เอกสารการเรยี นแบบ ONHAND
รายวิชาเพิ่มเตมิ การป้องกนั การทจุ ริต
รหัสวิชา ส21207
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
โรงเรยี น ทงุ่ ขนานวิทยา
ชื่อนกั เรยี น.………………………………………………………………….………..……
นามสกุลนักเรียน…………………………………………………………………………
เลขท.่ี ...................................................................................................
ครูผ้สู อน
นางสาววรรธนา หอมทพิ ย์
ใบงานที่ ๑ หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
โรงเรียนทุ่งขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จังหวัดจนั ทบรุ ี
เรอื่ ง ทฤษฎีความหมายของการขดั กันระหว่างประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม (Conflict of Interests)
ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
ช่ือ…………………………………นามสกลุ ………………..………ช่ือเล่น.......................
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑/…….เลขที่……
คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนค้นหาและเขยี น ทฤษฏี ความหมายของการขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม
ทฤษฎคี วามหมายของการขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม
(Conflict of Interests)
ลงช่ือ……………………………..ครูผูส้ อน
ใบงานท่ี ๒ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
โรงเรียนทงุ่ ขนานวิทยา อาเภอสอยดาว จงั หวดั จันทบรุ ี
เรื่อง การทุจรติ ในชมุ ชน
ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ช่ือ…………………………………นามสกุล………………..………ชอ่ื เล่น.......................
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑/…….เลขท่ี……
คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นอ่านเหตกุ ารณ์ที่กาหนดให้ พร้อมเขียนตอบคาถาม
ตัวอย่างเหตกุ ารณ์การทุจรติ
ผู้ใหญบ่ า้ นของหมบู่ ้านแห่งหน่ึง ได้รับเงนิ ตามโครงการเพมิ่ ศักยภาพหมู่บ้านและชมุ ชนเพือ่ ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐาน
รากตามแนวทางประชารัฐ ใช้เงนิ งบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไดจ้ ดั ซอื้ และได้ของตามรายละเอียดดังนี้
๑. เตน็ ท์ ๔ หลงั ๒. โต๊ะ ๑๕ ตัว ๓. เก้าอี้ ๑๐๐ ตวั
ซงึ่ จากการตรวจสอบ ทางผใู้ หญบ่ า้ นคนน้ไี ด้ถูกสอบสวนแลว้ ชัดเจนว่ามีการทจุ ริตจดั ซ้ือจัดจา้ งในราคาทส่ี งู เกนิ ความจริง
และมกี ารปลอมลายมอื ชื่อห้างร้าน โดยใช้ชอื่ หา้ งรา้ นผูอ้ ่นื กรอกข้อมลู รายการ และราคาอันเปน็ เท็จ พร้อมท้ังนาเอกสารเทจ็ ไป
เบิกเงนิ กบั กองทนุ หมู่บ้านและชมุ ชนเมอื งแห่งชาติฯ อีกทั้งแสดงรายการอันเป็นเทจ็ เกย่ี วกับรายการโตะ๊ เก้าอี้กรอกข้อความเท็จ
ใชเ้ บิกเงนิ ทงั้ ที่ห้างร้าน ดงั กลา่ วจาหนา่ ยเพียงเต็นท์อยา่ งเดียวไมไ่ ดจ้ าหน่ายโต๊ะเก้าอซี้ ึ่งห้างรา้ นที่ถูกปลอมแปลงรายการ และ
ราคาทราบ และเห็นว่าเสียหายอาจต้องรับภาษที ่สี ูงขนึ้ โดยไดแ้ จ้งความร้องทกุ ขก์ บั พนกั งานสอบสวนดาเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้าน
คาถาม
1. สาเหตุของการทจุ ริตเกิดจากอะไร
2. แนวทางการแก้ไขปญั หาการทุจรติ
ลงชื่อ……………………………..ครผู สู้ อน
ใบงานที่ ๓ หน่วยท่ี ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
โรงเรยี นทุง่ ขนานวิทยา อาเภอสอยดาว จงั หวัดจนั ทบรุ ี
เรือ่ ง การวิเคราะหผ์ ลประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชนส์ ่วนรวม โดยใชร้ ะบบคิดฐานสอง
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ชอื่ …………………………………นามสกุล………………..………ช่ือเลน่ .......................
