั่งไกลลาดตระเวนกวาดล้างพืน้ ท่ี
9) หัวหน้าชดุ ยงิ ซ่ึงเปน็ สว่ นระวังปูองกนั ฝ่ังไกล จัดต้ังที่ตรวจการณ์ออกไปขา้ งหน้าพื้นท่ีท่ีกวาดลา้ งจน
ปลอดภยั แลว้
10) สว่ นระวงั ปอู งกันฝ่ังไกลให้สญั ญาณแก่ผู้บังคับหมเู่ มอ่ื พื้นท่ีปลอดภยั และผู้บงั คบั หมู่ส่ือต่อ
สัญญาณใหผ้ ู้บังคับหมวดทราบ
11) ผบู้ งั คบั หมวดตดั สินใจเลือกวธิ กี ารข้ามพน้ื ที่อันตราย
12) หมวดปืนเล็กทาการขา้ มพนื้ ทอ่ี นั ตรายอยา่ งรวดเร็วและเงียบ
13) หลงั จากผ่านพน้ พื้นท่อี ันตรายแล้ว กาลังส่วนใหญ่คอ่ ย ๆ เรม่ิ ตน้ เคลอ่ื นทต่ี ามทิศทางเคลื่อนทเ่ี ดมิ
ต่อไป
14) สว่ นระวงั ปอู งกนั ฝั่งใกล้ ซง่ึ อยู่ในความควบคุมของรองผู้บงั คบั หมวด เคลื่อนที่ผ่านพื้นท่อี นั ตราย
ณ บริเวณทหี่ มวดทาการขา้ มผ่าน หลังจากนนั้ อาจไดร้ ับมอบหมายใหก้ ลบเกลอ่ื นร่องรอยต่าง ๆ ท่หี มวดอาจทาให้
เกดิ ขน้ึ ระหวา่ งการข้าม
15) รองผู้บงั คบั หมวดตรวจสอบให้ม่ันใจวา่ ทุกคนได้ข้ามผ่านพน้ื ทีไ่ ปหมดแล้ว และรายงานใหผ้ บู้ ังคบั
หมวดทราบ
16) ผู้บังคบั หมวดตรวจสอบยอดกาลงั พลให้ม่นั ใจ แล้วเคลอื่ นท่ตี อ่ ไปตามความเร็วปกติ
หมายเหตุ : หนว่ ยขนาดเล็กกวา่ หมวดปืนเลก็ ก็คงใช้หลักการเดยี วกนั นี้

- 26 -

ชุดยิงนาข้ามผ่านพืน้ ที่ พลยงิ เครือ่ งยงิ ลกู ระเบิดและพลปนื เล็กยงั คง ชดุ ยงิ ทาหนา้ ท่นี าหมวดตอ่ ไปหลงั จาก
อนั ตราย และกวาดล้างพ้ืนท่ี ระวังปอ้ งกนั อยูฝ่ ่ังไกล หัวหน้าชดุ ยงิ และพล กวาดล้างพ้นื ท่อี นั ตรายแลว้

ยงิ ปนื เล็กกลกลับมาให้สัญญาณข้ามได้ เม่ือ
พ้นื ทฝ่ี ่ังไกลปลอดภัยแล้ว

ผบ.หมูเ่ คลื่อนขนึ้ ไป

รอง ผบ.มว.กาหนด
ทยี่ ิงของส่วนระวัง
ป้องกันทางปีก

สญั ญาณปลอดภัย
จากหวั หนชุดยิง

ชดุ ยิงตามหลังกลับเข้า
รูปขบวนเคล่ือนท่ีเดมิ

ชุดยิงตามหลังเคล่ือนท่ีข้ึนไป ระวัง
ปอ้ งกันทางปีก

รูปท่ี 2 - 16 การขา้ มผ่านพื้นทอี่ ันตราย

9.4 การเคล่อื นทขี่ ้ามพ้นื ที่โล่งขนาดใหญ่ พื้นที่โล่งขนาดใหญ่หมายถึงพ้ืนที่ท่ีหมวดปืนเล็กไม่สามารถอ้อม
ผ่านได้ เนื่องจากจะไม่มีเวลาพอสาหรับปฏิบัติภารกิจ (รูปที่ 2 - 17) เทคนิคการเคลื่อนที่จะใช้ผสมผสานกันระหว่าง
การเดนิ ทางเฝาู ตรวจและการเฝูาตรวจ - เคลอื่ นที่สลับ โดยการเดินทางเฝูาตรวจใช้เพื่อให้ได้ความเร็ว แต่เมื่อเคลื่อนท่ี
ถงึ บริเวณท่ีคาดว่าอาจเกิดการปะทะกับข้าศึกได้ หรือเมื่อเคล่ือนท่ีถึงระยะยิงจากอาวุธปืนเล็ก (ประมาณ 250 เมตร)
นับจากฝ่ังไกล หมวดและหมู่จะใช้เทคนิคการเคลื่อนที่แบบเฝูาตรวจ - เคล่ือนท่ีสลับ หลังจากผ่านพ้นพ้ืนที่อันตราย
แลว้ ทาการจัดรปู ขบวนเดนิ ทาง แลว้ เคล่อื นทเ่ี พอื่ ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตอ่ ไป

- 27 -

หมู่ปืนเลก็ เคลอื่ นทแี่ บบเฝา้ ตรวจ เรมิ่ เคลือ่ นทแ่ี บบเฝา้ ตรวจ เคล่อื นทกี่ ลบั
เคลอ่ื นทก่ี ลบั โดยชดุ ยงิ เคล่อื นท่เี ข้าไป เมอ่ื ห่างจากฝั่งไกลในระยะยงิ ของอาวธุ
ทีแ่ นวพ่มุ ไมเ้ ล็กกวาดล้างพ้นื ทีใ่ หก้ วา้ ง ปนื เล็ก (ประมาณ 250 เมตร)
พอทีจ่ ะวางกาลงั ได้ทงั้ หมู่

ถนนเป็นพ้ืนท่อี นั ตรายภายในพื้นที่
อนั ตรายถงึ ใช้รปู ขบวนเคลือ่ นทีแ่ บบ
เดินทางเฝ้าตรวจในการข้ามผา่ น แต่
ไม่ควรทาการกวาดลา้ งพ้นื ท่เี หมอื น
พืน้ ท่อี ันตรายทีเ่ ปน็ แนว

รปู ที่ 2 - 17 การเคลอ่ื นทีข่ ้ามพื้นที่โลง่ ขนาดใหญ่

9.5 การเคล่ือนท่ีผ่านพ้ืนที่โล่งขนาดเล็ก พื้นที่โล่งขนาดเล็กเป็นพื้นท่ีท่ีสามารถอ้อมผ่านได้ถ้ามีเวลาพอ มี
เทคนคิ การข้ามอยู่ 2 แบบ คือ

1) อ้อมผ่านเป็นมุมฉาก เป็นการอ้อมผ่านโดยเลี้ยวเป็นมุมฉาก เริ่มจากทางขวาหรือซ้ายก่อนให้พ้น
ขอบด้านฝั่งใกล้ ดา้ นข้าง และฝั่งไกล ตามลาดบั ต่อจากนั้นปฏิบตั ภิ ารกิจต่อไป ระยะนับก้าวในการเล้ียวฉาก จะไม่นับ
รวมเป็นระยะทางตามแผน

2) ออ้ มผ่านตามขอบของพื้นท่โี ลง่ ขนาดเลก็ ผู้บังคับหมวดกาหนดจุดนบั พบ ณ ฝั่งไกลด้วยมุมภาคทิศ
เลือกด้านท่ีจะอ้อมผ่าน (หลังจากพิจารณาระยะทาง ภูมิประเทศ การกาบังและการซ่อนพรางแล้ว) จากน้ันเร่ิม
เคลอื่ นที่อ้อมผ่านโดยอาศัยแนวพืชพันธ์ุไม้เป็นเคร่ืองกาบังและซ่อนพราง เม่ือเคลื่อนท่ีถึงจุดนัดพบแล้วผู้บังคับหมวด
จะกลบั ไปใช้มมุ ภาคทศิ ของท่หี มายก่อนการอ้อมผ่านและเริ่มปฏิบัตภิ ารกจิ ต่อไป

- 28 -

รปู ท่ี 2 - 18 การเคลอื่ นท่ผี า่ นพืน้ ที่โล่งขนาดเลก็
9.6 การปฏิบัติเม่ือปะทะข้าศึกบริเวณพ้ืนท่ีอันตราย หากหมวดปืนเล็กปะทะกับข้าศึกในพื้นท่ีอันตราย
หรือบริเวณรอบพ้ืนที่อันตราย ดูรูปท่ี 2 - 19 แสดงการปะทะบริเวณฝ่ังไกล รูปท่ี 2 - 20 เป็นการปะทะบนถนนหรือ
เส้นทาง และรปู ที่ 2 - 21 ปะทะขา้ ศกึ บรเิ วณฝงั่ ใกล้

หมายเหตุ : การปฏิบตั เิ ม่อื เกดิ การปะทะหมู่ปฏิบตั เิ ชน่ เดียวกบั หมวดปนื เล็ก

- 29 -

(1) ส่วนลาดตระเวนนาปะทะขา้ ศกึ
(2) ส่วนระวงั ปอ้ งกันปกี ทาการยงิ ไปยงั ขา้ ศกึ
(3) กาลังส่วนใหญ่หยุดทาหนา้ ทีเ่ ฝ้าตรวจ และทาการยงิ ไปยงั ขา้ ศึก
(4) สว่ นระวงั ป้องกนั และสว่ นลาดตระเวนนา กลับเขา้ รวมกับกาลงั สว่ นใหญ่
(5) ใชค้ วนั และการยงิ เล็งจาลอง ชว่ ยในการผละออกจากข้าศึก
(6) หมวดเคลอ่ื นทไ่ี ปบังบรเิ วณอน่ื เพอ่ื ทาการขา้ มพ้นื ท่ีอันตรายอีกคร้งั

