รายงาน
เร่ือง การดัดฟันในอิสลาม
เสนอโดย
อาจารย์ รศ.เจะ๊ เหล๊าะ แขกพงศ์
จัดทำโดย
นายมูฮัยมิน มะลิลา
รหัสนักศกึ ษา 6260903005
สาขาวิชาอิสลามศึกษาปีท่ี 3
รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่งึ ของรายวิชาอสิ ลามกบั ประเดน็ ร่วมสมัย
รหัสวชิ า 09-034-223 (01)
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
คณะสถาบนั อิสลามและอาหรบั ศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยนราธวิ าสราชนครนิ ทร์
คำนำ
รายงานฉบับนเี้ ปน็ ส่วนหนง่ึ ของรายวิชาอสิ ลามกับประเด็นร่วมสมัย
09-034-223 (01) โดยมีวัตถุประสงคเ์ พือ่ ใหท้ ราบถึงขอ้ มลู เกี่ยวกบั การดดั ฟนั
และบทบญั ญตั ิวา่ ด้วยการดดั ฟนั รวมถงึ กรณีท่ีมกี ารอนุญาตและกรณีท่ีมีการห้าม
ผู้จดั ทำต้องขอขอบคณุ อาจารย์ ผใู้ ห้คำปรกึ ษาและแนวทางการศกึ ษา ที่
ไดใ้ หค้ วามชว่ ยเหลือมาโดยตลอด การจดั ทำรายงานครง้ั น้ี ผ้เู ขยี นได้คน้ คว้า
รวบรวมข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็ และบทความตา่ งๆ ผู้เขียนหวงั ว่า รายงานฉบบั น้ี
จะเปน็ ประโยชนแ์ ก่ผ้ทู ี่สนใจ
จัดทำโดย
นายมฮู ยั มิน มะลิลา
สาขาวิชาอสิ ลามศกึ ษาปที ่ี 3
สารบัญ
เร่อื ง
หนา้
การดดั ฟันในปจั จบุ นั 4
การดัดฟนั ทเี่ ปน็ ประเด็นร่วมสมยั
การดัดฟันทเี่ ป็นประเด็นขอ้ ยตุ แิ ละบทบญั ญตั ิเกย่ี วกบั การดัดฟัน
ทัศนะความเหน็ ของนกั วชิ าการกบั การดัดฟนั 7
ทศั นะความเหน็ ของนกั วชิ าการในการจดั การกับมยั ยติ ทส่ี วมอุปกรณจ์ ัดฟัน 13
สรปุ 15
บรรณานุกรม 16
หวั ขอ้ ประเด็นร่วมสมัย เรือ่ ง การดดั ฟันในอสิ ลาม
ในปัจจบุ ันนี้การจดั ฟันถกู นิยมมากขึ้นผูค้ นให้ความสำคญั เนอ่ื งจากเป็น
วิธีการรกั ษาสภาพฟนั ทีไ่ ม่ปกติให้กลับมาสู่สภาพปกติ ถอื เปน็ ทางออก
อยา่ งหนึ่งสำหรบั ผทู้ มี่ ีปญั หากับเกย่ี วกับสขุ ภาพฟัน เพราะสามารถแก้
ปญั หาท่ีอาจจะเกิดข้นึ ได้ในอนาคตอันเน่อื งจากการมีสภาพฟนั ท่ีไมป่ กติ
และในปจั จุบนั เครื่องมอื ทางการแพทย์มีความเป็นทนั สมัย มกี ารพัฒนาใน
ด้านทันตแพทย์ในส่วนของการจดั ฟนั จากเดมิ ทมี่ ีแคแ่ บบเหล็กจดั ฟัน
ปจั จบุ นั มีแบบจดั ฟันใสเขา้ มาอีกดว้ ย มีความพิเศษคือสามารถถอดเขา้ -
ออกได้ การจัดฟันดังกลา่ วสามารถทำได้กับทกุ คนทกุ กรณีหรอื ไม่ หรือ