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑/…….เลขที่……
คาชแี้ จง : ให้นกั เรียนเขยี นคาตอบท่ีตรงกบั ความคิดของนักเรียนมากที่สุด
๑. นกั เรียนเห็นเพ่ือน ๆ นาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชาร์จแบตเตอรี่ท่ีโรงเรยี น นกั เรยี นคดิ ว่าเหมาะสมหรอื ไมเ่ พราะเหตุใด
ตอบ ................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๒. “การรับจ้างทารายงานเป็นเรื่องปกติ เพราะใคร ๆ กท็ ากนั ทงั้ น้ัน” นกั เรยี นเหน็ ด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
๓. นักเรียนร้สู ึกอยา่ งไรเม่อื เห็นเพอื่ น ๆ ลอกข้อสอบหรือลอกการบ้านอย่เู ป็นประจา
ตอบ ................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๔. จากคากล่าวที่วา่ “ฉันพรอ้ มทจ่ี ะยอมรับผิดถา้ ทาผิด” นกั เรยี นเห็นดว้ ยหรือไม่เพราะเหตุใด
ตอบ ................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๕. การใช้นา้ ประปาของโรงเรียนล้างรถจักรยานยนต์ของตนเอง นักเรยี นคดิ วา่ เป็นการกระทาที่เหมาะสมหรือไมเ่ พราะเหตใุ ด
ตอบ ..............................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
๖. นักเรียนเขา้ ไปคน้ หาข้อมลู ในหอ้ งสมดุ เพ่ือทารายงาน แตไ่ ม่อยากไปยมื หนงั สือจงึ ฉีกหนังสอื เฉพาะหน้าท่จี าเป็นต้องใช้การ
กระทาดังกล่าวถูกต้องหรอื ไม่เพราะเหตุใด
ตอบ ................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๗. มคี ากล่าวทีว่ ่า “ทจุ ริตบา้ งไม่เป็นไรถ้าเราไดป้ ระโยชน์” นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ..............................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๘. การวางแผงขายของบนทางเทา้ ของพ่อคา้ /แมค่ ้า เป็นส่งิ ท่ีสมควรกระทาหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
๙. นกั เรียนเหน็ ดว้ ยกบั การรับจา้ งสอนพเิ ศษของครูหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
๑๐. จากคากลา่ วทว่ี ่า “การป้องกันการทจุ รติ คอร์รปั ชั่นเปน็ เรือ่ งของผู้ใหญ่ ไมเ่ กีย่ วกบั เด็กและเยาวชน” นกั เรยี นเห็นดว้ ย
หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ……………………………..ครูผูส้ อน
ใบงานท่ี ๔ หนว่ ยท่ี ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
โรงเรียนทุ่งขนานวิทยา อาเภอสอยดาว จงั หวัดจนั ทบรุ ี
เรอ่ื ง ระบบคดิ ฐานสอง และระบบคิดฐานสบิ
ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ชอื่ …………………………………นามสกุล………………..………ช่อื เล่น.......................
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑/…….เลขท่ี……
คาช้แี จง :ใหน้ กั เรยี นแยกข้อความพฤตกิ รรมการแสดงออกของระบบคดิ ฐานสองและระบบคดิ ฐานสบิ ลงในแผนผงั ให้ถูกต้อง
1. ส่งเสยี งดงั รบกวนเพื่อนบา้ น 2. ขายของในสวนสาธารณะหมูบ่ ้าน
3. ขโมยใช้ไฟสาธารณะในงานส่วนตวั 4. ท้งิ ขยะลงในถังขยะ
5. ใชอ้ ุปกรณ์กีฬาของหม่บู า้ นอย่างทนถุ นอม 6. ปิดพัดลมทกุ ครัง้ หลังออกจากหอ้ งเรยี น
7. ไม่เอาสมบตั ขิ องหมบู่ า้ นมาเป็นของตน 8. เอาแทบ็ เล็ตของตนเองมาชารท์ ทท่ี ท่ี าการหมู่บ้าน
9. เขา้ ร่วมกจิ กรรมของหมบู่ า้ นอยา่ งสม่าเสมอ 10. ขดุ พันธ์ไุ มจ้ ากสวนสาธารณะของหมู่บ้านมาปลกู ท่ีบา้ นของตน
พฤตกิ รรมการแสดงออกของระบบคิดฐานสอง พฤติกรรมการแสดงออกของระบบคิดฐานสิบ
.
ลงช่อื ……………………………..ครูผ้สู อน
ใบงานที่ ๕ หน่วยที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
โรงเรยี นทุง่ ขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จงั หวดั จันทบรุ ี
เรอื่ ง ความตระหนกั และความสาคัญของการต่อต้านและปอ้ งกันการทุจรติ
ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
ชื่อ…………………………………นามสกลุ ………………..………ชอื่ เลน่ .......................
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑/…….เลขที่……
คาชี้แจง: ใหน้ กั เรยี นค้นหาและเขยี นความสาคัญของการต่อตา้ นและปอ้ งกันการทุจริต ลงในชอ่ งวา่ งท่ีกาหนดให้
ความสาคัญของการตอ่ ต้านและป้องกันการทุจรติ
ลงช่อื ……………………………..ครผู ูส้ อน
ใบงานท่ี ๖ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
โรงเรียนทุ่งขนานวิทยา อาเภอสอยดาว จังหวดั จันทบรุ ี
เร่อื ง ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการทุจริต
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
ช่อื …………………………………นามสกุล………………..………ช่อื เล่น.......................
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑/…….เลขที่……
คาชแี้ จง :ให้นักเรยี นวาดภาพเหตกุ ารณ์ทุจริตทีเ่ กดิ ขน้ึ ในสังคมไทย พร้อมอธิบายลักษณะการทุจรติ และวธิ กี ารป้องกนั การทจุ รติ
ลงในช่องวา่ งท่ีกาหนดให้
เหตุการณ์ทีเ่ ลือก...................................................................................................................
แหลง่ ท่มี า.............................................................................................................................