รูปที่ 2 - 19 การปะทะข้าศกึ บรเิ วณฝั่งไกล

สว่ นระวงั ป้องกันแจง้ การเข้ามาของข้าศึกทกุ คนหยดุ น่ิง และ
ปลอ่ ยให้ข้าศึกผ่านไป หรอื
(1) ถา้ ถกู ข้าศกึ พบ ส่วนระวงั ปอ้ งกันจะยงิ ตรึงขา้ ศกึ
(2) ผู้บงั คับหมวดตัดสินใจวา่ จะข้ามถนนหรอื หยดุ รอทฝ่ี ั่งใกล้
(3) ส่วยระวังปอ้ งกันที่ไมไ่ ด้ปะทะข้าศกึ กลับเข้ารวมกับกาลงั
สว่ นใหญ่
(4)หมวดเคลอ่ื นทีข่ า้ มถนน เขา้ วางตัวเปน็ สว่ นเฝ้าตรวจและทา
การยิง
(5) ส่วนระวังป้องกันท่ปี ะทะข้าศกึ ผละออกจากการปะทะข้าม
ถนนบรเิ วณท่ีกาลังสว่ นใหญข่ ้ามแล้วเขา้ รวมกับกาลงั สว่ นใหญ่
(6) ใชค้ วนั และการยิงเล็งจาลอง ชว่ ยในการผละออกจากขา้ ศกึ
และเคล่อื นทีอ่ อกนอกพื้นทป่ี ะทะ

รปู ท่ี 2 - 20 การปะทะขา้ ศกึ บนถนนหรือเส้นทาง

- 30 -

(1) สว่ ยระวงั ป้องกันจะยงิ ไปยังทศิ ทางข้าศกึ
(2) หมวดเคลอื่ นที่ผ่านพน้ื ท่ีอันตรายไปอย่างรวดเรว็

(3) หมวดปนื เลก็ จดั ตั้งด่านเฝา้ ตรวจ
(4) ส่วนระวังปอ้ งกันข้ามพ้นื ท่ีอนั ตรายและกลบั เขา้ รวมกับหมปู่ นื เล็ก
(5) ใชค้ วนั หรือการยงิ เลง็ จาลอง
(6) หมวดปนื เล็กผละออกจากพน้ื ที่

รปู ท่ี 2 - 21 การปะคทะาขถ้าาศมึกทบรา้ เิ ยวณบฝท่ังใกล้

- 31 -

คาถามทา้ ยบท

1. การจดั ของหมู่ปืนเลก็ ตามอตั ราเตม็ มกี าลงั พลกี่นาย ?
2. กฎการคงรูปของการจดั ชุดยิงในการเคล่ือนที่คือรปู ขบวนใด ?
3. เทคนิคการเคล่ือนที่ของหมู่ปนื เลก็ ทีค่ าดวา่ การปะทะน่าจะเกิดข้นึ คือเทคนิคใด ?
4. เมอื่ หน่วยทหารปะทะข้าศึกก็จะทาการยงิ โต้ตอบและเคลื่อนที่เขา้ หาขา้ ศึกบางครั้งก็ต้องเคลื่อนที่ออกห่าง
จากขา้ ศึกวิธกี ารนเ้ี รยี กว่าอะไร ?
5. เทคนิคการเคลือ่ นที่มกี ี่แบบ ?
6. เทคนิคการเคลอื่ นทแ่ี บบใดสามารถเคลื่อนท่ีไดเ้ ร็วทีส่ ุด ?
7. เมอื่ คาดว่าการเดินทางอาจเกิดการปะทะกบั ขา้ ศึกควรใช้เทคนิคการเคลื่อนทีแ่ บบใด ?
8. การเคลอ่ื นยา้ ยทางยุทธวธิ ีเป็นการเคล่ือนย้ายของหมวดในกรอบของกองรอ้ ยมีก่วี ธิ ี ?
9. พน้ื ท่อี ันตรายหมายถงึ อะไร ?
10. เทคนิคการเคล่ือนท่เี ปน็ บุคคลประกอบดว้ ยการคลานสูง คลานต่า และการโผระยะสั้น ในการโผระยะส้ัน
จะใช้ระยะเวลาประมาณเทา่ ใด ?

- 32 -

บทท่ี 3
การยงิ ปืนประกอบการเคลือ่ นทรี่ ะดับหมู่ปนื เลก็

1. กล่าวนา

เน้ือหาในเอกสารนี้เป็นเครื่องช่วยแนะแนวทางการวางแผนการฝึก และลาดับข้ันตอนวิธีการฝึกทหารใน

การฝึกยิงปืนด้วยกระสุนจริงหรือกระสุนซ้อมรบ ในระดับหมู่ปืนเล็ก ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยกาลังพลแต่ละนาย

จะสามารถเพิ่มพูนทักษะและความชานาญในการใช้อาวุธต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยาตลอดจนมีความมั่นใจใน

ตนเอง มั่นใจในอาวุธ ม่ันใจในผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และเสริมสร้างการทางานเป็นทีม กองวิทยาการ ศูนย์

การทหารราบ จึงได้จัดทาค่มู ือการฝึกสาหรบั การยิงปืนทางยุทธวิธีขั้นพ้ืนฐานมา เพื่อเป็นแนวทางในการฝึกยิงปืนด้วย

กระสุนจริงประกอบการเคลื่อนท่ี ซ่ึงหน่วยสามารถนาไปประยุกต์ปรับปรุงเพ่ิมเติมเง่ือนไขต่าง ๆ ได้ตามที่หน่วย

ต้องการ เพื่อใหก้ ารฝึกบรรลุผลตามความมุง่ หมายของกองทัพบก

2. กฎความปลอดภัย

คือ หัวใจสาคัญท่ีต้องเน้นย้าทุกขั้นตอน กล่าวคือ เมื่อปืนไม่บรรจุกระสุน ปืนจะวาง พาดบนกระสอบ

ทรายโดยปลดซองกระสนุ วางไวด้ า้ นซา้ ยของปนื สาหรบั ปืนใหอ้ ยู่ในสภาพแขวนลกู เล่อื นห้ามไก และเมอื่ มีการสั่งบรรจุ

กระสุน

2.1 ปนื จะตอ้ งอยู่ในสภาพห้ามไก

2.2 น้ิวชข้ี วาของผรู้ ับการฝกึ จะตอ้ งพาดอยูบ่ นโกรง่ ไกเสมอ

2.3 การจับถืออาวุธของผู้รับการฝึกปากลากล้องปืนจะต้องชี้ขน้ึ ฟ้าหรือลงดนิ หรอื หันปากลากล้องไปยังเป้า

2.4 การยิงเป้าหมายทุกคร้ัง จะต้องทาการยิงโดยเล็งผ่านศูนย์เท่านั้น (ใช้หลักการยิงเร็ว) การฝึกขั้น

พื้นฐานน้ี จะต้องมีบทลงโทษ หรือตกั เตอื นอยา่ งรุนแรงโดยทนั ทีตอ่ ผู้ละเมิด เน่ืองจากหน้าแนวปืนของผู้ยิงจะมีกาลังพล

ภายในหมวู่ างตวั อยู่ อุบตั เิ หตทุ ่เี กิดขน้ึ ส่วนใหญจ่ ะมาจากความประมาทในกรณีทาการยงิ ทนั ทีโดยไม่เล็งผ่านศูนย์

การปฏิบัตทิ สี่ าคญั คือ เมอ่ื ทาการยิงแล้วผู้เข้ารับการฝึกจะต้องห้ามไก นาน้ิวขี้ออกมาพาดโกร่งไกจากน้ัน

จึงเคลื่อนที่และเม่ือจะทาการยิงก็ให้ ปลดห้ามไกทาการยิง ยิงเสร็จแล้วจะต้องห้ามไก นาน้ิวชี้ออกมาพาดโกร่งไกทุก

ครั้งทกุ ขนั้ ตอนการยิง และเมื่อฝึกยงิ ในกรณใี ด ๆ ยตุ ลิ ง กใ็ ห้ตรวจอาวธุ ทกุ คร้งั

การฝึกในขั้นน้ีจะมีกฎสาคัญ คือ เริ่มการปฏิบัติจากท่านอนยิงก่อนท่ีจะลุกเพื่อเคล่ือนท่ีไปข้างหน้าให้ทา

การยิงก่อนหน่ึงนัด และเม่ือเคลื่อนท่ีไปวางตัวอยู่ในท่ายิงแล้วให้ทาการยิงหน่ึงนัด รายละเอียดการห้ามไก - เปิดห้าม

ไกให้ปฏบิ ัตติ ามขอ้ กฎความปลอดภยั และการปฏบิ ัตทิ สี่ าคัญ โดยอยา่ งเครง่ ครัด

ถ้าอาวุธเกิดติดขัด ให้ทาการแก้ไขด้วยตนเองเสียก่อน หากแก้ไขไม่ได้ให้ห้ามไก น้ิวชี้พาดโกร่งไก และ

เคลื่อนท่ตี ่อไป หา้ มผรู้ ับการฝึก หยุดการเคล่อื นที่ตามลาพงั เป็นอันขาด

การตรวจอาวุธ ให้ปลดซองกระสุนก่อน แล้วดงึ คันร้ัง 2 คร้งั และลนั่ ไก ทาซ้า 2 ชุด แลว้ แขวนลกู เลอื่ น

3. การปฏิบัติ

3.1 ผูเ้ ขา้ รบั การฝึก จะแต่งกายในชุดพรอ้ มรบตาม รปจ. หน่วย

3.2 ปนื เล็กยาว M 16 A 1, A 2 หรอื ปนื เลก็ ยาว 11 จานวน 1 กระบอก, ซองกระสุน ทัง้ ส้นิ 18 นัด