จะเขา้ ขา่ ยประดับประดาเพอื่ ความสวยงามอยา่ งไร
ประเด็นรว่ มสมัย : การดัดฟันหรือจดั ฟนั เพ่อื ให้ฟันเรยี งชดิ กนั สำหรับผู้
ทส่ี ขุ ภาพฟนั ของเขานนั้ ไมป่ กติและกระทบกบั การดำเนินชวี ิตในแต่ละวนั
และสำหรบั ผู้ทม่ี ีสขุ ภาพฟันท่ีคอ่ นข้างสมบูรณอ์ ยู่แล้วสามารถจดั ฟันไดอ้ กี
หรอื ไม่ ทางศาสนาอสิ ลามมีความคิดเห็นว่าอย่างไร
ประเดน็ ทเ่ี ปน็ ข้อยตุ ิ : การดัดฟนั หรอื จดั ฟนั เพื่อให้ฟันเรียงชดิ กันหรอื
ทำให้ระยะของซี่ฟนั นัน้ ห่างกนั โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื ความสวยงาม ความ
ทนั สมัย กระแสนยิ ม หรือใหเ้ ปน็ ที่น่าดึงดดู โดยสขุ ภาพฟันของเขานนั้ ไม่
ได้เกดิ ปัญหากับการดำเนินชวี ิตในแตล่ ะวนั แตอ่ ยา่ งใด ไม่วา่ จะเปน็ การพูด
การคบเค้ยี วอาหาร หรือปมความอับอาย รวมถงึ ในด้านอบิ าดาตตอ่ อัลลอ
ฮ เชน่ การอ่านอลั กุรอาน เปน็ ตน้ ถา้ ไมไ่ ด้เกดิ อุปสรรคแตอ่ ยา่ งใดและจัด
ฟันเพอ่ื ความสวยงามอย่างเดยี วการจดั ฟนั ในลักษณะนี้เป็นท่ีตอ้ งห้ามใน
ศาสนา เน่ืองจากหลกั ฐานจากฮะดิษของท่านนบี (ศอ็ ลลลั ลอฮู
อะลยั ฮวิ ะซัลลมั ) :
อบั นุมสั อดู เล่าว่า :
"ฉนั ไดย้ นิ ท่านรอซูล กลา่ วสาปแช่งบรรดาสตรีท่ีถอนขนบนใบหนา้ (เชน่ ขน
ค้ิว) และผู้ท่ีตกแต่งซฟ่ี ันให้ห่างออกจากกนั เพื่อความสวยงาม
ผซู้ ึง่ ทำการเปล่ียนแปลงส่งิ ทอ่ี ลั ลอฮฺสร้างมา"
(รายงานโดยบุคอรี 3/199 มุสลมิ 3/339)
โดยฮะดษิ ดังกลา่ วท่านนบีได้สาปแชง่ บรรดาสตรที ี่ถอนขนบนใบหน้าและ
ประดบั ความสวยงามของนางด้วยกบั การทำใหฟ้ นั นัน้ ห่างจากกันโดยมี
เจตนาทท่ี ำไปน้นั เพ่ือความสวยงาม ความหมายในที่น้กี ร็ วมถึงบุรุษ
ทั้งหลายอกี ดว้ ย
เนือ่ งจากความสวยงามในแตล่ ะยุคแตล่ ะสมัยนัน้ แตกต่างกนั ไปตามกาล
เวลา ในสมัยญาฮลี ยี ะหฺ หนึง่ ในคำนยิ ามความสวยงามของบรรดาสตรีนั้น
คอื สตรที ่มี ลี กั ษณะฟนั หนา้ หา่ งจากกนั ท้งั ฟนั หนา้ บนและฟันหน้าล่าง
โดยสตรผี ทู้ ีม่ ีฟันในลักษณะน้ีจะถูกมองวา่ เป็นสตรีท่ีมีเสนห่ ์และดอู อ่ นกว่า
วัย ดังนัน้ แล้วพวกเขาจึงพยายามทำให้ฟันหนา้ ของพวกเขานนั้ ห่างจากกนั
โดยวธิ กี ารเอาไม้มาตอกเขา้ บริเวณฟันท่ีต้องการทำให้เกิดระยะหา่ ง
ระหว่างชอ่ งฟนั การกระทำดงั กลา่ วน้ีทา่ นนบหี า้ มเด็ดขาดสำหรับบรรดา