ประเดน็ วิเคราะห์
๑.) ลกั ษณะการทจุ รติ ในสงั คมไทยทน่ี กั เรียนเลือก
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
๒.) วธิ ีการปอ้ งกันการทุจริต
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ……………………………..ครูผู้สอน
ใบความรู้
เรอ่ื ง การทจุ รติ
ปัญหาการทจุ ริตเปน็ ปัญหาทส่ี าคญั ท้ังของประเทศไทยและประเทศอนื่ ๆ ทว่ั โลก ปัญหาการทุจริตจะทาให้
เกิดความเสื่อมในด้านต่างๆ เกิดข้ึน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง นับวันปัญหาดังกล่าวจะรุนแรงมากขึ้น และมี
รูปแบบการทุจริตที่ซับซ้อน ยากแก่การตรวจสอบมากขึ้น จากเดิมที่กระทาเพียงสองฝ่าย ปัจจุบันการทุจริตจะ
กระทากันหลายฝ่าย ท้ังผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าท่ีของรัฐและเอกชน โดยประกอบด้วยสองส่วน
ใหญ่ๆ คือ ผู้ให้ผลประโยชน์กับผู้รับผลประโยชน์ซึ่งทั้งสองฝ่ายน้ีจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ตราบใดที่ผลประโยชน์
สมเหตุสมผลต่อกัน ก็จะนาไปสู่ปัญหาการทุจริตได้บางคร้ังผู้ที่รับผลประโยชน์ก็เป็นผู้ให้ผลประโยชน์ได้เช่นกัน
โดยผู้รับผลประโยชน์และผู้ใหผ้ ลประโยชนค์ ือ
๑. ผูร้ ับผลประโยชน์ จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซ่ึงมีอานาจหน้าท่ีในการกระทาการดาเนินการต่างๆและการ
รับประโยชน์จะเป็นไปในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับประโยชน์โดยตรงการกาหนด
ระเบยี บหรอื คณุ สมบตั ทิ ี่เออ้ื ต่อตนเองและพวกพ้อง
๒. ผู้ใหผ้ ลประโยชน์ เชน่ ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เงินสิทธิพิเศษอื่น ๆ
เพื่อจูงใจให้นักการเมืองเจ้าหน้าท่ีของรัฐกระทาการหรือไม่กระทาการอย่างใดอย่างหน่ึงในตาแหน่งหน้าที่ซ่ึงการ
กระทาดงั กลา่ วเปน็ การกระทาทฝ่ี ่าฝืนต่อระเบยี บหรือผิดกฎหมาย เป็นตน้ ทจุ รติ หมายถึงอะไร
คาว่าทุจริต มีการให้ความหมายได้มากมายหลากหลายข้ึนอยู่กับว่าจะมีการให้ความหมายดังกล่าวไว้ว่า
อยา่ งไร โดยท่ีคาว่าทุจริตนั้น จะมีการให้ความหมายโดยหน่วยงานของรัฐ หรือการให้ความหมายโดยกฎหมายซึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการให้ความหมายจากแหล่งใด เน้ือหาสาคัญของคาว่าทุจริตก็ยังคงมีความหมายที่สอดคล้องกันอยู่
น่ันคือ การทุจริตเป็นสิ่งที่ไม่ดีมีการแสวงหาหรือเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว ท้ังๆ ท่ีตนเอง
ไมไ่ ดม้ สี ิทธิในสิง่ ๆ นนั้ การยดึ ถือเอามาดังกลา่ วจึงถือเปน็ สิ่งที่ผดิ ทงั้ ในแง่ของกฎหมายและศลี ธรรม
ดังน้ัน การทุจริต หมายถึง การคดโกง ไม่ซ่ือสัตย์สุจริต การกระทาที่ผิดกฎหมาย เพ่ือให้เกิดความ
ได้เปรียบในการแข่งขัน การใช้อานาจหน้าท่ีในทางที่ผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับสิ่งตอบแทน การให้
หรอื การรับสินบน การกาหนดนโยบายท่ีเออื้ ประโยชนแ์ ก่ตนหรือพวกพ้อง รวมถึงการทจุ ริตเชงิ นโยบาย
ใบความรู้
เร่อื ง จรยิ ธรรม
ความดีงามทางสังคม ถือเป็นกฎเกณฑ์แห่งความประพฤติหรือหลักความจริงที่เป็นแนวทางแห่งความ
ประพฤตปิ ฏิบตั ิให้มนุษยอ์ ยู่รว่ มกันในสังคมอย่างเปน็ สุขการศกึ ษาเรื่องจริยธรรมจึงเป็นหนึ่งในวิชาปรัชญาท่ีศึกษา
เกี่ยวกับความดีงามทางสงั คมมนษุ ย์
ความหมายของ จริยธรรม
จริยธรรม หมายถึง ส่ิงท่ีทาได้ในทางวินัยจนเกิดความเคยชิน มีพลังใจ มีความต้ังใจแน่วแน่จึงต้องอาศัย
ปัญญา และปัญญาอาจเกิดจากความศรัทธาเชื่อถือผู้อ่ืน ในทางพุทธศาสนาสอนว่า จริยธรรมคือ การนาความรู้
ความจรงิ หรอื กฎธรรมชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ตอ่ การดาเนินชวี ิตทดี่ ีงาม(พระราชวรมุน)ี
พจนานกุ รมไทยฉบับราชบณั ฑติ สถาน (๒๕๔๖) ใหค้ วามหมายของจรยิ ธรรมไวว้ ่า หมายถึงธรรมที่เป็นข้อประพฤติ
ปฏิบัติโคลเบิร์ก (Kohlberg ๑๙๗๒ : ๒๑๒) กล่าวถึงจริยธรรมว่า จริยธรรมเป็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็น
กฎเกณฑ์และมาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติในสังคมซึ่งบุคคลพัฒนาข้ึนจนกระท่ังมีพฤติกรรมเป็นของตนเอง
โดยสังคมจะเปน็ ตัวตดั สินผลของการกระทานน้ั วา่ เป็นการกระทาท่ถี ูกหรือผิดจากความหมายที่กล่าวมา สรุปได้ว่า
จริยธรรม หมายถึงแนวทางซ่ึงเป็นกฎเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติในส่ิงที่ถูกต้องดีงาม และเป็นลักษณะที่สังคม
ตอ้ งการ เป็นสิ่งที่เกดิ ประโยชนต์ ่อตนเองและสังคมส่วนรวม บคุ คลทีม่ จี ริยธรรมอย่ใู นตนเอง ย่อมเป็นที่ยอมรับนับ
ถือของคนในสังคม และสามารถดาเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข เป็นคนท่ีมีคุณภาพและเป็นท่ียอมรับของสังคม
สว่ นรวม
ใบงานที่ ๗ หนว่ ยท่ี ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
โรงเรียนทงุ่ ขนานวิทยา อาเภอสอยดาว จงั หวัดจันทบรุ ี
เรอื่ ง การทุจรติ ในชมุ ชน และจริยธรรมท่ีใชใ้ น การป้องกนั การทุจริตในชุมชน
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ชื่อ…………………………………นามสกุล………………..………ช่ือเลน่ .......................