3.3 ผูเ้ ข้ารับการฝึก จะปฏบิ ตั กิ ารยงิ ประกอบการเคล่ือนท่ี 3 กรณี ใชก้ ระสุน ทง้ั ส้ิน 18 นัด

1) การฝึกยิงเปน็ คู่ ใชก้ ระสนุ 6 นัด

2) การฝกึ ยิงเปน็ ชุดยิง ใช้กระสนุ 6 นดั

3) การฝึกยงิ เปน็ หมู่ ใช้กระสนุ 6 นัด

- 33 -

4. การฝกึ ยงิ ปนื เป็นคู่
4.1 การวางตวั ขน้ั ตน้
1) กาลังพลท้ังหมู่จะถูกวางในรูปขบวนหมู่หน้ากระดานตามกระสอบทรายหมายตาแหน่ง ณ แนว

วางตัว
2) การวางตัวแนวที่ 1 จะเป็นพลทหารตาแหน่งต่าง ๆ ของแต่ละชุดยิง จานวน 8 นาย ตั้งแต่

หมายเลข 1 - 8 โดยให้ทหารแต่ละนายจาหมายเลขค่ีหมายเลขคู่ ของตนเอง การวางตัวแนวท่ี 2 คือ หัวหน้าชุดยิง
ก และ หัวหนา้ ชดุ ยิง ข หัวหนา้ ชดุ ยิง ทั้ง 2 นายน้ี จะควบคุมและส่ังการต่อจากผู้บังคับหมู่ การวางตัวในแนวที่ 3 คือ
ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก ซึ่งตาแหน่งวางตัว จะอยู่กึ่งกลางระหว่าง ชุดยิง ก และ ชุดยิง ข ผู้บังคับหมู่ เป็นผู้ส่ังการไปยัง
หัวหน้าชดุ ยงิ หวั หนา้ ชุดยงิ จะสงั่ การต่อไปยังกาลงั พลภายในชุดของตนเอง

3) การวางตวั ทแี่ นววางตัว ใหใ้ ช้ ทา่ นอนยิง
4.2 การฝกึ ยิงเปน็ คู่

1) จากการวางตัวที่แนววางตัวของกาลังพลภายในหมู่ในท่านอนยิง กาลังพลหมายเลขค่ี และ
หมายเลขคู่ จะเห็นแนวกระสอบทรายอยู่ตรงหน้าตนเอง 3 ใบ ซ่ึงได้วางหมายตาแหน่งของระยะต่าง ๆ สาหรับการ
เคล่ือนท่ี และการหยุดวางตัวท่ีระยะ เพื่อทาการยิง และเป้าจานวน 4 เป้า โดยหมายเลข 1 และ 2 จะยิงในเป้าท่ี
1 หมายเลข 3 และ 4 จะยิงในเป้าที่ 2 หมายเลข 5 และ 6 จะยิงในเปา้ ท่ี 3 หมายเลข 7 และ 8 จะยงิ ในเป้าท่ี 4

2) เม่ือขั้นตอนต่าง ๆ เชน่ การวางตัว, การบรรจุกระสนุ และทา่ ยิงพร้อม ผบ.หมู่ จะส่งั การว่า
“หมู่ปืนเล็กที่ 1 เคลื่อนท่ีไปข้างหน้าด้วยวิธีการโผ ไปเป็นห้วง ๆ ระยะ 30 เมตร ไปเป็นคู่ ชุดยิง ก ไปก่อน ไปได้”
จากน้ัน หัวหน้าชุดยิง ก จะสั่งการ “ให้ชุดยิง ก เคล่ือนท่ีไปข้างหน้า ไปได้” โดยการสั่งการสาหรับการฝึกทหารใหม่
นั้นเพ่ือให้เกิดความง่ายและสามารถสร้างความเข้าใจให้กับทหารใหม่ อาจใช้การสั่งการเป็นคู่ เช่น คู่ท่ี 1, คู่ท่ี 2 เมื่อ
สนิ้ คาสัง่ ของ หวั หนา้ ชดุ ยิง ก แลว้ มกี ารปฏบิ ัตดิ งั นี้

กาลังพลหมายเลขที่ 1 ปลดห้ามไก ทาการยิงหน่ึงนัด จากนั้น ห้ามไก และนานิ้วชี้ไปพาดอยู่บน
โกรง่ ไก แล้วลกุ ข้นึ โผไปทีก่ ระสอบทรายหมายตาแหนง่ วางตัวทีร่ ะยะ 10 เมตร เม่ือเคล่ือนท่ีไปถึง ให้ล้มตัวลงอยู่ในท่า
นอนยงิ จากน้ัน ปลดหา้ มไก ทาการยิงไปยงั เป้าหมาย 1 นัด แลว้ ห้ามไก นานิ้วช้อี อกมาพาดอยู่ที่โกร่งไกซึ่งเป็นจังหวะ
เดียวเดียวกันกบั กาลงั พลหมายเลข 2 เคล่อื นที่

กาลังพลหมายเลข 2 เมื่อเห็นกาลังพลหมายเลข 1 เคล่ือนท่ีไปทาการยิง 1 นัด และเม่ือกาลังพล
หมายเลข 1 วางตัวเรียบร้อย กาลังพลหมายเลข 2 ก็จะห้ามไก นาน้ิวชี้ออกมาวางพาดท่ีโกร่งไก แล้วลุกขึ้นโผ ไปยัง
กระสอบทรายหมายตาแหน่งท่ีระยะ 15 เมตร เมื่อไปถึงให้ล้มตัวลงอยู่ในนอนยิง จากนั้น ก็จะปลด ห้ามไก และทา
การเล็งยงิ ไปยังเปา้ หมาย 1 นดั เปน็ จงั หวะเดยี วกับกาลงั พลหมายเลข 1 เคลื่อนท่ี

กาลังพลหมายเลข 1 เมื่อเห็นกาลังพลหมายเลข 2 เข้าที่วางตัวเรียบร้อย จะทาการยิง 1 นัด แล้ว
ลกุ ขน้ึ โผไปยังกระสอบทรายหมายตาแหน่งที่ระยะ 20 เมตร เม่ือเคลื่อนท่ีไปถึง ให้ล้มตัวลงอยู่ในท่านอนยิงจากน้ัน ก็
จะปลดหา้ มไก ทาการยงิ ไปยงั เปาหมาย 1 นัด แล้วหา้ มไก นา น้ิวชี้ออกมาพาดอยู่ที่โกร่งไก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับ
กาลังพลหมายเลข 2 เคล่ือนท่ี

กาลังพลหมายเลขที่ 2 เม่ือเหน็ กาลังพลหมายเลข 1 เคลื่อนทใี่ หท้ าการยิง 1 นดั และเม่อื กาลงั พล
หมายเลข 1 วางตัวเรยี บรอ้ ย กาลังพลหมายเลข 2 ก็จะมาห้ามไก นานิ้วชี้ออกมาวางพาดท่ีโกร่งไก แล้วลุกข้ึนโผไปยัง
กระสอบทรายหมายตาแหน่งที่ระยะ 25 เมตร เม่อื ไปถึงให้ลม้ ตัวลงอยูใ่ นทา่ นอนยงิ จากนั้นก็ปลดห้ามไก และทาการ
เลง็ ยงิ ไปยงั เปา้ หมาย 1 นดั เป็นจังหวะเดียวกบั กาลงั พลหมายเลข 1 เคล่อื นท่ี

กาลงั พลหมายเลข 1 เม่อื เห็นกาลังพลหมายเลข 2 เข้าทีว่ างตวั เรียบร้อย จะทาการยิง 1 นัด แล้วลุก
ข้ึนโผไปยังกระสอบทรายหมายตาแหน่งที่ระยะ 30 เมตร เมื่อเคล่ือนท่ีไปถึง ให้ล้มตัวลงอยู่ในท่านอนยิงจากน้ัน

- 34 -
กป็ ลดห้ามไกทาการยงิ ไปยังเป้าหมาย 1 นัด แล้วหา้ มไก นาน้ิวชี้ออกมาพาดพาดอย่ทู ีโ่ กรง่ ไกซ่ึงเป็นจังหวะเดียวกันกับ
กาลงั พลหมายเลข 2 เคลอ่ื นท่ี

กาลังพลหมายเลข 2 เมื่อเห็นกาลังพลหมายเลข 1 เคล่ือนที่ให้ทาการยิง 1 นัด และเมื่อกาลังพล
หมายเลข 1 วางตัวเรียบร้อยกาลังพลหมายเลข 2 ก็จะห้ามไกนาน้ิวช้ีออกมาวางพาดที่โกร่งไก แล้วลุกข้ึนโผไปยัง
กระสอบทรายหมายตาแหน่งที่ระยะ 30 เมตร เม่ือไปถึงให้ล้มตัวลงอยู่ในท่านอนยิง จากนั้น ก็ปลดห้ามไกและทาการ
เลง็ ยิงไปยังเปา้ หมาย 1

การเคลือ่ นท่ีสลบั กันระหว่างคคู่ ือ กาลงั พลหมายเลข 1 และหมายเลข 2 จะยุติลงที่แนวระยะ 30 ม.
จากน้ันกาลังพลหมายเลข 3 และ 4, 5 และ 6, 7 และ 8 ก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกันเป็นวงรอบครั้งละ 1 คู่ เมื่อกาลังพล
ทง้ั 4 คู่ จานวน 8 นาย ได้ยตุ ิการปฏบิ ัตกิ ารยิงเรียบร้อยแล้ว ผบ.หมู่ จะสง่ั ตรวจอาวธุ พร้อมกัน

การปฏิบัติของผู้บังคับหมู่ และหัวหน้าชุดยิงให้ควบคุมการปฏิบัติของกาลังพลอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในเรือ่ งของกฎความปลอดภัย

รูปท่ี 3 - 1 การยิงปนื เปน็ คู่

- 35 -

5. การฝึกยงิ เป็นชดุ ยงิ
5.1 การวางตวั ขัน้ ตน้
1) กาลงั พลทั้งหมู่จะถูกวางตัวในรูปขบวนหมู่หน้ากระดานตามกระสอบทรายหมายตาแหน่ง ณ แนว

