นาฏศิลป์ตะวันออก
นาฏศิลป์อินเดีย ประวัติ วั ค ติ วามเป็นมาของนาฏศิลป์อิน อิ เดีย ดี ตามคัมภีร์ ภี น ร์ าฏย ศาสตร์ พระภารตะมุนี มุ นี เป็นผู้รั ผู้ บ รั พระราชทานนาฏลีล ลี าจาก พระพรหม และพระศิวะ ชาวฮิน ฮิ ดูจึ ดู ง จึ ยกย่อ ย่ งพระศิวะเป็น “นาฏราชา” หมายถึง พระราชาแห่งการฟ้อนรำ
นาฏศิลป์อินเดีย ภารตนาฏยัม เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนใต้ เป็นการ แสดงที่ใช้ผู้หญิงแสดงและนิยมแสดงเดี่ยว มีลีลาการ ใช้จังหวะเท้าที่รวดเร็ว
กถัก เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนเหนือ นิยมแสดงเดี่ยว ผู้แสดงอาจเป็นหญิงหรือชายก็ได้ เป็นการผสมระหว่าง วัฒนธรรมฮินดูและมุสลิม มีบทร้องเกี่ยวกับเทพเจ้าของ ฮินดูและเรื่องราวจากวรรณคดี
กถกฬิ หรือ รื กถักกฬิ เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนใต้ นิยมแสดงเป็นเรื่อ รื่ งแบบละครเป็นมหากาพย์ เช่น มหาภารตะ รามายณะ
นาฏศิลป์จีนเกิดจากระบำ ทรงเจ้าในพิธีทางศาสนาหรือ รื เรีย รี กว่า ว่ "รามาอู๋อู"นับเป็นศิลปะที่เก่าแก่มากที่สุด จุดประสงค์ในการแสดง เพื่อ บำ บัดภัย อันตรายจากธรรมชาติ บำ บัดความเจ็บไข้ และความทุกข์ทั้งปวง ในสมัยราชวงศ์โจวศิลปะทางนาฏศิลป์ของจีนมีหลากหลาย เช่น ละครใบ้ นาฏศิลป์จีน
เป็นการแสดงที่ผสมผสานการขับร้องและการเจรจา ประกอบลีลาท่าทาง ให้ออกมาเป็นเรื่อ รื่ งราว โดยนำ เหตุการณ์
ประวัติข ติ องละครญี่ปุ่น ปุ่ เริ่ม ริ่ ต้น ต้ ประมาณ ศตวรรษที่ 7แบบแผนการแสดงต่า ต่ งๆที่ ปรากฏอยู่ในครั้ง รั้ ยังมีเ มี หลือ ลื อยู่ และ ปรากฏชัดเจนแสดงสมัย มั ปัจ ปั จุบันนี้ ได้แก่ ละคร
เป็นละครที่เก่าแก่ที่สุดแต่เดิมจัดแสดงตามวิหาร มีกฎข้อบังคับเคร่งครัด มากเเสดงเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าการแต่งกายงดงามผู้แสดงจะสวมหน้ ากาก ซึ่งถือว่าเป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่าทางการเคลื่ อนไหวล้วนมีความหมายทั้งสิ้นแต่ เดิมแสดงใต้ร่มไม้ต่อมาทำ เวทีอย่างง่ายๆเป็ นเวทีสี่เหลี่ยมคนดูดูได้รอบจัด ฉากง่ายๆ เขียนรูปต้นสนและไม้ไผ่ไว้ห่างๆและมีสนสามกิ่งยื่นออกมา เพื่อรักษาสภาพเดิมที่เคยแสดงใต้ร่มไม้ ถือว่าเป็นการแสดงชั้นสูง ละครโนะ
เป็ นละครที่ได้รับความนิยมมากผสมผสานระหว่างละครโนะและละครหุ่น บุนรากุการแสดงมีทั้งการร้องและการพากษ์ท่าทางการแสดงมีแบบแผนที่ เคร่งครัดเรื่องที่แสดงเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ ศาสนาและเทพนิยายใช้ ผู้ชายแสดงล้วนแต่งกายด้วยสีสันฉูดฉาดมีการเขียนหน้ าคล้ายงิ้วการแต่ง หน้ ามีแบบแผนตายตัวกำ หนดว่าสีใดเป็นของตัวละครใด เช่นผู้ร้ายหน้ า สีน้ำ เงิน พระเอกหน้ าสีขาว ละครคาบูกิ
เป็นการแสดงละครตลกสลับฉาก ลักษณะคล้ายกับจำ อวดของไทยเป็น ป็ ละครเสีย สี ดสีเ สี รื่อ รื่ งราวชวนหัว หั ทั้ง ทั้ คำ พูดและการแสดงเนื้อเรื่อ รื่ งที่แสดงไม่มี ม่ มี ละครเคียวเง็น