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑/…….เลขท่ี……
คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นวิเคราะห์หาปญั หาการทจุ ริตในชุมชนของตนเอง และใช้เขยี นอธบิ ายการใชจ้ ริยธรรมในการแก้ไขปญั หา
การทจุ ริตในชมุ ชนของนักเรียน
ปัญหาการทจุ รติ ในชมุ ชนของตนเอง
จรยิ ธรรมทีใ่ ช้ในการแกไ้ ขปัญหาการทจุ รติ ในชมุ ชนของตนเอง
ลงชือ่ ……………………………..ครูผ้สู อน
ใบงานที่ ๘ หน่วยที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
โรงเรยี นทุง่ ขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จงั หวัดจนั ทบรุ ีเร่ือง ประโยชน์
ส่วนบุคคลและประโยชนส์ ว่ นรวม (ชุมชน สังคม)
ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
ช่อื …………………………………นามสกุล………………..………ช่อื เล่น.......................
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑/…….เลขที่……
คาชแี้ จง : ให้นักเรยี นวเิ คราะห์ขอ้ ความต่อไปนี้วา่ ข้อใดเปน็ สิทธิ เสรภี าพ ผลประโยชนส์ ่วนรวมและผลประโยชนส์ ่วนตน
สทิ ธิ เสรภี าพ ผลประโยชน์ส่วนรวม หรอื ผลประโยชนส์ ว่ นตน
1. ปัจจบุ ันทกุ คนสามารถเขา้ ใชง้ านโซเชียลเนต็ เวิร์ค
ตอบ ............................................................................................................................................ 2.
ตารวจเข้าตรวจค้นบ้านโดยไม่มหี มายค้น
ตอบ ............................................................................................................................................ 3.
วภิ าภูมใิ จมากท่สี ามารถซื้อสมารท์ โฟนด้วยเงินของตนเอง
ตอบ ............................................................................................................................................ 4. สร
ยุทธนารถยนต์สว่ นตวั ไปลา้ งท่ีทางานในวนั หยดุ
ตอบ ............................................................................................................................................ 4. ตูน
บอด้ีสแลม ทาโครงการกา้ วคนละก้าวโดยการว่ิงจากเบตงถึงแมส่ าย ระยะทาง
๒,๑๙๑ กิโลเมตรเพอ่ื ๑๑ โรงพยาบาลทวั่ ประเทศ
ตอบ ............................................................................................................................................
5. นกั เรียนรวมตัวกนั ในวันหยดุ ไปทาความสะอาดศาลากลางหมบู่ ้าน
ตอบ ............................................................................................................................................
ลงชอ่ื ……………………………..ครผู ูส้ อน
ใบงานที่ ๙ หนว่ ยท่ี ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
โรงเรยี นทุ่งขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จงั หวดั จนั ทบรุ ี
เร่อื ง การขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นบคุ คลและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (ชุมชน สังคม)
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
ชือ่ …………………………………นามสกลุ ………………..………ช่อื เล่น.......................
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑/…….เลขท่ี……
คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นเลอื กวิเคราะหข์ ้อความต่อไปน้ีแล้วตอบคาถามโดยศึกษาหาขอ้ มลู จากแหลง่ ส่ือต่างๆ และนามาเขียนเปน็
แผนผงั ความคิด(Mind Mapping)
หวั ขอ้ ที่ 1. ทฤษฏีความหมายและรปู แบบของการขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกบั ประโยชนส์ ว่ นรวม
หัวขอ้ ท่ี 2. ความสาพันธ์ระหวา่ ง “การขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนกบั ประโยชน์สว่ นรวม
หวั ขอ้ ที่ 3. รูปแบบของการขัดกนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนกบั ประโยชน์สว่ นรวม
หัวขอ้
ลงชื่อ……………………………..ครผู ูส้ อน
ใบงานที่ ๑o หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
โรงเรยี นทุง่ ขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จงั หวดั จนั ทบรุ ีเร่อื ง
ผลประโยชนท์ ับซอ้ นและรปู แบบ ของผลประโยชนท์ ับซ้อน (ชมุ ชน สังคม)
ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
ชอ่ื …………………………………นามสกลุ ………………..………ชื่อเลน่ .......................