วางตัว
2) การวางตัวแนวท่ี 1 จะเป็นพลทหารในตาแหน่งต่าง ๆ ของแต่ละชุดยิง จานวน 8 นาย ตั้งแต่

หมายเลข 1 - 8 โดยให้ทหารแต่ละนายจาหมายเลขคี่ เลขคู่ ของตนเอง การวางตัวแนวที่ 2 คือ หัวหน้าชุดยิง ก และ
หัวหน้าชุดยิง ข หัวหนา้ ชดุ ยิงทง้ั 2 นายน้ี จะควบคมุ และสง่ั การต่อจากผู้บังคับหมู่ การวางตัวแนวที่ 3 คือ ผู้บังคับหมู่
ปืนเล็ก ซึ่งตาแหน่งวางตัว จะอยู่กึ่งกลางระหว่าง ชุดยิง ก และ ชุดยิง ข ผู้บังคับหมู่ เป็นผู้สั่งการไปยัง หัวหน้าชุดยิง
จะสัง่ การต่อไปยงั กาลงั พลภายในชดุ ของตนเอง

3) การวางตวั ท่แี นววางตวั ให้ใช้ ทา่ นอนยิง
5.2 การฝึกยงิ เปน็ ชุดยิง

1) จากแนววางตัวและการปฏิบัติในการบรรจุกระสุนเรียบร้อยแล้ว ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก จะส่ังการว่า
“หมู่ปนื เล็กท่ี 1 เคล่อื นทไ่ี ปขา้ งหนา้ ด้วยวิธกี ารโผ ไปเป็นห้วง ๆ ระยะ 30 เมตร ไปเป็นชุดยิง ชุดยิง ก ไปก่อน ไปได้”
เมอ่ื ส้นิ คาส่ัง หวั หน้าชดุ ยงิ ก ก็จะสั่งการให้ชดุ ยงิ ก เคลอื่ นที่ต่อไป การปฏิบตั จิ ะเป็นลาดบั ขน้ั ดงั ต่อไปนี้

1.1) จากรปู ขบวนพนื้ ฐาน การวางตัวในชุดยิง ก ซึ่งประกอบด้วยกาลังพลหมายเลข 1, 2, 3 และ
4 และในชุดยงิ ข ซ่ึงจะประกอบด้วยกาลังพลหมายเลข 5, 6, 7 และ 8 การยิงเป็นชุดยิงจึงเริ่มจากการปฏิบัติของชุด
ยิง ก จากนัน้ กต็ ามดว้ ยชดุ ยงิ ข การยงิ เป็นชุดยงิ จงึ เปน็ การเคล่ือนท่ีของชุดยิง ก ทั้งชุด แต่การเคล่ือนท่ีดังกล่าวจะไม่
เคลือ่ นทไี่ ปพรอ้ มกันหมดทงั้ ชดุ ยิง แต่จะแบ่งกันไปโดยให้กาลังพลหมายเลขคี่ของแต่ละคู่ เคล่ือนที่ไปก่อน (หมายเลข
1, 3) และจะสลับกับการเคล่ือนที่ของกาลังพลหมายเลขคู่ (หมายเลข 2, 4) สาหรับการปฏิบัติของ หน.ชุดยิง น้ันจะ
เคลื่อนที่ข้ึนไปพร้อมกาลังพลคู่สุดท้ายในชุดยิงของตน การเคล่ือนท่ีเป็นชุดยิงน้ี เมื่อชุดยิง ก เคล่ือนท่ีไปตามระยะที่
ผบู้ งั คบั หมู่ กาหนดแลว้ ชดุ ยิง ข หรอื ชุดยิงต่อไปกจ็ ะเริ่มเคล่อื นทป่ี ระการยิงต่อไป

1.2) รายละเอียดการปฏิบัติภายในชุดยิง ก เมื่อส้นคาสั่งของ หัวหน้าชุดยิง ก กาลังพลหมายเลข
1, 3 จะปลดห้ามไก ทาการเล็งยิงไปยังเป้าหมายคนละ 1 นัด จากนั้นก็ห้ามไก นานิ้วชี้ออกมาวางท่ีโกร่งไก ตาม
กฎการยิง แล้วลุกข้ึนโผไปยังกระสอบทรายท่ีวางอยู่ตรงหน้าท่ีระยะ 10 เมตร เม่ือไปถึงก็ล้มตัวลงไปอยู่ในท่านอนยิง
แลว้ ปลดหา้ มไกทาการเล็งยงิ ไปยังเป้าหมายคนละ 1 นัด เมื่อทาการยิงเรียบร้อยก็จะปฏิบัติตามกฎการยิง คือ ห้ามไก
และนาน้วิ ช้ีออกมาพาดท่ีโกร่งไก

1.3) เม่ือส้ินเสียงปืน กาลังพลหมายเลข 2, 4 ก็ปลดห้ามไกทาการเล็งยิงไปยังเป้าหมายคนละ
1 นดั จากนัน้ ก็จะปฏิบัตติ ามกฎการยงิ แล้วลุกขึ้นโผไปยงั กระสอบทรายทีว่ างอยูต่ รงหน้าท่ีระยะ 15 เมตร เม่ือไปถึงก็
จะล้มตัวลงไปอย่ใู นทา่ นอนยิง แลว้ ปลดหา้ มไกทาการเลง็ ยิงไปยงั เป้าหมาย 1 นัด จากน้ันก็ปฏบิ ตั ิตามกฎการยิง

1.4) ภายในชุดยิง ก ให้ท้ัง 2 คู่บัดดี้ ทาการยิงประกอบการเคล่ือนที่ไปจนถึงระยะ 30 เมตร
ตามที่ผู้บงั คบั หมู่กาหนด (ไปพร้อมกันทง้ั 2 คบู่ ัดดี้ แตภ่ ายในคู่สลับกันไปท่ลี ะคน)

1.5) การปฏิบัติของชุดยิง ข คงปฏิบัติเช่นเดียวกับชุดยิง ก ที่นอกเหนือไปจากชุดยิง ก คือ ผู้บังคับหมู่
จะเคลื่อนท่ีติดตาม หัวหน้าชุดยิง ข ขึ้นไปด้วย เพื่อควบคุมและส่ังการต่อไป เมื่อถึงระยะ 30 เมตร ผู้บังคับหมู่ จะสั่ง
ตรวจอาวุธพร้อมกัน

2) การยิงเป็นชุดยิง กาลังพลหมายเลข 1, 3 จะยิงคนละ 1 นัด ที่แนววางตัว และจะเคลื่อนท่ีไปยัง
แนว 10 เมตร และยงิ คนละ 1 นดั จากน้ันกาลงั พลหมายเลข 2, 4 จะยงิ คนละ 1 นดั ที่แนววางตัว และเคลื่อนที่ไปยัง
แนว 15 เมตร และยงิ คนละ 1 นัด จากนน้ั การปฏิบัติก็คงยดึ หลกั การเคล่ือนทป่ี ระกอบการยิงสลบั กนั

- 36 -
2.1) การยิงประกอบการเคลื่อนท่ีจะมีลักษณะสลับกันคือ กาลังพลหมายเลขค่ี จะวางตัวท่ีระยะ
10, 20 และ 30 เมตร กาลังพลหมายเลขคู่ จะวางตวั ท่รี ะยะ 15, 25 และ 30 เมตร
2.2) กาลังพลหมายเลขคี่ (หมายเลข 1, 3) เป็นผู้เร่ิมเคล่ือนที่ก่อนของคู่ตนเอง และไม่จาเป็นต้อง
ไปพร้อมกนั
2.3) เมือ่ ชดุ ยิง ก ปฏบิ ัตเิ สรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว ชุดยงิ ข ก็เรม่ิ ปฏิบตั ิตอ่ ไป

รปู ท่ี 3 - 2 การยงิ ปืนเปน็ ชุดยิง

- 37 -

6. การฝกึ ยิงเปน็ หมู่
6.1 การวางตัวขั้นตน้
1) กาลงั พลท้ังหมจู่ ะถูกวางตัวในรูปขบวนหมู่หน้ากระดานตามกระสอบทรายหมายตาแหน่ง ณ แนววางตัว
2) การวางตัวแนวท่ี 1 จะเป็นพลทหารในตาแหน่งต่าง ๆ ของแต่ละชุดยิง จานวน 8 นาย ตั้งแต่

หมายเลข 1 - 8 โดยให้ทหารแตล่ ะนายจาหมายเลขคี่ เลขคู่ ของตนเอง การวางตัวแนวท่ี 2 คือ หัวหน้าชุดยิง ก และ
หวั หนา้ ชดุ ยิง ข หวั หนา้ ชุดยิงท้ัง 2 นายน้ี จะควบคมุ และสัง่ การตอ่ จากผู้บังคับหมู่ การวางตัวแนวที่ 3 คือ ผู้บังคับหมู่
ปืนเล็ก ซ่ึงตาแหน่งวางตัว จะอยู่กึ่งกลางระหว่าง ชุดยิง ก และ ชุดยิง ข ผู้บังคับหมู่ เป็นผู้ส่ังการไปยัง หัวหน้าชุดยิง
จะสง่ั การตอ่ ไปยังกาลงั พลภายในชดุ ของตนเอง

3) การวางตัวท่ีแนววางตัวใหใ้ ช้ ทา่ นอนยงิ
6.2 การฝกึ ยิงเป็นหมู่

1) จากการวางตัวท่ีแนววางตัวของกาลังพลภายในหมู่ในท่านอนยิง กาลังพลหมายเลขค่ี และ
หมายเลขคู่ จะเห็นแนวกระสอบทรายอยู่ตรงหน้าตนเอง 3 ใบ ซ่ึงได้วางหมายตาแหน่งของระยะต่าง ๆ สาหรับการ
เคลอ่ื นทแี่ ละการหยุดวางตัวที่ระยะ เพ่ือทาการยงิ และเป้าจานวน 4 เป้า โดยเป้าหมายเลข 1 และ 2 จะยิงในเป้าท่ี
1 หมายเลข 3 และ 4 จะยิงในเปา้ ท่ี 2 หมายเลข 5 และ 6 จะยงิ ในเป้าท่ี 3 หมายเลข 7 และ 8 จะยิงในเปา้ ท่ี 4