สตรที ี่ทำให้ฟนั ของพวกนางหา่ งจากกนั เพอ่ื ความสวยงาม
สามารถแบ่งประเด็นปัญหาท่ีตอ้ งการคำตอบไดด้ งั นี้
- การจัดฟนั เพอื่ รักษาความผดิ ปกติของตำแหนง่ ฟันและความผิดปกตขิ อง
ตำแหนง่ ฟนั นน้ั ทำให้เกิดความยากลำบากในการดำเนนิ ชวี ติ ในแต่ละวัน
หรอื ทำให้เกดิ ความอับอาย
- การจดั ฟนั เพ่ือทำให้ลักษณะฟนั นน้ั สวยงามยง่ิ ขนึ้
ทศั นะความเหน็ ของนักวชิ าการต่อประเด็นร่วมสมยั เรื่อง การดดั
ฟนั ในอสิ ลาม
มฟุ ตี อสิ มาอิล มซู า เม๊งก์ (มฟุ ตี เมง๊ ก์)
โดยในเน้อื หามฟุ ตีได้อธิบายถงึ การ จัดฟนั และเสริมจมกู อีกดว้ ย
โดยมีเนื้อความวา่
-กอ่ นทเ่ี ราจะต้งั คำถามว่าทำศลั ยกรรมจมูก หรอื จดั ฟนั ได้ไหม ให้เราตัง้ คำ
ถามกับตัวเองกอ่ นว่า จมูกหรอื ฟนั ของเรา มีปญั หาตรงไหน
-หากเราพบวา่ จมูกหรอื ฟันของเรามปี ญั หา ใชง้ านไมไ่ ด้ หรอื ใชง้ านไดไ้ ม่
ปกติ เชน่ ฟันไมต่ รง ฟันเบ้ียว กดั หรอื คบเคี้ยวอาหารไม่ได้ ปญั หาเหล่าน้ี
อาจทำใหเ้ กิดผลเสียต่อตวั เรา อย่างน้อี นุญาตให้กระทำเพอ่ื เป็นการ
รักษา
-อสิ ลามมีบทบัญญัตชิ ัดเจนในเรอื่ งการห้ามการเปลี่ยนแปลงสง่ิ ทีถ่ ูกสรา้ ง
โดยอัลลอฮฺ หากสงิ่ น้ันเปน็ ไปเพื่อตามเทรน หรือเพอื่ ความสวยงาม
-แมก้ ารมีฟนั หน้าที่เรียงห่างกัน หากสิ่งนนั้ ไม่ได้ทำใหก้ ารคบเค้ียวอาหาร
เกิดปัญหา กไ็ ม่อนญุ าตให้จัด
-นิว้ บางคนทโี่ ผลอ่ อกมาเกิน (6 นิว้ ) สามารถตดั ออก เพ่อื ให้มนั กลบั ไปอยู่
ในรูปแบบปกติของมันได้ (แบบ 5 นิ้ว)
ท้งั น้ี จะจดั ฟัน ศลั กรรมจมกู หรือตดั น้วิ ออก กข็ ึน้ อยู่กบั เหตผุ ลของคณุ
ในการชี้ให้คณุ เหน็ วา่ สามารถกระทำได้หรือไม่
ได้.. หากเป็นการรกั ษา
ไมไ่ ด้.. หากประสงคจ์ ะทำเพื่อความสวยงาม และเทรนด์
เชค ดร.ยซู ฟุ อัลกอ็ รฎอวยี ์
โดยในเน้ือหาไดอ้ ธบิ ายถงึ การขจดั สงิ่ ที่เป็นความผดิ ปกติทางร่างกาย :
ถา้ หากบุคคลดงั กลา่ วมีความพกิ ลพิการที่รู้สกึ หนักใจ เชน่ มีเน้อื งอก,เนอ้ื
โผลข่ ้นึ ทมี่ ผี ลตอ่ ความรู้สกึ ทำให้รูส้ ึกหนกั ใจอึดอดั ใจ ฉะน้นั ไม่เป็นบาปท่ี
เขาจะทำการรกั ษาด้วยกับวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ทำให้หายจากความผิดปกติ
หรอื ความพกิ ารหรอื จากความเจ็บปวดทเ่ี ปน็ ปมดอ้ ยต่อชีวิตของเขา ทง้ั นี้