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑/…….เลขท่ี……
คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นอา่ นใบความรแู้ ละตอบคาถามใหถ้ ูกต้อง
ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น
๑. ผลประโยชนท์ บั ซ้อน หมายถึง
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๒. สาเหตุของผลประโยชน์ทับซ้อน คืออะไร จงอธิบาย
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๓. ผลประโยชนท์ ับซอ้ นมกี รี่ ูปแบบ อะไรบ้าง
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๔. ใหน้ ักเรียนยกตัวอย่าง กรณศี กึ ษา ท่แี สดงใหเ้ หน็ ถึงการทจุ ริตในผลประโยชนท์ ับซ้อน
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๕. ใหน้ กั เรยี นระบุแนวทางการปอ้ งกนั /แก้ไข จากกรณีศกึ ษาท่ีนักเรยี นยกตัวอยา่ งไวใ้ นข้อที่ ๔
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ลงช่อื ……………………………..ครูผ้สู อน
ใบความรู้
เร่ือง ผลประโยชน์ทบั ซอ้ น
ความหมายของผลประโยชนท์ บั ซ้อน
ผลประโยชนท์ ับซ้อน (Conflict of Interests) องค์กรสากล คอื Organization for Economic
Cooperation and Development (OECD) นิยามวา่ เป็นความทบั ซ้อนระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์
ทบั ซ้อน มี๓ ประเภท คอื
๑. ผลประโยชน์ทบั ซ้อนท่ีเกดิ ข้ึนจริง (actual) มคี วามทับซ้อนระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและสาธารณะเกิดข้นึ
๒. ผลประโยชน์ทับซ้อนท่เี ห็น (perceived & apparent) เปน็ ผลประโยชน์ทับซ้อนท่ีคนเหน็ วา่
มีแตจ่ ริงๆ อาจไม่มกี ็ไดถ้ า้ จัดการผลประโยชนท์ ับซ้อนประเภทน้ีอย่างขาดประสิทธิภาพ ก็อาจนามาซึ่ง
ผลเสียไมน่ ้อยกวา่ การจดั การผลประโยชนท์ ับซ้อนทเ่ี กิดข้ึนจริงขอ้ นี้แสดงวา่ เจา้ หน้าทีไ่ ม่เพยี งแต่จะต้อง
ประพฤติตนอยา่ งมจี ริยธรรม เท่าน้นั แต่ต้องทาให้คนอน่ื ๆรบั รแู้ ละเหน็ ด้วยว่าไม่ไดร้ ับประโยชน์เชน่ นั้นจริง
๓. ผลประโยชนท์ ับซ้อนท่เี ป็นไปได(้ potential) ผลประโยชนส์ ่วนตนท่ีมใี นปจั จุบันอาจจะ
ทับซ้อนกบั ผลประโยชน์สาธารณะไดใ้ นอนาคต
สาเหตุปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
ปญั หาผลประโยชนท์ ับซ้อนเกดิ จากการพฒั นาการทางการเมืองไทยเปลี่ยนไป จากเดิมท่นี กั การเมือง
และนกั ธุรกจิ เป็นบคุ คลคนละกล่มุ กัน กล่าวคอื ในอดตี นกั ธุรกจิ ตอ้ งพง่ึ พงิ นกั การเมืองเพ่ือให้นักการเมือง
ชว่ ยเหลอื สนบั สนุนธรุ กิจของตน ซงึ่ ในบางครั้งส่งิ ที่นกั ธรุ กิจต้องการนัน้ มไิ ด้รับการตอบสนองจาก
นกั การเมืองทกุ คร้ังเสมอไป นกั ธุรกจิ ก็ตอ้ งจ่ายเงนิ จานวนมากแกน่ กั การเมือง ในปัจจบุ นั นักธุรกจิ จึงใช้
วธิ ีการเขา้ มาเลน่ การเมืองเองเพื่อให้ตนเองสามารถเข้ามาเปน็ ผู้กาหนดนโยบายและออกกฎเกณฑต์ า่ งๆ
ในสงั คมไดแ้ ละทสี่ าคัญคือทาให้ข้าราชการต่างๆ ต้องปฏิบตั ิตามคาสั่ง
แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทบั ซอ้ น
“ความขดั แย้ง ระหว่าง บทบาท” (Conflict of roles) หมายความวา่ บคุ คลดารงตาแหน่ง
ท่มี ีบทบาทสองบทบาทขัดแย้งกัน เช่น นายสมชายเป็นกรรมการสอบคดั เลือกบุคคลเขา้ ทางาน โดยที่
บตุ รสาวของสมชายเป็นผู้สมัครสอบคนหนึ่งด้วยซึ่งในกรณนี ี้ถอื วา่ เกิด“การดารงตาแหน่งอนั หมิน่ เหม่
ตอ่ การเกดิ ปัญหาผลประโยชนท์ บั ซ้อน”แตใ่ นกรณีนถี้ อื วา่ ยังมไิ ด้นาไปสู่การกระทาความผดิ แตป่ ระการใด
เช่น การสอบคดั เลอื กบุคคลยังมิได้เกิดขึน้ จรงิ หรอื มีการสอบเกดิ ขน้ึ แล้วแต่นายสมชายสามารถวางตัว
เปน็ กลาง มไิ ดช้ ่วยเหลือบตุ รสาวของตนแต่ประการใดเป็นต้น ถา้ เกดิ ผลประโยชน์ทบั ซ้อน จะต้องถอนตัว
ออกอยา่ งสมบรู ณ์จากการเปน็ ผมู้ สี ว่ นในการตัดสินใจงดแสดงความคิดเหน็ ละเวน้ จากการให้คาปรกึ ษา
64 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิม่ เติม การป้องกันการทจุ ริต”และงดออกเสียง (Recusal) เชน่ ใน
กรณีที่สมชาย เป็นกรรมการสอบคดั เลอื กบคุ ลากรเขา้ ทางานโดยมบี ตุ รสาวของตนสมัครเข้าร่วมสอบคดั เลือก
ด้วยน้ัน ซงึ่ ในสถานการณเ์ ช่นนสี้ มชายจะต้องลาออกจากการเปน็ กรรมการสอบคัดเลอื กเพื่อเป็นการถอนตัว
ออกจากการเก่ยี วข้องกับสถานการณ์อันหมน่ิ เหม่ต่อผลประโยชนท์ ับซ้อนอยา่ งสูง มาตรการของรัฐในการ
ป้องกนั ความขัดแย้งกนั ระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑. กาหนดคณุ สมบัติพึงประสงคแ์ ละคณุ สมบตั ิต้องหา้ มของรฐั
๒. การเปิดเผยขอ้ มลู ทรัพย์สิน หนื้สนิ และธรุ กจิ ครอบครวั ต่อสาธารณะ
๓. การกาหนดขอ้ พงึ ปฏิบัติ(Code of Conduct)
ใบงานที่ ๑๑ หน่วยท่ี ๒ ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ
โรงเรียนทงุ่ ขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จงั หวัดจนั ทบรุ ีเร่อื ง
ลกั ษณะความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริตในชมุ ชน
ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
ช่ือ…………………………………นามสกลุ ………………..………ชอ่ื เลน่ .......................