2) เม่ือขน้ั ตอนตา่ ง ๆ เช่นการวางตวั , การบรรจุกระสุน และท่ายิงพร้อม ผบ.หมู่จะสั่งการว่า “หมู่ปืน
เลก็ ที่ 1 เคลอื่ นทไี่ ปขา้ งหนา้ ดว้ ยวิธกี ารโผ ไปเป็นห้วง ๆ ระยะ 30 เมตร ไปทั้งหมู่ไปได้” จากน้ัน หัวหน้าชุดยิง จะส่ัง
การให้ “ชุดยิง.....เคล่ือนท่ีไปข้างหน้า ไปได้” โดยการสั่งการสาหรับการฝึกทหารใหม่น้ัน เพื่อให้เกิดความง่ายและ
สามารถสร้างความเข้าใจให้กับทหารใหม่ อาจใช้การส่ังการเป็นคู่ เช่น คู่ท่ี 1, คู่ท่ี 2 เป็นต้น เม่ือสิ้นคาสั่งของหัวหน้า
ชุดยิง แลว้ มีการปฏบิ ัตดิ งั น้ี

กาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7 ปลดห้ามไก ทาการยิงหน่ึงนัด จากนั้น ห้ามไก และนาน้ิวช้ีไปพาด
อยู่บนโกร่งไก แล้วลุกข้ึน โผไปที่กระสอบทรายหมายตาแหน่งวางตัวท่ีระยะ 10 เมตร เมื่อเคล่ือนท่ีไปถึง ให้ล้มตัวลง
อยูใ่ นท่านอนยิง จากน้ัน ปลดห้ามไก ทาการยิงไปยังเป้าหมาย 1 นัด แล้วห้ามไก นาน้ิวชี้ออกมาพาดอยู่ที่โกร่งไก ซึ่ง
เป็นจังหวะเดยี วกนั กับ กาลงั พลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เคลอื่ นที่

กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เมื่อเห็นกาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7 เคลื่อนที่ให้ทาการยิง1นัด
และ เมอ่ื กาลงั พลหมายเลข 1, 3, 5, 7 วางตวั เรียบร้อย กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 ก็จะห้ามไก นานิ้วชี้ออกมาวาง
พาดที่โกร่งไก แล้วลุกขึ้นโผไปยังกระสอบทรายหมายตาแหน่งที่ระยะ 15 เมตร เมื่อไปถึงให้ล้มตัวลงอยู่ในท่านอนยิง
จากน้ัน ก็จะปลดห้ามไก และทาการเล็งยิงไปยังเป้าหมาย 1 นัด เป็นจังหวะเดียวกับกาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7
เคล่ือนที่

กาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7 เม่ือเห็นกาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เข้าที่วางตัวเรียบร้อย จะทา
การยิง 1 นดั แล้วลุกขึ้นโผไปยังงกระสอบทรายหมายตาแหน่งที่ระยะ 20 เมตร เมื่อเคล่ือนท่ีไปถึง ให้ล้มตัวลงอยู่ใน
ท่านอนยิง จากนั้น ก็จะปลดห้ามไก ทาการยิงไปยังเป้าหมาย 1 นัด แล้วห้ามไก นาน้ิวชี้ออกมาพาดอยู่ที่โกร่งไกซึ่ง
เป็นจังหวะเดียวกนั กับ กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เคลื่อนที่

กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เมื่อเห็นกาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7 เคล่ือนที่ให้ทาการยิง 1 นัด
และเม่อื กาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7 วางตวั เรียบร้อย กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 ก็จะห้ามไก นาน้ิวชี้ออกมาวาง
พาดท่ีโกร่งไก แล้วลุกข้ึนโผไปยังกระสอบทรายหมายตาแหน่งท่ีระยะ 25 เมตร เม่ือไปถึงให้ล้มตัวลงอยู่ในท่านอนยิง
จากน้ันก็จะปลดห้ามไก และทาการเล็งยิงไปยังเป้าหมาย 1 นัด เป็นจังหวะเดียวกับกาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7
เคล่อื นท่ี

- 38 -
กาลงั พลหมายเลข 1, 3, 5, 7 เมอื่ เหน็ กาลงั พลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เข้าท่ีวางตัวเรียบร้อย จะทาการ
ยิง 1 นัด แล้วลุกขึ้นโผไปยังงกระสอบทรายหมายตาแหน่งที่ระยะ 30 เมตร เมื่อเคลื่อนท่ีไปถึง ให้ล้มตัวลงอยู่ใน
ท่านอนยิง จากนั้น ก็จะปลดห้ามไก ทาการยิงไปยังเป้าหมาย 1 นัด แล้วห้ามไก นาน้ิวช้ีออกมาพาดอยู่ท่ีโกร่งไกซ่ึง
เปน็ จงั หวะเดยี วกนั กบั กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เคลือ่ นที่
กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 เมื่อเห็นกาลงั พลหมายเลข 1, 3, 5, 7 เคลือ่ นทใ่ี ห้ทาการยิง 1 นดั และ
เมื่อ กาลังพลหมายเลข 1, 3, 5, 7 วางตัวเรียบรอ้ ย กาลังพลหมายเลข 2, 4, 6, 8 ก็จะห้ามไก นาน้ิวช้ีออกมาวางพาด
ท่ีโกร่งไก แล้วลุกข้ึนโผไปยังกระสอบทรายหมายตาแหน่งท่ีระยะ 30 เมตร เมื่อไปถึงให้ล้มตัวลงอยู่ในท่านอนยิง
จากนั้น ก็จะปลดห้ามไก และทาการเลง็ ยงิ ไปยังเปา้ หมาย 1 นัด
การปฏิบัติของ ผู้บังคับหมู่ และหัวหน้าชุดยิง ให้ควบคุมการปฏิบัติของกาลังพลอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะ อย่างยิง่ ในเร่ืองของกฎความปลอดภัย
ในขณะท่ปี ฏิบตั ิให้กาลังพลสังเกตเฉพาะการเคล่ือนที่ของคูบ่ ัดดข้ี องตนเท่านน้ั

รูปที่ 3 - 3 การยิงปนื เปน็ หมู่

- 39 -

7. สรุป
การเคล่ือนท่ีเข้าหาท่ีหมายเพื่อทาลาย จะอยู่บนพื้นฐานกฎการรบ 5 ประการ โดยเฉพาะการยิง

ประกอบการเคลื่อนที่ ต้องทาใหเ้ กดิ อานาจการยิงทร่ี ุนแรงตอ่ เนื่องลงบนทหี่ มาย ซงึ่ จะตอ้ งสลับกันทาหน้าที่ เป็นส่วน
ฐานยิง และส่วนเคลอ่ื นที่

ทหารทุกคนจะต้องกล้ายิง หรือทาการยิงคุ้มครอง (เม่ือเป็นฐานยิง) ให้กับเพ่ือนซึ่งกาลังเคลื่อนที่เข้าหาท่ี
หมายใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ

ผบู้ ังคับหนว่ ยเมือ่ ทาการฝึกทหารจนเกดิ ความชานาญแล้วอาจจะเพ่ิมเงื่อนไขในการฝึกให้สมจริงกับสนาม
รบ อ่ืน ๆ เพ่ิมเติมได้ เช่น เพิ่มการวางตัวในสนามรบ, การใช้อาวุธตามตาแหน่งของหมู่ปืนเล็ก, การดาเนินกลยุทธ์
และการเข้าทาลายทห่ี มายเปน็ ตน้

7.1 ข้อพงึ ระวัง
1) การฝกึ นี้จะต้อง ใช้กบั ผู้ที่มีพน้ื ฐานการใช้อาวุธและการยงิ กระสุนจรงิ มาก่อนเทา่ นนั้
2) ผ้เู ข้ารับการฝกึ จะต้องมีความพร้อมทางด้านรา้ งกายและจติ ใจ เพราะความอ่อนลา้ อาจจะทาให้เกิด

อันตรายในการฝึก
3) คมู่ ือการฝึกนต้ี าแหน่ง ผบู้ งั คับหมู่/หวั หน้าชดุ ไม่ตอ้ งทาการยิงจะทาหนา้ ท่สี ังการและ ควบคุมการ

ปฏิบัติ
7.2 กฎเหลก็ 4 ข้อ ในการฝึก
1) เมอื่ บรรจุกระสุนเข้ารงั เพลงิ ต้อง หา้ มไกทุกครงั้ และการเปลี่ยนคันบังคับการยิงต้องใช้น้ิวหัวแม่มือ

เท่านั้น โดยไมต่ อ้ งก้มลงมอง
2) การจบั ถืออาวุธ นวิ้ ช้ีตอ้ งพาดตามโกร่งไกเทา่ นนั้
3) ในขณะจบั ถอื อาวุธปากลากล้องปืนต้องชีไ้ ปยังทศิ ทางทีป่ ลอดภัย เทา่ นั้น (จะชขี้ น้ึ หรือ ลงกไ็ ด้)
4) การยิงกระสุนแต่ละนัดใบหน้าของผู้ยิงกับแนวลากล้องปืนต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันต้องเล็ง

ผ่านศูนย์ยงิ แบบเร่งด่วน (ยิงฉับพลันแบบเล็งผ่านศูนย์) การยิงกระสุนแต่ละนัดต้องยิงไปยังเป้าหมายที่ปรากฏเท่าน้ัน
เมอื่ ไม่เหน็ เป้าหมายห้ามยงิ เดด็ ขาด