เพราะอลั ลอฮไมไ่ ดท้ ำให้ศาสนาเป็นส่ิงท่ยี ากลำบากสำหรับปวงบ่าว
ศาสตราจารย์ ดร.รอฟาอัต เฟาซี อับดุลมตุ ตอลิบ คณาจารย์
มหาวิทยาลยั ดา๊ ร-อัลอูลมู ประเทศซะอุดีอาระเบีย
การจดั ฟนั
-ถา้ หากในการจัดฟันโดยมเี จตนาเพือ่ ความหลอ่ ความสวยงามดงั นั้นการก
ระทำดังกล่าวถอื ว่าฮารอม เพราะถือวา่ เป็นการเปลีย่ นแปลงส่ิงทอ่ี ัลลอฮ
ทรงสร้างมา แต่ถ้าหากวัตถปุ ระสงคใ์ นการจัดฟนั นั้นเพือ่ รกั ษาสขุ ภาพฟนั
ที่มีลักษณะฟนั หา่ งการกระทำดังกลา่ วก็ถือว่าฮารสู ฟื้นฟสู ภาพฟนั ทีผ่ ดิ
ปกติ เนื่องจากการรกั ษาบางส่ิงบางอยา่ งจากความผดิ ปกติหรือจากท่ี
เสยี หายถือว่าเปน็ สิ่งท่ีศาสนาสนบั สนนุ
-จัดฟนั ถ้าหากเพอ่ื รกั ษาสภาพฟนั เพื่อใหก้ ลับมาอยใู่ นสภาพปกติ(เพอ่ื การ
รกั ษา)บรรดาอุลามาอฺถอื วา่ สิง่ ดงั กล่าวสามารถทำได้
ในหนังสอื อซั ซอเฮยี ะ จากอิบนมู ัสอดู เราะฎยิ ลั ลอฮฺ อนั ฮุ แทจ้ รงิ ท่าน
ได้กลา่ วว่า ทา่ นรอซลู ุลลอฮฺ ศ็อลลลั ลอฮูอะลยั อวิ ะสัลลัม กล่าวว่า
“อัลลอฮฺไดส้ าปแช่งผู้ทีส่ กั บนผิวหนัง ผ้ทู ่ขี จดั คิว้ และผูท้ ี่ยนิ ยอม
ให้ผู้อ่ืนกระทำส่ิงดงั กลา่ วให้แกต่ น และผูท้ ี่แยกฟันให้ห่างเพ่อื เสริมสวย
ผูท้ ่เี ปลี่ยนแปลงส่ิงท่อี ลั ลอฮสฺ รา้ ง”
อิหมา่ ม อันนาวาวยี ์ รอฮมิ ะฮุลลอฮ ใหค้ วามคิดเห็นกับฮะดิษดังกลา่ ว
ในสว่ นของสำนวนท่ีว่า "ผทู้ แ่ี ยกฟนั ใหห้ ่างเพ่อื ความสวยงาม" ในทีน่ ี้
คือ การทำบางสง่ิ บนฟนั เพื่อทำให้บคุ คลนน้ั แลดสู วยงาม และการกระ
ทำดังกล่าวนีบ้ ง่ บอกว่ามนั คอื ฮารอมเพราะเมือ่ ใดทถ่ี กู กระทำโดยมีวตั ถุ
ประสงค์เพอ่ื ความสวยงาม แตถ่ ้าหากเพ่ือการรกั ษาตอ่ ปัญหาที่เกดิ ขึ้น
กบั ฟันแลว้ ก็ถือการกระทำดงั กล่าวไมม่ คี วามผดิ แตอ่ ย่างใด ,วัลลอฮู
อะลัม
-การจดั ฟนั คือ การใส่เพ่ือทำใหล้ กั ษณะของฟนั น้ันจัดอย่ใู นตำแหนง่ ท่ี
ตรงหรอื เพ่อื รักษาฟันทบ่ี ดิ เบยี้ ว และมันไมไ่ ดจ้ ดั อยใู่ นข้อหา้ มของฮะ
ดิษทเ่ี กี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงส่งิ ทอี่ ลั ลอฮทรงสรา้ ง
ตามความคิดเหน็ ของ ศาสตราจารย์ ดร.รอฟาอตั เฟาซี อบั ดุลมุตตอลิบ
คณาจารย์มหาวทิ ยาลัยด๊าร-อัลอูลูม ประเทศซะอุดอี าระเบยี
การจดั ฟนั เพื่อแกไ้ ขสภาพฟนั ที่ผดิ ปกตนิ ั้นถอื ว่าเป็นส่ิงท่อี นุญาต