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑/…….เลขท่ี……
คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นค้นหาและเขียน ความหมายลักษณะความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
ลงช่ือ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงานท่ี ๑๒ หนว่ ยที่ ๒ ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ
โรงเรยี นท่งุ ขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จังหวดั จนั ทบรุ ี
เรอื่ ง การลงโทษทางสังคมในชุมชน
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
ช่ือ…………………………………นามสกลุ ………………..………ช่อื เลน่ .......................
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑/…….เลขท่ี……
คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งรูปแบบการลงโทษทางสังคมในปัจจบุ ัน โดยเขยี นในรปู แบบแผนผงั ที่กาหนดให้
รูปแบบการงโทษ
ลงชื่อ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงานที่ ๑๓ หนว่ ยที่ ๒ ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต
โรงเรยี นท่งุ ขนานวทิ ยา อาเภอสอยดาว จงั หวัดจนั ทบรุ ี
เรือ่ ง กรณตี วั อย่างความละอายและความไม่ทน ตอ่ การทุจริตของชมุ ชน
ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
ชอ่ื …………………………………นามสกุล………………..………ช่อื เล่น.......................
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑/…….เลขที่……
คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นบทบาทและหนา้ ทข่ี องเยาวชนที่ดีตอ่ ชุมชน ลงในชอ่ งวา่ งท่กี าหนดให้
บทบาทและหนา้ ที่ของเยาวชนท่ดี ี
ลงชือ่ ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงานท่ี ๑๔ หน่วยที่ ๓ STRONG : จติ พอเพยี งต้านการทจุ ริต
โรงเรยี น……………………… อำเภอ……………………… จังหวัด……..……..………….…
เรอื่ ง การปฏิบัติเพอื่ ให้เกิดความพอเพียง บนพนื้ ฐานการไมท่ ุจรติ
ภำคเรียนท่ี……………………. ปีกำรศึกษำ..……..………….…
ช่อื …………………………………นำมสกุล…………………ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนเขียนความหมายของหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง พร้อมยกตัวอยา่ งให้ถูกต้อง
หลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง
พอประ คอื ..............................................................................................................................
ยกตัวอยม่ำำงนเชน่ ......................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
มีเหตผุ ล คอื ...............................................................................................................................
......................................................................................................................................
ยกตัวอยำ่ ง เช่น
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
มีภมู ิคุ้มกนั ใน คือ ..............................................................................................................................
.....................................................................................................................................
ตัวที่ดี
.
ยกตัวอย่ำง เช่น
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
พอประ คอื ..............................................................................................................................
ยกตัวอยม่ำำงนเชน่ .......................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
ลงช่ือ……………………………..ครผู ้สู อน
ใบควำมรู้
เรือ่ ง หลักปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นปรัชญำในกำรดำเนนิ ชีวติ ท่ีตง้ั อยู่บนพนื้ ฐำนของทำงสำยกลำงและ
ควำมไม่ประมำท โดยคำนึงถงึ ลักษณะ ๓ ประกำร ดังน้ี
๑. พอประมำณ คอื ควำมพอดีไมน่ ้อยเกินไป ไมม่ ำกเกนิ ไป หรอื ไม่สุดโต่งไปขำ้ งใดข้ำงหนงึ่ และ
ต้องไม่เบียดเบยี นตนเองและผอู้ น่ื
๒. มีเหตุผล คือ กำรตดั สินใจ กำรกระทำ กำรลงทุนทุกอย่ำงต้องเป็นไปอย่ำงมเี หตผุ ล คำนงึ ถงึ
เหตุปจั จัยทเี่ กีย่ วข้องและผลที่คำดวำ่ จะเกดิ ขึ้นอย่ำงรอบคอบ
๓. มภี มู คิ ้มุ กันในตัวทด่ี ี คือ กำรเตรยี มตวั ใหพ้ ร้อมท่จี ะเผชิญผลกระทบ และกำรเปลีย่ นแปลง
ด้ำนตำ่ งๆ ทีอ่ ำจเกดิ ข้นึ จำกทงั้ ภำยในและภำยนอก
เงื่อนไข ๒ ประกำร ดงั น้ี
๑. เง่อื นไขควำมรู้ คือ มีควำมรอบรู้รอบคอบ และระมัดระวงั ในกำรนำควำมรู้วิทยำกำร
เทคโนโลยตี ำ่ งๆ มำใช้
๒. เง่ือนไขคณุ ธรรม คอื มีควำมตระหนัก มีควำมซอ่ื สัตย์สุจรติ มคี วำมอดทน มคี วำมเพียร และ
ใชส้ ติปญั ญำในกำรดำเนนิ ชวี ิต
นำไปสู่ ๔ มติ ิ ดงั นี้
๑. เศรษฐกจิ
๒. สงั คม
๓. สง่ิ แวดลอ้ ม
๔. วัฒนธรรม
ใบงำนที่ ๑๕ หนว่ ยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพยี งต้ำนกำรทจุ รติ
โรงเรียน……………………… อำเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เรอ่ื ง การปฏบิ ตั เิ พื่อใหเ้ กดิ ความโปรง่ ใส บนพืน้ ฐานการไม่ทุจริต
ภำคเรียนที่……………………. ปีกำรศึกษำ...................................