- 40 -

คาถามท้ายบท

1. กฎความปลอดภัยในการยงิ ปืนประกอบการเคลอื่ นที่คืออะไร ?
2. ตามกฎความปลอดภัยใบบังคับการยิงจะต้องอยใู่ นตาแหน่งใดเสมอเม่อื ไม่มกี ารยงิ ?
3. เทคนคิ การเคลื่อนท่ขี องหมูป่ นื เล็กทีค่ าดวา่ การปะทะน่าจะเกดิ ข้ึนคือเทคนคิ ใด ?
4. ตามกฎความปลอดภัยนวิ้ ช้มี ือขวาของผู้รบั การฝึกจะตอ้ งพาดอยู่บริเวณใดเสมอ ?
5. การยงิ เปา้ หมายจะต้องทาการยิงแบบใด ?
6. ถ้าอาวุธติดขัดผู้รบั การฝกึ จะต้องปฏิบัติอย่างไร ?
7. เมอ่ื ทาการยงิ ตามข้นั ตอนเสรจ็ แล้วขั้นสดุ ทา้ ยจะต้องปฏบิ ัติอย่างไร ?
8. การยงิ ประกอบการเคล่ือนทม่ี กี ารฝึกแบบใดบ้าง ?
9. เมื่อหยุดการเคล่ือนท่ีผูป้ ฏบิ ัติจะทาการยิงในทา่ อะไร ?
10. เมื่อคูบ่ ัดดีข้ องตนเริ่มเคลื่อนท่ีจะตอ้ งปฏบิ ัติอยา่ งไร ?

- 41 -

บทที่ 4
แบบฝกึ ทาการรบของหมปู่ นื เล็ก

1. กลา่ วนา
แบบฝกึ ทาการรบของทหารราบ อธิบายถึงการท่ีหมวด และหมู่ปืนเล็กจะใช้การยิงและการดาเนินกลยุทธ์

เข้าคล่ีคลายสถานการณ์อย่างรวดเร็วได้อย่างไร การที่จะปฏิบัติดังกล่าวได้ ผู้บังคับหน่วยจะต้องตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
สามารถให้คาสัง่ ด้วยวาจาท่ีกะทัดรดั ชัดเจนและดว้ ยความรวดเร็ว

คาจากดั ความ
ในคู่มือราชการสนาม ว่าด้วยการฝึกที่เน้นการรบ (รส.25 - 101) ให้คาจากัดความไว้ว่า “เป็นการปฏิบัติการ
ร่วมกันอยา่ งรวดเร็วโดยไมต่ อ้ งใช้กระบวนการหรอื กรรมวิธใี นการแสวงข้อตกลงใจอย่างประณตี ”
1.1 ลักษณะของการฝึกทาการรบ มีดังนี้

- ต้องการให้ ผู้บังคับหน่วย ส่ังการให้น้อยท่ีสุดในการบรรลุภารกิจ และให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่ว
ทัง้ กองทพั บก

- ลาดบั ขัน้ การปฏิบัติงานที่สาคัญอนั จะนาไปสคู่ วามสาเร็จในการรบ หรอื ลอ่ แหลมตอ่ ชวี ิต
- ประยกุ ตใ์ ช้กบั หน่วยระดับหมวดปนื เลก็ หรือหนว่ ยทีเ่ ล็กกว่าได้
- ฝึกให้ตอบสนองต่อการปฏิบัตขิ องขา้ ศึก หรือปฏิบัตติ ามคาส่งั ผบู้ งั คับหนว่ ย
- เป็นการเตรียมพรอ้ มทางด้านจติ ใจอย่างเป็นขนั้ ตอน เพอื่ ให้สามารถทาการรบไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ
1.2 การทหี่ มวดปืนเลก็ จะมคี วามสามารถปฏิบตั ิภารกิจใหส้ าเรจ็ น้นั ขึ้นอยู่กบั การที่ผ้บู งั คับ
หมวดและกาลังพลภายในหมวดสามารถจัดการกับการปฏิบัติท่ีสาคัญได้อย่างรวดเร็ว เช่น จะต้องรู้วิธี ปฏิบัติโดย
ฉับพลันในการปะทะกับข้าศึก และจะต้องรู้ว่าจะต้องปฏิบัติต่อไปอย่างไร การฝึกจะถูกจากัดด้วยสถานการณ์ที่
ตอ้ งการการตอบสนอง ดังน้ันทหารจะต้องทาการฝึกอย่างต่อเน่ืองจนสามารถปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว และผลจาก
การฝกึ อย่างตอ่ เนือ่ งนจ้ี ะทาให้หน่วยขนาดเล็กมีความแข็งแกร่งและมีจิตใจรุกรบ การฝึกตามแบบฝึกทาการรบจะทา
ให้เกดิ สงิ่ ตา่ ง ๆ ดงั นี้
- ผบู้ ังคับหน่วยและทหารทกุ คนรู้วา่ อะไรคือการปฏบิ ตั สิ าคัญทจ่ี ะตอ้ งกระทาดว้ ยความรวดเร็ว
- สามารถเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติจากรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหน่ึงได้อย่างราบรื่น เช่น เปลี่ยน
จากการเคลอ่ื นทเ่ี ข้าหาข้าศกึ เป็นการตัง้ รบั เปน็ ตน้
- เป็นมาตรฐานการปฏิบัติที่เชื่อมโยงทหารเข้ากับกิจเฉพาะของหน่วยในระดับหมวดปืนเล็กและ
ตา่ กว่า
- ความต้องการในความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของกาลังพลทุกคนและผู้บังคับหน่วย รวมทั้งการฝึกอย่าง
ต่อเน่อื ง
2. รปู แบบ
รปู แบบของแบบฝึกทาการรบในบทน้ี ประกอบด้วย เร่ืองท่ีทาการฝึก สถานการณ์ซ่ึงกาหนดให้หน่วยหรือ
ผู้บังคับหน่วยทาการฝึก ขั้นตอนการปฏิบัติท่ีต้องการ และภาพประกอบสนับสนุนการฝึก สาหรับหลักฐานอ้างอิงเพื่อ
ใชฝ้ กึ ทาการรบ สามารถค้นหาได้จากบทต่าง ๆ หรือแบบฝึกอื่น ๆ ในคู่มือเล่มนี้ ส่วนมาตรฐานการฝึกสาหรับแบบฝึก
ทาการรบจะอย่ใู นคมู่ ือการฝกึ ว่าด้วยการฝกึ และประเมนิ ผลการฝกึ หมูป่ นื เล็กและหมวดปืนเล็ก เหลา่ ราบ (คฝ. 7 - 8)

- 42 -
3. แบบฝึกทาการรบ 1 หมปู่ ฏบิ ัติการโจมตี

สถานการณ์ : หมู่เคลื่อนท่ีเป็นส่วนหนึ่งของหมวด ซึ่งกาลังเคลื่อนท่ีเข้าปะทะหรือเข้าตีเร่งด่วนหรือเข้าตี
แบบประณตี ขา้ ศึกสมมตุ มิ ีการยิงสนับสนนุ ด้วยอาวธุ วถิ ีโคง้ และกาลงั ทางอากาศสนบั สนุนใกล้ชดิ

การปฏิบตั ิท่ีตอ้ งการ : ตามรูปที่ 4 - 1
3.1 ขัน้ ที่ 1 การปฏิบตั ิเมื่อปะทะกบั ข้าศึก

1) ทหารท่ตี กเปน็ ปูาหมายการยงิ ของขา้ ศกึ ให้รีบหาทก่ี าบงั ทใ่ี กลท้ ี่สุดพร้อมท้ังซ่อนพรางตัวจากการ
ตรวจการณข์ องข้าศึกด้วย

รปู ท่ี 4 - 1 หม่ปู ฏิบตั ิการโจมตี

- 43 -
2) ชุดยิงทป่ี ะทะกับขา้ ศึก รบี ตอบโตข้ ้าศึกดว้ ยการยิงอยา่ งหนาแนน่ เพื่อทจ่ี ะขม่ หรือกดขา้ ศกึ

2.1) ทหารภายในชุดยิงที่ปะทะข้าศึกรบี เคล่ือนที่ (ดว้ ยการโผ หรือคลาน) ไปยงั ทีท่ ี่สามารถทา
การยงิ อาวุธของตนไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รวมทัง้ สามารถตรวจการณ์ ใชพ้ ้นื การยิงได้ดี มกี ารกาบังและซอ่ นพราง
ทหารทุกคนทาการยิงไปยังที่ท่ตี รวจการณ์พบขา้ ศกึ หรือคาดวา่ ข้าศกึ จะวางตัวอยู่ พรอ้ มทง้ั รายงานไปยัง หวั หนา้ ชดุ ยิง

รปู ท่ี 4 - 2 หมูป่ ฏบิ ัติการโจมตี (ต่อ)

- 44 -

2.2) หัวหน้าชุดยิง ควบคุมกากับการยิงของทหารในชุด โดยใช้กระสุนส่องวิถีชี้เปูาหรือใช้คาส่ัง
มาตรฐาน

2.3) ชุดยิงที่ไม่ได้ปะทะกับข้าศึกเข้าที่กาบังและซ่อนพราง พร้อมพยายามตรวจการณ์ไปทางปีก
และทางด้านหลงั ของหมูข่ องตน

2.4) ผู้บังคับหมู่ รายงานการปะทะกับข้าศึกให้ ผู้บังคับหมวด ทราบ แล้วเคล่ือนท่ีไปยังชุดยิงที่
ปะทะขา้ ศึก

3.2 ขั้นท่ี 2 กาหนดท่ีต้งั ของข้าศึก
1) ใชก้ ารสังเกตการณ์ ตรวจการณแ์ ละฟงั เสียง ชุดยงิ ทป่ี ะทะขา้ ศึก พยายามค้นหาที่ตั้งข้าศึกหรือที่ท่ี