ประเทศอินโดนีเซีย มีเกาะมากมายและแต่ละเกาะก็มีการแสดงของตนเอง มี เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ศิลปะการแสดงที่เก่าแก่ที่สุด คือ การเชิดหุ่น เรียกว่า วายัง ประเทศอินโดนีเซีย
นาฏศิลป์ชวา เป็นการแสดงที่มีพื้นฐานมาจากการรำ ในราชสำ นักมีลีลาร่ายรำ ที่นุ่มนวล ประณีต จังหวะ ที่ใช้ในการร่ายรำ จะช้า มีผ้าสไบเป็นส่วนประกอบสำ คัญในการร่ายรำ เวลาแสดงตาจะตกตลอดเวลา ไม่ใช้สายตาไปยังคนดู วงดนตรีประกอบการแสดง เป็น วงดนตรีประจำ ราชสำ นักสมัยโบราณ ปัจจุบันใช้วงดนตรีสำ หรับฟ้อนรำ เรียกว่า ภารมว ลัน
นาฏศิลป์สุมาตรา ลักษณะการแสดงจะแสดงเป็นเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านและเรื่องราวในราชสำ นัก จะไม่ แสดงเรื่องรามายณะและมหาภารตะ
การแสดงเชิดหุ่นเงา หรือวายัง นาฏศิลป์ประจำ ชาติที่เก่าแก่ที่สุด แต่เดิมหุ่นเชิด ทำ ด้วยหนังสัตว์ เรียกว่า วายัง กุลิต เรื่องที่ใช้แสดงในวายังคือ รามายณะ และมหาภาร ตะ โดยทำ เป็นบทละครเฉพาะของวายัง มีการแทรกเรื่องปรัชญา ข้อคิดขบขันในชีวิตประจำ วัน นำ มาเชื่อมโยงร่วมสมัยใหม่
การแสดงของเขมรดั้งเดิมใช้ผู้หญิงแสดง เพราะเป็นการแสดงภายในราชสำ นักเท่านั้น การแสดงมาตรฐานของเขมรจะแสดงเรื่องเรียมเลอ ซึ่งมีรากฐานมาจากรามายณะของ อินเดีย
ละครพูดมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรัก ซึ่งละครชนิดนี้ได้รับอิทธิพลจากเวียดนาม การแสดงของเขมรจะมีการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล สง่า ย่อเข่ามากกว่าไทยและไม่อ่อน ช้อยเท่าของไทย มีทั้งการแสดงละครนอกเรื่อง พระอภัยมณีละครในเรื่องอิเหนา โขนเรื่องรามเกียรติ์ ลักษณะการแต่งกาย มีความใกล้ เคียงกับไทยมาก
ประวัตินาฏศิลป์พม่าที่มีหลักฐาน แน่นอน ภายหลัง พ.ศ. 2310 คือ หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 พม่าได้รับอิทธิพลนาฏศิลป์ไป จากไทย ก่อนหน้านี้ นาฏศิลป์ของ พม่าเป็นของพื้นเมืองมากกว่าที่จะ ได้รับอิทธิพลมาจากภายนอก ประเทศ เหมือนกับประเทศอื่นๆ นาฏศิลป์พม่าเริ่มต้นจากพิธีทาง ศาสนา ต่อมาเมื่อพม่ามีการติดต่อ กับอินเดียและจีน
การแสดงของชาวพม่าม่ จะแสดงในงานพิธีการต่า ต่ งๆ เกี่ย กี่ วกับ ศาสนา และประเพณี นาฎศิล ศิป์ที่ ป์ ที่ เ ที่ ก่าแก่พม่าม่ ได้แก่ ระบวงสวรง เทพเจ้า และสิ่ง สิ่ ศัก ศั ดิ์สิ ดิ์ สิ ทธิ์ ส่วนการแสดงประเภทโขน ละคร ปรากฏใน เมื่อ มื่ ละครไทยในราชสำ นักได้เสื่อ สื่ มความนิยมลง “ละครนิพัตขิ่น ขิ่ ” กลับ ลั เฟื่อ ฟื่ งฟูขึ้นเป็น ป็ ละครที่ผู ที่ ผู กเป็น ป็ เรื่อง มีท่ มี ท่าทางและบทเจรจา ประกอบ ภายหลัง ลั ได้เพิ่ม พิ่ บทตลกลงไปด้วย
จัดทำ โดย ด.ช.ณฐกร บุญศรี เสนอ คุณครู สุดา เรื่องนาฏศิล ศิ ป์ตะวันออก
こちらでもよろしくお願いします。