ชอื่ …………………………………นำมสกลุ …………………ชน้ั มธั ยมศึกษำปีท่ี ๑/…….เลขท…ี่ ……
คำช้แี จง : ให้นักเรียนเขยี นความหมายและยกตัวอย่างความโปร่งใส บนพ้ืนฐานการไม่ทุจรติ ลงในชอ่ งว่างที่กาหนดให้
ความโปรง่ ใส บนพ้ืนฐานการไมท่ จุ ริต
ความโปร่งใส หมายถึง
ตัวอย่ำง เช่น
ความโปร่งใส
ลงชอ่ื ……………………………..ครผู สู้ อน
ใบงำนท่ี ๑๖ หน่วยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพยี งตำ้ นกำรทุจรติ
โรงเรยี น……………………… อำเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เร่ือง การปฏิบตั ิเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความตน่ื รบู้ นพืน้ ฐาน การไมท่ ุจรติ
ภำคเรยี นท่ี……………………. ปีกำรศกึ ษำ...................................
ชอ่ื …………………………………นำมสกุล…………………ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนเขียนความหมายและยกตวั อย่างการตื่นรู้ได้ ลงในชอ่ งวา่ งทกี่ าหนดให้
“ตน่ื ” “รู้” และ “ต่ืนรู้”
ตนื่ รู้ หมายถึง
ตัวอย่ำง เช่น กำรกระทำใดทม่ี ีกำรตืน่ ร้ไู ด้
ตืน่ ร้ไู ด้
ลงชื่อ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงำนท่ี ๑๗ หนว่ ยที่ ๓ STRONG : จติ พอเพียงต้ำนกำรทจุ ริต
โรงเรยี น……………………… อำเภอ……………………… จงั หวัด……..……..………….…
เรือ่ ง การปฏิบัติเพ่ือให้เกดิ การมุ่งไปขา้ งหนา้ บนพื้นฐานการไม่ทจุ ริต
ภำคเรียนท่ี……………………. ปกี ำรศึกษำ...................................
ชื่อ…………………………………นำมสกุล…………………ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๑/…….เลขท…ี่ ……
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนเขยี นความหมายและอภปิ รายบทความ ลงในช่องวา่ งที่กาหนดให้
มงุ่ มัน่ ตงั้ ใจ
ความมงุ่ มน่ั ตง้ั ใจ หมายถงึ
อ่านบทความท่ีกาหนดให้ พรอ้ มอภิปรายบทความ
หากนกั เรียนและเพ่อื น ๆ ในห้องได้รับมอบหมายใหป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ทใี่ นการรับรองแขกผใู้ หญท่ ีม่ าเย่ียมชมศกึ ษาดูงานที่โรงเรยี น
ในวนั หยดุ จะมีวิธกี ารอย่างไรที่จะทาใหก้ ารปฏิบตั ิงานนั้นประสบความสาเร็จเป็นท่ีพงึ พอใจของแขกผูม้ าเยอื น และเพ่ือนๆทกุ คนให้
ความร่วมมอื รว่ มใจในการปฏิบัตงิ าน แต่เน่ืองจากในวันท่ปี ฏบิ ัตงิ านดงั กล่าวเป็นวันหยุด จงึ มีเพือ่ นบางคนท่ีไม่มาปฏบิ ัตหิ น้าทท่ี ี่
ไดร้ บั มอบหมาย นักเรียนจะมีวธิ กี ารแกไ้ ขอย่างไร จงช่วยกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกลา่ ว
มุ่งมัน่ ตัง้ ใจ
ลงช่ือ……………………………..ครูผูส้ อน
ใบงำนที่ ๑๘ หนว่ ยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพียงตำ้ นกำรทุจริต
โรงเรยี น……………………… อำเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เรอื่ ง การปฏบิ ัติเพือ่ ให้เกิดความรบู้ นพนื้ ฐานการไม่ทจุ ริต
ภำคเรียนท่ี……………………. ปีกำรศกึ ษำ...................................
ชือ่ …………………………………นำมสกลุ …………………ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนถอดองค์ความรู้เร่ือง บทละคร 1 บทสนทนา จากเร่ืองท่ีสะท้อนให้เห็นถงึ การปฏบิ ัติไมท่ ุจริต
ตามแบบของSTRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ ลงในช่องว่างท่ีกาหนดให้
บทสนทนำของตวั ละคร
T
S R
O
การทาแบบ
STRONG N
G
ลงชื่อ……………………………..ครูผู้สอน
ใบงำนท่ี ๑๙ หน่วยท่ี ๓ STRONG : จติ พอเพยี งต้ำนกำรทจุ รติ
โรงเรยี น……………………… อำเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เรื่อง การปฏบิ ัติเพอ่ื ใหเ้ กิดความเอือ้ อาทร บนพ้ืนฐานการไม่ทุจรติ
ภำคเรยี นท่ี……………………. ปีกำรศึกษำ...................................