คาดว่าข้าศึกใช้เป็นท่มี ่นั สรู้ บ
2) ชุดยงิ ที่ปะทะขา้ ศึกเร่มิ ใชก้ ารเลง็ ยิงอยา่ งประณตี
3) ผบู้ งั คับหมู่ เคล่อื นทไี่ ปยงั จุดท่สี ามารถตรวจการณไ์ ปยังข้าศกึ และประเมินสถานการณ์
4) ผู้บงั คับหมู่ รอ้ งขอการยิงสนับสนุนผ่าน ผู้บังคับหมวด ไปยังหน่วยเหนือ เพ่ือทาการกดข้าศึกอย่าง

ฉับพลัน (ปกตจิ ะไดร้ บั การสนับสนนุ จาก ค. 60 มม.)
5) ผูบ้ ังคบั หมู่ รายงานขนาดกาลังและที่ตั้งของข้าศึกและข่าวสารอ่ืน ๆ ไปยัง ผู้บังคับหมวด (ในขณะ

ท่ี ผ้บู งั คับหมวด เคล่อื นท่ีมาข้างหนา้ กจ็ ะสามารถประเมนิ สถานการณต์ อ่ จาก ผู้บังคับหมู่ ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์)
3.3 ขน้ั ท่ี 3 ยงิ ข่ม/กดข้าศึก
ผู้บังคับหมู่ พิจารณาว่าชุดยิงที่ปะทะข้าศึกอยู่น้ัน สามารถยิงกดข้าศึกได้หรือไม่ โดยสังเกตจาก

ปริมาตรการยงิ และความมีประสทิ ธภิ าพของการยงิ จากข้าศึกท่ียิงโตต้ อบกลับมา
1) ถา้ ชดุ ยงิ สามารถยงิ กดข้าศึกได้ ชดุ ยิงน้นั คงทาการยิงกดข้าศกึ ตอ่ ไป
1.1) ชดุ ยิงทาการยงิ ตดั รอนหรอื ข่มอาวธุ ประจาหน่วยของขา้ ศกึ เปน็ อนั ดับแรก
1.2) ชดุ ยิงใช้ ลย.ควนั (M.203) ยิงไปยงั ทีต่ ั้งข้าศกึ เพอ่ื จากัดการตรวจการณข์ องข้าศึก
1.3) หวั หน้าชุดยิงใช้การควบคุมการยิงโดยใช้กระสุนส่องวิถชี ี้เปูา หรอื ใช้คาสง่ั ยงิ มาตรฐาน

การยิงจะต้องการเล็งอยา่ งดี และเป็นไปอย่างตอ่ เน่ืองไม่มีการหยุดชะงัก
1.4) คบู่ ัดดภี้ ายในชดุ ยิง จะตอ้ งใชเ้ ทคนิคการผลัดเปล่ียนซองกระสนุ โดยมิให้การยิงต้องหยดุ ชะงัก

2) ถา้ หากชดุ ยิงไม่สามารถยงิ กดข้าศึกได้ ผู้บงั คบั หมู่ จะตอ้ งสงั่ การให้ชุดยิงที่ไม่ได้ปะทะกับข้าศึกจัดต้ัง
เป็นฐานยงิ สนับสนุน ผู้บังคับหมู่ รายงานสถานการณ์ไปยัง ผู้บังคับหมวด ซ่ึงตามปกติแล้วหมู่น้ันจะต้องทาหน้าท่ีเป็น
ฐานยิงให้กับหมวด หมู่น้ันยังคงยิงอย่างต่อเนื่องเพ่ือข่มข้าศึกและปฏิบัติตามคาส่ังของ ผู้บังคับหมวด (ผู้บังคับหมวด,
พลวิทยุ, ผู้ตรวจการณ์หน้าของหมวด, ชุดยิง ปืนกล 1 ชุด และ ผู้บังคับหมู่ ของหมู่ถัดไป พร้อมด้วย รองผู้บังคับ
หมวด และชดุ ยิง ปนื กล อกี 1 ชุด ดาเนนิ การใหพ้ ร้อมเคลือ่ นที่และปฏบิ ตั ติ ามแบบฝึกทาการรบที่ 1 หมวดเขา้ โจมตี)

3.4 ขน้ั ที่ 4 เข้าโจมตี
ถ้าหากชุดยิงที่ปะทะข้าศึกสามารถยิงกดข้าศึกได้ ผู้บังคับหมู่ จะพิจารณาว่าชุดยิงที่ไม่ได้ปะทะนั้น

สามารถดาเนนิ กลยุทธ์ไดห้ รือไม่ และประเมนิ สถานการณ์ดังต่อไปนี้
- กาหนดทีต่ ัง้ ของขา้ ศกึ และเคร่อื งกีดขวาง
- กาหนดขนาดกาลังของข้าศึกที่ปะทะอยู่กับหมู่ของตน (พิจารณาจากจานวนอาวุธกลของข้าศึก การ

ปรากฏของยานพาหนะ การใชก้ ารยงิ สนับสนุนด้วยอาวธุ วถิ ีโค้งเหล่าน้ีจะเปน็ ส่ิงบอกชี้ถงึ ขนาดกาลังของข้าศกึ )
- พจิ ารณาปีกทีเ่ ปน็ จุดอ่อนหรือจุดล่อแหลม
- พจิ ารณาแนวทางเคล่ือนทท่ี ่ีมกี ารกาบงั และซ่อนพราง เพื่อเคล่อื นท่ีเขา้ หาขา้ ศึก

- 45 -

1) ถ้าหากชุดยิงที่ปะทะข้าศึก สามารถยิงกดข้าศึกได้ ผู้บังคับหมู่ สั่งการให้ชุดยิงอีกชุดหนึ่งดาเนิน
กลยทุ ธเ์ ขา้ โจมตีข้าศึกทันที

1.1) ผู้บังคับหมู่ สั่งการและกากับดูแลให้ชุดยิงที่ปะทะข้าศึกยิงสนับสนุนการเคลื่อนท่ีให้อีกชุดยิง
ผู้บังคับหมู่ เป็นผู้นาหรือกากับให้ชุดยิงท่ีดาเนินกลยุทธ์เข้าโจมตีข้าศึกใช้แนวทางการเคล่ือนท่ีที่จะเข้าไปสู่ท่ีม่ันของ
ข้าศึก (ชุดยิงที่ดาเนินกลยุทธ์จะต้องใช้อานาจการยิงท่ีรุนแรงและต่อเน่ืองตลอดการเข้าโจมตีและตะลุมบอน การส่ง
มอบความรบั ผดิ ชอบในการกากบั การยงิ สนบั สนุนจากชุดยิงท่ีทาหน้าที่เป็นฐานยิงมอบให้กับชุดยิงที่เข้าตะลุมบอนนั้น
มีความสาคญั ยง่ิ )

1.2) เม่ือชุดยิงท่ีดาเนินกลยุทธ์เริ่มเข้าใกล้ท่ีหมาย ผู้บังคับหมู่ จะให้สัญญาณการเคลื่อนท่ีหรือย้าย
การยงิ สนบั สนุนไปยงั ปีกอกี ด้านหนึ่งของที่หมาย

1.3) ชุดยงิ ทเ่ี ข้าตะลุมบอนใช้การยิงและการเคลื่อนทเี่ ขา้ ทาลายข้าศกึ ณ ที่หมาย (ชุดยิงที่ทาการยิง
สนบั สนนุ จะต้องสามารถตรวจการณ์เห็นปีกดา้ นใกล้ของชุดยิงทเ่ี ขา้ ตะลุมบอน)

(1) หน.ชุดยิงท่ีเคลอ่ื นทเี่ ขา้ ตะลุมบอนจะตอ้ งใช้เส้นทางหรือแนวทางการเคล่ือนที่เข้าสู่ท่ีหมาย
โดยอาศัยการกาบังและการซ่อนพราง ชุดยิงปรับรูปขบวนเป็นสามเหล่ียมแหลมหน้าเกือบจะเป็นเส้นตรงในขณะเข้า
ตะลมุ บอน

(2) ทหารภายในชุดยิงเทคนิคการเคล่ือนที่เป็นบุคคลหรือการเคลื่อนที่เป็นคู่บัดดี้ ในขณะเข้า
ประชิดข้าศึกโดยรักษารูปขบวนของชุดยิงไว้ในช่วงสุดท้ายของการเคลื่อนท่ี ทหารจะต้องเข้าที่กาบังและซ่อนพราง
แล้วทาการยงิ ไปยังข้าศกึ

2) ถ้าหากชุดยิงท่ีปะทะข้าศึกไม่สามารถยิงกดข้าศึกได้หรือไม่สามารถเคล่ือนท่ีต่อไปได้ ผู้บังคับหมู่ จะส่ัง
การใหช้ ุดยิงน้ันทาการยิง เพ่ือเพม่ิ อานาจการยิงกดของหมู่ รายงานให้ ผู้บังคับหมวด ทราบ ขอทราบคาสั่งการปฏิบัติ
ตอ่ ไป ในขณะทย่ี งั คงทาการยงิ อยา่ งรุนแรงและต่อเน่อื งไปยังข้าศึก และปฏิบัตติ ามคาสัง่ ของ ผู้บังคับหมวด

3.5 ข้ันที่ 5 การเสริมความมนั่ คงและการจัดระเบยี บใหม่
1) เมื่อชุดยิงที่เข้าตะลุมบอนสามารถยึดที่มั่นของข้าศึกได้แล้ว ผู้บังคับหมู่ จะจัดการระวังปูองกัน

เฉพาะตาบลน้ัน (หมู่จะต้องเตรียมการเพื่อต้านทานและเอาชนะการเข้าตีโต้ตอบของข้าศึก ผลสรุปของการเข้าโจมตี
น้นั หมจู่ ะตกอย่ใู นความลอ่ แหลมมากทส่ี ดุ )