เชค ฟัยศอล อัลมูลาวยี ์ รองประธานสภาฟัตวาแหง่ ยุโรป
กล่าววา่ : อปุ กรณจ์ ัดฟนั สำหรบั วตั ถุประสงคเ์ พือ่ การบำบัดรกั ษาถอื ว่า
เปน็ สงิ่ ท่ีอนุญาตตามหลกั ชาเราะอฺ ,แตท่ วา่ มนั เป็นส่ิงทจ่ี ำเปน็ อีกด้วย
และเมอ่ื จัดฟนั แล้ว ผู้จดั ฟนั เกิดเสยี ชวี ติ ก่อนถึงกำหนดการถอด
อุปกรณจ์ ดั ฟนั เราจะจัดการกับมยั ยติ อยา่ งไร
อุสตาซ์ อซั ฮาร์ อิดรุส
จมูกทถี่ ูกเสริมดว้ ยกับสิง่ อื่นจากการผ่าตดั เสริมจมกู เพอื่ การรักษา กระดูก
ในอวัยวะที่ถกู ทดแทนด้วยวัสดอุ น่ื จากการผ่าตดั เพือ่ การรักษา ถา้ หากเสยี
ชวี ติ แลว้ ไมว่ าญิบที่จะตอ้ งถอดออกมาใหม่
เพราะสงิ่ ทตี่ ิดตวั ถา้ หากเราขจดั สิ่งนัน้ ออกแลว้ คาดทำให้มยั ยิตเกิดความ
เจบ็ ปวดได้ การกระทำดงั กล่าวถือว่าฮารอม แตถ่ ้าหากส่งิ น้นั เป็นความ
งา่ ยดายทีจ่ ะขจัดออกไปแล้วก็วาญบิ ขจดั ออกเสีย
อสุ ตาซ์ อหิ ม่ามมูดา อัชรอฟ (อิหมา่ มหนุ่ม อัชรอฟ)
สำหรับมยั ยิตที่มสี ิ่งทีเ่ ขาทำมาบนอวัยวะของเขาที่เกดิ ความยากลำบาก
คาดวา่ จะทำให้มัยยติ นัน้ เจ็บปวดหรือทำให้สภาพของมยั ยติ น้นั เกดิ ความ
เสียหายทำใหเ้ กยี รตขิ องมัยยติ นนั้ ถกู มองในแงล่ บ เราก็ไม่ต้องไปสนใจส่งิ
นน้ั (ไม่ตอ้ งไปถอด) แตถ่ า้ หากว่ามนั ถอดออกได้ง่ายหรอื ว่ามบี างส่งิ บาง
อยา่ งอยทู่ ่อี วยั วะของมยั ยติ แลว้ พบว่าสามารถขจัดออกไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย
เชน่ สที ่ีติดอยู่บนผิวหนังของมัยยติ ทคี่ าดว่าถา้ ลา้ งกบั สบู่แล้วสามารถออก
ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดายและคาดวา่ ไมไ่ ด้ทำให้มัยยติ นน้ั เจบ็ ปวดก็ควรลา้ งออก
เพ่ือให้น้ำสามารถท่วั ถงึ ได้ แตถ่ า้ สง่ิ นัน้ เกิดความยากลำบากทข่ี จดั ออก
เชน่ เหลก็ จดั ฟนั ,ผมทท่ี ำสี ถา้ เราจะโกนผมทม่ี าจากการทำสแี ล้วทำให้มัย
ยติ นนั้ เสยี รูปผมกไ็ มจ่ ำเป็นจะตอ้ งขจัดออก ในส่วนของการจัดการมยั
ยิตนั้น
ولقد ك ّرمنا بني آدم
ความหมาย : และโดยแน่นอน เราไดใ้ ห้เกยี รติแกล่ ูกหลานของอาดมั (อัล-
อิสรออฺ : 70)
อวยั วะรา่ งกายของมยั ยติ น้ันมีเกียรติฉะนัน้ เราก็จงทำให้มเี กียรติเถิด
สรุป
ทัศนะความคิดเห็นของนักปราชญ์ จากทรี่ วบรวมมานนั้ ทราบได้วา่ การ