ชอ่ื …………………………………นำมสกลุ …………………ชน้ั มัธยมศึกษำปที ี่ ๑/…….เลขท…ี่ ……
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเขยี นความหมายและยกตวั อย่างความเออ้ื อาทร ลงในช่องว่างที่กาหนดให้
ความเอ้ืออาทร
ความเอ้ืออาทร หมายถึง
ตัวอย่ำง เชน่ ความเออ้ื อาทร
การเออื้
อาทร
ลงช่ือ……………………………..ครผู ู้สอน
ใบงำนท่ี ๒0 หนว่ ยท่ี ๔ พลเมอื งกับควำมรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
โรงเรียน……………………… อำเภอ……………………… จงั หวดั ……..……..………….…
เร่อื ง ความหมายของคาวา่ พลเมืองและที่มาของคาวา่ พลเมือง
ภำคเรียนท่ี……………………. ปีกำรศึกษำ...................................
ชื่อ…………………………………นำมสกุล…………………ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คำช้แี จง : ใหน้ ักเรียนเขียนลักษณะของพลเมืองที่ดี ลงในช่องว่างทก่ี าหนดให้
ลักษณะพลเมืองที่ดี
พลเมืองเสยี ของกำรเป็นพลเมืองไมด่ ี
หน้ำท่ขี องพลเมืองที่ดี
ผลท่ีได้รับจำกกำรเปน็ พลเมอื งท่ีดี
ลงชื่อ……………………………..ครผู สู้ อน
ใบงำนท่ี ๒๑ หนว่ ยที่ ๔ พลเมอื งกบั ควำมรบั ผิดชอบต่อสงั คม
โรงเรยี น……………………… อำเภอ……………………… จงั หวัด……..……..………….…
เรื่อง การเปรียบเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งราษฎรกับพลเมอื ง
ภำคเรียนท่ี……………………. ปกี ำรศกึ ษำ...................................
ช่ือ…………………………………นำมสกุล…………………ช้นั มัธยมศึกษำปที ่ี ๑/…….เลขท…่ี ……
คำช้แี จง : ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์แสดงถงึ บทบาทหน้าทพี่ ลเมืองดีตอ่ สังคมและประเทศชาติ ลงในช่องว่างทก่ี าหนดให้
บทบำทหนำ้ ท่ีพลเมอื งดตี ่อสังคมและประเทศชำติ
1.)
5.)
2.)
6.
3.)
4.) 7.)
8.)
ลงชอื่ ……………………………..ครูผสู้ อน
ใบงำนที่ ๒๒ หน่วยท่ี ๔ พลเมืองกับควำมรับผดิ ชอบต่อสงั คม
โรงเรียน……………………… อำเภอ……………………… จังหวดั ……..……..………….…
เร่อื ง กำรสรำ้ งสำนกึ ควำมเปน็ พลเมืองตอ่ สังคม
ภำคเรียนที่……………………. ปกี ำรศึกษำ...................................
ชื่อ…………………………………นำมสกุล…………………ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๑/…….เลขท…่ี ……
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนเขียนเรยี งความ เรือ่ ง สรา้ งสานึกความเป็นพลเมอื งดี ตัวบรรจงคร่ึงบรรทัด ความยาว ๒๐ - ๒๕
บรรทดั ลงในชอ่ งว่างที่กาหนดให้
เรยี งควำม เร่ือง สร้ำงสำนกึ ควำมเปน็ พลเมืองดี
ลงช่ือ……………………………..ครผู ู้สอน
ใบควำมรู้เรอ่ื ง ควำมเป็นพลเมอื ง
ความหมายของพลเมืองท่ีดี พลเมืองดีหมายถงึ ผทู้ ่ีปฏบิ ัติหนา้ ทพี่ ลเมอื งได้ครบถ้วน ท้งั กิจท่ตี อ้ งทา
และ กิจทค่ี วรทาหน้าท่ี หมายถงึ กิจทตี่ อ้ งทา หรือควรทา เปน็ สิ่งทกี่ าหนดให้ทา หรอื หา้ มมิให้กระทาถ้า
ทาก็จะกอ่ ให้เกิดผลดเี กิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว หรอื สงั คมส่วนรวมแลว้ แต่กรณี
ระเบยี บวนิ ยั คือ คุณสมบตั ทิ ่สี าคัญในการดาเนนิ ชีวิต ความสามารถของบุคคลในการควบคมุ อารมณ์
และพฤติกรรมของตนเอง ใหเ้ ป็นไปตามทีม่ ่งุ หวัง โดยเกิดจากการสานกึ ซ่งึ ต้องไมก่ ระทาการใดๆ อนั
เปน็ ผลทาให้เกดิ ความยุ่งยากแก่ตนเองในอนาคต หากแตต่ ้องเปน็ สงิ่ ท่ีก่อใหเ้ กิดความเจรญิ รุ่งเรืองแก่
ตนเองและผู้อืน่ โดย
กฎ คอื ข้อบงั คบั ทอ่ี ย่ใู นความเปน็ จรงิ เพือ่ ไมใ่ หเ้ กิดความเสยี หายต่อทรัพยส์ นิ และ ชีวิต ระเบยี บ
วินัย น้ันเป็นสิ่งซงึ่ มีความสาคญั ยงิ่ โดยเฉพาะกบั นกั เรยี นหรือเยาวชน อนั จะเป็นกาลังอย่างมาก
ในการพฒั นาประเทศ
กตกิ า คือ กฎเกณฑข์ ้อตกลง หรือขอ้ กาหนด ทบี่ ุคคลตง้ั แต่ ๒ ฝ่ายไปใช้เปน็ หลักปฏบิ ตั ิเพอ่ื ให้เกดิ
ความเป็นธรรมแกท่ ุกฝา่ ย