1.1) ผ้บู ังคบั หมู่ จะสง่ สัญญาณให้ชดุ ยิงทที่ าหน้าทีย่ ิงสนับสนนุ เคลอื่ นทข่ี ึ้นมายังพน้ื ท่ีที่แบง่ มอบให้
1.2) ผู้บงั คับหมู่ แบ่งมอบเขตรบั ผดิ ชอบใหท้ งั้ 2 ชดุ ยงิ
1.3) ผบู้ ังคบั หมู่ กาหนดที่ตงั้ ยงิ ของอาวธุ ยิงหลัก
1.4) ทหารทุกคนจดั เตรียมทมี่ ่นั ต้ังรับเรง่ ด่วน
1.5) ผู้บังคับหมู่ จัดทาและพัฒนาแผนการยิงสนับสนุนเพื่อต้านทานการเข้าตีโต้ตอบของข้าศึก
(เมื่อ หมวดเคลอ่ื นทีข่ นึ้ มาถงึ หมู่ ผูบ้ งั คบั หมู่ จะส่งแผนการยงิ ใหก้ ับ ผ้บู ังคับหมวด เพื่อจัดทาแผนของหมวดต่อไป)
1.6) ผูบ้ ังคบั หมู่ จดั วางยามคอยเหตหุ รอื ยามตรวจการณ์ เพ่อื แจง้ เตอื นการปฏิบตั ิของขา้ ศึก
2) หมู่จะต้องปฏบิ ัตกิ จิ เฉพาะตา่ ง ๆ ดังนี้
2.1) จดั ตัง้ สายการบงั คบั บญั ชาข้นึ ใหม่
2.2) แจกจ่ายและขอรบั การสนับสนนุ การส่งกาลัง สป.5
2.3) พจิ ารณาสนับสนนุ สป.5 ใหก้ บั อาวธุ ประจาหนว่ ยเปน็ อันดบั แรก
2.4) แจกจ่ายยุทโธปกรณ์ที่มีความจาเป็นและสาคัญยิ่ง (เช่น วิทยุ ชุดปูองกัน นชค. เครื่องมือ
ตรวจการณใ์ นเวลากลางคืน)
2.5) ดาเนนิ การใหม้ ีการปฐมพยาบาลและสง่ กลบั ผู้บาดเจบ็

- 46 -

2.6) เสริมชอ่ งว่างท่ีเกดิ ข้ึนภายในหนว่ ย
2.7) ดาเนินกรรมวธิ ีต่อเชลยศึกและยุทโธปกรณ์ที่ยดึ ได้
2.8) รวบรวมและรายงานข่าวสารเกี่ยวกบั ข้าศกึ และยุทโธปกรณ์
3) หัวหน้าชุดยิง รายงานสถานภาพ สป.5 กาลังพลและยทุ โธปกรณไ์ ปยงั ผู้บงั คบั หมู่
4) ผู้บังคับหมู่ เสริมความมั่นคงและรายงานสถานภาพ สป.5 กาลังพลและยุทโธปกรณ์ไปยัง
ผู้บังคบั หมวด (หรอื รอง ผ้บู งั คับหมวด)
5) เม่ือได้รับคาส่ังจาก ผู้บังคับหมวด หมู่เร่ิมปฏิบัติภารกิจต่อไป ผู้บังคับหมวด จะติดตามผล
ความสาเร็จของการโจมตีทางปกี ของหมู่ดว้ ยหม่ทู เ่ี หลืออยู่ ในฐานะเปน็ สว่ นหน่ึงของหมวดเข้าโจมตี
6) ผู้บังคบั หมู่ รายงานสถานการณไ์ ปยัง ผ้บู งั คับหมวด
4. แบบฝกึ ทาการรบท่ี 2 การปฏบิ ตั เิ มอื่ ปะทะข้าศกึ
สถานการณ์ : หมู่/หมวด ถกู ยงิ จากอาวธุ ประจากายหรอื อาวุธประจาหนว่ ยของขา้ ศกึ
การปฏิบตั ิที่ตอ้ งการ : (รูปที่ 4 – 3)
4.1 ทหารทกุ คนรบี เข้าทีก่ าบงั ที่ใกลต้ วั ท่สี ุดแลว้ ทาการยงิ ตอบโตท้ ันที
4.2 หัวหน้าชุดยิง/ผู้บังคับหมู่ กาหนดท่ีต้ังข้าศึกด้วยการเล็งยิงอย่างประณีต แล้วแจ้งให้ ผู้บังคับหมู่/
ผู้บังคบั หมวดทราบ
4.3 หัวหน้าชุดยิง ควบคุมการยิงของทหารภายในชุด โดยใช้คาส่ังยิงแบบมาตรฐาน (คาสั่งเริ่มแรกและ
คาส่ังยงิ ตอ่ มา) ซง่ึ ประกอบด้วย
- คาสัง่ เตือน
- ทศิ ทาง
- ลักษณะเปาู หมาย
- ระยะ
- วิธีการยิง (ประเภทและอตั ราการยงิ )
- คาส่งั ใหเ้ ริ่มทาการยงิ
4.4 ทหารทุกคนรกั ษาการตดิ ต่อ (ด้วยสายตาหรอื วาจา) กับทหารท่ีอยู่ทางซา้ ยและขวาของตน
4.5 ทหารทกุ คนต้องรักษาการตดิ ต่อกบั หน.ชดุ ยิง และค้นหาทต่ี ้งั ของขา้ ศกึ
4.6 ผู้บงั คับหน่วย (ด้วยสายตาหรือการส่งั การ) ตรวจสถานภาพของกาลงั พลในหน่วย
4.7 ผู้บังคับหมู่/หวั หนา้ ชดุ ยิง รักษาการติดต่อดว้ ยสายตากบั ผูบ้ งั คบั หมวด/ผบู้ ังคับหมู่
4.8 ผู้บังคับหมวด/ผู้บังคับหมู่ เคลื่อนที่ข้ึนไปท่ีหมู่/ชุดยิง เพื่อพบและติดต่อกับผู้บังคับหมู่/หัวหน้าชุดยิง
นนั้ ๆ
1) ผู้บังคบั หมวด นาพลวทิ ยุ, ผูต้ รวจการณห์ นา้ , ผู้บงั คับหมู่ ทอ่ี ย่ใู กลท้ ่ีสดุ และชุดยิงปนื กล 1 ชดุ
2) ผูบ้ งั คับหมู่ ซง่ึ อย่ทู างดา้ นหลัง เคลื่อนทขี่ ้ึนไปอยทู่ ช่ี ดุ ยิงนาของหมู่
3) รอง ผู้บังคับหมวด เคลื่อนท่ีขึ้นไปข้างหน้าพร้อมด้วยชุดยิงปืนกล ชุดที่ 2 และพบกับ
ผู้บังคบั หมวด พรอ้ มทจ่ี ะปฏบิ ัตหิ น้าทคี่ วบคุมสว่ นยงิ สนบั สนุน
4.9 ผู้บังคับหมวด/ผู้บังคับหมู่ พิจารณาสถานการณ์ว่าจะต้องนาหน่วยของตนออกจากพ้ืนที่การปะทะ
หรือพ้ืนทีก่ ารรบนนั้ หรือไม่
4.10 ผู้บังคับหมวด/ผู้บังคับหมู่ พิจารณาว่าหน่วยของตนสามารถใช้อานาจการยิงกดข้าศึกให้กับกาลัง
ส่วนท่ีปะทะกับข้าศึกได้หรอื ไม่ (โดยพิจารณาจากปริมาตรการยิงและความแม่นยาของการยิงจากฝุายข้าศึกท่ียิงมายัง
กาลงั ฝุายเราสว่ นทปี่ ะทะอยู่)

- 47 -

4.11 ผบู้ งั คบั หมวด/ผูบ้ งั คบั หมู่ ประเมนิ สถานการณโ์ ดยวเิ คราะห์คน้ หา
1) ท่ีต้ังการวางกาลงั ของขา้ ศึกและเครอื่ งกดี ขวาง
2) ขนาดหน่วยของข้าศึกที่ปะทะอยู่กับฝุายเรา (จานวนอาวุธกลของข้าศึก การปรากฏของ

ยานพาหนะของข้าศึก และการใชก้ ารยงิ สนบั สนุนดว้ ยอาวธุ วถิ โี คง้ จะเป็นเครื่องบง่ ช้ีถึงขนาดหนว่ ยของข้าศึก)
3) จดุ ลอ่ แหลมทางปกี
4) เส้นทางเคล่ือนที่ทีม่ กี าบงั และให้การซ่อนพรางทจ่ี ะเข้าสู่ทางปีกของข้าศึก

4.12 ผูบ้ งั คบั หมวด/ผ้บู ังคับหมู่ ดาเนินการในหนทางปฏิบัตขิ น้ั ตอ่ ไป ตัวอยา่ งเช่น การยิงและการเคลื่อนท่ี
การเขา้ โจมตี การเจาะช่องผา่ นเครื่องกีดขวาง การทาลายบงั เกอร์ การเข้าสภู่ ายในตัวอาคาร หรือการกวาดล้างภายใน
อาคารหรอื คสู นามเพลาะ

4.13 ผู้บังคับหมวด/ผู้บังคับหมู่ รายงานสถานการณ์ไปยัง ผู้บังคับกองร้อย/ผู้บังคับหมวด และเร่ิมใช้
หนว่ ยดาเนินกลยุทธ์

4.14 ผู้บังคบั หมวด ร้องขอการยิงสนับสนนุ ด้วยอาวุธวถิ โี คง้ และปรับการยงิ (ค. และ ป.)
(ผบู้ งั คับหมู่ สง่ คาขอผ่านไปยงั ผู้บังคับหมวด)

4.15 ผูบ้ ังคับหน่วย ส่ือคาส่ังและสัญญาณสง่ ต่อไปยัง หมวดตามสายการบงั คบั บัญชา

รปู ท่ี 4 - 3 การปฏิบัติเม่ือปะทะขา้ ศึก


Click to View FlipBook Version