จดั ฟันหรอื ดดั ฟันเพอื่ รกั ษาจุดบกพร่องหรอื เพอื่ แก้ไขความผิดปกตขิ อง
ตำแหน่งฟนั อนั เนื่องมาจากการประสบอุบตั เิ หตุหรือเป็นมาแตเ่ ดมิ ก็
แลว้ แต่ นักปราชญม์ ีความเห็นพอ้ งต้องกนั ว่าการกระทำดงั กล่าวเปน็ ส่ิงท่ี
ศาสนาอนุญาต แต่ถ้าหากจัดฟันหรือดดั ฟันโดยท่ีไมม่ ีความจำเปน็ ใดๆไม่
มวี ัตถุประสงคอ์ ืน่ ใดนอกจากจัดฟนั เพอื่ ความสวยงามเพื่อประดบั ประดา
เรือนร่าง นักปราชญก์ ็มีความเหน็ ตรงกันว่าการกระทำดงั กล่าวนั้นถอื ว่า
ฮารอม
และมัยยติ ที่สวมเหลก็ จัดฟันนัน้ กไ็ ม่จำเป็นทีเ่ ราจะตอ้ งถอดออก
ถ้าหากว่าการถอดออกนนั้ จะสง่ ผลทำให้มัยยติ เสยี รูปลักษณ์ต่างๆ แต่
ถ้าหากวา่ สิ่งดังกลา่ วนัน้ เปน็ การง่ายดายทจ่ี ะถอดออกก็จงถอดออก
ท้ังนกี้ ารจดั ฟนั สามารถทำได้หรือไมไ่ ดน้ ั้นกข็ ้นึ อยกู่ บั วา่ ทำไปเพ่อื อะไร ถา้
มีวตั ถุประสงคท์ ี่ทำไปนน้ั เพื่อการบำบัดรักษาก็ถือวา่ ทำได้แตก่ ็ข้ึนอยู่กบั
ตวั ของผปู้ ระสบปญั หาเองวา่ มีความจำเปน็ มากนอ้ ยแคไ่ หนโดยจะต้องดู
จากการพิจารณาของแพทย์ว่าปญั หาทเ่ี กิดขน้ึ กับตวั เรานน้ั ถา้ ปล่อยไว้
แบบนนั้ ในระยะยาวอาจจะเกดิ ผลกระทบตามมา จะทำใหก้ ารคบเคย้ี ว
อาหารไม่สะดวก ทำความสะอาดไดไ้ ม่คอ่ ยทัว่ ถึง จะยิ่งทำใหฟ้ นั เสยี หาย
ต่างๆ จึงจำเป็นทจ่ี ะต้องจัดฟันเพอ่ื หลกี เลี่ยงปญั หาทอ่ี าจจะเกดิ ขึน้ ไดใ้ น
อนาคต หรือเพ่ือปกปิดเพราะทำใหเ้ ป็นปมดอ้ ยเกิดความอับอายสำหรับ
เขา
บรรณานกุ รม
-มุฟตี อสิ มาอิล มซู า เม๊งก์ (มุฟตี เม๊งก์)
https://youtu.be/dLO-HWR6Wa0
-เชค ดร.ยซู ฟุ อัลกอ็ รฎอวยี ์
(Al-Halal wal Haram Fil Islam)
https://www.kifarahmedia.com/apa-hukum-pakai-braces-atau-
pendakap-gigi-mengikut-hukum-islam/
-ศาสตราจารย์ ดร.รอฟาอตั เฟาซี อบั ดลุ มุตตอลบิ คณาจารย์
มหาวิทยาลัยด๊าร-อลั อลู ูม ประเทศซะอดุ อี าระเบยี
https://www.islamituindah.my/hukum-memakai-pendakap-gigi
/
-เชค ฟัยศอล อลั มลู าวยี ์ รองประธานสภาฟตั วาแหง่ ยุโรป
https://www.islamituindah.my/hukum-memakai-pendakap-gigi
/
จัดการกับมัยยิตทีส่ วมใสอ่ ุปกรณจ์ ดั ฟนั
-อสุ ตาซ์ อิหม่ามมดู า อัชรอฟ (อหิ ม่ามหนมุ่ อชั รอฟ)
https://youtu.be/KFiUEjvf6pY
-อสุ ตาซ์ อัซฮาร์ อดิ รุส
https://youtu.be/O6AX-VGKYIA